ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Psyche ] โลก ฝัน จิต (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #1 : Dead or Alive

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 60





    Psyche



    Chapter 1 : Dead or Alive




    “เล่าทั้งหมดตั้งแต่ต้น ทำไมคุณทำแบบนั้น”


         

    เปลือกตาบางขยับกระพริบอย่างงุนงง สับสน เหมือนคนที่ยังตื่นไม่เต็มที่ ภาพตรงหน้าเบลอไม่ชัดเจน แสงจ้าภายในห้องทำให้ลืมตาแทบไม่ขึ้น จมูกของเธอสูดกลิ่นสะอาดเอี่ยมของน้ำยาทำความสะอาด กลิ่นน้ำหอมจางๆของผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อพยายามจะขยับข้อมือ เพราะอยากเกาจมูกที่แสบๆคันๆ เธอจึงเพิ่งรู้ว่าข้อมือทั้งสองข้างถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้ สมองปรับสภาพและเริ่มต้นการรับรู้ทีละน้อย ภาพความทรงจำมากมายวิ่งผ่านเข้ามาเป็นฉาก ทำให้เธอพอรู้ว่าน่าจะอยู่ที่ไหน


    เพราะรู้สถานที่ สมองจึงทำงานเต็มขั้นทันที เธอไม่อยากตาย เธออยากมีชีวิตรอดกลับออกไป และตราบใดที่ยังมีลมหายใจ เธอจะไม่ยอมแพ้ จะสู้ จะคิด จะทำทุกอย่าง


    “มิสมาร์เรน” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยนามสกุลของเธอขึ้นมา น้ำเสียงเรียบเฉย พวกมันก็ไร้อารมณ์กันหมดทุกคนนั่นล่ะ เธอคิดในใจ ทรวงอกขยับขึ้นลง อะดรีนาลินหลั่งเต็มพิกัดเหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในอันตรายหรือเหตุการณ์ตื่นเต้นใหญ่หลวง


    “คุณทราบหรือไม่ว่าการกระทำของคุณ ทำให้เราสูญเสียสิ่งมีชีวิตอันประเมินค่าไม่ได้ไปหลายชีวิต” ผู้หญิงคนนั้นพูดต่อไป โดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองสำรวจห้อง ทั้งที่ดวงตายังเหมือนตื่นไม่เต็มที่ มึนเมาด้วยฤทธิ์ยาที่พวกเขาให้เธอในปริมาณมาก แต่ไม่เป็นไรหรอก เธอจะไม่เป็นไร เธอรอดมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว ต้องรอดต่อไปอีกให้ได้



    ห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประตูมีบานเดียว ใช้ระบบคีย์การ์ด จะทำให้ประตูเปิดได้ ต้องแย่งคีย์การ์ดจากผู้หญิงอีกคนมา เธอมีเวลาแค่สิบห้าวินาทีในการวิ่ง ก่อนพวกมันที่เหลือจะกรูมาที่ประตู ฝั่งตรงข้ามประตูเป็นกระจกยาวตลอดแนว เธอรู้ว่ามันคือกระจกสองทางอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดทบทวน หลังบานกระจกคงเต็มไปด้วยพวกมัน นั่งฟังบทสนทนานี้อย่างใจจดจ่อ วิเคราะห์การเต้นของหัวใจ วิเคราะห์การทำงานของสมอง ขณะที่พยายามหาคำตอบทุกอย่างเท่าที่พวกมันจะสันนิษฐานได้



    “ใครอยู่กับคุณบ้างในวันนั้น” ผู้หญิงถามขึ้นอีก เธอเงยหน้ามองให้เต็มตาเป็นครั้งแรก น่าจะอายุไม่เกินสี่สิบ สวมชุดสูทตัดเย็บพอดีตัว ผมสีบลอนด์เกล้าขึ้นด้านบนเรียบตึง ดวงตาสีฟ้าซีดไม่แสดงความรู้สึก เช่นเดียวกับเครื่องหน้าที่เรียบนิ่งราวกับกระดาษ แค่มองก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว



    “มิสมาร์เรน คุณควรตอบคำถาม” ผู้หญิงคนนั้นพูด “ถ้าคุณไม่อยากเจ็บตัว”



