ตอนที่ 19 : The series 3 : Slaughter-Love-Debt love ฆ่า-รัก-หนี้รัก (fin) [B59F]
ความเดิมตอนที่แล้ว....
The series 3 : Slaughter-Love-Debt love ฆ่า-รัก-หนี้รัก (1) [B59F]
The series 3 : Slaughter-Love-Debt love ฆ่า-รัก-หนี้รัก (2) [B59F]
The series 3 : Slaughter-Love-Debt love ฆ่า-รัก-หนี้รัก (3) [B59F]
เวลา 07.00 น.
“ห้าววว...”
เสียงหาวของชายผมสีเขียวที่ยืนพิงผนังห้องระหว่างรอโกคุเดระแต่งตัวก็ทำให้เบลที่นั่งควักมีดมาเช็ดถูเป็นกิจวัตรเหลือบหันมามองค้อนแล้วบ่นจิกอย่างรำคาญ
“แกหาวอะไรนักหนาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เจ้ากบหัวเน่า!”
ทันทีที่ชายบ้าเลือดซาดิสม์ตวาดถามออกไป ก็ทำให้ฟรานสะดุ้งตัวเล็กน้อยแล้วตอบคำถามกลับไปอย่างเรียบง่ายเดิมๆ เพื่อไม่ให้เกิดพิรุธอะไร
“ก็.......เปล่าครับ”
“เมื่อคืนแกไม่ได้นอน หรือว่าทำอะไรเจ้าหญิงของชั้นใช่มั้ย!! เจ้าฟราน!”
“รุ่นพี่เบลอย่าแต่งเรื่องเท็จให้เป็นเรื่องจริงสิคร๊าบ ผมก็นอนของผมเฉยๆ จะให้ไปทำอะไรเจ้าหญิงในสภาพแบบนี้ล่ะครับ”
“ชิ อย่าให้รู้นะ ไม่งั้นแกได้ตายอย่างกบอย่างเขียดข้างถนนแน่!”
บทสนทนาจึงจบลงไปอย่างดื้อๆ และกลับเข้าสู่โหมดความเงียบงันอีกครั้งของคู่ขาที่ไม่ลงรอยต่อกัน เวลาผ่านไปไม่นานนัก ร่างบางก็สาวเท้าเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยสภาพที่ต่างออกไปกว่าทุกๆ ครั้ง เหมือนไม่ใช่โกคุเดระที่คุ้นตาหรือรู้จักดี ชุดสูทสีดำสนิท เนคไทน์ผูกอย่างเรียบร้อย ผมเพ้ามัดรวบไว้ที่ทายทอย รองเท้าขัดมันเงาแวววาว ทุกๆ อย่างต้องเนี๊ยบและถูกต้องตามมารยาท เพราะวันนี้คือวันที่ต้องเอาของไปให้บอสวาเรีย การแต่งตัวที่สุภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ
แต่ตรงกันข้ามกับชายทั้งสองคนที่มองโกคุเดระอย่างไม่ละสายตาเหมือนโดนมนต์สะกด เพราะมันช่างดูแปลกออกไปกว่าทุกๆ ทีที่เจอกัน เรียกว่าหล่อหน้าสวยกว่าเดิม แต่หารู้ไม่ว่าการที่ทั้งสองคนมองจ้องแบบนั้นมันกลับทำให้ร่างบางประหม่าเล็กน้อยจนต้องตะเบงเสียงออกมาแก้ความเขินอายที่ถูกทั้งสองคนจ้องมองอย่างไม่กระพริบสายตา
“พะ พวกแกจะมองชั้นอีกนานแค่ไหนห๊ะ! ไปได้แล้ว!”
“ชิชิชิชิ ก็เจ้าหญิงของเจ้าชายสวยบาดใจเลยนินา”
“สวยอะไรของแก ไม่ต้องมาพูดจากวนประสาทชั้นเลยเบล รีบๆ เดินไปซะทีเถอะน่า”
“เจ้าชายพูดจริงๆ นะ เสร็จจากส่งของให้บอสแล้ว เราไปแต่งงานกันเถอะ ชิชิชิชิ”
“จะบ้าเรอะ!!”
