คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : นางไม้แสนสวย 1
การมาของนางไม้แสนสวย
ทุ่งหญ้าเขียวขจีบนเนื้อที่อันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตากว่าห้าพันไร่ทางทิศอุดรอย่าง ‘ไร่ครองทรัพย์’ ในรุ่นของ ‘รัฐภาค ฟานเซส’ สิงห์ตัวที่สี่แห่งฟานเซส เจ้าของไร่คนใหม่ที่เข้ามาบริหารงานต่อจากผู้เป็นตาที่ลาโลกไปได้ไม่นาน เป็นการขอร้องแกมบังคับจากผู้เป็นมารดาขอให้กลับมาดูแล เขาไม่ปฏิเสธและใช้โอกาสนี้เอาหัวใจที่ถูกเหยียบย้ำจนไม่เหลือชิ้นดีจากผู้หญิงมักมากกลับมารักษา
ร่างสูงใหญ่ควบม้าเข้าในไร่ท่าทางทะมัดทะแมง หลังจากผ่านคืนฝนตกหนักราวฟ้ารั่ว
เขาต้องรีบไปดูแปลงเมล็ดพันธุ์ที่พึ่งจะลงไป ขาแกร่งกระโดดลงจากหลังม้าคู่ใจเข้าไปหา
‘ลุงเสือ’ หัวหน้าคนงานเก่าแก่ที่ร่วมบุกเบิกไร่แห่งนี้
“เสียหายมากไหมครับ”
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองไปตามแปลงเมล็ดพันธุ์กว่าสามพันแปลงบนเนื้อที่หนึ่งในสี่ของไร่ครองทรัพย์จากทั้งหมดสองพันห้าร้อยไร่อย่างเป็นกังวล
“ทางนี้ไม่มากเท่าไรครับ ที่หนักสุดเห็นจะเป็นแปลงที่อยู่ติดไร่เหมันต์ทางเหนือ
เพราะมีน้ำป่ามันไหลบากลงเข้าทางนั้นพอดี ไร่เราจึงโดนเข้าไปเต็มๆ”
“แล้วส่งคนไปดูแล้วหรือยัง”
ใบหน้าคมฉายความเป็นกังวลชัดเจน ดวงตาคู่คมกวาดมองไปยังผลผลิตที่เขาบ่มเพาะมาหลายเดือนที่ถูกน้ำป่าทำลายไปมากพอดู
เดินตามหลังร่างสูงใหญ่ของลุงเสือหัวหน้าคนงานรุ่นเก๋าที่รู้ทุกซอกทุกมุมในไร่แห่งนี้ดีที่สุด
“ไปตั้งแต่เช้าแล้วครับ บ่ายนี้ก็น่าจะซ่อมคูกั้นน้ำเสร็จ
ก่อนฝนบ่ายนี้จะเทลงมาอีกรอบ” บอกเจ้านายหนุ่ม
“แล้วฝั่งผลไม้เป็นยังไงบ้างครับ ไม่โดนไปด้วยใช่ไหม”
ขายาวลำสันก้าวมาหยุดลงที่แปลงสวนผลไม้สามฤดูที่เขาเป็นคนวิจัยขึ้นมาและพึ่งทดลองปลูกจริงเป็นครั้งแรก
“ยังอยู่ดีครับ ผลไม้ที่คุณดอมวิจัย รากมันแข็งแรงใช้ได้เลยทีเดียว
ต้านโรคและลมมรสุมได้ดีเยี่ยม”
เสืออดชื่นชมนายหนุ่มไม่ได้ เขาเป็นเก่งและฉลาดมาก คิดค้นและดัดแปลงเมล็ดพันธุ์จนได้ผลสำเร็จ
แตกต่างจากครั้งแรกที่เขามาที่นี่ ใบหน้าสะอาดสะอ้านเกินกว่าที่จะมาทำไร่ทำสวนเป็น
พวกเขาเคยคิดว่าจะอยู่ได้กี่น้ำ ไม่กี่วันคงได้วิ่งแจ้นกลับบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นฟ้า
แต่มันกับทำให้พวกเขาคิดผิดไปถนัด ผู้ชายคนนี้ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า
‘...จะซื้อผลไม้อย่าดูแค่ผิวเปลือก
เพราะเนื้อแท้ข้างในอาจไม่น่าทานเหมือนเปลือกของมันก็เป็นได้’
คนเราก็เช่นกัน อย่าได้รีบด่วนตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดี ถ้ายังไม่เห็นว่าเขาทำอะไรได้หรือไม่ได้แค่ภายนอกที่เห็น
เพราะบางทีเขาอาจจะมีดีที่ข้างในซึ่งยังไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นก็เป็นได้
