ตอนที่ 10 : The series 3 : Slaughter-Love-Debt love ฆ่า-รัก-หนี้รัก (2) [B59F]
“ชิชิชิชิชิชิชิ แกไม่รอดแน่เจ้าไดนาไมท์วองโกเล่!!”
ชายจากแฟมิลี่วาเรียธาตุวายุยืนประกาศลั่นด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจเพื่อขู่คำรามชายที่เขากำลังปะทะต้องสู้เพื่อชิงวองโกเล่ริง ทางด้านโกคุเดระที่สะบักสะบอมจากมีดสั้นจำนวนมากมายของเบลก็เสียท่ามากไม่น้อย และตอนนี้เขากำลังหลบชายที่หัวเราะอย่างสนั่นอยู่หลังตู้ในห้องเรียนที่เป็นสนามศึก ร่างบางฉีกยิ้มพร้อมกับโต้ประกาศออกไปด้วยความไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“หึ แกอย่ามาทึกทักเอาเองว่ารอด หรือไม่รอด เพราะแกก็จะต้องตายไปพร้อมกับชั้น!”
ชายเรือนผมสีเงินควักไดนาไมท์ออกมาจากลำตัวที่ซุกซ่อนไปทั่วร่างกายพร้อมกับเตรียมที่จะเหวี่ยงออกไปได้ในไม่ช้า เขาลุกพร้อมกับวิ่งออกจากที่ซ่อนเพราะตั้งใจจะระเบิดตัวเองไปพร้อมกับชายต่างแฟมิลี่ที่เขาต้องปะทะกัน แต่หารู้ไม่ว่าเมื่อเขาวิ่งออกไปนั่น เบลกลับยืนรอพร้อมกับถือมีดเหล็ดสั้นสลักลายสีเงินสวยรออยู่แล้ว เมื่อชายจากวาเรียเห็นท่าทางของโกคุเดระที่ลุกลี้ลุกลนก็หัวเราะออกมาด้วยความบ้าอย่างพอใจ
“ชิชิชิชิชิ ก็นั่นแหละที่เรียกว่า ไม่-รอด!!”
เบลฉีกยิ้มอย่างกระหายกลิ่นคาวของโลหิตที่รอเวลามานานพร้อมกับไม่รอให้ไดนาไมท์ของโกคุเดระเขวี้ยงออกมาก่อน เขาสาวเท้าอย่างว่องไวจนไปถึงตัวของว่าที่มือขวาแล้วใช้มือหนาบีบคอโกคุเดระและกดลงไปนอนกับพื้น เบลนั่งคร่อมพร้อมกับบีบคอร่างบางด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างเขาก็ถือมีดจำนวนไม่น้อยชูขึ้นมาเพื่อเตรียมที่จะเฉือนเนื้อที่เขากำลังคล่อมร่างกายอันบอบบางนี้อยู่แล้วหัวเราะอีกครั้ง โกคุเดระเสียท่าอย่างช่วยไม่ได้เพราะร่างกายสาหัดมากจึงเสียเปรียบกว่าเป็นทุน
“ชิชิชิชิชิชิชิชิชิ”
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นโกคุเดระดิ้นไปดิ้นมาเพื่อต้องการอิสระ เพราะเขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกกระหายเลือดจากคนอ่อนแอที่ทำให้เขารู้สึกสนุกจนหลงมากเข้าไปเรื่อยๆ ร่างบางที่ต้านทานกับแรงมากกว่าไม่ไหวเขาจึงพูดตะคอกเสียงห้าวใส่ชายที่นั่งคร่อมเขาทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจและหาวิธีหลุดจากพันธนาการนี้
“คิดว่าแกจะชนะชั้นรึยังไง เบลฟากอล!!”
ชายจากวาเรียที่นั่งคร่อมและบีบคอขาวบางอยู่นั้นก็ขำในลำคอเบาๆ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างและก้มลงไปกระซิบข้างใบหูขาวซีดที่แดงระเรื่อเนื่องจากเขาเริ่มอึดอัดจากการถูกเบลบีบคอและนั่งคร่อมตัวเขา
“ชนะมันก็อีกเรื่องนะ เจ้าชายไม่ได้ต้องการหรอกนะ”
นัยน์ตามรกตเขียวสวยที่ได้ยินก็แทบตกใจ เพราะที่เขามาสู้กันแทบจะฆ่าให้ตายไปข้างก็เพื่อชิงวองโกเล่ริง แต่ประโยคที่เขาได้ยินจากปากคนที่กำลังจะฆ่าตัวเขาเองมันฟังดู...แปลกๆ
“ม หมายความว่ายังไง”
ร่างบางตัดสินใจรอคำตอบจากเบลที่เขาถามไป แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากชายที่นั่งคร่อมทับตัวเขาเลย มีเพียงแค่รอยยิ้มกว้างที่ประทับบนโครงหน้าของชายที่ผมหน้าหน้ายาวเท่านั้น และไม่ทันตั้งตัวของโกคุเดระ เขาถูกกำปั้นหนาชกเข้าที่หน้าท้องอย่างแรงแทนคำตอบที่ตั้งใจรอฟัง
อักกกกก!!
