คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #63 : [LayHo] Musician Love
MUSICIAN
..LAY x SUHO..
#ficMusicianlove
งานศิลป์ส่วนใหญ่จะสะท้อนความเป็นตัวตน
รวมถึงความรู้สึกของผู้เป็นเจ้าของด้วย
เสียงดนตรีเองก็เช่นกัน
ตึ่ง!! ตึ่ง!! ตึ่ง!!
เสียงคีย์เปียโนถูกกดอย่างรุนแรงและตามด้วยศีรษะเล็กเจ้าของเรือนผมสีดำประกายแดงที่ซบหัวลงอย่างรุนแรง และตามด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียดของเจ้าของร่างที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็เล่นเพลงที่จะต้องสอบไม่ได้เสียที
ดวงตาคู่โตเหลือบไปยังกระจกตรงประตูห้องแล้วก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อเห็นกลุ่มผมแสนคุ้นตาของใครบางคน ที่มักจะอยู่รอเขาเสียจนดึกดื่นเสมอ
“เข้ามารอข้างในก็ได้” เสียงหวานเอ่ยขึ้น แต่เจ้าตัวกลับหันกลับไปสนใจแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวโน้ตมากกว่า
“ถ้าเครียดขนาดนั้น ไม่ลองไปขอร้องให้เขาสอนเหมือนเดิมล่ะ” คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ทำให้คนที่คนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ส่ายหน้าไปมาจนกลุ่มผมสีน้ำตาลกระจายไปมา
“ไม่มีทาง…” คนโดนปฏิเสธทางเลือกหยั่กไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะ ในขณะที่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่หน้าเปียโนนั้นหันไปสนใจโน้ตเพลงตรงหน้านั้นทันที
“ถ้างั้นก็อย่าหักโหมแล้วกันนะจุนมยอน ใกล้วันแสดงแล้วด้วย” เจ้าของชื่อพยักหน้าอย่างเงียบงันแล้วหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ แล้วบทเพลงแสนอ่อนโยนก็ถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้ง จุนมยอนไม่รู้ว่าเพื่อนของตนออกไปจากห้องตอนไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งใดเกิดขึ้นที่รอบข้างบ้าน
มีแต่เสียงเปียโนเท่านั้นที่เขาสัมผัสได้
เขาเป็นเด็กคณะศิลปศาสตร์เอกการขับร้องที่เลือกเปียโนเป็นวิชาเลือกทั้ง ๆ ที่พรสวรรค์ด้านเครื่องดนตรีของเขาเข้าขั้นวิกฤตแต่ใครจะเชื่อว่าผ่านไปหนึ่งปีเขาจะสามารถเล่นเปียโนได้คล่องขนาดนี้…
จะบอกว่าเป็นเพราะคนสอนก็คงไม่ผิด
ใช่แล้ว… อาจารย์คนนั้น… อาจารย์อี้ชิงคือคนที่สอนเปียโนเขา
“ถ้าจุนมยอนไม่ผ่อนอารมณ์ให้เย็นลงกว่านี้ อย่าว่าแต่เล่นเปียโนเลย นายจะร้องเพลงไม่ได้ด้วยซ้ำ” เสียงนุ่มลึกของผู้มาใหม่ดังขึ้นชิดใบหูขาว เจ้าของร่างมันเบิกตาโพล่งอย่างตกใจ แล้วพยายามเบี่ยงตัวหลบไปทิศทางตรงข้ามกับเสียงนั้น หากแต่ผู้มาใหม่ก็รู้ดีเสียจนกางแขนรองรับไว้แล้ว
