เมื่อประเทศไทยในปี2025(ในอุดมคติ)ย้อนกลับไปสงครามโลก
มีคำถามมากมายว่าทำไมไม่มีเรื่องไหนในแนวนี้เลยที่ไทยจะเป็น'ประชาธิปไตย'เพราะงั้น ผมก็เลยแต่งขึ้นเพื่อสนองนีทตนเอง "ชีวิตนี้แด่อิสรภาพ เสรีภาพ และประชาธิปไตย"
ผู้เข้าชมรวม
1,242
ผู้เข้าชมเดือนนี้
39
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น : หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้จบลงไป ประเทศไทยก็ได้รอดจากการเป็นผู้แพ้สงครามด้วยเสรีไทยและมีสหรัฐอเมริกาค่อยหนุน หลังการจากนั้นประเทศไทยก็ได้เริ่มการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน และเริ่มการเปลี่ยนผังเมืองใหม่ทั้งหมด โดยมีชาติตะวันตกค่อยช่วยแก้ไขจุดต่างๆ ซึ่งกว่าจะเข้าที่ก็กินเวลาไปกว่า 20 ปี
ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้หลายสิบปีมากเนื่องจากได้รับเงินช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาหลายสิบล้านดอลล่า และแน่นอนในช่วงเวลาระหว่างนั้นก็มีสงครามเย็นที่มี สงครามเกาหลีเป็นสงครามตัวแทนครั้งแรก ทางการไทยได้ส่งทหารอาสากว่า 800 นายไปเข้าร่วมในนามของสหประชาชาติ และมันก็เป็นที่แรกที่ทหารไทยได้เฉิดฉายเนื่องจาก
การตั้งรับที่เนินเขาแห่งหนึ่งที่มีกองทัพไทยเพียงกองทัพเดียวที่ตั้งป้องกันอยู่สามารถต้านทานการบุกของทหารเกาหลีเหนือกว่า 12,000 นาย ด้วยทหารเพียง 800 นาย จนทหารเกาหลีเหนือต้องถอยล่นกลับไปเอง ฝ่ายไทยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 13 นาย กลับกันฝ่ายเกาหลีเหนือนั้นเสียทหารไปกว่า 7,800 คน นั้นทำให้ทหารไทยได้รับฉายาว่าเสือน้อยแห่งเอเชียเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเวลาก็ได้ผ่านไปจนถึงปี 1958 ก็เริ่มการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และมีการก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา 2 พรรค 1.เสรีไทย(ซึ่งเทียบได้กับพรรคเดโมแครบ) 2.ก้าวไปด้วยกัน(ซึ่งเทียบได้กับพรรครีพลับบลิคกัน) โดยมีการเลือกตั้งทุกๆ 4 ปีในช่วงต้นปี
แล้วเวลาก็ได้ผ่านไป 1961 หรือ 3 ปีต่อมา รัฐบาลของพรรคก้าวไปด้วยกันได้เริ่มลงทุนกับเทคโนโลยีป้องกันประเทศเพื่อต่อต้านภัยคอมมิวนิสที่กำลังขยายเข้ามาทางฝั่งอินโด-จีน ซึ่งในช่วงแรกก็จะเป็นการซื้ออาวุธปืนFN FALของสหราชอาณาจักรเข้ามาเป็นจำนวนกว่า 60,000 กระบอก
พร้อมกับปืนกลMG 3ของเยอรมันตะวันตก จำนวน 4000 กระบอก ก่อนจะซื้อลิขสิทธิ์ทั้งสองกระบอกเข้ามาการเปิดสายการผลิตในประเทศในอีก 3 ปีต่อมาและในขณะเดียวกันก็ซื้อปืนใหญ่M101มาจากสหรัฐอเมริกาอีก 300 กระบอก พร้อมกระสุนหลายร้อยตัน
