คุณหญิงดอกแก้ว - นิยาย คุณหญิงดอกแก้ว : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    คุณหญิงดอกแก้ว

    โดย R.K.N.

    สายตาที่มองมาที่ชายหนุ่มมีความปิติยินดีและเต็มไปด้วยความรัก ความคิดถึง ในที่สุดคุณพี่ก็กลับมา น้องรอคุณพี่มานานมากแล้วเจ้าค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    414

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    20

    ผู้เข้าชมรวม


    414

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    4
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  11 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  27 เม.ย. 67 / 13:44 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทที่ 1 คำถาม

     

    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูค่อนข้างดังปลุกให้ชายหนุ่มที่กำลังหลับอยู่บนเตียงนุ่มต้องขยับตัวลุกขึ้นแล้วพาตัวเองเดินมาเปิดประตู แต่สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดใจมากกว่าความฝันที่เพิ่งผ่านมาเมื่อกี้คือ พอเปิดประตูแล้วด้านนอกกลับไม่มีใคร มันว่างเปล่า! มีเพียงแค่สายลมเบาๆ ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้บางชนิด และเขาไม่รู้ว่ากลิ่นนี้คือกลิ่นของดอกอะไร เมื่อกวาดสายตาดูทั่วแล้วเห็นว่าไม่มีอะไรจริงๆ เขาจึงปิดประตูแล้วกลับมานั่งที่เตียงพร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียงทำให้ภายในห้องสว่างขึ้นมา ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาบนหัวเตียงพบว่าเวลานี้คือ 03:30 น. พร้อมกับเอามือกุมขมับแล้วพึมพำกับตัวเอง

    “อีกแล้วเหรอ เวลาเดิม ความฝันเดิม นี่มันอะไรกัน?”

     

    มีคำถามมากมายในหัวของชายหนุ่มที่มีชื่อว่า ปุณน์ เขาฝันเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ทั้งเสียงเคาะประตู และเวลา มันเกิดขึ้นมาแบบนี้ร่วมสองอาทิตย์แล้วตั้งแต่เขากลับมาที่เมืองไทย ความง่วงที่เคยมีตอนนี้ได้หายไปหมดแล้วเหลือแต่ความสงสัย ความอยากรู้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ชายหนุ่มตัดสินใจลุกจากเตียงเปิดคอมพิวเตอร์หาข้อมูลเกี่ยวกับอาการของเขาที่เป็นอยู่ เขาใช้เวลานานกับการหาคำตอบในอินเตอร์เนต แต่กลับไม่ได้อะไรเลย จนเวลาล่วงเลยมาถึง 05:50 น. ปุณน์จึงตัดสินใจปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกไปอาบน้ำ สิ่งเดียวที่จะทำให้เขาสบายใจได้และบางทีอาจเป็นคำตอบที่เขากำลังหาอยู่ นั่นคือ...ไปพบหลวงตาบุญ

     

    ช่วงสายของอีกวันชายหนุ่มขับรถเข้ามาในวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาต้องการมาพบกับบุคคลคนหนึ่งนั่นคือหลวงตาบุญ หรือที่เขาชอบเรียกว่าหลวงลุงนั่นเอง หลวงตาบุญเดิมทีเป็นลุงของปุณน์ที่ได้บวชให้กับภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้วนานหลายปีจนถึงตอนนี้หลวงลุงก็ไม่ยอมสึก และบอกกับเขาเสมอว่ายังต้องการศึกษาพระธรรมต่อไปเรื่อยๆเพราะในผ้าเหลืองนี้ทำให้จิตใจสงบร่มเย็น และยังเคยเปรยๆไว้ว่าอาจจะบวชไปตลอดชีวิต

     

    เมื่อรถจอดสนิทดีแล้วชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปในโบสถ์ที่มีพระประธานตั้งอยู่ และมีหลวงลุงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เหมือนกับรู้ล่วงหน้ามาก่อนว่าเขาจะมาในวันนี้ ชายหนุ่มก้มกราบพระประธานแล้วกราบหลวงลุง ทั้งสองมองหน้ากันพร้อมกับยิ้มยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง

     

    “เป็นไงบ้าง สบายดีหรือ”   เป็นคำถามที่มาจากหลวงลุงที่เอ่ยถามกับชายหนุ่ม

     

