คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : The Dragon's Heart : Side Story : The Battle for a Little Girl (2)
The Dragon's Heart : Side Story : The Battle for a Little Girl (2)
###########
“แล้วตลอดสี่ปีมานี่ เธอไปอยู่ที่ไหนมา”
“ก็คงถูกเจ้าโรคจิตอีกคนหนึ่งจับตัวไปละมั้ง...”
เคิร์ทกลับไปคาบบุหรี่ไว้กับริมฝีปากตามเดิม “แถมยังเป็นเจ้าโรคจิตที่มีเงินเป็นถุงเป็นถังอีกต่างหาก”
ผู้หมวดหนุ่มเว้นช่วงก่อนจะหยิบกำไลข้อมือขึ้นมาส่งให้อดีตภรรยาพิจารณา
มันเป็นเส้นหนังสีน้ำตาลที่ร้อยรัดพันหินสีขนาดเล็กจำนวนนับสิบก้อนเข้าไว้ด้วยกันอย่างเรียบง่ายแต่ก็ดูน่ารักเหมาะแก่การเป็นเครื่องประดับของเด็กสาวอยู่ในที
เคิร์ทเคาะปลายนิ้วลงไปยังก้อนหินเหล่านั้นก่อนจะเอ่ยคำอธิบายในแบบที่ไดอาน่าแทบลมจับด้วยนึกไม่ถึงว่าของที่ดูธรรมดาๆจะมีมูลค่ามากมายขาดนี้
“นี่น่ะ...เพชรแท้ทั้งนั้น แถมยังเป็นเพชรมีสีที่ยังไม่ได้เจียระไนอีกต่างหาก
ราคาอย่างเนาะๆก็ก้อนละเกือบแสนปอนด์เข้าไปแล้ว
แต่เจ้านั้นกลับเอามาร้อยอย่างกะเป็นลูกปัดแล้วให้ยัยหนูเกรย์สันใส่ติดตัวไว้ซะได้
ถ้าไม่รวยโคตรๆมันก็ต้องเป็นเจ้าของเหมืองเพชรแน่ๆ”
“หรือไม่คนๆนั้นก็อาจจะชอบเธอมากๆก็ได้นะครับถึงได้ให้ของมีค่าขนาดนี้มา”
ลูคัสเสนอความคิดเห็นบ้าง แต่กลับได้รับเสียงเหอะอย่างดูแคลนจากผู้หมวดแบทเทิลกลับคืนมา
เพราะหลายๆอย่างในตัวเด็กสาวดูขัดแย้งกันเองมากเกินไป เสื้อผ้าและของใช้บ่งบอกว่าเธอได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี
แต่กลับมีแผลเป็นมากมายตามตัวแถมยังถูกพบในสภาพปางตายอีกต่างหาก
เคิร์มถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเพราะอะไรมันถึงเป็นเช่นนี้?
เพราะไม่เป็นที่ต้องการแล้วงั้นหรือจึงได้ถูกทอดทิ้ง
หรือว่าเพราะพยายามจะหนีเลยถูกทำร้าย
แต่ถ้าแบบนั้นทำไมต้องพามาปล่อยไว้ในที่ๆคนพลุกพล่านด้วย ทำไมไม่ซ่อนอำพรางศพไว้เสียเลย
มีแต่เรื่องน่าสับสนและชวนงุนงงไปเสียทุกอย่าง
เคิร์ทขบฟันไปมาจนทำให้ม้วนบุหรี่ในปากหมุนกลิ้ง
เขาอยากจุดสูบชะมัดแต่ทว่าก็ต้องอดทนไว้
“ผมมีทฤษฏีนะหมวดอยากจะฟังมั้ย” อยู่ๆลูคัสก็ยิ้มแป้นพลางกล่าวราวกับว่ากำลังอ่านความคิดของเขาออก
ดวงตาสีน้ำตาลเงยขึ้นจากรูปภาพและข้าวของบนโต๊ะพร้อมริมฝีปากภายใต้หนวดเคราที่เหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“คิดอะไรเป็นกับเขาด้วยเรอะ นึกว่าในหัวแกมันจะมีแต่ขี้เลื่อยซะแล้ว”
“เคิร์ท...” ไดอาน่าเอ่ยเรียกเพื่อปรามคำพูดอดีตสามี
“เอ้าว่ามาสิ...ถ้ามันเข้าท่าฉันก็จะบอกให้เจ้าแดเนียลลองสืบตามแนวทางนี้ดู”
ทว่าคนปากเสียไม่สนใจ กลับยังคงพูดต่อไปหน้าตาเฉย
ก็จะรู้สึกผิดไปทำไมกันเล่าในเมื่อคนที่ถูกปากเสียใส่ยังยิ้มหน้าระรื่นไม่มีสลดได้อยู่แบบนี้
“ผมคิดว่าคนที่จับตัวแพทริเซีย เกรย์สันไปในตอนแรกกับคนที่เธอไปอยู่ด้วยมาตลอดสี่ปีเป็นคนละคนกันครับ!” ลูคัสพูดเสียงดังฟังชัดด้วยท่าทางมั่นใจยิ่ง
ดวงตาจับจ้องมายังคู่หูรุ่นเก๋ารอให้อีกฝ่ายเอ่ยคำชมหรือไม่ก็แสดงความคิดในทางบวกเห็นต่อทฤษฏีนี้
แต่ทว่า...
