NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามรักรัฐภาค [ชุด Men Of Lions] + EBook

    ลำดับตอนที่ #1 : นางไม้แสนสวย 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 65





     


      

     การมาของนางไม้แสนสวย


    ทุ่งหญ้าเขียวขจีบนเนื้อที่อันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตากว่าห้าพันไร่ทางทิศอุดรอย่าง ‘ไร่ครองทรัพย์’ ในรุ่นของ ‘รัฐภาค ฟานเซส’ สิงห์ตัวที่สี่แห่งฟานเซส เจ้าของไร่คนใหม่ที่เข้ามาบริหารงานต่อจากผู้เป็นตาที่ลาโลกไปได้ไม่นาน เป็นการขอร้องแกมบังคับจากผู้เป็นมารดาขอให้กลับมาดูแล เขาไม่ปฏิเสธและใช้โอกาสนี้เอาหัวใจที่ถูกเหยียบย้ำจนไม่เหลือชิ้นดีจากผู้หญิงมักมากกลับมารักษา

    ร่างสูงใหญ่ควบม้าเข้าในไร่ท่าทางทะมัดทะแมง หลังจากผ่านคืนฝนตกหนักราวฟ้ารั่ว เขาต้องรีบไปดูแปลงเมล็ดพันธุ์ที่พึ่งจะลงไป ขาแกร่งกระโดดลงจากหลังม้าคู่ใจเข้าไปหา ‘ลุงเสือ’ หัวหน้าคนงานเก่าแก่ที่ร่วมบุกเบิกไร่แห่งนี้

    “เสียหายมากไหมครับ”

    นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองไปตามแปลงเมล็ดพันธุ์กว่าสามพันแปลงบนเนื้อที่หนึ่งในสี่ของไร่ครองทรัพย์จากทั้งหมดสองพันห้าร้อยไร่อย่างเป็นกังวล

    “ทางนี้ไม่มากเท่าไรครับ ที่หนักสุดเห็นจะเป็นแปลงที่อยู่ติดไร่เหมันต์ทางเหนือ เพราะมีน้ำป่ามันไหลบากลงเข้าทางนั้นพอดี ไร่เราจึงโดนเข้าไปเต็มๆ”

    “แล้วส่งคนไปดูแล้วหรือยัง”

    ใบหน้าคมฉายความเป็นกังวลชัดเจน ดวงตาคู่คมกวาดมองไปยังผลผลิตที่เขาบ่มเพาะมาหลายเดือนที่ถูกน้ำป่าทำลายไปมากพอดู เดินตามหลังร่างสูงใหญ่ของลุงเสือหัวหน้าคนงานรุ่นเก๋าที่รู้ทุกซอกทุกมุมในไร่แห่งนี้ดีที่สุด

    “ไปตั้งแต่เช้าแล้วครับ บ่ายนี้ก็น่าจะซ่อมคูกั้นน้ำเสร็จ ก่อนฝนบ่ายนี้จะเทลงมาอีกรอบ” บอกเจ้านายหนุ่ม

    “แล้วฝั่งผลไม้เป็นยังไงบ้างครับ ไม่โดนไปด้วยใช่ไหม” 

    ขายาวลำสันก้าวมาหยุดลงที่แปลงสวนผลไม้สามฤดูที่เขาเป็นคนวิจัยขึ้นมาและพึ่งทดลองปลูกจริงเป็นครั้งแรก

    “ยังอยู่ดีครับ ผลไม้ที่คุณดอมวิจัย รากมันแข็งแรงใช้ได้เลยทีเดียว ต้านโรคและลมมรสุมได้ดีเยี่ยม”