ว่าที่มือขวาวอโกเล่ถึงกับตัวขดโค้งงออย่างทรมานเจ็บปวดมากจนเบลที่นั่งทับตัวเขายิ้มอย่างบ้าพอใจ มรกตเขียวแทบตาพล่ามัวจนภาพทุกอย่างเบลอฟ่าฟางไปหมด มือหนาที่เพิ่งชกไปหมาดก็คว้าต้นคอขาวสวยแล้วบีบให้กระชับแรงขึ้นจนโกคุเดระแทบสำลักและเริ่มหายใจได้ลำบากขึ้น เบลเอาแต่นั่งมองหน้าตาของร่างบางที่กำลังทรมานอย่างมีความสุขจนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความสะใจ
‘จุกจนแรงแทบไม่มีจะสู้ แถมหายใจ...ไม่ออกเลย’
“ชิชิชิชิ ทำหน้าเหมือนแมวกำลังจะจมน้ำเลยนะ เจ้าไดนาไมท์วองโกเล่”
‘อึดอัดจน เริ่มมองอะไร....ไม่ชัดเลย’
“หน้าตาแบบนี้ เจ้าชายชอบจังเลยนะ แต่ว่า....”
มือหนาอีกข้างค่อยๆ หยิบมีดเหล็กเงินสลักลายสวยออกมาพร้อมกับค่อยๆ ไล่กรีดที่หน้าอกขาวบางสวยที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลมากมาย มีดเหล็กค่อยๆ ไล่กรีดผิวหนังลงลึกจนโลหิตสีแดงคาวสดผุดไหลออกมาช้าๆ ตามรอยที่กรีดอย่างจงใจ โกคุเดระที่แรงลดหายก็เหมือนจะรู้สึกตัวได้ว่ากำลังโดนทารุนกรรมแต่เขาไม่อาจจะต่อกรอะไรเบลได้เลย เพราะแค่จะหายใจก็ลำบากอยู่แล้ว จะให้ลุกและผลักก็แทบไม่มีหวัง
‘นี่มัน....กลิ่นเลือด แต่ทำไมไม่รู้สึกเจ็บ มันชาจนสมองเริ่มขาวโพลนไปหมด หายใจ...ไม่ออกแล้ว’
นัยน์ตามรกตคู่สวยค่อยๆ หลุบตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรงเพราะอากาศไม่สามารถมาหล่อเลี้ยงได้อย่างพอเพียงจนทำให้เขาใกล้จะหมดสติเข้าไปเรื่อยๆ ชายบ้าเลือดที่ยังคงบีบคอและกรีดผิวหนังที่ขาวสวยและเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงไหลเป็นทางก็หัวเราะออกมาอย่างคลั่งไคล้ถึงความพอใจที่สามารถเค้นเลือดออกจากร่างกายที่นั่งทับได้อย่างดั่งใจ
“ชิชิชิชิชิชิ แค่นี้มันยังน้อยไปนะ ไดนาไมท์จัง จะต้องออกมากกว่านี้ จะต้องให้รู้สึก...ถึงความกระหายเลือด!”
‘ไม่ไหว...แค่จะอ้าปากเถียงกับมัน...รุ่นที่ 10 ครับ...ผม...ผมขอโทษนะครับ...’
ร่างบางสติหลุดไปเสียแล้ว เขาหลับไปพร้อมกับเลือดที่ยังคงไหลออกมาเป็นทางจำนวนมากด้วยฝีมือของชายจากวาเรีย เบลจึงหยุดมือกรีดผิวหนังที่กำลังสนุกและคลายมือออกจากต้นคอขาวสวยที่แดงเป็นรอยนิ้วมือหนาพร้อมกับอุทานอย่างยั่วโมโหให้โกคุเดระที่หมดสติฮึดขึ้นเพื่อเล่นเกมส์บ้ากระหายเลือดกับเขาต่อ
“ว้าาา! หมดสนุกเลยสิ ทำให้เจ้าชายสนุกกว่านี้ไม่ได้รึยังไง ตายคามือทั้งที่เลือดยังออกไม่หมดนี่ ไม่เห็นจะเจ๋งอย่างที่เค้าล่ำลือกันเลยน๊า มือขวาวองโกเล่ก็งั้นๆ แหละ บอสวองโกเล่ก็ยิ่งกว่ากระจอกสินะ ชิชิชิชิชิ”
เบลที่นั่งคล่อมโกคุเดระก็ทั้งเยาะเย้ยทั้งหัวเราะใส่และยังดูถูกแฟมิลี่ที่เขาต้องมาปะทะกันอย่างจงใจเพื่อจุดประกายให้ชายที่ใกล้จะตายลุกขึ้นมาและมันก็เป็นไปตามที่เบลต้องการ ว่าที่มือขวาลุกขึ้นมาพร้อมกับใช้ขาทั้งสองข้างถีบตัวชายบ้าเลือดจนกระเดนออกไปจนกับผนังห้องทันที
พรึบบบบบบบบ!! ตุบบบบบ!!
“แก!! พูดใหม่เดี๋ยวนี้!!!! รุ่นที่ 10 ไม่ใช่คนที่กระจอกแบบนั้น และชั้นนี่แหละ!! จะฆ่าแกเอง!!”