“แกไปเอาความคิดเพี้ยนๆแบบนี้มาจากไหนกันห๊ะเจ้าลูกเจี๊ยบ”
“จากหมวดน่ะแหละครับ” นักสืบหนุ่มย้อนอย่างพาซื่อทำเอาผู้หมวดแบทเทิลนึกอยากหยิบรองเท้าเปื้อนโคลนบนโต๊ะมาตบหน้าให้ซักที
ยิ่งไดอาน่าหัวเราะคิกคักราวกับกำลังชอบใจเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“ก็หมวดบอกให้ผมหัดสังเกตและวิเคราะห์สิ่งต่างๆ
ผมก็วิเคราะห์แล้วไง และถ้าตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกไป สิ่งที่เหลืออยู่ต่อให้ดูไม่น่าเชื่อมากแค่ไหนแต่มันก็คือความจริง”
“นั่นมันคำคมของเชอร์ล็อค โฮล์มไม่ใช่ของฉัน”
“ก็คล้ายๆกับแหละครับ” ลูคัสแก้ตัวก่อนจะวกกลับมาเข้าเรื่องได้ในที่สุด
“แผลตามตัวแพทริเซีย เกรย์สันเป็นแผลเก่าทั้งนั้น
ผมเลยสันนิษฐานว่ามันอาจจะมาจากช่วงที่เธอเพิ่งถูกจับตัวไปใหม่ๆ
อาจจะเป็นฝีมือของแก๊งค้ามนุษย์ไม่ก็โจรเรียกค่าไถ่อย่างที่ทางสก็อตแลนยาร์ดคาดไว้แต่แรกก็เป็นได้เรื่องนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
แต่ไม่ว่ายังไงก็เถอะ...เธอคงหนีมาได้แล้วก็ได้รับความช่วยเหลือจากใครอีกคน”
“...”