“มาทำไม” เสียงห้วนตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร… เขาไม่อยากให้มันช่วยหรอก เพราะแค่นี้ก็เป็นขี้ปากทุกคนพอแล้วว่าเป็นเด็กอาจารย์บ้างล่ะ เอาตัวเข้าแลกเกรดยังเคยได้ยินมาเลย
มันก็ไม่แปลกหรอกที่ทุกคนจะพูดไปแบบนั้น… เพราะอาจารย์จางหรือจางอี้ชิงเป็นครูสอนเปียโนที่มาจากจีน เขาเป็นหนุ่มหล่อที่แสนสุภาพที่สุดเท่าที่คุณจะนึกออก แต่อย่าได้โดนใบหน้าอบอุ่นกับรอยยิ้มสดใสและลักยิ้มของเขาหลอกเชียว… เพราะจางอี้ชิงก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่มีวันทำอะไรให้ใครโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เพราะมันเป็นกฏการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม
“แพคฮยอนบอกว่า ลูกศิษย์ที่น่ารักของฉันกำลังเครียดกับการแสดง” อาจารย์หนุ่มตอบกลับอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยิ้มจนแก้มบุ๋ม… ถ้าเป็นคนอื่นคนเขินอายหรือเบี่ยงสายตาหลบไปแล้ว แต่กับคิมจุนมยอนที่เจอมันมาแทบทุกวันตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา… มันไม่ได้ผลหรอก
“ผมไม่ได้เครียด… และผมก็ไม่ได้เป็นลูกศิษ์ของคุณแล้ว” เสียงนุ่มตอบกลับอย่างสุภาพ หากแต่มันกลับเต็มไปด้วยความห่างเหินเสียคนจางอี้ชิงต้องกระชับอ้อมแขนโอบไหล่เล็กแน่นกว่าเดิม… ดวงหน้าเรียวที่วางอยู่บนหัวไหล่เล็ก ๆ เบี่ยงเข้าหาทำให้จมูกโด่งกดฝังลงแก้มนุ่มอย่างตั้งใจ
“ไม่เคยได้ยินเหรอว่า เป็นครูวันเดียว ยังไงก็เป็นครู สำหรับผมคุณยังเป็นลูกศิษย์ที่น่ารักและขยันที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ไม่รู้ว่าจุนมยอนคิดไปเองหรือเปล่า แต่จางอี้ชิงเหมือนจงใจเน้นคำว่าน่ารักมากกว่าคำว่าขยันหลายเท่าตัว
บอกแล้วว่าจางอี้ชิงน่ะร้ายกาจ
ทำตัวอบอุ่นกับคนอื่นไปทั่วโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น.
….แม้กระทั่งความรู้สึกของคนอื่น…
“ผมไม่สนใจพี่อี้ชิงแล้ว… ออกไปเลยจะฝึกต่อ” จุนมยอนว่าอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ไม่ทันเกมของคนอายุมากกว่าเลยสักนิด จางอี้ชิงยิ้มกว้างอย่างพอใจแล้วยอมปล่อยจุนมยอนให้เป็นอิสระ เขาทิ้งตัวนั่งลงที่ข้าง ๆ ลูกศิษย์ของเขาที่แสนภาคภูมิใจ เพราะเวลาหนึ่งปีฝึกได้ขนาดนี้ ต้องขอบคุณพรสวรรค์และความตั้งใจของจุนมยอนจริง ๆ
“แต่จุนมยอนก็แพ้แล้วล่ะ...เมื่อกี้เรียกผมว่าพี่อี้ชิงนะ รู้ตัวรึเปล่า” คนเผลอเรียกหน้าแดงระเรื่อขึ้นทันทีเมื่อเผลอหลุดปากเรียกคนตรงหน้าเหมือนเดิม… มันเป็นเพราะข้อตกลงที่จะให้อี้ชิงสอนนั่นแหละ ทำให้เขาติดปากแบบนี้
