ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวน้อยผู้มั่งคั่ง (จบแล้ว) มี E-BOOK

    ลำดับตอนที่ #10 : จัดการเรียบ

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 66


    ตอนที่ 10 จัดการเรียบ

    ศาลว่าการประจำเมืองหลิงหลงเป็นที่พึ่งของชาวบ้านมากมาย หากชาวบ้านต้องการร้องทุกข์จะต้องตีกลองที่จัดตั้งอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอ ให้เสียงกลองดังก้องไปทั่วทั้งเมือง

    แต่เรื่องของฉินฉินผู้น่าสงสาร มนตราที่เป็นเจ้าของร่างปัจจุบันไม่ต้องทำเช่นนั้น หญิงสาวเพียงเดินพาครอบครัวเข้าไปด้านใน จำเลยทั้งหลายถูกมัดมือมัดเท้ารออยู่แล้ว

    คนตัดสินจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากใต้เท้าหลินผู้ผดุงความยุติธรรม ใครทำผิดจะต้องได้รับโทษหนักกว่าที่กฎหมายบ้านเมืองกำหนดเอาไว้ ชาวบ้านตั้งฉายาให้กับใต้เท้าหลินว่า...หมาบ้ากัดไม่เลือกหน้า

    "เอ้า ๆ ๆ ..เงียบเสียงกันได้แล้ว มีเรื่องอะไรว่ามา"

    ใต้เท้าหลิวเดินมานั่งบนบัลลังก์ตัดสิน พลางเคาะค้อนไม้ให้ชาวบ้านที่พูดคุยกันเสียงดังเงียบเสียงลง

    นางเฉียนร้องห่มร้องไห้เหมือนตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ

    "ใต้เท้าโปรดเมตตา...ข้าน้อยหรือสู้อุตส่าห์ยอมทนเลี้ยงนางมาเป็นสิบปี ถึงแม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันก็ตาม ต่อให้ต้องตกระกำลำบากหาเช้ากินค่ำ หาเงินซื้อข้าวให้พวกมันสองพี่น้องกิน เหนื่อยมากเพียงใดก็ยอม พอนางเติบใหญ่แล้วกลับไม่รักดี กล่าวหาว่าข้าทุบตีนาง อีกทั้งเมื่อเช้านางยังไล่ข้าออกจากบ้านให้ไปตายเอาดาบหน้า..นางช่างเนรคุณยิ่งนัก"

    ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องและไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ต่างพากันชี้หน้าด่าหญิงสาวว่านางเป็นคนอกตัญญูสมควรโดนโทษประหารชีวิต

    ใต้เท้าหลิวยกมือให้ทุกคนเงียบ เขาไม่ใช่คนที่ฟังความข้างเดียว หันมาถามหญิงสาวที่เสื้อผ้าเปียกเปื้อนเต็มไปด้วยเลือด

    "เจ้าทำอย่างที่นางกล่าวหาจริง ๆ หรือไม่"

    ร่างเล็กโค้งคำนับผู้อาวุโสก่อนจะเงยหน้าตอบเสียงดังฟังชัด

    "ข้าไล่นางออกจากบ้านของข้าจริง ๆ เจ้าค่ะ"

    ชาวบ้านฮือฮาไม่คิดว่าหญิงสาวทำผิดแล้วจะกล้ายอมรับหน้าด้าน ๆ บางคนทนไม่ไหวปาผักใส่หญิงสาว เมื่อมีคนเริ่มย่อมมีคนตาม ไม่นานโถงว่าการก็เต็มไปด้วยเศษผักจนคนของทางการต้องมายืนล้อมเอาไว้ ห้ามใครทำเรื่องบุ่มบ่ามเช่นนี้อีก

    ทว่าหญิงสาวไม่สนใจว่าใครจะมองตนอย่างไร เธอต้องการพูดความจริงออกมาเท่านั้น

    "เป็นเรื่องจริงที่ข้าไล่นางออกจากบ้าน แต่นางเป็นคนทำตนเอง เมื่อวานตอนฟ้ามืดนางบังคับจะเอาเงินของข้าไป อีกทั้งนางและบุตรสาวของนางยังทุบตีข้าจนบาดเจ็บหนัก และยังโยนข้าออกมาจากเรือนของตนเอง ปล่อยให้จับไข้หาที่หลับนอนตามลำพัง พวกท่านดูบาดแผลที่ใบหน้าข้าสิ คิดว่าข้าจะทำร้ายตนเองหรือ..ทุกท่านดูขนาดตัวนางแล้วย้อนกลับมาดูข้า ใครกันแน่ที่ถูกรังแก!"