    “ผมสบายดีครับ เพิ่งกลับมาเมืองไทยได้สองอาทิตย์ครับหลวงลุง”

     

    เป็นบทสนทนาแรกของทั้งคู่ หลวงลุงมองหน้าชายหนุ่มพร้อมกับยิ้มและบอกกับเขาว่า

     

    “มาคราวนี้คงไม่ได้ไปไหนแล้วนะ”

     

    ซึ่งคำพูดนี้ทำให้ชายหนุ่มถึงกับงุนงง แต่ก็ไม่ได้ติดใจที่จะตั้งคำถาม เพราะเหตุผลที่เขามาหาหลวงลุงวันนี้เพียงเพื่อต้องการหาคำตอบที่เกิดขึ้นกับเขาเท่านั้น แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเอ่ยอะไรออกมาหลวงลุงก็พูดขึ้นมาก่อน

     

    “การรอคอยมันทรมานนะ สิ่งที่ต้องการอาตมาไม่มีคำตอบให้หรอกแต่เมื่อถึงเวลาคำตอบจะมาหาเอง”

     

    กล่าวจบหลวงลุงก็ยิ้มเอ็นดูให้ชายหนุ่มอีกครั้ง พร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อนจะพ้นประตูโบสถ์ หลวงลุงหันกลับมาพูดกับเขาอีกครั้ง

     

    “ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะโยม ขอให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีๆนะ”

     

    แล้วหลวงลุงก็เดินออกจากโบสถ์ไป ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดชวนให้คิดทั้งหมดของหลวงลุง แล้วก็สิ่งที่หลวงลุงให้คำตอบเขาก่อนที่เขาจะถามด้วยซ้ำ ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วหันกลับมาที่หน้าพระประธาน

     

    “นั่งสมาธิสักหน่อยดีกว่าเผื่อจะช่วยผ่อนคลายได้บ้าง”

     

    ชายหนุ่มพึมพำในใจพร้อมกับหลับตาทำสมาธิ เวลาผ่านไปสักพักเสียงโทรศัพท์ที่ดังและสั่นเบาๆ ปลุกให้ชายหนุ่มออกจากสมาธิแล้วล้วงมือเข้าไปหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ขายาวออกมาเมื่อพบว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นใครชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วก่อนที่จะกดรับสาย

     

    “ไงวะ มาสุพรรณฯทั้งทีไม่คิดจะบอกกันหน่อยรึไง”

     

    เสียงห้าวๆ แหบๆ ดังมาก่อนที่เขาจะพูดอะไรเสียอีก นั่นคือเสียงของ ภาคภูมิ หรือเรียกสั้นๆว่า ภูมิ เจ้าของรีสอร์ทใหญ่ในเมืองสุพรรณบุรี และเป็นเพื่อนรักของเขานั่นเอง

     

    “รู้ได้ไง ว่าข้ามาสุพรรณฯ”

     

    “คนอย่างข้ามีอะไรบ้างที่จะไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ ” ปลายสายตอบมาแบบกวนๆ

     

    “ฮึ! เก่งเหลือเกินนะเอ็งเห็นข้าลงไอจีก็บอกมาเถอะ”  ปุณน์เริ่มหัวเราะกับความสอดรู้ของเพื่อนก่อนจะนัดแนะพบเจอกันตามประสาเพื่อนรักที่ไม่เจอกันมานาน

     

    “รีสอร์ทเอ็ง สวยใช้ได้เลยนะเนี่ย ออกแบบเองเหรอ ข้าว่าสวยแปลกตาดี และดูสงบร่มรื่นมากด้วย ตั้งแต่เอ็งมาทำรีสอร์ทข้าก็ไม่เคยได้มาเลย เพิ่งเห็นครั้งแรกประทับใจว่ะ”

     

    “โธ่...เอ็งจะมาเห็นได้ยังไงละ ก็เพื่อนรีบไปเมืองนอกซะขนาดนั้น ข้าเนี่ยนะตั้งใจว่าจะใช้ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานแต่งเอ็งซะหน่อยแต่เอ็งหนีไปซะงั้น จบเลย”

     

