ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF KAIBAEK] Imagination with KaiBaek

    ลำดับตอนที่ #6 :  [SF] Writhen shadow

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.72K
      6
      29 เม.ย. 56




















     

    [SF] Writhen shadow

    Pairing : Kai x Baekhyun
    Rate : PG-13
    Author : Gornhai (gorn_dbsk)

    คำเตือน : แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้ เป็นเรื่องสมมติขึ้นเท่านั้น
    ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริงแต่อย่างใด!!












    หากเลือกได้ ก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอก
    เกลียดตัวเองที่ต้องซุกซ่อนความคิดน่ารังเกียจเอาไว้
    ดั่งเงาตามตัว ที่ไม่มีวันสลัดมันทิ้งไปได้













    ใจเย็นจงอิน กูว่ามึงควรลืมมันซะนะ


    พยอนแพคฮยอนเอ่ยบอกเพื่อนสนิทที่นั่งถอนหายใจเหมือนคนบ้า อาการอกหักเพราะถูกบอกเลิกอย่างนี้มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอก และคิมจงอินคนนี้ ก็ไม่ตอบอะไรนอกจากดึงแก้วเหล้ามาเทเข้าปากไปอีก เวลาเสียใจก็มักจะมาทำแบบนี้ที่ห้องซึ่งพักอยู่ด้วยกันเสมอ

    มึงได้ยินมั้ยวะที่บอก แล้วอีกไม่กี่วันก็สอบแล้วนะเว้ย ปีสุดท้ายแล้วถ้าติดอีกเราแย่แน่แพคฮยอนกล่าวเรื่องสำคัญ ขณะที่เพื่อนรักจะเอาแต่เฉย

    ติดก็ติดสิวะ

    ไม่ได้นะจงอิน ที่บ้านไม่มีปัญญาส่งต่อแน่ถ้ามึงกับกูเรียนไม่จบแพคฮยอนถอนหายใจ ใบหน้าขาวๆกับดวงตาคู่เรียวดูจริงจังขึ้นมาทันใด


    เขาทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ไม่สิ .. ไม่ใช่แค่หลายปีนะ แทบจะเรียกว่าโตมาด้วยกันเลยก็ได้ ในหมู่บ้านเล็กๆแถบชานเมืองของโซลเป็นบ้านเกิดของพวกเขา แพคฮยอนกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก เขาจึงโตมากับคุณยายที่เลี้ยงเขามาคนเดียว ไม่ต่างจากบ้านข้างๆ แม่ของจงอินก็เลี้ยงลูกมาคนเดียวเช่นกัน ทั้งสองจึงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กไม่กี่ขวบ


    แม้ว่าจะเติบโตมาท่ามกลางความลำบากต่างจากคนอื่นๆทั่วไป แต่เขาทั้งสองก็คบกันมาจนถึงตอนนี้ ตอนที่ถือเป็นช่วงชีวิตของนักศึกษาปีสุดท้าย


    กูไม่จบก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ขยันแบบมึงนี่

    พูดดีๆนะจงอิน อกหักแล้วอย่าพาล


    แพคฮยอนลุกเดินหนีไปอาบน้ำเพราะเบื่อเต็มทีกับคนแบบนี้


    เออ .. กูมันไม่ดี แล้วมึงน่ะ จะเข้าใจอะไร ไม่เคยมีแฟนนี่

    “...........”


    แพคฮยอนชะงักเท้าลงก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าเรียวหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ล้มตัวลงกับพื้น สภาพเหมือนหมาไม่มีผิด คนตัวเล็กหันเดินกลับเข้าห้องน้ำไป








    .. กูไม่มีแฟน แล้วยังไง มึงไม่รู้หรอก





    ในห้องเช่าขนาดเล็กบนชั้นสองของตึกเก่าๆแห่งนี้ ยามค่ำคืนที่ควรจะได้พักผ่อน หากแต่มันคือเวลางานของคนบางส่วน รวมถึงเขาคนนี้
    หลังจากอาบน้ำเสร็จแพคฮยอนที่อยู่ในชุดลำลองก็เดินออกมา เครื่องแบบที่ต้องใส่ทำงานนั้นอยู่ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว สองขาก้าวตรงมายังคนที่ก่อนหน้านี้เมาเป็นหมายังไงก็ยังเป็นแบบนั้น


    จงอินไม่ใช่คนเหลวไหลหรือไม่มีอะไรดี แต่เวลาแบบนี้แหละที่แพคฮยอนไม่ชอบเลย


    นี่ ตื่นได้แล้ว

    จงอิน จงอิน ...ไม่พูดเปล่าร่างเล็กก้มตัวลงไปเขย่าคนที่นอนกองอยู่บนพื้นแรงๆ

    งืม ....