“จะยังไงก็แล้วแต่… จุนมยอนของพี่ก็ไม่ควรผิดคำพูดนะครับ มามะมาให้พี่กอดให้หายคิดถึงหน่อย” ไม่ว่าเปล่า จางอี้ชิงยกแขนขึ้นแล้ววางพาดไหล่เล็กแล้วดึงให้จุนมยอนเข้ามาใกล้ทันที เขาจับหัวของจุนมยอนให้เอนซบไหล่ตนอย่างไม่สนใจ ก่อนที่อี้ชิงเอนซบจุนมยอนพร้อมกับหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย
“นี่… มีเรื่องเครียดเหรอครับ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา… ปีก่อนเวลาที่อาจารย์ของเขาเครียด มักจะมานั่งแล้วเอนหัวมาซบเป็นประจำ ซึ่งจุนมยอนติดใจมาตลอดว่า จางอี้ชิงเป็นแบบนั้นกับทุกคน แต่เปล่าเลย คนคนนี้ทำแบบนี้เฉพาะกับเขาเท่านั้น
บ้าชะมัดที่ดันไปหวั่นไหวกับคนที่อ่อนโยนไปทั่วอย่างคนคนนี้
“เครียดสิ… จุนมยอนที่น่ารักของฉันกำลังทำตัวห่างเหินกันขนาดนี้นี่นา” คนอายุน้อยกว่ากลอกตาไปมาอย่างหน่าย ๆ กับคำกล่าวหาของคนอายุมากกว่า แต่พี่อี้ชิงก็พูดไม่ผิดหรอก… หลังจากขึ้นปีสองเขาก็ไม่ได้เรียนกับคนคนนี้ช่วงแรกก็ยังติดต่อกันอยู่ปกติ แต่ระยะหลังๆมามีแต่คนพูดถึงเขากับอาจารย์ชาวจีนอย่างเสียหายบ่อยครั้ง จนเขาไม่ยอมไปหาอี้ชิงเลยทั้ง ๆ ที่จางอี้ชิงเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเขา
“เบื่อคำคน… แค่นี้เขาก็หาว่าผมเอาตัวเข้าแลกเอจากคุณกันทั่วคณะแล้วนะ” อี้ชิงหัวเราะเบา ๆ อย่างถูกใจ… อันที่จริงมันก็ไม่ต่างจากที่คนอื่นพูดเท่าไรหรอก เพราะเขาหลงรักจุนมยอนจริง ๆ และใช่ว่าเรื่องนี้เจ้าตัวก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่จุนมยอนก็รู้ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจอะไรเลย
….แบบนี้มันน่าเสียใจน้อยเสียเมื่อไร….
“จุนมยอนไม่ได้เอาตัวเข้าแลกสักหน่อย ใช้แต่ใจล้วนๆเลยไม่ใช่เหรอ”
“คุณไม่เบื่อบ้างเหรอครับ… ผมนี่เบื่อจะปฏิเสธคุณแล้วจริงๆ” จุนมยอนว่าพร้อมกับถอนหายใจออกมา… แต่เชื่อเถอะ ว่าเขากำลังใจเต้นแรงกับคำพูดของเขา… โตมาป่านนี้ไม่ได้ใสซื่อขนาดว่าไม่รู้ว่าครูผู้สอนรู้สึกยังไงสักหน่อย… แต่จะให้เขาตอบยังไงเหรอ…
จุนมยอนก็แค่กลัวความสัมพันธ์ที่มีชื่อเรียกมากกว่าความสัมพันธ์แบบนี้
การรู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันอาจเสียใจน้อยกว่าเมื่อวันที่เราจากกัน
“จุนมยอนเบื่อก็ยอมรับรักผมสักทีสิครับ…”
จุนมยอนยกมือขึ้นจับมือของอี้ชิงที่หัวไหล่ตัวเองพร้อมกับเสหน้าไปทางอื่นเพื่อปกปิดใบหน้าของตัวเอง ถามว่าเขินไหม อย่าให้พูด แต่ถ้าถามว่าคิดยังไง… บอกเลยว่าตอบไม่ถูก… เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง
“พี่อี้ก็รู้ว่าจุนมยอนกลัวอะไร… แต่เป็นแบบนี้ผมก็โอเคนะ”
“เราโอเคแต่พี่ไม่โอเคน่ะสิ… ถ้าจุนมยอนไม่ยอมเป็นแฟนกับพี่การที่พี่จะติวให้นายหรือจะกอดจะหอมอะไรก็ไม่ได้เข้าใจบ้างไหม” อี้ชิงพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ก่อนจะเอื้อมอีกมือหนึ่งที่ว่างไปที่คีย์เปียโน เขาไล่โน้ตอยู่สองสามครั้งแล้วโยกตัวเรียกคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งนิ่ง และจับมือเขาไว้แน่น
จุนมยอนหันมามองก่อนที่จะปล่อยมือของอีกคน แล้วใช้ทั้งสองมือจรดลงบนคีย์เปียโน เปลือกกตาบางปิดลงเพื่อตั้งสมาธิอีกครั้ง
“เดี๋ยวผมเล่นให้ฟังแล้วพี่บอกด้วยนะครับว่าเป็นยังไง”
“ไม่ต้องหรอก พี่ฟังไปแล้ว... สอนแบบเดิมดีกว่า เอ้าฮึบ!” คนอายุมากกว่าบอกปฏิเสธพร้อมกับถือวิสาสะอุ้มจุนมยอนขึ้นนั่งตักทั้ง ๆ ที่ตัวค่อนข้างจะเท่ากันแท้ ๆ แต่จุนมยอนกลับมีน้ำหนักตัวที่เบามาก คนตัวเล็กโวยวายลั่น
“เฮ้ย!! ผมเป็นแล้วนะครับ ไม่ต้องแบบนี้ก็ได้…”
“แบบนั้นยิ่งต้องเลย… จุนมยอนน่ะต้องใช้ร่างกายจดจำถึงจะทำได้ดีรู้ไหม วางมือบนมือพี่เร็ว” คนตัวเล็กทำตามอย่างว่าง่าย
จางอี้ชิงเริ่มบรรเลงบนเพลงตามเนื้อเพลงที่วางอยู่เบื้องหน้า ใบหน้ายามปกติที่อ่อนโยนของเขาเหมือนกับจะอ่อนโยนมากกว่าเดิมและเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล จุนมยอนมองมือของคนตรงหน้าด้วยความตั้งใจพร้อมกับกดน้ำหนักมือลงตามเหมือนกับตนเองกำลังกดคีย์อยู่ด้วย จนกระทั่งจบเพลง
ดวงหน้าหวานยิ้มกว้างกับความดีใจที่สามารถเข้าใจอารมณ์ของเพลงนี้ได้แล้วจนเผลอหันไปหาคนข้างหลัง ใบหน้าของทั้งสองห่างกันไม่มากนัก คนตัวเล็กนั่งนิ่งไม่กล้าขยับสักนิด ผิดกับอีกคนที่ยิ้มกว้างแล้วละมือจากคีย์เปียโนเพื่อนั่งกอดเอวคนตัวเล็กแน่นแทน
“ดีใจขนาดนี้ แปลว่าจะทำคะแนนได้ท็อปอีกแล้วใช่ไหม”
“ไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อย!” คนตัวเล็กพยายามยื้อตัวเองออกจากอ้อมแขน แล้วตอบกลับไป ในขณะที่ดวงหน้าหวานนั้นแดงระเรื่อขึ้นอย่างน่ารักก จนคนเป็นเก้าอี้กิตติมศักดิ์อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงบนแก้มขาวนุ่มนิ่มนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว
“จุนมยอนา… ดีกันนะ”
“ไม่”
“งั้นไม่ปล่อยนะ” จางอี้ชิงกระซิบเสียงแผ่ว พร้อมกับไล่ริมฝีปากไปตามลำคอ แล้วกดจูบตรงหลังคอ ผิวขาวแดงระเรื่อขึ้น