ก่อนจะเริ่มการพัฒนาอาวุธขึ้นมาเองในช่วงเวลาหลังจากนั้น 10 ปีเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ และพึ่งตัวเองให้มากที่สุด
หลายปีต่อมาในตอนนี้ก็เป็นช่วงสงครามเวียดนามเป็นที่เรียบร้อย และก็เป็นอีกครั้งที่กองทัพไทยได้เฉิดฉายอีกครั้งโดยทหารไทยกว่า 3000 นายที่เข้าไปช่วยเวียดนามใต้ก็สามารถป้องกันฐานทัพเชิงยุทธศาสตร์แห่งหนึ่งในเวียดนามใต้โดยทหารของเวียดนามเหนือกว่า 30,000 นายได้เข้ามาโจมตีหลายวันติดต่อกันเป็นเวลากว่า 3 เดือน จนได้รับฉายาว่าทหารผี
และในช่วงเวลาสงครามเวียดนามนั้นทหารไทยก็สามารถสร้างตำนานได้อีกหลาย 10 ครั้งเลยทีเดียว และช่วงเวลาสุดท้ายของสงครามรัฐบาลไทยก็ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่สหรัฐอเมริกาไม่สามารถเอากลับไปได้มาทั้งหมด และด้วยเศรษฐกิจของไทยในช่วงนั้นที่GDPของประเทศได้เติบโตเฉลี่ยปีล่ะ 30% นั้นทำให้สามารถได้รับอาวุธจำนวนมากเข้ามา
เวลาผ่านไปหลายปีเวียดนามก็ได้ประกาศสงครามกับไทยการต่อสู้ตามชายแดนไทย-ลาว และไทยกัมพูช่านั้นเป็นไปอย่างดุเดือดแต่ไทยก็สามารถต้านทานไว้ได้ทุกครั้ง และแทบไม่มีทหารเวียดนามหรือทหารลาวและกัมพูชาคนใดสามารถบุกเข้ามาเกิน 5 กิโลเมตรได้เลย
แต่แล้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อปี 1989 ความร้อนแรงของสงครามเย็นก็ได้ลดลง จนเวียดนามได้ลงนามจบสงครามกับไทย สงครามครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 3 ล้านนายทั้งพลเรือนและทหารรวมกันของทั้งสองฝ่าย และสุดท้ายในปี 1991 สงครามเย็นก็ได้จบลงไป
เวลาได้ผ่านไปจนถึงปี 1997 ประเทศไทยทำการเปิดการลงทุนของต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก และสามารถสร้างงานให้แก่คนในประเทศ จากเดิมที่มีคนตกงานกว่า 14.87% ลดลงมาเหลือ 2.11% ภายใน 3 ปี…
ในปี 2000 เป็นต้นมา…ประเทศไทยได้เข้าร่วมกับสหรัฐอเมริกาในหลายสงครามจนได้สิทธิ์พิเศษในการสั่งซื้ออาวุธขั้นสูงจากสหรัฐมากขึ้นมาก นั้นทำให้ประเทศไทยนั้นมีอาวุธระดับไฮเอนจากสหรัฐเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาหลังจากนั้นเป็นต้นมา
ซึ่งประเทศไทยก็กลายเป็นฐานผลิตอุปกรณ์ต่างๆสำหรับส่งออกจะไม่ว่าจะเป็นชิป(40%ของโลก) อาหารการกิน หรือแม้กระทั่งเป็นโรงงานรับผลิตอาวุธระดับโลกด้วยมาตราฐานตะวันตก นั้นทำให้หลายประเทศในชาติตะวันตกได้เข้ามาตั้งฐานผลิตอาวุธ เนื่องด้วยประชากรที่มากกว่า 100,000,000 คน และแรงงานที่มีทั้งประสิทธิภาพสูงและไม่แพงมากจนเกินไป
ผลงานอื่นๆ ของ GoodEveryNight ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ GoodEveryNight
ความคิดเห็น