ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
[Fic SuJu] A Drop of Tears [WONHYUK / KIHAE ]

ลำดับตอนที่ #1 : A Drop of Tears Vol 1

  • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 52


Title: [Fic] A Drop of Tears 

Author: Meawyu

Couple: SIWON-HYUKJAE / KIBUM-DONGHAE 

Original Fic: Sand Glass ของคุณ Kapookloo

Thanks: Sand Glass ของคุณ Kapookloo สำหรับโครงเรื่องและตัวละคร ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจของเรื่องนี้



               ฟิกเรื่องนี้เกิดจาก ฟิก Sand Glass ที่อ่านอยู่ เป็นความบังเอิญมากๆ เพราะตอนนั้นกำลังคิดอยากจะเขียนฟิกสักเรื่องแทนเรื่องแรกที่เกิดตันคิดพล๊อตไม่ออก หลังจากที่ได้อ่าน
เรื่อง Sand Glass จบ ก็เกิดความอยากเขียนให้ไก่กับหมวยเป็นพี่น้องกันแบบนี้มั้ง....จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ฟิกเรื่องนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้น...


ปล. เราไม่ได้มีเจตนาจะลอกเลียน เพียงแต่เราชอบก็เลยนำมาเป็นโครงเรื่องในการแต่ง  หากทำให้ใครไม่พอใจ  ก็ขออภัยมานะที่นี้ด้วยนะค่ะ...



ขอบคุณจากใจจริง  คุณ Kapookloo สำหรับฟิกดีๆ ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจค่ะ...




>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>





“บอกว่าไม่กิน หูแตกหรือไงฮะ!!!!!”





เสียงของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มจนเกิบจะดำตวาดดังลั่น  พลางปัดถาดที่ภายในมีแก้วกาแฟสีขาวและแซนด์วิชสองสามชิ้นที่อยู่ในมือบางๆ ของชายหนุ่มที่มีโครงหน้าคล้ายกันตกลงไปบนพื้นเสียงดังสนั่น   แก้วเซรามิกสีขาวลายดอกหญ้าเล็กๆ  กระจายทั่วละเอียดเป็นชิ้นๆ   น้ำกาแฟที่ร้อนจัดกระเด็นมาโดนเสื้อเชิ้ตสีขาวเป็นทางยาว  ลวกผิวขาวๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในให้เป็นรอยแดง  คนตัวบางกัดฟันขบอาการเจ็บปวดนั้น  กำชายเสื้อของตนแน่น  





“แต่พี่ฮยอกแจยังไม่ทานข้าวเช้าเลยนะฮะ ทงเฮกลัวว่า....”






เพล้ง!!






แจกันสีขาวไร้ดอกไม้มาประดับที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานไม้สักอย่างดีถูกเหวี่ยงใส่ร่างเล็กๆ ที่ยืนนิ่งอยู่ตรงประตู  มันลอยกระทบฝาผนังแตกกระจายเศษเซรามิกปลิวว่อน  เฉียดใบหน้าหวานๆ ของผู้เป็นน้องชายเพียงไม่กี่เซน  อี  ทงเฮตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว  ก้มหน้าลงต่ำหลบสายตาเรียวดุของพี่ชายฝาแฝดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว  




“ไม่ต้องสะเออะมาเป็นห่วงฉัน ฉันไม่ซึ้งบุญคุณของนายหรอก ทงเฮ!!!!!! “อี ฮยอกแจกดเสียงต่ำ นิ้วชี้เรียววาดไปที่ประตูห้อง 




“ออกไปจากห้องของฉัน เดี๋ยวนี้!!!!!!” 



“........................”