“พี่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว… พี่ที่เป็นอาจารย์กับผมที่เป็นลูกศิษย์ มันห้ามเกินเลย… ปล่อยเถอะครับ… ผมไม่อยากมีปัญหาเรื่องชู้สาวกับอาจารย์”
จางอี้ชิงหยุดริมฝีปากที่กำลังไล่ไปทั่วทันที… เขาเม้มปากแน่นแล้วกดจูบที่หลังคออีกครั้ง แล้ววางใบหน้าลงบนลาดไหล่เล็ก มือเรียวจับมือเล็กมั่นแล้วกอดเอวคนตัวเล็ก
“แต่เรารักกันไม่ใช่เหรอ… จะแคร์คนอื่นทำไมกัน” จุนมยอนเม้มปากแน่น… มันก็จริงอย่างที่พี่อี้พูดนั่นแหละ… แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อตอนนี้ทุกคนกำลังเพ่งเล็งพวกเขาอยู่แบบนี้
“คุณอี้ชิงไม่คิดว่า ตัวเองคิดไปเองเหรอครับ” เขาเอ่ยถามขึ้นแล้วยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ถ้าพี่คิดไปเองจริง จุนมยอนคงไม่ให้พี่กอดอยู่แบบนี้หรอก…” จุนมยอนพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของอี้ชิงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาไม่ได้เต็มใจให้ที่ปรึกษาของเขากอดแต่แรกอยู่แล้ว แต่จางอี้ชิงนั่นแหละที่อุ้มเขาขึ้นมานั่งตักแบบนี้
“ผมไม่เข้าใจพี่สักนิด… ทั้ง ๆ ที่ผมพยายามจะวิ่งหนีพี่ตลอด พี่กลับไม่วิ่งตาม แต่อ้อมมาดักผมข้างหน้าแทน… นี่เรียกว่าแกล้งไม่สนใจหรือ เฝ้ามองอยู่ตลอดถึงรู้ว่าผมจะไปทางไหนกันแน่” จางอี้ชิงยิ้มรับกับคำถามนั้น แล้วยอมปล่อยจุนมยอนให้เป็นอิสระ
ร่างโปร่งยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วรั้งไหล่เล็กให้หันมาสบตา ท่ามกลางความเงียบสงบของค่ำคืนนี้ มือเรียวเอื้อมไปคว้ามือเล็กมากุมไว้อย่างถือวิสาสะ
“เพราะจุนมยอนอยู่ในสายตาพี่เสมอ… ทั้งในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา… และผู้ชายคนหนึ่ง”
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก… บางครั้งอาจดีกว่า
เพราะเราไม่ต้องพยายามกำหนดให้ตัวเองเป็นแบบนั้นแบบนี้
เพราะเราสามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้โดยไม่ต้องคำนึงว่ามันเหมาะสมไหม
แต่บางทีมันก็ไม่เพียงพอไม่ใช่เหรอ
“มีคนเคยบอกผมว่า พี่อี้เป็นแบบนี้กับทุกคน” คนตัวเล็กกลั่นใจเอ่ยถามขึ้น ถึงจะกลัวกับคำตอบอยู่ก็เถอะ แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้น คิมจุนมยอนคนนนี้จะได้พยายามออกห่างจางอี้ชิง
“เชื่อคนอื่นมากกว่าเหรอ… น่าน้อยใจจัง” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ใบหน้าของจางอี้ชิงกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม… ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่คิมจุนมยอนคนแสนเกลียด… รอยยิ้มของคนที่รู้ทันไปเสียทุกเรื่อง
น่าหมั่นไส้ที่สุด!!