รัฐภาค ฟานเซส ส่งหัวหน้าคนงานเรียบร้อย ก้าววนกลับมาหาควบม้าหนุ่มแล้วมุ่งหน้ากลับ
‘เรือนทิพย์’ ดวงตาคู่คมพลันเหลือบไปเห็นร่างบอบบางที่กำลังควบม้าสาวทรงงามวิ่งไปบนทุ่งหญ้าเขียวห่างไปไม่กี่สิบเมตร
ทุกอย่างรอบกายพลันหยุดนิ่งสนิทลงเหมือนนาฬิกาหมดถ่าน
เมื่อหมวกปีกกว้างที่สวมอยู่บนศีรษะได้รูปหลุดลอยไป เผยให้เห็นใบหน้านวลเนียนอ่อนเยาว์สีน้ำผึ้ง
เส้นผมสีดำสนิทยาวสยายพลิ้วไหวไปตามแรงลมที่เข้าปะทะ เสื้อเชิ้ตลายสวยตัดกับผิวสีน้ำผึ้ง
แต่นั้นไม่ได้ทำให้ความงดงามของเจ้าหล่อนลดน้อยลงไปได้เลย
สิงห์หนุ่มพลันหยุดนิ่งมองหญิงสาวอยู่นานนับนาที
จนหญิงสาวควบม้าห่างออกไปไกลสุดสายตา แต่เขายังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน และทำให้เขาอยากจะรู้ใจแทบขาดว่าเธอคนนั้นเป็นใคร
ชื่อเสียงเรียงนามว่ายังไง แวบแรกในหัวบอกให้รีบควบม้าตามเธอไป
...แต่นั่นยังช้ากว่าห่าฝนที่เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว จำต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากหญิงสาวเป็นวิ่งหาที่หลบฝน
ได้เพิงไม้ริมทางช่วยชีวิตเอาไว้
“เฮ้ย... จริงๆเลย”
ช่างน่าเสียดายนัก เขาเกือบจะได้รู้จักเจ้าหล่อนอยู่แล้วเชียว
ดันมาเจออุปสรรคที่ไม่น่าจะมี ที่โบราณว่าไว้ ‘ฟ้าฝนไม่เข้าข้าง’
...เอาน่าวันพระไม่ได้มีหนเดียว สักวันเขาจะต้องเจอเธออีกครั้งให้ได้
อยู่ใกล้กันแค่รั้วกางกัน ไม่ยากเกินความสามารถของเขา
เสียงร้องของนกบินออกจากรังแข่งกับเสียงลมที่กำลังพัดโยกไหวยอดไม้
ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาต่างวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน
เป็นภาพที่หาดูได้ยากในสังคมปัจจุบัน ยุคสมัยเปลี่ยนได้ไป ความผิดชอบชั่วดีก็หายไปตามกาลเวลา
จนได้เกิดสุภาษิตไทยที่ว่า ‘มือใครยาวสาวได้สาวเอา’
เพราะความไม่พอ เห็นเงินเป็นพระเจ้า เห็นทองเป็นมหาอำนาจ
เห็นคนในครอบครัวเป็นเพียงธาตุและอากาศ ชิงดีชิงเด่นไม่รู้จักจบจักสิ้น
ฐานะครอบครัวร่ำรวยมากเท่าไร ยิ่งก่อเกิดความโลภมากขึ้น ฆ่าแกงกันเป็นผักปลาโดยไม่มีใครสนใจ
ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวของ ‘สมานุช ศิตาศาสตร์’ หญิงสาวที่มุ่งมั่นพัฒนา ‘ไร่เหมันต์’ ให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนสมัยผู้เป็นบิดายังอยู่
ร่างโปร่งบางทะมัดทะแมงกระโดดขึ้นควบม้าคู่ใจวิ่งออกสำรวจไร่เหมือนเช่นทุกวัน
ถ้าบิดาและพี่ชายยังอยู่เธอก็คงได้เป็นคุณหมอเหมือนที่ตั้งใจ อย่างที่รู้กันดีมันไม่มีทางเป็นไปได้
แต่อยู่ที่นี่เธอมีความสุขและสบายดี ‘อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้
ขอเพียงมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ย่อมผ่านไปได้...’