เคิร์ทไม่พูดอะไรทั้งนั้นแต่การเลิกเคี้ยวก้นกรองบุหรี่แล้วดึงมันออกจากปากเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าเขากำลังตั้งใจฟังอยู่
“ใครคนนั้นดูแลให้ความใส่ใจเธอ จนกระทั่งคนที่จับตัวเธอไปตั้งแต่แรกตามมาพบ
คนที่ช่วยเธอคงจะถูกฆ่าส่วนเธอก็ถูกทำร้าย แต่บังเอิญมีคนมาพบเธอซะก่อนเธอก็เลยรอด
ที่ผมคิดไว้ก็ประมาณนี้แหละครับ”
“ฟังดูหยั่งกะหนังสยองขวัญห่วยๆ” เคิร์ทวิจารณ์
แต่ก็ไม่อาจบั่นทอนความมั่นใจของลูคัสได้เลยแม้แต่น้อย “มันก็พอจะอธิบายได้บ้างแต่ช่องโหว่ก็ยังเยอะอยู่ดี
ถ้ายัยหนูนี่หนีมาได้แต่แรกทำไมไม่กลับมาหาพ่อแม่ ทำไมถึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากใครที่ไม่รู้จักด้วย”
“เธออาจจะอยู่ไกลบ้านมากจนไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ได้นะครับ
เพราะพวกค้ามนุษย์ก็ชอบลักตัวเด็กสาวไปขายในที่แปลกๆอยู่แล้ว”
ทฤษฏีพอฟังขึ้น แต่เคิร์ทก็ยังไม่เลิกไล่ต้อนคู่หู
“ถ้าอยู่ไกลสุดกู่ขนาดนั้นแล้วทำไมยัยหนูเกรย์สันถึงได้มานอนเลือดไหลอยู่ข้างแม่น้ำเทมส์ได้ห๊ะ”
“ก็คงถูกคนที่ช่วยไว้พากลับมาส่งบ้านหลังจากที่คิดว่าปลอดภัยแล้วมั้งครับ”
“สี่ปีเนี่ยนะ”
“ไม่งั้นพวกเขาก็อาจจะชอบพอกันเลยตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเงียบๆจนคนที่จับตัวเธอไปแต่แรกตามมาเจอก็ได้มั้งครับ
เลยต้องหนีกลับมาที่บ้านเกิดของเธอ”
ผู้หมวดแบทเทิลส่งเสียงแบบดูแคลนในลำคออีกรอบ
และคราวนี้มีคำงึมงำประมาณว่า ‘น้ำเน่า’ กับ ‘พรากผู้เยาว์’ ตามมาด้วย
แต่ยังไม่ทันจะได้ไล่ต้อนต่อนางพยาบาลคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมแจ้งให้ไดอาน่าฟังว่า
แพทริเซีย เกรย์สัน ได้สติแล้ว...
“แกกลับไปที่กรมก่อนได้เลย
ฉันจะไปสอบปากคำยัยหนูเกรย์สันก่อนกลับซักหน่อย” เคิร์ทเก็บเจ้าบุหรี่ยับๆยู่ๆลงกระเป๋าเสื้อแล้วหันมาสั่งความลูคัส
“จะไม่โยนงานให้ผู้หมวดแดเนียลแล้วหรอคร้าบบบ”
“เขาเรียกมอบหมายงานเว้ย” เคิร์ทแย้งพร้อมส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจไปด้วย
เมื่อสี่ปีก่อนเขาคือคนที่ดื้อเพ่งขอรับคดีนี้มาทำทั้งที่ตนเองอยู่แผนกฆาตกรรมไม่ใช่แผนกคนหายเพราะนึกว่าเด็กสาวคือเหยื่อคนใหม่ของปีเตอร์แพน
ทุกๆอย่างในตัวแพทริเซีย เกรย์สันชนให้คิดไปอย่างยิ่งว่ามันจะต้องเป็นเช่นนั้น
เคิร์ทมั่นใจมากๆว่าเด็กสาวจะสามารถช่วยให้เขาจับเจ้าปีศาจตนนั้นได้ แต่มาบัดนี้มันชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่ และเมื่อเด็กสาวไม่สามารถให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้
