คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Happy Birthday!
“ฮัลโหล”
“ครับแม่
มีอะไรหรือครับ” เอกชัยพูด
“ฮัลโหล ๆ
ได้ยินหรือเปล่า”
“รอเดี๋ยวนะครับแม่”
เอกชัยพยายามเดินฝ่ากลุ่มผู้คนที่เบียดเสียดกันอยู่ในผับ
เพื่อออกมาหามุมที่เงียบพอที่จะคุยโทรศัพท์ได้ชัดเจนยิ่งขื้น เสียงเพลงดนตรีในร้านเปิดดังเสียจนทำให้การคุยโทรศัพท์เป็นปัญหา
ในที่สุดเอกชัยเดินออกมาถึงหน้าร้านซึ่งเป็นจุดที่ห่างจากลำโพงมากพอสมควร
ผับแห่งนี้เป็นเพียงตึกแถวห้องหนึ่งในจำนวนหลาย
ๆ ร้านในระแวกเดียวกัน มีเก้าอี้ที่เป็นโซฟาอยู่เพียงไม่กี่ตัว
นอกนั้นเป็นโต๊ะกลมตัวเล็ก ๆ สำหรับวางเครื่องดื่ม
หน้าร้านตบแต่งด้วยกระจกใสพร้อมไฟชื่อร้านสีสดใส เอกชัยขยับแว่นตาที่บิดเบี้ยวบนใบหน้าของเขา
ตอนเดินออกมาจากร้านเขาเบียดเสียดกับผู้คนเสียจนแว่นตาของเขาเขยื้อนผิดตำแหน่งไป
เอกชัยพักหายใจครู่หนึ่งก่อนจะรับสายอีกครั้ง
“ครับแม่ แม่ว่าอะไรนะครับ”
“ตอนนี้อยู่ไหนแล้วจ๊ะ”
“ยังอยู่ในร้านอยู่เลยแม่
ผมบอกแม่แล้วไงว่าวันนี้จะมาเลี้ยงฉลองกับเพื่อน”
“แม่รู้จ๊ะ
แค่จะโทรมาบอกว่าอย่ากลับดึกมากนักเท่านั้นเอง”
“ครับแม่ ไม่ดึกหรอก
เดี๋ยวตัดเค้กเสร็จก็จะกลับแล้วล่ะครับ”
“จ๊ะ ๆ” ก่อนที่แม่ของเอกชัยจะวางสาย เสียงของแม่เตือนด้วยความเป็นห่วง “แล้วอย่าเมาให้มากนักนะ ขับรถขับราตอนเมามันอันตรายนะ”
“ผมรู้แล้วครับ
แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เสียงตอบของเอกชัยดูหนักแน่นพอที่จะทำให้แม่พอเบาใจไปได้บ้าง
เขามองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ “เออแม่ นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว
ผมต้องเข้าไปแล้วนะครับ”
“จ๊ะ ๆ ไปสนุกกับเพื่อน
ๆ เถอะ”
“ครับแม่
แม่ไม่ต้องรอนะครับ นอนไปก่อนเลย”
“ลูกจ๊ะ
สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
เอกชัยกดวางสาย พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ
เขาอดคิดไม่ได้ว่าแม่ยังคงดูแลเป็นห่วงเขาเหมือนกับเขาเป็นเด็กเล็กไม่มีผิด อีกไม่กี่นาทีเขาก็จะอายุครบยี่สิบปีแล้ว
แม้เขาจะแสดงให้พ่อแม่ของเขาเห็นอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนมีความรับผิดชอบมากเพียงไหนก็ตาม
ผลการเรียนของเอกชัยเป็นที่หนึ่งในชั้นมาตลอดตั้งแต่อนุบาลจนถึงปัจจุบันในระดับอุดมศึกษา
นอกจากนี้เขายังเป็นเด็กที่ขยัน ทำงานพิเศษในช่วงปิดเทอมอยู่เสมอ
เขาไม่ได้พึ่งเงินทองจากทางบ้านมากเหมือนกับเด็กร่วมชั้นคนอื่น ๆ แม้ฐานะทางบ้านจะอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีก็ตาม
“เฮ้ย มัวทำอะไรอยู่ว่ะ
เข้าไปได้แล้ว”
เพื่อนของเอกชัยคนหนึ่งตบบ่าของเอกชัยทางด้านหลังอย่างแรง
เพื่อเรียกเขากลับเข้าไปข้างใน ตอนนี้เหลืออีกเพียงไม่ถึงห้านาทีก็จะเที่ยงคืนแล้ว
คืนนี้เป็นการฉลองวันเกิดของเอกชัยในผับพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเขาเป็นครั้งแรก
เขาไม่อยากจะพลาดมัน
“เฮ้ย ๆ
เอกชัยมันกลับมาแล้ว เร็วเข้า”
เสียงเพื่อนคนหนึ่งเตือนเพื่อนที่กำลังรินเหล้าอยู่ในโต๊ะ
พวกเพื่อนของเอกชัยที่โต๊ะรีบวางมือจากการผสมเหล้า
เมื่อเอกชัยเดินเข้ามาถึงที่โต๊ะกลมเล็กที่พวกเพื่อนของเขานั่งอยู่
เสียงเพลงยังคงดังอย่างกึกก้อง แก้วเหล้าถูกว่าเรียงรายอยู่หน้าเพื่อนแต่ละคนเป็นรูปวงกลมโดยพร้อมเพรียง
แต่ละแก้วถูกรินจนเต็มแก้ว
เพื่อนคนหนึ่งมองนาฬิกา “จะได้เวลาแล้ว”
...ทุกคนถือแก้วเหล้าของตัวเองเตรียมพร้อม...