“ชิชิชิชิชิ”
ว่าแล้วโครงหน้าของเบลก็ยื่นลงไปประทับแก้มอมชมพูของโกคุเดระอย่างเบาๆ พร้อมกับขบใบหูเล็กเพื่อข่มขู่ด้วยการกระทำว่าเขาต้องการจริงๆ แน่นอนล่ะว่าร่างบางหน้าแดงแจ๋ไม่หยุด มือบางขาวสวยจึงรีบผลักร่างของชายที่ฉวยโอกาสอย่างรวดเร็วพร้อมกับชักหน้าตนเองหนีและเร่งฝีเท้าเดินตามฟรานที่นำหน้าอยู่ไม่ไกลกันนักจนเดินขึ้นมาเสมอกัน และเมื่อร่างบางเดินทัดขึ้นมาข้างๆ ชายผมสีเขียวนั้น เขาก็เริ่มเปิดปากชวนคุยแม้ว่าโกคุเดระกำลังชักสีหน้าโมโหอย่างอายๆ ก็ตาม
“แล้วเมื่อคืนหลับสบายมั้ยครับ คุณเจ้าหญิง”
“ก็....ดี ถึงจะนอนพื้นแต่ก็สบาย ชั้นนอนไหนได้หมดนั่นแหละ”
เมื่อร่างบางพูดจบ เขาก็สาวเท้าเดินตีตัวห่างจากชายสวมหมวกรูปกบใบใหญ่ออกมาเล็กน้อยเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบกลับที่แสดงถึงความกังวลใจ เพราะกลัวจะโดนแกล้งเหมือนทุกๆ ครั้ง และเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจฟรานที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับด้วยความรู้สึกที่มึนงงกับเหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดขึ้น
“งั้นหรอครับ”
‘แต่เมื่อคืนคุณกับผมกำลัง...’
ความคิดอันฟุ้งซ่านของฟรานหยุดลงเสียก่อน เพราะเสียงของเบลตะโกนแทรกขึ้นมาขัดใจที่กำลังเคลิ้มฝันหวานเรื่องของเมื่อคืนจนสีหน้าของเจ้าตัวยิ้มอย่างเขินๆ ซึ่งมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
“เจ้ากบหัวโต! แกคุยอะไรกับเจ้าหญิงมากมายห๊ะ! แล้วทำหน้ายิ้มเล็กยิ้มน้อยอะไรอยู่ได้! น่าหมั่นไส้!!”
เบลรีบวิ่งขึ้นไล่ตามพร้อมกับเขวี้ยงใบมีดเหล็กสลักลายสวยหรูออกไปไม่ยั้งมือด้วยความหึงหวงที่โกคุเดระคุยกับฟรานอย่างสนิทสนม? แถมคู่ขาของตนทำหน้าตามีความสุขเกินตัว
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!!!
มีดหลายเล่มปักคาที่หมวกรูปกบใบโตมากมาย จนทำให้เจ้าของหมวกหันไปตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบๆ ที่ซ่อนลักยิ้มเล็กน้อยเพราะเขายังคงอารมณ์ค้างกับฝันหวานๆ ที่เกือบจะเป็นจริง
“วันนี้รุ่นพี่เบลอยากจะทำอะไรก็ทำนะครับ ผมไม่ถือ”
เมื่อชายซาดิสม์ได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้สมองเขาปรี้ดแตก เพราะมันเกิดพิรุธที่เกินความคาดหมาย เมื่อเบลเดินขึ้นไปถึงตัวฟราน ก็กระชากเสื้อของคู่ขาของตนแล้วเหวี่ยงออกไปอย่างแรงด้วยความเคือง จากนั้นเบลก็รีบเดินดิ่งไปหาโกคุเดระอย่างไม่รอช้าพร้อมกับทำเนียนเดินไปคุยเหมือนปกติ ปล่อยให้ฟรานนอนล้มไม่เป็นท่ากับพื้น
“ไดนาไมท์จัง เดินไม่รอกันเลยนะ แล้วของที่จะให้บอสอยู่ไหนซะล่ะ”
ร่างบางจึงชะงักฝีเท้าลงชั่วขณะพร้อมกับยื่นกล่องใบพอดีมือให้กับชายที่เดินข้างๆ อย่างระวังตัวเอง
“เอาไป”
เมื่อธุระเล็กน้อยจบลง ร่างบางจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตัวเองปลอดภัยจากหายนะที่จ้องจะทำร้ายตนเอง(จับกดนั่นแหละ) เมื่อเบลรับของจากโกคุเดระเสร็จก็รีบเดินตามไปอย่างติดๆ ขนาบข้างอย่างปาทองโก๋พร้อมกับจ้องมองร่างบางจนยิ้มกว้างและส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ชิชิชิชิชิ”
เสียงหัวเราของชายซาดิสม์เป็นตัวบั่นทอนขีดกำจัดความอดทนของโกคุเดระ ซึ่งก็ค่อนข้างมีน้อยเป็นเดิมทุนอยู่แล้ว ไม่แปลกเลยที่จะมีเสียงหวานตวาดออกมาเป็นระยะๆ ในขณะที่เดิน
“ขำอยู่ได้ มีอะไรน่าขำห๊ะ!?”
