คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ไร้ซึ่งทางออก
ในที่สุดเวลาของการหนีก็จบลง เวธิกากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง โลกที่เต็มไปด้วยปัญหาที่หาทางออกไม่ได้ของหล่อน
“ทำไมหนูจะต้องแต่งงานเพื่อชดใช้หนี้ที่หนูไม่ได้เป็นคนก่อ? ป๊าเป็นคนติดเงินเสี่ยธนงค์ ป๊าก็ต้องหาเงินมาคืนเสี่ยเอง ทำไมต้องเอาหนูไปเกี่ยวด้วย?”
“นังลูกอกตัญญู! ลื้ออยากให้เสี่ยธนงค์มาลากคออั๊วไปยิงทิ้งรึไง? ลื้ออยากเห็นอั๊วตายรึ?! ถ้าลื้อไม่ช่วยคราวนี้ ลื้อก็รอรับศพอั๊วแล้วกัน!”
เวธิกาได้แต่ปาดน้ำตาที่มันไหลออกมาเพราะความอัดอั้นตันใจ ทุกคำพูดของป๊ามันกรีดแทงใจหล่อน ถึงจะไม่ได้เป็นลูกที่ดีของป๊า แต่คำว่าอกตัญญูมันรุนแรงไปสำหรับหล่อน ทำไมหล่อนต้องมาเจอสถานการณ์แย่ๆที่หาทางออกลำบากอย่างนี้? หล่อนมีป๊าเพียงคนเดียวแล้วบนโลกใบนี้ ถึงป๊าจะเลี้ยงดูหล่อนมาแบบไม่เอาใจใส่ดีนัก แต่หล่อนก็ผูกพันกับป๊ามากกว่าใคร ไม่เคยอยากให้ผู้มีพระคุณเป็นอะไรไป แต่หล่อนก็เสียใจและน้อยใจเสมอ กับสิ่งที่ป๊าทำ พ่อทุกคนรักและห่วงลูกตัวเอง แล้วพ่อของหล่อนล่ะ? รักและเป็นห่วงหล่อนบ้างหรือเปล่า? ทำไมถึงเลือกเส้นทางที่มืดมนให้กับหล่อน?
“อา..ธนา อีแอบชอบลื้อมานานแล้ว ถึงจะเป็นลูกเจ้าของบ่อนแล้วยังไง? เพราะต้องคุมนักเลงมากมาย อีก็เลยเป็นคนเอาจริงเอาจัง หน้าที่การงาน ทรัพย์สมบัติก็มีมากมาย ลื้อได้แต่งไป สบายไปทั้งชาติ ยิ่งอีให้สัญญาด้วยแล้วว่าจะไม่มีเมียน้อยอีกเด็ดขาด” ยิ่งป๊าพูดมาเท่าไหร่มันก็ไม่ช่วยให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นเลย
ธนาธรลูกชายเสี่ยธนงค์ ถึงจะดูไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร ผิดกับคนเป็นพ่อที่มีนิสัยนักเลง กล้าได้กล้าเสียมากกว่า แต่หล่อนก็ไม่อยากข้องเกี่ยวด้วย มันคงเป็นความรู้สึกส่วนตัว ก็คนมันไม่ได้รักไม่ได้ชอบ จะมาบังคับฝืนใจกันได้ยังไง?
แต่ในบ้านหลังนี้คนที่ใหญ่สุดก็คือป๊า ทุกอย่างสิทธิขาดอยู่ที่ป๊าคนเดียว หล่อนทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือเดินเข้าห้อง ขังตัวเองอยู่ในนั้น และร้องห่มร้องไห้ทั้งคืน แต่ถึงจะร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหล สุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
ถ้าเพียงมีเงินมาชดใช้ให้เสี่ย หล่อนก็คงไม่ต้องแต่งงานใช้หนี้ แต่เงินตั้งห้าล้าน หล่อนจะไปหามาจากไหนได้? เงินไม่ใช่น้อยๆเลย!