หลังจากที่เขาหลุดพ้นจากพันธนาการที่รอโอกาสมานาน โกคุเดระค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมาแม้ร่างกายจะชาจนไม่รู้สึกตัวเองแล้วก็ตาม มือบางค่อยๆ หยิบระเบิดจากกระเป๋าตัวเองออกมาเป็นกำเพื่อขู่ให้ชายที่กำลังจะปล้นเอาเลือดของเขาออกจากร่างกายเกรงกลัว แต่มันตรงกันข้าม เบลที่ถูกดีดออกมาชนกับผนังก็หัวเราะอย่างดังลั่นพร้อมกับฉีกยิ้มและลุกขึ้นไล่ๆ กับว่าที่มือขวา
“ชิชิชิชิชิ มันต้องแบบนั้นสิ ถ้าตายง่ายๆ ก็ไม่สนุกเลย เจ้าชายไม่ชอบให้เกมส์มันจบง่ายๆ หรอกนะ”
สปีดของเบลนั้นจะได้เปรียบกว่าเพราะมีดนั้นบางและเล็ก เขาขว้างมีดออกไปเพื่อให้ร่างบางที่กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากจนมุม
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ !!!
ด้วยความที่ไม่ใช่คนขี้แพ้ที่จะหนีหรือไม่คิดจะต่อสู้นั้น มันไม่ใช่อุดมการณ์บ้าระห่ำของชายธาตุวายุเลย เขายอมรับมีดที่เบลปาเข้ามาแต่เลี่ยงที่จะให้โดนจุดสำคัญด้วยความฉลาดเพราะตอนนี้ร่างกายเขาแทบจะไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว แม้เลือดจะไหลมากเท่าไหร่ แต่มันกลับไร้ความรู้สึกเจ็บปวดและทรมาน ไดนาไมท์หลายสิบแท่งได้จุดประกายไฟขึ้นพร้อมกับเขวี้ยงมันออกไปจู่โจมหาเบลที่เพิ่งขว้างมีดส้นมา
“มีดของแกมันไม่เข้าเนื้อชั้นหรอกเฟ้ยยยย!! เอานี่ไปกินซะ!!”
หลังจากที่เขาหว่านระเบิดออกไปนั้น ร่างบางก็รีบสาวเท้าวิ่งออกไปจากห้องทันทีเพราะเขาตั้งใจที่จะระเบิดเบลไปพร้อมกับห้องเรียนที่เป็นสนามศึกในตอนนี้
บรึ้มมม บรึ้มมม ตูม ตูมมม
ระเบิดไดนาไมท์หลายสิบลูกระเบิดดังสนั่นลั่นโรงเรียนจนห้องนั้นกลายเป็นห้องที่มีแต่ซากปรักผุพังไปหมด เบลที่หนีออกมาไม่ได้ก็ค่อยๆ ดันปูนซีเมนต์ขนาดไม่ใหญ่มาที่ทับขาและตัวเขาออกพร้อมกับหัวเราะอย่างไม่เกรงกลัว แต่มันกลับเพิ่มความพอใจมากกว่า เพราะโลหิตสีแดงนั้นไหลออกมาจากร่างกายตามที่เขารอมานาน
“ชิชิชิชิชิชิ เจ้าชายชักจะชอบแล้วสิ เพราะว่า....ความกระหายเลือดมันออกมาจากร่างกายเจ้าชายแล้ววว!!”
โกคุเดระที่ยืนรอดูผลงานอยู่หน้าห้องก็สาวเท้ากลับเข้าไปห้องที่มีแต่ซากช้าๆ อีกครั้ง เพื่อจะไปวางบอมพ์ให้ชายซาดิสม์หมดสภาพและแพ้ต่อการปะทะศึกครั้งนี้ เมื่อนัยน์ตามรกตกวาดสายตาไปเจอชายที่กำลังค่อยๆ ยกซีเมนต์ชิ้นใหญ่ออกจากขา เขาก็สนั่นวาจาใส่ชายจากวาเรียเพื่อเอาคืนหลังจากที่โดนทารุนกรรมมานาน
“ตาแกได้ลิ้มลองรสของความเจ็บปวดซะบ้าง แล้วชั้นก็จะเอาวองโกเล่ริงของชั้นกลับไป เบลฟากอล!!”
เมื่อชายผมสีเหลืองยกเศษปูนซีเมนต์ออกไปหมดจากร่างกาย เขาก็ลุกขึ้นและหัวเราะพร้อมกับพูดจุดประสงค์ที่เขาต้องการจริงๆ ทำให้ร่างบางที่ถือระเบิดเต็มมือทั้งสองข้างชะงักตัวหยุดสาวเท้าอย่างสงสัย
“ชิชิชิชิชิ วองโกเล่ริงน่ะ เจ้าชายไม่สนใจมันหรอกนะ”
“อ อะไรนะ!”
“เจ้าชายน่ะ สนใจแค่อย่างเดียว...”
ทันทีที่เขาเว้นจังหวะการสนทนา มีดสองเล่มถูกปาออกไปเป็นเส้นขนานด้วยความรวดเร็วทันที โกคุเดระที่เห็นมีดทั้งสองเล่มที่ปามาอย่างไวก็พลาดท่า เขาไม่สามารถหลบมันได้เพราะร่างกายที่สะบักสะบอม เขาจึงโดนมีดปักเข้าทีแขนเสื้อช่วงหัวไหล่ทั้งสองข้าง
“อ๊ะ!! ชิบ...ซวยแล้ว!!”