    ประโยคสุดท้ายทำให้เธอเพิ่งสังเกตว่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้แบบใด เก้าอี้ไฟฟ้าอย่างที่เคยเห็นในภาพยนตร์ ฉากที่มีการประหารชีวิต เธอรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษคดีเลวร้ายขึ้นมาทันที และถ้าจะคิดอีกที ก็ถูกต้องแล้ว สิ่งที่เธอทำลงไป สำหรับพวกมัน เป็นอาชญากรรมที่มีโทษถึงตาย เธอยังสงสัยอยู่ว่าทำไมตัวเองมีโอกาสตื่นขึ้นมาได้อีก พวกมันควรฆ่าเธอให้ตาย มากกว่าจับมานั่งเก้าอี้ ถามเหตุผลเพื่อดูว่าสมองเธอทำงานอย่างไร



    อย่างน้อย เขาคนนั้น ก็น่าจะโกรธมากจนอยากฆ่าเธอทันทีที่เห็น นี่อาจจะหมายความว่า เขาไม่ได้โกรธมากนัก



    โบ มาร์เรนจ้องคู่สนทนาตาไม่กระพริบ เธอไม่ได้มีดวงตาแข็งกร้าว หรือท้าทาย ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นพวกไร้ความรู้สึก เธอก็จะทำเหมือนตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรบ้าง เธอแค่มอง นิ่ง เงียบ ไม่โต้ตอบ ปล่อยตัวตามสบาย ทำจิตใจให้สงบ ไม่คิดอะไรทั้งนั้น เธอต้องผ่อนคลาย ความเครียดมีแต่จะทำให้ร่างกายของเธอเกร็ง ไม่เหมาะกับแผนการที่เธอวางแผนจะให้เกิดขึ้นภายในอีกไม่กี่นาทีนี้



    ผู้หญิงผมบลอนด์ถอนหายใจ พ่นลมทางจมูกอย่างแผ่วเบา แต่เสียงดังมากพอที่โบจะได้ยิน คงเหนื่อยหน่ายน่าดู เธอไม่เหมือนกับคนอื่นที่พวกมันเคยรับมือ อีกฝ่ายหันไปทางกระจกสองทาง นัยน์ตาสีฟ้าซีดมองตรงไปอย่างมีความหมาย โบกัดริมฝีปากทันที มันกำลังขออนุญาต หรือกำลังขอให้จัดการเธอขั้นเด็ดขาด และในวินาทีต่อมา มันเกิดขึ้น กระแสไฟฟ้าแล่นผ่านเข้ามาตามสายไฟซึ่งทิ่มอยู่ที่ข้อพับแขนข้างซ้ายของโบ ร่างเล็กชักกระตุก มือกำพนักเก้าอี้แน่น ริมฝีปากขบกัดด้วยความเจ็บปวด เสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์เล็ดลอดออกจากลำคอ เมื่อทุกอย่างจบลง ร่างกายของเธอชาหนึบไปจนถึงปลายเท้า ดวงตาสีเฮเซลนัทรื้นน้ำอย่างควบคุมไม่อยู่



    “สิ่งที่คุณทำคือการฆาตกรรม มิสมาร์เรน คุณคิดว่าจะรอดพ้นไปได้ง่ายๆหรือ?” ผู้หญิงคนนั้นถามอย่างเหนือกว่า เหมือนชีวิตของเธออยู่ในกำมือหล่อนแล้ว “ฉันจะถามคุณอีกครั้ง ใครอยู่กับคุณบ้าง?”



    ไม่ เธอจะไม่ตอบ ไม่มีวันตอบ ยังไม่ใช่เวลาที่จะยอม แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้นานและรุนแรงกว่าเดิม จนร่างของเธอแทบจะแตกเป็นเสี่ยงได้ อีกฝ่ายถามซ้ำๆ เปลี่ยนคำถามไปบ้างเล็กน้อย จากใครบ้าง เป็น พวกเขาอยู่ที่ไหน แผนการต่อไปคืออะไร มีแบบเธออยู่กี่คน โบยังไม่ตอบ มีแต่เสียงกรีดร้องของเธอเท่านั้นที่หลุดออกมาจากลำคอ



    “เราไม่อยากฆ่าคุณ คุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจมากเกินกว่าเราจะปล่อยให้ตาย” ผู้หญิงคนนั้นบอก หันมาใช้ไม้อ่อนโน้มน้าวจิตใจ บอกข้อมูลที่โบรู้ดีอยู่แล้ว “หากคุณให้ข้อมูล และยอมรับเราแต่โดยดี ทางเรายินดีมอบฐานะทางสังคมที่ดีที่สุดให้คุณ”



    เหอะ นึกว่าพวกมันจะเท่าเทียมกันหมดเสียอีก อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่มันพร่ำโฆษณาล่อลวงใครต่อใครให้เข้าหา ให้ยอมรับพวกมันโดยไม่ขัดขืน ไม่ต้องหลั่งเลือด ไม่ต้องมีการตายเพิ่ม



