ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
Fantasy world เมื่อฉันหลุดมาอยู่บน"โลกแฟนตาซี"

ลำดับตอนที่ #1 : -:- วงเวทย์ที่ 1 -:- ปรากฏการประหลาด

  • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 56






เมื่อตัวฉันหลุดมาอยู่บน...โลกแฟนตาซี

  

1

 

 

 

          ครืด~

          ในห้องเล็กๆห้องหนึ่งบนโต๊ะไม้มีเพียงโคมไฟที่ส่องแสงอยู่ แม้จะไม่มากนัก แต่ร่างบางผมสลวยยาวไปเกือบถึงเอว นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตสดใสคู่นั้นมีสมาธิจดจ้องเพียงกระดาษเอสี่ขาวตรงหน้า พลางตวัดมือเขียนข้อความไปมา หรือที่เด็กสาววัยรุ่นชอบซื้อมาอ่านกันและบางคนที่ยืนอ่านอยู่ร้านหนังสือ นั่นก็คือ นิยาย

          แม้รัตติกาลนี้ล่วงเลยมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ร่างบางยังคงใช้มือเรียวยาวนั่งเขียนเรื่องราวที่มาจากจินตนาการของเธออย่างรวดเร็วและไม่รู้สึกเหนื่อยล้าสักเพียงใด ผิดแต่จะยิ้มกว้างและใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขนั่นเสียมากกว่า

          เธอเขียนมันลงไปเรื่อยๆบรรทัดแล้วบรรทัดเล่า ก่อนจะหยุดและใช้มือข้างหนึ่งของเธอมาปาดเหงื่อและยิ้มกว้างอย่างดีใจ เพราะนิยายที่เธอเขียนได้มีคำว่า ‘Happy Ending’ หรือแปลได้ว่าพระเอกและนางเอกได้พบรักและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตามเทพนิยายทั่วไป

          แต่ก็นะ มันจะทั่วไป...

          จริงหรือเปล่า?

 

เสร็จซะที!”

 

          ‘ดินแดนแห่งโลกแฟนตาซี

 

          นั่นเป็นชื่อเรื่องของเธอที่ได้เขียนบรรยายเอาไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนจะปิดไฟที่โต๊ะและหยิบกระดาษพวกนั้นใส่กระเป๋าและเดินไปยังเตียงอันแสนสบายล้มตัวลงนอนอย่างช้าๆ ปิดเปลือกตาจมอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ หรือ ความฝัน เพื่อเตรียมตัวที่จะมีแรงสู่รุ่งอรุนของวันใหม่

         

 

 

         

          “กริ๊งงงงง~

          เสียงนาฬิกาปลุกเตือนขึ้นในห้องหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าร่างบางที่นอนแผ่อยู่บนเตียงนั่นจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย แต่ด้วยมันไม่ยอมหยุดดัง ร่างบางจึงลุกขึ้นมาปิดและนอนต่อ ด้วยเพราะว่าเมื่อคืนนี้เธอแต่งนิยายหามรุ่งหามค่ำจนไม่ได้นอนน่ะสิ!

          ร่างบางกลิ้งไปมาก่อนจะปรือตาลุกขึ้นอีกครั้งเมื่อได้สติ ก่อนจะขยี้ตาทั้งสองข้างและหันไปมองเวลาที่นาฬิกา ความงัวเงียที่ร่างบางมีนั้นหายไปจนหมดสิ้น เมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ไปที่เลขแปด ทำเอาเธอถึงกับตาโตเท่าไข่ห่าน ลุกลี้ลุกลุนเตรียมตัวไปโรงเรียนแทบไม่ทัน (มันก็ไม่ทันอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ?)

          เมื่อแต่งตัวเสร็จร่างบางก็คาบขนมปังแผ่นหนึ่งไว้พร้อมกับถือนมมาหนึ่งกล่องด้วยความที่ทานอาหารเช้าไม่ทันแล้ว โดยที่ไม่ได้สังเกตรอยคล้ำใต้ตาเป็นหมีแพนด้านั่นเลยสักนิด!         

