คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ || เริ่มต้นความบาป (ภาค Near dusk)
ประเทศไทย พ.ศ.25XX
‘นาย ธาวิน เมธาวีรังสันต์’
ถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำบาดเจ็บสาหัส
โรคประจำตัว : มีสายตาที่ดีกว่ามนุษย์ทั่วไป 20 เท่า สามารถระบุใบหน้าของคนอื่นๆได้อย่างชัดเจน แม้คนคนนั้นจะอยู่ห่างออกไปถึง 1.6 กิโลเมตรก็ตาม
‘นาย วชิระ วัชชระไชย’
ถูกจับข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว กระทำการณ์มามากกว่า 20 ครั้ง (ไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่นอนได้)
โรคประจำตัว : มีสภาวะตอบโต้ (Counterattack) ที่รุนแรงและประสาทสัมผัสไวกว่าคนปกติมาก
‘นาย เหนือสมุทร ศิระอนันท์’
ถูกจับข้อหาโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ ลักทรัพย์ หลอกลวง และฉ้อโกง
โรคประจำตัว : มีภาวะสลีปลีสอีลีท (Sleepless Elite) ไม่นอนก็สามารถใช้งานร่างกายได้ตามปกติ
‘นาย เตชินท์ ทฤนห์ภูมิ หรือ มาร์ค วู’
ถูกจับข้อหามียาเสพติกในครอบครอง ผลิตและจัดจำหน่าย
โรคประจำตัว : ร่างกายทนต่อกระแสไฟฟ้าแรงสูงได้มากถึงล้านโวลต์
‘นาย อคิน อริยะพิบุตร’
ถูกจับข้อหาหลอกลวง ฉ้อโกง และละเมินลิขสิทธิ์ผลิตสินค้าเลียนแบบ
โรคประจำตัว : เป็นโรคไฮเปอร์ธีมีเซีย (Hyperthymesia) สามารถจดจำทุกอย่างได้เพียงแค่การมองครั้งเดียว
‘นาย ลาภิน ธนะโชตสกุล’
ถูกจับข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว (เป็นบุคคลไร้ความสามารถตามกฎหมายจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชดูแลอย่างใกล้ชิน)
โรคประจำตัว : เป็นโรคหลายบุคลิกหรือ Dissociative Identity Disorder (DID)
ฟึบ!
แฟ้มประวัติหนาๆถูก ‘ลิต้า’ ตำรวจสาวสวยหน้าใหม่แห่งกรมสอบสวนคดีพิเศษโยนทิ้งลงกล่องเอกสารมากมายที่เธอเตรียมไว้ภายในรถยนต์ส่วนตัวอย่างไม่ใยดี เมื่อใกล้ถึงเวลานัดลิต้าก็จัดผมเผ้าให้ดูดีก่อนยกกล่องเอกสารเหล่านั้นไปหยั่งที่ทำงานใหม่ของเธอ เธอเรียนจบหลักสูตรของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจาก L.A. มาหมาดๆและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาหลายปีจนไม่รู้ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างแต่เธอก็ไม่นึกใส่ใจเพราะเป้าหมายหลักของเธอคือการร่วมงานกับหน่วย S.I.N หรือหน่วยนอกรีดที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญของแผนกสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรม ณ เวลานี้เท่านั้น
หน่วย S.I.N มีชื่อเต็มๆว่า Special Investigation Nefarious ถูกก่อตั้งมาจากโปรเจคประหลาดของทางกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ต้องการเอานักโทษที่มีความสามารถต้องตาเบื้องบนมาใช้งานหรือเรียกได้ว่าเป็นสุนัขรับใช้ของประเทศนั่นเอง
