ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
ตำนานรักแห่งกรีก-โรมัน

ลำดับตอนที่ #1 : Pyramus & Thisbe

  • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 47


                                            Pyramus & Thisbe

                                                พีรามุสกับธิสบี

               หนึ่งในเรื่องราวของความรักอันแสนเศร้าของตำนานกรีก  

ก็คงจะเป็นเรื่องราวของพีรามุส* กับธิสบี



               พีรามุสกับธิสบีนั้นมีบ้านอยู่ติดกัน  แม้ห่างเป็นช่วงกำแพง

กางกั้น  แต่ทว่าเหมือนอยู่ไกลกันสุดฟากฟ้า  เนื่องจากบิดาของทั้งสอง

ต่างเกลียดชังกันและกันมาก  ประเภทที่ว่าหากพบหน้าก็เป็นอันต้องมีเรื่อง

มีราวทุกครั้ง  



              ความเจ็บช้ำนั้นตกมาถึงผู้เป็นลูก  ซึ่งทั้งสองต่างก็แอบมีใจต่อ

กันและกันหากต้องเก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ในใจอย่างเงียบๆ  โดยไม่รู้ถึง

ความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามว่าคิดอย่างไรกับตน



               สาวน้อยธิสบีนั้นมักจะแอบมาทอดถอนใจรำพึงรำพันความใจ

เพียงผู้เดียวข้างกำแพงหนาสูงซึ่งกั้นนางและพีรามุสออกจากกัน  ซึ่งพีรามุส

ก็ได้เฝ้ามองกำแพงด้วยความถวิลหาโฉมตรูธิสบีที่อยู่อีกฟาก  เทวีอะโฟรไดที

(วีนัสในภาษาโรมัน)เทวีแห่งความรักและความงามเกิดเห็นใจในความรักของทั้ง

คู่จึงบัลดาลให้กำแพงนั้นเกิดรอยแยกออกเป็นช่อง  พอที่จะให้สองหนุ่มสาวได้

พูดคุยพร่ำคำรักต่อกัน



               เมื่อล่วงรู้ความในใจว่าอีกฝ่ายก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับตน  ความรัก

ของทั้งสองก็เบ่งบานและแน่นแฟ้นขึ้นมาก  และมักหลบบิดามารดามานั่ง

คุยกันเสมอ



               “พีรามุส…ท่านอยู่หรือไม่”  ธิสบีกระซิบที่รอยแตกของกำแพง

“หากอยู่แล้วไซร้  จงตอบมา”



               เสียงของชายผู้เป็นที่รักของเธอตอบกลับมาด้วยเสียงกระซิบ

เช่นเดียวกัน  “ข้าอยู่เสมอ  ยอดรักของข้า”



              “พีรามุสข้าอยากพบกับท่าน  ข้าฝันถึงการเดินเคียงข้างท่านและ

สนทนา  มิใช่เพียงส่งเสียงเจรจาผ่านกำแพงเยี่ยงนี้”  สาวน้อยธิสบีเอ่ยด้วย

ความเศร้า



              พีรามุสก็มีความปรารถนาเช่นเดียวกัน  เขาตรึกตรองจนถี่ถ้วนแล้ว

ตอบธิสบีไป  “อย่าเศร้าไปเลยดวงใจข้า  วันพรุ่งยามรุ่งอุษา  ดวงใจรักเราสอง

จักสมดั่งปรารถนา  ณ.ที่นิทราชั่วนิรันดร์แห่งไมนัส”



              พีรามุสและธิสบีก็ได้นัดพบกันที่หลุมศพของไมนัส  ซึ่งอยู่ในป่าที่

ไร้ผู้ใดสัญจรผ่าน



              ยามเช้าของวันต่อมา  ธิสบีนั้นตื่นแต่เช้าและแต่งกายให้สวยงามที่สุด

และหยิบผ้าคลุมศรีษะโปร่งบางแสนสวยที่เธอมักใช้เวลาออกไปข้างนอกมาคลุม  

จากนั้นก็เดินไปยังที่นัดหมายด้วยใจอันร่าเริง



               ปรากฏว่าเธอได้ไปถึงที่นัดก่อนพีรามุส  เธอจึงเดินเล่นชมความงาม

ของธรรมชาติยามเช้ารอชายคนรัก  แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเหยียบใบไม้

แห้งที่พื้นหนักๆดังขึ้นเบื้องหลัง  เธอคิดว่าต้องคือพีรามุสเป็นแน่  จึงยิ้มละไม

และหันมา  แต่เธอก็ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ  เนื่องจากเจ้าของฝีเท้านั้นไม่ใช่ชาย

รูปงามอันเป็นที่รัก  หากแต่เป็นสิงห์ตัวใหญ่ท่าทางดุร้าย  ที่ปากอันเต็มไปด้วยเขี้ยว