“ของที่สั่งมาส่งที่โกดังแล้วนะครับ”
‘ราม’ ลูกน้องคนสนิทก้าวยาวเข้ามาบอกนายสาวที่กำลังตรวจดูแปลงผลไม้อยู่กับคนงาน
“เดี๋ยวฉันตามไป” สมานุชพยักหน้ารับ พลางหันไปสั่งงานคนงานต่อ
“เดี๋ยวแปลงนี้ก็เก็บตามเปลี่ยนอื่นไปได้เลยนะ
ต้นไหนที่เป็นโรคก็ให้ตัดแต่งกิ่งออกไปเลย ป้องกันไม่ให้ลามไปต้นอื่น” หลังจากนั้นผละเดินกลับมาหาลูกน้องที่ยืนรออยู่ข้างม้าสาว
“...แล้วของได้ครบไหม”
“กำลังให้คนงานตรวจเช็คครับ”
“อืม ขอบใจมาก” เจ้าของไร่สาวพยักหน้ารับ จากนั้นกระโดดขึ้นหลังม้าสาวแล้วควบมันตรงไปที่โกดังเก็บผลผลิตที่อยู่ห่างไปอีกฟากฝั่งของไร่
สมานุชก้าวลงจากหลังม้าเดินตรงเข้าหาชายวัยกลางคนที่ยืนตรวจนับจำนวนของที่สั่ง
“เป็นไงบ้างคะ”
“คุณสมามาพอดี ของมาครบครับ อันนี้เป็นรายการที่ส่งมาครับ”
‘ลุงมั่น’
หัวหน้าคนงานคนเก่าคนแก่ของไร่เหมันต์ยื่นใบสั่งซื้อสินค้าให้นายสาว สมานุชกวาดสายตาคู่สายดูรายการของที่ได้รับ
แล้วส่งคืนกลับให้หัวหน้าคนงาน
“จัดการเก็บเข้าโกดังได้เลย ...บ่ายนี้จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจดูคุณภาพผลผลิต
สมาฝากลุงช่วยดูแทนด้วย”
“ไม่มีปัญหาครับ คุณสมาไม่ต้องห่วง”
“ขอบใจมาก รามไป”
หลังสั่งงานทุกอย่างให้หัวหน้าคนงานแล้วเสร็จ
ก้าวยาวตรงไปหาเจ้าช่อนาง แล้วกระโดดขึ้นหลังมุ่งหน้าตรงกลับบ้านพักที่อยู่ห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร
สมานุชและรามมาหยุดลงหน้า ‘เรือนแก้ว’ บ้านทรงไทยร่วมสมัยที่ถูกออกมาให้ใช้ประโยชน์และกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด
ขาเรียวก้าวมาหยุดลงที่ห้องรับแขก หันไปบอกสาวใช้ให้เข้ามารับตะกร้าองุ่นลูกโตสดจากไร่ที่เธอแวะเก็บตอนขากลับ
“เอาองุ่นไปล้างใส่จานเอาไปให้ฉันที่ห้องทำงาน ส่วนที่เหลือแบ่งไปกินก็แล้วกันนะ”
พลางเอียงหน้ามาไปยังร่างสูงที่มีใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเคราของลูกน้องคนสนิทของผู้เป็นลุงที่กำลังเดินหน้านิ่งตรงเข้ามาจุดที่เธอกำลังคุยกับสาวใช้อยู่
“...มีอะไร?”
“เจ้านายเชิญที่ห้องทำงานครับ”
“เดี๋ยวฉันตามไป” คล้อยหลังร่างสูงไปแล้ว เธอยังนึกสงสัยอยู่ว่าคนเป็นอาเรียกหาเธอทำไม?
ทั้งที่วันนี้ท่านน่าจะออกไปข้างนอกแล้ว
“คุณบดินทร์มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณสมา?”
รามอดแปลกใจไม่ได้ ร้อยวันพันปีอาหลานไม่เคยที่จะคุยกัน
จะมีคุยก็ไม่เกินห้านาทีด้วยซ้ำ หรือว่ามีเรื่องอื่น...
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันฝากเอาเอกสารไปเก็บที่ห้องทำงานด้วย”
“ได้ครับคุณสมา” รามรับเอกสารจากมือนายสาวเสร็จพลางเลี่ยงออกไปเงียบๆ
สมานุชมองดูเวลาบนข้อมือเรียวเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามร่างสูงของลูกน้องหนุ่มไป
ประตูห้องทำงานใหญ่ของ ‘บดินทร์ ศิตาศาสตร์’
ถูกผลักเปิดเข้ามาพร้อมร่างสูงโปร่งของคนที่เรียกว่า
‘หลานสาว’
สมานุชเดินอ้อมไปนั่งลงเก้าอี้รับแขกกลางห้องและเอ่ยถามถึงธุระที่คนเป็นอาให้ลูกน้องไปตามเธอมา
“เห็นลูกน้องบอกคุณอาอยากพบสมา มีเรื่องอะไรคะ?”