เคิร์ทจึงไม่คิดเสียเวลาไปกับคดีลักพาตัวอันแปลกประหลาดมากไปกว่านี้อีกแล้ว
แต่ถึงกระนั้นทฤษฏีของลูคัสก็กวนใจเขาอยู่ไม่น้อย
มันฟังดูบ้าและน้ำเน่าแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเข้าเค้าอยู่หลายส่วนเลยทีเดียว
เคิร์ทก็แค่อยากรู้ความจริง...นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาอยากสอบปากคำแพทริเซีย
เกรย์สันอีกซักครั้งก่อนจะปล่อยมือจากคดีนี้อย่างเป็นทางการ
“แกน่ะกลับไปแล้วก็รีบๆทำงานเอกสารของคดีเก่าให้เสร็จซะก่อนที่งานใหม่มันจะงอกขึ้นมา”
นักสืบหนุ่มร้องครวญเมื่อผู้หมวดแบทเทิลสั่ง หลังจากนั้นเคิร์ทก็หันมาทางไดอาน่า
“ส่วนคุณ ผมจะมาสอบปากคำคุณตอนมื้อเที่ยง ห้ามหนีไปไหนด้วย”
ไม่รอคำปฏิเสธใดๆทั้งสิ้นร่างสูงซึ่งมีหนวดเครารกครึ้มก็ก้าวออกจากห้องไปทันที
ศัลยแพทย์สาวกำลังถอนหายใจให้กับความเอาแต่ใจของอดีตสามีอยู่ในตอนที่มือขวาของนักสืบหนุ่มยื่นมาหาเธอ
“สวัสดีครับ ผมว่าเรายังไม่ได้ทักทายกันอย่างเป็นทางการเลย ผมชื่อลูคัสครับ
ลูคัส แมคเกรเกอร์ เป็นคู่หูคนใหม่ของหมวดแบทเทิลครับ”
“ไดอาน่าค่ะ ไดอาน่า แฮนเซน”
เธอบอกชื่อพร้อมยื่นมือออกไปจับทักทายเช่นกัน “ดูคุณไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่เลยที่คู่หูคุณจีบฉันแบบนั้น”
เธอถามอย่างตั้งข้อสังเกตุเพราะเท่าที่ดูแล้วลูคัสน่าจะเป็นคนปากไวพอสมควรทว่ากลับไม่ผิวปากแซวหรือแม้แต่พูดแซะอดีตสามีของเธอแม้แต่น้อย
นั้นยอมแปลได้แค่ว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้เรื่องของเธออยู่แล้ว...
“นอกจากเป็นคู่หูแล้วผมยังเป็นเพื่อนดื่มของหมวดด้วยครับ”
นี่แหละเคิร์ท แบทเทิลของแท้
เหล้าเข้าปากทีไรเป็นได้พล่ามทุกที...ไดอาน่าคิดอย่างอ่อนใจ
“งั้นคุณคงจะรู้อยู่แล้วว่าระหว่างฉันกับเขาจบไม่สวยเท่าไหร่”
“ชัดเลยแหละครับ...เย็บสามเข็มที่หางคิ้ว”
ลูคัสหัวเราะพลางย้อนนึกไปถึงครั้งล่าสุดที่พวกเขาไปดื่มกันหลังจากปิดคดีฆ่าอำพรางอาจารย์มหาวิทยาลัยได้
เมากี่ทีกี่ทีหมวดก็พูดได้เหมือนเดิมตลอดเลยสิน่า
“นั่นเราแค่ทะเลาะกันค่ะแต่ไม่ได้เกิดขึ้นช่วงที่กำลังหย่ากันหรอก”
ไดอาน่าหยิบสำเนาประวัติผู้ป่วยของแพทริเซีย
เกรย์สันส่งให้พลางกล่าวอย่างเคร่งเครียด “เขาเคยเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เขาไล่ล่าปีเตอร์แพนมั้ยคะ”
“ไม่เคยครับ”
ลูคัสเก็บรวบรวมทุกอย่างครบแล้ว
เขาจึงหยุดมือแล้วหันมาทั้งตัวเพื่อฟังในสิ่งที่อดีตภรรยาของคู่หูกำลังจะเอ่ย
“ฉันคิดว่าในฐานะคู่หูคุณควรจะรู้เรื่องนี้เอาไว้เพราะว่าเหยื่อคนแรกของปีเตอร์แพน...”