    กูจะไปทำงานแล้วนะ ล็อคห้องด้วยแพคฮยอนบอกคนที่เหมือนจะพอรู้ตัวแล้วพยักหน้าทั้งที่ยังหลับตา


    ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่าในห้องไม่มีอะไรพอจะรองท้องเวลาที่อีกฝ่ายหิว และยิ่งที่กินลงไปก็มีแต่เหล้าด้วยแล้ว รับรองว่าตื่นมาต้องทรมานแย่ คิดอย่างนั้นแพคฮยอนจึงก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วคำนวณคร่าวๆในหัว เขาต้องเดินไปทำงาน ไหนจะวิ่งออกไปตอนนี้

    สักสิบนาทีคงพอได้


    ชายหนุ่มทิ้งกระเป๋าลงกับพื้นแล้วรีบพุ่งตัวออกจากห้องเล็กๆนี้ไปทันที


    จงอินปรือตามองไปยังประตูที่ปิดลงเสียงดัง เขารู้สึกปวดท้องอย่างมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแพคฮยอนวิ่งออกไปไหน


    เขามันแย่ แย่จริงๆ


    จงอินมองกระเป๋าหนังสีดำของแพคฮยอนที่วางไว้กับพื้นข้างๆเขา ร่างสูงไม่มีแรงจะยันตัวลุกขึ้นจึงได้แต่ขดกายเข้าหามัน
    เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เวลาที่คิดว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ แค่ได้เห็นสิ่งของหรืออะไรต่างหน้าก็ยังดี



    ทำไม อะไรๆมันจึงเป็นแบบนี้ .. เรื่องเหลวไหล แค่เรื่องเหลวไหล เขากำลังบอกกับตัวเอง









    เอ้า ข้าวกับยา

    ยา...

    ใช่น่ะสิ ปวดท้องไม่ใช่เหรอแพคฮยอนเก็บอาการเหนื่อยหอบแล้วรีบวางทุกอย่างลง จงอินสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อเล็กๆผุดออกมาข้างขมับของคนตรงหน้า .. เพิ่งอาบน้ำแล้วแท้ๆ คงรีบมากเลยสินะ


    คนที่เมาเหมือนหมาสภาพไม่น่าดู จู่ๆก็ยันตัวเองขึ้นนั่งพิงขอบเตียง

    มึงก้มมานี่ซิจงอินสั่งเบาๆไม่ได้สนหรอกว่าแพคฮยอนกำลังรีบขนาดไหน เรียวหน้าขาวๆขมวดคิ้วให้อย่างสงสัย แต่ก็ยอมทำตามอยู่ดี แพคฮยอนก้มหน้าลงไปหาจงอินที่นั่งอยู่

    เหงื่อออกแล้วเห็นมั้ยพูดจบมือหนาที่คว้าผ้าเช็ดหน้ามาจากไหนก็ไม่รู้ ก็เอื้อมเข้ามาซับเข้าที่ขมับให้เบาๆ แพคฮยอนจ้องตาจงอินที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่คนที่ถูกทำแบบนี้ด้วย ในใจมันเตลิดไปไกลแล้ว




    ทรมาน .. มึงชอบทำให้กูทรมานทั้งที่ไม่ว่ายังไง กูก็สำคัญกับมึงได้แค่ในฐานะเพื่อน


    ความคิดผิดๆที่พยายามจะหลีกหนีมัน หากยิ่งหนีเท่าไหร่กลับยิ่งถลำลึกมากขึ้นเท่านั้น


    แพคฮยอนผละออกจากคนหวังดีที่คงทำร้ายหัวใจของเขาอย่างไม่ตั้งใจ


    กูไปนะ สายแล้วด้วย

    อืม..