“อ้าวมาแล้วหรอ นั่งก่อนสิ” บดินทร์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้า
พลางลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาหลานสาวที่ก้าวไปนั่งรออยู่ที่โซฟา
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก อาแค่จะถามเรื่องที่เราจะเปิดใช้เส้นทางท้ายไร่นะ”
ถามด้วยท่าทางสบาย เอนหลังพิงพนักโซฟามองมาที่หลานสาวอย่างมีนัยยะ
“ใช่ค่ะ พอดีช่วงนี้ผลผลิตของเราเยอะกว่าทุกปี
สมาเลยคิดว่าจะเปิดเส้นทางท้ายไร่เพิ่มจะได้ระบายผลผลิตออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น
ดีกว่าที่จะปิดไว้เฉยๆ หรือคุณอามีโครงการจะใช้คะ?” สมานุชแปลกใจที่คนเป็นอาถามถึง
ทั้งที่ไม่เคยสนใจหรือเข้ามายุ่งเรื่องงานในไร่เลย
“เปล่าหรอก อาแค่แปลกใจเห็นว่ามันถูกปิดร้างมานาน
แต่เปิดใช้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ระบายของได้สะดวกขึ้น” บดินทร์รีบแก้
เมื่อเห็นหลานสาวทำหน้างุนงงสงสัย
“...อาหมายถึงผลผลิตของไร่เรานะ”
“สมาก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ งั้นก็ดีเลย
พรุ่งนี้จะได้ให้คนงานเริ่มเปิดทางเลย ถ้าไม่มีอะไรแล้วสมาขอตัวก่อน”
“ตามสบายเลยลูก พักผ่อนบ้างล่ะ อย่าหักโหมมากเกินไปเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“อาไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ แค่นี้สบายมาก ไปนะคะ” สมานุชผละลุกจากเก้าอี้ตัวใหญ่แล้วเดินออกจากห้องทำงานของคนเป็นอาไป
บดินทร์มองตามร่างหลานสาวด้วยแววตาเข้มขึ้น
มือหนาเผลอกำเข้าหากันแน่น มือหนาคว้าโทรศัพท์ติดต่อหาใครคนหนึ่ง พลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ริมฝีปากหนาอย่างมาดร้าย
“ช่วยด้วย!”
รัฐภาคที่กำลังเดินตรวจดูแปลงเมล็ดพันธุ์ที่พึ่งลงใหม่ หันขวับไปยังที่มาของเสียง
ได้ยินร้องขอความช่วยเหลือดังอยู่ใกล้กับจุดที่เขายืนอยู่ คว้าอาวุธคู่ที่กายที่พกไว้ติดตัวตลอดเวลาออกมาจากขอบกางเกง
วิ่งตรงเข้าไปอย่างไม่กลัวเกรง ก่อนดวงตาคู่คมเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็น
‘ผู้หญิงคนนั้น!’
เขาไม่มีเวลาคิดอะไรมาก ร่างสูงพุ่งเข้าไปช่วยร่างบางที่นอนอยู่ใต้ร่างหนาเห็นหญิงสาวพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดสุดชีวิต
“โอ้ย!”
วายร้ายไม่ทันได้ตั้งตัวถูกกระชากคอเสื้อปลิวออกจากไปนอนกองอยู่กับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
ตามมาด้วยมัดรุ่นๆ ลอยเข้าปะทะที่ใบหน้ารกครึ้มจนล้มกลิ้งไปกับพื้น
“โอย! มึงเป็นใครวะ”
ทั้งหมดหันไปผู้มาใหม่
เห็นใบหน้ารกครึมไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยต่างมองหน้ากันว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน
แล้วเข้ามายุ่งอะไรด้วย
“มึงไม่ต้องรู้หรอกว่ากูเป็นใคร ปล่อยผู้หญิงซะ!”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง ...จัดการมัน!”