ฉึก! ฉึก!
ด้วยแรงเหวี่ยงมีดที่รวดเร็วและแรงมาก ตัวของโกคุเดระจึงไปกระแทกกับผนังเพราะมีดเล่มบางๆ สองเล่มที่ปักลงกับเสื้อของโกคุเดระและผนังห้อง และด้วยร่างกายของโกคุเดระที่เกือบหมดสภาพด้วยแล้วนั้น ไม่แปลกเลยที่จะต้านแรงมีดได้ เขาไม่สามารถขยับตัวได้ดั่งใจ และมันก็ลงล็อคเบลอีกครั้ง
“เจ้าชายสนแค่ไดนาไมท์จังเท่านั้น เพราะชั้นชอบคนที่ทำให้เจ้าชายได้ลิ้มรสถึงความบ้าระห่ำและนี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าชายรู้สึกได้มากขนาดนี้ ไม่สิ มากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาด้วยซ้ำไปนะ ชิชิชิชิ”
ชายบ้าเลือดค่อยๆ สาวเท้าเดินมาประชิดตัวร่างบางที่กำลังจะแกะมีดออกจากเสื้อช่วงหัวไหล่ของตนแต่ก็ช้าไปเพราะแขนทั้งสองข้างถูกมือหนาล็อคไว้ติดกับผนัง เบลฉีกยิ้มอย่างพอใจแล้วค่อยๆ โน้มหน้าลงไปใกล้ๆ ริมฝีปากหนาค่อยๆ ประทับลงริมฝีปากบางที่แดงระเรื่อ แล้วค่อยๆ รุกลิ้นบางอย่างช้าๆ ทั้งตวัด ทั้งเกี่ยวพัน ทั้งระดมจูบไม่ยอมหยุด จนโกคุเดระที่หมดเรี่ยวแรงก็ทำได้แค่ร้องเพื่อขออากาศอย่างเดียว
“อื้อออออ....”
ชายซาดิสม์ยังไม่ยอมลดละความต้องการ เขายังคงสอดแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากต่อ ทำให้ร่างบางแทบจะทรุดขาอ่อนเพราะเขากำลังเคลิ้มกับจูบที่ทั้งรุนแรงและอ่อนไหว แต่ด้วยที่เขาจะยอมแพ้ต่อการปะทะศึกชิงแหวนวองโกเล่ โกคุเดระจึงกัดริมฝีปากหนาทันที แต่เบลกลับรุกจูบหนักกว่าเดิม จนเลือดออกที่มุมปากของริมฝีปากหนา เบลจึงหยุดและถอนจูบออกมาพร้อมกับย้มร่า ส่วนโกคุเดระก็รีบสูดอากาศเข้าปอดอย่างรวดเร็ว
“แฮก แฮก แฮก แก....ต้องการอะไรกันแน่”
“ชิชิชิชิชิ ก็บอกแล้วไง ว่าต้องการแค่...”
เสียงของเบลที่กำลังพูดนั้นก็ขาดตอนไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเสียงพนักงานสาวบนเครื่องบินประกาศเพื่อเตือนผู้โดยสารที่โดยสารไปประเทศอิตาลีทุกคนให้เตรียมตัวและเตรียมพร้อม โกคุเดระจึงหลุดจากภวังค์ในอดีตที่เขาเพิ่งฝันถึงและหยิบสัมพาระส่วนหนึ่งกับของที่ต้องส่งให้แฟมิลี่วาเรียขึ้นมาไว้ที่หน้าตัก
“อีก 15 นาทีเราจะลงจอดที่สนามบินเจโนอา ขอให้สำรวจสัมภาระของท่านก่อนที่จะลงจากเครื่อง ขอบคุณค่ะ”
หลังจากที่ร่างบางเตรียมของเสร็จ เขาก็มานั่งเท้าคางแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูทิวทัศน์บ้านเกิดแต่ต่างถิ่นในยามค่ำคืนพร้อมกับนั่งคิดอย่างไม่สบอารมณ์
‘นี่เรา...ฝันถึงเรื่องนั้นทำไมกัน บ้าชะมัด รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเลย’
“รุ่นพี่เบลครับ อีกนานมั้ยกว่าคนส่งของจากวองโกเล่จะมาน่ะ”
ฟรานที่นั่งอยู่ในรถเก๋งสีดำคันหรูที่อยู่เบาะหน้าคนเดียวก็เอ่ยปากขึ้นถามอย่างเบื่อหน่าย แต่คำถามที่ชายผมสีเขียวถามกลับโดนมีดเหล็กสลักลายสวยปักเข้ากลางหัวด้านหลังทันที
ฉัวะ!
เมื่อมีดเหล็กเล่มสวยถูกขว้างออกไปเฉาะศีรษะของฟรานตามที่คิด เบลก็นั่งยิ้มและหัวเราะพร้อมกับพูดออกไปด้วยความรำคาญ
“แกเลิกบ่นเลิกถามเลิกเซ้าซี้ชั้นจะได้มั้ย เจ้ากบหัวโต!”