    แล้วถ้าเจ๊คิมมาตามค่าห้อง บอกว่าพรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวกูจะเอาไปจ่าย ค่าจ้างออกวันนี้แพคฮยอนพูดเร็วๆก่อนจะรีบผลุนผลันออกจากห้องไป ทิ้งให้คนที่นั่งอยู่ได้แต่มองตาม


    ใบหน้าของคนไม่เอาไหนเรียบเฉยอย่างเห็นได้ชัด จงอินยกมือขึ้นเสยผมที่ไม่เป็นทรงของเขาอย่างหงุดหงิด มองขวดเหล้าขวดเบียร์แล้วก็แค้นใจ เงินที่มีก็หมดไปกับมัน กับเรื่องผู้หญิง พออกหักมาก็มาลงที่มันอีก แล้วคนที่เดือดร้อนก็ไม่พ้นคนที่อยู่ด้วยกัน ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันตลอด


    หลายครั้งที่แพคฮยอนต้องรับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายที่ไม่เข้าท่าเพราะเขาเป็นคนก่อ

    ที่แย่ไปกว่านั้น คงไม่พ้น .......


    แม่งเอ๊ย!!






    บางที โลกนี้ก็โหดร้ายนะ
    ให้มาสนิทชิดเชื้อกัน สานสัมพันธ์ในรูปแบบคนสำคัญ
    .. ทั้งที่เป็นอะไรกัน ไม่ได้มากไปกว่านั้น






    -----------------




    ภายในผับเล็กๆแห่งหนึ่ง แหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่วัยรุ่นหลายคนมักจะมารวมตัวกัน แสงไฟสลัวคลอเคล้าไปกับดนตรีจังหวะกลางๆ

    บริกรหนุ่มสาวหลายคนเดินวนเป็นจุดตามแต่ละออเดอร์ที่ได้รับ แพคฮยอนก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แม้ว่าเขาจะตัวเล็กกว่าผู้ชายคนอื่นแต่ก็ทำงานได้ไม่มีที่ติล่ะนะ ขณะที่กำลังเดินเสิร์ฟอยู่นั้น เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น


    ว่าไงแพคฮยอน วันนี้ก็ขยันอีกแล้วนะ

    คุณคริส สวัสดีครับแพคฮยอนจับถาดเปล่าแนบลงกับลำตัวทันทีที่พบหน้าเจ้าของผับผู้แสนใจดี ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ ปัญหาไม่ค่อยมีเพราะคนๆนี้นี่แหละ

    หวัดดีๆ ยุ่งรึเปล่าล่ะ

    เปล่าครับ คนยังไม่เยอะเลย แล้วคุณสบายดีมั้ยครับ เห็นไม่มาที่นี่หลายวันเลยแพคฮยอนถามไถ่

    พอดีน้องสาวไม่สบายเข้าโรงพยาบาลน่ะ แต่ตอนนี้ออกมาแล้วล่ะคริสบอก

    เหรอครับ ขอให้หายดีเร็วๆแล้วกัน

    ขอบใจมากคริสยิ้มให้ ขณะที่แพคฮยอนขอตัวไปทำงานต่อ แต่ก็ถูกเรียกไว้เสียก่อน


    เดี๋ยวแพคฮยอน

    ครับ

    พรุ่งนี้ไปมหาลัยรึเปล่า

    พรุ่งนี้ เอ่อ มีติวตอนบ่ายน่ะครับ

    งั้นเหรอคริสทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังมีความพยายามอยู่บ้าง



    งั้นเลิกงานคืนนี้ ฉันไปส่งนะ

    เอ๋ จะดีเหรอครับแพคฮยอนเกรงใจ ไม่เข้าใจด้วยว่าจะไปส่งทำไม คราวก่อนเพราะฝนตกหรอกนะ แต่คราวนี้จะใจดีเกินไปหน่อยไหม เขาไม่อยากรับความหวังดีขนาดนี้ไว้เลย