“คุณหมายถึง เวนดี้ เทรเวอร์...หมวดเขารู้จักกับเธอเป็นการส่วนตัวหรอครับ”
ลูคัสถามกลับทว่าก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่นักหากจะได้รับคำตอบว่าใช่
ตำรวจหลายคนก็เป็นรวมทั้งเขาเองก็ด้วย
ศาลเตี้ยรอวันชำระแค้นซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังตราแห่งกฏหมาย ยิ่งเมื่อดูจากความพยายามในการไล่ล่าปีเตอร์แพนมาตลอดลหลายปี
ลูคัสก็ยิ่งแน่ใจว่าคู่หูของเขารู้จักกับเหยื่อคนใดคนหนึ่งเป็นการส่วนตัว
ที่นึกไม่ถึงก็คือจะเป็นเหยื่อคนแรก แถมเธอคนนั้นยังเป็นสาเหตุให้ฆาตกรรายนี้ถูกเรียกขานเช่นนี้อีกด้วย
“ยิ่งกว่ารู้จักซะอีกค่ะ” ดวงตาสีมรกตหลุบลง ความขมขื่นฉายชัด
“เวนดี้ เทรเวอร์ เป็นพี่สาวแท้ๆของเคิร์ท”
###########
“แพทริเซีย เกรย์สัน”
เคิร์ทเอ่ยเรียกร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง เด็กสาวผินใบหน้ามาอย่างเชื่องช้า
ดวงตาสีฟ้าซีดนิ่งเรียบจนให้ความรู้สึกคล้ายกำลังจ้องมองผืนน้ำแข็ง รอบตัวเด็กสาวยุ่งเหยิงไปด้วยสายน้ำเกลือและมอนิเตอร์ต่างๆ
“ชื่อของฉันคือผู้หมวดเคิร์ท แบทเทิลจากกรมสก็อตแลนยาร์ด
ฉันมีคำถามสองสามข้อที่อยากจะถามซักหน่อย”
บัตรประจำตัวถูกยกชูขึ้นมาให้ดูตามระเบียบปฏิบัติ
เด็กสาวพยักหน้าแสดงการรับรู้ทว่ายังคงเชื่องช้าดุจเดิมและไร้ชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง
“ตลอดสี่ปีมานี่ไปอยู่ที่ไหนมา”
เคิร์ทถามอย่างตรงไปตรงมา
ไม่คิดเอ่ยแสดงความสงสารหรือปลอบประโลมเป็นการเกริ่นนำแม้แต่น้อย
นั่นเพราะในหัวของผู้หมวดหนุ่มไม่เคยสนแม้แต่น้อยว่าเหยื่อจะรู้สึกอย่างไร
ทั้งหมดที่เขาต้องการและจะทำให้ได้ก็คือการลากตัวผู้ร้ายออกมาจากเงามืดให้ได้ก็เท่านั้น
ทว่าเด็กสาวกลับนิ่งเงียบ
ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะคลายออก
เคิร์ทจับจ้องกริยาเหล่านั้นพลางรู้สึกว่าข้อสันนิษฐานที่ว่าเธออาจจะอยู่ไกลบ้านมากจนกระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองอยู่ที่ไหนเริ่มฟังดูเข้าเค้าขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“มีอะไรพอจะเป็นจุดสังเกตได้บ้างมั้ย”
เขาพยายามถามให้กว้างมากขึ้นเผื่อว่าเด็กสาวอาจจะตอบได้ “ป้ายบอกทาง ถนน
ภูเขา....”
เช่นเคยเด็กสาวไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นนอกจากการมองเหม่อภาพของสายฝนที่ร่วงหล่นอยู่นอกหน้าต่าง
เคิร์ทเริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อยด้วยรู้สึกเหมือนกำลังถูกเมินอยู่มากกว่าจะเป็นเพราะเธอไม่อาจตอบได้
“ถ้างั้นแล้วคนที่ลักพาตัวละ
มันเป็นใคร หน้าตา รูปร่าง..”
“คุณถามเกินสามข้อแล้ว” และแล้วแพทริเซีย
เกรย์สันก็เปิดปากพูดทว่าเป็นคำตอบที่เรียกได้ว่าไล่กันทางอ้อมชัดๆทำเอาเคิร์ทหน้าตึงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
“ดูเธอไม่ค่อยอยากให้ความมือซักเท่าไหร่เลยนะสาวน้อย”
“....”