ชายผมสีเขียวที่ได้ยินประโยคเดิมๆ ก็ถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับค่อยๆ งัดมีดออกจากหัวของตนเองแล้วบ่นเหมือนที่เขาเคยบ่นใส่ชายที่กำลังนั่งขัดมีดเหล็กที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“ก็เรานั่งรอตรงนี้ตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ ผมเบื่อ”
“แกก็ไปจับแมลง กินยุง ล่อแมงเม่าแถวเสาไฟสว่างๆ ไป๊!!”
“ผมไม่ใช่กบนะครับ รุ่นพี่...”
ไม่ทันพูดจบ ฟรานก็โดนมีดเหล็กเงาแวววาวที่เพิ่งขัดเช็ดถูกเสร็จ ปักเข้าที่เดิมที่เขาเพิ่งดึงมีดออกมาจากหัวของตนเองอีกครั้ง
ฉัวะ!!
“ชิชิชิชิชิ งั้นแกก็หุบปากซะ”
จนสุดท้ายฟรานก็หมดความอดทน เขางัดมีดออกมาแล้ววางไว้ที่หน้ารถพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่และเปิดประตูรถเพื่อลงไปสูดอากาศและรอรับคนจากวองโกเล่
“เฮ้อออ...ผมไปรอข้างในสนามบินนะครับ รุ่นพี่เบลก็นอนรอในรถไปแล้วกัน ผมอึดอัดจะแย่”
ชายผมสีเขียวปิดประตูรถเบาๆ แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปข้างในสนามบิน ด้วยเสียงของเบลที่ตะโกนออกไปทำให้ฟรานหยุดฟังชั่วขณะ
“แกรู้จักเจ้านั่นรึยังไง”
ชายสวมหมวกรูปกบใบใหญ่ชะงักขาลงพร้อมกับหันตัวมาสนทนากับชายที่เปิดกระจกพูดกับเขาอยู่
“ผมมีเซนส์และสังเกตเอาครับ ไม่ได้สมองน้อยเหมือนรุ่นพี่เบลซะหน่อย ที่เอาแต่นั่งหัวเราะ...”
ชายบ้าเลือดรีบขว้างมีดออกจากหน้ากระจกที่เขาเปิดอยู่ข้างรถใส่ฟรานทันทีด้วยความฉุนที่รุ่นน้องของตนพูดจาไม่เข้าหู
ฉัวะ ฉัวะ !!
และมีดเหล็กสลักลายสีเงินเล่มงามก็ถูกปักลงบนลูกตาของหมวกรูปกบใบใหญ่อย่างละข้างพอดีเป๊ะ ผลงานของเขาทำให้เบลต้องหัวเราะอย่างพอใจจนฟรานต้องค่อยๆ ดึงมีดออกมาอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์
“ชิชิชิชิชิ แล้วอย่าร้องขอให้เจ้าชายช่วยซะล่ะ เจ้ากบเน่า!”
เบลรีบตะคอกไล่ชายผมสีเขียวที่อาสาจะเดินไปรอโกคุเดระที่กำลังจะถึงในไม่ช้าทันที
“คร้าบๆ แล้วก็เลิกปามีดใส่ผมซะที ผมเจ็บนะครับ”
ฟรานลูบศีรษะตัวเองเบาๆ เพื่อถนอมให้รู้สึกหายปวดกับการโดนมีดแหลมแทงบ่อยๆ และทิ้งมีดเบลลงกับพื้น
เคร้ง เคร้ง...
“ชิชิชิชิ ชั้นจะไม่ปาใส่แกแล้วก็ได้ เพราะชั้นรอไดนาไมท์จังที่ทำให้ชั้นสนุกอยู่”
ชายบ้าเลือดหัวเราะใหญ่หลังจากที่พูดกับฟรานด้วยความพอใจ จนชายผมสีเขียวที่ได้รับคำสั่งจากสคอวโล่ให้จับตาดูชายซาดิสม์ก็รีบพูดเตือนและย้ำอีกครั้ง
“รุ่นพี่เบลช่วยระวังด้วยนะครับ นี่เรามารับคนจากวองโกเล่ ไม่ใช่มาเฉือนเนื้อแร่เนื้อเค้านะครับ เดี๋ยวคุณสคอวโล่ก็แว้ดใส่สะบึ้ม ส่วนบอสก็เอาเราเละยิ่งกว่าโจ้กพอดี”
“ชิชิชิชิชิ ชั้นรู้แล้วน่ะ แกรีบๆ ไปซะ ชั้นเริ่มรำคาญแกแล้วนะ เจ้ากบหัวโต!”
ฟรานที่ยืนอยู่นอกตัวรถก็กลับหลังหันแล้วเดินมุ่งหน้าไปที่สนามบินเพราะโดนรุ่นพี่ของตนไล่ตะเพิด เขาเดินไปพูดเปรยออกไปด้วยความรู้สึกรำคาญใจไม่แพ้กัน
“ผมต้องพูดคำนี้มากกว่านะครับ”
เบลที่นั่งในตัวรถเมื่อได้ยินประโยคไม่ลื่นหูเขาก็เขวี้ยงมีดออกไปอีกเล่มก่อนที่ฟรานจะเข้าไปในสนามบิน แต่คราวนี้ชายผมสีเขียวรีบเอียงหัวเพื่อหลบวิถีมีดที่พุ่งเข้ามาเพื่อจะเฉาะหัวเขาอีกครั้งและมันก็สำเร็จ
วืดดดดดดด
“ไม่โดนคร๊าบ!”