    เอาน่ะ ไว้ฉันจะรอพูดจบ ร่างสูงโปร่งของเจ้าของผับแห่งนี้ก็หายเข้าไปในห้องส่วนตัวด้านใน ไม่ให้โอกาสอีกคนได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธเลย




    ขณะที่เอาแต่ยืนคิดได้สักพัก แพคฮยอนนึกได้ว่าควรตั้งใจทำงานมากกว่า แต่แล้วสายตาก็พลันสะดุดกับใครบางที่กำลังมองมา






    .. จงอิน


    สายตานิ่งๆกำลังจ้องตรงมาจากโต๊ะมุมหนึ่ง สายตาที่ว่าราวกับกำลังคาดโทษ ทั้งที่คนที่ควรจะสำนึกน่าจะกลับกันมากกว่า แพคฮยอนคงจะไม่รู้สึกแย่เท่าไหร่หากไม่เจอจงอินในเวลานี้ .. ในเวลาที่อีกฝ่ายกำลังอยู่กับใครอีกคน ผู้หญิงหน้าตาน่ารัก คนๆนี้ที่เพิ่งจะเลิกกันไปไม่ใช่เหรอ

    จงอินนั่งอยู่กับหล่อนขณะที่จ้องตาอยู่กับแพคฮยอน คนที่อยู่ในฐานะแค่เด็กเสิร์ฟทำเพียงแค่จ้องกลับก่อนจะหันหน้าหนี




    แพคฮยอนเดินฝ่าคนในผับกลับเข้ามาในส่วนด้านหลัง กว่าจะเดินผ่านแต่ละคนมาได้ทำไมวันนี้มันใช้เวลาเยอะจังนะ ร่างเล็กรีบวิ่งเข้ามายืนอยู่ในห้องน้ำภายในที่มีแต่เขาเท่านั้น แสงสว่างจากไฟหลอดใหญ่ต่างจากในผับนั้น ทำให้เขาเห็นตัวเองได้ชัดเจนขึ้น ดวงตาคู่เรียวเริ่มแดงๆขึ้นมา ไหนจะหน้าที่ทำอย่างกับจะร้องไห้นั่นอีก

    ใช้ไม่ได้เลยแพคฮยอน อะไรของมึงวะเนี่ย เหลวไหลน่ะ

    โกหกตัวเองต่อไปไม่ได้หรอก ไม่ได้เสียใจที่จงอินยังจะอุตส่าห์ลากสังขารตัวเองมาในที่แบบนี้ ไม่ได้เสียใจที่ใกล้จะสอบแล้วแต่ยังมีหน้ามาเหลวไหลอีก ไม่ได้เสียใจที่อีกฝ่ายไม่สำนึกอะไรเลย






    แค่เสียใจ .. ที่ยังมากับเธอคนนั้นอยู่อีก
















    ฉันล่ะดีใจจังนะที่นายยอมออกมา เมื่อกลางวันฉันอารมณ์เสียไปหน่อย ขอโทษทีนะจงอินใบหน้าหวานใสเอ่ยบอก ขณะที่อีกคนเอาแต่นั่งเงียบมาได้สักพักแล้ว

    อืม ไม่เป็นไรหรอกอึนจิน

    งั้นเราดื่มกันต่อเถอะนะ คืนนี้ฉันบอกคุณพ่อว่ามาติวที่บ้านเพื่อนน่ะ กลับค่ำคงไม่เป็นไรเสียงหวานใสเอ่ยบอก


    จงอินปรายตามองหล่อน ความน่ารักไร้เดียงสาแบบนี้มันก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย ตั้งแต่คบกันมา ก็เหมือนกับเขาเป็นคนไม่ดีที่ล่อลวงคุณหนูผู้ไม่ประสีประสาให้ออกมารู้จักโลกอันตรายแบบนี้



    ในบรรยากาศสลัวมัวเมาอย่างนี้ ทั้งสองร่างกำลังแนบชิดกันอย่างที่ไม่ได้สนใจในสายตาใคร รวมถึงสายตาคู่เดิมที่จำต้องมองมันอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้