    โบยังดื้อดึง เธอไม่ตอบ ริมฝีปากไม่ยอมขยับแยกจากกัน แม้ว่าเธอจะอยากพูดเสียดสีบางอย่างออกไป เธอสะกดตัวเองไว้ อีกฝ่ายดูเหมือนจะเริ่มหมดความอดทน เธอเห็นนิ้วเรียวยาว เล็บทาสีเงินที่ตัดแต่งอย่างดีเลื่อนไปที่คันโยกอีกครั้ง โบหายใจแรง เตรียมพร้อมรับสิ่งที่จะตามมา คันโยกถูกดันจนสุด กระแสไฟฟ้าแรงสูงไหลเข้าร่าง ฟันของหญิงสาวขบกันแน่นจนมันน่าจะแตกหักออกเป็นซี่ๆได้ แล้วเธอก็กรีดร้องสุดเสียง คันโยกถูกดันกลับ พักยก ให้เธอได้หายใจ ก่อนจะดันจนสุดอีกครั้ง เหมือนกำลังเล่นเกม เพื่อรักษาระดับไม่ให้เธอตายไปเสียก่อน        



    “ได้โปรด” โบร้องเสียงดังลั่น กระแสไฟหยุดเพียงแค่นั้น ขณะที่หญิงสาวหอบหายใจ ศีรษะพับไปข้างหนึ่ง หยดน้ำใสแจ๋วไหลอาบไปบนแก้มเนียน เธอมองตรงไปยังกระจกสองทาง แววตาตัดพ้ออย่างชัดเจน คำว่าได้โปรด เธอไม่ได้พูดกับผู้หญิงคนนั้น แต่กำลังพูดกับเขาโดยตรง เขาคนเดียวเท่านั้น เขาจะเป็นทางรอดของเธอ



    “ฉันรู้ว่าคุณอยู่ตรงนั้น” เสียงของเธอแผ่วเบา ไม่ต่างจากเสียงกระซิบ มีแววอ้อนวอน เธอกำลังเล่นละครตบตาชั้นดี หรือไม่ เธออาจกำลังขอร้องเขาอยู่จริงๆก็ได้ โบไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกยังไงกันแน่ เพราะเธออยากรอด เธอต้องทำทุกอย่าง และถ้าเขารู้จักเธอดีพอ เขาคงไม่มีวันยอมหรอก แต่เพราะเขาไม่ได้รู้ศักยภาพของเธอดีมากขนาดนั้น และเธอรู้ ลึกลงไปแล้ว ลึกมากๆ ตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร ถ้าแผนการนี้สำเร็จ ไม่มีทางหวนกลับอีกแล้ว



    เขาจะฆ่าเธอแน่ ถ้าเจอกันครั้งต่อไป



    “ได้โปรด” เสียงของเธอขาดห้วงอย่างจงใจ ปอยผมสีน้ำตาลหล่นมาข้างแก้ม ปิดใบหน้าของเธอเกือบครึ่ง เธอไม่สามารถยกมือขึ้นปัดออกได้ แม้ว่าอยากจะให้อีกฝ่ายเห็นเต็มลูกตาว่าเธอกำลังร้องไห้ ไม่เป็นไร ถ้าเธอพยายามปัดผมออกตอนนี้ จะดูจงใจเกินไปอีก เธอได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายดังขึ้นอีกครั้งจากผู้สอบสวน



    “คุณควรตอบคำถาม ฉัน...”



    “เจ็บ” โบพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่สนใจ เหมือนอีกคนไม่ได้มีตัวตนอยู่ในห้องด้วย เป้าหมายของเธอมีหนึ่งเดียวคือคนที่อยู่หลังกระจกบานนั้น “มันเจ็บ” น้ำตาไหลทะลักไปอีก ราวกับเขื่อนแตก เธอไม่ได้โกหก มันเจ็บมากจริงๆ เท้าเธอยังสั่นและชาอยู่เลย ไม่แน่ใจว่าจะมีแรงพอวิ่งหรือเปล่า แต่ก็ต้องลองดู “ยอมแล้ว” เสียงของเธอบางใส เหมือนแก้วที่พร้อมจะแตกละเอียดกลายเป็นเม็ดทราย



    เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ผู้หญิงผมบลอนด์ก็ไม่ได้กล่าวคาดคั้นอะไรอีก เป็นความเงียบที่ทำให้หัวใจของโบเต้นแรง แต่เธอต้องพยายามอดทน ห้ามแม้กระทั่งอัตราการเต้นของหัวใจ ถ้าแรงไปกว่านี้ พวกมันก็จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนการหนี เธอต้องทำเหมือนเธอยอมแล้วจริงๆ ยอมกราบกราน อ้อนวอน กลายเป็นสาวน้อยคนเดิมอย่างที่เธอเคยเป็นก่อนเรื่องบ้าๆทั้งหมดจะเกิดขึ้น หวังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หวังว่าเขาจะเชื่อ จะตกหลุมพราง ปัญหาคือ เขาเป็นคนฉลาด คงจะดีกว่านี้ ถ้าเธอได้เห็นเขา ไม่ใช่กระจกสี่เหลี่ยมบานใหญ่ที่มองไป เห็นแต่เงาของผู้หญิงหน้าตาซีดเซียวจ้องตอบกลับมา แต่จากเงาที่เธอเห็น เธอคิดว่าตัวเองดูน่าสงสาร ดูหมดทางเลือก ดูเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ดูเหมือนยอมสยบแทบเท้า ดูสิ้นหวัง และต้องการที่พักพิง ลึกลงไปแล้ว ทั้งหมดนั่นอาจเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกจริงๆก็ได้



    “หากคุณมีความรู้สึกใดๆหลงเหลือให้ฉันอยู่บ้าง ฉันขอร้อง อย่างน้อยแก้มัดให้ฉัน ฉันจะบอกทุกอย่างที่ฉันรู้”



    ละครมากเกินไปหรือเปล่า? โบไม่รู้ เดาไม่ถูก ชีวิตเธอแขวนอยู่ในกำมือของเขาแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่โบไม่ได้เงยหน้าหันไปทางผู้หญิงอีกคนด้วยซ้ำ เธอได้ยินหล่อนรับสาย ส่งเสียงอืมรับรู้จากลำคอ ตามด้วยเสียงตอบอีกสองสามครั้ง ก่อนจะตัดสายและวางหูโทรศัพท์ลงบนแป้น



    “มิสมาร์เรน” หล่อนพูดขึ้นอย่างเป็นการเป็นงาน โบหันไปมองอย่างเนิบช้าด้วยดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ดูไร้พิษภัย “ฉันจะแก้มัดให้คุณ แต่มีข้อแม้ว่า คุณจะต้องตอบฉันทุกคำถาม ไม่อย่างนั้น คุณอาจจะลงเอยไปนอนในคุก และไม่ได้กินอาหารเป็นเวลาสามวัน คุณเข้าใจไหมคะ?”



    โบพยักหน้าช้าๆ มุมปากของผู้หญิงคนนั้นยกขึ้นเล็กน้อยอย่างพอใจ หล่อนลุกขึ้นยืน เสียงขาเก้าอี้ครูดไปกับพื้นกระทบกับเส้นประสาทที่ปวดตุบๆในสมองของโบ เธอพยายามลืมตาเต็มๆทั้งสองข้าง สำรวจสิ่งที่จะนำมาใช้ได้ เธอเห็นปากกาเสียบอยู่ที่กระเป๋าสูทข้างซ้าย ซึ่งกระเป๋าข้างนั้นตุงกว่าอีกข้าง พอจะอนุมานได้ง่ายๆว่าคีย์การ์ดอยู่ในนั้นด้วย แล้วโบก็ละสายตา ทำเป็นเหมือนเธอไม่ได้มองอะไรทั้งนั้น หล่อนเดินเข้ามาใกล้ โน้มตัวลงจนโบได้กลิ่นน้ำหอมชัดเจน เธอได้ยินเสียงเชือกหนังแผ่นใหญ่กำลังถูกถอดออกไป



    และเมื่อถอดออกแล้วทั้งสองข้าง ปฏิกิริยาของโบฉับไว เหมือนเธอตื่นเต็มตามาตั้งนานแล้ว หมัดของเธอเหวี่ยงเข้าใส่กกหูของอีกฝ่าย หล่อนร้องลั่นด้วยความตกใจมากกว่าความเจ็บ โบไม่ได้มีแรงเยอะขนาดที่จะทำใครสลบได้ เธอล้วงมือเข้ากระเป๋าหยิบทั้งปากกาและคีย์การ์ดออกมา โดยปากกานั้น เธอใช้มันแทงฉึกเข้าไปที่คอของเจ้าหล่อน โบไม่อยู่ดูรอผลของการกระทำ เธอวิ่งไปที่ประตู ใช้คีย์การ์ดเปิดมันออก อย่างที่เธอคิดคำนวณไว้ตอนแรก สิบห้าวินาทีก่อนพวกมันจะกรูกันมา ตอนนี้มีแค่ยามหน้าประตูคนเดียว เธอใช้ประโยชน์จากความประหลาดใจ ชกเข้าที่เดิมคือกกหู ซัดเต็มเหนี่ยว ยามล้มลง เธอรีบคว้าปืนจากเอวของเขา เหนี่ยวไกลงที่ขาให้วิ่งตามต่อไม่ได้



