มินตรา 1 ปฐมปริศนา
เหล่าจัตตาเทวี ได้จุติลงสู่โลกมนุษย์ พร้อมปริศนาแห่งพลังอำนาจ "หนึ่งปัญญาซ่อนมนตรามายาจิต หนึ่งวิทยาซ่อนความคิดปริศนา หนึ่งศาสตราซ่อนสนามความเมตตา หนึ่งอาทรซ่อนวิญญามหาภัย"
ผู้เข้าชมรวม
388
ผู้เข้าชมเดือนนี้
20
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ในเรื่องผลกระทบ ต่อเรื่องราว หรือเหตุการณ์ใดๆ ในโลกแห่งความจริงปัจจุบัน เรื่องเล่าในตำนานแห่งมินตรานี้จึงขอใช้ฉากของโลก ที่อยู่ในจักรวาลคู่ขนาน หลังมหันตภัยพิบัติที่ทำลายล้าง สภาพแวดล้อมของโลกอย่างรุนแรง ได้ผ่านพ้นไปแล้วในปี ค.ศ. 2666 ซึ่งได้ส่งผลให้ภูมิสภาพทั่วโลก มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ชนิดที่แทบจะจดจำสภาพดั้งเดิมไม่ได้ เหตุการณ์ในท้องเรื่องเริ่มต้นขึ้น หลังจากโลกเริ่มเข้าสู่สภาพสมดุลย์อีกครั้ง นับจากมหาวิบัติภัยครั้งสุดท้ายได้จบสิ้นลงประมาณ 10 ปี และมีการรวมหลายประเทศเข้าด้วยกันเป็นสหพันธรัฐ เนื่องจากจำนวนประชากรที่เหลืออยู่ เพียงหนึ่งในสิบของสังคมโลกทั้งหมด หลังเกิดการทำลายล้างที่ผ่านมา รวมทั้งพื้นที่ของบางประเทศที่เหลือน้อย จนแทบจะคงความเป็นชาติเอาไว้ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ชนชาติที่อยู่ใกล้กัน มีประเพณีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน จึงได้รวมกันเป็นประเทศอีกครั้ง โดยยังคงเขตพื้นที่ชนชาติเดิมเอาไว้ และมีการตั้งรัฐบาลกลางขึ้นมาปกครองดูแล
ในภูมิภาคที่ถูกใช้เป็นสถานที่ดำเนินเรื่องทั้งหมด จะอยู่ในเขตปกครองย่อยที่เรียกว่า อาคานียา ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ตั้งของเอเชียอาคเนย์ หรือเอเชียตะวันตกเฉียงใต้เดิม เพียงแต่บัดนี้ ผืนแผ่นดินใหญ่ได้แตกแยกออกเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยจำนวนมาก โดยมีพื้นทวีปใหญ่อยู่ลึกเข้ามาทางตอนเหนือของมหาทวีปเก่า ทำให้ชนชาติในพื้นที่แถบนี้หลายเผ่าพันธ์ได้รวมตัวกันขึ้นเป็นรัฐใหญ่แห่งหนึ่งที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลกลางที่อยู่ลึกขึ้นไปทางตอนเหนือ บริเวณชายแดนเดิมของมหาอำนาจจีนและรัสเซีย ซึ่งบัดนี้แผ่นดินได้แยกออก และยุบหายกลับกลายเป็นท้องน้ำกว้างใหญ่ไพศาลกางกั้นไว้ มลรัฐอาคานียาจึงถือเป็น เขตปกครองทางใต้ที่มีความสำคัญ ด้วยสภาพพื้นที่ติดชายฝั่งมหาสมุทร จึงกลายเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ ทำให้เกิดมหานครหลายแห่งที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยหนาแน่น เพราะสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่นกำลังดี ไม่หนาวเย็นเกินไปเหมือนพื้นที่ทางตอนเหนือ ซึ่งจะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะเนิ่นนานกว่าหกเดือนในทุกปี
นครสีมาราเป็นเมืองท่าสำคัญ ที่ติดชายฝั่งทวีป มีท่าเรือน้ำลึกหลายแห่งตามแนวชายฝั่ง ที่เรียงรายเป็นแนวยาว ตัวเกาะต่างๆ ซึ่งเคยเป็นเขตเทือกเขาและที่ราบสูงเดิม ได้กลับกลายเป็นแนวป้องกันพายุ และคลื่นทะเลที่รุนแรงเป็นอย่างดี ส่งผลให้น่านน้ำของสีมารา มีความสงบเพียงพอและเหมาะสม จะเป็นท่าเรือน้ำลึก ที่คึกคักและพลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก การขนส่งทั้งหมดจะเริ่มต้นที่ท่าเรือแห่งนี้ ก่อนที่สัมภาระและสินค้าต่างๆ จะถูกลำเลียงขึ้นไปยังเขตปกครอง ทางตอนเหนือของมหาทวีปโบราณ จากเหตุปัจจัยทั้งหมดนี้ จึงส่งผลให้สีมารากลับกลายเป็นมหานคร เมืองท่าสำคัญได้โดยไม่ยากเย็นนัก