เขาหันมาตะโกนใส่เพื่อเยาะเย้ยและสาวเท้าเข้าไปที่ประตูของสนามบินทันที
สนามบินเจโนอา อิตาลี
เมื่อชายผมสีเขียวเข้ามาในสนามบินก็หยุดยืนอยู่บริเวณหน้าป้ายประกาศไฟร์ทบินของแต่ละประเทศ เขาเริ่มไล่มองหาประเทศต้นทางที่จะมาลงปลายทางที่นี่อย่างใจจดใจจ่อ
“คนเยอะจริงด้วยแฮะ ไหนดูเที่ยวขามาจากญี่ปุ่นซิ เอ....”
ฟรานยืนกวาดสายตาอย่างตั้งใจจนกระทั่ง
“อ้าวววว ลงจอดแล้วนิ ต้องรีบไปดักรอซะแล้วสิ”
ชายสวมหมวกใบใหญ่ก็เริ่มตกใจเพราะโกคุเดระมาถึงสนามบินนี้แล้ว และกำลังลงจากเครื่อง ทำให้ฟรานต้องรีบวิ่งไปรอทางออกที่เขาจะต้องมาปรากฏเพื่อดักรอรับตัว และเมื่อร่างโปร่งมาถึงหน้าประตูทางออกสำหรับคนที่เพิ่งลงจากเครื่อง เขาถอยหลังให้ห่างออกไปเพื่อต้องการสังเกตรูปร่างหน้าตาของคนจากวองโกเล่ และเขาก็เริ่มยืนคิดถึงการแต่งตัวของชายที่เขาต้องมารับ
“คนของวองโกเล่จะแต่งตัวยังไงน๊าาา อืมมม....ต้องใส่สูทสิ ไม่ๆๆ ต้องชุดที่สุภาพสิ เอ๊ะๆ ไม่ใช่นะ มันจะต้องแบบว่าเด่น สะดุ....”
ฟรานแทบค้างจนพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นโกคุเดระที่เดินออกมาจากประตูทางออกที่เขารออยู่ไม่ไกลนัก เสื้อตัวเก่งที่เขาใส่ประจำ มีแต่ลายหัวกะโหลกและขาว-ดำ แถมยังหลุดลุ่ยบางส่วน กางเกงก็เซอแต่ดูแล้วมีราคาไม่น้อย รองเท้าผ้าใบคู่โปรดสีแดง ทรงผมเรียบง่ายแต่ดูเด่นเพราะผมสีเงินมันทอประกายเมื่อเจอแสงไฟสว่างๆ นัยน์ตาสีเขียวมรกตใสสวยกลมโต ที่หูก็เจาะหูและมีต่างหูเหล็กสีเงินตามใบหูจำนวนไม่น้อยติดกัน ซึ่งนั่นเป็นการแต่งตัวเด่นกว่าใครจนสังเกตหาตัวได้ง่ายไม่ยากเลย
‘....น่ารัก....’
แทนที่ชายผมสีเขียวจะต้องเดินไปรับแต่กลับมองจ้องตาไม่กระพริบ กลายเป็นโกคุเดระเอาแต่สาดส่องมองซ้าย-ขวาเพื่อหาคนที่จะมารับ และโชคดีที่ฟรานสวมแจ๊คเก็ตหนังสีดำที่มีตราวาเรียอยู่ ร่างบางจึงหยุดค้นหาและรีบมุ่งเข้ามาหาชายที่กำลังอึ้งในความน่ารักของโกคุเดระทันที
‘เจ้านั่น...ที่แขนเสื้อ มันสัญลักษณ์วาเรีย! คนที่มารอรับสินะ’
ทันทีที่ร่างบางสาวเท้าเข้ามาหาชายสวมหมวกรูปกบใบใหญ่ เขาก็ตะโกนถามเพื่อต้องการความมั่นใจจากฟราน
“เห้ยยย แก....คนจากวาเรียใช่มั้ย”
“ช ใช่ครับ”
ร่างโปร่งพยักหน้ารับเล็กน้อยหลังจากที่ดึงสติที่หลุดลอยมานาน
‘อาาา...เข้าใกล้ขนาดนี้ ประหม่าแฮะ’
“จะไปกันได้รึยัง ชั้นรีบ”
ร่างบางรีบเค้นสั่งเพื่อให้ฟรานที่มัวแต่เอ้อระเหยใจลอยรีบนำทางให้ว่าที่มือขวาที่ร้อนรน ฟรานจึงรีบเดินนำหน้าเพื่อให้โกคุเดระเดินตามหลังเขาไปที่รถ
“งั้นก็ตามมาทางนี้เลยนะครับ รถรอจอดอยู่ข้างนอก”
เมื่อชายผมสีเขียวเดินนำหน้าไปได้ 2-3 ก้าว ว่าที่มือขวากเดินตามหลังไปติดๆ พร้อมกับคิดไปเรื่อยๆ ตามในสิ่งที่เขาพบเจอกับฟราน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกัน
‘เด็กนี่...ไม่เคยเห็นหน้า มาใหม่งั้นหรอ? ไม่น่าเชื่อว่าวาเรียจะมีมนุษย์อยู่ด้วย เพราะแต่ละคน...มันไม่ใช่มนุษย์ทั้งนั้น!!’