ชายบ้าเลือดยังคงขำต่อไปเรื่อยๆ จนสะดุดกับบางสิ่งที่เห็นบนต้นคอของร่างบาง เบลจึงรีบคว้าข้อมือบางขึ้นมาและกระชากเข้าหาตัว ทำให้โกคุเดระสะดุ้งตัวยกใหญ่และหยุดฝีเท้าลงไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ไดนาไมท์จัง ชั้นคิดว่า ที่นี่ไม่มียุงหรือแมลงหน้าปลวกตัวไหนอาศัยอยู่ที่นี่ได้ ทำไมถึงมีรอยแดงแถวซอกคอด้วยล่ะ เจ้าชายจำได้ว่าทำตรงนี้เบาๆ รอยน่าจะจางแล้วนิ”
เมื่อร่างสูงพูดจบก็ทำเอาร่างบางหน้าแดงซ้ำอีกรอบของวัน แล้วเอามือของตนลูบคลำที่ต้นคอตัวเองพร้อมกับสะบัดตัวเดินชิ่งนำหน้าไปทันทีและรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เบลสาวความมากไปกว่านี้
“แล้วชั้นจะไปรู้มั้ยล่ะห๊ะ! แกอย่ามามัวแต่พล่ามเรื่องปัญญาอ่อน เมื่อไหร่จะถึงห้องไอ้บอสเวรนั่นซะที ชั้นอยากกลับไปหารุ่นที่ 10 จะแย่แล้วนะ”
“ก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง ชิชิชิชิ”
โกคุเดระหยุดชะงักมองบานประตูที่อยู่เบื้องหน้าของตนที่เบลชี้ไป ร่างบางจึงถีบประตูอย่างแรงด้วยความหงุดหงิดแล้วพาลใส่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่คิดอะไรและไม่คำนึงด้วยว่านี่คือห้องของใคร เพราะโกคุเดระนั้นลืมตัวไปว่ามาที่นี่ทำไม
ปังงงง!!
บานประตูหรูถูกเปิดขึ้นด้วยฝ่าเท้าอย่างจังและกระแทกกับผนังห้องอย่างแรง จนเจ้าของห้องที่นั่งรอหน้าสลอนถึงกับจ้องมองอย่างจิกๆ แล้วเอ่ยปากสนทนาอย่างเสียงดังด้วยความรำคาญ
“แกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงได้ทำแบบนี้ เจ้าสัตว์สวะ!”
“ชั้นพอใจ แกอย่าพูดหนวกหูหน่อยเลย ชั้นรำคาญมามากพอแล้วกับลูกน้องของแกแล้ว แซนซัส!”