“ไม่ได้ยินหรือไง ฉันบอกให้ออกไปเดี๋ยวนี้!!!!!” ร่างบอบบางไม่แพ้กันแต่ดูแข็งแรงกว่าตะโกนใส่ใบหน้านั้นเสียงกร้าว อี ทงเฮสะดุ้งกายเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ ใบหน้าขาวซีดเผือดจนแทบจะกลืนไปกับเสื้อที่สวมอยู่   กายสั่นเทาจนแทบจะพยุงตัวให้ยืนต่อไปไม่ไหว ทรุดลงไปกองกับพื้น 



ทงเฮกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น เผลอสะอื้นออกมาแผ่วๆ น้ำตาปริ่มล้นที่ขอบตาร้อนทั้งสองข้าง สุดความสามารถที่จะกลั้นหยาดหยดที่เอ่อล้นรอบดวงตาไว้ได้ จึงปล่อยให้น้ำใสๆ ไหลอาบใบหน้าหวานจนชุ่ม 



ฮยอกแจกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ  ใบหน้าหวานฉาบแววหงุดหงิดและเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของน้องชายร่วมสายเลือด  ที่อ่อนแอและอ่อนไหวเสียจนน่ารำคาญใจ 



“ฉันบอกให้ออกไป!!!!! “ว่าซ้ำ เมื่อเห็นอีกคนยังคงทำสำออยลุกไม่ขึ้นอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายจึงสงเคราะห์ให้ มือบางฉุดทงเฮที่ตัวอ่อนปวกเปียกราวกับกระสอบทรายใส่น้ำให้ลุกขึ้น แล้วเหวี่ยงออกไปนอกห้องทำงานของตนด้วยแรงที่ไม่ปราณีนัก



เรือนร่างบอบบางกระแทกกับพื้นจนได้รอยถลอกที่ข้อศอก  ทงเฮกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดห้อ กลั้นเสียงสะอึกสะอื้น ช้อนสายที่เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตามองผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า  ก็พบกับสายตาเกลียดชังภายในนัยน์ตาคู่นั้น




“พี่....อึ่ก” 




ความรู้สึกอึดอัดก็เริ่มก่อตัวขึ้นในอกจนแทบจะหายใจไม่ออก  มือเล็กผอมบางของทงเฮบีบอกเสื้อด้านซ้ายแน่นหอบหายใจแรง  สีหน้าหวานซีดเซียวและเต็มไปด้วยหยดเหงื่อที่ผุดออกมา  ริมฝีปากบางสีระเรื่อเริ่มกลายเป็นสีขาวซีดอ้ากว้างเป็นการช่วยหายใจ  จนได้ยินเสียงหอบที่เต็มไปด้วยความทรมาน



มือเล็กสั่นเทาคว้านหาหลอดสเปรย์เล็กๆ ในกระเป๋าเสื้อด้วยความยากลำบาก  ก่อนที่จะหยิบมันออกมา  แต่เพราะมือนั้นสั่นเทาเกินกว่าจะประคองมันให้อยู่นิ่งได้  จึงทำให้หลอดสเปรย์ขวดสีน้ำเงินขนาดพกพาหลุดกระดอนออกจากฝ่ามือ  มันกลิ้งตัวไปหยุดที่ปลายเท้าของฮยอกแจ  ร่างบางมองมันพักใหญ่   ทงเฮเอื้อมมือไปคว้าเจ้าสิ่งที่จะช่วยต่อลมหายใจให้เขาสุดแขน  



ฮยอกแจจับจ้องท่าทางทุรนทุรายของน้องชายที่กำลังทรมาน  เสียงหอบดังขึ้นกว่าเก่า
กระป๋องสเปรย์ถูกปลายเท้าของฮยอกแจเตะมันให้กระเด็นออกไปทางบันไดบ้าน  เพียงเสี้ยววินาทีที่ปลายนิ้วเรียวขาวกลมมนของผู้เป็นน้องชายจะเอื้อมถึง  มันค่อยๆ กลิ้งตัวจนไปชนกับราวบันได  แล้วหยุดอย่างสงบนิ่ง




“อึ่ก” เสียงหอบหายใจดัง อึดอัดทรมานเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจนแทบขาดใจ จ้องมองยาของตนที่กระเด็นไปไกล ทงเฮขยับตัว พยายามพาร่างบอบบางที่แสนจะอ่อนแอไปยังหลอดสเปรย์หลอดนั้น ก่อนที่เขาจะหายใจไม่ออกไปมากกว่านี้ 



อี  ฮยอกแจกอดอกยืนมองน้องชายที่กำลังทรมานและตะเกียกตะกายไปควานเอาหลอดสเปรย์เล็กๆ นั้นอย่างยากลำบากโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ  ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเฉกเช่นดวงตาเรียวดั่งเม็ดอัลมอนต์ที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า





 
“ทงเฮ!!!!!!” 