“ไม่อยากให้ฉันจับเจ้าหมอนั่นได้รึไง”
“อยากสิ”
เด็กสาวหันหน้ามามองเขาช้าๆพร้อมกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบดุจเดิมทว่าเจือความเศร้าหมองมาอย่างชัดเจน
“ฉันเองก็อยากเจอเขาอีกซักครั้งเหมือนกัน...แต่ว่า มันคงเป็นไปไม่ได้”
ท่าทีของเด็กสาวดูโหยหาและต้องการอย่างเหลือแสน
ไม่ใช่ความโกรธเคืองหรือเคียดแค้นอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีแม้แต่แววตื่นกลัวด้วยซ้ำยามเมื่อพูดถึง
‘เขา’ คล้ายกับว่าการที่ต้องแยกจากและเผชิญความเดี่ยวดายเช่นนี้ต่างหากที่ทำให้เธอหวาดกลัวได้ยิ่งกว่า
นี่มันอะไรกัน...สต็อกโฮล์มซินโดรมรึไง เคิร์ทคิดอย่างเย้ยหยันทั้งที่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยไม่ต่างจากร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
การหลงรักคนร้ายที่ลักพาตัวเราไปอาจจะฟังดูบ้าแต่ก็ใช่ว่าจะไปไม่ได้เสียทีเดียว
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เอาตัวรอดเก่ง
การโอนอ่อนยอมศิโรราบให้ผู้ที่เหนือกว่าก็เป็นหนทางแห่งการอยู่รอดเช่นกัน
ความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความภักดี
ก่อนจะตามมาด้วยความผูกพันทางอารมณ์มากมายตั้งแต่การแสดงความเห็นอกเห็นใจ การเข้าใจ
ไปจนถึงการมอบความรู้สึกให้
ยิ่งเด็กสาวหายตัวไปตั้งแต่สิบสี่อันเป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่เปราะบางเป็นอย่างยิ่ง
มันก็ไม่ยากเลยที่จะทำให้เกิดเป็นความผูกพันจนกลายเป็นการพูดจาปกป้องคนที่ลักพาตนเองไปเช่นนี้ได้
ทว่าเมื่อได้เห็นประกายหนักแน่นปนร้าวรานภายในดวงตาสีฟ้าซีด
เคิร์ทก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ว่าทุกคำพูดและการกระทำที่เป็นอยู่นี้ เกิดจากสภาวะทางจิตใจของเหยื่อถูกลักพาตัวไปจริงหรือไม่
หรือว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้นแน่...
“หมอนั่น...ไม่ใช่คนที่ทำให้เธอมีแผลพวกนี้สินะ”
ไม่อยากจะยอมรับเลยแต่ว่าลูคัสอาจจะพูดถูก เพราะแบบนี้รึเปล่านะเด็กสาวจึงได้ดูมีท่าทีที่ใจสลายได้มากมายถึงเพียงนี้
“ถ้างั้นแล้วใครเป็นคนจับตัวเธอไป”
“ไม่สำคัญหรอกค่ะ” คราวนี้แพทริเซีย
เกรย์สันเอ่ยโต้ตอบ “เธอตายไปแล้ว”
“ ‘เธอ’ งั้นหรอ”
เขาทวนสรรพนามที่ได้ยินอย่างแปลกใจ
“แต่ถึงจะอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าตำรวจมีงานที่ต้องทำอยู่ดีนะสาวน้อย
เธอน่าจะให้ความมือแล้วเล่าทุกอย่างมาซะจะดีกว่า”
“พวกคุณคงไม่เชื่อหรอกค่ะ
จะไม่มีใครเชื่อฉัน”
เคิร์ทแสร้งลูบท้ายทอยอย่างหน่ายใจกับการที่เด็กสาวบอกว่าจะไม่ยอมเล่าอะไรทั้งสิ้น
“ไอ้ฉันก็ส่งกระดาษเปล่าไม่ได้ซะด้วยแฮะ”