ไม่เพียงแค่พูดจาวางมาดใหญ่โตเท่านั้น ไดนาไมท์จากมือของโกคุเดระเตรียมการพร้อมที่จะวางคาบอมพ์แฟมิลี่นี้ได้ภายในไม่กี่วินาที บอสวาเรียถึงกับแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ ในขณะเดียวกันเบลก็นำกล่องของสำคัญมาวางไว้ที่โต๊ะทำงานของบอสตนเองพร้อมกับเปิดบทสนทนาเพื่อให้แซนซัสให้มาสนใจกับพัสดุที่ถูกส่งมาแทนที่จะมองร่างบาง
“บอส ของได้แล้ว ชิชิชิชิชิ”
“เออ”
คำตอบสั้นๆ ที่ไม่คิดแม้จะมองพัสดุที่ถูกส่งมา มันทำให้ชายซาดิสม์ฉุนเคืองในใจเพราะบอสของตนเอาแต่มองโกคุเดระตลอดจนต้องหาเรื่องขัดเพื่อไม่ให้แซนซัสยุ่งกับร่างบางมากนัก
“บอสไม่คิดจะเช็คของข้างในหน่อยหรอ”
เบลดันพัสดุไปไว้ตรงหน้าของชายร่างหนาที่นั่งอยู่ ทำให้แซนซัสต้องเบนสายตามาที่กล่องเจ้าปัญหาตรงหน้าแทนอย่างช่วยไม่ได้
“...แกมันเรื่องมากจริงๆ”
ว่าแล้วบอสวาเรียก็ลงมือแกะกล่องออก แล้วหยิบสิ่งของที่อยู่ในนั้นขึ้นมาเพื่อเช็คความเรียบร้อย
“ก็ปกติดี”
แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งของที่แซนซัสถืออยู่นั้น มันทำให้ร่างบางแหกปากออกมาอย่างยั้งตัวไม่อยู่จนถึงกับชี้หน้าบอสวาเรียอย่างไม่เข้าใจปนความเคืองถึงที่สุด
“เห้ยย!! กะอีแค่ปืน ต้องส่งมาซ่อมถึงญี่ปุ่นเลยหรอฟร่ะ! อิตาลีไม่มีที่ซ่อมเลยรึยังไงกันเล่า ทำไมแกต้องทำให้ชั้นลำบากแบบนี้ด้วยยย!!”
“หุบปาก!! แกจะเป็นสวะเบอร์ 2 รึยังไง ชอบโวยวายอยู่ได้ห๊ะ!”
“สวะเบอร์ 2 แล้วเบอร์ 1 ล่ะครับ บอส?”
ฟรานที่เดินเข้ามาสมทบก็เอ่ยปากถามขึ้นขัดจังหวะบทสนทนาที่กำลังร้อนเดือดพล่าน แต่คำตอบนั้น แซนซัสกลับไม่ต้องตอบแล้วเพราะคำตอบนั้นวิ่งตรงดิ่งเข้ามาหาเอง
“ไอ้บอสเวรตะไล! หยุดพูดจาไม่เข้าหูแต่เช้าได้แล้วเฟ้ย!! อย่าเหมารวมชั้นเป็นสวะสิฟ่ะ! ให้ตายเถอะ ทำไมชั้นจะต้องเป็นเบ้ให้แกด้วย!”
ชายผมยาวสีเงินสลวยวิ่งพุ่งเข้ามาจากนอกห้อง พร้อมกับใช้ขาเรียวบางของตนเหยียบโต๊ะทำงานบอสของตนเองตรงหน้าแซนซัสอย่างไม่ใยดี ทำให้เจ้าของโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นไปปะทะกับสคอวโล่แล้วพูดอย่างเสียงดังด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“หนวกหู ไอ้ฉลามเศษสวะ!!”
“แกนั่นแหละที่ทำให้ชั้นหนวกหู ไอ้บอสงี่เง่า!”
ในระหว่างที่สคอวโล่เข้ามาขัดขั้นกลางศึกที่โกคุเดระกำลังจะบึ้มห้องของแซนซัสนั้น ทำให้ร่างบางต้องเก็บระเบิดของตนและเดินออกจากห้องไปเหมือนไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นในห้อง ส่วนเบลที่ยืนข้างๆ บอสของตนก็ชิ่งออกมาตามๆ กัน และฟรานที่ยืนอยู่หน้าห้องก็หลบทางให้ร่างบางเดินออกมาจากห้องอย่างปกติ
และเมื่อประตูถูกปิดลง....
เปรี้ยงงงงง!!
เสียงปืนดังลั่นไปทั้งแฟมิลี่เพราะแซนซัสรำคาญกับชายที่เอาเท้ามาเหยียบโต๊ะทำงานจนต้องลั่นไกออกไปเพื่อให้สคอวโล่เอาเท้าออกไปจากโต๊ะ แต่หารู้ไม่ว่ามันทำให้ชายเรือนผมสีเงินยาวสลวยร้องโวยวายออกมาอย่างหนักกว่าเก่าพร้อมกับจิกกระชากเสื้อของแซนซัสอย่างไม่พอใจ จนทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาแรงที่ถูกดึงรั้ง
“ไอ้บอสเวร! ก็บอกกี่หนแล้วว่าอย่ายิงซี้ซั้ว ข้างบนมันห้องนอนชั้นเฟ้ยยย!! แกหัดเบิกตาเน่าๆ ดูบ้างซะเซ่ะ!”