    ใต้เท้าหลินยกมือลูบคาง เขาเคยเห็นเด็กคนนี้มาก่อน นางเคยมาของานทำที่เหลาอาหาร ซึ่งเขากำลังกินอาหารกลางวันกับลูกน้อง นึกคิดไปแล้วนางก็ลำบากมากจริง ๆ

    ใต้เท้าหลินพลันรู้สึกกรุ่นโกรธ ปาถาดฝนหมึกใส่นางเฉียนอย่างแรง

    "เจ้ากล้าโกหกข้าหรือ!"

    นางเฉียนกลัวจนตัวสั่น นางไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน และไม่คิดว่าลูกเลี้ยงของตนจะกล้าทำเรื่องใหญ่เช่นนี้..จบกัน

    "ยังมีอีกหนึ่งเรื่องเจ้าค่ะ..นางเฉียนมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้น้องชายของข้ากลายเป็นเด็กเติบโตช้า นางยึดบ้านของมารดาข้าไปเป็นของตนเอง ข้ายอมรับว่านางเคยอยู่กินกับบิดาข้าจริง แต่บิดาข้าไม่เคยกราบไหว้ฟ้าดินกับนาง เหตุผลเท่านี้เพียงพอแล้วที่นางจะไม่มีสิทธิ์อาศัยอยู่ในบ้านของข้า”

    “พวกท่านที่ฟังความข้างเดียว แล้วมาพูดด่าว่าร้ายข้าจงรู้สึกผิดและสำนึกเสีย คำพูดที่ไม่ไตร่ตรองของตนได้สร้างความเจ็บปวดให้แก่ข้าสองพี่น้องมากยิ่งนัก! ขอให้ข้าเป็นตัวอย่างเถิด ยังมีคนอีกมากมายที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับข้า"

    ร่างเล็กกำมือแน่นตัวสั่นเทา จนคนของทางการต้องมาช่วยปลอบ

    "ที่เจ้ามีสภาพเช่นนี้เป็นเพราะนางทำอย่างนั้นหรือ"

    ใต้เท้าหลินถามต่อ หญิงสาวจึงรีบพยักหน้ารับ

    "ชาวบ้านรังเกียจพวกข้าสองพี่น้อง โยนความผิดที่บิดามารดาของข้าตายมาให้ข้า กล่าวหาว่าข้านั้นเป็นตัวกาลกิณีตั้งแต่ยังเล็ก ชาวบ้านกลุ่มนี้มักจะพูดดูถูกหาเรื่องรังแกข้าสองพี่น้องมาโดยตลอดเหมือนดั่งวันนี้..”

    “ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงมีปากเสียงกับพวกนาง ก่อนออกจากหมู่บ้านพวกนางยังคิดว่าข้าถูกผีสิง จึงทำการว่าจ้างหญิงชราคนนั้นมาขับไล่ ใต้เท้า..ข้าทำผิดจริง ๆ หรือ..ที่มารดาของข้าถูกหมีป่าฆ่าตาย และบิดาที่ถูกโจรปล้นระหว่างส่งของต่างเมือง ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะข้าจริง ๆ หรือเจ้าคะ"

    หญิงสาวเงยหน้าถามน้ำตานองหน้า เรียกความสงสารจากชาวบ้านได้ไม่น้อย ชาวบ้านที่ไม่รู้ความในตอนแรกแต่กลับลงมือปาผักใส่หญิงสาวสำนึกผิด ก่อนจะหันมาจ้องคาดโทษนางเฉียนและชาวบ้านกลุ่มนั้น จดจำใบหน้าเอาไว้หากเจอกันด้านนอกต้องตบสั่งสอนให้หลาบจำ

    ใต้เท้าหลิวพยักหน้า เขาตัดสินใจได้แล้วก่อนจะประกาศเสียงดังฟังชัด

    "นางเฉียนมีความผิดหนัก เจ้าถูกเนรเทศออกนอกเมืองพร้อมกับบุตรสาวสายเลือดเดียวกัน เมืองหลิงหลงไม่ต้องการคนชั่วเช่นเจ้า ทหารมาลากตัวนางออกไป!"

     

    มนตราที่มาจากยุคปัจจุบันเองก็ตกใจกับคำตัดสินนี้เช่นกัน นางแค่ต้องการไม่ให้สองแม่ลูกมาข้องเกี่ยวกับตนเท่านั้น ทว่าเมื่อคิดให้ดี...ตีงูต้องตีให้ตาย พวกนางถูกเนรเทศออกไปย่อมดีแล้ว ชีวิตข้าจะได้สงบสุขเสียที

    นางเฉียนนิ่งงันสติหลุดไปแล้ว นางถูกทหารลากตัวออกไป แม้แต่แรงที่จะขัดขืนโวยวายก็ยังไม่มี

    ใต้เท้าหลิวมองนางเฉียนที่ถูกลากออกไป ก่อนจะหันกลับมามองชาวบ้านที่เหลือ

    "ส่วนพวกเจ้า ข้าจะให้นางหนูเป็นคนตัดสินโทษ ไม่ว่านางจะร้องขอเรื่องใด พวกเจ้าต้องยินยอมชดใช้ให้ มิเช่นนั้นพวกเจ้าจงเข้าไปสำนึกผิดในคุก ผู้ใดทรมานจิตใจเด็กสองคนนี้นานนับปีต้องติดคุกสิบปี หากมากกว่านั้นโทษจะทวีคูณจนยากจะมีหน้าอยู่ต่อ!"