    เสืออดชื่นชมนายหนุ่มไม่ได้ เขาเป็นเก่งและฉลาดมาก คิดค้นและดัดแปลงเมล็ดพันธุ์จนได้ผลสำเร็จ แตกต่างจากครั้งแรกที่เขามาที่นี่ ใบหน้าสะอาดสะอ้านเกินกว่าที่จะมาทำไร่ทำสวนเป็น พวกเขาเคยคิดว่าจะอยู่ได้กี่น้ำ ไม่กี่วันคงได้วิ่งแจ้นกลับบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นฟ้า แต่มันกับทำให้พวกเขาคิดผิดไปถนัด ผู้ชายคนนี้ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า

    ‘...จะซื้อผลไม้อย่าดูแค่ผิวเปลือก เพราะเนื้อแท้ข้างในอาจไม่น่าทานเหมือนเปลือกของมันก็เป็นได้’

    คนเราก็เช่นกัน อย่าได้รีบด่วนตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดี ถ้ายังไม่เห็นว่าเขาทำอะไรได้หรือไม่ได้แค่ภายนอกที่เห็น เพราะบางทีเขาอาจจะมีดีที่ข้างในซึ่งยังไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นก็เป็นได้

     

    รัฐภาค ฟานเซส ส่งหัวหน้าคนงานเรียบร้อย ก้าววนกลับมาหาควบม้าหนุ่มแล้วมุ่งหน้ากลับ เรือนทิพย์ดวงตาคู่คมพลันเหลือบไปเห็นร่างบอบบางที่กำลังควบม้าสาวทรงงามวิ่งไปบนทุ่งหญ้าเขียวห่างไปไม่กี่สิบเมตร ทุกอย่างรอบกายพลันหยุดนิ่งสนิทลงเหมือนนาฬิกาหมดถ่าน

    เมื่อหมวกปีกกว้างที่สวมอยู่บนศีรษะได้รูปหลุดลอยไป เผยให้เห็นใบหน้านวลเนียนอ่อนเยาว์สีน้ำผึ้ง เส้นผมสีดำสนิทยาวสยายพลิ้วไหวไปตามแรงลมที่เข้าปะทะ เสื้อเชิ้ตลายสวยตัดกับผิวสีน้ำผึ้ง แต่นั้นไม่ได้ทำให้ความงดงามของเจ้าหล่อนลดน้อยลงไปได้เลย

    สิงห์หนุ่มพลันหยุดนิ่งมองหญิงสาวอยู่นานนับนาที จนหญิงสาวควบม้าห่างออกไปไกลสุดสายตา แต่เขายังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน และทำให้เขาอยากจะรู้ใจแทบขาดว่าเธอคนนั้นเป็นใคร ชื่อเสียงเรียงนามว่ายังไง แวบแรกในหัวบอกให้รีบควบม้าตามเธอไป

    ...แต่นั่นยังช้ากว่าห่าฝนที่เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว จำต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากหญิงสาวเป็นวิ่งหาที่หลบฝน ได้เพิงไม้ริมทางช่วยชีวิตเอาไว้

    “เฮ้ย... จริงๆเลย”

    ช่างน่าเสียดายนัก เขาเกือบจะได้รู้จักเจ้าหล่อนอยู่แล้วเชียว ดันมาเจออุปสรรคที่ไม่น่าจะมี ที่โบราณว่าไว้ ‘ฟ้าฝนไม่เข้าข้าง’

    ...เอาน่าวันพระไม่ได้มีหนเดียว สักวันเขาจะต้องเจอเธออีกครั้งให้ได้ อยู่ใกล้กันแค่รั้วกางกัน ไม่ยากเกินความสามารถของเขา

     

    เสียงร้องของนกบินออกจากรังแข่งกับเสียงลมที่กำลังพัดโยกไหวยอดไม้ ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาต่างวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เป็นภาพที่หาดูได้ยากในสังคมปัจจุบัน ยุคสมัยเปลี่ยนได้ไป ความผิดชอบชั่วดีก็หายไปตามกาลเวลา จนได้เกิดสุภาษิตไทยที่ว่า ‘มือใครยาวสาวได้สาวเอา’

