ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ชีวิตครั้งใหม่ (รีไรท์)
ในโลกที่แสนกว้างใหญ่บางคนอาจเกิดมาเพื่อเบิ่งบานอย่างงดงามต่อหน้าผู้คน แต่…บางคนกลับถูกลมแรงลมพัดจนร่วงหล่น ทว่าในความเปราะบางนั้นเอง พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะหยัดยืนใหม่อีกครั้ง เพื่อวันหนึ่งจะกลายเป็นดอกไม้ที่งดงามกว่าเดิม
กวินกานต์ นันท์นิชคุณ สาววัย 17 ปีที่เกิดมาในครอบครัวอบอุ่น แต่เธอมีรูปร่างอ้วน หน้าตาไม่สวยสะดุดตาแถมยังผิวกายคล้ำเข้มผิดจากพี่น้องคนอื่นๆ ทำให้เธอเป็นเป้าหมายของการกลั่นแกล้งมาตลอดตั้งแต่เด็ก ความเจ็บปวดเหล่านั้นเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่มันจบลงด้วยการที่เธอเข้าโรงพยาบาล
ตั้งแต่่วันนั้นมา การพบปะผู้คนหรือสถานที่คนผู้มากเป็นสิ่งที่เธอหวาดกลัวที่สุด ภาพของการถูกนินทาและกลั่นแกล้งฝังลึกในความทรงจำ มันมักโผล่ขึ้นมาราวกับเธอติดอยู่ในวังวนของอดีต ทำให้เธอมีอาการแพนิคร่วมกับโรคซึมเศร้า
หลังจากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมาทำให้เธอหวาดกลัวการพบปะผู้คนภายนอกหรือแม้แต่สถานที่ที่มีคนหมู่มาก เวลาที่อยู่ในสถานที่นั้นภาพของคนมากมายที่กำลังนินทาและกลั่นแกล้งเธอมักจะโผล่ขึ้นมาเสมอ
ชีวิตประจำวันของเธอจึงถูกจำจัดอยู่เพียงภายในบ้านเท่านั้น การศึกษาเล่าเรียนก็ต้องปรับเปลี่ยนไปเป็นการเรียนแบบ home school เพราะเธอไม่สามารถทนต่อสายตาและเสียงจากคนหมู่มากได้
ถึงเธอจะไม่เหมือนเด็กคนอื่นที่เรียนแบบปกติทั่วไป ที่ได้พบปะคนมากมาย เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง หรืออาจารย์ ได้สนิทสนม ทำความรู้จักกัน ได้รับโอกาส เปิดประสบการ์ชีวิตภายนอกอันกว้างไกล ถึงแม้ว่าเธออยากจะก้าวออกไปเผชิญหน้าโลกภายนอกมากแค่ไหน แต่แผลลึกในใจยังคงวนเวียนเป็นอุปสรรคของเธออยู่เสมอ
อาการแพนิคที่ดีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนแต่ยังไม่เพียงพอที่ทำให้เธอกลับไปเป็นเหมือนคนปกติ โอกาสที่จะฟื้นฟูจิตใจให้กลับมา 100% นั้นแถบเป็นไปไม่ได้
ถึงกระนั้นอย่างน้อย ความรักและความเข้าใจจากครอบครัวกลายเป็นยารักษาที่สำคัญที่สุด ครอบครัวไม่เคยรังเกียจรูปร่างหรือลักษณะของเธอ พวกเขาคอยมอบความอบอุ่นและเป็นกำลังใจเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น การอ่านนิยายและดูอนิเมะยังช่วยเยียวยาจิตใจเธอไม่น้อย
การจมดิ่งไปในโลกส่วนตัวของตัวละครเหล่านั้นทำให้เธอสัมผัสความรู้สึกต่างๆที่เธอไม่เคยได้รับในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นความรักในเชิงชู้สาว ความหวัง มิตรภาพ หรือแม่แต่เพื่อนสนิทที่รู้ใจกันและกัน
กาลเวลาเดินวนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชีวิตเธอก็ได้ถึงเส้นทางสุดท้ายของชีวิตอย่างคาดไม่ถึง…
………
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
เสียงของพยาบาสาวดังขึ้นในบรรยากาศของห้องพักผู้ป่วยVIPที่เงียบสงบ
“ ฮาจิเมะคุง ได้เวลาไปบำบัดร่างกายแล้วนะจ้ะ ”
เด็กชายผมบลอนด์ทอง นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน หันมองออกไปยังหน้าต่างบานใหญ่ เขานั่งอยู่บนรถเข็นที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่
“ ครับ ” เขาตอบเสียงเบา ก่อนบังคับรถเข็นไปหาพยาบาลสาวที่ยิ้มให้ ก่อนเธอจะช่วยเข้นรถไปยังห้องบำบัด
ฮาจิเมะถอนหายใจเบาๆ ขณะมองเพดานของทางเดิน
‘นี่ผ่านมาแล้วกี่วันนะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่…แแก็ดีใจอยู่หรอกที่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่หลังจากตายน่ะ แต่ก็อดไม่ได้ที่มันจะกำเริบอืีก… ’ ความคิดวกวนทำให้เขาขมวดคิ้ว ร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ทำให้ความฝันของเขาเรือนลางทุกที
“ ฮาจิเมะคุง! ”
“ ค…ครับ!! ” เด็กชายสะดุ้งโหยงและหันไปตอบเสียงดัง ทำให้พยาบาลสาวยิ้มเจื่อน
“ เป็นอะไรรึป่าว พี่เรียกตั้งหลายรอบแล้ว นี่ไม่ได้อาการกำเริบใช่ไหม? ” เธอถามด้วยความเป็นห่วงพลางจับไหล่เขาเบาๆ
“ ไม่ครับ ผมแค่เผลอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมสบายดีจริงๆนะ ”
“ จริงนะ? ”
“ จริงครับ หวา-ถึงห้องบำบัดแล้วนี่นา เราไปกันเถอะครับ ” เขารีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีพลางจูงมือเะอเข้าห้องไป
ในทุกๆวันของฮาจิเมะเต็มไปด้วยกิจกรรมเดิมๆที่ซ้ำซาก แต่วันนี้ต่างออกไปเล็กน้อย พี่ยูอิพยาบาลสาวคนสนิทของเขาพาเขาออกมาเดินเล่นที่สวนในโรงพยาบาล ซึ่งล้อมรอบด้วยต้นซากุระที่กำลังผลิใบ
ฮาจิเมะมองดอกซากุระที่ปลิวไสวตามสายลมก่อนหันไปพูดกับยูอิที่กำลังเข็นรถอยู่ด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าปกติด้วยสงสัยเขาจึงเปลี่ยนความคิดคิดที่กำลังจะถามอีกฝ่ายเป็นความสงสัยเข้ามาแทนที่และเอ่ยปากถามเธอทันทีที่คิดได้
“ วันนี้พี่มีความสุขมากกว่าทุกวันนะครับ ”
พยาบาลสาวที่ได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะออกมาคิกคักทำให้เด็กชายยิ่งงงงวนกว่าเดิม “ วันนี้พี่มีความสุขม๊ากกกก ดังนั้นวันนี้พี่จะพาเราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้โรงพยาบาล ดีไหมจ้ะ? ”
“ ครับ! ”
….