เสียงตะโกนเรียกชื่อทงเฮของชายหนุ่มผมสั้นสีดำขลับดังลั่น  พร้อมกับเรือนร่างสูงโปร่งราวกับนายแบบวิ่งตรงมา   สีหน้าคมเข้มของเขาตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก  เมื่อเห็นภาพของผู้เป็นเจ้าของชื่อนอนงอตัวเป็นกุ้งต้ม  ท่าทางทุรนทุราย  เขารีบกระวีกระวาดถลันเข้ามาประคองร่างบอบบางของทงเฮไว้ในอ้อมกอด  ก่อนที่จะหยิบหลอดสเปรย์ตรงหัวบันไดไว้ในมือ  แล้วฉีดพ่นน้ำยาสีขาวเข้าไปในปากบางๆ ที่กำลังอ้ากว้าง  หอบหายใจ  



สักพัก  ใบหน้าที่เคยขาวซีดก็ค่อยๆ มีสีของเลือดฝาดที่แก้มทั้งสองข้าง  ลมหายใจที่รุนแรงค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ  ทงเฮช้อนสายมองใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้เนื้อตัวที่ชื่นเหงื่อพราวของตน  จุดยิ้มเพลียๆ ให้ 




“ขอบคุณนะ ซีวอน” 



“นายไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” ร่างสูงเอ่ยถาม แววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใย ทงเฮผงกศีรษะเบาๆ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอันเบาหวิว 



“ทงเฮไม่เป็นไรแล้วล่ะ”



ก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน  โดยมีมือใหญ่ของซีวอนช่วยประคองไม่ห่าง ทงเฮเงยหน้ายิ้มขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของชายหนุ่ม  ซีวอนยกมือเกลี่ยผมนุ่มดกดำที่ยาวประบ่าราวกับเส้นไหมขึ้นทัดหูแล้วเช็ดเหงื่อรวมถึงคราบน้ำตาที่ออกเต็มดวงหน้าให้  ส่วนอีกข้างก็โอบเอวบางไม่ปล่อย 
 


“ปล่อยทงเฮเถอะนะ ซีวอน ทงเฮยืนเองได้” ร่างบางร้องขอเสียงอ้อมแอ้ม ก้มลงมองมือเรียวที่โอบรอบเอวตน ซีวอนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆ ปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระจากวงแขนตนช้าๆ คล้ายจะเสียดาย เขาวางหลอดสเปรย์ที่ทงเฮต้องใช้ทุกครั้งที่มีอาการลงในกระเป๋าเสื้อไว้อย่างเดิม พูดขึ้นแก้มหยิกแก้มหยอกว่า....


“เก็บให้ดีนะ ทงเฮ เกิดอาการกำเริบไม่มีใครช่วยล่ะแย่เลย แล้วอย่าซุ่มซ่ามทำมันตกอีกล่ะ เข้าใจไหม?” 


ร่างบางหน้ายู่  แต่ก็ดูน่ารักเหลือเกินในสายตาของซีวอน  ริมฝีปากบางสีระเรื่อที่ยังมีจุดขาวซีดนิดๆ ขยับบ่นอุบอิบ



“รู้แล้วน้า” 







“อย่ามายืนเกะกะ  ฉันจะรีบไปทำงาน!!!” 






น้ำเสียงคล้ายจะไม่พอใจดังขึ้น  ก่อนที่ไหล่ของทงเฮจะถูกกระแทกอย่างแรงจนร่างบางเผลอหลุดเสียงร้อง  เซซวนเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนซีวอนที่ยื่นมือออกมารับได้พอดี  ชเว  ซีวอน  ร่างสูงโอบกอดร่างเล็กของทงเฮเบาๆ เมื่อประสาทหูได้ยินเสียงสูดลมหายใจแรงๆ ของคนในอ้อมแขน  



สายตาคมตวัดมองใบหน้าของฮยอกแจที่ยังคงเรียบเฉยตาเขม็ง  ฮยอกแจเบือนหน้าหนีสายตาคู่นั้น  ก่อนที่จะเดินลงบันไดไป  โดยไม่หันมามองผู้เป็นน้องชายที่เขาเพิ่งกระแทกไหล่ใส่แม้แต่หางตาราวกับอีกคนเป็นธาตุอากาศ





“ฮยอกแจ!!!!”