    เพราะความไม่พอ เห็นเงินเป็นพระเจ้า เห็นทองเป็นมหาอำนาจ เห็นคนในครอบครัวเป็นเพียงธาตุและอากาศ ชิงดีชิงเด่นไม่รู้จักจบจักสิ้น ฐานะครอบครัวร่ำรวยมากเท่าไร ยิ่งก่อเกิดความโลภมากขึ้น ฆ่าแกงกันเป็นผักปลาโดยไม่มีใครสนใจ ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวของ ‘สมานุช ศิตาศาสตร์’ หญิงสาวที่มุ่งมั่นพัฒนา ไร่เหมันต์ให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนสมัยผู้เป็นบิดายังอยู่

    ร่างโปร่งบางทะมัดทะแมงกระโดดขึ้นควบม้าคู่ใจวิ่งออกสำรวจไร่เหมือนเช่นทุกวัน ถ้าบิดาและพี่ชายยังอยู่เธอก็คงได้เป็นคุณหมอเหมือนที่ตั้งใจ อย่างที่รู้กันดีมันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่อยู่ที่นี่เธอมีความสุขและสบายดี ‘อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ ขอเพียงมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ย่อมผ่านไปได้...’

    “ของที่สั่งมาส่งที่โกดังแล้วนะครับ”

    ‘ราม’ ลูกน้องคนสนิทก้าวยาวเข้ามาบอกนายสาวที่กำลังตรวจดูแปลงผลไม้อยู่กับคนงาน

    “เดี๋ยวฉันตามไป” สมานุชพยักหน้ารับ พลางหันไปสั่งงานคนงานต่อ

    “เดี๋ยวแปลงนี้ก็เก็บตามเปลี่ยนอื่นไปได้เลยนะ ต้นไหนที่เป็นโรคก็ให้ตัดแต่งกิ่งออกไปเลย ป้องกันไม่ให้ลามไปต้นอื่น” หลังจากนั้นผละเดินกลับมาหาลูกน้องที่ยืนรออยู่ข้างม้าสาว

    “...แล้วของได้ครบไหม”

    “กำลังให้คนงานตรวจเช็คครับ”

    “อืม ขอบใจมาก” เจ้าของไร่สาวพยักหน้ารับ จากนั้นกระโดดขึ้นหลังม้าสาวแล้วควบมันตรงไปที่โกดังเก็บผลผลิตที่อยู่ห่างไปอีกฟากฝั่งของไร่


    สมานุชก้าวลงจากหลังม้าเดินตรงเข้าหาชายวัยกลางคนที่ยืนตรวจนับจำนวนของที่สั่ง

    “เป็นไงบ้างคะ”

    “คุณสมามาพอดี ของมาครบครับ อันนี้เป็นรายการที่ส่งมาครับ”

    ‘ลุงมั่น’ หัวหน้าคนงานคนเก่าคนแก่ของไร่เหมันต์ยื่นใบสั่งซื้อสินค้าให้นายสาว สมานุชกวาดสายตาคู่สายดูรายการของที่ได้รับ แล้วส่งคืนกลับให้หัวหน้าคนงาน

    “จัดการเก็บเข้าโกดังได้เลย ...บ่ายนี้จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจดูคุณภาพผลผลิต สมาฝากลุงช่วยดูแทนด้วย”

    “ไม่มีปัญหาครับ คุณสมาไม่ต้องห่วง”

    “ขอบใจมาก รามไป” 

    หลังสั่งงานทุกอย่างให้หัวหน้าคนงานแล้วเสร็จ ก้าวยาวตรงไปหาเจ้าช่อนาง แล้วกระโดดขึ้นหลังมุ่งหน้าตรงกลับบ้านพักที่อยู่ห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร


    สมานุชและรามมาหยุดลงหน้า ‘เรือนแก้ว’ บ้านทรงไทยร่วมสมัยที่ถูกออกมาให้ใช้ประโยชน์และกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด ขาเรียวก้าวมาหยุดลงที่ห้องรับแขก หันไปบอกสาวใช้ให้เข้ามารับตะกร้าองุ่นลูกโตสดจากไร่ที่เธอแวะเก็บตอนขากลับ

    “เอาองุ่นไปล้างใส่จานเอาไปให้ฉันที่ห้องทำงาน ส่วนที่เหลือแบ่งไปกินก็แล้วกันนะ”

    พลางเอียงหน้ามาไปยังร่างสูงที่มีใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเคราของลูกน้องคนสนิทของผู้เป็นลุงที่กำลังเดินหน้านิ่งตรงเข้ามาจุดที่เธอกำลังคุยกับสาวใช้อยู่

    “...มีอะไร?”

    “เจ้านายเชิญที่ห้องทำงานครับ”

    “เดี๋ยวฉันตามไป” คล้อยหลังร่างสูงไปแล้ว เธอยังนึกสงสัยอยู่ว่าคนเป็นอาเรียกหาเธอทำไม? ทั้งที่วันนี้ท่านน่าจะออกไปข้างนอกแล้ว

    “คุณบดินทร์มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณสมา?” รามอดแปลกใจไม่ได้ ร้อยวันพันปีอาหลานไม่เคยที่จะคุยกัน จะมีคุยก็ไม่เกินห้านาทีด้วยซ้ำ หรือว่ามีเรื่องอื่น...

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันฝากเอาเอกสารไปเก็บที่ห้องทำงานด้วย”

    “ได้ครับคุณสมา” รามรับเอกสารจากมือนายสาวเสร็จพลางเลี่ยงออกไปเงียบๆ

    สมานุชมองดูเวลาบนข้อมือเรียวเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามร่างสูงของลูกน้องหนุ่มไป

     

    ประตูห้องทำงานใหญ่ของ ‘บดินทร์ ศิตาศาสตร์’ ถูกผลักเปิดเข้ามาพร้อมร่างสูงโปร่งของคนที่เรียกว่า หลานสาว

    สมานุชเดินอ้อมไปนั่งลงเก้าอี้รับแขกกลางห้องและเอ่ยถามถึงธุระที่คนเป็นอาให้ลูกน้องไปตามเธอมา

    “เห็นลูกน้องบอกคุณอาอยากพบสมา มีเรื่องอะไรคะ?”

    “อ้าวมาแล้วหรอ นั่งก่อนสิ” บดินทร์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้า พลางลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาหลานสาวที่ก้าวไปนั่งรออยู่ที่โซฟา

    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก อาแค่จะถามเรื่องที่เราจะเปิดใช้เส้นทางท้ายไร่นะ” ถามด้วยท่าทางสบาย เอนหลังพิงพนักโซฟามองมาที่หลานสาวอย่างมีนัยยะ

    “ใช่ค่ะ พอดีช่วงนี้ผลผลิตของเราเยอะกว่าทุกปี สมาเลยคิดว่าจะเปิดเส้นทางท้ายไร่เพิ่มจะได้ระบายผลผลิตออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ดีกว่าที่จะปิดไว้เฉยๆ หรือคุณอามีโครงการจะใช้คะ?” สมานุชแปลกใจที่คนเป็นอาถามถึง ทั้งที่ไม่เคยสนใจหรือเข้ามายุ่งเรื่องงานในไร่เลย

    “เปล่าหรอก อาแค่แปลกใจเห็นว่ามันถูกปิดร้างมานาน แต่เปิดใช้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ระบายของได้สะดวกขึ้น” บดินทร์รีบแก้ เมื่อเห็นหลานสาวทำหน้างุนงงสงสัย

    “...อาหมายถึงผลผลิตของไร่เรานะ”