ร่างยักษ์ที่กำลังยืนจับกุมแขนเรียวของหญิงสาวอยู่หันไปตะโกนบอกพรรคพวกทางด้านหลัง
สามร่างสูงภายใต้หมวกคลุมสีดำเตรียมพร้อมอยู่แล้วก้าวเข้าไปล้อมคนที่รนหาที่ตายอย่างรวดเร็ว
ดึงมีดปลายแหลมที่เอวออกมาแล้วพุ่งจ้วงเข้าหาทันที รัฐภาคเบี่ยงตัวหลบมีดพุ่งเข้าหา
แต่ไม่พ้นปลายมีดเฉียดเข้าที่ต้นแขนแกร่งจนได้เลือดสีแดงสดไหลเป็นทางมาตามเรียวแขน
“เล่นทีเผลอกันเลยหรอ หึ มีแค่นี้เอง”
ชายหนุ่มก้มลงมองแผลอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก
เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เข้มขึ้นแทบจะจำสีเดิมไม่ได้
“...ได้! งั้นมาดูกันว่ามึงจะอึดแค่ไหนกัน”
ทั้งสามเห็นดั่งนั้นจึงพยักหน้าส่งสัญญาณแล้วพุ่งเข้าไปพร้อมกัน
รัฐภาคเตรียมรับมือ อาศัยทักษะที่มีมากกว่าและจังหวะที่มันกำลังเผลอรีบพุ่งตวัดพลิกมีดในมืออีกฝ่ายมาเป็นของเขา
เล่นงานกลับไปจนร่างผอมของลงไปนอนสลบเมือบกับพื้น สิงห์หนุ่มหันขวับกลับมาทางด้านหลังที่มีสองวายร้ายจับกุมหญิงสาวอยู่
“ปล่อยเธอดีกว่าน่า ฉันไม่อยากทำร้ายใคร”
สองร่างมองหน้ากันเลอะละ
เกิดอาการหวาดหวั่นไม่กล้าเข้าไปขึ้นมา
เห็นแววตาสีน้ำตาลอ่อนที่จ้องมาก็มือไม้อ่อนปวกเปียกทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“...มันไม่ใช่เรื่องของมึง อย่ายุ่ง!”
ใบหน้าภายใต้หมวกคุมสีดำกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พยายามรวบรวมความกล้า
ทำใจดีสู้เสือ ส่งน้ำเสียงห้วนกร้าวผ่านหมวกคลุมสีดำไป หนึ่งในสองไม่สบอารมณ์หนักขึ้น
เมื่อเรื่องยืดเยื้อไม่จบลงเสียที แล้วไอ้บ้านี้ทำไมจะต้องโผล่มาตอนนี้ด้วย!
“เกี่ยวสิ! รีบปล่อยผู้หญิงมาดีกว่า ถ้ายังอยากจะยืนตรงเก้าสิบองศา หรือไม่งั้นอยากจะลงไปนอนหลับสบายเหมือนเพื่อนพวกแก เลือกเอา”
น้ำเสียงเนิบนาบชวนขนหัวลุก ขาแกร่งย่างก้าวเข้าไปหาสองวายร้ายอย่างเชื่องช้า
ไม่มีท่าทีกลัวเกรงแม้แต่น้อย เลือดสีแดงสดไหลอาบมาตามเรียวแขนหยดลงบนมีดในมือช่างน่าสยองนัก
“เอาไงดีพี่ ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายแล้วนะ ไอ้บ้านั้นคงไป
ถ้าไม่ได้ตัวผู้หญิงกลับไปกับมันด้วย”
“อย่าปอดแหกสิวะ! มันมีแค่คนเดียว เรามีตั้งสองคนจะกลัวอะไร ไปจัดการมัน!” หันไปตวาดใส่ลูกน้องเสียงเหี้ยม แล้วผลักให้ออกไปประจันหน้ากับชายหนุ่ม
“ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว ปล่อยผู้หญิงซะ!”
เสียงทุ้มเหี้ยมผ่านไรฟันดังขัดขึ้น
ทำเอาสามวายร้ายสะดุ้งโยง แต่พวกเขาคิดในอีกทาง ขื่นกลับไปมือเปล่าต้องตายเหมือนกัน
สู้ลองกันสักตั้งให้รู้ดำรู้แดงตรงนี้ไปเลย
“อยากได้ก็ตามมาเข้าสิวะ!”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
สั่งซื้อ EBook (เต็มเรื่อง) สำหรับวัยรุ่นใจร้อน ได้ก่อนใคร ตามลิงค์ด้านล่างเลยจ้า
--> https://www.mebmarket.com/ebook-51191-ตามรักรัฐภาค-Men-Of-Lions <---
ฝากกด ติดตาม / คอมเมนท์ เป็นกำลังใจให้ด้วยน้า ^^
ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่... ---> เฟชบุ๊คแฟนเพจ : Raniya.writer
*** ขอบคุณทุกกำลังใจและการสนับสนุนทุกช่องทาง และ คอมเม้นท์ ที่มาเพิ่มแรงฮึดให้ไรท์ตัวอ้วน ***
ขอบคุณมากๆ จากใจค่ะ ^___^
ความคิดเห็น