ทางชายธาตุสายหมอกที่เดินนำหน้าเองก็คิดตกไม่น้อย เพราะคนที่มารับเขาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
‘ให้ตายเถอะ ผู้ชายก็จริง แต่น่ารักเกินไปจนหน้ามืดเลย มิน่าล่ะ รุ่นพี่เบลถึงหลงจนบ้าได้ขนาดนั้น แต่ดูท่าทางไม่น่าจะใช่คนซาดิสม์นะ ทำไมรุ่นพี่ถึงชอบซะล่ะ อืมมม...’
ทั้งสองคนเดินออกจากสนามบินเจโนอาและมุ่งหน้ามาที่รถเก๋งสีดำคันหรูที่จอดรออยู่เพียงคันเดียวในระแวกนั้น ชายคนขับรถก็รีบบอกเบลที่กำลังนั่งขัดมีดเล่มสวยสีเงินทันที
“ท่านเบลครับ คุณฟรานมาพร้อมกับคนของวองโกเล่แล้วครับ”
“ชั้นเห็นแล้วล่ะ ชิชิชิชิชิ รอเวลานี้มานานเลยนะ โกคุเดระ ฮายาโตะ”
ชายบ้ากระหายเลือดฉีกยิ้มปริ่มด้วยความรอคอยมานานพร้อมกับค่อยๆ เก็บมีดของตนเองลงเข้ากระเป๋า ส่วนฟรานที่มาถึงตัวรถก่อนก็เปิดประตูหลังรถให้โกคุเดระเข้าไปนั่งตามมารยาท
“เชิญครับ”
“ขอบใจ”
เมื่อขายาวบางก้าวเข้าไปนั่ง เขาก็แทบตกใจเพราะเจอคู่ปรับในอดีตนั่งรออยู่ข้างๆ ก่อนแล้ว แต่ตัวโกคุเดระเองก็เข้ามานั่งอย่างไม่ตั้งใจเรียบร้อยและถูกปิดประตูรถอยู่แล้วจึงจำใจนั่งลงข้างๆ อย่างแย้งไม่ได้
“ว่าไง ไดนาไมท์จัง ดูดีขึ้นมากเลยนะ”
เบลฉีกยิ้มระรื่นพร้อมทั้งรีบขยับตัวเองเข้าไปนั่งชิดๆ ว่าที่มือขวาวองโกเล่ทันที ทำให้โกคุเดระหันมาตวาดใส่ด้วยความไม่พอใจ
“แกช่วยสงบปากจะได้มั้ย แล้วก็เขยิบออกไปอีกหน่อยสิฟ่ะ ที่มีเยอะแยะ”
ทันทีที่ชายบ้าเลือดได้ยินก็หัวเราะลั่นรถเก๋งพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องให้ชายที่มาส่งของยุติการเอาแต่ใจและแหกปากโวยวาย
“ชิชิชิชิชิ แล้วของล่ะ”
“อยู่นี่”
โกคุเดระหยิบกล่องใบขนาดกลางออกมายื่นให้เบลทันที และเมื่อเบลได้รับก็ยื่นให้กับฟรานพร้อมกับออกคำสั่งทันที
“ฟราน แกถือเอาไว้นะ”
“คร้าบๆ”
เมื่อของที่ลำบากลำบนข้ามประเทศได้ถูกส่งเข้าถึงตัวคนของวาเรีย แฟมิลี ร่างบางก็เปรยเสียงเพื่อดึงความสนใจของชายทั้งสองคนที่เตรียมจะเอาของไปส่งให้บอสอย่างเร่งรีบ
“ชั้นกลับเลยได้แล้วสินะ”
“ชิชิชิชิ จะรีบไปไหน อุตส่าห์มาแล้ว”
“ชั้นไม่มีเวลาว่างมากหรอกนะ ชั้นจะกลับ...”
ชายซาดิสม์ที่นั่งชิดข้างๆ โกคุเดระก็รีบส่งซิกให้คนขับกดล็อคประตูทุกบานก่อนที่มือบางจะเปิดประตูรถเพื่อหนีออกไป
แกร๊ก กึก กึก...
‘ซวยล่ะ มันล็อครถ!!’
ทันทีที่เขาโดนขังในรถเก๋งคันหรูก็เริ่มหน้าเสียและพยายามเปิดประตู ดึงประตู กระแทกประตูรถ เพื่อที่จะออกไปจากตัวรถที่มีแต่คนไม่ธรรมดา แต่มันก็เรียกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเล็ดรอด เพราะคนขับรถสตาร์ทรถรออยู่แล้ว
“บอกแล้วไงว่า อุตส่าห์มาแล้ว ก็อยู่ให้คุ้มแล้วค่อยกลับก็ได้นิ ตามกำหนดมันต้องอีก 2 วันเชียวนะ ไดนาไมท์จัง”
เมื่อโกคุเดระได้ยินในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการก็รีบหันมาโต้เถียงใส่เบลที่ยิ้มกว้างอย่างพอใจด้วยความไม่พอใจจนใกล้จะถึงขีดสุดของความอดทน
“ชั้นจะกลับ แกเปิดให้ชั้นลงเดี๋ยวนี้!!”
