ภรรยาเจ้าสัว | ไทยย้อนยุค (จบแล้ว) EBOOK - นิยาย ภรรยาเจ้าสัว | ไทยย้อนยุค (จบแล้ว) EBOOK : Dek-D.com - Writer
×

    ภรรยาเจ้าสัว | ไทยย้อนยุค (จบแล้ว) EBOOK

    จากแม่ค้าตัวท็อปในยุคปัจจุบัน สู่ลูกแม่ค้าตรอกสำเพ็งตัวน้อย นามว่า 'หนูสร้อยสน' แล้วหนูสร้อยสนตัวน้อยผู้เป็นเพียงลูกแม่ค้าธรรมดา จะก้าวสู่การเป็นภรรยาเจ้าสัวอย่างไร

    ผู้เข้าชมรวม

    28,662

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    469

    ผู้เข้าชมรวม


    28.66K

    ความคิดเห็น


    300

    คนติดตาม


    722
    จำนวนตอน :  109 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  1 พ.ย. 67 / 23:17 น.
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    อัพวันละ 1 ตอน เวลา 16.30 น.

    เริ่มปิดตอนวันที่ 7 ธันวาคม ทะยอยปิดวันละตอนค่ะ 

    ความรู้ก่อนอ่าน 

     

    ในยุคสมัยก่อนวิธีการพูดภาษาอังกฤษของคนยุคนั้นจะค่อนข้างเป็นทางการ และสุภาพ 

    (ทำให้การใช้ภาษา การแปลของผู้เขียนอาจจะผิดพลาดไปบ้าง ต้องขออภัย แต่อยากให้อ่านเพื่ออรรถรสเท่านั้น)

     

    ค่าเงินคนสมัยก่อน ขออนุญาตอ้างจากอาจารย์มนัส โอกากุล

    (ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง)

    “ราคาข้าวเปลือกเกวียนละ 20 บาท ทองคำหนัก 1 บาท 20 บาท ข้าวสวยใส่ชามตราไก่ 1 สตางค์ มี 3 สตางค์รับประทานข้าวต้มได้หนึ่งอิ่ม ข้าวแกงราดหน้าจานละ 5 สตางค์ ก๋วยเตี๋ยวน้ำชามละ 3 สตางค์ บะหมี่ต้มยำใส่หมูบะช่อโปะหน้า พร้อมตั้งฉ่ายและหนวดปลาหมึกชามละ 5 สตางค์ น้ำแข็งกดราดน้ำหวานสีแดง-เขียว 1 สตางค์ ยาขัดกีวีตลับละ 5 สตางค์ สูทเสื้อนอกกางเกงผ้าปาล์มบีชอย่างดีในสมัยโน้นชุดละ 4.50 สตางค์ เสื้อเชิ้ตตัวละ 35 สตางค์ น้ำมันใส่ผมยี่ห้อยาร์ดเล่ย์และน้ำหอมของฝรั่งเศส คนไทยสมัยโน้นใช้ของนอกทั้งนั้น เพราะพระคุณของชาวนาที่ส่งข้าวออกไปขายต่างประเทศ”

    (หลังสงครามโลกครั้งที่สอง)

    “เมื่อเกิดสงครามเกิดขึ้น ไทยก็ขาดแคลนสิ่งของเหล่านั้น เพราะเป็นฝ่ายอักษะ ส่วนญี่ปุ่นมีปัญหาทางการเงิน ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ธนบัตรขึ้นใช้เองเรียกว่าแบงก์ “กงเต็ก” ซึ่งทำให้ค่าเงินของไทยตกอย่างหนักทันที ราคาสินค้าต่างๆ ถีบตัวสูงขึ้น เช่น ยาแอสไพรินเม็ดละ 1 สตางค์ เพิ่มเป็นเม็ดละ 1 บาท, ข้าวเปลือกเกวียนละ 20 บาท ราคาเพิ่มเป็นเกวียนละ 400-500 บาท, ทองคำบาทละ 20 บาท ราคาเพิ่มเป็นบาทละ 400 บาท ฯลฯ”

     

    นิยายเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากยุคสมัยรัชกาลที่ 7 ซึ่งเนื้อหาความรู้ที่ทางผู้เขียนมี อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะฉะนั้นไม่สามารถนำมาอ้างอิงทางวิชาการได้นะคะ เป็นนิยายที่เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

     

    "ตัวค่าเงินรายได้อาจจะไม่สัมพัทธ์กับความจริงในอดีต เพราะไรท์พยายามหาข้อมูลเต็มที่แล้ว แต่ยากมากค่ะ โดยรวมอยากให้มองนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเพื่ออรรถรส ความสนุกสนานเท่านั้นก็พอ"

     

    นาลันทา 

    แม่ค้าออนไลน์สาวมีชื่อเสียงในวัยเพียงยี่สิบห้าปี ต้องตายจากไปเพราะปกป้องน้องสาว

     

    คนทุกคนย่อมมีทั้ง ‘ขาว’ และ ‘ดำ’

    เปรียบดั่งบุญและบาป

    โดยวาสนาดั่งสายน้ำที่จะพัดพาให้ไปตามทางบุญกรรมที่ทำมา

     

    แทนที่ ‘นาลันทา’ จะได้ไปเกิดใหม่ อาจจะไปเกิดในครอบครัวคนรวย หรือกลับมาเกิดเป็นลูกคนในครอบครัว แต่เธอกลับได้ไปเกิดใหม่ในยุคอดีต ในปี 2465 ที่เธอแทบไม่รู้อะไรเลย

     

    เดิมทีคิดว่าเธออาจจะเป็นเหมือนนางเอกในนิยายที่เกิดมามีแต่โชควาสนาที่คอยช่วยเหลือ แต่ตรงกันข้ามเลยที่แม่ของเธอจะอาศัยอยู่ในตรอกเล็ก ย่านสำเพ็งที่เจ้าของตึกให้เช่า แบ่งเช่าแบบแยกห้อง นาลันทาเองก็เคยมาเดินบ่อยครั้ง กล้าพูดได้เลยว่ามันแตกต่าง ไม่คุ้นหูคุ้นตาเลยสักนิดเดียว 

     

    แม่ของเธอเป็นแม่ค้าขนมหวาน แม้จะรายได้น้อย แต่ก็ขายได้ดีพอสมควรด้วยหน้าตาที่สะสวย แต่ก็ทำให้แม่ค้ารอบข้างเกิดความหมั่นไส้ไม่ชอบหน้า นาลันทาในวัยเพียงสี่ขวบจึงช่วยแม่ผู้แสนอ่อนแอ ไม่สู้คนจนน่าโมโห ด้วยการสั่งให้แม่ทำขนมอยู่บ้าน ส่วนเธอในวัยสี่ขวบ เลือกที่จะขายของเอง 

     

    ปากน้อยๆตะโกนเรียกลูกค้าเสียงหวานใส ทำเอาคนผ่านไปผ่านมาต้องเกิดความเอื้อเอ็นดู ท่าทางลีลาการพูดจาฉะฉาน เที่ยวชมคนนั้นที คนนี้ที ใครผ่านไปผ่านมาก็สวยก็หล่อกันทั้งหมด ขนมหลายอย่างขายในไม่กี่ชั่วโมงก็หมดแล้ว นาลันทาที่ยกของไม่ไหวก็ต้องรอแม่อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งวันนึง เธอได้เจอ พี่อาไห่ ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอในทุกวัน

     

    ภรรยาเจ้าสัว

    เขียนโดย จงกลมาศ

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น