“หมดแก้วเลยนะโว้ย”
เพื่อนคนหนึ่งคะยั้นคะยอให้ทุกคนคล้องแขนกันและกันคล้ายกำลังงัดข้อกันอยู่
เพื่อให้ทุกคนหนีไม่ได้ เสียงเอะอะโวยวายภายในโต๊ะดังขึ้น
ถึงอย่างไรก็ไม่ดังไปกว่าเสียงดนตรีที่กำลังเปิดอยู่
“5…4…3…2…1” เพื่อน ๆ
ต่างตะโกนพร้อมกันแข่งกับเสียงดนตรีที่ดังก้อง “แฮปปี้เบิร์ดเดย์
เว้ย เอกชัย ฮา ฮา”
“เอ้าดื่ม” เสียงเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้น
ทุกคนรวมทั้งเอกชัยเจ้าของวันเกิดต่างยกแก้วขึ้นดื่มพร้อมกัน
แขนที่ยกกันอยู่ต่างคล้องกันไปมา ขณะที่แต่ละคนยกแก้วขึ้นดื่มต่างกระแทกเบียดกันไปมา
ทำให้การดื่มครั้งนี้เลอะเทอะไม่น้อย
พรวด...
เอกชัยสำลักเหล้าที่ดื่มเพราะไม่คิดว่าเหล้าแก้วนี้จะผสมในปริมาณที่มากขนาดนี้
ก็แน่ล่ะ พวกเพื่อนของเขาต่างผสมเหล้าในปริมาณที่มากกว่าปกติที่เขากินเกือบเท่าตัว
พวกเพื่อนต่างหัวเราะและคะยั้นคะยอให้เอกชัยดื่มจนหมด เขาต้องใช้เวลาพักหายใจครู่หนึ่งก่อน
นึกด่าพวกเพื่อนของเขาในใจ แต่สุดท้ายก็ยังดื่มจนหมดแก้ว
เอกชัยรู้สึกว่ารสชาติของเหล้าช่างบาดคออะไรอย่างนี้
ไม่นานนักเขาก็เริ่มรู้สึกมึนหัว ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน เพื่อน ๆ ต่างรุมเข้ามาหอมแก้มเอกชัยแทนของขวัญวันเกิด
แม้เพื่อนในกลุ่มเอกชัยจะเป็นผู้ชายทั้งหมด แต่คงเป็นเพราะฤทธิ์ของเหล้าทำให้คนเราทำอะไรพิเรนทร์ได้โดยไม่เขินอาย
เอกชัยแม้ไม่ได้รู้สึกรังเกียจมากนัก แต่ยังอดทำท่าเช็ดหน้าเช็ดตาจากรอยจูบของเพื่อน
ๆ ในกลุ่มไม่ได้
สักพักหนึ่งเอกชัยก็รู้สึกมึนหัวอีกครั้งหนึ่ง
เขาคิดว่าสภาพของเขาตอนนี้คงย่ำแย่ไม่น้อย จึงขอตัวมาเข้าห้องน้ำ เขาคิดว่าคงเป็นเพราะเหล้าแก้วเมื่อสักครู่เป็นแน่
จึงปล่อยให้พวกเพื่อนของเขายังคงสนุกสนานกันต่อไป
ก่อนมาพวกเพื่อนยังแซวเขาว่าคออ่อนเหมือนผู้หญิง
“ไอ้พวกบ้าเอ้ย”
แม้จะเป็นงานวันเกิดที่ไม่มีขนมเค้ก
ไม่มีของขวัญ ไม่มีคำอวยพร แต่แค่นี้ก็ทำให้เอกชัยมีความสุขในวันเกิดของตัวเองมากพอแล้ว
เอกชัยเช็ดแว่นตาที่มีรอยหยดน้ำจากการฉลองเมื่อครู่นี้กับชายเสื้อ
ติ๊ด ๆ!...
เอกชัยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู มีข้อความหนึ่งส่งเข้ามาเวลาเที่ยงคืนหนึ่งนาที
ใครกันนะช่างส่งมาเวลาที่พอดิบพอดีขนาดนี้ เบอร์ที่ส่งเป็นตัวเลขสิบกว่าหลัก
แสดงว่าคงต้องส่งผ่านมาทางอินเตอร์เน็ตเป็นแน่ เขากดดูข้อความซึ่งเป็นรูปขนมเค้กพร้อมกับคำอวยพรภาษาอังกฤษ
เอกชัยเพ่งตาดูที่คำอวยพรอีกครั้งหนึ่ง
นี่มันบ้าอะไรกัน ไอ้พวกชอบเล่นพิเรนทร์ คำอวยพรซึ่งควรจะเป็น
Happy Birthday แต่กลับเป็น Happy Deathday!
พรึบ!...
จู่ ๆ ไฟในห้องน้ำก็ดับลงอย่างกระทันหัน
เอกชัยสะดุ้งโหยงจนโทรศัพท์มือถือหลุดจากมือ มองไปที่สวิทซ์ไฟตรงประตูห้องน้ำผ่านความมืด
แสงหนึ่งเดียวภายในห้องน้ำตอนนี้มาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่ก็เพียงสามสิบวินาทีเท่านั้นก็ดับลง
เขามองไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น เขาอดรู้สึกหวาดหวั่นใจไม่ได้ ค่อย ๆ
เคลื่อนตัวลงควานหาโทรศัพท์มือถือ
กึก.....กึก......กึก...
เอกชัยสะดุ้งเฮือก ชักมือกลับ เสียงอะไรน่ะ
มันเหมือนเสียงลากของอะไรสักอย่างดังมาจากในห้องส้วมห้องหนึ่ง
แต่เขาไม่รู้แน่ชัดว่ามาจากห้องไหน
เขาจำได้ว่าตอนเขาเข้ามาในห้องน้ำไม่มีใครนี่หน่า แต่เขาก็ไม่แน่ใจชัดว่าในห้องส้วมจะมีใครอยู่หรือไม่
เอกชัยเพ่งตามองไปทางต้นเสียง
สายตาของเขาค่อย ๆ ปรับเข้ากับความมืดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แต่เขายังคงมองไม่เห็นใครอยู่ดี เสียงกึกยังคงดังเบา ๆ อยู่ตลอดเวลา
เอกชัยตัดสินใจว่าหากเขาเจอโทรศัพท์มือถือของเขาเมื่อไหร่จะรีบออกไปทันที
เขาก้มลงไปยื่นมือความหาอีกครั้งหนึ่ง แต่แล้วเขากลับสัมผัสกลับบางสิ่ง มันเป็นเหมือนเมือกที่ทั้งนิ่มทั้งชื้น
เอกชัยสะดุ้งโหยงอีกครั้งหนึ่ง หดมือกลับอย่างรวดเร็วแล้วรีบออกจากห้องน้ำโดยไม่หันหลังกลับมาอีก
เอกชัยยืนหลับตาพิงผนังกำแพงห้องน้ำ
หอบหายใจจากอาการตื่นเต้นเมื่อครู่ หัวใจของเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ นี่เราเมามากไปหรือเปล่า
เอกชัยคิดพร้อมกับทุบหัวของเขาเอง เพราะที่ผ่านมา
เขายังไม่เคยกินเหล้ามากมายขนาดนี้มาก่อน
อยู่ ๆ เสียง ‘หวี่’
ดังที่ข้างหูของเอกชัย...