    โต๊ะสิบเอ็ดนะครับ ..เสียงเบาๆเอ่ยขึ้นให้ทั้งสองคนหันมา จงอินไม่ได้ทำหน้าตกใจกับการที่แพคฮยอนยืนอยู่ตรงนี้หรอก เป็นอึนจินเองมากกว่าที่ตกใจ เธออยากจะอ้าปากบอกว่านี่มันเพื่อนของจงอินนี่นา แต่อย่างที่รู้ว่าเธอค่อนข้างไม่ชอบแพคฮยอนพอสมควร ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตอนนี้จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

    อืม ขอบใจจงอินบอกราวกับไม่ใช่คนรู้จัก


    แพคฮยอนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายไม่พอใจอะไรเขา เขาเองไม่ใช่เหรอที่ควรจะไม่พอใจน่ะ


    ชายหนุ่มในชุดบริกรรีบพาตัวเองออกมาจากที่ตรงนั้น ยิ่งต้องเห็นคนรักกันเขาสวีทหวานแบบนั้นด้วยแล้ว


    ช่างสิ .. เค้าจะทิ้งมึงไปยังไง มึงก็ยังกลับมาหาเค้าอยู่ดี มึงรักเค้ามากใช่มั้ย


    ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายมอบความรักให้ใครอีกคนเท่าไหร่ ยิ่งรู้ว่าตัวเองไม่มีวันได้ความรู้สึกแบบนั้น
    นับวันมันยิ่งปวดไปทั้งหัวใจ .. เกลียด เกลียด เกลียดความรู้สึกแบบนี้




    ภายใต้ความไว้ใจ หาใช่เพียงรักอันบริสุทธิ์
    ยิ่งก้าวล้ำคำว่าเพื่อนมากเท่าใด กลับยิ่งซ่อนไว้ ซึ่งความผิดบาป




     

     

     



    ในมือทั้งคู่เต็มไปด้วยแบงค์หลายใบ ที่แม้มูลค่าจะไม่มากมายอะไรนัก แต่สำหรับเขาแล้วมันสามารถต่อชีวิตให้ดำเนินต่อไปได้ แพคฮยอนเก็บเงินค่าจ้างเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว ได้เวลากลับบ้านแล้ว

    ในหัวคิดไปถึงใครอีกคนที่ป่านนี้คงออกไปไหนต่อไหนกับแฟนสาวที่แสนน่ารักแล้ว

    เสร็จแล้วเหรอแพคฮยอนเสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง หลายคนที่กำลังทยอยกันกลับก็หันมามองเจ้าของผับที่ยืนพิงประตูอยู่
    ผู้จัดการสาวสวยเอ่ยทักทายอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ต่อ ไม่ต้องบอกแพคฮยอนก็รู้ว่าคริสมาหาเขาทำไม ในเวลาแบบนี้เขารู้สึกไม่อยากคุยกับใครเลย แต่ก็ต้องฝืนยิ้มออกไป


    ครับคุณคริส

    ที่บอกจะไปส่งน่ะ ไปเถอะ

    ครับ

    แพคฮยอนเดินตามหลังคริสออกมาด้านนอก ร่างเล็กเอาแต่ก้มหน้าพลางคิดอะไรในหัวเหมือนเดิม อะไรที่ลืมยากก็ย่อมคิดมากเป็นธรรมดา และการที่ไม่ดูก็ทำให้ชนเข้ากับแผ่นหลังของเจ้านายที่หยุดกะทันหัน

    เป็นไรมากมั้ยแพคฮยอน

    ไม่เป็นไรครับ ขอโทษนะครับที่ชน

    ก็ฉันเห็นนายเอาแต่เดินก้มหน้าตามหลังฉันนี่นา เลยอยากรู้ว่าเป็นอะไรรึเปล่าคริสก้มหน้าเข้ามาใกล้ๆเพื่อถามไถ่อย่างเป็นห่วง มือหนาถือวิสาสะเชยคางของแพคฮยอนให้เงยหน้าขึ้นมองเขา คนตัวเล็กกว่าตกใจนิดหน่อย

    แพคฮยอน!

    เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่แรงกระชากจะตรงเข้ามาที่ร่างของแพคฮยอน

    จงอิน...