ปากว่างั้นทั้งที่ความจริงแล้วคดีนี้ได้หลุดออกจากความรับผิดชอบไปนานโขแล้วและเขาไม่จำเป็นต้องทำเอกสารได้ๆทั้งสิ้น
“ถ้ายังไงก็จะโกหกมาก็ได้นะ
บอกว่าถูกลักพาตัวไปแล้วเกิดอุบัติเหตุจนความจำเสื่อมก็แล้วกันแล้วก็เพิ่งจะมานึกออกเมื่อเร็วๆนี้ก็เลยมุ่งหน้ากลับบ้าน...พูดไปแบบนั้นแล้วกันนะสาวน้อย
ช่องว่างในกระดาษจะได้เต็มๆซะ พ่อแม่ของเธอจะได้สบายใจด้วย”
“แม่....พ่อ...” หยาดน้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมา เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในห้อง
ในที่สุดเด็กสาวก็แสดงสีหน้าอื่นนอกเหนือไปความนิ่งเรียบที่ซุกซ่อนความเศร้าไว้เสียที
“ใช่...พวกเขากำลังเดินทางมาที่นี่”
เสมือนผืนน้ำที่กระเพื่อมไหวเมื่อเริ่มต้นแล้วก็ไม่อาจหยุดได้
ตอนแรกก็เป็นแค่หยดน้ำตา ก่อนจะตามมาด้วยการร้องไห้และเสียงสะอื้น แพทริเซีย
เกรย์สันกำลังร้องไห้จนตัวโยน
แต่ถึงกระนั้นการพูดปลอบใจก็ยังไม่อยู่ในสาระบบของผู้หมวดแบทเทิลแม้แต่น้อย
เคิร์ทกระชับเสื้อโค้ทตัวยาวเข้าหากัน จัดปกเสื้อด้วยท่าทีสบายๆ
ทำเหมือนไม่เห็นว่าเด็กสาวกำลังร้องไห้อยู่ มันอาจจะดูน่าสงสารก็จริงอยู่
แต่แบบนี้แหละค่อยสมกับเป็นท่าทีของเด็กสาวอายุสิบแปดที่กำลังจะได้กลืนคืนสู่อ้อมอกของพ่อแม่หน่อย
ทั้งการเหม่อจ้องสายฝนด้วยแววตาโหยหาและท่าทางที่เหมือนกำลังคร่ำครวญถึงคนที่ลักพาตัวไปเช่นนั้น
ไม่ใช่สิ่งที่คนในครอบครัวควรมาเห็นแม้แต่น้อย ไม่ควรเลย....
“เสร็จแล้วก็เช็ดน้ำตาซะไม่งั้นพ่อแม่คงร้องตามไปด้วยแน่ๆ”
กล่าวทิ้งท้ายไว้เช่นนั้นและตั้งใจจะเดินหันหลังออกไปอย่างเท่ห์แท้ๆ
ทว่าเด็กสาวก็ทำให้เขาต้องเหลียวกลับไปมองอีกจนได้
“ขอบคุณค่ะ”
ขอบคุณที่ไม่ถามอะไรต่อ และขอบคุณที่ทำให้คิดได้...ดวงตาสีฟ้าซีดส่งผ่านประโยคเหล่านั้นออกมาให้เขา
เพราะถ้าที่เด็กสาวพูดมาเป็นความจริงคดีนี้ก็ไม่มีอะไรให้สืบต่ออีกแล้ว
ผู้ร้ายตายและเหยื่อตัวน้อยรอดกลับมาได้โดยมีรอยบุบสลายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันอาจเป็นความยุติธรรมที่ดูไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่นักแต่ผู้หมวดแบทเทิลคิดว่านี่ดีที่สุดแล้วสำหรับพ่อแม่ของเด็กสาว
การสืบสวนอันยืดเยื้อและไม่อาจหาทางออกได้มีแต่จะตอกย้ำสมาชิกในครอบครัวว่าเคยเผชิญเรื่องเลวร้ายมาเท่านั้น
มันไม่ได้ทำให้อะไรง่ายดายหรือดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เคิร์ทรู้ดี
และไม่ว่าแพทริเซีย
เกรย์สันจะมอบความรู้สึกใดให้บุรุษลึกลับที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้
พ่อแม่ของเธอก็ไม่ควรต้องรับรู้อีกเช่นกัน....