วันรุ่งขึ้นเวธิกาออกจากบ้านแต่เช้า หล่อนนั่งคิดมาทั้งคืนว่าจะต้องหางานทำเพิ่ม อย่างน้อยก็ทำให้มีเงินเพิ่มขึ้นยังดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย หล่อนนั่งรถโดยสารมาลงตรงย่านธุรกิจ บริเวณนี้มีทั้งห้างสรรพสินค้าใหญ่โตหลายแห่ง มีบริษัทห้างร้านเปิดให้บริการมากมายตลอดสองฟากถนน เวธิกาลงจากรถโดยสาร เดินมาเรื่อยๆ ในมือถือสมุดโน้ตกับปากกาเล่มหนึ่ง สะพายกระเป๋าเป้ไว้ด้านหลัง หล่อนเดินเข้าร้านโน้น ออกร้านนี้ อยู่พักใหญ่ รู้สึกเหนื่อยเพราะอากาศเริ่มร้อน และเริ่มหิวแล้ว ใช้สมุดโน๊ตในมือเป็นพัดช่วยคลายร้อนไปได้บ้าง
“ทำไมงานมันช่างหายากหาเย็นอย่างนี้นะ?!” หล่อนต้องการงานเสริมที่สามารถทำได้หลังเลิกจากงานประจำ หลังห้าโมงเย็นเป็นต้นไป หล่อนสามารถรับงานอื่นได้ แต่หามาตั้งแต่เช้าแล้วก็ยังไม่มีที่ไหนต้องการคนทำงานในช่วงเวลานั้น
“โปรโมชั่นเปิดร้านใหม่ค่ะ ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง วันนี้วันเดียวนะคะ” เสียงร้องตะโกนผ่านโทรโช่งแข่งกับเสียงรถราที่วิ่งสัญจรไปมา เป็นเสียงของหญิงสาวผมยาวคนหนึ่ง หล่อนกำลังถือโทรโข่งในมือข้างหนึ่ง อีกข้างชูป้ายซึ่งเป็นรูปพิซซ่าหน้าต่างๆ ที่ดูแล้วน่ากินมาก เวธิกาเห็นแล้วยังเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
และเพราะเสียงร้องเรียกเชิญชวน หรืออาจเพราะเสียงร้องของพยาธิในท้องของหล่อน พาให้ขาทั้งสองพาหล่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านพิซซ่าเปิดใหม่ร้านนั้น
“รับพิซซ่า หน้าอะไรดีคะ? วันนี้มีโปรโมชั่น หนึ่งแถมหนึ่ง จะทานที่นี่หรือใส่กล่องกลับไปทานที่บ้านดีคะ?” หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ดูจริงใจและให้ความสนใจต่อลูกค้า
เวธิกาสั่งพิซซ่าสำหรับกินที่ร้านหนึ่งถาด ส่วนอีกถาดขอให้ทางร้านช่วยใส่กล่องเพื่อพากลับไปกินที่บ้าน นั่งรอเพียงไม่นาน พิชช่าร้อนๆส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนยั่วน้ำลายก็มาเสริฟอยู่ตรงหน้า หญิงสาวไม่รอช้าหยิบขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ใช้เวลาไม่นานพิชช่าถาดนั้นก็หมดไปในพริบตา พร้อมๆกับความรู้สึกอิ่มแปร้ เวธิกาดื่มน้ำเย็นตามปิดท้าย ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
หล่อนสังเกตเห็นความวุ่นวายภายในร้านที่มีเพียงชายที่อยู่หน้าเตาเพียงคนเดียวที่ทำหน้าที่อบพิซซ่าตามออร์เดอร์จากลูกค้า และหญิงสาวอีกคนที่คอยรับออร์เดอร์และคอยเสริฟ ในขณะเดียวกันปากก็ร้องเรียกลูกค้าไปด้วย ไม่หยุดหย่อน สังเกตเห็นว่าการเปิดร้านวันแรก ถึงจะดูวุ่นวายไปสักหน่อย แต่ก็ดูจะประสบความสำเร็จไม่น้อย
“น่าจะหาคนมาช่วยทำงานสักคนหรือสองคนนะคะ ลูกค้าเยอะขนาดนี้” เวธิกาเสนอความเห็น เมื่อหญิงสาวหย่อนกายลงนั่งพักตรงเก้าอี้ใกล้ๆกับหล่อน หล่อนเองก็ถามไปเพราะอยากชวนคุยมากกว่า
“กำลังคิดอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ติดตรงที่ร้านของเราเพิ่งจะเปิดใหม่ ยังไม่รู้ว่ายอดขายจะเป็นยังไงแน่ คงต้องรอดูไปอีกสักระยะ รอให้ทุกอย่างลงตัวก่อน ตอนนี้ก็เลยต้องยอมเหนื่อยกันไปสองคนก่อน”
หล่อนยังคงคุยเรื่องทั่วไปกับเจ้าของร้านที่มีอัธยาศรัยดีคนนั้นอยู่อีกพักใหญ่
“พักอยู่แถวนี้เหรอคะ? พี่ไม่ยักกะเคยเห็นน้อง” เวธิกายกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู ยังคงมีเวลาอีกสองสามชั่วโมง หล่อนต้องหางานให้ได้ก่อนที่จะถึงเวลาเข้างานที่วันนี้หล่อนขอเปลี่ยนเวลาเข้างานกับทางบริษัทช้ากว่าปกติ หญิงสาวดื่มน้ำเย็นจนหมดแก้ว หยิบพิซซ่าที่บรรจุอยู่ในกล่อง ลุกขึ้น
“ไม่ใช่ค่ะ หนูแค่มาธุระแถวนี้ วันนี้เห็นทีต้องไปก่อน พิชซ่าอร่อยมาก ขอบคุณสำหรับโปรโมชั่นดีๆอย่างนี้นะคะ ถ้าผ่านมาทางนี้อีก หนูจะกลับมาอุดหนุนอีก ไปก่อนนะคะ” แล้วหล่อนก็ขอตัวเจ้าของร้านมา มีสายตาชื่นชมและรอยยิ้มน้อยๆ จากหญิงสาวเจ้าของร้านที่มองตามหลัง หล่อนรู้สึกถูกชะตาลูกค้าสาวคนนี้เหลือเกิน หล่อนอัธยาศรัยดีดูมีมารยาท และวางตัวได้ดีมาก
ความคิดเห็น