    “สมาก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ งั้นก็ดีเลย พรุ่งนี้จะได้ให้คนงานเริ่มเปิดทางเลย ถ้าไม่มีอะไรแล้วสมาขอตัวก่อน”

    “ตามสบายเลยลูก พักผ่อนบ้างล่ะ อย่าหักโหมมากเกินไปเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

    “อาไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ แค่นี้สบายมาก ไปนะคะ” สมานุชผละลุกจากเก้าอี้ตัวใหญ่แล้วเดินออกจากห้องทำงานของคนเป็นอาไป

     บดินทร์มองตามร่างหลานสาวด้วยแววตาเข้มขึ้น มือหนาเผลอกำเข้าหากันแน่น มือหนาคว้าโทรศัพท์ติดต่อหาใครคนหนึ่ง พลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ริมฝีปากหนาอย่างมาดร้าย

     

    “ช่วยด้วย!”

    รัฐภาคที่กำลังเดินตรวจดูแปลงเมล็ดพันธุ์ที่พึ่งลงใหม่ หันขวับไปยังที่มาของเสียง ได้ยินร้องขอความช่วยเหลือดังอยู่ใกล้กับจุดที่เขายืนอยู่ คว้าอาวุธคู่ที่กายที่พกไว้ติดตัวตลอดเวลาออกมาจากขอบกางเกง วิ่งตรงเข้าไปอย่างไม่กลัวเกรง ก่อนดวงตาคู่คมเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็น

    ผู้หญิงคนนั้น!

    เขาไม่มีเวลาคิดอะไรมาก ร่างสูงพุ่งเข้าไปช่วยร่างบางที่นอนอยู่ใต้ร่างหนาเห็นหญิงสาวพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดสุดชีวิต

    “โอ้ย!” 

    วายร้ายไม่ทันได้ตั้งตัวถูกกระชากคอเสื้อปลิวออกจากไปนอนกองอยู่กับพื้นอย่างไม่เป็นท่า ตามมาด้วยมัดรุ่นๆ ลอยเข้าปะทะที่ใบหน้ารกครึ้มจนล้มกลิ้งไปกับพื้น

    “โอย! มึงเป็นใครวะ” 

    ทั้งหมดหันไปผู้มาใหม่ เห็นใบหน้ารกครึมไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยต่างมองหน้ากันว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน แล้วเข้ามายุ่งอะไรด้วย

    “มึงไม่ต้องรู้หรอกว่ากูเป็นใคร ปล่อยผู้หญิงซะ!

    “ไม่ใช่เรื่องของมึง ...จัดการมัน!” 

    ร่างยักษ์ที่กำลังยืนจับกุมแขนเรียวของหญิงสาวอยู่หันไปตะโกนบอกพรรคพวกทางด้านหลัง สามร่างสูงภายใต้หมวกคลุมสีดำเตรียมพร้อมอยู่แล้วก้าวเข้าไปล้อมคนที่รนหาที่ตายอย่างรวดเร็ว ดึงมีดปลายแหลมที่เอวออกมาแล้วพุ่งจ้วงเข้าหาทันที รัฐภาคเบี่ยงตัวหลบมีดพุ่งเข้าหา แต่ไม่พ้นปลายมีดเฉียดเข้าที่ต้นแขนแกร่งจนได้เลือดสีแดงสดไหลเป็นทางมาตามเรียวแขน

    “เล่นทีเผลอกันเลยหรอ หึ มีแค่นี้เอง” ชายหนุ่มก้มลงมองแผลอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เข้มขึ้นแทบจะจำสีเดิมไม่ได้

    “...ได้! งั้นมาดูกันว่ามึงจะอึดแค่ไหนกัน” ทั้งสามเห็นดั่งนั้นจึงพยักหน้าส่งสัญญาณแล้วพุ่งเข้าไปพร้อมกัน