มินตราก็ตั้งอยู่ในเขตปกครองนี้ โดยเป็นร้านรับซื้อ และจำหน่ายของโบราณ ตัวอาคารเป็นตึกแถวขนาดสามคูหา ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมของถนนแห่งหนึ่ง ในเขตชานเมืองของสีมารา ถัดขึ้นไปทางตอนเหนือใกล้ชายเขต ของนครศรีภูมิ เจ้าของร้านปัจจุบัน เป็นชายวัยกลางคนที่มีนามว่า ชินกร อดีตนักวิชาการด้านโบราณคดี และประวัติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยมีชื่อในเขตพื้นที่นี้ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกกลืนหายไป ในท้องน้ำกว้างเรียบร้อยแล้ว ชินกร หรืออาจารย์ชิน จึงกลับมาที่บ้านเดิมของตน และได้ร่วมกับบุคคลลึกลับผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อว่า วรทิน เขาเป็นคนเสนอแนะกิจการค้าของโบราณ พร้อมร้านมินตราแห่งนี้ให้ มันเหมือนจะเป็นร้าน ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ชินกรไม่แน่ใจว่า เคยเห็นร้านนี้ ในที่ตั้งปัจจุบันของมันมาก่อน ตอนที่เขามาถึงครั้งแรกนั้น มันเหมือนกับเป็นการเดินทาง เข้ามาสู่กาลเวลาแห่งอดีตอันยาวไกล หลังจากก้าวย่างเข้าสู่ ภายในตัวอาคารที่ตั้งร้านแห่งนี้ในครั้งแรก
จากนั้นมาชินกรก็ได้รับรู้ เรื่องราวจากความทรงจำอันเร้นลับของร้าน ผ่านการถ่ายทอด และคำบอกเล่าของวรทิน อาจารย์ชินจึงตัดสินใจ ใช้ชีวิตบั้นปลายที่ร้านโบราณแห่งนี้ เพราะมันสอดคล้องกับภูมิความรู้ ที่เขาศึกษาค้นคว้ามาตลอดชีวิต พร้อมกับแผนการอันยิ่งใหญ่ ที่รอคอยพวกเขาอยู่ วรทินหายไปเนิ่นนานเกือบปี แล้วเขาก็กลับมาพร้อมกับชายหนุ่มชาวเขา จากที่ราบสูงทางตอนเหนือของอาคานียา เขามีชื่อว่า ทียอ ซึ่งเป็นคนอารมณ์ดี แม้จะผอมสูงแต่ก็แข็งแรงว่องไว ท่าทีกระฉับกระเฉงและขยันขันแข็ง ที่สำคัญเขามีฝีมือทางงานช่างเกือบทุกสาขา ทั้งยังเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ทียอได้กลายเป็นเพื่อนร่วมงาน คนสำคัญของชินกร นับแต่นั้นเป็นต้นมา ขณะที่วรทินจะไปๆ มาๆ บางครั้งก็หายหน้าหายตาไปหลายเดือน และในค่ำคืนหนึ่ง เขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางเข้าร้าน พร้อมมวนบุหรี่ประหลาดในมือ ที่ไม่เคยถูกจุดสูบ ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ ชินกรที่เข้านอนไปแล้ว ต้องลงมาตามเสียงออดที่ดังติดต่อกันหลายครั้ง วรทินบอกให้เขารีบแต่งตัว เพื่อออกไปข้างนอก เพราะเวลาที่รอคอยได้มาถึงแล้ว ชินกรก็รีบไปกระทำตาม พอออกมาอีกทีก็พบว่า ทียอได้ขับรถตู้ของร้านมาจอดรออยู่ ที่ริมถนนด้านข้างตัวร้านเรียบร้อย แล้วทั้งหมดก็ออกเดินทางไป เพื่อสานต่อวงจรแห่งชะตากรรม ให้ครบรอบสมบูรณ์อีกครั้ง
เรื่องราวของมินตรา แก๊งค์กวนป่วนวิญญาณ จึงได้เริ่มต้นขึ้นจากการเดินทางครั้งสำคัญนี้ ผู้เขียนรู้สึกยินดีและสนุกกับเนื้อหา โครงเรื่อง และบทบาทลีลาของตัวละคร ที่ชวนตื่นตาตื่นใจ และมีมุกตลกสนุกสนาน ด้วยอารมณ์ขันที่แซมซ้อนอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ท่ามกลางการผจญภัยที่สุดแสนจะตื่นเต้นเร้าใจ เต็มไปด้วยฉากเหตุการณ์ ที่น่าประหวั่นพรั่นพรึน พร้อมการดำเนินเรื่องที่เข้มข้นกระชับฉับไว ซึ่งเป็นแนวที่ผู้เขียนชื่นชอบ และถนัดอยู่แต่เดิมแล้ว จึงน้อมรับข้อเสนอในงานประพันธ์ชิ้นนี้ด้วยความเต็มใจ หลังจากที่ได้รับมติเป็นเอกฉันท์จากเพื่อนร่วมทีมงานทั้งหมด ด้วยเหตุนี้จึงต้องขอออกตัวในที่นี้ว่า งานเขียนชุดนี้มิใช่ผลงาน ของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ทว่าต้องถือเป็นผลงานร่วมของกลุ่มเพื่อน ที่ได้ช่วยกันระดมสมอง สร้างพล็อตหรือโครงเรื่องให้ และจากนี้ไปก็ขอเชิญทุกท่าน พบกับภาคแรกของมินตรา แก๊งค์กวนป่วนวิญญาณ ในชื่อภาคว่า ปฐมปริศนา หรือ The Primary Riddle ได้ ณ.บัดนี้
ผลงานอื่นๆ ของ Angela Zin ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Angela Zin
ความคิดเห็น