ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Just A Beat (KaiBaek)

    ลำดับตอนที่ #16 : ◆ Just A Beat - Part [14]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.62K
      11
      18 ส.ค. 56













    Pairing : Kai x Baekhyun
    ft. LuMin , HunSoo










    #NowPlaying !!  นิวจิ๋ว - ทำไมต้องเธอ 










    130818

    .. Part 14 ..




     


    ราวกับเวลารอบกายหยุดเดินไปชั่วขณะ
     

    มือบางปล่อยลงข้างกายอย่างไร้การขัดขืน แพคฮยอนปล่อยให้หัวใจได้ชุ่มชื้นเหมือนกับร่างกายที่เปียกปอน แค่ในช่วงเวลาสั้นๆที่ราวกับกับฝันไป เพราะหากจบลงเมื่อไหร่ มันคงแห้งเหี่ยวราวกับใบไม้ที่ตายแล้ว..

     

     

    สัมผัสแนบแน่นระหว่างริมฝีปากยังคงไม่คลายจากกัน หยดน้ำไหลรินไปตามผิวหน้าที่แนบชิด

     

    “...อึก”

     

    จงอินเลื่อนใบหน้าออกอย่างอ้อยอิ่งเมื่อเห็นว่าอีกคนเริ่มสั่นเทาเพราะสายฝน สองมือยังไม่ปล่อยจากใบหน้าที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ แพคฮยอนปล่อยให้น้ำตาไหลรวมไปกับน้ำฝนอีกครั้ง ความรู้สึกแย่ท่วมท้นขึ้นในใจเพราะการกระทำแบบนี้ที่คิดไปว่าไม่ใช่แค่เขาที่ได้รับ ที่สำคัญ .. อีกฝ่ายก็คงแค่ทำลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

     

     

    จงอินพูดอะไรไม่ถูกเช่นกัน เขาตกใจตัวเองไม่น้อยที่ทำลงไปโดยไม่ได้คิดมาก่อน คนฉลาดแบบเขาบางทีก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ามันคืออะไร ในเมื่อทุกครั้งที่ถูกหนีหน้าหรือไม่ได้เจอใจมันก็แทบขาดแบบนี้ ถ้ายังคิดว่าตัวเองปกติดีเขาก็คงโง่เง่าเต็มทีแล้ว

     

    และในเมื่อมันทนไม่ไหว เขาก็คงต้องบอกออกไปเสียที

     

    “ฟังนะแพคฮยอน ฉันชอบ .........”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!

     

     

     

     

    “อ๊ะ.....”

     

    เสียงแตรรถที่ใกล้เข้ามาทำให้จงอินต้องรีบกอดร่างของแพคฮยอนให้หลบออกมาอีกทาง รถสปอร์ตสีขาวตวัดผ่านหน้าพวกเขาแล้วเบรกเสียงดังเอี๊ยดไปอีกทาง ซึ่งเกือบจะหวิดเข้ากับขอบรั้วหน้าตึก ทั้งสองหันมองภาพตรงหน้าที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตร

     

     

    “เฮ้ .. เป็นไรรึเปล่าน่ะพวกนาย ยืนทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ รถเค้าจะออกแล้วใครจะเห็น!!” เจ้าของรถคันนั้นโผล่หน้าออกมานอกกระจกที่เปิดออกเพียงเล็กน้อยเพราะกลัวฝนด้านนอกจะทำให้เปียก ชานยอลขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นว่าเป็นคนที่เขารู้จัก
     

    “แพคฮยอนนี่นา .....” ชายหนุ่มเห็นเพื่อนตัวเองเปียกปอนก็คิดจะลงไปหาแต่แล้วเมื่อเห็นว่าคนข้างๆนั้นเป็นใคร เขาก็ต้องชะงักมือที่จะหยิบร่มลงไป
     

    “อูย ไอ้โหดนั่นอยู่ด้วยเหรอเนี่ย ... แกล้งไม่เห็นแล้วไปเลยดีป่าววะ แต่ถ้าวันหลังมันกลับมาบอกว่าไม่ดูแลแฟนมันดีๆนี่เราจะซวยมั้ยนะ เอาไงดีวะ ถ้าผับอาจองซูพังนี่ปาร์คชานยอลไม่ได้เกิดแน่ เสียชื่อหมดสิฉัน .. วู้ว ปวดหัวจริงๆๆ เอาไงดีๆๆๆ” เสียงทุ้มบ่นพึมพำๆกับตัวเองในรถ ซึ่งแน่นอนว่าตั้งแต่ประโยคแรกที่ตะโกนไปแล้ว ที่สองคนนั้นไม่ได้ยินอะไรเลย

     

     

     

     

     

    “มันพูดอะไรของมัน” จงอินเอ่ยขึ้นโดยที่มือยังโอบแพคฮยอนเอาไว้ คนตัวเล็กกว่ารู้ดีว่าเป็นใคร
     

    “คุณชานยอล....”
     

    “อ้อ ไอ้ปัญญาอ่อนนั่นน่ะเหรอ”
     

    “เก็บคำพูดแย่ๆของนายไปเลยนะคิมจงอิน”
     

    “ปกป้องมันอีกแล้วนะ”

     

    แพคฮยอนทนไม่ไหวจึงผลักอีกฝ่ายออกไป เขาไม่ลืมหรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้นี้ แล้วก็ไม่ลืมด้วยว่าหัวใจยังเจ็บไม่หาย จงอินอ้าปากเหมือนจะเอ่ยอะไรแต่แพคฮยอนกลับเป็นฝ่ายถามก่อน

     

    “นายทำแบบนั้นกับฉันทำไม” พอพูดถึงเรื่องจูบ คนฟังก็ต้องรู้สึกผิดที่อาจทำให้โกรธ

    “ฉัน .. คือฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ......”
     

    “งั้นเหรอ! นายไม่ได้ตั้งใจสินะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆด้วย”
     

    “ฟังก่อนสิ...”
     

    “ไอ้ทุเรศ!

     

    จงอินแค่อยากจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้โกรธ แต่แพคฮยอนก็เข้าใจไปแล้วว่าอีกฝ่ายก็แค่ทำลงไปแบบไม่ได้คิด ก็ใครจะกล้าเข้าข้างตัวเองจะสำคัญขนาดนั้น อยากตัดพ้อต่อว่าแค่ไหนถ้าคนตรงหน้าไม่ได้มีใจให้สักนิดแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร .. เจ็บเองเปล่าๆ

     

     

    “ฉันไม่ได้วิปริตคิดจะทำแบบนี้กับผู้ชายหรอกนะ” แพคฮยอนพยายามจะเปลี่ยนเรื่องให้รู้ว่าที่เขาไม่พอใจมันก็แค่เพราะเรื่องนี้ ไม่อยากให้คิดไปว่าแท้จริงแล้วรู้สึกยังไง

    “นายคิดแบบนั้นจริงๆสินะ”
     

    “ชะ ใช่สิ ... อย่าเข้าใจผิด”
     

    “แล้วร้องไห้ทำไม”
     

    “ฉันไม่ได้ร้อง”
     

    “ปากแข็ง”
     

    “พอได้แล้ว เลิกยุ่งกับฉันซักที”

     

    แพคฮยอนหมดความอดทนแล้ว เขายิ่งหนีก็ยิ่งจนมุม ..