“ทีพี่ยังอยู่กับคนอื่นมากกว่าเลย” คิมจุนมยอนตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน เมื่อเผลอเอ่ยความน้อยใจที่เก็บมานาน… เพราะพี่อี้ใจดีกับทุกคน แล้วคอยช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ…
มันก็ดีอยู่หรอก… แต่บางครั้งเขาก็อยากให้ความใจดีนี้เป็นของเขาคนเดียวนี่นา
จางอี้ชิงยกยิ้มกว้างแล้วดึงคนตัวเล็กนั่งลงบนนั่งคร่อมบนตักตัวเองพร้อมกับกอดเอวของจุนมยอนไว้แน่น ดวงหน้าหล่อซุกลงกับหน้าอกของคนตัวเล็กกว่าสักพักแล้วกดจูบลงไปอย่างแผ่วเบา
“พี่จะยุ่งแต่กับนายก็ได้… แต่จุนมยอนต้องเป็นของพี่” คำพูดสองแง่สองง่ามทำให้ใบหน้าหวานระเรื่อขึ้น แต่กลับไร้ซึ่งหนทางหนีเสียแล้วเมื่อมือหนาจับล็อกเอวไว้แน่น มือเล็กยกขึ้นวางค้ำไว้บนไหล่ของคนตัวสูงกว่าแล้วออกแรงดันให้ใบหน้าของจางอี้ชิงออกห่างจากตัวเอง แต่มันก็ไม่เป็นผล
เมื่อจางอี้ชิงผู้แสนเอาแต่ใจนั้นต้องการ มีเหรอคนเด็กกว่าอย่างคิมจุนมยอนจะรอดได้
“พี่อี้… ที่นี่ไม่ได้…” จูบหนักที่หน้าท้องแบนราบทำให้จุนมยอนเอ่ยห้ามเสียงสั่ง ทั้ง ๆ ที่สะโพกกลมกลึงถูกกดทับลงบนหน้าขาอย่างเร้าร้อน ปลุกเร้าให้คนคนตัวเล็กอย่างเต็มที่
“เด็กดื้อ… ถ้าไม่อยากให้พี่ไปยุ่งกับใคร ก็ให้พี่ยุ่งกับเราสิครับ” ไม่ว่าเปล่า มือเรียวเลื่อนขึ้นมาโอบรอบลำคอเล็กให้ลงมารับจูบบางเบาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ต่างจากเบื้องล่างที่พยายามถูไถบั้นท้ายมนอย่างดุเดือด
“เอาแต่… ใจ” มือเรียวลูบไล้คนไปทั่วแผ่นหลังผ่านเนื้อผ้า แล้วค่อย ๆ เลื่อนมือไปสัมผัสส่วนสำคัญผ่านเนื้อผ้า แล้วส่งยิ้มให้กับคนที่หลุดเสียงคราออกมาทันที
“เอาแต่ใจที่ไหน… จุนมยอนก็ต้องการ… นี่ไงเห็นไหม… สู้มือพี่ด้วย” ดวงหน้าหวานระเรื่อขึ้นกับถ้อยคำแสนน่าอายของคนอายุมากกว่า… จุนมยอนเลือกที่จะซ่อนใบหน้าระเรื่อไว้ที่หัวไหล่ของคนตรงหน้าแล้วยกสะโพกขึ้น เพื่อให้ความร่วมมือกับจางอี้ชิงที่กำลังดึงกางเกงตัวเองออก
ท่อนล่างเปลือยเปล่ายิ่งทำให้จางอี้ชิงหมดความอดทนเข้าไปอีก เขาค่อย ๆ ปลดกางเกงตัวเองอย่างลวก ๆ ในขณะที่กำลังปรนเปรอช่องทางด้านหลังที่แสนคับแคบของจุนมยอน
ความร้อนรุ่มถูกส่งเข้ามาแทนที่นิ้วเย็นเฉียบ… มือเรียวตะปบลงบนบั้นท้ายกลมกลึงอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วกดจูบลงบนขมับชื้นเหงื่อของซูโฮอย่างแผ่วเบา…
มันเป็นครั้งแรกของจุนมยอน… เขารู้
แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว… ทนไม่ไหวอีกแล้วที่จะปล่อยเด็กคนนี้ให้หลุดมือไป