    จงอินดึงแพคฮยอนให้ออกมาจากคริส ใบหน้าคมจ้องมาด้วยสายตาเย็นเยียบ ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลงอะไรแพคฮยอนก็ถูกเพื่อนรักดึงให้เดินออกไปด้วยกันเสียแล้ว ทิ้งคริสเอาไว้ให้มองตามอย่างไม่เข้าใจ





    คนหนึ่งฉุดดึงให้เดินตาม อีกคนก็รีบสาวเท้าให้ตามทันอย่างทุลักทุเล

    หยุดได้แล้วแพคฮยอนสะบัดแขนตัวเองลงขณะที่เดินออกมาไกลมากแล้ว พวกเขาหยุดลงที่ข้างทางซึ่งทอดยาวไปไกล ทางประจำที่แพคฮยอนใช้เดินกลับบ้านในเวลานี้

    ไม่มีมารยาทเลยนะจงอิน

    ต้องมีมารยาทอะไรล่ะ ดูตัวเองก่อนมั้ยว่าทำอะไร ชอบมันมากล่ะสิถึงให้มันมาจับน่ะ ..

    จงอิน!

    แพคฮยอนขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาดูถูกเขาแบบนี้ ถึงปกติจะไม่ได้พูดจาดีๆใส่กัน แต่แบบนี้แพคฮยอนไม่ชอบเลย

    มึงนั่นแหละ ดูตัวเองก่อนไหม แทนที่จะพักผ่อนแล้วเตรียมสอบ แล้วนี่อะไร เค้าทิ้งมึงได้แค่ครึ่งวันรึไง ตอนนี้ถึงมาคืนดีกันแล้วแพคฮยอนเป็นฝ่ายต่อว่าบ้าง

    อึนจินน่ะเหรอ .. คืนดีอะไร เลิกกันแล้วจู่ๆจงอินก็บอกเสียงเรียบ อาการฉุนเฉียวก่อนหน้านี้หายไปอย่างเห็นได้ชัด

    ทำไมแพคฮยอนรีบถามด้วยความสงสัย

    เค้านัดกูออกมาคืนดีจริงๆ แต่กูก็แค่ออกมาตามที่เค้าขอ สุดท้ายเลยบอกไปว่าอย่าเข้าใจผิด กูออกมาหาเค้าเป็นครั้งสุดท้าย

    ทั้งที่มึงกับเค้าอี๋อ๋อกันขนาดนั้นเนี่ยนะ กูไม่เชื่อหรอก

    เออ ไม่เชื่อก็ช่าง .. แล้วที่ทำแบบนั้นน่ะ กูประชดมึง พอใจรึยัง



    ต่างฝ่ายต่างจ้องกันก่อนจะเงียบไป สักพักจึงเดินข้างกันไปตามทางกลับบ้าน ไม่มีใครเอ่ยอะไรเลย เอาแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง แพคฮยอนคิดไปต่างๆนานาราวกับคนบ้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าความคิดผิดๆของเขาจะได้รับการปลดปล่อย ทำไมนะจงอินถึงได้พูดอะไรที่ทำให้เขาต้องคิดไปไกลอย่างนั้นด้วย จะเอายังไงก็พูดมาให้หมดสิ


    กูไม่ชอบเลยเวลาที่มึงอยู่กับมัน ไอ้เจ้าของผับนั่นน่ะจงอินบอกขณะที่ขาทั้งสองก็เดินไปข้างหน้าช้าๆ แพคฮยอนขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

    ทำไม

    เพราะกูรู้ว่ามันคิดอะไรกับมึงไง

    ถึงตรงนี้แพคฮยอนก็เงียบไปอีก ได้แต่มองใบหน้าด้านข้างของจงอินที่ไม่หันมาหาเขาเลย


    แพคฮยอน กูมีอะไรจะบอกว่ะ

    ว่ามาสิ

    ตอนแรกว่าจะบอกมึงตอนเราเรียนจบ ซึ่งมันก็อีกไม่นาน แต่กูว่ากูทนต่อไปไม่ไหวหรอก


    มึงรู้มั้ยว่าทำไมเราเลิกกัน ไม่สิ กับคนก่อนเหมือนกัน มึงรู้มั้ยทำไม

    ทำไมล่ะ .. มึงก็พูดมาสิ

    ก็ไม่ว่าผู้หญิงหน้าไหนก็เอาแต่บอกว่ากูเห็นมึงสำคัญกว่าเค้า อะไรๆก็มีแต่มึง


    แพคฮยอนแทบก้าวไม่ออกเมื่อได้ยินอะไรที่ไม่เคยรู้อย่างนั้น แต่จงอินที่เดินต่อไปข้างหน้าก็ทำให้เขาต้องก้าวตามไปช้าๆ