เมื่อมาถึงสวนสาธารณะ บรรยากาศสงบของยามบ่ายดูเหมือนจะช่วยปลอบประโลมจิตใจฮาจิเมะได้บ้าง เขาพยายามลุกขึ้นจากรถเข็นอย่างช้าๆโดยมีพี่ยูอิค่อยประคองอย่างใกลิชิดเพื่อเดินไปนั่งบนม้านั่งใกล้ๆ แต่ไม่นาน เสียงโวยวายของกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งก็ดึงความสนใจของเขา
“ เฮ้ย! ไอ่เด็กต่างชาติ ไม่ใช่คนญี่ปุ่นแท้ๆอย่ามาทำเป็นเก่งใส่พวกเรานะเว้ย!! ”
เสียงตะโกนและเสียงหัวเราะดังขึ้น ทำให้ฮาจิเมะหันไปมองก็พบว่าเด็กชายคนหนึ่งที่มีผมคล้ายคลึงเขากำลังถูกรุมรังแก เด็กคนนั้นพยายามลุกขึ้นยืนหยัดด้วยแววตาเด็ด้เดี่ยว แต่ภายในแววตานั้นกลับสะท้อนถึงความเจ็บปวดและโดดเดี่ยวด้วยเช่นกัน
ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจของฮาจิเมะบีบแน่น เขารู้สึกเหมือนเห็นตัวเองในชาติก่อนผ่านเด็กคนนั้น เขารีบหันไปหาพี่ยูอิทันที แววตาที่สั่นกลัวที่ไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนทำให้ยูอิเป็นกังวลจึงพยักหน้าตอบกลับความต้องการของฮาจิเมะโดยไม่พูดสิ่งใดรีบวิ่งไปหากลุ่มเด็กพวกนั้นทันที
“ นี่พวกเธอ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ การรังแกคนอื่นไม่ใช่วิ่งที่ควรทำเลยนะ!! ”
กลุ่มเด็กพวกนั้นสะดุ้งตกใจก่อนจะพากันวิ่งหนีไปเหลือไว้เพียงเด็กชายที่ถูกกลั่นแกล้งซึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่
“ ชิ! ฝากไว้ก่อนเถอะ! ”
ยูอิเดินเข้าไปหาเด็กชายด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนพลางสอบถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง “ เป็นอะไรไหมจ้ะ เจ็บตรงไหนรึป่าวเอ่ย? ”
เด็กชายส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ ไม่ครับ…เอ่อ ขอบคุณนะครับ ”
“ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะ พี่ชื่อยูอิ เป็นพยาบาลส่วนตัวของเด็กที่นั่งอยู่ตรงนู้นจ้ะ เด็กคนนั้นเป็นคนขอให้พี่ช่วยน่ะ ”
ยูอิพลางชี้ไปที่ฮาจิเมะที่นั่งอยู่บนม้านั่งฝั่งตรงข้ามให้เด็กชายได้มองตาม จากที่เธอสังเกตมองดูคร่าวๆแล้วเด็กคนนี้นั้นอายุใกล้เคียงกับฮาจิเมะมากหากพวกเขาได้ทำความรู้จักกันคงจะดีไม่น้อยเลย
ฮาจิเมะที่มองดูทั้งสองพูดคุยอยู่ห่างๆ เขาสังเกตเห็นใบหน้าของเด็กคนนั้นอย่างชัดเจนเมื่ออีกฝ่ายหันมามองเขา สีผมที่เหมือนเขา แต่สีผิวที่เข้มกว่า ดวงตาสีฟ้าอ่อนที่มีประกายมุ่งมั่นและอ่อนโยน ความรู้สึกที่คุ้นเคยบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเขา ก่อนจะพึมพัมกับตัวเองเบาๆ
“ นั่นมัน…ฟุรุยะ เรย์นี่! ”
…..
สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาแล้วนะคะ อาจจะสั้นไปสักนิดต้องขออภัยด้วยค่ะ ไรท์พึ่งกลับมาแต่งอะไรหลายๆอย่างจึงไม่อำนวยความสะดวก ฝีมือการเขียนตกไปเยอะมาก ศัพท์หรืออะไรก็แถบจะสลายหายไปหมด แต่ก็จะพยายามปรับปรุงนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ
*ยังไม่ได้ตรวจคำผิด
29/11/2567
1ความคิดเห็น