    รัฐภาคเตรียมรับมือ อาศัยทักษะที่มีมากกว่าและจังหวะที่มันกำลังเผลอรีบพุ่งตวัดพลิกมีดในมืออีกฝ่ายมาเป็นของเขา เล่นงานกลับไปจนร่างผอมของลงไปนอนสลบเมือบกับพื้น สิงห์หนุ่มหันขวับกลับมาทางด้านหลังที่มีสองวายร้ายจับกุมหญิงสาวอยู่

    “ปล่อยเธอดีกว่าน่า ฉันไม่อยากทำร้ายใคร” 

    สองร่างมองหน้ากันเลอะละ เกิดอาการหวาดหวั่นไม่กล้าเข้าไปขึ้นมา เห็นแววตาสีน้ำตาลอ่อนที่จ้องมาก็มือไม้อ่อนปวกเปียกทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ

     “...มันไม่ใช่เรื่องของมึง อย่ายุ่ง!” 

    ใบหน้าภายใต้หมวกคุมสีดำกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พยายามรวบรวมความกล้า ทำใจดีสู้เสือ ส่งน้ำเสียงห้วนกร้าวผ่านหมวกคลุมสีดำไป หนึ่งในสองไม่สบอารมณ์หนักขึ้น เมื่อเรื่องยืดเยื้อไม่จบลงเสียที แล้วไอ้บ้านี้ทำไมจะต้องโผล่มาตอนนี้ด้วย!

    “เกี่ยวสิ! รีบปล่อยผู้หญิงมาดีกว่า ถ้ายังอยากจะยืนตรงเก้าสิบองศา หรือไม่งั้นอยากจะลงไปนอนหลับสบายเหมือนเพื่อนพวกแก เลือกเอา” 

    น้ำเสียงเนิบนาบชวนขนหัวลุก ขาแกร่งย่างก้าวเข้าไปหาสองวายร้ายอย่างเชื่องช้า ไม่มีท่าทีกลัวเกรงแม้แต่น้อย เลือดสีแดงสดไหลอาบมาตามเรียวแขนหยดลงบนมีดในมือช่างน่าสยองนัก 

    “เอาไงดีพี่ ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายแล้วนะ ไอ้บ้านั้นคงไป ถ้าไม่ได้ตัวผู้หญิงกลับไปกับมันด้วย”

    “อย่าปอดแหกสิวะ! มันมีแค่คนเดียว เรามีตั้งสองคนจะกลัวอะไร ไปจัดการมัน!” หันไปตวาดใส่ลูกน้องเสียงเหี้ยม แล้วผลักให้ออกไปประจันหน้ากับชายหนุ่ม

    “ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว ปล่อยผู้หญิงซะ!” 

    เสียงทุ้มเหี้ยมผ่านไรฟันดังขัดขึ้น ทำเอาสามวายร้ายสะดุ้งโยง แต่พวกเขาคิดในอีกทาง ขื่นกลับไปมือเปล่าต้องตายเหมือนกัน สู้ลองกันสักตั้งให้รู้ดำรู้แดงตรงนี้ไปเลย

    “อยากได้ก็ตามมาเข้าสิวะ!”

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป...




    สั่งซื้อ EBook (เต็มเรื่อง) สำหรับวัยรุ่นใจร้อน ได้ก่อนใคร ตามลิงค์ด้านล่างเลยจ้า  

    --> https://www.mebmarket.com/ebook-51191-ตามรักรัฐภาค-Men-Of-Lions <---


    ฝากกด   ติดตาม / คอมเมนท์ เป็นกำลังใจให้ด้วยน้า ^^

    ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่... ---> เฟชบุ๊คแฟนเพจ  :  Raniya.writer


    *** ขอบคุณทุกกำลังใจและการสนับสนุนทุกช่องทาง และ คอมเม้นท์ ที่มาเพิ่มแรงฮึดให้ไรท์ตัวอ้วน ***

    ขอบคุณมากๆ จากใจค่ะ  ^___^



     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×