ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic KrisYeol : Baby Love ป่วนรักเด็กข้างบ้าน [END]

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.45K
      26
      6 ก.พ. 56

    มาแล้วค่ะเรื่องใหม่ อิอิ หวังว่าทุกคนจะชอบนะ =w= หวังว่าทุกคนจะต้อนรับฟิคเรื่องใหม่ของเราเป็นอย่างดี และอบอุ่นเหมือนเดิมนะคะ

    เรื่องนี้ไม่มีดราม่า ไม่มีเรื่องชวนปวดหัว (หรือเปล่า) แน่ๆค่ะ 5555

    ยังสติลขายของนะคะ น้องไทมืเหลือเล่มสุดท้าย ผู้ใดสนใจก็ ตามมาที่ลิงค์นี้เลยค่ะ
    http://my.dek-d.com/dek-d/story/viewlongc.php?id=862391&chapter=17

    อ่านพรากผู้เยาว์ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมีแก้พรากผู้เฒ่าแน่นอนล่ะจ้า~~ 555555 #สปอยกันตั้งแต่เรื่องเพิ่งเปิดกันเลยทีเดียว

    _____________________



    “คริสตื่นได้แล้วลูก!!!” เสียงตะโกนเรียกของมารดาจากชั้นล่าง แรงดีไม่มีตกเช่นทุกเช้า คนถูกปลุกพลิกกายไปอีกด้านพร้อมกับเอาหมอนปิดหูด้วยความง่วงงุนเพราะเมื่อคืนโหมทำรายงานสองชิ้นให้เสร็จเพื่อที่จะส่งให้ทันเดตไลน์อีกสองวันข้างหน้า

    “อย่าให้คุณแม่ขึ้นไปปลุกนะคะ!!” เท่านั้นแหละคนที่ยังนอนกลิ้งอยู่ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ผมสีทองของตัวเองให้ฟูฟ่องอย่างขัดใจ

    “ตื่นแล้วครับ!!” ต้องรีบตะโกนบอกก่อนที่พระมารดาจะขึ้นมาตาม แน่นอนว่าถ้ามาตัวเปล่าๆลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมีหรือที่จะกลัวแต่พร็อบเสริมที่เป็นกะทะ ตะหลิวนี่สิ ไม่ควรยุแหย่นะ บางทีถ้าหม้อไหกะละมังไม่ว่าง คุณนายก็เล่นขันน้ำเย็นเจี๊ยบเลยจ๊ะ เพราะฉะนั้นถึงจะง่วงมากแทบขาดใจก็ไม่สมควรตื่นสายถ้าคุณนายท่านเรียก

    หลังจากแงะซากตัวเองออกจากเตียงได้แล้วชายหนุ่มร่างสูงเหยียบ190เซนติเมตรก็ค่อยๆพาตัวเองเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายให้พร้อมก่อนมื้อเช้า ไม่นานคริสก็ออกมาในชุดลำลองสบายๆ เสื้อยืดกับกางเกงผ้านิ่มขาสั้นเท่าเข่า(ตัวเอง) ร่างสูงเดินฮัมเพลงลงมาจากชั้นบนของบ้านก่อนที่จะชะงักเท้าเข้ากับแขกตัวน้อยและหญิงสาวสวยที่นั่งอยู่บนโซฟาเคียงข้างมารดาของตน

    หญิงสาวสวยที่สวมชุดดูมีราคานั่งคุยหัวเราะกับมารดาของตนอย่างออกรสออกชาติ ด้านหน้าบนโต๊ะเล็กมีถาดขนมและคุ๊กกี้จานใหญ่วางไว้อยู่เข้าใจว่าคงเป็นของที่ทั้งสองนำมา เด็กน้อยตัวเล็ก ตากลมโต ผิวขาวๆ ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนๆยิ้มแก้มป่องส่งตรงมาให้ คนมองก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆมองเด็กตัวเล็กตรงหน้าที่ยังคงส่งยิ้มมาให้ไม่เลิก

    “อ้าวคริสลงมาพอดีเลย นี่คุณยูรากับน้องหนูยอลจ๊ะเพื่อนบ้านคนใหม่ของเรา นี่คริสลูกชายคนเดียวของฉันเอง” มารดาหันมายิ้มบอกแล้วกวักมือเรียกลูกชายให้มาลงนั่งพร้อมกับแนะนำลูกชายไปด้วย

    “สวัสดีครับคุณยูรา” เมื่อคริสลงนั่งข้างมารดาแล้วเด็กน้อยก็ลงจากโซฟาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม

    “พี่ชายฮะทำไมตัวโตจัง” นิ้วเล็กๆจิ้มที่เข่าของคริสสามจึ๊ก รอยยิ้มกว้างๆจนแก้มป่องนั้นดันลูกตาให้ยิบหยีก็ยังคงไม่จางหาย คริสส่งยิ้มละไมแล้ววางมือลงบนกลุ่มผมนิ่มของเด็กน้อยตรงหน้า

    “ก็พี่ชายดื่มนมไงครับ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องดื่มนมเยอะๆนะ” ชานยอลหุบยิ้มก่อนที่จะทำแก้มป่องเหมือนโดนขัดใจ

    “ไม่ใช่เรา น้องหนูยอลชื่อน้องหนูยอล พี่ชายต้องเรียกว่าน้องหนูยอลสิ!” เจ้าตัวเล็กแบะปาก คริสเองก็แอบขำคิกคักก่อนที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กตรงหน้าที่ทำท่าราวกับโดนขัดใจเบาๆ

    “ครับๆ น้องหนูยอลต้องดื่มนมเยอะๆนะครับจะได้ตัวสูงๆเหมือนพี่ไง” แล้วน้องหนูยอลก็ยิ้มร่าถูกใจเป็นที่สุดก่อนที่จะอ้าแขนออกมองสบตากับชายหนุ่มให้หัวใจสะดุดเล่นๆ

    “อุ้มน้องหนูยอลหน่อยสิฮะ” แล้วพี่ชายตัวโตคล้ายยักษ์(ในสายตาของน้องหนูยอล)ก็สอดแขนอุ้มเด็กน้อยขึ้นมานั่งที่ตัก น้องหนูยอลเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของพี่ชายตัวโตใกล้ๆแล้วก็เกิดอาการเขินขึ้นมาทันใดซุกหน้าลงกับอกกว้างๆที่แสนจะอบอุ่นเหมือนแด๊ดดี้ของตัวเองซ่อนอาการเขินอายนั้นเสียเลย