‘ทำดีกรมตำรวจได้หน้า ทำพลาดถูกตัดหางปล่อยวัด’
แค่ฟังสโลแกนของหน่วยนี้ก็ไม่มีใครอยากเข้าแล้ว แต่เพราะความกดดันนั้นเองที่ทำให้หน่วยนี้ขึ้นชื่อเรื่องการสืบสวนและจับตัวคนร้ายเข้าตารางได้มากกว่าหน่วยธรรมดาๆของกรมตำรวจถึงสองเท่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขาคืออาชญากรทำให้รู้ความคิดความอ่านของอาชญากรด้วยกันดี แต่ส่วนใหญ่ซึ่งใครๆต่างก็รู้ นั่นคือการที่พวกเขามีโรคประจำตัวประหลาดที่พิเศษกว่าคนธรรมดาทั่วไป การสืบสวนของหน่วยนี้จึงลื่นไหลและสร้างผลงานมากมายให้กรมตำรวจจนอยู่เป็นตำนานด้านมืดแห่งความยุติธรรมมาได้ถึง 2 ปีเต็ม
และเพราะหมวดมานะถูกหามเข้าโรงพยาบาลจากเหตุการณ์ระเบิดตึกซีซีบีทาวน์เมื่อ 3 วันก่อน สมาชิกของหน่วยนี้จึงขาดไปหนึ่งคน มันช่างประจวบเหมาะกับที่ตำรวจหน้าใหม่อย่างลิต้าสอบบรรจุเข้าที่นี่ได้พอดี หันซ้ายแลขวาดูยังไงก็ไม่มีใครอาสาย้ายจากตำแหน่งงานของตัวเองมาอยู่ในหน่วยนี้สักคน รางวัลล็อตใหญ่งวดนี้จึงตกมาที่ลิต้าเต็มๆ
“เริ่มงานวันแรก ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีทีเถอะ"
ลิต้าพูดพลางหยิบที่คั่นหนังสือซึ่งเป็นแผ่นพลาสติกเคลือบกลีบดอกลิลลี่สีชมพูขึ้นมามองเพื่อขอกำลังใจ จากนั้นเธอก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าเต็มปอดก่อนสาวเท้าเข้าตึกกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อมุ่งตรงไปหยั่งห้องปฏิบัติการของหน่วย S.I.N. ทันที
ติ๊ง!
ทันทีที่ลิฟท์เปิดออกลิต้าก็เดินออกจากลิฟท์ผ่านห้องโถงโล่งๆไฟสลัวๆมาหยั่งห้องห้องหนึ่งที่ดูคล้ายกับเป็นห้องเก็บของมากกว่าหน่วยสืบสวนพิเศษที่กินงบประมาณของกรมนครบาลที่สุดในตึกนี้
“เฮ้อ..”
ลิต้าสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆอีกครั้งก่อนตัดสินใจไขกุญแจที่เธอได้รับมาจากหัวหน้าแผนกเข้าไปในห้องนั้น
แอ๊ด...
“ขอโทษที่มารบกว...?”
ลิต้ายืนสตั้นไปสองวิฯ เพราะนอกจากห้องนี้จะดูรกจนเหมือนห้องเก็บของจริงๆแล้วคนในหน่วยก็ดันอันตรธานหายไปหมดยกหน่วยอีกตังหาก
“อ้าว.. หายไปไหนกันล่ะเนี่ย?”
ลิต้าบ่นงึมงำแล้วเดินไปวางของไว้บนโต๊ะเตี้ยกลางเหล่าโซฟาที่คล้ายกับจุดชุมนุมขนาดย่อม
“!?”
ขณะนั้นเองเธอก็สังเกตเห็นกระดาษโพสอิทแปะอยู่บนป้ายชื่อตั้งโต๊ะบนโต๊ะทำงานมุมสุด มันเป็นมุมที่ดูสะดุดตามากเพราะในขณะที่ทั้งห้องนี้รกอย่างกับรังหนูมีเพียงมุมโต๊ะทำงานมุมนี้เท่านั้นที่สะอาดไร้ฝุ่นไรเกาะ
“ร้อยตำรวจเอก เหมันต์ เกียรติพิทักษ์...” ลิต้าอ่านชื่อบนป้ายเสร็จก็หยิบโพสอิทน่าสงสัยนั่นขึ้นมาอ่าน “ถึงน้องใหม่ มาเจอเราที่ลานใต้สะพาน XXX เที่ยงตรง ห้ามเลท ไม่งั้นโดนทำโทษ…..!!”
เมื่ออ่านข้อความในโพสอิทจบลิต้าก็หันควับไปมองนาฬิกาข้อมือของเธอทันที
“อีก 15 นาทีเองนี่หน่า!”