ซีวอนผละจากคนในอ้อมแขน  ก่อนที่จะก้าวเท้ายาวๆ ไปตามบันไดบ้าน  โดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของทงเฮแม้แต่นิดเดียว  



ฮยอกแจชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวลงบันไดอีกขั้น  เพราะต้นแขนผ่ายผอมภายในเสื้อสูทสีดำตัวใหญ่ของตนถูกมือใหญ่กระชากโดยแรง  ร่างบางถึงกับเซตัวปลิวเข้าไปตกอยู่ในวงแขนของคนตัวใหญ่กว่า.. 



ดวงตากลมจ้องมองคู่กรณีแน่วนิ่ง  กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา



“ปล่อยฉัน ชเว ซีวอน” 



“จิตใจนายมันทำด้วยอะไรฮะ!!!! หรือว่านายไม่มีหัวใจ ใจคอของนายคิดจะฆ่าน้องตัวเองให้ตายหรือยังไง?!!!!” ซีวอนตวาดก้องอย่างเหลืออดที่เห็นสีหน้าเฉยชา และท่าทางที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรของฮยอกแจ ร่างบางเหลือบมองแขนของตัวเองที่ถูกมือใหญ่บีบด้วยแรงโทสะราวกับไม่รู้สึกอะไรถึงความเจ็บปวด กล่าวขึ้นเสียงราบเรียบ 




“คนอ่อนแออย่างนั้น ตายไปซะได้ก็ดี!!” 




“ฮยอกแจ!!!!!” ซีวอนเรียกชื่อคุณหนูคนโตของตระกูลอีเสียงฉุนขาด ฮยอกแจจ้องมองมองนัยน์ตาสีรัตติกาลที่มีแต่ความโกรธเคืองและเกลียดชัง ซีวอนจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ร่างบางขยับแขนหมายจะดิ้นให้หลุดจากมือเรียวที่บีบต้นแขนเขาอย่างไร้ความปราณี แต่ดูเหมือนจะยิ่งยุให้อีกคนเพิ่มแรงบีบมากขึ้น...



“ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นคนเลือดเย็นแบบนี้ นายเปลี่ยนไปมากนะฮยอกแจ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนนายไม่ใช่คนแบบนี้” 



คนถูกกล่าวหาเพียงแค่แค่นยิ้มมุมปาก  ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของชายหนุ่มร่างสูง  



“ฉันก็เป็นอย่างนี้ของฉันมาตั้งนานแล้ว คุณชายชเว ซีวอน ปล่อย เวลาชั้นเป็นเงินเป็นทอง ฉันไม่มีเวลาว่างมาทำตัวอ่อนแอไร้สาระเหมือนใครบางคน” 



“ฮยอกแจ!!!!” 



ชายหนุ่มร่างสูงคำรามลั่น  มือเรียวถูกยกขึ้นเหนือศีรษะเนื่องจากแรงโมโห  ฮยอกแจเชิดหน้าให้อย่างไม่เกรงกลัว 




 
“ซีวอน!!!! อย่าทำร้ายพี่ฮยอกแจนะ ทงเฮขอร้อง” 





เสียงร้องของทงเฮทำให้ซีวอนได้สติ  เขาลดมือลงข้างตัว  ก่อนที่จะปล่อยฮยอกแจให้เป็นอิสระโดยไม่บอกกล่าว   มือเรียวขาวคว้าราวบันไดจับไว้ก่อนที่เขาจะหงายหลังตกลงไปจากแรงสะบัดของซีวอนที่ไม่ค่อยจะเบามือนัก  สายตาเรียวกลมสีดำจับจ้องมองร่างของซีวอนที่วิ่งไปประคองทงเฮที่ดูเหมือนจะหน้าซีดลงไปอีกแล้วตรงราวบันไดโดยไม่ละสายตา




“พี่ฮยอกแจ” ทงเฮร้องเรียกพี่ชายฝาแฝด ก่อนที่ร่างบอบบางจะผละจากซีวอน แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหา มือเรียวขาวซีดเพราะไม่เคยโดนแดดจับต้องแขนเพรียวของฮยอกแจข้างนั้นอย่างเบามือ เอ่ยถามด้วยความห่วงใย



“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมฮะ?” 