แฮกๆ สะ..สะสายอีกแล้ววว~ TOT!” ฉีนรีบวิ่งไปยังทางเข้าของโรงเรียน ทำไมน่ะหรอก็ฉันตื่นสายอีกแล้วน่ะสิจะเข้าโรงเรียนไม่ทันอยู่แล้ว แง!

          “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ ยัยเปียโน!”

          “ค่า!” ฉันรีบหยุดฝีเท้าของฉันอย่างทันใดเมื่อได้ยินเสียงคณะกรรมการนักเรียนอย่าง ‘อีฟ’ อ้อฉันชื่อว่า ‘เปียโน’ เองแหละ แม้ว่าฉันจะเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้ไม่เป็นสักนิดเลยก็เถอะ แต่ว่าก็น่ารักใช่ม้า?

          “-_-; ฉันว่าเธอควรจะหยุดมาสายได้แล้วนะ

          “ค่า!” ฉันขานรับพลางหันไปทางอีฟ

          เหวอ! นี่เธอไปทำอะไรมาเนี่ย ตาคล้ำเชียว!...อุ๊ป! ฮ่าๆ อีฟพูดอย่างตกใจ แต่ไม่นานนักก็เอามือมาป้องปากและขำอย่างไม่เกรงใจชาวบ้าน ถ้าเธอจะขำซะขนาดนี้ หล่อนเอามือที่ปิดปากออกด้วยก็ดี จะได้ดังขึ้นไปอีกน่ะ (-_-;)

          ขำเสร็จรึยังคะ?”

          “อะแฮ่ม...เออจริงสิ! ทางทีดีเธอไม่ควรจะขานอย่างเดียว เธอควรจะเอาไปใช้ด้วยบลาๆๆอีฟกระแอมออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะกลายร่างเป็นแม่ชีตามวัดมาเทศนาฉัน ใครก็ได้! ช่วยฉันที! ฉันไม่อยากฟังอีฟ~ ก็เพราะว่าอีฟน่ะเทศนาคนที่มาสายหรือทำผิดกฎเป็นชั่วโมงๆเลยนะ! แง! ต่อไปนี้หนูจะทำบุญทำทานตักบาตรที่วัดให้มากๆนะคะ แต่ตอนนี้ช่วยลากอีฟออกไปก่อนทีค่า! T^T

          แหมะ~ แหมะ~

และก็เหมือนพระเจ้าจะเป็นใจส่งหยาดน้ำตกลงมาสู่ฟากฟ้าให้อีฟหยุดการเทศนาและรีบเข้าไปหลบที่ตึกทันใด เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้น ฝนก็จะตกหนักมาครั้งใหญ่ แต่ด้วยความฉลาด(น้อย)ของฉัน ในระหว่างนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ฉันถือโอกาสขึ้นอาคารเรียนอย่างเร่งรีบ โดยไม่ต้องถูกยัยอีฟมาจดชื่อคนมาสาย >O< อ๊ายยยยต้องขอบพระคุณเทวดาที่ช่วยหนูไว้ด้วยนะคะ

          “ขออนุญาตเข้าห้องนะคะ

          “เชิญ

          ฉันรีบเข้าห้องไปและพยายามก้มหน้านิดๆเพราะเมื่อเช้านี้ถูกยังอีฟบอกว่าขอบตาฉันดำ! แล้วแบบนี้ฉันคงจะไม่โดนเพื่อนล้อตายเลยรึยังไงกัน!? ฉันตรงไปยังโต๊ะของตัวเองและข้างซ้ายของฉันก็ได้มีเพื่อนของฉันนั่งรออยู่ด้วย ‘เอวา’ เพื่อนสนิทของฉันกวักมือเรียก เมื่อได้สัมผัสลงบนแผ่นไม้ ฉันก็รีบเปิดกระเป๋าก่อนจะหยิบนิยายที่ฉันแต่งเอาไว้เมื่อคืนให้เพื่อนดูและติชม