สคอวโล่ชี้ขึ้นไปบนเพดานห้องทำงานของบอสวาเรียเพื่อให้แซนซัสมองตาม แต่เขากลับกรอกตาอย่างรำคาญจนพูดต่ำลงด้วยเสียงที่หมดความอดทนกับคนที่อยู่ตรงหน้า
“ชักรำคาญแกแล้วนะ”
“อ อะไร! อุ๊....”
ริมฝีปากของแซนซัสประกบทาบลงบนกลีบปากเล็กของสคอวโล่ทันที ทำให้เรื่องราวเงียบงันไปอย่างไม่น่าเชื่อ เหลือเพียงแต่เสียงครางโอดครวญกับสิ่งที่เหนือกว่า
ในอีกด้านหนึ่งของนอกประตู
“กรี้ดดดดด!! เสียงปืนลั่นใช่มั้ยฮร๊าาา เกิดอะไรขึ้นหรอฮร๊าาา? เดี๊ยนกำลังกรีดตาอยู่พอดีเลยฮร่ะ”
กระเทยล่ำกรีดร้องลั่นไปทั่วคฤหาสน์วาเรียแล้ววิ่งขึ้นมาและสะดุดหยุดลงที่หน้าห้องของบอสตนเองเพราะเจอกับชายสามคนที่กำลังยืนมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อ แน่นอนล่ะว่ากระเทยล่ำต้องตกใจกว่าเสียงปืนเพราะเจอชายจากวองโกเล่มาปรากฏอยู่ตรงหน้า
“อุ๊ยต๊ายตายย! โกคุจังมาเยี่ยมหรอจ๊ะ ทำไมเจ๊ไม่เจอล่ะ แล้วมาที่นี่ทำไมหรอฮร๊าา”
ทั้งสามคนหันไปหาต้นเสียงที่ดัดเป็นหญิงมากของมากที่สุด แล้วเจ้าตัวที่ถูกเอ่ยปากเรียกถามหาก็เดินไปคุยด้วยปล่อยให้เบลและฟรานมองจิกใส่กันเอง
“ชั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เอาปืนเส็งเคร็งของบอสบ้านั่นมาส่งเฉยๆ ให้ตายสิ! กะอีแค่ปืน ในอิตาลีไม่มีร้านซ่อมเลยรึยังไงกันฟร่ะ!!”
ได้ทีร่างบางก็ระเบิดอารมณ์ใส่เพราะหาที่ระบายไม่ได้ ถ้าคิดจะไปพูดพร่ำอะไรกับสองคนนั้น คิดว่าคงจะเกิดเรื่องแบบเดียวกันกับในห้องทำงานของแซนซัสแน่นอน ลุสซูเรียจึงขำกับท่าทางและคำพูดของโกคุเดระเล็กน้อยและชวนเปลี่ยนเรื่องคุย
“อย่าทำหน้าซังกะตายสิจ๊ะ อ เอ๊ะ? โกคุจัง เจ๊อยากรู้มากเลยนะ เจ้ารอยแดงตรงซอกคอนวลๆ นี่เด่นจังเลยนะฮร๊าาา หยั่งกับว่าเพิ่งโดนใครทำคิสมาร์คให้เลยนะฮร๊าาาา”
กลับกัน เรื่องที่กระเทยล่ำเปลี่ยนนั้นกับทำให้ตัวร่างบางตกใจแล้วเอามือรีบจับต้นคอของตนเองอย่างเคอะเขินพร้อมโวยวายแก้ตัวออกไปอย่างลนลาน ส่วนชายอีกสองคนดันหูผึ่งเกิดสนใจขึ้นมา จึงเดินมาสมทบใกล้ๆ ด้วยความอยากรู้เรื่อง
“จะบ้าเรอะ!! ชั้นแค่นอนคืนเดียว ใครจะมาทำอะไรชั้นได้ล่ะ ชั้นความรู้สึกไวนะเฟ้ย!!”