    ใบหน้าของฉินฉินและจิตวิญญาณของมนตราส่งยิ้มหวานให้ชาวบ้าน เป็นอย่างไรเล่า...ก็บอกแล้วนี่ใครทำอะไรไว้ ต้องได้รับกลับคืนไปอย่างสาสม

    "ใต้เท้า...หากพวกเขายอมขอโทษข้าสองพี่น้องจากใจจริง ข้าจะปล่อยพวกเขาไปเจ้าค่ะ"

    ใต้เท้าหลิวเห็นว่าแค่คำขอโทษมันไม่ยุติธรรมมากพอ เขาต้องการชดเชยให้เด็กสาวที่อยู่ภายใต้การปกครองของตน นางลำบากมาหลายปีแต่เรื่องนี้ไม่เคยถึงหูตนเลย

    "ไม่ได้! หากเจ้าตัดสินใจไม่ได้ ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง พวกเจ้าทุกคนนอกจากต้องขอโทษตามที่นางร้องขอแล้ว ต้องชดใช้เงินให้นางคนละสิบตำลึงเงิน ใครไม่มีก็ให้เอาที่ดินของตระกูลมาชดใช้แทนเสีย!"

    ชาวบ้านอยากจะเถียงขาดใจ แต่พอสบตากับใต้เท้าหลิวแล้ว ต้องกลืนคำพูดของตนลงคอ ทำได้เพียงก้มหน้ารับคำ

    "ดี! หากพวกเจ้ายอมรับแล้ว ข้าจะส่งคนของทางการกลับไปพร้อมกับหญิงสาวผู้นี้ หากใครคิดจะเล่นแง่มีโทษถึงตาย! ใต้เท้าฉู่เจ้าไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยแล้วมารายงานข้า"

    เมื่อเรื่องทุกอย่างจบแล้วหญิงสาวก็โค้งคารวะทั้งสี่ทิศอย่างขอบคุณ

    "ขอบคุณใต้เท้าหลิวที่มอบความยุติธรรมให้แก่ข้า..ขอบพระคุณทุกท่านที่ยอมสละเวลามาเป็นพยาน ข้าขอบพระคุณพวกท่านจากใจจริง ต่อจากนี้ไปข้าสองพี่น้องจะได้อยู่อย่างมีความสุขเฉกเช่นผู้อื่นเสียที"

    ชาวบ้านพากันตะโกนให้กำลังใจหญิงสาวกึกก้องทั่วทั้งโถง บางคนใจดีหยิบไข่จากตะกร้าของตนให้กำลังใจหญิงสาวคนละฟองสองฟอง

    ร่างเล็กรับมาถือไว้เต็มมือ จนต้าลู่ต้องไปขอยืมตะกร้าจากคนรู้จักมาช่วยน้องสาวบุญธรรมหมาด ๆ ใส่ของเหล่านั้น

    อาเยี่ยนเห็นคนให้ของพี่สาวเยอะแยะก็ดีใจ เขากอดคอพ่อบุญธรรมแน่นพลางชี้ให้ชายสูงวัยดู

    "พี่ใหญ่ได้ไข่เยอะแยะเลย..วันนี้อาเยี่ยนจะได้กินไข่ต้มแล้วขอรับ"

    อี้เทียนหัวเราะอย่างเอ็นดู เขายกมือลูบแก้มตอบของเด็กชายเบา ๆ

    "ได้ พ่อบุญธรรมจะต้มไข่ให้เจ้ากินจนพุงกางเลยดีหรือไม่"

    เด็กชายตัวน้อยหัวเราะดีใจพลางแย้มยิ้มอย่างร่าเริง..

    "อาเยี่ยนจะได้กินไข่ต้ม..ทุกคนใจดี..อาเยี่ยนรักทุกคน"

    ใต้เท้าฉู่ยืนรอหญิงสาว เขาสั่งให้คนของตนเตรียมรถม้าพาครอบครัวนี้กลับไปจัดการเรื่องทุกอย่างในหมู่บ้านให้เรียบร้อย..


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×