เอกชัยลืมตาอีกครั้งหนึ่ง
การลืมตาคราวนี้ทำให้เขาตกใจมากกว่าเหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อครู่นี้อีก เขายืนตัวแข็ง
ร่างทั้งร่างเย็นเฉียบ บรรยากาศในผับที่เมื่อครู่มีคนอยู่พลุกพล่าน
เบียดเสียดกันเดิน เสียงเพลงดังสนั่นและแสงไฟระยิบระยับ
แต่ตอนนี้กลับเงียบกริบและมืดสนิท ไม่มีหลงเหลือผู้คนอยู่เลยแม้สักคนเดียวรวมทั้งเจ้าพวกเพื่อนตัวดีของเขาด้วย
‘นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย’
หรือว่านี่เป็นแค่การกลั่นแกล้งของเจ้าพวกเพื่อนของเขา
แต่คนมันจะหายไปหมดแบบนี้ได้ยังไง เขาไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย เขาขยี้ตาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
แต่เมื่อเขาเดินกลับไปที่โต๊ะตัวที่เขากับเพื่อน ๆ ฉลองวันเกิดกัน คราวนี้ตัวเขาแข็ง
ใจสั่น แขนขาอ่อนแรง
เป็นผู้หญิงคนหนึ่งผมยาวดำปิดหน้าปิดตา
ชุดยาวขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เขาเพิ่งนั่งเมื่อครู่ สองมือถือขนมเค้ก
หญิงสาวนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เอกชัยเห็นบางอย่างไหลออกมาจากบริเวณใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น
มันค่อย ๆ ไหลย้อยลงไปยังขนมเค้าที่เธอถือ ขนมเค้กค่อย ๆ ถูกย้อมเป็นสีแดง
...เลือด! นั่นมันเลือดนี่หน่า
ถึงตอนนี้เอกชัยหันหลังกลับเตรียมวิ่งหนีออกจากที่นั่น
เขาไม่สนแล้วว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
เขารู้แต่เพียงว่าเขาต้องออกจากที่นี่เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพิ่งจะหันไป เอกชัยก็ต้องสะดุ้งโหยง
ล้มหงายผงะลง ชนโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง
เศษขวดเศษแก้วบาดตามมือตามแขนเขาจนเลือดออกมาไม่น้อย
ก็หญิงสาวคนนั้นมายืนอยู่ข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ พร้อมกับเค้กก้อนแดงก้อนนั้น
เอกชัยมองกลับไปกลับมาด้วยความทั้งกลัวทั้งหวาดหวั่น
ไม่ใช่! ไม่ใช่หญิงสาวคนนั้น
หากแต่เป็นหญิงสาวสองคนที่เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน เขาคลานถอยหลังไปชนกับเก้าอี้
หันไปเจอหญิงสาวคนที่สามและเค้กสีแดงก้อนที่สามนั่งอยู่บนเก้าอี้
ในที่สุดเค้าเห็นแล้วว่าบนขนมเค้กเขียนว่าอะไร
Happy Deathday!
เอกชัยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
เขาลุกลี้ลุกลนลุกขึ้น ไม่สนใจกับเศษแก้วที่บาดตามเนื้อตัวเขา
วิ่งออกไปทางประตูทางออก คนที่สี่แล้ว ผู้หญิงลักษณะเดียวกันคนที่สี่มายืนอยู่ข้างประตูทางออก
เขาผงะเสียหลักแต่ยังคงวิ่งเซไปเซมาด้วยท่าทีหวั่นสะพรึงถึงขีดสุด สายตาอดมองกลับเข้าไปในผับไม่ได้
เขาไม่เชื่อ
เขาไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางทีตอนนี้เขาอาจจะเมามาก
อาจจะนอนเมาไม่ได้สติอยู่ในห้องน้ำก็เป็นได้ หากพวกเพื่อนเขามาเห็นเขานอนเมาอยู่ในห้องน้ำ
ก็คงจะปลุกเขาและเมื่อนั้นเขาก็คงจะตื่นจากฝันร้าย
ขณะกำลังวิ่งข้ามถนน
มีหญิงสาวคนที่ห้ายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เอกชัยร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อาย
หน้าตาบูดเบี้ยว ร้องไม่เป็นภาษาอย่างหมดหนทาง
เอี๊ยด......ตุ๊บ...
เขาไม่รู้สึกอะไรอีก
เพียงรู้สึกชาไปทั่วร่างกาย ดวงตายังคงเบิกโพลงด้วยความกลัวสุดขีด ความมืดค่อย ๆ
ปกคลุมร่างกายของเขา จนกระทั่งมันมืดมิดเสียจนไม่สามารถมองเห็นอะไรอีก
ความคิดเห็น