ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO ,CHANBAEK - Calories Love Season 2 ♥

    ลำดับตอนที่ #4 : ♥ Calories Love Season 2 Chapter : 3000 kcal. - รอยยิ้ม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.72K
      21
      7 เม.ย. 56

    CALORIES LOVE SEASON 2

    PAIRING : CHANBAEK / KRISHUN / KAISOO .

    CHAPTER : 3000 kcal.

     

     

     

    ไม่ว่าจะมองรอยยิ้มนี้กี่ครั้ง

    ก็ไม่เคยเบื่อเลยสักครั้งเดียว

    ...

     

     

                “งานนี้อีกสามอาทิตย์ส่งใช่ป่ะ” จงอินหันไปถามกับชานยอลเมื่อเขาเลิกคลาสเรียนของวิชาการถ่ายภาพที่ต้องถ่ายภาพพอร์ตเทรตในสตูดิโอทั้งหมดสามสิบภาพ

    “อืม ใช่ หาฉากได้ยัง” ชานยอลถามกลับ จงอินส่ายหน้า

    “ยังเลยยังไม่รู้เลยว่าจะเอาแบบผู้ชายหรือผู้หญิงดี แกล่ะเซฮุน เลือกได้ยัง”

    “ได้แล้วครับ” ตอบในทันที

    “เร็วนะ”

    “ครับ แค่อาจารย์สั่งงานในหัวก็นึกออกแล้วว่าผมจะต้องถ่ายแบบไหน”

    “ให้เดาไหม” จงอินถามกลับไป แต่เซฮุนยิ้มที่มุมปากเล็กๆ แล้วยักไหล่ให้แล้วหันไปคุยกับชานยอลแทน

     

    หมั่นไส้จงอินครับ ผมไม่คุยด้วยดีกว่า

     

    “ชานยอลล่ะครับ เลือกได้ยัง เอาแพคฮยอนมาเป็นแบบสิ” เซฮุนเสนอ

    “ก็เอาแพคฮยอนแหละ ขี้เกียจไปหาแบบที่อื่นด้วย” ชานยอลพูดเสริม เซฮุนยิ้มแล้วพยักหน้าตาอย่างเข้าใจ ส่วนจงอินที่ทำปากขมุบขมิบใส่เซฮุนที่อีกฝ่ายไม่ยอมเขาก็พูดขึ้นมาบ้าง

    “งั้นฉันเอาคยองซูเนี่ยแหละ ง่ายดี”

    “งั้นก็ได้แบบกันครบแล้วสิ ผมว่ารีบเขียนใบขออนุญาตใช้ห้องสตูดิโออาทิตย์หน้าเลยดีกว่าครับ จะได้มีเวลาซ้อมบทด้วย” เซฮุนเสนอ ทั้งหมดพยักหน้าพร้อมกันยังไงเสียถ่ายภาพก็คงไม่นานเท่าไหร่ วันเดียวก็น่าจะเสร็จ จะยากตรงคัดรูปเนี่ยแหละ

    “งั้นฉันกลับเลยนะ อาทิตย์หน้าถ่ายงานกันห้ามสายล่ะ” ชานยอลบอกเสร็จสรรพ เย็นนี้เขาต้องไปรับแพคฮยอนไปกินข้าวเย็นที่บ้าน เพราะฮันบยอลบ่นตลอดเลยว่าแพคฮยอนไม่ยอมไปกินข้าวกับเธอสักที

     

    งานของปีสามเริ่มรุมเร้าพวกเขากันแล้วไม่ว่าจะเป็นคณะไหนก็ต้องมีโปรเจคงานสรุปกันทุกคน แถมยังต้องมานั่งจัดการนู่นนี่เองทุกอย่าง เรื่องถ่ายภาพไม่เป็นปัญหาเสียเท่าไหร่นัก เพราะก็เคยๆ ทำมาอยู่แล้ว จะไปยุ่งยากกับเรื่องฉากที่จะต้องมานั่งวาด นั่งทำกันใหม่

     

    ชานยอลใช้เวลาในการขับรถไปรับแพคฮยอนนั้นนึกเรื่องคอนเซปงานถ่ายภาพพอร์ตเทรตครั้งนี้ไปพลางๆ คอนเซปที่ผุดมาในหัวอย่างชัดเจนนั่นก็คือ Cooking แพคฮยอนสวมชุดทำอาหารและฉากก็จะเป็นห้องครัวโทนสีหวานๆ แบบนี้น่าจะเหมาะนะ เขาดีดนิ้วดังเปาะเมื่อทุกอย่างลงตัวในหัวของเขาแล้ว

     

    ชานยอลมองคนตัวเล็กที่โบกมือลาเพื่อนๆ ในกลุ่มก่อนจะรีบวิ่งเหยาะๆ มาทางรถของเขา แพคฮยอนเปิดประตูรถแล้วยู่หน้าลงเล็กๆ

     

    “เป็นไงวันนี้” ชานยอลถามในขณะที่กำลังบังคับพวงมาลัยรถและขับออกจากคณะไป คนตัวเล็กถอนหายใจเบาๆ แล้วบ่นหงุงหงิงเรื่องงาน

    “งานเยอะน่ะ ต้องคิดเมนูแบบดัดแปลงส่งน่ะ”

    “ทำได้อยู่แล้วน่า” ชานยอลบอก

    “อื้อ แล้วนายล่ะ งานเยอะไหม” หันไปถามคนตัวสูงบ้าง ชานยอลเลยได้โอกาสบอกเรื่องถ่ายแบบไปด้วยเลย

    “มีงานถ่ายแบบอ่ะ นายมาเป็นแบบให้ด้วยนะ”

    “หือ? เป็นแบบเหรอ”

    “อื้ม ใช่แล้ว ฉันคิดคอนเซปไว้แล้วด้วย อีกอย่างไม่อยากหาแบบคนอื่นเพราะจะคุยยาก”

    “จะดีเหรอ” ถามกลับไปอย่างไม่มั่นใจ เพราะเขาเองก็ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้เสียด้วยสิ รูปก็ไม่ค่อยถ่ายเพราะแต่ก่อนเขาอ้วนมากเลยไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย

    “ดีสิ” ชานยอลบอกแต่คนตัวเล็กก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี

    “ฉันไม่เคยถ่ายรูปเลยนะ แล้วมันจะทำให้นายยุ่งยากรึเปล่า...”