          “อ่ะ

          “เหแต่งเร็วดีจัง ว่าแต่ทำไมแกดูหน้าตาคล้ำๆแม้จะรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ถามอย่างเป็นห่วง แต่นี่ก็เป็นปุ่มกระตุ้นต่อมดราม่าของฉันให้ทำงานทันที! T^T

          “ใจร้าย! T^T”

          “ไอแอมซออู้ เอ๊ย ซอรี่ ยัยเอวาพูดพลางแอบใส่มุขไปด้วย แม้มันจะไม่ค่อยตลกสักเท่าไหร่ แต่ว่าสำหรับฉันน่ะเป็นคนหัวเราะง่ายมากๆเลยล่ะ หรือเรียกว่า เส้นตื้น ก็ได้น่ะนะ

          ทีนี้จะตอบได้รึยังจ๊ะ แม่นักเขียนนิยาย เมื่ออีฟรู้ตัวว่าฉันนั้นหายโกรธแล้วจึงได้คุยต่อ

คนมันเก่งซะอย่าง -3-

          “ให้มันจริงเถอะ” เอวาพูดพลางเอาข้อศอกมากระแทกที่เอวของฉันอย่างเบาๆ และแอบก้มหน้าก้มตาอ่านในขณะที่อาจารย์กำลังสอนอยู่  ไม่นานนักเอวาก็หันมาติ อ้อ ยัยเอวาน่ะมันเรียนเก่ง และเป็นคนที่อ่านหนังสือเก่งมากโดยเฉพาะนิยาย ก็นะถึงจะเรียนดีแต่ก็ใช่ว่าจะไม่บ้านิยายหรือแนวรักอะไรทำนองนั้นนี่นา~ คนเราก็ต้องมีผ่อนคลายบ้าง!

          “ฉันว่าเนื้อหามันดูรวบรัดไปหน่อยนะ” (นี่คือสิ่งที่คนอ่านอยากบอกคนแต่งใช่รึเปล่า -_-;)

          จริงดิ!!” ฉันถามออกมาอย่างตกใจ แต่ดูเหมือนว่าของฉันมันแค่เบาะๆ เอวาน่ะตกใจยิ่งกว่าฉันเสียอีก แต่เธอก็ทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ กับสายตาของอาจารย์ที่อาฆาตและของนักเรียนทั้งห้อง อาจารย์สุดโหดคนนั้นมองมาด้วยหางตาก่อนจะเพิ่มรอยหยักบนใบหน้าอีกสองสามรอยและชี้นิ้วมาที่ฉันกับเอวา

          ตั้งใจคุยกันเชียวนะ!

          ...

          งั้นฉันขอให้พวกหล่อนไปตั้งใจกันคุยนอกห้องโดยไม่มีใครรบกวนเลยย่ะ!”

          ค่ะ/ค่ะ!”

          ทั้งที่ฟ้าอุส่าห์ช่วยฉันให้หนีมาจากอีฟได้แล้วแท้ๆ แต่ฉันกลับ...

          ไม่น่าเลยนะตัวฉัน T^T

 

 

 

 

 

 

          เลิกเรียน (ไชโย โห่ ฮิ้ววว~)

          “เย้เลิกเรียนเสียที!”

          “ยัยเปียโน -_-; คงไม่ได้ลืมหรอกนะ ว่าทำอะไรลงไปน่ะ

          “ไม่ลืมจ้าขอโทษจริงๆน้า~”

          “เฮ้อ~ ก็ไม่โกรธหรอก

          “ใจดีที่สุด มาจุ๊บทีนึง! >3<”

          เกรงใจ -_-;” ยัยเอวาตอบมาทั้งที่ใบหน้าผุดไปด้วยเหงื่อ ฮ่าๆ ฉันถือโอกาสนี้แซวยัยเอวาทันที

          แหม! ปากของฉันมีไว้เพื่อเจ้าชายที่รักคนเดียวย่ะ!”