    “พี่ตัวโตชื่ออะไรฮะ” เสียงอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากเล็กสีแดงพร้อมกับดวงตากลมที่ช้อนขึ้นมองอย่างรอฟังคำตอบ คริสเอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วก้มลงมองเจ้าตัวเล็กที่นอนแหมะอยู่ที่อกด้วยรอยยิ้ม

    “ชื่อคริสครับ พี่คริส” บอกชื่อตัวเองเสร็จยังใจดีอุตส่าห์บอกย้ำช้าๆด้วยนะว่าชื่อตนนั้นออกเสียงอย่างไร น้องหนูยอลยกนิ้วป้อมๆขึ้นจิ้มที่ปากเล็กๆก่อนที่จะเอียงหัวไปมา ซ้ายที ขวาที แลดูน่ารักอยู่ในที ดวงตาของคริสที่ทอดมองเด็กในอ้อมอกก็ยกยิ้มบางๆ ด้วยเพราเป็นคนที่ชอบเล่นกับเด็กอยู่แล้วดังนั้นชายหนุ่มก็เลยเข้ากับเด็กตัวเล็กๆได้ไม่ยากแต่ส่วนใหญ่เด็กๆจะกลัวคริสเสียมากกว่าเพราะด้วยความที่เจ้าตัวนั้นสูงใหญ่แต่ก็ไม่ใช่กับน้องหนูยอลคนนี้เลย

    “ไม่เอา พี่ตัวโตเป็นของน้องหนูยอลเพราะฉะนั้นต้องชื่อ ... พี่หนูคริส!!” คนที่ได้ชื่อใหม่ก็ทำตาปริบๆมองเด็กตัวน้อยหัวเราะคิกคักกับชื่อใหม่ที่ตั้งให้เอง แก้มกลมใสโยกไปมาบวกกับรอยยิ้มกว้างๆจนเห็นฟันซี่น้อยๆนั่นทำเอาคนมองแทบไปไม่เป็น

    “พี่หนูคริสของน้องหนูยอลคนเดียว!!” พี่ชายตัวโตก็ได้แต่ทำตาปริบๆ ใจสั่นๆมองเด็กน้อยที่ยิ้มกว้างตาหยีตรงอก

    “ยังไงก็ฝากน้องหนูยอลไว้ที่นี่หน่อยนะคะ พอดีที่บ้านกำลังย้ายของเข้าเลยไม่กล้าพาไปอยู่ด้วยกลัวน้องแพ้ฝุ่น” คุณแม่ของน้องหนูยอลเอ่ยบอกกับแม่ของคริสและคริสเอง แม้ว่าจะเกรงใจแต่อย่างน้อยคนที่คุยกันถูกคอก็น่าจะพึ่งพาอาศัยกันได้ในเมื่อครั้งนี้สุดวิสัยจริงๆและนี่คือสาเหตุที่ต้องพาลูกชายตัวเล็กมาทำความรู้จักเพื่อนบ้าน

    “ได้ค่ะไม่มีคุณปัญหายังไงคริสก็ว่างใช่ไหมลูก” มารดาหันมาถามลูกชายที่ยังนั่งเล่นกับเด็กตัวน้อย หนูยอลหันมาหาคุณป้าแล้วทำหน้ามุ่ย

    “ไม่ใช่ฮะคุณป้าคนสวย ต้องเป็นพี่หนูคริส” นั่นไงเจ้าเด็กน้อยเอาแต่ใจ

    “จ๊ะๆ วันนี้พี่หนูคริสว่างใช่ไหมจ๊ะดูแลน้องหนูยอลหน่อยนะลูก” คุณป้าคนสวยเอื้อมมือมาลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆอย่างเอ็นดู

    “ก็ว่างครับแต่ผมต้องไปหาพวกไอ้ลู่มันต้องไปช่วยพวกมันปั่นรายงาน ... ผมขออนุญาตพาน้องหนูยอลไปได้ไหมครับคุณน้ายูรา” ชายหนุ่มหันไปขออนุญาตจากมารดาของเด็กตัวน้อยที่เริ่มจะขึ้นมาเอื้อมมือสั้นๆกอดคอเขาเสียแล้ว

    “ได้ฮะ น้องหนูยอลอยากไป!!!” เจ้าตัวดียกมือขึ้นเหนือหัวทันที คริสโยกหัวกลมๆนั้นเบาๆ

    “ต้องให้คุณแม่เราอนุญาตสิครับ” น้องหนูยอลย่นจมูกใส่

    “ยังไงคุณมี้ก็ยอมให้น้องหนูยอลไปอยู่แล้ว เพราะน้องหนูยอลจะไปกับพี่หนูคริส!!”

    และด้วยประการละฉะนี้ เด็กตัวน้อยเลยได้มานั่งตักของพี่ชายตัวโตข้างบ้านอยู่บนรถเมล์แบบนี้ น้องหนูยอลนั่งยิ้มกว้างเกาะที่จับของเบาะหน้าไว้แล้วโยกหัวซ้ายที ขวาทีอย่างอารมณ์ดี คริสเองก็ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีที่มีเจ้าตัวจ้อยอยู่ที่ตัก ช่วงเวลานี้ไม่ค่อยมีคนใช้บริการเท่าไหร่นัก ดังนั้นผู้คนไม่แออัดเจ้าตัวน้อยก็เลยได้ที่นั่งหันมองซ้ายที ขวาทีอย่างตื่นเต้น

    “ไม่เคยขึ้นรถเมล์หรือครับ” เด็กตัวน้อยหันกลับมายิ้มกว้างแล้วส่ายหัว

    “ไม่เคยฮะ ปกติคุณมี้จะพาขึ้นรถสี่ล้อตลอดเลย แต่น้องหนูยอลชอบขึ้นรถอันนี้กับพี่หนูคริสมากกว่า” ว่าแล้วก็แอ็คแท็คคนรักเด็กด้วยรอยยิ้มกว้างๆจนแก้มกลมๆนั้นป่องขึ้นดับลูกตากลมให้เรียวเล็ก

    “น้องหนูยอลครับ” คริสวางมือลงบนกลุ่มผมนิ่มหยักศกเบาๆ ซึ่งชานยอลก็หันกลับมาหาทั้งตัวและเปลี่ยนท่านั่งใหม่เป็นนั่งคร่อมตักของพี่ชายตัวโตไว้

    “ฮะพี่หนูคริส” เจ้าตัวจ้อยยังคงส่งยิ้มตาเล็กเรียวมาให้เช่นเดิม

    “ถ้าหิวหรือเจ็บตรงไหน หรือมีอะไรต้องบอกพี่นะครับ” น้องหนูยอลพยักหน้ารับแล้วยิ้มกว้างๆก่อนที่จะยกมือข้างขวาขึ้นมาทำท่าตะเบ๊ะใส่

    “ฮะ น้องยอลจะบอกทุกอย่างเลย~~”

    นั่งรถประจำทางต่อไปอีกไม่นานคริสก็อุ้มเด็กตัวน้อยขึ้นแนบอกแล้วเดินลงจากรถไป สองแขนเล็กโอบรอบลำคอของพี่ชายตัวโตข้างบ้านไว้ น้องหนูยอลวางคางเกยอยู่บนไหล่ของพี่ชายตัวใหญ่แล้วก็ส่งสายตาอาฆาตใส่หญิงสาวทุกคนที่มองคนนี้จนเหลียวหลัง ...ไม่ได้นะ พี่หนูคริสต้องเป็นของน้องหนูยอลคนเดียว!!!...