    “ไม่หรอก เพราะเป็นนายไง ไม่ยุ่งยากหรอก คนอื่นยุ่งยากกว่า” หันไปอธิบายแล้วยิ้มกว้างให้

    “นะ เป็นแบบให้หน่อยนะ” อ้อนคนตัวเล็กอีกครั้ง แพคฮยอนชั่งใจอยู่พักหนึ่ง

    “ก็ได้”

    “ดีมาก...อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย”

    “ชานยอลอ่า” เรียกชื่อคนตัวสูงอย่างเขินๆ แล้วถามต่อ

    “ต้องทำอะไรบ้างเหรอ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ”

    “มีสเก็ตฉากอ่ะ เป็นห้องครัวแบบน่ารักๆ เน้นโทรสีพาสเทลหวานๆ”

    “อ้า! นึกออกแล้ว ให้ฉันช่วยไหม” แพคฮยอนบอกอย่างตื่นเต้น

    “เอาสิ แต่ไม่ต้องเล่าให้ฮันบยอลฟังนะ”

    “ทำไมล่ะ”

    “เดี๋ยวพี่เขาก็หาทางมาวุ่นตอนถ่ายน่ะสิ ยุ่งจริงๆ เลย”

    “คิก...ทำไมนายว่าพี่ฮันบยอลแบบนั้นล่ะ”

    “ก็ชอบวุ่นวายกับนายน่ะสิ เดี๋ยวก็ถ่ายไม่เสร็จกันพอดี ไว้ถ่ายเสร็จค่อยเอารูปให้ดูทีหลังแล้วกัน”

    “อ่ะ อื้อ โอเค” รับคำอย่างว่าง่าย ชานยอลยิ้มก่อนจะขับรถไปที่บ้านของตัวเองและฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ก็แหม...แบบของเขาออกจะน่ารักว่าง่ายขนาดนี้นี่นา...

     

    ให้เลือกคนอื่นมาเป็นแบบลำบากจะตาย แพคฮยอนของเขาน่ารักที่สุดแล้ว

    เชื่อรึเปล่าล่ะ (อมยิ้ม...)

     

     

     

    ...

     

     

    “เรื่องอะไรต้องเป็นฉันล่ะ?” เสียงนั้นติดสูงขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ส่วนอีกฝ่ายก็ได้แต่ทำหน้าง่วงใส่

    “ก็ไม่อยากได้คนอื่นนี่นา คิดออกก็มีแต่นายคนเดียว”

    “คนอื่นก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ” ยักไหล่ให้เล็กๆ

    “ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ แต่มันไม่ง่ายนี่” ตอบกลับไปอย่างมึนๆ ส่วนคยองซูก็มึนกลับ ดวงตากลมโตฉายแววฉงนใส่คนตรงหน้า

    “ก็เลือกแล้วนี่”

    “ไม่ถ่าย” คยองซูปฏิเสธในขณะที่เขาเองก็เดินเลือกดูของไปเรื่อยเปื่อยที่ห้างสรรพสินค้าโดยมีจงอินเดินตามอย่างง่วงๆ

    “ไม่มีน้ำใจ”

    “ใช่ไง”

    “จะไม่ช่วยเลย?” เดินตามแล้วถามเสียงสูงนิดๆ คยองซูกรอกตาไปมาอย่างกวนๆ แค่ต้องคิดงานส่งก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว

    “ใช่”

    “ใจร้าย คนอะไรไม่มีน้ำใจเลย อุตส่าห์หวังเอาไว้แท้ๆ” พูดเหมือนตัดพ้อ คยองซูหันขวับไปมองอย่างงงๆ ไอ้หมอนี่ชักจะเอาใหญ่ พูดเพ้อเจ้อเหมือนเด็กๆ แล้วยังมาทำหน้าง่วงใส่เขาตลอดเวลา อยากจะถามจริงๆ ว่ากลับบ้านไปนอนดีกว่าไหม

    “จะให้เขาช่วยแล้วยังจะมาว่าเขาอีก”

    “ก็นายไม่ช่วยเองนี่”

    “ก็ไม่อยากถ่ายนี่”

    “ช่วยหน่อยสิ”

    “ไม่เอา” ส่ายหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ แต่จงอินก็ตื้ออย่างไม่ยอมแพ้

    “ช่วยหน่อยสิ นะ...ไม่มีคนอื่นแล้ว”

    “...” หันมองด้วยสายตาขุ่นมัว

    “ช่วยหน่อยสิ ฮ้าว...” ปากก็พูด ตาก็จะปิด ไม่รู้ว่าอดหลับอดนอนที่ไหนมา

    “ไปนอนไป้!” ไล่จงอินกลับ

    “ไม่ จนกว่านายจะยอมมาเป็นแบบให้”

    “ก็บอกว่าไม่ไงเล่า”

    “งั้นก็จะตามอยู่อย่างนี้แหละ เซเลปมากเลยนะ” กัดคนตัวเล็กไปหนึ่งครั้งที่ไม่ยอมช่วยเขา

    “ปากเหรอที่พูดน่ะ ปากบานๆ อ่ะ” พูดกลับอย่างเจ็บแสบ แต่จงอินก็ไม่สะทกสะท้ายอะไร

    “ใช่ปากบานๆ เนี่ยแหละ จะว่าอะไรก็ยอม แต่ว่านายต้องมาเป็นแบบให้”

    “ไม่เอา!

     

    หมับ!