    แล้วเรื่องราวมากมายก็ถูกถ่ายทอดสู่กันฟัง มีเสียงหัวเราะดังเป็นระยะๆ ทั้งคู่ใช้เวลาสนทนากันนานพอสมควร จนฟ้าเริ่มมืดแล้วภูมิจึงเสนอกับปุญน์ว่าให้ค้างที่รีสอร์ทเขาเถอะ ไม่ต้องขับรถกลับกรุงเทพฯหรอก มันจะเหนื่อยเกินไป แล้วพรุ่งนี้เขาจะได้ชวนเพื่อนไปเที่ยวต่อด้วยนานๆเจอกันที อยากใช้เวลาด้วยกันให้คุ้ม ซึ่งปุณน์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะเขาไม่ได้เร่งรีบกลับกรุงเทพฯอยู่แล้ว จึงตอบรับเพื่อนไปอย่างยินดี แล้วภูมิก็ให้คนพาปุญน์ไปดูห้องสำหรับพักผ่อนคืนนี้ ซึ่งภายในห้องตกแต่งโดยเน้นโทนสีไม้ แต่ออกแบบได้อย่างสวยหรู ของใช้ภายในห้องบางชิ้นก็ดูเหมือนของเก่าแก่ เช่น แจกันทองเหลือง แก้วน้ำทองเหลือง และตู้เสื้อผ้าที่แกะสลักลวดลายดอกไม้  ยังไม่ทันที่เขาจะได้ชื่นชมสิ่งต่างๆ รอบห้องเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูแล้วพบพนักงานสาวสวยยืนถือตะกร้าใส่ของในมือ ยื่นมาให้เขาพร้อมกับบอกว่า

     

    “คุณภูมิให้เอามาให้คุณค่ะ”

     

    เสร็จแล้วก็ยิ้มอ่อนโยนให้ชายหนุ่มแล้วเดินหันหลังกลับไป  ปุณน์ได้แต่ยิ้มและมองตามพนักงานสาวแล้วคิดในใจ

     

    “เพื่อนเรานี่หาพนักงานได้สวยใช้ได้เลยนะเนี่ย”

     

    พร้อมกับยิ้มกว้างแล้วถือตะกร้าใส่ของนั้นวางที่เตียงจัดการกับข้าวของเสื้อผ้าที่เพื่อนให้มา แล้วรีบอาบน้ำ ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย

     

    ที่ต่างจังหวัดมักจะมองเห็นแสงพระจันทร์ได้ชัดเจน ชายหนุ่มจึงเดินออกมานอกห้องนั่งริมระเบียงพร้อมกับแหงนหน้ามองท้องฟ้ามืดครึ้ม มีเพียงแสงพระจันทร์นวลที่ให้แสงสว่างอยู่ในตอนนี้ จิตใจชายหนุ่มรู้สึกปลอดโปร่งแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาไม่เคยได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ลมธรรมชาติ และแสงจันทร์ที่สวยงามขนาดนี้ ชายหนุ่มมั่งมองพระจันทร์จนเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ไม่รู้  มารู้สึกตัวอีกทีตอนสัมผัสได้ถึงความหนาวที่เพิ่มขึ้นเขาจึงเห็นว่าถึงเวลานอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีนัดกับเจ้าภูมิไปเที่ยวอีก แต่ก่อนที่ขาจะก้าวเข้าห้องนั้น จมูกก็ดันได้กลิ่นหอม กลิ่นหอมที่เขาคุ้นเคย กลิ่นหอมที่ไม่ได้เกิดขึ้นหลังความฝัน แต่เป็นกลิ่นหอมที่สัมผัสได้จริงในตอนนี้ ตอนที่เขายังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนแบบนี้เขารีบหันตามที่มาของกลิ่นหอมนั้น เขาต้องหาให้ได้ว่ากลิ่นนี้มาจากที่ไหน และเป็นกลิ่นของดอกอะไรกันแน่ จากเดิมจะเข้าห้องนอนชายหนุ่มก็เดินตามหากลิ่นของดอกไม้นั้นทันที และในที่สุดความพยายามของเขาก็สำเร็จชายหนุ่มหยุดเดินสายตามองไปที่ต้นไม้ด้านหน้าของเขา ซึ่งเป็นต้นไม่ใหญ่มาก มีดอกสีขาว  กลีบเล็กๆเป็นพวงมากมายเต็มต้นส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปหมด เจอแล้วอีกหนึ่งความสงสัยที่ตามหา ชายหนุ่มยิ้มยินดีอยู่ในใจ แล้วเก็บดอกไม้นั่นใส่ในอุ้งมือหวังว่าจะใช้ดมในเวลานอน และพรุ่งนี้เช้าจะได้ถามเพื่อนว่านี่คือดอกอะไร เมื่อความสงสัยได้กระจ่างแล้วชายหนุ่มจึงเดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง พร้อมกับดอกไม้น้อยๆสีขาวในมือที่ถูกกุมไว้อย่างทะนุถนอม โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนยืนมองเขาอยู่จากศาลาริมน้ำ สายตาที่มองมาที่ชายหนุ่มมีความปิติยินดีและเต็มไปด้วยความรัก ความคิดถึง แล้วหยาดน้ำใสๆ ก็เอ่อล้นออกมาอาบแก้มนวล ในที่สุดคนที่เฝ้ารอคอยมานานแสนนานก็ได้กลับมาหาเสียที “ในที่สุดคุณพี่ก็กลับมา น้องรอคุณพี่มานานมากแล้วเจ้าค่ะ”