ยาวแหลมคมมีโลหิตสดๆสีแดงฉานของเหยื่อที่มันเพิ่งจัดการมาหยดย้อยเป็นทางยาว



               ธิสบีกลัวยิ่งนักจึงวิ่งหนีสุดฝีเท้าโดยไม่คิดชีวิต  ส่วนเจ้าสิงห์ร้าย

นั้นวิ่งตามเธอไม่ทัน  จึงหันมากัดทึ้งผ้าคลุมผมที่เธอทำตกไว้แทน   เมื่อหาย

แค้น(หรือเบื่อก็ไม่รู้)  มันจึงผละออกไป



               ฝ่ายพีระมัสก็รีบร้อนออกจากบ้าน  เนื่องจากเขาสายกว่าเวลานัด

และกลัวว่าธิสบีจะคอยนาน  แต่เมื่อมาถึงสถานที่นัดหมายกลับไม่พบธิสบี  

ชายหนุ่มจึงเดินไปรอบๆ  เผื่อว่าธิสบีมาถึงก่อนและออกไปเดินเล่นรอตน  

แต่สายตาของเขากลับเหลือบไปเห็นเศษผ้าขาดวิ่น  จึงเดินไปดูด้วยความสงสัย

ก็ต้องตกตะลึง  เมื่อจำได้ว่าเป็นผ้าคลุมที่ธิสบีใช้ประจำ  และยิ่งไปกว่านั้นยังมี

คราบเลือดสดๆติดอยู่เต็ม!!!  พีรามุสคิดว่าธิสบีคงกลายเป็นเหยื่อของสัตว์ร้าย

ไปเสียแล้ว  ก็เสียใจจนหมดสติไป



               เมื่อฟื้นขึ้นมา  ชายหนุ่มหวังเป็นอย่างยิ่งว่าที่เห็นนั้นเป็นเพียงฝันร้าย  

และธิสบีก็จะมายืนข้างๆ และยิ้มให้เขา  แต่ทว่าก็โกหกความจริง(ที่คิดเอาเอง)ไม่ได้  

ผ้าเปื้อนเลือดนั้นยังคงอยู่อยู่ในมือของตน  พีรามุสเสียใจจนไม่อาจหาคำใด

มาบรรยายได้  เขาหยิบมีดสั้นซึ่งพกไว้ป้องกันตัวขึ้นมา  คมมีดคมกริบสีเงิน

สะท้อนกับแสงสีทองแห่งรถม้าของเทพอพอลโลอันอยู่บนท้องฟ้าเป็นประกาย

น่าหวั่น  



                “ธิสบียอดรัก  แม้ร่างกายเจ้าจะไม่คงอยู่แล้ว  แต่ความรักที่ข้ามีต่อ

เจ้าจะอยู่ต่อไปชั่วกาลปาวสาน  เจ้าจะเดินทางล่วงหน้าเดียวดายไปไม่นาน  ข้าจะ

รีบตามให้ทันกาลพานพบกัน”  



               สิ้นคำ  พีรามุสก็จบชีวิตอันสวยงามและเยาว์วัยของตนลงด้วยความ

เข้าใจผิดอย่างมหันต์  



              ทางด้านสาวน้อยธิสบีหลังจากหนีไปไกลและคอยอยู่พักใหญ่  ก็คิด

ว่าเจ้าสัตว์ร้ายนั่นน่าจะไปแล้ว  จึงย้อนกลับมาที่นัดพบ  แต่ก็พบร่างไร้วิญญาณ

ของชายผู้เป็นที่รักนอนอยู่กับพื้น  ที่ปากของเขามีผ้าคลุมของเธอซึ่งเปื้อนเลือด

จากปากสิงห์แนบไว้  หยาดน้ำตาที่แก้มของชายหนุ่มก็ยังไม่ทันที่จะเหือดแห้งไป  



               ธิสบีสติแทบไม่สมประดี  วิ่งเข้าไปกอดและร้องรียกให้พีรามุสลืมตาขึ้น  

แต่ก็ไร้ผลใดๆ  เธอจึงหยิบมีดสั้นซึ่งพีรามุสใช้จบชีวิตตนเองขึ้นมา  “ข้าแต่ทวยเทพ  

เหตุใดท่านจึงเอาชีวิตของพีรามุสไปด้วยความเข้าใจผิดแห่งตน  ชีวิตของเขาควรจะ

ยืนยาวกว่านี้มากนัก”



                 สาวน้อยชูมีดขึ้นและกล่าวทั้งน้ำตาอาบสองแก้มเปล่งปลั่งสีกุหลาบ

“มีดเล่มนี้ควรปกป้องชีวิตนาย  เหตุใดจึงกลายเป็นยมทูตแห่งผู้ถือมันด้วยเล่า….

ในเมื่อเขาจบชีวิตลงเพราะคิดว่าข้าม้วยมรณา…เขาหาได้อยากมีชีวิตต่อหากขาดข้า

ข้าเองก็ไม่ขอบากหน้ามีชีวิตต่อไปหากขาดเขา  หัวใจรักแห่งเราจะมั่นคงดั่งเก่า  

แม้ว่าเป็นเพียงเงาแห่งวิญญา”



               ธิสบีก็จบชีวิตของเธอตามชายที่เธอรักไป   ร่างไร้วิญญาณของพีรามุส

และธิสบีนอนเคียงข้างกัน  และพลันที่โลหิตของทั้งสองหยดลงพื้น  ก็เกิดเป็นต้น

มัลเบอร์รี่สีม่วงและต้นมัลเบอร์รี่สีขาวเกิดขึ้นมาเคียงข้างกัน  





..................................................................................................





*อ่านแบบละติน  ถ้าออกเสียงแบบอังกฤษจะอ่านว่า”ไพเรมัส”

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×