     

     

    “เฮ้ย ทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ” คยองซูทำหน้าตกใจแล้วพยายามแกะมือของจงอินออกจากมือตัวเอง

    “ไม่ปล่อยจนกว่าจะยอมมาช่วยถ่ายแบบให้”

    “ปล่อยนะ”

    “ฮ้าว...จะช่วยไหม”

    “ไม่”

    “ก็ไม่ปล่อย จะจับอยู่อย่างนี้แหละ” หาวใส่อย่างมึนๆ จงอินคว้ามือของคยองซูขึ้นมาจับเอาไว้ในขณะที่เดินอยู่ คนตัวเล็กก็ได้แต่โวยวายแล้วหลายคนก็หันมามองพวกเขา นี่เขาอายนะ!

    “ปล่อยสิ ปล่อยนะโว้ย” ขึ้นเสียงแล้วแกะมือเหนียวๆ ออก แต่ก็ไม่สำเร็จ

    “ช่วยไหม ถามดีๆ”

    “ไม่”

    “ช่วยสิ แล้วจะปล่อย”

    “โคตรจะบังคับเลย”

    “ไม่ได้บังคับ เขาเรียกว่ามีน้ำใจช่วย เข้าใจไหม” คยองซูได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเอง อายก็อายที่จะต้องมาโดนจับมืออย่างนี้

    “เออๆ ช่วยก็ช่วย” ตอบแบบขอไปทีเพราะเขาเองก็เริ่มชักรำคาญหมอนี่เต็มทน คนบ้าอะไรขี้ตื๊อสุดๆ

    “ก็แค่เนี้ย” จงอินปล่อยมือนุ่มๆ นั้นออกในทันที เขาอมยิ้มเล็กๆ กับตัวเองอย่างสบายใจที่คยองซูรับปากที่จะช่วยเขาถ่ายแบบ ถ้าช่วยกันแบบนี้แล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ ช่วยเขียนฉากด้วยเลยแล้วกัน

    “ศุกร์นี้ว่างไหม”

    “ทำไม” หันไปถาม นี่จะต้องถูกให้ช่วยอะไรอีกแน่ๆ ตามสัญชาติญาณของคยองซูแล้ว

    “ช่วยทำฉากหน่อย”

    “ฉากบ้าอะไรของนาย”

    “ฉากของนายเองนะ”

    “ไม่ใช่ของฉันสักหน่อย งานก็งานนาย นี่ฉันอุตส่าห์ไปเป็นแบบให้แล้วนะ”

    “เหอะน่า ศุกร์นี้นะ จะได้รู้ว่านายชอบไม่ชอบไง” จงอินพยายามอธิบายให้คนตัวเล็กฟัง จะชอบไม่ชอบนี่ต้องเกี่ยวกับเขาด้วยรึไง

    “แล้วแพคฮยอนล่ะ ชานยอลได้เลือกเป็นแบบด้วยรึเปล่า”

    “เลือกอยู่แล้วสิ”

    “พวกนายนี่นะ” คยองซูส่ายหน้าเล็กๆ เอาเถอะ ยังไงซะก็ถือว่าช่วยๆ กัน

    “สรุปมาทำฉากศุกร์นี้นะ แล้วฉันจะไปรับที่บ้านแต่เช้า”

    “ก็ได้ๆ ช่วยก็ช่วย” สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องช่วยจงอินแทบทุกอย่าง ร่างสูงทั้งยิ้มทั้งหาวในคราวเดียวกัน

    “ง่วงนักก็ไปนอนเหอะ” ยู่ปากอย่างเอือมๆ แล้วจงอินก็เปลี่ยนแพลนไปคว้ามือเล็กของคยองซูมาจับแล้วก็เดินย้อนกลับทันที

    “งั้นกลับบ้าน”

    “เฮ้ย จะกลับก็กลับสิ ไม่ต้องจับมือมา”

    “ง่วง นี่จะล้มแล้ว ขอจับไม่ได้ไง..” บอกอย่างตายแล้วก็หาวไปตลอดทาง คยองซูยังหวั่นอยู่เลยว่าขับรถไปนี่จะคว่ำตายกันไหม

    “อย่าหลับกลางทางนะ!

    “ไม่หลับหรอกน่า”

    “ฮึ้ย” จะว่าหงุดหงิดก็หงุดหงิดนะ แต่เอือมมากกว่า ไม่รู้ว่าจะง่วงอะไรนักหนากลางคืนไม่ยอมนอนรึไงกัน คยองซูไม่เข้าใจเลยจริงๆ

     

     

     

    ...

     

     

    วันถ่ายแบบ

    เซฮุนกับคริสมาถึงห้องสตูดิโอของคณะก่อนใคร เพราะเซฮุนจองคิวขอถ่ายแบบก่อนเพราะกลัวคริสจะไม่ว่างแล้วจะเสียเวลาคริสเข้าวอร์ดอีก อีกคนอุตส่าห์มาช่วยทั้งที เขาก็ต้องตั้งใจทำงานกันหน่อย

     

    ร่างผอมบางกำลังง่วนอยู่กับฉากอยู่กับเพื่อนอีกคน เขากำลังจัดฉากที่เป็นเสมือนห้องตรวจอาการของคุณหมอ ส่วนทางคริสก็มีเพื่อนอีกคนช่วยจัดเสื้อผ้า ชุดกาวน์ให้พร้อมกับแต่งหน้าและทำผมใหม่ทั้งหมด

     

    “อุ้ยตายแล้ว พี่คริสหล่อชะมัดเลยแก” เพื่อนในห้องสตูฯ ต่างก็พากันชื่นชมกับคุณหมอที่มาเป็นนายแบบจำเป็น เขายิ้มไปให้แล้วคุยอย่างเป็นกันเองกับเพื่อนเซฮุนเอามากๆ

    “ขอบคุณนะครับ”

    “เป็นหมอแล้วยังหล่ออีก แถมมาเป็นนายแบบจำเป็นอีก เพอร์เฟ็คไปเลยค่ะพี่คริส” หญิงสาวเอ่ยชมในระหว่างกำลังเซ็ตผมของคริสให้อย่างตั้งใจ