ฮยอกแจหรี่ตามองใบหน้าของน้องชายที่ดูเหมือนจะมีหยดน้ำใสๆ เอ่อล้นรอบดวงตากลมโตที่เศร้าสร้อยคู่นั้น  ความหงุดหงิดใจยิ่งถลาโถมเข้ามาราวกับคลื่นสูง  




“ไม่ต้องมาเป็นห่วงฉัน!!! เก็บความห่วงใยของนายไว้ห่วงตัวเองเถอะ ไอ้คนอ่อนแอ!!!!” 




คนเป็นพี่ตวาดลั่นด้วยแรงอารมณ์ครุกกรุ่นที่เต็มไปด้วยแรงโทสะ  ก่อนจะสะบัดแขนแรงๆ ให้หลุดจากการเกาะกุมของทงเฮ  ฝ่ามือเรียวผลักร่างบอบบางของผู้เป็นน้องให้ออกห่าง  แล้ววิ่งลงบันไดไปอย่างไม่สนใจอีกคนที่สูญเสียการทรงตัวจวนจะล้ม  โชคดีที่ซีวอนคว้าเอาไว้ทัน  ไม่เช่นนั้นทงเฮคงได้กลิ้งตกบันไดเป็นแน่  



ชายหนุ่มตวัดสายตาที่ลุกวาวไปด้วยความโกรธเคืองและแข็งกร้าวให้ฮยอกแจที่เดินออกไปไกลแล้ว  ตั้งท่าจะไปเอาเรื่องอีกรอบ  



แต่ก็ต้องชะงักเพราะมือเรียวของทงเฮยึดเสื้อโปโลของเขาไว้เสียแน่นเป็นเชิงห้าม  ร่างบางส่ายหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา  สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร  ทั้งคำพูดและการกระทำของผู้เป็นพี่ที่ทำเอาใจดวงน้อยที่เปราะบางเกินกว่าจะรับไหว  ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนใจ  มือใหญ่โอบรอบลำตัวบางๆ กอดปลอบประโลมเด็กขี้แยที่กำลังซบอกเขาร้องไห้ 



ซียอง แม่บ้านวัยกลางคนยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านมองร่างบางของฮยอกแจที่เดินออกไป สลับกับร่างของทงเฮที่ถูกซีวอนประคองให้ขึ้นห้อง  ใบหน้าสวยหวานราวกับอิสตรีเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่เธอเห็นเสียจนเคยชินในช่วงนี้  สายตาแสดงความเหนื่อยล้า  เธอถอนหายใจเล็กน้อย  




“...ผีห่าซาตานตนใด ทำให้คุณฮยอกแจเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้นะ.....เวรกรรมจริงๆ คุณหนูทงเฮของป้า” 



...................
..............................
............................................




“ฮยอกแจ!!!!”




เสียงทุ้มของบุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเข้มที่เพิ่งจะลงจากรถยนต์โต้โยต้ารุ่น COROLLA ALTIS สีขาว เอ่ยถามคนตัวบางที่กำลังจะเดินผ่านเขาไป สายตาคมจับจ้องใบหน้าหวานที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ฮยอกแจหันไปมองเสี้ยวใบหน้าคนเรียกแวบหนึ่ง 



ความไหวระริกในแววตานั้นผ่านเรติน่าสีเข้มจนชายหนุ่มแปลกใจ ชั่วขณะ มันก็กลับมาเย็นชาและเรียบเฉยเช่นเดิม แววตาที่ชายหนุ่มร่างสูงบอกว่าเห็นเสียจนชิน มือใหญ่คว้าแขนของคนตัวเล็กฉุดไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินผ่านหน้าเขาไป



“โอ๊ย!!” อี ฮยอกแจหลุดเสียงร้องโอด เพราะมือนั้นกดทับรอยแผลที่ต้นแขนพอดี ชายหนุ่มตกใจ เขารีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะจับแขนข้างนั้นไว้อย่างเบามือ พูดขึ้นเสียงอ่อนโยน 



“นายมีแผลเหรอ? ขอฉันดูหน่อยสิ” ทำท่าจะถลอกแขนเสื้อนอกขึ้น แต่ก็ถูกมือเรียวของฮยอกแจปัดออกอย่างไม่ใยดี มองดวงหน้าคมเข้มด้วยแววตาแข็งกร้าว 



“ไม่ต้อง!! เอาเวลาของนายไปห่วงคนที่นายต้องดูแลเถอะ คิม คิบอม!!!!”