ฟรานที่นั่งมองจากกระจกรถที่ติดอยู่มานาน และนั่งฟังการสนทนาของชายที่นั่งเบาะหลังของทั้งสองคนมานาน ก็รีบพูดตัดบทให้คนขับรถออกตัววิ่งบนถนนด้วยความเจ้าเล่ห์
“ออกรถเลยครับ”
สิ้นเสียงของชายธาตุสายหมอก ตัวรถเก๋งสีดำก็เริ่มวิ่งออกจากสนามบินไปด้วยความเร็ว โกคุเดระที่พยายามหาทางออกก็ตกใจแล้วรีบตะคอกใส่ฟรานด้วยความโมโห
“ไอ้เจ้าเด็กนี่!! แกอยากอายุสั้นใช่มั้ย!!”
“ผมทำตามกฏที่บอสเราสั่งมานะครับ ยังไงคุณต้องไปยืนยันเช็คของข้างในด้วย ถูกมั้ยครับ คนจากวองโกเล่”
เสียงเรียบนิ่งพูดจบร่างบางก็สงบกลั้นอารมณ์เพราะเขาพูดนั้นค่อนข้างฟังขึ้นและมีเหตุผลพอสมควรจึงเลิกกระตุกประตูและนั่งนิ่งๆ ข้างๆ เบลที่ยังคงนั่งชิดตัวเขาอยู่และเปรยชื่อแซ่ของตนให้ชายที่เขาเพิ่งจะรู้จักเมื่อไม่นานทันที
“โกคุเดระ ฮายาโตะ ชื่อชั้น”
เมื่อมือขวาวองโกเล่พูดจบ ชายผมสีเขียวก็ฉีกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพร้อมกับนั่งสนทนากลับอย่างกวนประสาททำให้โกคุเดระเริ่มฉุนโมโหอีกครั้ง
“ฟรานครับ จะให้ผมเรียกโกคุเดระงั้นหรอ เรียกว่า ไดนาไมท์จัง เหมือนรุ่นพี่เบลจะดีกว่ามั้ง”
“ไอ้เด็กนี่ว้อนท์ซะแล้วนะแก...”
โกคุเดระยังไม่ทันพูดจบ มีดเงินสลักลายสวยก็ปักอยู่กล่งหัวด้านหลังของฟรานทันทีด้วยความที่เบลรำคาญและไม่อยากให้มายุ่งวุ่นวายกับชายที่เขาสนใจเป็นพิเศษที่สุด
ฉัวะ!
“อย่ามาสอดตอนที่ชั้นจะนั่งคุยกับเจ้าหญิงสิ”
แต่หารู้ไม่ว่าประโยคของแต่ละคนที่พูดมันช่างป่วนประสาทของร่างบางที่โดนข่มเหงในการสนทนาเพียงคนเดียว ทำให้เขาต้องแหกปากไม่เลิกราด้วยความไม่ชอบกับฉายาที่ถูกตั้งขึ้นเอาเอง
“แกก็อีกคน!! เจ้าเบลฟากอล!!”
“ชิชิชิชิชิ ไว้ถึงแฟมิลี่ก่อนก็ได้ เรามีคดีต้องชำระจากวันนั้นอีกนะ เจ้าหญิงไดนาไมท์”
ชายผมสีเหลืองพูดจบก็เริ่มลุกล้ำโดยดึงตัวโกคุเดระมากอดไว้อย่างแน่นแทนที่จะนั่งชิดข้างๆ เฉยๆ
“ชิ ชั้นไม่คิดจะตอบแกหรอก แล้วก็ปล่อยชั้นซะที อึดอัดนะเฟ้ยยย!!”
โกคุเดระจึงพยายามหาทางหลุดจากพันธนาการที่รัดกระชับแน่น แต่มันก็คงเป็นความพยายามที่สูญเปล่าเพราะเบลดึงตัวร่างบางมานั่งบนหน้าตักเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นว่าชายผู้บ้ากระหายเลือดกำลังกอดลูกแมวที่ไม่เชื่องอยู่บนหน้าตัก และมันส่งผลตรงกันข้ามอีกต่างหาก เพราะยิ่งโกคุเดระดิ้นมากเท่าไหร่ เบลก็ยิ่งพอใจมากเท่านั้น
“ชิชิชิชิชิชิชิ”
มีแต่เสียงหัวเราะของเบลเท่านั้นที่ดังลั่นไประหว่างรถกำลังแล่นไปบนท้องถนน ส่วนฟรานที่นั่งเท้าคางก็เอาแต่มองโกคุเดระที่กำลังดิ้นและหน้าแดงไม่หยุดอย่างเดียว
‘สงสัยผมจะต้องทำความรู้จักกับคุณมากกว่านี้ซะแล้วสิเนอะ โกคุเดระ ฮายาโตะคุง’
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฟรานกับเบลก็กัดกันทั้งเรื่องอ่ะ หุหุ ชอบๆ สมการนี้ไม่เลวแฮะ
แอบชอบ F59 เพราะพี่เรกิแหละ 555