เคิร์ทขยับยิ้มบางเบาให้เด็กสาวก่อนจะก้าวออกจากห้องไปจริงๆ สองขาก้าวเดินเป็นจังหวะต่อไปเรื่อยๆจนพ้นจากตัวอาคารโรงพยาบาลในที่สุด
ผู้หมวดหนุ่มหรี่ตาสู้แสงอาทิตย์ที่เพิ่งปรากฏพ้นขอบฟ้า ลอนดอนที่เคยเงียบสงบเริ่มกลับมาคึกคักวุ่นวายขึ้นทีละน้อย
และดูยุ่งเหยิงไปเลยเสียด้วยซ้ำเมื่อดูจากหน้าตากวนโอ๊ยของคู่หูอ่อนวัยที่ยืนยิ้มอยู่หน้ารถของเขา
“แกไม่ได้ฟังที่ฉันสั่งเลยนี่หว่า”
เคิร์ทเอ็ดอย่างไม่จริงจังก่อนจะเดินไปที่ฝั่งคนขับ
“มีคดีใหม่อีกแล้วครับ”
ลูคัสเปิดประตูเข้ามานั่งเช่นกันก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเปิดดูรายละเอียดของคดีที่เพิ่งถูกส่งมา
“ศพอยู่ห่างไปห้าช่วงตึกจากที่นี่ ผู้ชาย อายุสี่สิบห้า พนักงานธนาคาร
เสียเลือดเกินขนาดจากแผลถูกแทงที่ท้อง”
“ให้ตายเถอะ นี่มันวันอะไรกันวะ”
ผู้หมวดแบทเทิลสบถตามมาเป็นชุดใหญ่
“หยั่งงี้ฉันไปกินข้าวเที่ยงกับไดอาน่าไม่ทันแน่ๆ”
“พอดีเลยครับ คุณไดอาน่าฝากมาบอกว่าเธอมีคิวผ่าตัดคงไม่ว่างไปกับหมวดหรอก”
“นี่แกสะเออะมายุ่งเรื่องเมียชาวบ้านทำไมมิทราบ”
ความหงุดหงิดทั้งจากการอดนอนการถูกกวนโทสะทำให้คนขับออกรถแบบกระชาก
“อดีตเมียต่างหาก...คุณไดอาน่าฝากย้ำมาน่ะคร้าบบบบ” เห็นถึงสายตาดุๆที่มองมา
ลูคัสจึงต้องอ้างชื่อคนพูดขึ้นมาแล้วดึงเข็มขัดมาคาดไว้อย่างแน่นหนาเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของตนเองเมื่อสารถียังคงเหยียบคันเร่งให้แรงขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่สนกฏจราจรแม้แต่น้อยทั้งที่ที่เกิดเหตุก็อยู่ห่างไปแค่นี้เอง
“แกน่ะ...รู้เรื่องของฉันแล้วสินะ” อยู่เคิร์ทก็ถามขึ้น เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับการโต้เถียงในปัจจุบันแต่ก็เกี่ยวกับการที่พวกเขาถ่อสังขารมาโรงพยาบาลเรมิงตันแต่เช้าโดยตรง
“ยุ่งไม่เข้าท่าจริงๆ บอกลูกเจี๊ยบอย่างแกไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมาวะ”
“ก็จะได้เข้าใจมากขึ้นไงครับ หมวดเองก็รู้เรื่องของผมแล้วนี่
ให้ผมรู้เรื่องของหมวดบ้างจะเป็นไรไป”
“ฟังดูน่าขยะแขยงชะมัด” เคิร์ทสบถอีกระรอก ทว่าลูคัสไม่ใส่ใจ
คงเพราะเหตุนี้ละมั้งที่ทำให้ชายหนุ่มเป็นคู่หูที่เหมาะสมกับคนปากเสียอย่างผู้หมวดหมาบ้าแห่งสก็อตแลนยาร์ดเป็นที่สุด
“เอาน่าๆ สามัคคีช่วยๆกันไว้น่ะดีออกเพราะยังไงเจ้าตัวที่ผมและหมวดอยากจะตกก็เป็นปลาตัวใหญ่ด้วยกันทั้งคู่อยู่แล้วนี่ครับ”
“ปีเตอร์แพน กับ นักเชือดร้อยศพ
งั้นหรอ...พอพูดออกมาแบบนี้ยิ่งน่าขยะแขยงขึ้นมากว่าเดิมอีกวะ”
“ฟังดูน่าสนุกกว่าเดิมต่างหากละครับ”
###########
Talk : จบซักทีกับเรื่องแถม แอบไม่ได้ดั่งใจเล็กน้อย สไตล์นี้แต่งยากมากT T หวังว่าจะพออ่านกับได้โดยไม่ขัดหูขัดตานะคะ
ความคิดเห็น