     

    เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วยามเช้าปลุกชายหนุ่มให้ตื่น นี่เป็นคืนแรกที่เขาได้นอนเต็มอิ่มขนาดนี้และไม่ได้ฝันอะไรเลย ชายหนุ่มตื่นมาด้วยความสดชื่นแต่อดแปลกใจไม่ได้อีกใจก็รู้สึกดีและคิดว่าบางทีอาการแปลกๆ ของเขาตลอดสองอาทิตย์มานี้อาจจะหายไปแล้วก็ได้ เขาจึงรีบลุกอาบน้ำแต่งตัวตั้งใจว่าจะไปขอบคุณเพื่อนเสียหน่อยที่ให้เขาได้พักแบบสบายขนาดนี้และตั้งใจว่าจะไปถามเรื่องดอกไม้ที่เขาเก็บมาเมื่อคืนด้วย

     

    “คุณภูมิ ให้มาแจ้งว่าตอนนี้ติดประชุมค่ะ ให้คุณปุณน์รอสักพักก่อนนะคะ”   เสียงหวานจากพนักงานสาวคนเมื่อคืนเดินมาบอกเขาขณะที่เขากำลังทานมื้อเช้าอยู่

     

    “อ้อครับ ขอบคุณครับ”   เขายิ้มแล้วตอบกลับอย่างสุภาพ

     

    “ไหนๆ ก็ต้องรอเจ้าภูมิประชุมกว่าจะเสร็จไปเดินเล่นสักหน่อยดีกว่า

    ไปดูต้นไม้ต้นนั้นอีกทีซิเผื่อจะได้ถ่ายรูปสวยๆไว้ดูด้วย”   คิดกับตัวเองในใจแล้วก็เดินไปยังจุดที่เขาเดินตามหากลิ่นดอกไม้เมื่อคืนนี้ จนมาถึงจุดที่เขาหยุดยืนจุดเดียวกับเมื่อคืน แต่แปลกไม่มีต้นไม้สักต้น ดอกไม้สักดอกก็ไม่มี กลายเป็นที่ว่างเปล่า......

     

    “อะไรว่ะเนี่ย”   ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ

     

    ปุณน์หันซ้ายหันขวา บางทีเขาอาจเดินมาผิดทางเขาจึงเดินหาไปเรื่อยๆ จนมาถึงศาลาเก่าหลังหนึ่งซึ่งเป็นศาลาที่อยู่ท้ายสุดของรีสอร์ทสภาพเก่ามากแล้ว ผุพังไปเยอะแต่ก็ยังพอให้นั่งรับลมได้ เขาจึงเดินเข้าไปนั่งในศาลานั้นเพื่อดูความสวยงามของสายน้ำที่ทอดยาวไปตามคลอง มีดอกบัวขึ้นเล็กน้อยทั้งสีขาวและสีม่วงอมแดง ชายหนุ่มเห็นว่าที่นี่สงบดี เขาจึงนั่งมองวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ อย่างสบายอารมณ์ สายลมที่พัดผ่านมาเบาๆ ยิ่งทำให้จิตใจของชายหนุ่มสงบมากขึ้น เขานั่งเอาหลังพิงกับเสาของศาลาหลับตาตั้งใจจะพักสายตาและซึมซับกับบรรยากาศดีๆ  แบบนี้สักประเดี๋ยวแต่แล้วในที่สุดแล้วเขาก็เผลอหลับไป.................

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น