คิม  คิบอมมองท้ายรถบีเอ็มดับเบิลยูซี่รีย์สามสีดำที่แล่นออกจากประตูรั้วอัลลอยด์ของคฤหาสน์  ถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างหนักหน่วง เหนื่อยใจ....แล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ 




“ฉันไม่ได้อยากดูแลทงเฮ คนที่ชั้นอยากจะดูแลคือนายต่างหากล่ะ ฮยอกแจ”



..................
............................
.......................................



รถบีเอ็มดับเบิลยูซี่รีย์สามสีดำมันปราบแล่นเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเอเชียแกรนด์ด้วยความเร็วสูง  โรงแรมหรูหราระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวของนครหลวงกรุงโซล  ประเทศเกาหลีใต้  



เด็กรับรถในชุดเครื่องแบบของโรงแรม  เสื้อคอปิดแขนยาวสีแดงสดกับกางเกงสีดำสนิทรีบกุรีกุจอเข้ามาเปิดประตูให้ผู้เป็นเจ้าของอย่างรวดเร็ว  เขาโค้งศีรษะให้กับชายหนุ่มที่ก้าวออกมาพลางแบมือรับกุญแจรถในมือบาง  ก่อนที่รองเท้าหนังสีดำมันวาวจะก้าวเท้าเข้าไปภายในตัวโรงแรมที่เป็นตึกสูงถึง 45 ชั้น 


ทันทีที่รองเท้าหนังคู่นั้นก้าวเข้ามาพ้นรัศมีของธรณีประตู   เหล่าพนักงานที่เดินขวักไขว่ไปมาต่างหยุดทำความเคารพแทบจะทุกคน  



“สวัสดีครับ คุณฮยอกแจ”



“สวัสดีค่ะ คุณฮยอกแจ” 



เสียงกล่าวสวัสดีของเหล่าพนักงานทั้งชายและหญิงในเครื่องแบบทักทายมาไม่ขาดสายตลอดทางเดินที่ อี  ฮยอกแจเดินผ่านด้วยท่าทีสุภาพ  ร่างบางที่วันนี้อยู่ในชุดสูทสีดำเข้ม  เนกไทสีเลือดหมูเข้าชุดกับเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มที่อยู่ภายใน  ผมสีดำราวกับปีกการะต้นคอซอยสั้นห้อมล้อมใบหน้าเรียวสวย  ผิวขาวๆ ของเจ้าตัวที่โผล่พ้นร่มผ้า เปล่งปลั่งและขาวสว่างยิ่งขึ้นยามกระทบกับแสงไฟนีออนในโรงแรม  



ใบหน้าหวานเรียบตึง  ไร้รอยยิ้มดังเช่นทุกวันทำให้พนักงานหลายคนผวา  พวกเขาค่อยๆ ถอยกายมายืนสำรวมอยู่ห่างๆ  ผู้บริหารสูงสุดของโรงแรมหลังจากทักทายเสร็จ  บางคนถึงกับก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสบตาเรียวเล็กที่ฉาบไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว



ฮยอกแจชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ๋วราวกับนกกระจอกแตกรังดังออกมาจากหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรูที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับลิฟต์แก้วกลางโรงแรม  เขาหันไปมองก็พบร่างของหญิงสาวพนักงานในชุดยูคาตะสีชมพูอ่อนสามคนกำลังยืนจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสออกชาติ หัวเราะกันคิกคักอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าพวกหล่อนจะไม่ได้สังเกตเห็นว่าผู้บริหารของพวกเธอกำลังยืนกอดอกหน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่ด้านหลัง



“ดูท่าทางจะว่างกันจังนะ” 



สามสาวยุติการสนทนาในทันทีที่ได้ยินเสียงหวานแต่แข็งกร้าวและทรงอำนาจดังขึ้นจากเบื้องหลัง  พวกเธอพร้อมใจกันหันไปมอง  แล้วพากันเบิกตากว้างยิ่งกว่าไข่ไดโนเสาร์




“คุณ คุณ ฮยอกแจ..O_O..” 