หารู้ไม่ว่าในขณะที่โกคุเดระกำลังแก้ตัวอย่างไม่รู้เรื่องราวของต้นตอคิสมาร์ค ตัวปัญหาที่ก่อเหตุไว้เมื่อคืนกลับฉีกยิ้มขึ้นมา เพราะว่ารู้อยู่แก่ใจดีว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
‘โกหกชัดๆ นะครับ คุณเจ้าหญิง’
แต่เพราะว่าฟรานนั้นประมาทเสียท่าจากรอยยิ้มเล่สนัย เบลที่ยืนข้างๆ ดันจับความผิดปกติของคู่ขาได้ทันที ชายบ้าเลือดจึงรีบเค้นความจริงออกมาอย่างเสียงดัง
“เจ้ากบหัวโต! เอาอีกแล้วนะ ทำไมแกต้องหน้าแดงแถมยิ้มแบบนั้นด้วย ชั้นรู้นะว่าแกแอบยิ้ม! หรือว่ารอยแดงบนซอกคอเจ้าหญิงไดนาไมท์ แกเป็นคนทำจริงๆ น่ะห๊ะ!”
เบลรีบตะคอกเสียงดังออกมาเหมือนกำลังจะฉายเรื่องจริงออกมาตรงหน้าอย่างรู้ทันการณ์ ทำให้ชายผมสีเขียวที่ปั้นหน้ายิ้มเล็กยิ้มน้อยก็ฉีกยิ้มหลาออกมาอย่างจงใจแล้วพูดวกไปวนมาเพื่อจุดชนวนให้เบลโมโหและมันก็สำเร็จ...
“ผมบอกแล้วไงครับว่าอย่าคิดเรื่องเท็จเป็นเรื่องจริงสิ รุ่นพี่เบลอยากจะคิดอะไรก็เชิญ”
“ไม่ต้องมาแถ! แกจริงๆ ด้วยสินะ!!”
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!!!
มีดสลักลายถูกเขวี้ยงออกไปจำนวนมากจนแทบนับไม่ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนทางด้านของฟรานนั้นก็หลบหลีกได้ทันเพราะตนเองก็รู้จักฝีมือของคู่จาตนพอสมควร ซึ่งการปะทะกันอย่างไม่ทันตั้งตัวของทั้งสองคนนั้น กระเทยล่ำถึกที่กำลังชวนโกคุเดระคุยเรื่อยเปื่อยกลับกรีดร้องออกมาอีกครั้ง แล้วชี้ให้ร่างบางดูเหตุการณ์ที่กำลังสนุก?
“ตายแล้วววว มีศึกชิงโกคุจังด้วยล่ะฮร๊าาา ไม่เคยพบไม่เคยเจอเลยนะฮร๊า เจอแต่ศึกชิงแหวนนะเนี่ยยย สงสัยเป็นซีรีย์ใหม่สินะฮร๊าาา”
ลุสซูเรียยืนมองพร้อมกับอินจัดเหมือนกำลังดูละครน้ำเน่าหลังข่าว ส่วนโกคุเดระกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหน่ายๆ และเดินปลีกตัวออกจากวงสัตว์กัดกัน? ทันที เพราะมันเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้กลับไปหาบอสของตน
“จะศึกอะไรก็ช่าง แกเก็บกวาดไอ้เจ้าพวกนี้เองแล้วกันนะ นั่นไง...เริ่มกัดกันแล้วล่ะ ถ้างั้นฝากเก็บซากเจ้าพวกนี้ด้วยล่ะ ชั้นจะไปสนามบินแล้ว”
กระเทยล่ำถึกที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งตามร่างบางที่เดินออกไปจากวงตีกันพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้โกคุเดระที่เดินดุ่มๆ ไปอย่างว่องไว
“ให้เดี๊ยนไปส่งมั้ยฮร๊าา ปลอดภัยชัวร์ร้อยล้านเปอร์เซ็นต์เลยฮร่ะ ขับซิ่งแป๊ปเดียวถึงสนามบินแน่นอนเลยนะฮร๊ะ โกคุจัง”
“เออ แค่สนามบินก็พอ ปล่อยให้สัตว์หน้าโง่สองตัวกัดกันให้ตายไปข้าง แล้วแกค่อยกลับมาเก็บซากเน่าๆ ก็แล้วกัน”
“อร๊ายยย!! ดีฮร่ะดี เจ๊ช๊อบชอบ รัก 3 เศร้าแล้วก็ไม่ได้แอ้มน่ะ แล้วแวะมาบ่อยๆ หน่อยสิจ๊ะ นะจ๊ะ โกคุจัง จะได้เดินภาคสองต่อไงฮร๊าาา”
“มันจะไม่มีอีกครั้งซ้ำสองแล้วเฟร้ยยย!! ชั้นจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกแล้ว!!”