    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก อย่าชมกันสิพี่เขินนะ” พูดอย่างถ่อมตัว ส่วนเซฮุนเมื่อเซ็ตฉากเป็นที่น่าพอใจแล้วก็เดินมานั่งลงข้างๆ คริสพร้อมๆ กับปรับกล้องไปพลางๆ

    “ใกล้เสร็จยังอ่ะ” ถามเพื่อนผู้หญิงที่กำลังทำผมให้กับคริสอยู่ เพราะเขาจะต้องเอาตัวคริสไปลองยืนที่ฉากเพื่อเทสแสง

    “อ่ะ เสร็จแล้วย่ะ” พูดแล้ววางอุปกรณ์ทุกอย่างลง เธอมองคริสด้วยตาที่ปลื้มปีติ ไม่ว่าจะมองมุมไหนคุณหมอคนนี้ก็ดูดีไปเสียทุกอย่าง

    “โอเค พี่คริสไปลองเทสแสงก่อนนะ” บอกแล้วให้คริสไปยืนอยู่ตรงกลางฉาก

     

    เซฮุนกดชัตเตอร์หนึ่งครั้งพร้อมกับแสงแฟลช แล้วมองรูปที่ปรากฏอยู่ที่จอ แสงทุกอย่างลงตัวและใบหน้าของคริสที่มองมายังกล้องนั้นดูอบอุ่นจนเซฮุนเองก็อดเขินเล็กๆ ไม่ได้ แล้วก็อดคิดไม่ได้เลยว่าแววตานั้นกำลังมองเขาอยู่...

     

    “อ่ะ...โอเคครับ แสงพร้อม ฉากพร้อม ...นายแบบพร้อมนะครับ” เซฮุนถามพี่คริสเป็นอย่างสุดท้าย ร่างสูงยิ้มให้แล้วพยักหน้าให้ สเทโตสโคปถูกนำมาเป็นพร็อบเสริมในชุดกาวน์สีขาวสะอาด คริสสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดพร้อมกับผูกเนคไทค์สีเขียวคาดดำเข้มๆ ทุกอย่างดูเหมาะสมกับเขามากที่สุดจริงๆ

     

    ร่างสูงทำตามอย่างที่เซฮุนแนะนำอย่างเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าทุกอย่างที่ออกมามันโอเคสำหรับเซฮุนมาก คริสส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นมาให้กล้องตลอดเวลา แล้วก็ยิ้มกว้างในยามที่หัวเราะสดใสกับผู้ป่วยที่มาตรวจไข้กับคุณหมอแสนจะใจดี เซฮุนรัวชัตเตอร์ในสิบนาทีแรกก็ให้ร่างสูงกลับมาพัก

     

    “เป็นยังไงบ้าง” คริสถามเซฮุนในขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งพักและกดดูรูปไปพลางๆ

    “คุณหมอหล่อมากครับ” เซฮุนตอบแล้วยิ้มจนตาหยี ทำเอาร่างสูงแอบเขินเล็กๆ หนาเลื่อนวางทับที่ศีรษะทุยๆ แล้วโยกไปมาอย่างเอ็นดู

    “คนไข้หมอก็เก่งนะครับ” กระซิบใกล้ๆ จนเซฮุนยิ้มแก้มแทบแตกอยู่ตรงนั้น ส่วนเพื่อนๆ ที่เหลือก็พากันทยอยกันเข้ามาที่ห้องสตูฯ ตามเวลานัด ชานยอลและแพคฮยอนมาถึงในเวลาต่อมา ส่วนคยองซูกับจงอินยังมาไม่ถึง สงสัยอีกคนยังนอนไม่ตื่นล่ะมั้ง เดี๋ยวคยองซูได้วีนใส่อีกหรอก

     

    “อ้าว มากันแล้วเหรอ ผมเพิ่งถ่ายไปสิบนาทีที่แล้วเองแต่เดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะครับ” เซฮุนหันไปบอกกับชานยอลและแพคฮยอนก่อนที่จะมองไปยังฉากของเพื่อนตัวเอง มันเป็นฉากห้องครัวโทนสีพาสเทล หวานๆ และดูน่ารักเหมาะกับแพคฮยอนเป็นอย่างมาก

     

    คนตัวเล็กนั่งที่เก้าอี้และรอให้เพื่อนผู้หญิงของชานยอลมาแต่งหน้าและเซ็ตผมให้ ส่วนชุดก็แขวนไว้อยู่ข้างๆ แพคฮยอนใช้เวลาแต่งหน้าไม่นานมากนักก็ถูกเรียนไปลองเทสแสง ชานยอลที่เมื่อได้จับกล้องแล้วมันดูเท่อย่างบอกไม่ถูก แถมแพคฮยอนก็รู้สึกเกร็งหน่อยๆ เพราะชานยอลดูเท่มากจนเขาอดที่จะเขินไม่ได้ ร่างสูงหยิบแว่นสายตาออกมาสวมเมื่อถึงเวลาถ่ายจริงเขาจะได้เห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน นั่นก็ยิ่งเพิ่มความเท่เป็นเท่าตัวให้กับตัวเองเป็นอย่างมาก

     

    คนตัวเล็กใส่ชุดของเชฟทำขนมและสวมหมวกพ่อครัวทรงสูงสีขาวเป็นพร็อบน่ารักๆ เขาเองยังรู้สึกเคอะเขินนิดๆ เพราะมีเพื่อนๆ ของชานยอลอยู่เต็มไปหมด

     

    เมื่อชานยอลเทสแสงเสร็จและเป็นที่น่าพอใจแล้วก็ให้เซฮุนไปถ่ายของตัวเองให้เสร็จก่อนที่เขาจะเป็นคิวถ่ายต่อไป

     

    “แกถ่ายเลยไหมเซฮุน” ชานยอลถามส่วนเซฮุนพยักหน้าแล้วเดินไปพร้อมกับพี่คริส ทั้งคู่ใช่เวลาที่เหลือถ่ายไม่นานมากนักก็ขอตัวเก็บฉากและไปส่งพี่หมอที่ตึก แพคฮยอนที่นั่งดูเซฮุนถ่ายแบบให้คริสนั้นมองอย่างชื่นชม เพราะพี่คริสดูดีและอบอุ่นมากจริงๆ แถมยังเก่งอีกด้วย

    “พี่คริสเก่งจังเนอะชานยอล” หันพูดกับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ

    “นายก็เก่ง”

    “ฉันยังไม่ได้ถ่ายเลยนะ” ทำหน้าตลกๆ ใส่ชานยอล

    “งั้นลุกไปประจำที่เลย จะได้เสร็จไวๆ หิวข้าวแล้ว” บอกกับคนตัวเล็กพร้อมๆ กับลูบหน้าท้องแกร่งของตัวเองอย่างหิวๆ แพคฮยอนพยักหน้าให้และไปยืนประจำที่ฉากอย่างว่าง่าย

     

    แพคฮยอนทำตามที่ชานยอลบอกอย่างตั้งใจ คนตัวสูงกดชัตเตอร์อย่างชำนาญและในเวลาต่อมาทั้งคู่ก็หัวเราะยิ้มกันอย่างสนุกสนานเพราะชานยอลสามารถทำให้แพคฮยอนเลิกเกร็งได้ เพื่อนๆ หลายคนต่างอดจะยิ้มเขินไม่ได้เวลาที่ชานยอลเดินไปจับนู่นนี่ จัดหมวกบ้าง จัดผมให้บ้าง มันดูเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก แพคฮยอนยิ้มหวานจนตาหยี ชานยอลก็ทำหน้าที่รีบกดชัตเตอร์รัวอย่างพอใจ

     

    รูปที่ออกมานั้นพอใจมากสำหรับชานยอล แต่งานหนักก็ต้องมานั่งคัดภาพที่ถ่ายมาเป็นร้อยให้เหลือเพียงแค่สามสิบภาพเท่านั้น

     

    “เหนื่อยไหม” ชานยอลถามเมื่อผ่านไปยี่สิบนาทีแรกที่เขายังยืนถ่ายอยู่ แพคฮยอนส่ายหน้าแล้วยิ้มให้เล็กๆ เขาจับอุปกรณ์ฉากของห้องครัวอย่างเพลิดเพลิน

    “ไม่เลย..นายเหนื่อยแล้วเหรอ พักก่อนก็ได้นะ” ตอบออกไป ชานยอลส่ายหน้าก่อนจะดันแว่นขึ้นสันจมูกโด่ง แล้วก็ถ่ายรูปแพคฮยอนต่อไปอย่างไม่เบื่อ เขาก็ชอบมองแพคฮยอนผ่านเลนส์กล้องนี้มากจริงๆ

     

    คนบ้าอะไรน่ารักที่สุด...

    ยัยฮันบยอลพี่สาวตัววุ่นต้องอิจฉาเขาแน่ๆ เขาจะเอารูปพวกนี้ไปปริ้นแล้วไปหว่านต่อหน้าให้สะใจเล่นๆ เลย นึกแล้วก็ขำจริงๆ

     

     

    ชานยอลอมยิ้มอย่างมีชัยชนะให้กับตัวเอง เพราะยังไงเสียแพคฮยอนก็เป็นของเขาอยู่แล้ว

    เขาไม่ยอมปล่อยตัวเล็กซื่อๆ ไปอยู่กับใครได้หรอก

     

     

    “เสร็จแล้ว” ชานยอลบอกแล้วลดกล้องลงเมื่อเขาถ่ายภาพออกมาเป็นที่พอใจก่อนจะวานเพื่อนให้มาถ่ายรูปเขากับแพคฮยอนให้ทีหลัง

    “แก ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ” ชานยอลหันไปเรียกเพื่อนที่กำลังว่างกันอยู่มาถ่ายให้ ร่างสูงเดินไปอยู่ข้างๆ จนไหล่ของชานยอลซ้อนอยู่ข้างหลังไหล่บาง พร้อมกับเอาพร็อบเสริมมาถือคู่กันอย่างน่ารัก แพคฮยอนอมยิ้มบางๆ ให้กล้องอย่างน่ารัก

     

    แชะ...

    ภาพคู่ของชานยอลและแพคฮยอนอยู่ในกล้องดีเอสแอลอาร์หลายช็อตเพื่อนๆ ต่างพากันกรีดร้องอย่างเขินอายแล้วก็เอารูปถือหราไปทั่วห้องสตูฯ

     

    “จะน่ารักไปแล้วนะพวกแก!

    “โอ้ยยย แกดูแพคฮยอนสิ น่ารักชะมัดเลยอ่ะ”

    “เอ้าพอๆ เอากล้องฉันมาได้แล้ว” ชานยอลรีบแย่งกล้องกลับมาแล้วเปิดดูรูปพร้อมกับแพคฮยอน ใบหน้าหวานๆ ยิ้มเขินเมื่อเห็นชานยอลและตัวเองถ่ายรูปคู่กัน

    “น่ารัก...” ชานยอลพูดด้วยเสียงทุ้มหนักแล้วหันไปยิ้มให้กับแพคฮยอน

    “เพื่อนนายก็ถ่ายรูปเก่งนะ” เลี่ยงตอบอย่างตรงๆ เพราะเขาก็อดที่จะพูดไม่ได้ว่าชานยอลดูหล่อมากจริงๆ

    “หมายถึงคนนี้” นิ้วยาวของชานยอลเลื่อนไปจิ้มที่หน้าของแพคฮยอนในกล้อง ทำเอาคนตัวเล็กก้มหน้างุดอย่างเขินๆ

    “อ่ะ ฮื่อ..”

    “หิวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” ร่างสูงปิดกล้องแล้วเก็บของโดยมีคนตัวเล็กช่วยอีกแรง

    “นี่คยองซูยังไม่มาเลย” แพคฮยอนพูดในขณะที่เก็บของอยู่

    “จงอินนี่มันชอบช้าประจำแหละ แต่มันก็ถ่ายเก่งแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วล่ะ” อธิบายให้คนตัวเล็กฟัง แพคฮยอนพยักหน้าแล้วทั้งคู่บอกลาเพื่อนๆ ในห้องก่อนที่จะออกจากสตูฯ

     

     

     

    RRRRrrrrrrrrrrrrr~~~~~~~~~~

    เสียงโทรศัพท์มือถือของแพคฮยอนดังขึ้นระหว่างที่เดินออกจากสตูฯ

     

    “แป๊บหนึ่งนะ” บอกกับร่างสูง ชานยอลพยักหน้าเล็กๆ ให้

    “ฮัลโหล อ้อ..จื่อเทาเหรอ ว่ายังไง...” เสียงนุ่มๆ ตอบกลับไปอย่างน่ารักให้ปลายสายที่โทรเข้ามา ชานยอลชะงักกึกแทบจะทันทีที่ได้ชื่อบัดดี้แสลงหูนั่น

    “อื้อ อยู่คณะของชานยอลอ่ะ เพิ่งถ่ายงานเสร็จ...จริงเหรอ...”

     

    คนตัวสูงเดินฟังคนตัวเล็กคุยอยู่เงียบๆ ในใจนี้เต้นเร่าๆ อยากจะให้แพคฮยอนเปิดสปีคเกอร์คุยเขาจะได้ยินว่าหมอนั่นพูดอะไรบ้าง ทำไมแพคฮยอนจะต้องพูดจาน่ารักกับมันอย่างนี้ด้วย

     

    “ได้สิๆ..ยังไม่ได้กินอะไรเลย...ได้..จะรอที่ร้านนะ อื้อ..อื้อ...” รับอือในลำคออย่างสดใสก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ชานยอลที่ยืนนิ่งอยู่พยายามเก็บอาการไม่ชอบอยู่ในใจของตัวเองไม่ให้แพคฮยอนเห็น

    “จื่อเทาจะมาทำอาหารจีนที่ร้านนะ”

    “งั้นเหรอ”

    “อื้อ ฉันเคยบอกว่าให้จื่อเทาช่วยสอนทำอาหารจีนน่ะ วันนี้จื่อเทาเลยโทรมาบอกว่าจะทำอาหารจีนให้กิน เรารีบไปร้านกันเถอะ” แพคฮยอนอธิบายให้ร่างสูงฟังก่อนที่จะแตะท่อนแขนเบาๆ แล้วเดินต่อ

     

    ชานยอลได้แต่เดินตามอย่างเงียบๆ ก็แค่ทำอาหาร ปล่อยเขาไปเถอะ

     




     




     

    ...

     

     

    ร้านวังบีจิบ

    แพคฮยอนและชานยอลเปิดประตูเข้ามาในร้านก็พบกับจื่อเทาที่นั่งรออยู่โต๊ะใกล้ๆ กับประตูร้าน จื่อเทานั้นมาพร้อมกับถุงวัตถุดิบของที่เตรียมมาทำเมนูอาหารจีนสำหรับแพคฮยอนวันนี้

     

    ร่างสูงของจื่นเทายืนขึ้นแล้วก็ทักทายแพคฮยอนอย่างสนิทก่อนจะหันมาทักทายชานยอลด้วยเช่นกัน

    “พร้อมยังครับ” จื่อเทาถามแพคฮยอน คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วก็พากันเดินเข้าครัวไปอย่างตื่นเต้น ชานยอลได้แต่มองตามแล้วก็เดินไปในครัวด้วยเช่นกัน

     

    ชานยอลวางกระเป๋าของตัวเองและของแพคฮยอนไว้ที่โต๊ะกลางห้องแล้วเดินออกจากห้องครัวไปอยู่ที่หน้าร้านแทน แพคฮยอนพาจื่อเทาไปแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักตามมารยาทแล้วก็ขอมาเป็นลูกมือกับจื่อเทา

     

    “ช่วยแนะนำด้วยนะครับ! เชฟแพนด้า” แพคฮยอนบอกด้วยเสียงน่ารักๆ แล้วตบมือครั้งหนึ่งอย่างน่ารัก จื่อเทาที่ตัวสูงกว่ายิ้มกว้างจนตาหยีแล้วแพคฮยอนก็มักจะเรียกจื่อเทาว่าแพนด้าตากลมแล้วจื่อเทาก็ชอบแพนด้ามากๆ ด้วย

    “ได้เลยครับ”

     

    ทั้งคู่ลงมือทำเมนูอาหารจีนกันอย่างตั้งใจ แพคฮยอนคอยถามเรื่องอาหารจากจื่อเทาเป็นระยะๆ แล้วพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่ารัก จื่อเทาเองก็ดูมีความสุขมากที่เขาได้เข้าครัวของร้านวังบีจิบแล้วยังมีรุ่นพี่ที่แอบปลื้มมาเป็นลูกมืออีก

     

    เมนูแรกที่เริ่มทำก็คือหอยเป๋าฮื้อตุ๋นน้ำแดงเป็นอาหารจีนพื้นเมืองของซานตงที่เน้นรสชาดไปทางความนุ่ม ความสด และอ่อนละมุนของน้ำแดงและความสดของหอย แพคฮยอนกำลังดูน้ำแดงที่กำลังตุ๋นหอยเป๋าฮื้ออยู่อย่างตื่นเต้น

     

    “ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นก็ได้ครับ มาทำไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก่อนก็ได้” จื่อเทาเดินมาบอกในขณะที่เขากำลังทอดพริกแห้งอยู่

     

    กุงเปาชี่ติงเป็นอาหารเผ็ด รสจัดของเมืองเสฉวน แพคฮยอนพยักหน้าตามแล้วได้เผลอสูดกลิ่นเข้าจมูกนั้นจนจามออกมาอย่างห้ามไม่ได้

     

    “ฮัดชิ่ว!” จื่อเทาหัวเราะในทันที แต่แพคฮยอนก็ยังไม่หยุดจามเพราะกลิ่นพริกที่เขาทอดอยู่นั้นแรงมาก จมูกรั้นๆ นั้นแดงขึ้นมาจนจื่อเทาต้องหยุดทอดพริกแห้งในทันที

     

    “ไหวไหมครับ” จื่อเทารีบกรูเข้ามาหาแล้วพาแพคฮยอนเดินออกจากเตา

    “หะ ไหว..ไหว ฮัดชิ่ว! ฮัดชิ่วววววว! แค่กๆ” แพคฮยอนจามทั้งๆ ที่ตัวเองพูดอยู่ จากนั้นก็หัวเราะไปด้วย จนเสียงลอดออกไปข้างนอก ชานยอลเลยเดินมาดูที่ประตูว่าเกิดอะไรขึ้น

     

    เห็นจื่อเทากำลังเอาทิชชู่ค่อยๆ เช็ดจมูกแพคฮยอนแล้วอีกมือก็เช็ดน้ำตาที่มุมหางตาให้ ชานยอลแทบจะเดินเข้าไปหาแต่เขายังมีสติดีอยู่

     

    เขาเห็นรอยยิ้มกว้างของแพคฮยอนนั้นส่งไปยังจื่อเทาอย่างสนิทสนม ชานยอลเกิดอาการเฟลเล็กๆ ที่หัวใจเพราะเห็นแพคฮยอนดูเป็นกันเองแทบจะทุกคน

     

    มันดูไร้สาระ แต่คนอย่างเขาจะไม่ให้รู้สึกรู้สาอะไรบ้างเลยรึไง..

     

    หึงนะ..บอกได้เลย

     

     

    ชานยอลถอนหายใจแล้วเดินออกมานั่งเก็บอาการแย่ๆ ของตัวเองอยู่คนเดียว แล้วก็รอให้ทั้งสองคนนั้นทำอาหารให้เสร็จสักที

     

    เขานั่งรออยู่อย่างนี้มาชั่วโมงกว่าโดยที่จะต้องพยายามปั้นหน้ายิ้มให้กับน้องๆ หรือพี่ๆ พนักงานในร้าน แม้แต่คุณแม่ที่เดินมาคุยด้วยเขาก็ต้องแอบยู่หน้าอ้อนคุณแม่แพคฮยอนเสียเลย

     

    “แม่ครับ”

    “ว่าไงจ้ะ หิวมากไหม แม่เดินเข้าไปในครัว เห็นสองคนนั้นทำอาหารใกล้เสร็จแล้วล่ะ”

    “ก็หิวครับ แต่ผมอยากทำอาหารเก่งๆ บ้าง ดูแพคฮยอนสิ เขาไม่ยอมให้ผมเข้าครัว” ชานยอลพูดให้คุณแม่แพคฮยอนฟัง เธอหัวเราะอย่างนึกขัน

    “อยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเหรอจ้ะ” ชานยอลพยักหน้าแล้วเบะปากของตัวเอง

    “เดี๋ยวแม่จะสอนให้เอาไหม”

    “เอาครับ แพคฮยอนจะได้ไม่ห้ามผมเวลาที่ผมจะเข้าครัว”

    “จ้ะๆ เดี๋ยวแม่จะรีบสอนให้นะ ให้ชานยอลเก่งกว่าแพคฮยอนเลย” บอกแล้วลูบไหล่กว้างอย่างเอ็นดู สงสัยชานยอลคงจะน้อยใจที่ไม่ได้เข้าครัวเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นตัวป่วนไปเลยต้องมาหน้าหงิกอยู่ที่หน้าร้านแทน

     

    ชานยอลขอตัวเดินไปดูในครัวอีกครั้งเพื่อดูว่าทั้งคู่นั้นทำอาหารกันเสร็จหรือยัง แต่คิดดูอีกทีเขาไม่น่าเดินมาดูอีกรอบให้ตัวเองรู้สึกเฟลไปยิ่งกว่าเดิมเลย เมื่อกี้ก็รู้สึกดีแล้วแท้ๆ เชียว

     

    จื่อเทากำลังน้ำซุปที่ช้อนก่อนจะเลื่อนไปให้แพคฮยอนชิม ริมฝีปากเล็กๆ นั้นเป่าเองหนึ่งครั้งก่อนจะค่อยๆ ชิมน้ำซุปนั้นจากช้อน ใบหน้าเล็กๆ พยักหน้าหงึกหงักแล้วยกนิ้วโป้งให้กับจื่อเทา

     

    ทั้งคู่ยิ้มให้กัน แล้วจื่อเทาก็หันไปตักอาหารส่วนแพคฮยอนนั้นคอยถือจานรองเอาไว้ให้อย่างรู้หน้าที่ของตัวเอง

     

    “วาว...หอมจัง” แพคฮยอนพูดด้วยเสียงที่ตื่นเต้นแล้ววางจานลงบนโต๊ะ จื่อเทาที่ถอดผ้ากันเปื้อนเสร็จแล้วเอาไปแขวนเข้าที่ไว้อย่างเดิมก่อนจะเดินมาแกะผ้ากันเปื้อนให้แพคฮยอนจากด้านหลัง คนตัวเล็กบอกขอบคุณแล้วยิ้มให้อย่างน่ารัก

     

    “นี่ครับ” จื่อเทาเห็นเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่ที่หน้าผากเนียน เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าไปให้คนตัวเล็ก

    “หือ ไม่เป็นไรหรอก...ฉันไม่รับผิดชอบซักให้นะแพนด้า” แพคฮยอนพูดติดตลกในขณะที่ใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อตัวเองแทน แต่จื่อเทาส่ายหน้าแล้วเดินมาใกล้ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองซับเหงื่อให้คนตัวเล็กอย่างเบามือ

    “บอกนะแล้ว นายซักเองนะ...”

    “ผมซักเองอยู่แล้วน่า ไม่ต้องห่วง”

    “คิก..ขอบใจมาก”

     

     

    หิวก็หิว...เหนื่อยก็เหนื่อย...แล้วทำไมจะต้องมาเจอภาพแย่ๆ แบบนี้ด้วย

    คนที่ต้องทำอย่างนั้นกับแพคฮยอนต้องเป็นเขาไม่ใช่หรือไง?