          เชอะ! กลับบ้านดีๆล่ะ แม้ยัยเอวาจะพูดเชอะอย่างงอนๆออกมา แต่ก็ยังไม่วายอวยพรให้ฉันกลับบ้านดีๆ ^O^

จ้า!” ฉันขานรับยัยเอวา พลางเดินกระโดดกลับบ้านไปด้วย แต่ในขณะที่ฉันเดินผ่านออกจากโรงเรียนไปได้ไม่ไกลนัก ฝนก็เริ่มลงเม็ดตกขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าฉันไม่รีบกลับบ้านล่ะก็มีหวังได้ตัวเปียกแน่ฉันวิ่งและพยายามกลับบ้านให้ได้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

          แต่มันน่าตกใจมากกว่านั้น เมื่อฉันหันหลังไป และลองทอดสายตามองดูดีๆ ที่โรงเรียนนั้นพื้นแห้งและเปียกบ้างเล็กน้อยจากที่ฝนตกเมื่อตอนสายๆ แต่ว่านี่มันตอนเย็นแถมฝนก็กำลังตกหนัก ทั้งๆที่พื้นถนนควรจะเปียกโชก แต่กลับมีแค่ร่องรอยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!

          ฉันหันมองไปข้างหน้าก็พบว่า ข้างหน้านั้นก็ไม่มีร่องรอยของฝนตกเลยสักนิดเพียงแต่ฝนตกที่ที่ฉันยืนอยู่ก็เท่านั้น ฉันก็เคยได้ยินหรอกนะ ไอเรื่อง ‘ฝนตกไม่ทั่วฟ้า’ เนี่ยแต่มันจะแบ่งอะไรกันขนาดนี้เลยงั้นหรอ ด้วยระยะทางที่ใกล้ๆกันฉันไม่สนอะไรต่อไปแล้วทั้งนั้น รีบเร่งฝีเท้าและกลับบ้านทันใด

          พอมาถึงหน้าบ้านก็รีบถอดรองเท้าและเข้าบ้านไปทันทีก่อนจะพยายามหายใจอย่างช้าๆลงและไปอาบน้ำ เพื่อจะเตรียมตัวนอนรอวันถัดไปต่อ แต่ว่าเมื่อฉันได้ขึ้นมายังบนห้อง ฉันก็เปิดผ้าม่านเพื่อดูฝนที่ตก ก็พบว่าบ้านตรงกันข้ามไม่มีฝนตกทำไมกัน?ทำไมถึงตกแต่บ้านของฉัน นี่คือบทลงโทษที่ฉันทำกับเอวา บทลงโทษที่ฉันหนีอีฟนี่มันอะไรกัน!

          ฉันพยายามแล้วพยายามอีกเพื่อลืมมัน ก่อนจะตัดสนใจล้มตัวลงนอนที่เตียง หากเปลือกตาของฉันได้ปิดลง และจมไปอยู่ในห่วงของภวังค์มันก็คงจะดี ฉันจะได้ไม่ต้องตกใจจนขวัญผวาแบบนี้ แต่แล้วฟ้าก็ไม่เป็นใจฉันเหมือนเมื่อตอนสายๆ เสียงฟ้าร้องออกมาดังสนั่น นั่นทำให้ฉันต้องลุกขึ้น ดวงตาของฉันเบิกตากว้างขึ้น

          เมื่อมีฟ้าผ่าลงมาที่กระดาษที่ฉันแต่งนิยายเอาไว้ก่อนจะเป็นเส้นโยงมาที่ตัวฉันอย่างที่กำหนดเอาไว้เป๊ะๆมันเป็นได้อย่างไรกันแต่แปลกที่ตัวฉันกลับไม่รู้สึกเจ็บจากไฟฟ้านี่ แต่จู่ๆ ภาพที่ปรากฏขึ้นบนดวงตาของฉันก็เปลี่ยนไป!

          “กรี๊ดดดดดดดด!”

          ฉันรู้เพียงตกลงไปในห่วงของมิติที่ดูดกลืนเพื่อตามไปยังทางแห่งแสงสว่าง

          และหลังจากนั้น...

          ฉันก็รับรู้อะไรไม่ได้เลย!






ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×