    เพราะว่าน้องหนูยอลตัวเล็ก เล็กมากเกินไปสำหรับเด็กที่กำลังจะเข้าชั้นประถม กะจากสายตาแล้วคาดว่าคงจะตัวเล็กที่สุดในห้องเรียนและในโรงเรียนแหงๆ เท่าที่ยืนเทียบกันแล้วน้องหนูยอลสูงไม่เลยเข่าของชายหนุ่มเลย เมีอเทียบสัดส่วนแล้วน้องหนูยอลก็แทบจะตัวเล็กเกินไปเลยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของคริส บานประตูไม้ตรงหน้ายังไม่ทันเปิดดีพวกเพื่อนๆทั้งหลายก็กรูกันออกมาเสียแล้ว

    “จะไปไหนกันวะ” เหล่าแก๊งค์เพื่อนๆของชายหนุ่มยืนทำตาโตอ้าปากกว้างมองเจ้าเด็กตัวน้อยในอ้อมแขนเพื่อนที่มาช้าเสียเหลือเกิน น้องหนูยอลหันกลับไปยิ้มกว้างๆ จะว่าไปแก๊งเพื่อนแก๊งนี้ก็รักเด็กเอ็นดูเด็ก(น่ารักๆ)เหมือนกันนะ

    “อ๊าย~~ เด็กที่ไหนอ่ะ” เป็นซิ่วหมินที่พุ่งตัวอวบๆออกมาจากหลังสุดแล้วเข้ามาทักทายเจ้าตัวเล็กที่ยังยิ้มกว้าง

    “ลูกแกเหรอไอ้คริส!! น่ารักจัง~” และลู่หานที่ตามเข้ามาลูบหัว ลูบแขนของเด็กน้อยบ้าง

    “น้องหนูยอลไม่ใช่ลูกนะฮะ น้องหนูยอลเป็นคนพิเศษของพี่หนูคริส” เด็กเจ้าบอกด้วยรอยยิ้มหวานๆ น้ำเสียงหวานจ๋อย แต่อีกสี่คนที่กำลังรุมลูบไล้เด็กน้อยอยู่สะบัดหน้าเงยขึ้นมองเพื่อนตัวสูงที่อุ้มเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มบางๆ

    “พี่หนูคริส!!!!!!?” ทั้งซิ่วหมิน ลู่หาน จงแดหรือแม้แต่เซฮุนที่ยืนทำหน้าเหวอตะโกนเสียงดังพร้อมกัน

    “พี่หนูคริสของน้องหนูยอล~~” ตัวเล็กหันกลับไปเอาแก้มไถซอกคอของคนที่ยืนยิ้มแห้งๆให้กับสายตาวาววับของกลุ่มเพื่อนรัก แล้วอยู่ๆเสียงเล็กๆของดังขึ้น

    “น้องหนูยอลหิวขนมแล้วก็ร้อนมากๆด้วย” เมื่อเห็นว่ายืนอยู่หน้าบ้านตากแดดอ่อนๆอยู่นานแล้ว และแน่นอนว่าผิวเด็กคงไม่กร้านคร้านเหมือนผิวผู้ใหญ่

    “เออๆเข้าบ้านไปก่อนนะ เดี๋ยวพวกฉันไปซื้อขนมกิน” แล้วคริสก็โดนเพื่อนๆผลักเข้ามาในตัวบ้าน ถ้าเป็นเวลาปกติน่ะหรือ? ชายหนุ่มคงจะโดนเตะไล่ให้ออกไปซื้อของกินนั่นแหละ

    “ร้อนมากไหมหื้ม? เอาน้ำลูบหน้าหน่อยไหมเรา” น้องหนูยอลยิ้มแล้วพยักหน้ารับ คริสพาอุ้มเด็กน้อยเข้าห้องน้ำของชั้นล่างไปแล้วเปิดก๊อกน้ำเอามือรองน้ำแล้วลูบใบหน้าขาวที่เริ่มแดงเรื่อให้ก่อนที่จะเดินออกจากห้องน้ำเดินไปรินน้ำเย็นๆจากตู้เย็นใส่แก้วแล้วถือแก้วป้อนเด็กตัวเล็กในอ้อมแขน

    “ดูการ์ตูนไหมเดี๋ยวพี่เปิดให้” คริสอุ้มน้องหนูยอลให้มานั่งที่โซฟาหน้าจอพลาสม่าใหญ่ในบ้านของลู่หานแล้วจับเด็กตัวน้อยหมุนตัวออกไปยังจอทีวีก่อนที่จะหยิบรีโมทที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมากดเปิดช่องแล้วไล่หาช่องการ์ตูนให้เด็กตัวเล็กดู

    “เพื่อนพี่หนูคริสทำไมตัวโตกันจังอ่ะฮะ” เด็กตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายตัวโตที่นั่งพิงหลักกับพนักโซฟา

    “น้องหนูยอลอยากโตไวๆไหมครับ?” น้องหนูยอลพยักหน้ารับ

    “เรานี่ตัวเล็กสุดในห้องเลยใช่เปล่าเนี่ย” น้องหนูยอลย่นจมูกใส่ และนั่นคือคำตอบรับว่า ‘ใช่’

    “ถ้าอยากโตไวๆก็ต้องกินเยอะๆ ดื่มนมเยอะๆ ถ้าโตขึ้นมาหน่อยก็ต้องเล่นกีฬาเดี๋ยวก็ตัวโตแล้ว” คริสก้มหน้าลงใช้หน้าผากชนเข้ากับหน้าปากเล็กของเด็กน้อยที่ยังคงยิ้มกว้าง เมื่อคริสผละใบหน้าออกไปน้องหนูยอลก็เอียงคอซ้ายขวาอย่างใช้ความคิดก่อนที่จะโพล่งถามออกมาทำเอาคนฟังแทบสำลักลมหายใจตัวเอง

    “แล้วถ้าน้องหนูยอลตัวโตๆเท่าพี่หนูคริส พี่หนูคริสจะยังอุ้มน้องยอลไหมฮะ” เด็กตัวน้อยหันมาแทบจะทั้งตัวเลยก็ว่าได้ นัยน์ตากลมสีอ่อนของเด็กน้อยก็ประกายแวววาวอย่างรอคำตอบเช่นกัน ใจหนึ่งก็อยากตอบคำตอบที่แว่บแรกโผล่ขึ้นมาในหัวสมอง แต่ก็อีกก็อยากที่จะลองแกล้งแววตาวาวๆที่รอคำตอบนี้เหมือนกัน ถ้าร้องไห้จะเป็นยังไงนะ?