ลิต้าขย้ำโพสอิทใส่กระเป๋ากางเกงแล้วรีบวิ่งแจ้นออกไปจากหน่วยอย่างไม่คิดชีวิต แต่อย่างน้อยในเวลาเร่งรีบแบบนี้เธอก็ยังไม่ลืมที่จะล็อคห้องกลับคืนไว้อย่างเก่าแม้ในนี้มันไม่น่าจะมีอะไรหายเลยก็ตาม
ระยะห่างจากตึกกรมสอบสวนคดีพิเศษถึงลานใต้สะพาน XXX ใช้เวลาราว 10 นาที แต่ด้วยความขายาวของลิต้ามันจึงทำให้เธอวิ่งตาลีตาเหลือกมาถึงลานใต้สะพานได้ภายในระยะเวลาเพียง 9 นาที 20 วินาที เร็วกว่าที่ผู้หญิงชาวบ้านปกติจะทำได้
กึก! กึก! กึก!
เสียงฝีเท้าของเธอดังก้องไปทั่วลานกว้างโล่งๆที่นักสเก็ตมักมารวมตัวกันเพื่อฝึกฝนทักษะ บริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยอุปกรณ์กีฬาต่างๆและกลุ่มเด็กที่ชอบความโลดโพนจำนวนหนึ่ง
ลิต้ากวาดสายตามองดูรอบๆจนเห็นเต้นท์ร้านขายข้าวแกงอันโดดเด่นอยู่ร้านนึง มีกลุ่มคนในชุดสูทผูกไทด์ 7 คนกำลังนั่งกินข้าวแกงกันอย่างจริงจังพร้อมกับซดขวดเหล้าที่วางเรียงรายเป็นพินโบว์ลิ่งบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย
“!?” ลิต้าได้แต่ขมวดคิ้วทำหน้างงแล้วค่อยๆเดินเข้าไปหาพวกเขาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ
“ฮืม? มาแล้วเหรอเด็กใหม่ เข้ามาสิ”
ชายหัวโต๊ะร่างสูงราวกับนายแบบใบหน้าหล่อตี๋ลุคแด๊ดดี้จนทำให้ลิต้าถึงกับรู้สึกเขินกวักมือเรียกเธอ
“ค-...ค่ะ! ดิฉัน ร้อยตำรวจตรี ลลิตา คชาวงศ์ รายงานตัวค่ะ!”
ด้วยความลนลาน ลิต้ารีบตรงเข้าไปแนะนำตัวกับคนที่มีตำแหน่งสูงสุดก่อน จากนั้นเธอก็ฉายตามองเหล่าสมาชิกในหน่วยทุกคนที่กำลังเมามันส์กับการกินตรงหน้า พวกเขาดูไม่ต่างจากภาพในแฟ้มประวัติที่หัวหน้าแผนกส่งมาให้ลิต้าดูก่อนหน้านั้นเลยสักนิด ไม่แปลกที่เหล่าตำรวจหญิงต่างพากันแอบเสียดายในความหล่อเหลาราวกับเทพบุตรของพวกเขา แต่ละคนดาเมจรุนแรงมากจริงๆ
“ไม่เอาชื่อจริงสิ นี่ไม่ใช่โรงเรียนประถมซะหน่อย” ชายหน้าสวยชายหางตามองลิต้าด้วยท่าทางที่ดูหยอกเย้าสุดๆ
“ฉัน.. ฉันชื่อลิต้าค่ะ”
“ส่วนฉันเลน นี่พี่ธาม พี่เหนือ อคิน สายฟ้า พี่มาร์ค แล้วก็พี่ผู้กองวิน”
ชายคนนั้นแนะนำตัวเองจากนั้นก็ไล่ชื่อเล่นของทุกคนเริ่มตั้งแต่คนที่อยู่ใกล้ตัวเขาสุดไปจนถึงคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
‘ธาวิน เมธาวีรังสันต์ หรือ ธาม’ สมาชิกคนล่าสุดที่เข้ามาอยู่ในหน่วยได้แค่ 7 เดือนเนื่องจากเขาทำร้ายร่างกายลูกชายเศรษฐีคนนึงเจียนตาย เขาเป็นถึงทายาทของมหาเศรษฐีที่รวยลำดับต้นๆของประเทศ แต่ที่ญาติๆไม่มาประกันตัวเขากลับเพราะอยากจะสั่งสอนให้เขารู้สำนึก (ได้ยินพี่ๆในแผนกเม้าท์กันว่าที่จริงญาติๆอยากจะตัดเขาออกจากกองมรดกมากกว่า) แต่ภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็นคือคุณชายเจ้าสำอางหล่อเนี๊ยบและไม่น่าทําตัวเหลวแหลกเลยสักนิด