และแล้วเรื่องราวแสนสุดนรกของโกคุเดระก็จบลงอย่างง่ายดาย โชคดีที่กระเทยถึกล่ำอย่างลุสซูเรียไปส่งที่สนามบินแทนฟรานและเบลที่กำลังฆ่ากันอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะรอยจูบคิสมาร์คที่ต้นคอของโกคุเดระ ส่วนด้านของบอสเวรงี่เง่าอย่างแซนซัสก็เข้าด้ายเข้าเข็มกับสคอวโล่ในห้องของตนเองไปเรียบร้อย...
และผ่านไปได้ไม่นานนัก...
บ้านสึนะโยชิ
เจ้าของบ้านเดินลงมาจากห้องพร้อมกับยิ้มแหยๆ และจับมือโกคุเดระอย่างแน่นพร้อมกับมองหน้าหวานสวยที่กำลังตกใจกับการกระทำของบอสตนเอง แล้วบอสวองโกเล่ก็ก้มตัวลงพร้อมกับพูดจาขอร้องเพื่อให้โกคุเดระทำงานให้อีกครั้งอย่างโดนยัดเยียดจากรีบอร์น
“โกคุเดระคุง ชั้นขอโทษนะ แต่ชั้นคงจะต้องขอให้นายบินไปอิตาลีเพื่อเอาของไปส่งให้พวกวาเรียอีกแล้วล่ะ คนอื่นไม่มีใครว่างเลยจริงๆ ของร้องล่ะนะ รีบอร์นสั่งชั้นมาน่ะ โกคุเดระคุง”
ทันทีที่ร่างบางได้ยินก็ถึงกับหน้าขาวซีดจนแทบไร้สีสัน ในสมองของเขากำลังประมวลภาพวันวานที่ได้ไปเหยียบวาเรียอย่างจำใจ มันกำลังฉายซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ ไม่หยุด และขาบางทั้งสองข้างก็ทรุดลงตรงหน้าสึนะทันทีอย่างหมดแรง
‘ร รุ่นที่ 10 คร๊าบบบ ผมเองก็อยากจะพูดว่าไม่ว่างเหมือนกันนะครับ แต่ผมก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ใช่มั้ยครับ ถ้ารุ่นที่ 10 ขอมาแบบนี้ผมคงต้อง......ชั้นไม่อยากไปเจอเจ้าสองตัวนั้นอีกแล้ววว!!’
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตกลงไม่ได้กดโกคุจังกันซักคนหรอคะเนี่ย เสียดายจัง แต่ไปอีกรอบ คราวนี้ไปไม่ได้กลับล่ะนะ 55555
หนูอ่านไปขำไปอ่ะพี่เรกิ ยิ้มไปด้วย มันแบบฮาได้ใจ แถมยังฟินจนไม่รู้จะเม้นต์ยังไงอีกดี
ขอคู่หายากแบบนี้อีกได้มั้ยอ่ะ ไม่ก็เอาฟิค F59 หรือไม่ก็ R59 L59 อะไรงี้บ้างสิคะ ติดใจล่ะ รีเควสดังๆ!
อย่าลืมมาอัพด้วยนะคะ ไม่งั้นโกรธยันชาติหน้า(พูดซ้ำอีกรอบ)แน่ๆ ค่ะ เอาจริงจังนะพี่
สรุปหนูก๊กต้องไปอีกรอบสินะ โถ่ๆ สึนะช่างเป็นคนดีจริงๆ 55555 แต่ป๋าแซนเหล่หนูก๊กด้วยแหละ
เห็นด้วยกับ คห.173 ก๊กไม่น่ารอด 55555
ไม่อยากนึกภาพเล้ยยยย
พี่เรกิเขียนนิยายไม่เหมือนเดิมหรอ??? รู้สึกมันอ่านง่ายขึ้นนะ=[]=
ชั่งมัน!อย่าใส่ใจเลย. รู้แค่ว่าฟิน อ้ายยยยยยยยยยย
ปลงไว้เถอะ ก๊กจัง ยังไงหนูก็หนีไม่พ้นหรอกลูกเอ้ย 555+
สนุกมากเลยค่ะ
ดีจังที่พี่ไม่ลืมฟิคเก่าๆ