     

     

    ร่างเล็กหันกลับแต่จงอินก็คว้าแขนเอาไว้อีกครั้ง แพคฮยอนอยากจะหนีไปให้พ้นๆเหลือเกินกับการกระทำแบบนี้ที่แค่ทำดีด้วยแต่ไม่ได้คิดอะไร หนีก็แล้ว ผลักก็แล้ว ไล่ก็แล้ว

     

     

     

    ผลั่ก!

     

     

     

    หมัดเล็กๆต่อยเข้าที่ใบหน้านั้นเต็มแรงจนหันไปอีกทาง แพคฮยอนยืนกำมือแน่นเพราะไม่คิดจะยอมแพ้ จงอินไม่มีเสียงร้องเพราะความเจ็บออกมาสักนิด เขาข่มตาลงรับความหนึบชาที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเจ็บร้าวบริเวณแก้มและปาก เขาหันกลับมาช้าๆและก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนใจร้ายที่ต่อยเขานั้นจะยืนปล่อยให้น้ำตาอาบแก้มอยู่เงียบๆ

     

    “แพคฮยอน......”
     

    “จำเอาไว้เลยนะ ...ฮึก ถึงฉันจะต่างชั้นกับนายแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่ใช่ของแปลกๆที่นายอยากจะลองเล่นแก้เซ็งเมื่อไหร่ก็ได้”
     

    “....................”
     

    “แล้วก็จำเอาไว้ด้วย”

     

     

     

     

     

     

     

    “ ... ว่าฉันเกลียดนาย!

     

     

     

     

     

    คำว่าเกลียดชัดๆย้ำลึกลงไปในใจของคนที่ยืนทื่อไม่ขยับไปไหน จงอินมองแผ่นหลังของแพคฮยอนที่วิ่งหนีเขาออกไปยังรถคันสีขาวที่จอดอยู่ อีกฝ่ายเปิดประตูขึ้นรถคันนั้นก่อนที่มันจะแล่นฉิวออกไปอย่างรวดเร็ว

    ชายหนุ่มปล่อยให้สายฝนตกกระทบลงบนร่างของเขาอยู่อย่างนั้น ผมสีดำเปียกลู่แนบไปกับใบหน้าที่ยังคงมองไปตามทางที่ว่างเปล่า เขากำลังเหนื่อย
     

    “ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครพูดแบบนี้เลย แล้วนายกล้าดียังไงมาบอกว่าเกลียดฉัน”
     

    จงอินนึกอะไรไม่ออกอีกแล้ว ประโยคที่เขากำลังจะได้พูดแต่กลับถูกขัดจังหวะอย่างไม่น่าจะเป็น แต่พอจะอธิบายอีกฝ่ายก็กลับไม่ยอมฟัง เขาหลับตาลงช้าๆท่ามกลางสายฝนในคืนนี้

     

     

     

    “ ... ว่าฉันเกลียดนาย!

     

    “ ... ว่าฉันเกลียดนาย!

     

     

     

     

     

     

     

    “แต่ ฉัน ... ชอบนาย”

     

     

     

     



     

     

     

    ทางด้านคนที่จากมาก็เอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทาง

    ชานยอลแอบมองแพคฮยอนที่นั่งตัวเปียกอยู่เป็นระยะๆ ก็ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็บอกให้ขับออกมาเลย เขาทำหน้าสงสัยแค่นิดเดียวอีกฝ่ายก็ตะคอกให้ออกรถมาแบบนี้แล้ว เขามองร่างเปียกปอนเพราะฝนแล้วก็ห่วงเหลือเกินว่าเบาะรถตัวเองจะเปียก แต่พอจะอ้าปากพูดก็ดันไม่กล้า อยากจะโทรไปถามพ่อของจงแดที่เป็นเจ้าของอู่รถเหลือเกินว่าเบาะใหม่ของเขามันกันน้ำได้กี่เปอร์เซ็นต์

     

     

    ปาร์คชานยอลแอบคิดในใจว่าคนคู่นี้มันน่ากลัวแบบนี้นี่เอง คนหนึ่งหึงโหด อีกคนโกรธได้น่ากลัวมาก

     

    “มองอะไร ...” แพคฮยอนตวัดตามาถามคนที่ยังบังคับพวงมาลัยฝ่ายสายฝนไปข้างหน้า
     

    “อ้อ ปะ เปล่า แค่คิดว่านายคงหนาวนะเปียกแบบนี้”
     

    “อ๋อ ขอบคุณครับที่เป็นห่วง แต่ผมไม่เป็นไรหรอก ขอโทษนะที่บังคับคุณออกมาส่งแบบนี้ ถึงป้ายหน้าแล้วจอดให้ผมด้วยนะ” แพคฮยอนเอ่ยด้วยเสียงที่เบาลงเล่นเอาอีกคนโล่งใจ ชานยอลยกยิ้มอย่างเก่าเมื่อคิดว่าเพื่อนของเขาคงอารมณ์เย็นลงแล้ว
     

    “ไม่เป็นไรๆๆๆ ฉันไปส่งนายที่บ้านดีกว่า”
     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ก็เกรงใจมากพอแล้ว ทำรถคุณเปียกอีกแน่ะ”
     

    “ช่างมันเหอะน่า เล็กน้อยๆ”
     

    “ขอบคุณนะคุณชานยอล”
     

    “อื้ม”

     

     

    แพคฮยอนนั่งมองทางด้านข้างแล้วเห็นเงาตัวเองสะท้อนกับกระจก หน้าของเขาแห้งจากน้ำฝนไปบ้างแต่กลับเห็นคราบน้ำตาอยู่ลางๆ ถูกผู้หญิงบอกเลิกยังไม่เคยร้องไห้เลย แล้วนี่กลับต้องมาเสียน้ำตาให้ผู้ชายคนเดียวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทำไมน่าสมเพชแบบนี้นะ

     

    “เศร้าไปไหนพยอนแพคฮยอน .. ควรที่ควรเศร้าน่าจะเป็นแฟนนายมากกว่านะ” จู่ๆชานยอลก็เอ่ยขึ้น แพคฮยอนหันหน้ากลับมาอย่างไม่อยากเชื่อหู
     

    “คุณ หมายความว่าไง”
     

    “ก็นายต่อยเค้าซะแรง แถมหนีมากอีก .. หวาๆๆๆ เป็นคู่รักที่รุนแรงชะมัด น่ากลัวพอกันเลยนะพวกนาย” ชานยอลเผลอพึมพำออกมากับตัวเอง ก่อนจะชะงักไปเมื่อหันมาพบดวงตาคู่นั้นที่จ้องกลับมา ร่างสูงชะลอความเร็วลงเพราะคิดว่าอีกคนอาจกำลังเข้าสู่โหมดน่ากลัว

    “จะบ้าเหรอคุณ นั่นไม่ใช่แฟนผม ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย!
     

    “ไอ้หยา .. อย่าตะคอกสิๆๆ ฉันกลัวแล้วๆ” ชานยอลหดคอลงกับท่าทางไม่พอใจของแพคฮยอน แต่ก็แค่นั้นเองเมื่อเขายังเผลอพูดออกมาอีก
     

    “แล้วนั่นเพื่อนนายเหรอ โอ๊ะ เพื่อนเหรอนั่น นี่ถ้าไม่บอกฉันก็คิดว่าเป็นแฟนกันนะ ออกจะตามหวงตามหึงนายขนาดนั้น .. น่ากลัวชะมัด....”
     

    “ก็บอกว่าไม่ใช่ไง”
     

    “โอเคๆๆ อย่าต่อยฉันนะ เชื่อแล้วๆ”

     

     

     

    แพคฮยอยถอนหายใจแรงๆก่อนจะหันหน้ามาอีกทาง เล่นเอาคนที่ขับรถอยู่ต้องแอบมองอย่าหวาดๆ ชานยอลคิดในใจว่าเชื่อก็โง่แล้ว เพื่อนกันที่ไหนเป็นแบบนี้ สองคนนี้ทะเลาะกันแล้วน่ากลัวเป็นบ้า

     

     

     

    “นี่ ... ขอพูดไรนิดหน่อยได้ป่ะ”
     

    “อะไรล่ะ”
     

    “จงอินเค้าดีกับนายจังน้า อย่าต่อยเค้าอีกล่ะ”

     

    แพคฮยอนมองหน้าหล่อๆกับดวงตาคู่โตที่หันหน้ามาพยักหน้าแรงๆให้กับเขา จึงได้แค่เม้มปากเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

     
     

      

     

    หลังจากคืนนั้น
     

    เย็นวันต่อมาลู่หานและมินซอกจึงต้องหอบกันมาตามหาเพื่อนรักของพวกเขาถึงที่บ้าน ทั้งสองไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้และไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ไม่ไปเรียน แต่เมื่อมาถึงบ้านก็พบว่าจงอินไม่อยู่แล้ว ที่บ้านบอกว่าออกไปข้างนอกได้สักพักแล้ว

     

    “อะไรเนี่ย .. วุ่นวายเป็นบ้า อย่าให้เดาเลย ชัวร์ๆ”

     

    มินซอกทำหน้าที่ติดต่อไปทางคยองซูเพื่อจะถามถึงแพคฮยอน อยากจะรู้นักว่ามันเกี่ยวกับเรื่องที่จงอินเป็นบ้ามาหายตัวไปรึเปล่า ขณะที่ลู่หานเองจะติดต่อไปหาคริสตัลเช่นกัน

     

     

     

     

     

     

     

    ทางด้านคนที่ปิดโทรศัพท์มือถือและตัดตัวเองออกจากโลกอยู่หนึ่งวันเต็มๆ ในตอนนี้จึงเอาแต่นั่งดื่มอยู่คนเดียวในผับหรูแห่งหนึ่ง จงอินสลัดคราบนักศึกษาชายออกไปจนหมดสิ้น ร่างสูงในชุดสีดำเข้มไปทั้งตัว เชิ้ตเปิดปกด้านบนรับกับผมที่หวีปัดขึ้นเป็นทรงดูดี

     

    จงอินไม่ได้อยากให้ที่บ้านต้องมาถามไถ่เพราะเป็นห่วง เขาจึงบอกแค่ว่าไม่มีเรียนและทำตัวปกติก่อนจะออกมาข้างนอกแบบนี้ ตั้งแต่คืนนั้นสมองของตัวเองก็ไม่คิดอะไรเลยนอกจากเงียบ และ เงียบ

     

     

    “ฉันเกลียดนาย”

     

    ประโยคเดิมๆและเหตุการณ์คืนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวไปมาเหมือนเทปที่เล่นวนไม่ยอมหยุด

     

    โต๊ะตรงหน้ามีเพียงน้ำสีอำพันที่หายไปจนเกือบหมดแล้ว ควันบุหรี่ลอยคลุ้งเมื่อเรียวนิ้วยาวคีบมันขึ้นสูบ เสียงดนตรีเบาๆคลอไปกับแสงสลัวในที่ซึ่งไม่วุ่นวายจนน่าปวดหัว

     

    เพิ่งรู้ว่าเวลารู้สึกแย่แล้วได้เหล้าเข้าปากนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง เคยเห็นแต่คนเค้าพูดกันมา ไม่ยักรู้ว่ามันจริง

     

    “นี่ถ้าทุกคนรู้เข้าว่าไปหลงรักผู้ชายไม่เอาไหนแบบนั้น มีหวัง ได้หัวเราะเยาะกันไม่จบไม่สิ้น .... ฮะฮะ” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆกับตัวเองพลางกลั้วหัวเราะอยู่ในลำคอ พยายามแล้วแท้ๆแต่นับวันยิ่งแย่ลงไปใหญ่ กับแฟนตัวเองยังไม่เคลียร์แล้วยังไม่สร้างเรื่องให้เจ็บได้อีก

     

    หึ .. โง่ไม่มีใครเกินเลยนะคิมจงอิน

     

    ชายหนุ่มยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากไปเรื่อยๆ เดี๋ยวสักหน่อยก็เมา แล้วก็จะได้ลืม พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาก็จะได้ไปเรียนตามปกติ ใกล้สอบแล้วจะได้เสร็จๆไป รอเข้าเทอมใหม่อีกแค่ปีกว่าๆก็จบ ... สมบูรณ์แบบจริงๆเลย

     

    ระหว่างที่นึกไปริมฝีปากก็คลี่ยิ้มออกมาด้วย ดวงตาคมเริ่มหรี่ปรือก่อนที่ใครสักคนจะคว้าแก้วออกไปจากมือของเขา

     

    “พอได้แล้วน่า เป็นไอ้ขี้เมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงของหญิงสาวเอ่ยขึ้นพลางนั่งลงข้างกัน
     

    “คริสตัล ...”
     

    “ใช่ ฉันเอง” คริสตัลบอกชัดๆ และตรงหน้าก็เป็นลู่หานและมินซอกที่นั่งลงบ้าง จงอินทำหน้าไม่ถูกที่ทุกคนมาเจอเขาที่นี่
     

    “ให้ตายเหอะ .. ตามหาจนทั่ว ที่แท้ก็อยู่นี่นี่เอง” ลู่หานบ่นแต่แววตากลับจริงจัง
     

    “เฮอะ .. พวกนายก็รู้ว่าฉันคอแข็งจะตาย”
     

    “แต่จะได้ตายก่อนน่ะสิ ดูสภาพ คอจะแข็งแค่ไหนซัดไปเยอะขนาดนี้ถ้าไหวก็ไม่ใช่คนแล้ว” ลู่หานแย้งแต่จงอินไม่ได้ฟังนอกจากยิ้มเยาะตัวเองขึ้นมา คริสตัลถอนหายใจแล้วจับใบหน้าอีกฝ่ายให้กันมามองหน้ากัน
     

    “หน้าไปโดนอะไรมา ช้ำเชียว ... ใครทำ พวกนายทะเลาะกันเหรอลู่หาน”
     

    “เฮ้ย เปล่านะ ใครจะบ้าแบบมันเล่า แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าทนไม่ไหวจริงๆพ่อจะอัดให้หนักกว่านี้เลย ดูสิ เหล้า บุหรี่ ครบสูตรเชียวนะพ่อคนเก่ง!
     

     

    คริสตัลรีบยกมือให้เพื่อบอกว่าพอได้แล้ว เธอจ้องตาคนน่าเป็นห่วงที่อยู่ห่างกันแค่คืบ
     

    “คริสตัล เธอ .. อึก หายโกรธฉันแล้วเหรอ”
     

    “อืม ฉันไม่โกรธหรอก แล้วนายล่ะ เป็นอะไร หืม ... บอกฉันสิ”
     

    “ฉัน.......”
     

    “นายคงไม่ได้เมาเพราะทะเลาะกับฉันหรอกใช่มั้ย”
     

    จงอินไม่ตอบ เขากำลังรู้สึกผิดในใจที่ไม่กล้าตอบคำถามนั้น มินซอกนั่งเงียบๆดูภาพตรงหน้าที่เขาเข้าใจแต่ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ทั้งสองดูน่าสงสารขึ้นมาในสายตาของเขา

     

    “พูดไปสิ ขนาดนี้แล้วจะมาทำกั๊กทำเก๊กบ้าอะไรวะ พูดมาเลยสิจงอิน!” ลู่หานขึ้นเสียงจะเอาคำตอบ บางทีความอทนของคนหวังดีมันก็หมดเป็นเหมือนกันนะ
     

    “จะให้พูดอะไร”
     

    “ก็พูดไปสิว่าทำไม นายคิดเรื่องของ.....”
     

    “หุบปากที่ไม่เอาไหนของนายไปซะลู่หาน แล้วอย่ามาเอ่ยชื่อของคนๆนั้นให้ฉันได้ยินอีก” จงอินจ้องตากลับมาด้วยความโกรธ
     

    “คนๆนั้นงั้นเหรอ .. เฮอะ ให้ตายสิ จะเอาแต่ใจมากไปแล้วนะคิมจงอิน นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกันฮะ ปากก็บอกว่าไม่แล้วไอ้ที่มานั่งเป็นไอ้บ้าอยู่นี่คืออะไร ....”
     

    “ลู่หาน!
     

    “นายนั่นแหละที่ควรหุบปากไป เอาแต่อวดดีไม่ฟังคนอื่น ถ้าฉันจะถามแล้วนายจะกล้าตอบมั้ย รอยช้ำที่หน้าน่ะฝีมือใคร”
     

    “..................”
     

    “คนอย่างนายเหรอจะลดตัวลงไปกลั้วกับพวกเด็กเกเรข้างถนน จะเอาเวลาอันมีค่าไปฟัดกับหมาก็คงไม่ใช่ แล้วถูกใครต่อยมาล่ะ ใคร .... ตอบไม่ได้หรือไม่กล้าตอบ”
     

    “ลู่หาน ...” มินซอกเริ่มดึงมืออีกฝ่ายเอาไว้ให้ใจเย็นลงบ้าง คริสตัลได้แต่นั่งเงียบแล้วกุมมือจงอินเอาไว้
     

    “เธอในเวลานี้มันน่าสงสารจริงๆคริสตัล รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร” ลู่หานจ้องคนทั้งสองที่ไม่มีใครเอ่ยอะไร จงอินขบกรามแน่นที่ทำให้คนข้างกายต้องมาถูกมองว่าน่าสงสารเพราะเขาคนเดียว
     

    “ยอมรับแล้วก็ได้ นายพูดไม่ผิดหรอกลู่หาน .. แต่ต่อไปนี้ มันจะไม่มีอีกแล้ว” จงอินเค้นเสียงเอ่ยออกมาชัดๆ
     

    “เหอะ .. แน่ใจเหรอจงอิน อย่างนายทำได้เหรอ”
     

    “หุบปากได้แล้วลู่หาน”
     

    “เลิกหลอกตัวเองได้แล้วมั้ง ....”
     

    “ฉันบอกว่าให้หยุดพูดไงเล่า!
     

    จงอินตะคอกเสียงดังและนั่นก็เหมือนเป็นการตัดเชือกความอดทนครั้งสุดท้ายของลู่หานลง ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนก่อนจะกระชากเอาคอเสื้อของคนตรงหน้าขึ้น หมัดลุ่นๆชกเข้าที่ใบหน้านั้นซ้ำตรงรอยเก่าอย่างแรงจนหันไปอีกทาง
     

     

    “จงอิน!” คริสตัลประคองร่างนั้นที่เกือบจะเซล้มเอาไว้ มินซอกลุกขึ้นรั้งแขนลู่หานเอาไว้เช่นกัน
     

    “นายจะบ้าเหรอลู่หาน ใจเย็นสิ”
     

    “ไม่เย็นแล้วมินซอก มันจะปากแข็งและอวดดีไปถึงไหน” ลู่หานสะบัดแขนมินซอกออกแล้วทำท่าจะตรงไปให้สติอีกสักหมัด คริสตัลรีบเอาตัวมาขวางจงอินไว้แทน
     

    “พอได้แล้วลู่หาน”
     

    “แต่มันไม่ถูกนะคริสตัล พวกฉันรู้แล้วว่าทำไมแพคฮยอนถึงไม่อยากเจอหน้ามัน แล้วมันเป็นแบบนี้เพราะอะไร .. ที่สำคัญ มันทำเธอเสียใจนะ” ชายหนุ่มอธิบายแต่เขาต้องอึ้งไปเมื่อเห็นว่าคนฟังกำลังส่ายหน้าช้าๆพร้อมน้ำตาหนึ่งหยดที่ไหลออกมา  
     

    “มะ ไม่หรอก ...อึก นายจะโทษจงอินคนเดียวก็ไม่ได้”
     

    “.............”
     

    “พวกนายอย่าลืมสิ ฉันต่างหาก ที่ทำให้เค้าเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
     

    “คริสตัล .....” ลู่หานพูดเสียงอ่อน

    “อื้ม .. ใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้น อย่าโทษจงอินอีกเลยนะ”

     
     

    หญิงสาวนั่งลงข้างกับคนที่ยังก้มหน้าอยู่เพราะความเจ็บ มือเล็กๆประคองใบหน้านั้นให้เงยขึ้นมา เธอมองรอยช้ำที่ซ้ำรอยเดิมนั้นด้วยแววตาเป็นห่วง คริสตัลสะอื้นเบาๆเพราะทนไม่ไหวกับสภาพของคนตรงหน้าที่เธอไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นเลย
     

    “จงอิน ..ฮึก ฉันขอโทษ นายเจ็บมากมั้ย”
     

    “ไม่เป็นไรหรอกคริสตัล”
     

    “กลับบ้านมั้ย เดี๋ยวฉันทำแผลให้นะ”
     

    “ไม่เป็นไร .. เธออย่าร้องสิ”

     

    ศีรษะของคนทั้งสองโน้มลงแนบกันอย่างห่วงใย จงอินกุมมือคริสตัลที่ยังประคองใบหน้าเขาเอาไว้ คนหนึ่งน้ำตาไหลโดยที่อีกคนไม่ได้อยากจะเห็นมันเลย จงอินเก็บน้ำตาของตัวเองเอาไว้ด้วยรู้สึกผิด

     

    ลู่หานและมินซอกยืนมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาสงสาร แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะเอ่ยอะไรได้อีก

     

     

     

     


     

     

    แต่ละวันที่ผ่านไปมันช่างยาวนานเหลือเกิน หากเอาสมองออกมาจากเรื่องเรียนเมื่อไหร่เรื่องนั้นก็ไหลกลับเข้ามาราวกับสายน้ำ แพคฮยอนนึกถึงคำพูดของชานยอลซึ่งเอ่ยเอาไว้ตอนสุดท้ายที่เจอกัน

     

    “เพื่อนเหรอนั่น นี่ถ้าไม่บอกฉันก็คิดว่าเป็นแฟนกันนะ ออกจะตามหวงตามหึงนายขนาดนั้น .. น่ากลัวชะมัด....”

    “จงอินเค้าดีกับนายจังน้า อย่าต่อยเค้าอีกล่ะ”

     

    ดวงตาคู่เรียวเหม่อมองพื้นถนนที่เขาเดินก้มหน้ามาตามทางระหว่างทางกลับบ้านหลังจากเลิกงานที่ผับ หากจะคิดไปในทุกครั้งจงอินก็ดีกับเขาจริงๆนั่นแหละ แต่ก็เพราะว่าดีน่ะสิถึงได้ไม่สามารถทนคบกันต่อไปได้อีก หัวใจมันช่างดื้อรั้นเสียจริงๆที่ดึงดันทำลายมิตรภาพนั้นลง

     

    แพคฮยอนไม่ได้โง่หรอกนะที่ไม่รู้ว่าการที่ตัวเองโดนอีกฝ่ายจูบนั้นมันหมายความว่ายังไง เพื่อนกันปกติคงไม่มีใครเขามาจูบกันแบบนี้หรอก

     

     

    รู้ .. แต่ไม่รู้ว่ามันควรจะทำอย่างไร แล้วมันจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าตัวเองควรยิ้มออกไปแล้วบอกว่าดีใจหรือไม่ แต่ที่รู้คือไม่ได้เกลียดแบบนั้น ไม่ได้เกลียด

     

     


    .. ฉันไม่ได้เกลียดนายนะ

     

     

     

    แพคฮยอนขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งทำไมน้ำตาของเขามันมักจะไหลออกมาทุกทีที่คิดถึงเรื่องนี้ แต่แล้วสองขาก็ต้องชะงักไปเมื่อเงยหน้าพบกับภาพเดิมที่ทำให้หัวใจของเขาโลดเต้นขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆดิ่งลงช้าๆ .. จงอินมายืนรอที่ทางเข้าบ้านแบบวันนั้นอีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

    “อ่า .... มึงทำอะไรของมึงอยู่รู้ตัวมั้ยแพคฮยอน” คยองซูถามขึ้นขณะที่นั่งมองเพื่อนรักกำลังนั่งเฉยอยู่ที่ขอบเตียงของเขา แพคฮยอนขึ้นมาหาถึงห้องแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยและเมื่อออกไปดูที่ระเบียงก็พบกับเหตุผลเดิมๆที่แทบไม่ต้องเดา

     

    คยองซูได้คุยกับมินซอกอยู่บ้างเรื่องของคนที่ยืนรออยู่เบื้องล่างว่าเกิดอะไรขึ้น เขาอยากรู้จริงๆว่าตอนนี้ทำไมมันยิ่งแย่ลงไปกว่าเก่า แล้วแพคฮยอนจะอาการหนักแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่

     

    “นี่ หยุดอ่านได้แล้วหนังสือน่ะ สอบย่อยอะไรนั่นก็ทำได้ดีไม่ใช่เหรอ”
     

    “.................”
     

    “ได้ยินมั้ยที่พูด” คยองซูหมดความอดทนจึงเอื้อมมือไปดึงเอาหนังสือออกมาจากมือของเพื่อน แต่คนที่นั่งอยู่กลับนิ่งไม่ตอบโต้ แพคฮยอนเปลี่ยนมาหยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาแทน คยองซูรีบฉวยมันออกจากมือนั้นแล้วโยนลงพื้นไป
     

    “คยองซู!
     

    “มึงนั่นแหละแพคฮยอน ฟังกูก่อน”
     

    “อะไรของมึงเนี่ย...”
     

    “ฟังก่อน”
     

    “เออ”
     

    “เมื่อกลางวันมินซอกโทรมาหากู เค้าถามเรื่องมึงกับจงอินว่ามีอะไรกันอีกรึเปล่า เพราะทั้งวันเค้าไม่ยอมไปเรียนเลย เพื่อนติดต่อก็ไม่ได้”
     

    “แล้วเกี่ยวอะไรกับกู...”
     

    “เกี่ยวสิ ทะเลาะอะไรกันอีก”
     

    “เปล่า...”
     

    “ถามตรงๆนะ มึงชอบเค้าใช่มั้ยแพคฮยอน” จู่ๆความจริงที่ไม่นึกว่าจะได้ยินก็หลุดออกมาจากปากของเพื่อน แพคฮยอนหลบสายตานั้นแต่มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว
     

    “จริงๆพวกกูรู้นานแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมมึงต้องหนีหน้าเค้าในเมื่อเค้าก็ออกจะดีกับมึง ทำให้มึงขนาดนี้ รู้อะไรมั้ยผู้ชายที่ไหนที่ไม่ได้สนิทกันแต่กลับตามห่วงตามยุ่งผู้ชายด้วยกันแบบนี้ ... มึง ใครเห็นใครก็คิด”
     

    “..................”
     

    “อย่าเงียบได้มั้ย มึงตอบกูมา.....”
     

    “ตอบอะไร มึงจะไห้กูตอบอะไรอีกคยองซู ให้ตอบว่ากูชอบเค้ามากแล้วพร้อมจะแย่งเค้ามาจากแฟนเค้างั้นเหรอ”

     

    คนฟังอึ้งไปกับข้อเท็จจริงที่ลืมนึกไปเสียสนิท

     

    “เค้ามีคนที่เค้ารักอยู่แล้ว แล้วกูก็เป็นผู้ชายนะ กูไม่ได้ชอบผู้ชาย....”
     

    “แต่มึงชอบเค้า”
     

    “แต่เค้า .. ไม่ได้ชอบกู”
     

    “แล้วรู้ได้ไง”
     

    “เค้าไม่เคยบอกว่าชอบกู”
     

    “แพคฮยอน.....”
     

    “ฮึก ... แต่ถ้าไม่ชอบ แล้วมาจูบกูทำไม”

     

    คยองซูพูดไม่ออกกับสิ่งที่ได้ยินและใบหน้าของเพื่อนรักซึ่งน้ำตาคลอเบ้าพร้อมจะไหลออกมา แพคฮยอนก้มหน้าลงแล้วใช้แขนเสื้อซับน้ำอุ่นๆให้หายไปเพราะไม่อยากให้ใครเห็น ท่าทางเข้มแข็งที่คยองซูเคยเห็นมาตลอดมันกลับหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ .. นี่สินะ ที่เค้าว่าความรักนอกจากจะทำให้คนเข้มแข็ง กลับทำให้คนอ่อนแอได้ด้วย

     

    คยองซูขยับไปใกล้ๆแล้วใช้มือวางลงที่บ่าของเพื่อน

     

     

     

     

     

    แสงไฟสลัวจากหลอดเก่าๆข้างทางกระทบกับหยดน้ำฝนที่เริ่มเทลงมาในกลางดึก แผ่นหลังที่พิงอยู่กับขอบรถขยับออกเพื่อจะเข้าไปนั่งหลบฝนอยู่ภายใน แต่เมื่อนึกว่าหากคนที่เขารอกำลังเดินกลับมาแล้ววิ่งหนีไปอย่างทุกครั้ง เขาจะตามทันได้ยังไง

     

    คิมจงอินนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ตอนไปส่งคริสตัลที่บ้านอีกฝ่ายก็เอาแต่ขอโทษโดยที่เขาเองก็ขอโทษเช่นกัน ทั้งที่ไม่รู้ว่าเรื่องที่ขอโทษมันคืออะไรแต่ลึกๆระหว่างกันมันเหมือนรู้รับรู้ได้โดยไม่ต้องเอ่ย ทั้งที่รู้กันแก่ใจแต่กลับไม่มีใครคิดจะโทษใครเลย

     

    และเมื่อทุกอย่างเลยเถิดมาขนาดนี้แล้ว ใจเจ้ากรรมที่รั้งเอาไว้ไม่ไหวก็ทำตามต้องการโดยไร้เหตุผลใดๆ

     

    จงอินยืนนิ่งท่ามกลางสายฝนที่ตกกระทบร่างของเขา  รอยช้ำที่มุมปากขยับเล็กน้อยเมื่อเจ้าของมันยกยิ้มเย้ยหยันตัวเอง แต่ก่อนเคยคิดว่ารู้จักกับความรักดีพอ แต่ก็เพิ่งรู้ว่าการรักใครสักคนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง กับคริสตัลที่เป็นผู้หญิงคนแรกซึ่งรับเขาได้ทุกอย่าง เข้าใจกันแม้ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เป็นยิ่งกว่าคนรู้ใจที่คิดว่าชีวิตนี้คงขาดไปไม่ได้ อยากจะดูแลปกป้องไปชั่วชีวิต รักยิ่งกว่าใครทั้งหมด

     

    แต่แล้วทำไมกับแค่ใครอีกคน แค่ผู้ชายคนเดียวที่เขาเคยมองผ่าน ไม่เอาไหนไม่ได้เรื่อง เหมือนกับเศษฝุ่นที่เกะกะลูกตามาแต่ไหนแต่ไร ..  ไม่ใช่คนที่รับเขาได้ ไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรโดยไม่ต้องเอ่ย

     

    แต่ทำไมเวลาที่ได้อยู่ด้วยมันถึงได้มีความสุขในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

     

     

    แพคฮยอนตรงข้ามกับคริสตัลทุกอย่าง

     

     

    ทั้งที่อีกฝ่ายไม่เคยแคร์เขาเลยแม้แต่นิด แต่พอไม่อยากเจอหน้า พอบอกว่าเกลียด .. ทำไมมันถึงได้เจ็บขนาดนี้

     

     

     

    ผมดำขลับเปียกแนบลงมาตามใบหน้า ดวงตาคู่นั้นข่มความหมองเศร้าเอาไว้แทบไม่ไหว

     

    “ตอนที่เค้าทิ้งฉันไป คิดว่านั่นเจ็บที่สุดแล้วนะ แล้วนายเป็นใครกัน .......”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “กูล่ะอยากจะบ้า”
     

    คยองซูยกมือกุมขมับขณะที่ยืนอยู่ข้างกับเพื่อนตรงระเบียงนอกห้องนอน สายฝนกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย เบื้องล่างที่ห่างออกไปคือถนนว่างเปล่ามีเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนพิงรถอยู่ท่ามกลางสายฝนไม่ยอมไปไหน คยองซูมองเสี้ยวหน้าของแพคฮยอนที่มองลงไป แม้จะเก็บอาการว่าไม่ได้คิดอะไรแต่สายตาเป็นห่วงแบบนั้นทำไมเขาจะดูไม่ออก
     

    “ไปหาเค้าสิ กูว่าเค้ารู้นะว่ามึงอยู่นี่ แล้วจะปล่อยให้เค้า....”
     

    “ไม่ล่ะ เดี๋ยวเค้าก็กลับไปเองนั่นแหละ” แพคฮยอนเดินกลับเข้าไปในห้องตามเดิม คยองซูมองตามอย่างเหนื่อยใจก่อนจะเดินตามเข้าไปอย่างทำอะไรไม่ได้

     

    ถึงแม้ว่าจะพูดไปแบบนั้นแต่ก็ใจเต้นแรงไม่น้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมารอถึงที่นี่ แพคฮยอนไม่อยากจะคาดเดาหรอกว่าจงอินจะมาหาเพราะเรื่องอะไร จะมาต่อว่าหรือมาขอความเป็นเพื่อนอะไรนั่นอีก หรืออยากจะขอโทษที่ทำอะไรลงไปโดยไม่คิด

     

    ยังไงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ในเมื่อนายไม่คิด แต่ฉันคิด

     

     

     

     

    เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วที่คยองซูได้แค่ภาวนาในใจให้จงอินกลับบ้านไป เขามองเพื่อนตัวเองที่ทำเฉยอยู่ในห้องก่อนจะไม่อยากสนใจแล้วเข้าห้องน้ำไป

    คยองซูใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก ร่างเล็กในชุดนอนเดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนบ่า เขาอ้าปากขึ้นเพื่อจะพูดกับเพื่อนแต่ก็ต้องค้างไปเมื่อมองไปรอบห้องแล้วพบแต่ความว่างเปล่า ใบหน้าน่ารักถอนหายใจเบาๆพร้อมกับก้าวออกไปยังระเบียงด้านนอก

     

    ร่มสีฟ้าที่จำได้ว่าเป็นของตัวเองปรากฏขึ้นเบื้องล่างท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ คยองซูมองร่างใต้ร่มคันนั้นที่วิ่งเร็วๆไปตามถนน

     

    “เฮ้อ .. กูก็คิดว่ามึงจะแน่ เบื่อจริงๆเลยพวกปากแข็งเนี่ย .....”

     

     

     

     

     

     

     

     

    แพคฮยอนกำร่มในมือไว้แน่น สองขารีบก้าวแข่งกับน้ำฝนที่เอ่อนองไปทั้งถนน โมโหตัวเองที่สุดท้ายก็ต้องเป็นแบบนี้ เขาวิ่งตรงไปยังรถคันสีดำที่ด้านข้างจะมีเจ้าของมันนั่งพิงอยู่ ปลายร่มสีฟ้ายื่นออกไปกันน้ำไม่ให้ตกใส่อีกคน จงอินเงยหน้ามองคนที่อยู่ใต้ร่มโดยไม่พูดอะไร
     

    “นายทำบ้าอะไร มาตากฝนแบบนี้ทำไม ถ้าเกิด.....”
     

    “คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว” จงอินพูดแทรกขึ้นมาเหมือนไม่ได้ฟังที่แพคฮยอนต่อว่าเลย คนที่ยืนกำร่มไว้ข่มใจไม่ให้หวั่นไหวกับสายตาแบบนั้น จงอินยืนขึ้นใต้ร่มที่แพคฮยอนถือ คนตัวเล็กกว่าเงยขึ้นมองใบหน้าที่มีรอยช้ำเขียวตรงมุมปาก
     

    “นาย เจ็บมากมั้ย วันนั้นฉัน .. เอ่อ ไม่ได้ตั้งใจ”
     

    “นิดหน่อยน่ะ แต่ก่อนมาเพิ่งถูกลู่หานต่อย”
     

    “ว่าไงนะ”
     

    “มันต่อยซ้ำที่เดียวกัน เลยช้ำกว่าเดิม” จงอินยิ้มบางๆผิดไปจากทุกทีที่เขาจะต้องเจ็บใจกว่านี้ แพคฮยอนไม่รู้หรอกว่าทั้งสองทะเลาะกันเรื่องอะไร มือบางอีกข้างยกขึ้นสัมผัสรอยช้ำนั้นโดยอัตโนมัติ จงอินรีบกุมมือนั้นเอาไว้ที่แก้มไม่ยอมปล่อย
     

    “เป็นห่วงฉัน .. ใช่ไหม”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แพคฮยอนบ่นเบาๆเมื่อนึกได้ว่าแม่ออกไปทำงาน เพราะอย่างนั้นคนที่จะทำแผลให้ก็คงไม่พ้นตัวเขาเองที่ไม่เอาไหนเลย ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกันโซฟาชั้นล่าง จงอินใช้ผ้าขนหนูของแพคฮยอนซับไปตามใบหน้าเพราะถึงยังไงตัวเขาก็เปียกเกินจะเช็ดให้แห้งอยู่ดี
     

    “นายทำเองมั้ย แค่เอายาทาก็พอ” แพคฮยอนวางกล่องยาลงตรงหน้า

    “ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยไว้แบบนี้แหละ”
     

    “ขี้เกียจขนาดนั้นเลย”
     

    “เปล่า ..” จงอินตอบสั้นๆเหมือนคนไม่มีอารมณ์จะพูดอะไร คนที่มองเกลียดเหลือเกินกับท่าทีแบบนี้ แพคฮยอนถอนหายใจก่อนจะเดินอ้อมมานั่งลงข้างกัน เขาหยิบเอายาแก้ช้ำออกมาจากกล่อง
     

    “หันมาสิ”
     

    จงอินไม่ขยับจึงทำให้แพคฮยอนต้องหันหน้าตาม มือเล็กรั้งใบหน้านั้นไว้แล้วค่อยๆทายาลงไปอย่างเบามือ จงอินมองหน้าคนที่ไม่ยิ้มให้เขาเลยตั้งแต่เจอกัน
     

    “เกลียดฉันมากเหรอแพคฮยอน” จู่ๆจงอินก็ถามขึ้น แพคฮยอนชะงักไปเล็กน้อย เขารีบดึงมือตัวเองออกแล้ววางยาลงที่โต๊ะ กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆโชยเข้าจมูกเจ้าของบ้าน
     

    “นายดื่มมาเหรอ”
     

    “อืม ... แปลกรึไง”
     

    “ก็เปล่า ถามเฉยๆ ปกติคิดว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้”
     

    “ก็ไม่ได้ชอบหรอก แต่แค่อยากลืม” จงอินพูดความจริงที่แพคฮยอนต้องนิ่งไป คนฟังไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองแม้แต่นิด ลืมเรื่องของใครอีกคนหรือเรื่องอะไร
     

     

    “ไม่ถามเหรอ”
     

    “มะ ไม่จำเป็น นายจะเป็นอะไรเกี่ยวกับฉันตรงไหน”
     

    “เกี่ยวสิ .... เพราะนายไงที่ทำให้ฉันอยากลืม” จงอินดึงแขนแพคฮยอนที่ทำท่าจะหันหน้าหนีเอาไว้
     

    “อะไรอีกเล่า”
     

    “ยังไม่ตอบเลยว่าเกลียดฉันจริงๆหรือเปล่า”
     

    “ก็บอกไปแล้วไง....”
     

    “งั้นก็บอกอีกสิ”
     

    “.............”
     

    “เกลียดแล้วยังเป็นห่วงทำไม”
     

    “เออ ก็ได้ ฉันเกลียดนาย ......”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “แต่ฉันชอบนาย!

     

     

     

    พูดไปแล้ว .. ความในใจของคนที่จนมุมและไม่สามารถเดินไปทางไหนได้เลย จงอินนั่งชันศอกเอาไว้ที่หน้าขาพลางก้มลงอย่างคนหมดท่า  แพคฮยอนหันมามองช้าๆด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
     

    “นายว่าไงนะ .....”
     

    “ฉันบอกว่าชอบนาย ไม่ได้ชอบแบบเพื่อน ชอบแบบที่ผู้ชายกับผู้หญิงเค้าชอบกัน”

     

     

    แพคฮยอนแทบลืมหายใจไปเลยด้วยซ้ำ เขาปล่อยให้ความรู้สึกแท้จริงโลดเต้นอยู่ในอกพร้อมกับหัวใจที่พองโต  แต่แล้วก็กลับดิ่งลงอย่างทุกครั้ง
     

    ทำไมกันนะเวลาที่เราตกหลุมรักใครมันมักไม่มีเหตุผล แต่เวลาที่ตัดสินใจว่าจะรักกัน เหตุผลทุกอย่างถึงได้ประดังเข้ามาขนาดนี้

     

     

    “เพี้ยนไปแล้วรึเปล่าคิมจงอิน .. นายจะบ้าเหรอ นายเป็นผู้ชายนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย แล้วนายก็มีคนที่คบอยู่แล้ว” แพคฮยอนพูดตรงๆก่อนจะหัวเราะเบาๆ คนที่ก้มหน้าอยู่เงยขึ้นมองท่าทางแบบนั้นที่มันบาดลึกในใจมากกว่าคำว่าเกลียดเป็นไหนๆ
     

    “นาย คิดแบบนั้นจริงๆเหรอ”
     

    “แน่น่ะสิ”
     

    “แล้วที่ผ่านมา ที่หลบหน้า ที่ร้องไห้ .....”
     

    “โอ๊ย .. ก็แค่เบื่อน่ะเข้าใจมั้ย”
     

    “......ไม่จริง”
     

    “จริงสิ นายอย่าคิดมากเลยน่า”
     

    “แล้วที่บอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อน”
     

    “ก็เรามันต่างกันอ่ะ จะให้เป็นเพื่อนนี่คงลำบากนะ นายเข้าใจมั้ย”

    “.................”

     

    จงอินพูดอะไรไม่ออกนอกจากกลืนทุกสิ่งทุกอย่างลงไปในลำคอ เขารู้สึกเหมือนที่ทำมาทั้งหมดนั้นมันกำลังมลายหายไปในอากาศ ไม่ได้มีความหมายอะไรตั้งแต่แรก เป็นคนที่วิ่งตามเพื่อจะไขว่คว้าโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อรู้ตัวก็พบเข้ากับความผิดหวังเต็มๆ

    “งั้นหรอกเหรอ .. ฉันคิดไปเองสินะ”
     

    “อ่ะ อืม”
     

    แพคฮยอนยิ้มไปให้เพื่อยืนยันชัดเจน มือเล็กๆกำแน่นอยู่ข้างลำตัว เขามองคนตรงหน้าที่ลุกขึ้นยืนโดยไม่พูดอะไร จงอินสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกลั้นอารมณ์เอาไว้ให้เหมือนปกติ แพคฮยอนเข้าใจดีว่าคนที่เกิดมาไม่เคยพบความผิดหวังอาจจะต้องทำใจสักพัก แต่คงไม่นานหรอก อีกฝ่ายก็แค่เผลอคิดไปเท่านั้นเอง

     

    .. นายก็แค่หลงคิดไปว่าฉันเป็นแบบที่นายไม่เคยเจอ เดี๋ยวหายเบื่อเมื่อไหร่ นายก็ลืมเอง

     

     

     

     

     

    ฝนด้านนอกยังไม่หยุดตก แผ่นหลังของคนที่ยังเปียกไปทั้งตัวหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู ใจของคนที่มองตามกำลังสั่นไหวอยู่ข้างในภายใต้ใบหน้าปกติ ถึงแม้อยากจะตัดออกไปแต่เขาก็อยากจะมีน้ำใจเป็นครั้งสุดท้าย
     

    “ไม่รอให้ฝนหยุดตกก่อนเหรอ”
     

    “ช่างเถอะ”
     

    “งั้นเอาร่มฉัน....”
     

    “ไม่ต้องหรอก ไหนๆก็เปียกแล้ว .. เปียกอีกคงไม่เป็นไร”

     




     

    จงอินเดินตากฝนออกมาจากบ้านหลังนั้น ชายหนุ่มเดินช้าๆมาตามทางที่จอดรถเอาไว้ ครั้งแรกที่ถูกเกลียดก็ว่าแย่แล้ว แต่ที่บอกว่าไม่ได้คิดอะไรด้วยเลยแม้แต่นิดมันกลับแย่กว่าเป็นร้อยเท่า

     

    มันจบแล้ว

     

    ทำให้รักโดยไม่รู้ตัว แต่พอรู้ตัวก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไรด้วยเลย

     

    “ใจร้ายจังเลยนะ ....”

     

     

     

     

     

     

     

     
     

    หลังจากที่ยืนอยู่กับตัวเองท่ามกลางความเงียบ สองขาก็เริ่มขยับวิ่งออกมาตามทาง

                    แพคฮยอนไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ จะวิ่งตามออกมาทำไม เขาหยุดยืนมองรถคันนั้นที่แล่นจากไปจนลับตา คนใจร้ายที่ก่อนหน้านี้ทำทีเหมือนไม่ได้คิดอะไรกำลังยืนเปียกปอนโดยไม่มีร่มสักคัน ทำปากดีไล่เค้าไปแล้วพอลับหลังก็มายืนเสียใจอย่างคนอ่อนแอ

    แพคฮยอนยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ยังกระหน่ำเทลงมา ร่างเล็กค่อยๆปล่อยตัวเองนั่งคุกเข่าลงกับพื้น เอาเข้าจริงก็ทนไม่เคยได้อย่างทุกที แพ้หัวใจตัวเองทุกครั้ง

     

    เขาได้ยินเสียงเพื่อนรักแว่วๆมาแต่ไกล คยองซูเดินถือร่มอีกคันออกมาจากบ้านหน้าตาตื่น เขาวิ่งมาหาเพื่อนรักที่ดูแย่เกินกว่าที่คิด
     

    “แพคฮยอน .. กูสังหรณ์ใจไม่ดีเลยจะไปหามึง แล้วนี่มึง.....”
     

    “ฮึก....”
     

    “เฮ้ย มึงโอเคมั้ย”
     

    “ไม่เลยคยองซู ..อึก เค้าไปแล้ว กูไล่เค้าไปแล้ว ....” แพคฮยอนก้มหน้าลงกับพื้นถนนปล่อยให้น้ำตาหยดรวมไปกับฝนอย่างไม่มีปิดบัง คนที่มองอยู่อยากจะร้องไห้ไปกับเพื่อนเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาก่อน

     

    คยองซูกำแน่นที่ไหล่ของเพื่อนหวังจะปลอบประโลม แต่แล้วเขาก็ต้องตั้งตัวไม่ทันเมื่อถูกเพื่อนรักโผเข้ากอด ร่มคันเล็กหล่นกลิ้งไปกับพื้น สายฝนทั้งหมดอาบลงมายังทั้งสองร่าง

     

     

     

    “แพคฮยอน ....”

     

    “ทะ ทำไงดีวะ กูรักเค้าไปแล้ว”



     

    แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย

    ทำไมต้องเธอ .. ไม่เข้าใจ

     

     

     

     

    เพราะหลงรักลงไปแล้ว เหตุผลอะไรก็ช่วยไม่ได้เลย

     

     

     

     

     


     

     

    .

    .

    Tbc. Part15

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มาลงช้าตามสัญญาคร่ะ (?)

    มันออกทะเลออกทุ่งไปแล้วสินะเรื่องนี้ ทั้งที่จริงๆแล้วกระดึ๊บๆอยู่แค่นี้เอง

     

     

    พาร์ทนี้ไม่รู้จะบ่นอะไรจริงๆ คนนึงหายอึนหายซึน อีกคนก็มามึนมาซึน โง้ยยยยยยยย เด๋วนูน่าจับตีก้นให้หมดเลย         
    (ได้ข่าวว่าเขียนเอง
    555) แล้วพระเอกคืออะไร ตามตื๊อมาตลอด มายอมแพ้ง่ายๆเพราะเค้าบอกตรงๆว่าไม่ได้คิดอะไรแต่แรก
    โอววววว คิดว่าบอกชอบไปแล้วเค้าจะหน้าแดงแล้วทำอะไรไม่ถูกล่ะสิ หึหึ  แต่จริงๆได้ผลนะ แพคฮยอนพังอะเกน  .. พระเอกเรียกคะแนนสงสารได้ในตอนท้ายจริงๆ เปลี่ยนมาแบนน้องแพคแทน ;-;

    ปล. น้องชานขรา ทำไมหนูชอบมาผิดจังหวะอยู่เรื่อย , บัทไอเลิฟชานยอล
    ~~

     

    บอกนิดๆว่าอีกสองพาร์ทก็จบแล้วค่ะ(รวมบทส่งท้ายหรือสเปของกอนนั่นเอง) อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้จะไม่ดราม่า            เลยจะไม่ดราม่าจริงๆ .. โทษค่ะ ทอล์คไม่รู้เรื่องเลย จะสลบ TvT

     

    ฟิค #ใจกระตุก เรื่องนี้จบแล้วจะเปิดจองรวมเล่มด้วยนะคะ (คิดว่าทันล่ะมั้ง) จะเปิดพร้อมฟิค #หมาป่าขาว เหมาะสำหรับเก็บค่ะ เพราะในเล่มเหมือนในเว็บหมดเลย ไม่มีกั๊กไว้ให้ต้องตามซื้อ .. ใครว่างไปงานตลาดฟิค 14ก.ย.ก็แวะสอยได้ที่บูธF5นะคะ หุหุหุ

     

    ขอบคุณทุกแรงผลักดันและทุกการติดตามค่ะ ((_ _))

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×