‘เตชินท์ ทฤนห์ภูมิ หรือ มาร์ค วู’ อดีตมาเฟียค้ายาเสพติดชนิดรุนแรง ภาพลักษณ์หนุ่มตี๋ขาวๆใสๆของเขาดูเปลี่ยนไปทันตาเพราะรอยแผลเป็นที่ยาวทับคิ้วลงมาถึงโหนกแก้มบริเวณตาข้างซ้าย
‘เหนือสมุทร ศิระอนันท์ หรือ เหนือ’ แฮ็กเกอร์สายฮาที่กินไปหัวเราะมุกคนในหน่วยไปอย่างสนุกสนานแลดูเป็นคนสร้างความสดใสให้คนรอบข้าง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นตัวการที่ทำให้กรมตำรวจสั่นคลอนเพราะฝีมือการแฮ็กข้อมูลระดับเทพของเขา ขอเพียงแค่มีเงินจ้างเหนือก็พร้อมพลีกายทำงานทุกอย่างให้ตามสั่งและที่เขาทำไปก็เพื่อสนองความโลภของตัวเองไม่ได้จะทำตัวเป็นโรบินฮู้ดสายพ่อพระที่ปล้นคนรวยมาช่วยเหลือคนจนแต่อย่างใด
‘อคิน อริยะพิบุตร’ นักต้มตุ๋นสายยั่ว ชํ่าชองเรื่องก็อปปี้ของทุกสิ่งอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ด้วยความสามารถพิเศษของเขามันอำนวยด้วย ทั้งท่าทางและคำพูดของเขามันดูดึงดูดให้ชวนเชื่อไปหมด ลิต้าไม่สงสัยเลยว่าเหยื่อของเขาทุกคนทำไมถึงติดกับเขาได้ง่ายดายนัก
‘ลาภิน ธนะโชตสกุล หรือ เลน หรือ ฆาตกรโรคจิต แอล ’ หมอนี่เอาแต่เท้าคางแล้วจ้องมองลิต้าอย่างเจ้าเล่ห์ไม่ยอมวางตา โรคหลายบุคลิกของเขาได้ยินมาว่ามีทั้งหมด 3 ร่าง ร่างลาภิน คือชายหนุ่มในอุดมคติ น่ารัก ใจดี เป็นมิตรกับทุกคน ร่างเลน คือชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการ ชอบหว่านเสน่ห์และฉลาดเป็นกรด ร่างแอล ว่ากันว่าคือร่างของปีศาจร้ายที่กระหายเลือด เมื่อไหร่ที่แอลปรากฎตัวออกมาให้วิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดเพราะนั่นคือคำสั่งไม่ใช่คำเตือน
‘วชิระ วัชชระไชย หรือ สายฟ้า’ นักฆ่าฉายาไวท์แรบบิทที่ 3 ที่ได้ฉายานี้มาเพราะเขาคือทายาทรุ่นที่ 3 ของนักฆ่าฝีมือฉกาจที่มักพกนาฬิกาพกติดตัวไว้ตลอดเวลา ‘ฉันจะสายแล้ว’ คือคำพูดติดปากของไวท์แรบบิทและยังเป็นที่มาของฉายานี้อีกด้วย สายฟ้าเป็นน้องเล็กของหน่วยที่ศักยภาพไม่ได้เล็กตามอายุ เขาถูกฝึกให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่ 7 ขวบ แววตาของเขาดูน่ากลัวราวกับสัตว์ร้ายแต่โดยรวมกลับดูหวานละมัยเพราะใบหน้าของเขาดันน่ารักราวกับกระต่ายน้อยซะอย่างงั้น
‘เหมันต์ เกียรติพิทักษ์ หรือ วิน’ ผู้กองหมาบ้าแห่งหน่วย S.I.N ผู้ไม่เคยมีคดีไหนถูกปล่อยลอยโคมเมื่อตกมาอยู่ในความดูแลของเขา ผู้กองเหมันต์มีความเป็นผู้นำสูงอีกทั้งแพสชั่นในการทำงานของเขาก็มีอยู่เต็มร้อยตลอด 24 ชั่วโมง ถึงขนาดควบคุมเหล่าอาชญากรทั้ง 6 คนนี้ได้ก็นับว่าสุดยอดแล้ว