    “อุ้มสิครับ” แล้วคำตอบก็เป็นที่น่าพอใจ น้องหนูยอลยืดตัวขึ้นแล้วจุ๊บเบาๆไว้ที่ริมฝีปากของพี่ชายตัวโตก่อนที่จะแก้มแดงแจ๋แล้วหันกลับมานั่งมองการ์ตูนวันพีชที่โดนละเลยอยู่นานแล้ว คริสเองก็ชะงักหยุดหายใจไปแว่บหนึ่งก็ระบายยิ้มออกมา

    สองมือใหญ่โอบล้อมตัวเล็กๆของเดกน้อยช่างจ้อไว้ให้แผ่นหลังเล็กๆแนบอก หมดฤทธิ์แบตหมดไปแล้วเจ้าตัวน้อยและดูท่าว่าเพื่อนๆในกลุ่มก็ชอบเจ้าเด็กน้อยนี่เหมือนกัน แต่ก็อย่างว่าล่ะใครที่อยู่ใกล้รอยยิ้มกว้างๆ แก้มกลมๆ เสียงหวานเจื้อยแจ้วแล้วไม่ลงรักช่วยเอาเท้าพวกคุณมายันหน้าพวกผมทีนะครับ พอกินขนมไป คุยจ้อกันไปก็สิ้นฤทธิ์นอนพิงอกคนพามาสิ้นสภาพ เพื่อนคนอื่นๆก็เลยได้ฤกษ์หันกลับไปนั่งสุมหัวทำรายงานกันต่อ

    คริสเลยได้อภิสิทธิ์พิเศษไม่ต้องมาช่วยทำรายงายดั่งที่พวกเพื่อนๆโทรไปเรียกจิกตัวมา เพราะจะได้ให้ตัวเล็กที่เป็นขวัญใจของบรรดาพวกพี่ๆไปเสียแล้วนั้นได้นอนหลับพิงให้สบายๆ ลู่หานจอมงกถึงกับยอมเร่งแอร์ให้เย็นขึ้นอีกนิดเพื่อที่เจ้าตัวเล็กจะได้นอนสบายๆ เด็กตัวน้อยค่อยๆพลิกตัวหันข้างมาพิงอกพร้อมกับไถหัวลงกับแผ่นอกกว้างของที่นอนมีชีวิต เรียวปากอิ่มสีแดงสดแย้มยิ้มอย่างฝันดีก่อนที่จะส่งเสียงกรนเบาๆ

    “มึงไปเก็บได้จากวะไอ้คริส” จงแดบุ้ยหน้าไปยังเด็กตัวน้อยที่กำลังหลับตาพริ้มซุกอกของคนพามา คริสขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้าเพื่อนด้วยสายตาดุ

    “เก็บอะไรล่ะไม่ใช่ขยะนะมึง นี่เด็กข้างบ้านคนใหม่น่ะเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อเช้า” แล้วพวกมันทั้งหลายก็วางมือจากการทำรายงาน ดีนะที่คริสตัดสินใจทำเองอยู่บ้านคนเดียว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เสร็จเช่นกัน

    “แต่กูล่ะฮาชื่อมึงว่ะ พี่หนูคริส โอ๊ยยยย ชื่อแต๋วแตกมากอ่ะมึง ฮ่าๆๆ” แล้วไอ้เพื่อนตัวดีก็หัวเราะเสียงร่า อาจจะดังไปนิดจนเด็กน้อยสะดุ้งเฮือกแต่ก็ยังไม่จื่น ลู่หานเลยจัดการสำเร็จโทษโดยการตบหัวเซฮุนทิ่มเสียเลย

    “เบาๆสิไอ้นี่นิเดี๋ยวน้องก็ตื่นหรอก!” เมื่อเห็นท่าขู่เซฮุนก็เลยได้แต่หัวหด

    “แต่น้องก็น่ารักนะ แก้มยุ้ยๆ ผิวขาวๆ ตาโตๆ ปากแดงๆ นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นเด็กผู้ชายนี่ฉันจะคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงแล้วนะเนี่ย” ซิ่วหมินนั่งเท้าคางแล้วมองมาที่เด็กน้อยแก้มใสที่นอนหลับด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ถ้าบอกว่ากลุ่มนี้รักเด็กก็ไม่ผิดแต่คนที่รักเด็กสุดๆน่ะต้องซิ่วหมินเลย เห็นเด็กเป็นไม่ได้อยากจะตรงเข้าไปฟัดตลอด

    “งั้นเรียนจนเราก็ปั๊มลูกแบบนี้เลยนะหมิน~” จงแดกระแซไหล่เข้าหาแต่คนโดนกระแซน่ะผลักจงแดเสียกระเด็นกลิ้งหลุนๆไปเลย

    “รายงานพวกมึงจะเสร็จไหมน่ะ อีกสองวันก็จะต้องส่งแล้วนะ” เมื่อได้ยินวันเดตไลน์ทั้งสี่คนก็จัดการก้มหน้าก้มตาเปิดหนังสือ ซุกหน้าพิมพ์โน้ตบุคต่อทันที

    คริสก้มลงมองเด็กที่นอนแปะอยู่ที่อกแล้วก็ยิ้มละไม ปลายนิ้วไล้ข้างแก้มก่อนที่จะทัดปอยผมให้ทัดใบหูเล็ก แล้วสัมผัสแปลกๆก็เรียกให้เปลือกตาบางลืมขึ้นเพียงชั่วครู่เมื่อมองเห็นว่าผู้ใดที่กระทำการคล้ายดั่งปลุกเด็กน้อย เปลือกตากขาวนวลก็ปิดลงบดบังนัยน์ตาสีอ่อนเอาไว้อีกครั้ง เมื่อหนูยอลหลับสนิทคริสก็ค่อยๆช้อนตัวเล็กๆให้ออกจากอกแล้วนอนลงบนโซฟานิ่มแทน หมอนอิงใบเล็กสีชมพูอ่อนถูกนำมารองหัวก่อนที่เจ้าตัวจะเดินขึ้นห้องของลู่หานไปหาผ้าห่มมาคลุมห่มให้เจ้าตัวเล็ก

    นอนต่อได้อีกไม่นานหนูยอลก็ลืมตาตื่นขึ้นแล้วลุกขึ้นนั่งกวาดมองไปรอบๆ พี่ๆทั้งสี่ยังคงนั่งสุมหัวกันเช่นเดิม บ้างก็หยิบขนมกินไม่มีใครได้สนใจเด็กตัวน้อยที่ลุกขึ้นมานั่งแล้วเลย แล้วพี่ชายตัวโตข้างบ้านก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาพลันหยดน้ำใสๆก็ค่อยๆรื้นขึ้นรอบดวงตากลม จมูกแดงเรื่อก่อนที่จะหันหน้าไปมาเผื่อว่าอาจจะเห็นพี่ตัวโตของตัวเองก็เป็นได้ แต่ก็ไม่เห็นเลย ...

    “อึก......... แง๊~~ พี่หนูคริสอยู่ไหน~~~ ทิ้งน้องหนูยอลทำไม~~~” เสียงร้องไห้จ้าของเด็กเพิ่งตื่นเรียกให้พี่ชายอีกสี่คนรีบกระวีกระวาดเข้ามาปลอบ

    “ฮือ.... พี่หนูคริส~~” เจ้าตัวแผดเสียงร้องเสียดังพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มแดง สองมือยกขึ้นปัดป่ายที่ดวงตา สองขาเองก็ดีดดิ้นไปมา ไม่เอาใครสักคน

    “พี่อยู่นี่ครับๆ” เจ้าตัวก้าวยาวๆออกมาจากหลังบ้านที่เป็นส่วนของห้องครัว พอมาถึงเด็กตัวน้อยก็ชูแขนขึ้นให้อุ้ม สองแขนยาวสอดรับแล้วอุ้มเด็กตัวเล็กขึ้นแนบอกแล้วลูบหลัง ลูบหัวปลอบประโลม

    “พี่หนู..คริส.. ไป ..อึก... ไหนมา.. ทิ้งน้อง...” ดวงตาฉ่ำน้ำที่เงยหน้ามอง ปลายจมูกและแก้มแดงเรื่อดูน่ารัก

    “พี่ไปทำมื้อเที่ยงอยู่ครับ อยู่ในห้องครัว” สองมือกำเสื้อของคนอุ้มเสียแน่นพร้อมกับซุกหน้าลงกับอกกว้างแล้วไถหน้ากับอกนั้นอย่างอ้อนๆ

    “ห้ามทิ้งน้องหนูยอลอีกนะ”

    “ครับๆ งั้นไปทำมื้อเที่ยงด้วยกันนะ” เมื่อได้ยินคำขอเอาแต่ใจ พี่ชายตัวโตก็ยิ้มอบอุ่นแล้วเดินหมุนตัวไปห้องครัว

    คริสอุ้มเด็กตัวน้อยไว้ด้านซ้ายแล้วเอียงให้ด้านนั้นห่างไกลจากไอร้อนและควันจากการทำงาน ส่วนอีกมือก็คนซุปในหม้อ เด็กน้อยก็อารมณ์ดียิ้มร่าเอามือกำเสื้อของคนอุ้มไว้เสียแน่น ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองใบหน้าของคนอุ้มแล้วก็ซุกหน้าลงกับแผ่นอกของคนอุ้ม ไถๆหน้าเข้ากับอกอุ่นๆแล้วก็ยิ้มกว้าง คริสก้มลงมองเด็กที่ซุกหน้าลงกับอกของตัวเองแล้วก็ยิ้มขำ

    เด็กตัวเล็กๆกับผิวนิ่มๆที่มาคลอเคลียก็พาลเอาใจสั่นอยู่ไม่น้อย ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าอาการแบบนี้มาได้อย่างไร แต่พอก้มลงเห็นเด็กตัวนิ่มที่มักจะแก้มแดงเรื่อกับยิ้มกว้างๆมาให้ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก ก็เด็กมันน่ารัก จะไม่ให้รักได้ยังไงล่ะเนอะ

    “เอ้ากินข้าวๆ” แล้วไม่นานอีแร้งผู้หิวโซทั้งหลายก็มารุมหม้อแกงกิมจิกับไข่ม้วนของพ่อครัวแสนประเสริฐ ส่วนพ่อครัวกับผู้ช่วยตัวน้อยก็ยกมากินที่โซฟาหน้าทีวี

    “พี่หนูคริสป้อนๆ” หนูยอลอ้าปากรอรับไข่ม้วนแสนหอมกรุ่นซึ่งพี่ชายตัวโตก็คีบตัดแบ่งเป็นคำเล็กๆ แก้มกลมป่องออกยามที่เจ้าตัวเคี้ยวไข่ม้วนตุ้ยๆจนแก้มโย้ไปข้างหนึ่ง

    “น่ารักนะเนี่ยเราน่ะ” คริสหยิกแก้มของเด็กตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างกันเบาๆ แล้วเจ้าตัวก็แก้มแดงจนสังเกตเห็นเลย พี่ชายตัวโตก็เลยได้แต่หัวเราะอย่างเอ็นดู ท่าว่าคนเป็นพี่จะติดใจแชะชอบใจกับน้องชายตัวน้อยนี่เสียแล้วสินะ

    หลังจากกินข้าวเสร็จไม่นานคริสก็ต้องพาเจ้าตัวน้อยกลับก่อนเพราะว่าถ้าจะกลับเย็นก็กลัวจะโดนคุณแม่ของเด็กจอมน่ารักนี่ตำหนิเอาเสียก่อน เพื่อนๆในกลุ่มก็ทำท่าเสียดายและจะขอตามมาเล่นกับเจ้าตัวเล็กต่อที่บ้านแต่ด้วยว่ารายงานของพวกมันยังไม่เสร็จเพราะฉะนั้นก็เลยอดไป มาเจอกันวันแรกเจ้าตัวน้อยก็กลายเป็นผู้นำของกลุ่มไปเสียแล้ว ทุกคนดูจะรักเจ้าตัวช่างจ้อคนนี้เสียจริง มาเพียงไม่นานก็แผลงฤทธิ์ใส่จนเซฮุนที่ไม่ค่อยจะออกนอกหน้าว่ารักเด็กมากทั้งๆที่มันก็รักเด็กไม่น้อยไปกว่าซิ่วหมินเลย ยังแทบจะถลามาไถหัว ไถหูเข้ากับเด็กน้อยนี้

    พี่เปา พี่กวาง พี่แด พี่ฮุน มาไม่ทันไรก็ตั้งชื่อใหม่ให้เขาเสียแล้วด้วยเพราะลู่หานถามว่าไม่แล้วพวกพี่ๆล่ะจะเป็นพี่หนูอะไร ตัวน้อยก็ส่ายหัวจนผมหยักศกลอนนั้นกระจายแล้วบอกว่าพี่หนูคริสมีคนเดียวเพราะเป็นคนพิเศษของน้องหนูยอลคนเดียว แค่นั้นล่ะทั้งสี่ก็โห่ห่าอย่างแกล้งไม่พอใจที่พวกตนทั้งสี่ไม่ได้มีชื่อเรียกแบบพิเศษๆ เจ้าตัวน้อยขวัญใจประชาชนก็เลยต้องตั้งชื่อเรียกให้เหล่าพี่ๆที่ทำท่าจะลงไปนอนดิ้นกับพื้นเสียแล้ว

    “เอาน้องมานั่งกับหนูก็ได้นะคะพี่” หญิงสาวที่นั่งอยู่บนที่นั่งของรถประจำทางเงยหน้าขึ้นบอกแกมเขินอายกับชายหนุ่มที่อุ้มเด็กน้อยอยู่บนอก ช่วงเวลาบ่ายๆคล้อยจะเย็นผู้โดยสารรถประจำทางก็เลยเยอะแม้จะไม่เบียดเสียดแต่ก็ไม่มีที่นั่งว่างให้ผู้ที่ขึ้นหลังๆได้นั่ง

    “ไม่ใช่น้องนะ!! น้องหนูยอลเป็นคนพิเศษ!!!” หันไปบอกหญิงสาวคนนั้นด้วยใบหน้าที่งอง้ำก่อนที่จะสะบัดหน้ากลับมาย่างไม่พอใจ ไม่รู้อะไรเสียบ้างเลยว่าน้องหนูยอลจองพี่หนูคริสไว้แล้ว!!

    “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” คริสเอ่ยกล่าวกับเด็กสาวตรงหน้าก่อนที่จะก้มลงมองเด็กน้อยที่ใบหน้างอง้ำ ปากเชิดรั้นดูเอาแต่ใจสุดๆ ปลายจมูกรั้นนั้นถูกเรียวนิ้วของคนอุ้มบีบเบาๆ “เรานี่ก็นะ” เมื่อเห็นว่าเด็กในอ้อมอกยังไม่ยอมส่งยิ้มให้ก็ก้มลงฝากสัมผัสอุ่นๆไว้ที่กระหม่อนเล็กๆนั่นสักที เจ้าตัวถึงยอมที่จะแย้มยิ้ม

    “รักพี่หนูคริสที่สุดเลย~~” แล้วเจ้าตัวก็ซุกหน้าไถเข้ากับอกกว้างๆอย่างชอบใจ ไม่ได้หรอกถ้าโกรธแล้วไม่ง้อก็กลัวว่าจะเจ้าตัวดีจะไปฟ้องคุณมี้และคุณแด๊ดน่ะสิ กลัวโดนลอบยิงน่ะ

    “ครับแม่” คริสล้วงหยิบมือถือจากในกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับเมื่อเห็นว่าปลายสายคือมารดาที่อยู่บ้าน

    “กำลังกลับครับ... ได้ครับ ....... เอาแค่นี้นะ ครับๆ” พอกดวางสายเจ้าตัวป่วนที่มองมาตาแป๋วก็ส่อแววตาวาววับว่าอยากรู้อยากเห็นมาก

    “คุณป้า แม่พี่โทรมาบอกให้ซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตก่อนเข้าบ้านน่ะครับ” แล้วเจ้าตัวน้อยก็พยักหน้ารับก่อนจะเอาหน้าซุกกับอกเหมือนเดิม

    รถเข็นในซุปเปอร์มาร์เก็ตถูกพี่ชายตัวสูงเข็นไปหยิบจับของต่างๆตามที่ได้รับการฝากฝัง ส่วนเด็กน้อยก็นั่งอยู่ในที่นั่งเด็กของรถเข็น ใบหน้าขาวยิ้มกว้างมองจ้องใบหน้าของคนเข็นไม่วางตาไม่ว่าจะขยับไปหยิบจับสิ่งไหน จะขมวดคิ้วกับการอ่านฉลากก็ตาม ดวงตากลมของหนูยอลก็ไม่ละสายตาไปจากพี่หนูคริสของตนเลยจริงๆ รถเข็นเลื่อนไปเรื่อยๆเลี้ยวมุมไปยังโซนขนมคบเคี้ยวซึ่งแน่นอนว่าเป็นล็อคสินค้าที่เด็กตาใสนี่ชอบมาแน่นอน

    เจ้าตัวเองก็สั่งให้หยิบโน้นนี่ จะเอาขนมรสนั้น สีนี้เยอะแยะไปหมดจนเต็มรถเข็น ซึ่งคนตามใจก็ตามใจอย่างถึงที่สุดหยิบให้ทุกอย่างจนเด็กตัวน้อยยิ้มกว้างๆแล้วฮึมฮัมเพลงร้องของเด็กอนุบาลอย่างอารมณ์ดี ปลายหางตาของคริสหันไปเห็นมุมเครื่องประดับของเด็กก็รีบเข็นรถตรงรี่เข้าไปหยิบกิ๊บโบว์สำเร็จรูปสีชมพูซ้อนขาวประดับด้วยลูกไม้สีขาวและเพชรเม็ดงามสีชมพูเข้ม

    “ชอบไหม?” หนูยอลมองแล้วยิ้มกว้าง พยักหน้ารับเสียรัวเร็วจนเส้นผมนิ่มพลิ้วไสว

    “อันนี้พี่หนูคริสซื้อให้นะครับ” แล้วเจ้าตัวยุ่งก็ชูมือขึ้นทั้งสองข้างก่อนที่จะร้องเย้ดังลั่น

    “พี่หนูคริสฮะ ก้มหน้าลงมาหาน้องหนูยอลหน่อย” เมื่อใบหน้าหล่อคมก้มลงมาใกล้ สองแขนเล็กก็ยกขึ้นโอบรอบคอของคนตัวโตแล้วก็ยืดตัวขึ้นจุ๊บที่ริมฝีปากหยักได้รูปเสียหนึ่งที

    “จุ๊บ!!”

    กว่าที่จะกลับมาถึงบ้านได้ก็แทบเสียศูนย์ เมื่อนึกถึงสัมผัสนิ่มๆที่ฝากประทับลงมา กว่าที่จะเข็นรถไปจ่ายเงิน อุ้มเจ้าตัวยุ่งมาขึ้นแท็กซี่กลับบ้านได้ก็แทบจะเดินเป๋ ก็ไม่เข้าใจว่าจะใจเต้นรัวทำไมกับเด็กตัวเล็กๆที่มาจุ๊บเข้าให้ หรืออาจจะเป็นเพราะตกใจ? ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น

    คริสหันไปมองเด็กตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างตัวบนรถแท็กซี่ที่นั่งมองกิ๊บโบว์สำเร็จรูปในมือด้วยรอยยิ้มกว้างๆ ...อย่านะมึง พรากผู้เยาว์เลยนะมึง ผู้เยาว์ไม่เท่าไหร่เด็กอายุยังไม่ถึง10ขวบเลยนะโว๊ยยยยยยย...

    “น้องหนูยอลกลับมาแล้วคร๊าบบบบบบบ...” เด็กตัวน้อยวิ่งโร่เข้าไปในบ้านของคนที่หิ้วของพะรุงพะรังตามหลังมา ในมือถือกิ๊บอันเล็กสองอันวิ่งเข้าไปหามารดาของคริสที่เดินออกมารับจากหลังบ้าน

    “คุณป้าดูนี่สิฮะ พี่หนูคริสซื้อให้น้องหนูยอล น่ารักมากๆเลย” เจ้าตัวน้อยชูกิ๊บให้หญิงวัยกลางคนที่ลงนั่งคุกเข่าดูของในมือของเด็กตัวน้อยที่เอามาอวด

    “น่ารักมากเลยจ๊ะเหมาะกับน้องหนูยอลที่สุดเลย ให้ป้าหวีผมติดกิ๊บให้ไหมจ๊ะ” น้องยอลเงยหน้าขึ้นคิดนิดนึงก่อนที่จะยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า

    “ฮะ” น้องยอลยื่นกิ๊บส่งให้มารดาของร่างสูงใหญ่ที่เดินเอาของทั้งหมดไปเก็บที่ห้องครัวพร้อมกับแยกถุงขนมของเด็กข้างบ้านออกมาใส่ถุงแยกไว้เพื่อที่จะให้เจ้าตัวเอากลับบ้าน

    เส้นผมนิ่มลอนสีน้ำตาลอ่อนถูกสางอย่างเบามือก่อนที่จะแบ่งเป็นสองช่อแล้วเกล้าขึ้นแกละ มัดด้วยหนังยางสีชมพูเส้นเล็กก่อนที่จะนำกิ๊บโบว์นั้นมาติดให้ น้องยอลที่นั่งถือกระจกบานใหญ่ส่องหน้าอยู่ก็ยิ้มกว้างถูกใจเหมือนสองแกละของตัวเองติดกิ๊บที่พี่หนูคริสซื้อให้ เจ้าตัวเอียงหน้าซ้าย ขวาก่อนที่จะยิ้มกว้างจนตาหยี

    “น่ารักที่สุดเลยจ๊ะ” น้องยอลหันไปยิ้มรับกับคำชมคุณป้าก่อนที่จะนั่งห้อยขากับโซฟาดีๆเพื่อรอให้คนซื้อกิ๊บให้ออกมาเห็นว่าตอนนี้น้องยอลน่ารักมากแค่ไหน เจ้าตัวก็อารมณ์ดีฮัมเพลงเด็กอนุบาลอย่างน่ารัก ไม่นานลูกชายเจ้าของบ้านตัวสูงก็เดินออกมาพร้อมกับถุงขนมในมือ

    “อ๊ะ....” ถึงกับทำถุงขนมหลุดมือเมื่อเดินออกมาแล้วพบกับเด็กตัวน้อยที่นั่งยิ้มกว้าง สองแกละปลิวไสวเข้ากับกิ๊บโบว์อันเล็กนั้นเสียเหลือเกิน และสิ่งใดก็ไม่รู้ดลให้สิ่งในอกเต้นรัวเร็วและรู้สึกว่าหัวหูมันร้อนแบบแปลกๆ

    “อะไรของแกน่ะเจ้าคริส มาดูน้องหน่อยแม่จะกลับไปทำมื้อเย็นต่อ” มารดาส่ายหน้าไปมากับลูกชายที่อยู่ๆก็เดินมาทำของตก หยิบขึ้นมาก็ยังทำหน้าตาค้างยืนอยู่ที่เดิม ไหล่หนาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของมารดาเอ่ยเรียกนั่นล่ะ

    “น้องหนูยอลน่ารักใช่ไหมฮะ” เมื่อคริสเดินลงมานั่งเคียงข้างแล้วเจ้าตัวก็ยกมือขึ้นแนบแก้มของตัวเองแล้วเอียงคอซ้ายขวาไปมา แขนยาวอุ้มเด็กน้อยให้ขึ้นมานั่งซ้อนตักก่อนที่จะก้มลงหอมแก้มนิ่มๆ

    “น่ารักมากครับ” นั่งดูเด็กน้อยกินขนมอยู่ได้ไม่นานคนหลงเด็กก็ล้วงหยิบไอโฟนขึ้นมาแล้วจัดการถ่ายรูปเจ้าตัวน้อยนี่เสียเลย เจ้าตัวดีก็ยิ้มสู้กล้องไม่ว่าจะสแนปช็อตเดี่ยวหรือคู่ เจ้าตัวก็ยิ้มกว้างน่ารักๆใส่กล้อง กว่าที่คริสจะเลิกถ่ายรูปเจ้าตัวก็หลังจากที่ถ่ายไปได้หลายสิบรูปนั่นแหละ แล้วทั้งคู่ก็มานั่งดูรูปที่ถ่ายไปแล้วด้วยกัน รอยยิ้มกว้างๆและเสียงหัวเราะใสๆของเด็กน้อยดังลั่นคับบ้านหลังเล็กให้ยิ่งอบอุ่นและสนุกครื้นเครง...

    หลังจากมื้อเย็นจบไปแล้วคุณมี้และคุณแด๊ดของน้องหนูยอลก็มารับกลับ ยิ่งเห็นใบหน้าของคุณแด๊ดที่มารับก็เกิดอาการกลัวจะโดนเป่าดับจริงๆนั่นล่ะ ใบหน้าที่ดูดุดันนั่นทำเอาไม่กล้าที่จะขัดใจเจ้าตัวเล็กของบ้านข้างเคียงเลย ถ้าโดนฟ้องว่าวันนี้ทำเจ้าตัวร้องไห้นะสงสัยจะโดนเป่าดับแหงๆ แต่ตอนนี้เจ้าตัวน้อยกำลังร้องไห้เสียงลั่นบ้านเกาะขาของคนกลัวลูกปืนไม่ยอมปล่อย เหตุด้วยที่ว่าวันนี้จะนอนกับพี่ชายข้างบ้านคนใหม่

    เด็กตัวน้อยที่ตัวเลยไม่เกินเข่าร้องไห้โยเยกอดขาของชายหนุ่มเสียทั้งแขนและขา ไม่ยอมไปและไม่ยอมปล่อยจนคริสต้องค่อยๆแกะแล้วอุ้มเจ้าตัวขึ้นมานั่นแหละลูกลิงถึงยอมปล่อยขา ใบหน้าชื้นน้ำตาซบลงตรงซอกคอของพี่ชายคนใหม่แล้วกำเสื้อแน่นไม่ยอมไป เหตุที่ต้องมารับก็เพราะจะพากลับไปอาบน้ำนอนแต่ลูกชายตัวน้อยกลับบอกว่าคืนนี้จะนอนที่บ้านนี้ จะนอนกับพี่หนูคริสแต่ด้วยความเกรงใจที่ถึงแม้ว่าคนในบ้านหลังนี้จะอนุญาตก็เถอะ แต่ผู้มาใหม่ก็ยังคงเกรงใจอยู่ดีเพราะวันนี้ทั้งวันก็รบกวนทั้งวันแล้ว

    “น้องหนูยอลไม่กลับ น้องหนูยอลจะนอนกับพี่หนูคริส ฮืออ.....” เสียงอู้อี้ดังมาจากเจ้าตัวน้อยที่ซุกหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น

    “ไม่ได้นะคะลูก เรารบกวนบ้านพี่หนูคริสของหนูมากไปแล้วนะคะ” สองมือของมารดาน้องยอลก็พยายามจะแกะตัวลูกลิงให้ออกแต่เจ้าตัวก็ยิ่งขยับเข้าซุกและขย้ำเสื้อใหญ่ไม่ยอมปล่อย

    “ฮือออออออออออ” ทั้งคุณมี้แล้วก็คุณแด๊ดก็ได้แต่ทอดถอนหายใจกับความดื้อรั้นของลูกชายตัวเอง แต่แล้วเสียงสะอื้นที่ดังเครือก็ค่อยๆลดเบาเสียงลงแล้วหายไปในที่สุด อาจจะเพราะวันนี้ตะล่อนไปเที่ยวทั้งวัน ไหนจะร้องไห้ ไหนจะวิ่งไล่จับ ไหนจะเจอแดดร้อนๆ แอร์เย็นๆอีกก็ทำให้ลูกลิงตัวน้อยสิ้นฤทธิ์ไปเลย พอสิ้นฤทธิ์แล้วคุณมี้ก็เข้ามาแกะลูกลิงแล้วส่งต่อให้คุณแด๊ดที่มารอรับอุ้ม

    “ขอบคุณนะคะแล้วก็ขอโทษด้วยที่มารบกวนค่ะ” คุณยูราก้มหัวลงขอบคุณทั้งมารดาและตัวคริส

    “ไม่รบกวนหรอกค่ะ น้องหนูยอลน่ารักดีเสียอีกบ้านนี้จะได้สดใสเพราะเสียงหัวเราะของแก” ทั้งสามบุพการียืนคุยกันต่ออีกนิดหน่อยสองสามีภรรยาก็พาลูกน้อยกลับไปนอนที่บ้าน นัยน์ตาคมที่ทอดมองตามเด็กน้อยแกมแดงเรื่อที่ยังมีคราบน้ำตาเกาะอยู่ที่หางตาก็ก้าวเท้าเข้ามาปาดเช็ดให้ก่อนที่จะส่งรอยยิ้มเอ็นดูให้เด็กน้อยที่หลับไปแล้ว

    “ขอบคุณนะจ๊ะคริส” เสียงของคนที่อุ้มลูกลิงตัวน้อยเอ่ยบอกเสียงหวานกับตนก่อนที่คริสจะเดินออกไปส่งคนทั้งสองพร้อมกับปิดประตูเหล็กหน้าบ้าน ความวุ่นวายของวันแรกที่เจอกันนั้นจบสิ้นลงแล้วเมื่อบานประตูเหล็กของบ้านข้างๆก็ปิดลงเช่นกัน แต่ก็ไม่รู้ทำไมเสียงหัวใจที่เต้นระรัวยังคงก้องอยู่ในสำนึก ร่างสูงยาวยกมือขึ้นเท้าเอวก่อนที่จะหัวเราะออกมา

    “ท่าจะบ้าแหะเรา” หรืออาจจะเพราะดีใจที่ผู้ชายตัวสูงใหญ่อย่างตนจะมีเด็กมาเล่นด้วย แถมยังเป็นเด็กอารมณ์ดีที่หัวเราะยิ้มร่าได้ทั้งวันเสียอีก ก็เลยดีใจก็เท่านั้นเอง ... หรือเปล่านะ?

    คริสก้าวเท้าเข้าบ้านและตรงดิ่งขึ้นห้องนอนก่อนที่จะเสียบต่อไอโฟนของตัวเองกับเครื่องคอมเพื่อลงรูปที่ถ่ายวันนี้กับเจ้าตัวน้อยลงคอมและอัพเดตขึ้นเฟสบุคอวดเพื่อนอีกสี่ตัวที่ยังคงทำงานสุมหัวกันอยู่ พออัพให้พวกนั้นอิจฉาเล่นแล้วก็เดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียงนอนนุ่มๆโดยใช้สองมือรองซ้อนทับหมอนรองหนุนหัว สายตามองตรงไปยังเพดานสีขาวสะอาดก็วาดรอยยิ้มอย่างสุขใจ วันนี้จะถือว่ามีความสุขโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยก็ท่าจะได้นะ … ไม่ได้ทำอะไรแต่ก็ใจเต้นไม่เป็นระล่ำ ไม่ได้ทำอะไรก็หลงรักรอยยิ้มแสนไร้เดียงสานั่นเสียแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นอีก และหวังว่าวันต่อๆไปก็จะได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นอีกเช่นกัน

    “ฝันดีนะเจ้าตัวเล็ก”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×