ใบหน้าขาวของสามสาวซีดลงทันตาเห็น   ก่อนจะยืนก้มหน้ามองพื้นไม่สบตากับเจ้าของเสียงที่ยืนกอดอกจ้องตาเขม็ง   กายบอบบางของพวกเธอไหวสะเทือน  ใจเต้นแรงราวกับกลองชุดด้วยความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ  เหงื่อแตกพลั่ก  ฮยอกแจกวาดสายตามองพนักงานโรงแรมของตนที่ละคนอย่างช้าๆ  ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  แต่ทำเอาสามสาวถึงกับเข่าอ่อนหมดเรี่ยวหมดแรงให้กับคำพูดที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด




“เย็นนี้ก็ไปรับซองขาวกับผู้จัดการของพวกเธอแล้วกัน” 




สิ้นคำ  ร่างบางก็หมุนตัวเดินเข้าไปในลิฟต์ที่อยู่ใกล้ๆ  ทิ้งให้สามสาวยืนแข็งเป็นหุ่นไร้ชีวิตอย่างไม่สนใจใยดี   เหล่าพนักงานที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันมองพนักงานสาวทั้งสามที่ยืนกอดกันกลมร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดังอย่างเอือมระอาปนสงสาร 



..................
..........................
......................................




“คุณฮยอกแจ สวัสดีครับ”





เลขาหนุ่มหน้าสวยที่นั่งอยู่หน้าห้องทำงานของฮยอกแจรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันทีที่เห็นร่างบางนั้นเดินเข้ามา  เขากล่าวทักทายเจ้านายด้วยท่าทีนบน้อมและสุภาพ  



“เอกสารที่ฉันต้องการได้แล้วใช่ไหม ซองมิน” เขาถามเสียงห้วน อี ซองมินพยักหน้า ก่อนที่จะหอบแฟ้มสีดำอย่างหนาจำนวนสามเล่มเดินตามฮยอกแจเข้าไปในห้องทำงาน  



แฟ้มในมือเรียวขาวของซองมินถูกวางลงบนโต๊ะทำงานอย่างเบามือ หลังจากเห็นร่างของฮยอกแจทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้นวม  เสียงหวานใสดังกังวานและแข็งขันกล่าวขึ้นว่า



“เอกสารสรุปยอดเดือนนี้ของแผนกจัดเลี้ยง แผนกทำความสะอาด แล้วก็แผนกต้อนรับครับ คุณฮยอกแจ”  



ร่างบางปรายตามองเลขาส่วนตัวเพียงแวบเดียว  พึมพำขอบใจ   เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มที่อยู่บนสุดมาพิจารณา
 

“เอ่อ คุณฮยอกแจครับ...” ซองมินเรียกผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงเกรงๆ ร่างบางชะงักมือที่กำลังพลิกหน้าเอกสารไว้ แล้วเงยมองสบตากับเลขาหนุ่มร่างอวบ ถามเสียงห้วน



“มีอะไร?”



“ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการร้านอาหารญี่ปุ่นว่า คุณฮยอกแจไล่พนักงานเสริฟออกหรือครับ?” 



ฮยอกแจหัวเราะเสียงขึ้นจมูก  ดวงตาเรียวเล็กสบกับดวงตากลมโตเป็นกระต่ายน้อยของซองมิน 



“ใช่ รู้ข่าวไวสมเป็นเลขาฉันดีนิ” น้ำเสียงฟังดูก็รู้ว่าประชด แต่ซองมินเคยชินเสียแล้วกับวาจาเหล่านี้ เขายังคงจ้องหน่วยตาที่ใครหลายคนต่างผวาและหวาดกลัวด้วยท่าทีเฉยเมย และแววตาสงบนิ่ง ก่อนที่จะพูดออกไปว่า 



“ทำไมหรือครับ ผมก็เห็นว่าพวกเขาทำงานกันดี แค่บางครั้งอาจจะทำงานผิดพลาดนิดหน่อย...มันก็เป็นเหตุสุดวิสัย ผมว่าแค่ตักเตือนกับหักเงินเดือนก็คงจะเพียงพอแล้ว. ไม่ถึงกับต้องไล่ออกเลยนิครับ.....” 



ซองมินพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบโดยการพูดจาหว่านล้อมอ้อนวอนให้อีกคนใจอ่อนหรือเปลี่ยนใจ  แต่ดูเหมือนว่าใจของฮยอกแจจะแข็งยิ่งกว่าหิน  แกร่งยิ่งกว่าเพชร  ร่างบางปรายสายตามองใบหน้าของเลขาหนุ่มที่ทำงานร่วมกันมานาน  



ชายหนุ่มปิดแฟ้มสีดำดังปัง  ซองมินถึงกับสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจ



“คนไม่ทำประโยชน์อะไรให้กับโรงแรม จ้างไปก็เสียเงินเปล่า”



“แต่.....”



“ออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”



“ครับ” 



สิ้นเสียงปิดประตูพร้อมกับร่างอวบของเลขาหนุ่มที่หายออกไป  แฟ้มในมือบางก็ถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรง  ฮยอกแจยกนิ้วกดขมับของตัวเองเบาๆ  เพราะรู้สึกปวดตุ๊บๆ ที่ศีรษะราวกับใครเอาค้อนปอนด์มาทุบ



เสื้อตัวนอกสีเข้มถูกวางพาดลงเก้าอี้ทำงานของตน   ร่างบอบบางของอี  ฮยอกแจลุกขึ้นก้าวเดินไปที่หน้าต่างกระจก  จับจ้องมองลงไปยังข้างล่างของชั้น 45 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงแรมเอเชียแกรนด์นี้อย่างเหม่อลอย เห็นวัตถุที่อยู่เบื้องล่างเป็นจุดกลมๆ หลากสีสันราวกับขนมลูกกวาด มือเรียวยกขึ้นกอดอก 



ใบหน้าหวานนิ่วลงเล็กน้อย เมื่อเผลอไปโดนรอยแผลที่ต้นแขนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้  ฮยอกแจถลกแขนเสื้อเชิ้ตแขนยาวของตนขึ้นสูง  จ้องมองรอยช้ำเป็นปึ้ดที่ต้นแขนขาวของตน มันมีสีเขียวอมม่วงและห้อเลือดเสียจนดูน่ากลัว  เขามองมัน  พลันหวนคิดถึงใบหน้าของคนที่เป็นต้นเหตุแห่งรอยช้ำนี้  วูบหนึ่งแห่งมโนภาพความทรงจำเก่าๆ หวนมาให้คิดถึงด้วยความไม่ตั้งใจ  




‘นายชื่ออี ฮยอกแจใช่ไหม ฉันชื่อชเว ซีวอน ยินดีที่ได้รู้จักนะ’
ฝ่ามือที่ยื่นตรงมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง แววตาสดใสแสดงความเป็นมิตร



‘ฮยอกแจ ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ ’
น้ำเสียงออดอ้อน  มือเรียวที่กุมกระชับให้ต้องเดินตาม  



‘เจ็บมากไหม ฮยอกแจ’
ปลายนิ้วที่วางลงบนบาดแผล  พร้อมกับเสียงนุ่มที่ถามอย่างห่วงใย  



‘ฮยอกแจ’
เสียงทุ้มเรียกชื่อของตนที่ยังดังก้องอยู่ในหู  ริมฝีปากบางที่ฉีกยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้ม





 
ฮยอกแจหัวเราะออกมาเบาๆ เยาะหยันให้กับภาพเหตุการณ์ในอดีตแสนหวานที่ประดังประเดอย่างไม่ปะติปะต่อเข้ามาในโสตประสาทและความรู้สึกของตน  ศีรษะทุยสีดำเอนพิงกระจกหน้าต่าง  มือเรียวลูบไล้รอยช้ำที่แขนแผ่วเบา หลับตาลงช้าๆ สะกดกลั้นความร้อนผ่าวที่หลั่งรินรื้นออกมา 




.................
..........................
..................................

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

53ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

53ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture