ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Just A Beat (KaiBaek)

    ลำดับตอนที่ #2 : ◆ Just A Beat - Part [1]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.59K
      15
      3 มี.ค. 56




    Just A Beat

         Pairing  :  Kai  x  Baekhyun







    .. Part 1..





     

    ยามสายภายในรั้วมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง


    กลีบใบไม้เล็กถูกลมเย็นพัดลู่ตกอยู่ตามพื้นรอบบริเวณม้าหินริมสระน้ำหลังอาคาร นักศึกษาหลายคนต่างเดินเข้าอาคารไปเรียนในคลาสของตัวเอง แต่ก็ยังเหลือบางคนนั่งอยู่ตามโต๊ะหลายตัว

     

    “งืม ......” เสียงงัวเงียของหนุ่มปีสองดังขึ้น ใบหน้าเรียบๆไม่โดดเด่นกำลังขมวดคิ้วพลางลืมตาขึ้นจากการฟุบหน้าหลับอยู่กับโต๊ะ แสงแดดเริ่มส่องมาเสียแล้วสิ ชายหนุ่มยกมือขยี้หัวอย่างเบื่อหน่ายเมื่อมองดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ

     

    มีสายที่ไม่ได้รับหนึ่งสาย

    “เฮ้อ .. ก็เลิกกันแล้วยังจะโทรมาพูดดีด้วยทำไม ฉันไม่ใช่ผู้ชายสิ้นไร้ไม้ตอกหรอกน่ะยัยมินจี”

     

    พยอนแพคฮยอนพูดกับหน้าจอมือถือราวกับว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน แฟนคนแรกที่เป็นฝ่ายบอกเลิกเขาด้วยดี แล้วเธอคนนี้ยังโทรมาราวกับรู้สึกผิดอีก แม้ว่าจะเสียใจอยู่บ้างแต่แพคฮยอนก็หยิ่งพอที่จะไม่ให้ใครมาสงสารล่ะนะ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ทิ้งกันไป

     

    ก็รู้ตัวดีหรอกว่าคนอย่างตัวเองจะมีใครเค้ามาจริงจังด้วย

     

     

    ก็เป็นคนล่องลอยไปวันๆ ไม่คบใครจริงจัง ไม่ว่างคิดอะไรละเอียดอ่อนขนาดนั้น ขนาดชีวิตตัวเองยังไม่ค่อยจะเข้าใจเลย

     

    นั่งเฉยไปได้สักพัก เพื่อนรักทั้งสองที่มักจะตรงเวลาเสมอก็โผล่มาพอดี

     

    “แพคฮยอน!” หนึ่งในนั้นร้องเรียก หากแต่ไม่ยอมนั่งลงต่างกับอีกคนที่นั่งลงตรงข้ามเขา แพคฮยอนมองเซฮุนที่นั่งลงก่อนจะเงยมองหน้าคยองซูที่ยืนอยู่

     

    “นั่งก่อนดิ”

     

    “ไม่ล่ะ กูจะรีบไปเรียนว่ะ” คยองซูบอก

     

    “ขยันจริงนะ”

                   แพคฮยอนแขวะเพื่อนรักสมัยมัธยมปลายที่แต่ก่อนก็เหลวไหลพอๆกับเขา แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้อะไรเข้าสิง ตั้งแต่โดนอีกฝ่ายเคี่ยวจนฟลุคสอบเข้ามามหาวิทยาลัยนี้ได้ เจ้าตัวก็ภูมิใจนักหนาและตั้งใจเรียนกว่าเดิมมาก ซึ่งแพคฮยอนก็คิดว่ามันดีแล้วล่ะนะ ขออย่างเดียวอย่าหวังดีกับเขานักเลยเพราะตัวเองคงจะดีแบบเพื่อนไม่ได้ ส่วนอีกคนน่ะเหรอ โอเซฮุน รายนี้อยู่กลางๆระหว่างเขากับโดคยองซู ไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไหร่หรอก แต่ลองได้พูดหรือไม่ยอมอะไรแล้วก็ไม่มีใครขัดได้

     

    “มึงไม่เรียนเหรอแพคฮยอน มาแต่เช้าเพื่อหลับรอพวกกูเนี่ยนะ” คยองซูว่า

     

    “นั่นดิ ไม่ไปเหรอ” เซฮุนถามขึ้นอีกคน

     

    “ก็ว่าจะรอ แต่กูขี้เกียจแล้วว่ะ” แพคฮยอนว่าแล้วก็ถอนหายใจ ท่าทางแบบนี้ทั้งสองคนก็รู้แล้วว่าเพื่อนตัวเองคงจะหาเรื่องโดดเรียนอย่างเคยแน่ๆ ร่างสมส่วนที่ไม่เรียกว่าสูงนักยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ ชายเสื้อเชิ้ตตัวบางหลุดลุ่ยออกมาจนหมด

     

    ความไม่เรียบร้อยช่างเป็นสิ่งคู่กับพยอนแพคฮยอนเสียจริงๆ

     

    มือบางหยิบซองบางอย่างยับๆในกระเป๋าเสื้อออกมา บุหรี่ที่เหลือไม่กี่มวนถูกหยิบออกมาจุด

     

     “เค้าห้ามสูบแถวนี้นะ” คยองซูส่ายหน้าระอา เซฮุนเองก็ได้แต่มองด้วยใบหน้าเรียบเฉย

     

    “เออน่ะ ไม่ค่อยมีคนหรอก” แพคฮยอนว่าก่อนจะหันหน้าไปอีกทางเหมือนคนไม่คิดอะไร ทั้งที่ในใจมีเรื่องมากมายให้คิดถึง เรื่องเหล่านั้นก็แค่เรื่องที่คนอื่นอาจไม่ต้องคิด ไม่รู้สินะ คนอย่างเขาไม่มีอะไรดีหรอก ขนาดแม่แท้ๆยังไม่ว่าดีเลย

     

    พูดถึงแม่แล้วแพคฮยอนก็หงุดหงิดใจ กลับบ้านดึกไม่พอ บางทีก็คลาดกันในตอนเช้า ทะเลาะกันก็บ่อย ชอบว่าเขามันไม่ได้เรื่อง แม่เองก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกันแหละ

     

    เฮอะ! ..

     

     

    “งั้นพวกกูไปก่อนนะแพคฮยอน” คยองซูตัดสินใจบอกเพื่อนก่อนจะสะกิดแขนคนที่นั่งอยู่ให้ลุกไปด้วยกัน เซฮุนทำท่าจะลุกตามแต่กลับถูกแพคฮยอนเรียกไว้ก่อน

     

    “เดี๋ยวๆ มึงไปคนเดียวเหอะคยองซู กูเบื่ออ่ะ ยืมตัวหมอนี่หน่อยละกันนะ”

     

    “อะไรวะ” เซฮุนอุทานที่ทำเหมือนเขาไม่ใช่คน อยากยืมก็ยืมง่ายๆซะงั้น

     

    “เออ .. เอาไงก็เอาเหอะวะ เซฮุนมึงอยากอยู่ก็อยู่ ไม่ก็ตามมาละกันนะ” คยองซูเดินจากไปเพื่อเข้าเรียน ทิ้งให้เซฮุนได้แต่มองตาม ชายหนุ่มทำท่าจะลุกเดินตามไปอีกแต่ถูกคว้าแขนไว้ก่อน

     

    “เดี๋ยวสิวะ อยู่กับกูก่อน” แพคฮยอนบอก โดยมีสีหน้าหน่ายๆของเพื่อนส่งกลับมาให้

     

     

     

    “กรี๊ดดดด!!

    เสียงร้องเชียร์ของสาวๆหลายชั้นปีที่ว่างแวะมาโรงยิมนั้นกำลังกรี๊ดกร๊าดหนุ่มๆที่วาดลวดลายอยู่ในสนามบาสเก็ตบอล

     

    “พี่เซฮุนเท่ที่สุดค่ะ”

     

    “น้องซองแจสู้เค้านะ”

     

    ชิส์ ..  แพคฮยอนที่วิ่งวนจนเหงื่อโชกแอบทำตาหมั่นไส้มาทางเพื่อนรัก จะถือซะว่าวันนี้ไม่มีแฟนคลับของเขาก็แล้วกัน

    การมาชวนเด็กปีหนึ่งที่ซ้อมบาสกันอยู่มาแข่งกันแก้เหงาแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของแพคฮยอนหรอก รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าในยามที่สมองและร่างกายจดจ่อกับการรับส่งลูกสีส้มในมือ ก่อนจะเลี้ยงมันไว้แล้วมุ่งไปข้างหน้า ยามที่ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นก็คงมีแค่เวลาอย่างนี้เท่านั้นที่เขาจะยิ้มออกมาจากใจ

     

    จบเกมแล้ว หลายคนเริ่มทยอยหายไปจากที่ตรงนี้ เหลือไว้เพียงนักบาสปีหนึ่งและรุ่นพี่ปีสองอย่างเขาทั้งสองคน เซฮุนหอบหายใจพลางยกขวดน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่ขณะที่นั่งมองเพื่อนตัวเองไปด้วย แพคฮยอนยังคงสนุกกับการกระโดดชู้ตลูกลงแป้นไปมาอย่างนั้น

     

    “ฮึบ!”  ชายหนุ่มยังคงไม่หยุดกระโดดและวิ่งวนไปมา ลูกบาสที่หลุดออกจากมือก็บังเอิญกระดอนออกไปอีกข้างให้คว้าไว้ไม่ทัน แพคฮยอนมองตามมันก่อนที่จะหยุดยืนนิ่งเมื่อสายตาสบเข้ากับภาพบางอย่างตรงประตูทางเข้าโรงยิม เซฮุนมองตามสายตาเพื่อนไปเช่นกัน

     

    ภาพของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านไป ใครคนนั้นที่แพคฮยอนจำได้เป็นอย่างดี

     

    .. คิมจงอิน ..

     

    เฮ้ย คนๆนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

     

    ความเงียบดูเหมือนจะกลืนการกระทำของเขาไปเสียหมด

    เคยได้ยินว่าที่บ้านส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศนี่นะ แล้วมาทำอะไรที่นี่ เครื่องแบบนั่นก็ของที่นี่ไม่ใช่เหรอ และไม่ว่าจะกี่ครั้งรวมถึงตอนนี้ด้วย ทุกครั้งเลยที่เจอผู้ชายคนนี้เขาก็ทำได้เพียงแค่มอง

     

    แพคฮยอนเอาแต่ยืนมองอีกฝ่ายอยู่กับที่ เขาเหม่อไปอย่างลืมตัวราวกับคนตกอยู่ในภวังค์ คนๆนั้นเดินมาหยุดลงตรงหน้าของแพคฮยอนแล้ว แพคฮยอนก้มมองลูกบาสในมือของคิมจงอินและยิ้มไปให้อย่างเป็นมิตร เขากำลังคิดว่าตัวเองช่างโชคดีนักที่คนดีๆแบบนี้อุตส่าห์มีน้ำใจ

     

     

     

     

     

    “เฮ้! นี่  .. จะยืนบื้ออีกนานมั้ย”

     

    .. เอ่อ ดะ เดี๋ยวนะ

     

    “รับไปสิ”

     

    “เอ่อ..”

     

    “เสียเวลาชะมัด”

     

    แพคฮยอนรีบยื่นมือไปรับลูกกลมๆนั่นเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่เบลอไปชั่วขณะ ใบหน้าคมกับผมที่เซ็ตปัดไปอีกทางนั้นเชิดขึ้นก่อนจะยื่นลูกบาสที่ถือเอาไว้มาให้ด้วยสายตาเหยียดๆ

     

     

     

    ให้ตายสิพระเจ้า ..

     

    คิมจงอินเดินจากไปแล้ว เหลือไว้เพียงพยอนแพคฮยอนคนบื้อที่กำลังยืนบื้ออยู่อย่างเดิม

     

     

     

    “เฮ้ยแพคฮยอน แพคฮยอน! .. มึงโอเคป่ะวะ”

     

     

                    .. ไม่ ไม่โอเคเลย กูไม่โอเคเลยว่ะเซฮุน!!

     

     

     

     

                      เรื่องเมื่อวานนี้ยังคงฝังอยู่ในหัวของแพคฮยอน แม้ในเวลานี้ที่นั่งฟังอาจารย์กำลังสาธยายอยู่ในห้องเลคเชอร์ก็ตาม เธอคนนี้เป็นที่ลือกันว่าโหดนัก เด็กเอกบริหารธุรกิจอย่างพวกเขาจึงต้องตั้งใจกันหน่อย จะยกเว้นก็แค่เขานี่แหละ

     

    แพคฮยอนนั่งอยู่ข้างคยองซูและถัดไปเป็นเซฮุน  เพื่อนทั้งสองฟังไปจดไป แต่เขานี่สิที่นั่งท่าดีทีเหลวอยู่อย่างเดิม มือบางๆยกขึ้นเท้าคางพลางดีดปากกาไปมาอย่างใช้ความคิด ก็เรื่องเมื่อวานนี้น่ะสิที่ยังลืมไม่ได้

     

    จงอิน คิมจงอิน คิมจงอิน

     

    หนอย .. ไอ้บ้านั่นที่แท้แล้วปากหมาแบบนี้เองเรอะ!

     

    แพคฮยอนอยากจะกรีดร้องขึ้นมาเสียให้ได้ ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้ อุตส่าห์เฝ้ามองมาหลายปีคิดว่าเป็นคนดี ที่แท้แล้ว ที่แท้แล้ว .......

     

    “ฮึ่ย!!

     

    ปึด!!

     

    เสียงกระดาษตำราหนาๆถูกปากกาที่กำไว้แทงลงไปจนเกิดเสียง ยังดีที่มีแค่คนข้างกายไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ยิน คยองซูหันควับมาจับมือเพื่อนเอาไว้

     

    “เป็นไรวะ” เขาถาม แพคฮยอนถอนหายใจเมื่อนึกได้ว่าตัวเองคิดมากไปแล้ว

     

    “เปล่า กูแค่เบื่อ”

     

    “คำก็เบื่อสองคำก็เบื่อนะมึง”

     

    “เออ โทษทีว่ะ” แพคฮยอนทำหน้าไม่สู้ดีพลางมองเลยไปทางเซฮุนที่สมองคงไปกับเสียงอาจารย์เรียบร้อยแล้ว

     

    “ฟังต่อไปก็ไม่รู้เรื่อง กูออกไปก่อนละกันนะ” ว่าแล้วก็ปิดหนังสือลงเก็บใส่กระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาตามทางลง แพคฮยอนไม่ได้แคร์สายตาใครเลยแม้แต่อาจารย์ที่มองมาทางเขา แต่แล้วขณะที่ก้าวมาตามทางเดินผ่านหลายคนที่นั่งอยู่

     

    “โดดเรียนอีกแล้วเหรอ”

     

     

    .. เสียงนั่น

     

    แพคฮยอนชะงักเท้าแทบจะในทันใด ชายหนุ่มหันขวับมาตามเสียงที่นั่งอยู่โต๊ะปลายแถว ใบหน้าของผู้ชายที่ไม่นึกว่าจะมานั่งอยู่ที่นี่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงถามมาให้ ท่าทีหยิ่งๆจนน่าหมั่นไส้นั่นดูก็รู้ว่าไม่ได้หวังดีกันสักนิด จงอินเหยียดยิ้มให้ตามสไตล์ แพคฮยอนยืนนิ่งเพราะในใจกำลังกรุ่นไปด้วยความโมโห ถ้าเป็นข้างนอกและเป็นคนอื่นนะ ขืนมาทำแบบนี้ใส่เขาอีก แพคฮยอนคงจะซัดให้คว่ำเลย

     

     

    “นั่นจะไปไหนน่ะ”

     

    เอาแล้วไง แทนที่จะได้เดินออกไปดีๆแต่ก็ไม่พ้นสายตาของอาจารย์คนสวยที่ขึ้นชื่อว่าโหดเอาการไปได้ แพคฮยอนกำสายประเป๋าเป้แน่นก่อนจะตวัดสายตากลับมามองตัวต้นเหตุของความซวย จงอินยังคงทำหน้าไม่รู้ร้อนอะไร ส่วนเขาน่ะเหรอ ก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมน่ะสิ

     

    เซฮุนและคยองซูมองมาที่เพื่อนตัวเองซึ่งนั่งลงที่เดิมท่ามกลางสายตาหลายคู่ เสียงแหลมของอาจารย์คนนี้เอ่ยตามมาสมทบให้ได้อายอีกต่างหาก แพคฮยอนหน้าตึงเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้จะสนใจอะไร มือบางกลับมาคีบปากกาดีดไปดีดมาอย่างเคย

     

    เสียความรู้สึกอย่างเดียวไม่พอ สุดท้ายแพคฮยอนก็ต้องมาเจ็บใจกับสิ่งที่ได้เจอซ้อนกันเข้าไปอีก เขาเพิ่งจะนึกได้ว่า หรือบางทีแล้ว ผู้ชายคนนี้จะทำดีก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายเป็นใครมากกว่า แล้วเขาเองมันก็ดูเหมือนพวกชนชั้นล่างสินะไอ้หมอนี่มันถึงได้อยากพูดอะไรก็พูด .. แย่จริงๆ

     

     

     

    ทั้งคลาสดำเนินต่อไปอย่างปกติ
     

    หลังจากที่อาจารย์มีงานให้นักศึกษา รายงานชิ้นใหญ่ก่อนสอบปลายภาคเรียนจึงกลายเป็นประเด็นในชั่วโมงนี้  และที่หลายคนกำลังส่งเสียงจ้อกแจ้กคุยกันอยู่ก็คงไม่พ้นเรื่องการจับคู่

     

    “มึงคู่กับแพคฮยอนละกันคยองซู” จู่ๆเซฮุนก็พูดขึ้น ชายหนุ่มมักจะเป็นคนที่ไม่เรื่องมากที่สุดกับอะไรแบบนี้

     

    “แน่ะ จะจับคู่กับสาวคนไหนล่ะ ยัยอึนบีที่นั่งข้างหน้าน่ะเหรอ” คยองซูแขวะเพื่อน เซฮุนแค่ยักไหล่ให้นิดหน่อย ขณะที่แพคฮยอนเองก็รู้ว่าเพื่อนคงเป็นห่วงเขาที่ไม่เอาไหนมากกว่า
     

    “ไม่ต้องหรอก พวกมึงคู่กันเหอะ สาวๆน่ะเดี๋ยวกูเดินไปถามก็ได้แล้วล่ะน่ะ” แพคฮยอนพูดอย่างมั่นใจ แต่จริงๆเขาก็แค่ไม่อยากจะคอยเป็นตัวถ่วงสองคนนี้ เซฮุนจ้องมาเขม็งก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป

     

    “มึงนี่นะ มอมๆแบบนี้ใครเค้าจะสน” ประโยคเด็ดของเพื่อนรักกระตุกต่อมโมโหของแพคฮยอนจนเต้นตุบๆ คนถูกว่าทำท่าจะตบหัวไอ้เพื่อนคนนี้เข้าให้ ติดก็ตรงที่มีคนกลางคั่นไว้เสียก่อน

     

    “เอาล่ะๆพวกมึง .. ทำทะเลาะกันนะ จริงๆแม่งห่วงกันหรอก เฮอะ” คยองซูเบื่อหน่ายกับความงี่เง่าของเพื่อน แต่เขาเองก็ไม่อยากจะทำให้แพคฮยอนดูไร้ความสามารถต้องค่อยพึ่งพากันอย่างนี้ คิดได้อย่างนั้นคยองซูจึงถือโอกาสตัดสินใจเอง และนั่นก็ทำให้แพคฮยอนสมปรารถนา

     

    “เดี๋ยวกูไปหาคู่ก่อนละกัน ช้าหมดอดกันพอดี” แพคฮยอนว่าก่อนจะลุกยืนขึ้น เขายอมรับว่าตัวเองก็ไม่ค่อยจะดูดีนักหรอก เพื่อความมั่นใจจึงจับชายเสื้อยัดกางเกงนิดๆให้พอไม่น่าเกลียด .. ไม่ได้จะยอมรับกับคำพูดไอ้เซฮุนหรอกนะว่าเขามันมอมแมม

     

     

    เขาเดินไปยังสาวๆกลุ่มแรกที่เขาคาดว่าอาจจะเหลือสักคนที่ไม่มีคู่ แต่แล้วก็ต้องยิ้มให้ก่อนจะเดินไปยังอีกกลุ่ม และนั่นก็บังเอิญไม่เหลือใครเลย และด้วยความพยายามที่คิดว่าคงจะสำเร็จ สาวๆกลุ่มสุดท้ายนั่นก็ดันไม่มีคนเหลืออีกเช่นกัน

     

     

    เฮ้ย!! .. นี่กูจะไม่มีคู่จริงๆเหรอวะ

     

    แพคฮยอนคิด ก่อนจะสอดส่องมองไปทั่วทั้งห้องเลคเชอร์ ท่าทีที่ยังไม่ลงตัวอยู่คนเดียวทำให้อาจารย์ที่ยืนมองลอดแว่นมานั้นพูดผ่านไมค์มาที่เขา

     

    “คุณพยอนแพคฮยอน ยังไม่มีคู่ทำรายงานหรือถึงได้เดินไปเดินมาอยู่นั่น” เสียงแหลมแสบแก้วหูพูดเหน็บหากแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความห่วงใยนักศึกษาของตน

     

    “ครับ”

     

    “จะไม่มีได้ยังไง ก็รายชื่อทั้งหมดมันก็ครบคู่นี่นะ แล้ววันนี้ก็มากันครบด้วย .. งั้น นักศึกษาคนไหนที่ยังไม่มีคู่ทำรายงาน กรุณายืนขึ้น” สิ้นเสียงอาจารย์พูด จู่ๆหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากข้างนอก สงสัยว่าเธอคงจะเพิ่งกลับเข้ามาจากห้องน้ำ ความสวยนั่นทำเอาคนอื่นๆมองตาม

     

     

    “เธอยังไม่มีคู่ทำรายงานใช่ไหม” อาจารย์ถามเธอคนนั้น ใบหน้าเรียวสวยหันกลับมา

     

     

    แพคฮยอนแทบจะลิงโลดเมื่อเห็นเธอคนนี้ที่ยังไม่มีคู่ ให้ตายสิ ในความโชคร้ายสุดท้ายก็โชคดีเสียอย่างนั้น 

     

     

    โอ๊ย .. จะได้คู่กันเหรอเนี่ย โชคดีอะไรแบบนี้


     

     

    “หนูจับคู่กับเพื่อนสนิทแล้วค่ะ นั่งอยู่ทางนั้น

     

    เธอชี้มือไปยังเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวบนๆ และนั่นก็ทำให้แพคฮยอนได้แต่ยิ้มค้างมองตามร่างของเธอที่เดินผ่านเขาไป

     

     

    “งั้น....” เสียงอาจารย์เอ่ยขึ้นพลางขมวดคิ้วให้กับร่างของนักศึกษาชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเพิ่งยืนขึ้นได้สักพัก แพคฮยอนหันขวับไปมองผู้ชายคนนั้นในทันที ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “คิมจงอินครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ไงล่ะมึง ได้จับคู่กับสาวสวยเลยนี่” เซฮุนเอ่ยขณะที่นั่งกินข้าวกลางวันด้วยกันในโรงอาหาร

     

    “อย่ามาทับถมนะเว้ย คราวซวยกูแท้ๆ ก็ที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ หมอนั่นไม่ได้เป็นคนดีมีน้ำใจอย่างที่พวกเราเข้าใจหรอก” แพคฮยอนทำหน้าหงุดหงิด

     

    “นั่นสิ ไม่น่าเป็นไปได้เลยเนอะ” เซฮุนว่า

     

    “แต่เป็นไปแล้ว” แพคฮอยอนยืนยัน

     

    “ถ้าจำไม่ผิด หมอนั่นไปเรียนต่อเมืองนอกไม่ใช่เหรอวะ แล้วมาอยู่นี่ได้ไง” คยองซูถามขึ้นบ้าง

     

    “ถามแบบนี้กูจะรู้เหรอ ไม่ใช่พ่อกูนะถึงจะไปรู้เรื่องชีวิตมันได้ .. ขนาดพ่อกู กูยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาเป็นยังไง” ประโยคท้ายเสียงอ่อนลง แพคฮยอนคว้าเอาขวดน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่แล้วเงียบไป ทำให้อีกสองคนต้องเงียบตามไปด้วย

     

    แพคฮยอนรู้ดีว่าตัวเองก็เป็นเสียแบบนี้ แล้วขณะที่นั่งพูดกับเพื่อน สายตาก็พลันสบเข้ากับใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะไม่ไกลจากพวกเขานัก

     

    เฮ้ย .....

     

     

    จงอินนั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนในกลุ่มไม่กี่คนซึ่งเป็นพวกลูกคุณหนูบ้านรวยเหมือนกัน แพคฮยอนขมวดคิ้วและชะงักไปเมื่ออีกฝ่ายจ้องมา จงอินไม่ได้ยิ้มกวนประสาทอะไร แต่สายตานั่นมันเหมือนกับว่าเขามันขัดหูขัดตายังไงยังงั้น

     

     

    พอโดนจ้องแบบนี้ก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไง แพคฮยอนไม่ชอบเลยจริงๆ เขาเริ่มจะรู้ซึ้งแล้วว่าคนที่เขาอุตส่าห์ชื่นชมมาเสียนาน จะกลายเป็นคนที่เขาเกลียดหน้ามากที่สุดในตอนนี้

     

     

    “กูไปนะ ตอนบ่ายไม่เรียนด้วย”

     

    “แต่ของจารย์รยออุคเลยนะเว้ย”

     

    “เออฝากด้วยละกัน ไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้”

     

     

     

     

    ทางด้านโต๊ะอีกตัวในโรงอาหาร

     

    จงอินมองตามร่างของแพคฮยอนที่เดินออกจากบริเวณนี้ไป ใบหน้านิ่งเฉยฉายแววไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก แล้วไอ้เรื่องต้องมาทำงานคู่กันนี่มันจะบังเอิญไปไหน ถ้าในชั่วโมงนั้นมีเพื่อนของเขาล่ะก็คงจะไม่มาเป็นตัวเศษคู่กับคนดูท่าไม่เอาไหนแบบนี้หรอก

     

    “เป็นอะไรเหรอจงอิน ข้าวไม่อร่อยเหรอ”

     

    “ประมาณนั้น”

     

    “โอ๊ย อย่าไปถามมันเลยมินซอก อร่อยหรือไม่หน้ามันก็เป็นแบบนั้นอยู่ดีแหละ” เพื่อนคนหนึ่งของจงอินที่ชื่อลู่หานเอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเป็นห่วงเป็นใยกัน

     

    “ใครเค้าจะตะกละแบบนายกันล่ะลู่หาน”

     

    “ช่วยไม่ได้นะ เท่ๆสาวกรี๊ดอย่างฉันทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดหรอก” ชายหนุ่มพูดเข้าข้างตัวเองพลางหัวเราะไป ทำให้อีกคนต้องเบะปากหมั่นไส้มาให้ มินซอกเลิกตอแยกับลู่หานแล้วหันมาหาจงอินอย่างเดิม

     

    “คุณอาสบายดีนะ พ่อฉันฝากคิดถึงแน่ะ”

     

    “อืม ขอบใจนะ พ่อบอกเหมือนกันว่าตั้งแต่แบ่งกรุ๊ปออกมาก็ไม่ค่อยว่างเจอกันเลย” จงอินเอ่ย

     

    “พ่อไม่เจอ แต่รู้มั้ยว่าตอนนายไปอยู่อเมริกาแค่ปีเดียว แม่ๆเรานี่อย่างกับสมาคมนักเที่ยวรอบโลก” เป็นลู่หานบ้างที่โพล่งขึ้นมาขณะที่มือกำลังแกะฝาถ้วยพุดดิ้งออก แต่ดูเหมือนว่าจะออกแรงมากไปน้ำหวานๆจึงกระเด็นออกมาติดเสื้อคนนั่งข้างกัน มินซอกเม้มปากเอาไว้ไม่ให้ด่าอะไรออกไป

     

    “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย”

     

    “โทษทีๆมินซอก”

     

    “นายนี่มันไม่รู้จักระวังเลยจริงๆ”

     

    จงอินปล่อยให้เพื่อนสองคนเถียงกันไปตามประสา ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าสองคนนี้มันชักจะยังไงๆกันอยู่ แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

     

     

     

     

     

    จะกลับบ้านเลยก็ไม่อยากกลับ แพคฮยอนเลยมาเดินแกร่วอยู่แถวรั้วมหาวิทยาลัย ในมุมที่ไม่มีคน ชายหนุ่มจึงถือโอกาสสูบบุหรี่ให้หัวมันโล่งขึ้นมาเสียหน่อย

     

    “เฮ้อ ....” เสียงทุ้มครางเบาๆอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะตวัดสายเป้ไปด้านข้างแล้วนั่งยองลงกับพื้น ย้อนกลับไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

     

     
     

    “นายชื่ออะไรนะ แพคฮยอนใช่มั้ย”

    “อืม”

    “ท่าทางไม่มีมารยาท ก็ไม่มีมารยาทจริงๆล่ะนะ”

    “ว่าไงนะ”

    “ก็อย่างที่บอก .. เอาเหอะๆ นี่เบอร์ฉัน เอาเบอร์นายโทรเข้ามาด้วย แล้วไว้เดี๋ยวรายละเอียดงานฉันจะแจ้งนายอีกที”

     


     

    “เฮอะ จับคู่กันหรือมันเป็นเจ้านายกูวะเนี่ย” ว่าแล้วก็เสียอารมณ์ แพคฮยอนสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะขยี้ก้นบุหรี่ลงกับแล้วเหยียบทิ้งก่อนจะเดินจากตรงนี้ไป

     

    อย่างน้อยแพคฮยอนก็ไม่เคยลืมหรอกว่าแต่ก่อนเคยปลื้มจงอินขนาดไหน เพราะอย่างนั้นเวลาที่ถูกพูดจาถากถางหรือมองด้วยสายตาเหยียดๆแล้วนอกจากจะเจ็บใจมันยังไม่ค่อยปลื้มเสียเท่าไหร่

     

     

     

     

     

    ท่วงทำนองประหลาดแบบที่ไม่คาดคิด

     

    กำลังเริ่มขึ้นกับหัวใจอันอ่อนหัด

     

    แล้วจังหวะต่อไปล่ะ มันจะสนุกไหมนะ ..

     

     

     

     

    .

    .

    TBC. Part [2]

     

     

     


     

    แบคลูกเอ๊ย มันช่างบังเอิญจริงที่ได้ไปจับคู่กับคุณจงอินเค้า (ที่จริงหม่ามี้จัดให้เองแหละ 5555)

    พาร์ทนี้ก็มาแบบเริ่มๆ ง่ายๆ ค่ะ อยากถามทุกคนว่าเป็นไงกันบ้างที่พระเอกของเราไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
    จริงๆแล้วคิมจงอินก็พอตัวอยู่เหมือนกันนะ  
    = = ..  ว่าแต่ใครได้กลิ่นอายลู่หมินบ้างคะ หุหุหุ

     

     

    หนึ่งอาทิตย์พอดีเลยหลังจากที่ลงอินโทรไว้ คือจริงๆพลาดนิดนึงที่ลงเรื่องนี้เร็วไป เพราะติดฟิคชานแบคไว้อยู่เรื่องอ่ะค่ะ
    เลยลงควบสองเรื่องไปด้วยกันด้วยความรู้สึกที่ว่าทำไมมันบีบรัดแบบนี้ .....อ๋อยยยยย
    ==
    / ที่พูดมานี่แค่แอบห่วงว่ากลัวคนอ่านจะรอกันมากกว่า  ไงก็เจอกันพาร์ทหน้าคร่า ^^

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×