เพราะรักมากเกินกว่าจะปล่อยมือ
เมื่อเห็นเขานิ่งไป… คนตัวเล็กที่เริ่มจะปรับตัวได้แล้วกลับเป็นคนเริ่มต้นจังหวะเนิบนาบอย่างเก้กัง… แต่มันกลับดูเซ็กซี่มาก
“จุนมยอน… ยั่ว… เหรอ” คนตัวเล็กกัดปากตัวเองเมื่อได้ยินคำกล่าวหาของคนอายุมากกว่า… เขาเชื่อว่าจุนมยอนไม่มีความคิดแบบนั้นหรอก… แต่เพราะกิจกรรมที่กำลังทำอยู่นี่ต่างหากที่ทำให้จุนมยอนเป็นแบบนั้น
จางอี้ชิงคนนี้ก็หลงเด็กตัวเองอยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะเนี่ย
“พะ...พูดมาก… อ๊ะ” อี้ชิงสวนสะโพกขึ้นอย่างแรงจนทำให้เสียงด่าทอนั้นหายไปทันที… รอยยิ้มร้ายถูกจุดขึ้นบนใบหน้าที่เคยมีแต่ความอ่อนโอนและรอยยิ้มอบอุ่น…
นี่แหละ… นี่แหละตัวตนที่แท้จริงของจางอี้ชิง เป็นผู้ชายที่มีความเป็นมนุษย์อยู่เต็มเปี่ยม… เต็มไปด้วยความต้องการและแสนเอาแต่ใจ
จางอี้ชิง… ที่จุนมยอนคนนี้รู้จักเป็นอย่างดี
“พี่กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ไง…” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ปลดปล่อยแล้ว หากแต่เสื้อเชิ้ตของเขาตรงบริเวรณหน้าอกกลับชุ่มไปด้วยน้ำลายของจางอี้ชิงที่ยังไม่ยอมผละออกจากมันง่าย ๆ
“ก็จุนมยอนยั่ว… พี่ก็ต้องสนองสิครับ… ดูยอดอกเราสิ… สู้ลิ้นพี่ขนาดนี้” คนตัวเล็กพยายามดันไหล่หนาออก แต่มันไม่เป็นผลเลยสักนิด
“พะ… พอก่อนนะครับ… ดะ… เดี๋ยวคืนนี้… ผมไปค้างด้วย” ท้ายประโยคเบาลงจนแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ แต่กลับชัดเจนจนอี้ชิงยอมผละออกแต่โดยดี เขาค่อย ๆ ประคองร่างเล็กให้นั่งลงข้าง ๆ แล้วแต่งตัวให้กับจุนมยอนอย่างรวดเร็ว
“พูดแล้วนะ… เตรียมลาคาบเช้าพรุ่งนี้ไว้ได้เลย”
เค้าว่า เพลงรักมักเขียนให้คนที่รักกัน
แต่ความสามารถทางด้านดนตรีของโบว์นี่เข้าขั้นติดลบ และ วิกฤตอย่างหนักเลย 5555
ไม่ได้ลงวันช๊อตนานมาก... คือจริง ๆ เรื่องนี้เขียนนนานอยู่นะ เขียนให้วันเว เป็นของขวัญอะไรสักอย่าง
แต่เพิ่งเขียนจบ 55555555555555
ทำงานได้จะสองเดือนแล้ววว เร็วเนอะ วันนี้ปะฉะดะกับลูกค้าอินเดีย มันส์มากค่ะ ทำงานบรีการต้องมีใจบริการนะคะ
ห้ามความอดทนต่ำเด็ดขาดเลย T w T/
กลับมาที่เรื่องฟิคคค บอกตามตรง เราแอบชอบพี่เล่ยเรื่องนี้มาก... นางดูเป็นของจุนมยอนแต่เพียงผู้เดียวนะ ใครอ่านแล้วรู้สึกงรี้มั่ง
*O*
ใครรู้สึกงรี้ติดต่อโบว์ทางทวิตเตอร์ได้เยยนะ จะให้ขนม 55555555
เอาละะ ไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้ทำงาน T w T
รักและคิดถึงทุกคนเสมอ
Soulinaj.
ความคิดเห็น