“ทีนี้คุณก็รู้จักพวกเราแล้ว ถือว่าเราเลี้ยงข้าวต้อนรับคุณก็แล้วกัน” ผู้กองเหมันต์เอียงหน้าไปทางเก้าอี้ด้านข้างเพื่อส่งสัญญาณให้ลิต้าเดินมานั่งระหว่างเขากับธาม
“!..ค่ะ”
“เฮียกวง ขอต้มปลาแล้วก็ยำเพิ่มอีกชุดนะครับ” อคินตะโกนสั่งอาหารให้ลิต้า
“โอเค!ๆ” ชายร่างท้วมท่าทางใจดีตอบรับเขาอย่างเป็นมิตรเหมือนไม่รู้เลยว่าคนที่นั่งอยู่โต๊ะนี้เป็นอาชญากรตัวเป้งของไทยยกชุด
“ทำไมพวกคุณถึงเรียกฉันมาที่นี่ล่ะคะ? เราไม่มีงานต้องทำกันเหรอ? หรือตอนนี้พวกคุณกำลังพักเที่ยงกันอยู่?” ลิต้าเอ่ยปากถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ก็เพราะพี่มาร์คไประเบิดตึกซีซีบีทาวน์น่ะสิ วันนี้เราเลยต้องแต่งหล่อไปขึ้นศาลฯ” เหนืออธิบายพลางหันหน้าไปแหย่มาร์ค
“วุ่นวายชะมัด” มาร์คส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่ที่เธอพูดมันก็จริงนะ หน่วยเราไม่ค่อยมีงานทำกันหรอก ส่วนใหญ่เราจะได้คดีที่ทุกหน่วยบอกปัดมาหมดแล้ว” ธามตอบ
“หรือก็คือคดีที่ไม่มีใครแก้ได้ไง” เลนพูดเสริม
“ช่วงนี้ก็มีแต่รายงานตัวร้ายกับควาย 7 ตัว” อคินยิ้มเยาะให้ตัวเอง
“ผมยอมทรมานในคุกซะยังจะดีกว่าต้องมานั่งเขียนรายงานน่าเบื่อนั่น ขนาดเผลอยิงพวกลูกน้องต๊อกต๋อยแบบไม่ได้ตั้งใจยังต้องเขียนเหตุผลด้วยว่ายิงไปเพราะอะไร พวกเขาไม่รู้จักคำว่า ‘เผลอ’ รึไงนะ” สายฟ้าเคี้ยวไปบ่นไป
“กินให้หมดก่อนแล้วค่อยพูดสิ” อคินเอ็นน้อง
ลิต้ารู้สึกแปลกใจที่หน่วยนี้เขาคุยกันแบบคนปกติกว่าที่เธอคิด และทุกคนก็ดูเป็นมิตรกับเธอมาก ต่างจากจินตนาการที่เธอวาดภาพไว้ราวฟ้ากับเหว
กึก! กึก! กึก!
ทว่าจู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกลพร้อมกับชายร่างสมส่วนในชุดเครื่องแบบตำรวจที่วิ่งตรงมาหาพวกเขาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบไม่แพ้ลิต้าในตอนแรก
“โอ๊ะ? นั่นจ่านพไม่ใช่เหรอ?” เหนือมองเขาด้วยความแปลกใจ
ลิต้าที่ไม่เคยได้สัมผัสกับแผนกสืบสวนมาก่อนก็ได้แต่นั่งงงเพราะเธอไม่รู้จักกับตำรวจคนนี้เลยแม้จะอยู่ในที่ทำงานเดียวกันแล้วก็ตาม
“มะ.มีคดีเร่งด่วนเข้ามา! สารวัตรวิทูรเรียกพบพวกนายด่วนเลย!”
นายตำรวจคนนั้นยืนถอนหายใจหอบแรงข้างๆผู้กองเหมันต์
“คดีเร่งด่วนเหรอ? คดีอะไร คนบ้าจี้ร้านทอง ตึกถล่ม หรือมีนักโทษแหกคุก” ผู้กองเหมันต์ถามด้วยความชิล
“คดีเด็กหายน่ะ”
“หา? แค่เด็กหายธรรมดาทีมอื่นทำเองไม่ได้รึไง นอนกินเงินเดือนกันสบายใจเฉิบเลยสิคนหน่วยนี้” อคินโวยวาย
“เด็กที่บอกว่าหายน่ะ.. คือหายทั้งหมู่บ้าน”
“!!!!”
ความคิดเห็น