     

    แล้วหมอนั้นมีสิทธิ์อะไรมาทำสนิทชิดเชื้อใกล้ชิดแพคฮยอนขนาดนั้น?

     

    ชานยอลหมุนหัวเดินออกมาจากตรงนั้นในทันที

    ตอนนี้เขาอารมณ์เสียมากๆ ไม่กินมันแล้วอาหารจีนอะไรพวกนี้ แพคฮยอนไม่รู้หรอกว่าเขาไม่ชอบอาหารจีน...เขาไม่ชอบอาหารจีนเลยสักนิดเดียว

     

    “ชานยอลอ่า เสร็จแล้ว...หิวไหม” แพคฮยอนถือจานอาหารออกมาแล้วยิ้มให้กับเขา ชานยอลหันมามองก่อนจะยิ้มบางไปให้โดยที่กำลังพยายามควบคุมใบหน้าของตัวเองไม่ให้มันดูแย่ไปมากกว่านี้

    “อือ หิวๆ” บอกไปอย่างนั้นแล้วมองดูอาหารจีนที่หลากสีสัน

    “เมื่อกี้ลองชิมแล้วนะ อร่อยมากเลย จื่อเทาเก่งมากๆ” แพคฮยอนยกนิ้วให้กับจื่อเทา

    “ขอบคุณครับ ลูกมือก็เก่งเหมือนกัน” ยิ้มจนตาหยีแล้วจื่อเทาก็ค่อยๆ จัดโต๊ะอาหารให้กับทุกๆ คน แต่เสียงโทรศัพท์มือถือของชานยอลดันดังขึ้นขัดจังหวะในขณะที่พวกเขาจะลงมือทานอาหารในมื้อเที่ยง

     

    ชานยอลขอตัวลุกไปคุยเพราะกลัวจะเสียมารยาทกลางโต๊ะอาหาร

     

    “เออว่าไง” รับสายด้วยเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ที่สุด เป็นจงอินเป็นโทรเข้ามา

    (“แกอยู่ไหนวะ เราต้องซ้อมบทอ่ะ พอดีคนครบเลยไม่อยากนัดวันอื่นให้เสียเวลา มาดูบทด้วยฉันกับเซฮุนเขียนเสร็จแล้ว”)

    “ตอนนี้เหรอวะ ตอนนี้ไม่ว่างเลย”

    (“เออตอนนี้แหละ เพื่อนในกลุ่มมากันครบแล้ว”) จงอินเร่งชานยอล ร่างสูงคิดหนัก เอาก็เอา ยังไงซะขอไปซ้อมบทละครดีกว่าต้องมาทนอึดอัดแล้วเห็นภาพเฟลๆ แบบนี้

    “โอเค ขอเวลาครึ่งชั่วโมงแล้วจะรีบไป” บอกแค่นั้นแล้วกดวางสาย ชานยอลเดินกลับไปยังโต๊ะแล้วบอกกับแพคฮยอน

    “แพคฮยอนอ่า...ฉันไม่ว่างแล้ว ขอโทษที่อยู่ทานอาหารไม่ได้นะ ต้องไปซ้อมบทละคร” พูดด้วยใบหน้าเรียบตึง จื่อเทาได้แต่มองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ

    “งั้นเหรอ นายรอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวจะไปแพ็คใส่กล่องให้” คนตัวเล็กกำลังจะลุกขึ้นแต่ชานยอลพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปกินที่คณะก็ได้”

    “แป๊บเดียวเอง” แพคฮยอนพูดเสียงอ่อย เขาอยากให้ชานยอลอยู่ชิมอาหารด้วยกันจริงๆ

    “เพื่อนเร่งแล้วน่ะ ขอโทษด้วยนะ”

    “อือ..ก็ได้...เดี๋ยวเดินไปส่งหน้าร้านนะ” แพคฮยอนเดินออกมาจะเดินไปส่งชานยอล

    “ไม่เป็นไร นายกินข้าวเถอะ คงจะหิวมาก ฉันไปก่อนนะ” ชานยอลบอกแค่นั้นแล้วรีบเดินออกมาทันที แพคฮยอนได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างไม่เข้าใจ

     

     

     

    ชานยอลเป็นอะไรของเขากันนะ...

    แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกหน่วงๆ ที่หัวใจล่ะ...จะว่าเสียใจชานยอลที่ไม่ยอมอยู่กินข้าวด้วยกันงั้นเหรอ?

    ก็ไม่ได้เสียใจขนาดนั้น..แต่ทำไมน้ำเสียงที่พูดออกมามันดูไม่พอใจเขาเลย...

     

    ทำไมกันนะ...แพคฮยอนไม่เข้าใจ...

     

     

     

     

     

     

    *

    เขรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร้!

    คอมร้อนมากเลย แต่งช้าไปหน่อย นี่ตีสองแล้ว ปั่นสุดฤทธิ์อีกแล้ว

    แอบอู้ไปตั้งหนึ่งวันแหนะ พอดีน็อค ก่อนหน้านั้นลง 30 เปอร์ หน้าเกลียดมาก คงก่นด่าไปแล้วว่า

    มึงจะเอามาลงทำไมเท่าจิ๋มมด อิห่า! 55555555555555555555

     

    มาเต็มแล้วนะจ้ะ

    วรั้ยยยยย บทจะหน้าก็น่ารักปานจะกลืนกิน พอฉากหลัง มันอะไรกันอิแม็กกกก มึงตอบกูซิ!

    5555555555555555555555555555555555555555

     

    ไปดีกว่า ฝากโหวต+วิจารย์ด้วยนะคะ

    รักนะจิ๊ จุบิ๊ อิ่อิ่ เจอคำผิดได้โปรดอ่านผ่านมันไป

     

    @maxkieza

    ทวงได้ที่นี่นะจ้ะที่รัก บั้ยยยยยย .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×