    เธอวิ่ง  วิ่งอย่างไม่คิดอะไรเลยในสมอง ได้ยินเสียงฝีเท้านับสิบตามมา พร้อมกับยามติดอาวุธวิ่งเข้ามาตรงหน้า เธอจึงเลี้ยวกะทันหันเอาตรงนั้นเลย ไม่เจอทางออก มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เธอโชคไม่ดีนัก หญิงสาวยืนอยู่ที่ระเบียง ด้านล่างเป็นน้ำตกสูงที่มองแทบไม่เห็นพื้น เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่บนยอดสูงสุดของน้ำตกไรเคนบาค พวกมันสร้างฐานคร่อมธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่อย่างเย่อหยิ่งและทระนงตน เพื่อบอกเป็นนัยว่า พวกมันเย่อหยิ่งยิ่งกว่า



    ไม่มีที่ให้เธอหนี



    “อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้” โบหันขวับไป ยกปืนจ่อขมับตัวเองอย่างโง่งมที่สุด ในเมื่อสมองของเธอมีค่าและเป็นปริศนาอย่างมาก พวกมันคงไม่เสี่ยงให้ตัวทดลองอย่างเธอตายไป พวกยามไม่ได้มีคำสั่งให้ฆ่า พวกมันจึงสับสนว่าควรทำอย่างไร



    “ถอยไป” โบออกคำสั่ง



    แล้วอยู่ๆหญิงสาวก็เสียวสันหลังวาบ ไม่ใช่เพราะความเย็นจากน้ำตกบนเทือกเขา เธอรู้ว่ามันคืออะไร เธอรู้สึกแบบนี้ทุกครั้ง เป็นความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่ก็ทำให้ขนทุกเส้นบนหลังคอลุกชัน เย็นยะเยือกไปทั้งตัว



    เขา ตัวสูงกว่าใคร แต่งกายด้วยสีดำสนิทไปทั้งตัว เดินย่างเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน ราวกับกำลังเดินเล่นตามชายหาด ถ้าจะมีอะไรที่เธอเกลียดเข้าไส้ ก็คือความใจเย็นอย่างหยิ่งผยองของเขานี่เอง ใบหน้ายาวไม่แสดงอารมณ์ ทุกอย่างดูช่างเย็นชา ไร้หัวใจ เหมือนรูปปั้นมีชีวิต ตั้งแต่เรือนผมสีดำเหมือนขนนกกาที่ทิ้งตัวอยู่ระต้นคอ ไปจนถึงรองเท้าบูททหารหนาหนัก เขาเหมือนภาพวาด เหมือนฝันร้าย เหมือนปีศาจในจินตนาการที่มาในคราบของชายหนุ่ม


    เธอเปลี่ยนตำแหน่งของปืน จากขมับตัวเองเล็งไปที่เขาแทนอย่างไม่ลังเล มือของหญิงสาวสั่น เธอยิงใครได้ทั้งนั้น เธอฆ่าได้ทุกคน เธอมาไกลจากหญิงสาวใสซื่อธรรมดา แต่เธอกลับไม่กล้าพอเสียดื้อๆ



    เหลือทางเดียวแล้ว เสียงน้ำตกซู่ดังอยู่ข้างหลัง ร่างเล็กก้าวถอยหลังจนชนขอบ เธอไถก้นขึ้นไปนั่งบนรั้ว ปืนยังคงชี้ตรงอย่างแน่วแน่ ทั้งที่เธอเหนี่ยวไกปืนไม่ได้ เขาจ้องเธอ ไม่ได้ก้าวเท้าเข้ามาใกล้กว่านั้น เธอเห็นแววท้าทายจากดวงตาสีดำสนิทของเขา



    เขาคงคิดว่าเธอไม่กล้า เขาคิดผิด   













    Writer's Talk

    เป็นเรื่องแรกในชีวิตที่คิดว่าจะเล่าเรื่องไม่ตามไทม์ไลน์ที่วางเอาไว้ แต่เอาตรงกลางทะลึ่งพรวดมาไว้บทแรก



                  

                 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×