    ตอนแรกกูก็แค่คิดว่ามันเรื่องตลกอะไร แต่นานเข้าพวกเธอก็บอกให้กูเลิกพูดถึงมึงบ้างล่ะ ให้ห่างออกมาบ้างล่ะ หรือบางทีถึงขั้นงอนกูเลยก็มี .. แต่กูก็ไม่สนใจที่พวกเธอพูด สุดท้ายทนกูไม่ได้ก็เลิกไปเอง

    ทั้งที่มึงมานั่งกินเหล้าเสียใจเพราะอกหักเนี่ยนะ แล้วทำไมไม่รู้จักรักษาคนที่มึงรักเอาไว้....

    ไม่ใช่แพคฮยอน ไม่ใช่อย่างที่มึงเห็นหรอก


    จงอินถอนหายใจก่อนจะหยุดเดินแล้วหันมาหาแพคฮยอนเพื่อมองหน้ากันชัดๆ ร่างสูงใช้สองมือจับที่ไหล่ของคนตรงหน้า ดวงตาคมเข็มจ้องลึกลงไปในแววตาที่สั่นระริกของคนรอฟัง แพคฮยอนอยากหยุดหายใจให้ได้ฟังชัดๆ อยากได้ยินชัดๆว่าที่จงอินทำให้เขาสับสนมันแค่เรื่องโกหก


    ทุกครั้งที่กูเสียใจ ที่กูเมาเละเทะเพราะกูเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนั้นจริงๆ

    “...............”

    เป็นแบบที่ผู้หญิงพวกนั้นว่า กูเกลียดตัวเอง ที่คิดกับมึงมากกว่ากับผู้หญิงพวกนั้นเสียอีก กูคิดกับมึงมากกว่านั้น คิดถึงหน้ามึง คิดถึงแต่เรื่องมึง

    “................”

    ขอโทษนะ นึกไม่ถึงล่ะสิว่ากูจะคิดอะไรได้น่ารังเกียจแบบนี้ ... อีกไม่กี่เดือนเราจะเรียนจบแล้ว ทนๆเห็นหน้ากูหน่อยแล้วกัน


    จงอินมีสีหน้าสลดลงก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนของแพคฮยอน ขณะที่ใจดวงน้อยของคนฟังจะปวดแปลบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


    กลับกันเถอะเมื่อบอกความในใจออกไปแล้ว จงอินจึงเป็นฝ่ายหันหนี ก่อนจะเดินนำออกไป




    ความในใจอันแสนสกปรก หากเทียบกับมิตรภาพอันแสนมีค่าแล้ว .. น่าแปลก
    ที่คนน่ารังเกียจจะรู้สึกได้รับการปลอบโยนจากสิ่งไร้ค่ามากกว่า .. มิตรภาพแสนสวยอะไรนั่น รังแต่จะทำให้ปวดร้าวหลายเท่าทวี

















    เดี๋ยว!




    ถ้ามึงบอกว่ามึงน่ารังเกียจ กูต่างหากที่น่ารังเกียจกว่ามึงตั้งเยอะ


    จงอินชะงักไปกับสิ่งที่ได้ยิน หากเขาหันหลังกลับมาสักหน่อยคงเห็นว่าแพคฮยอนกำลังยืนตัวสั่นกับทุกอย่างที่ตีกันให้วุ่นอยู่ในหัว ใบหน้าขาวๆก้มมองพื้นอย่างคนไม่มีความมั่นใจอะไรเลย ความเป็นผู้ใหญ่ได้เรื่องได้ราวของแพคฮยอนแบบที่จงอินเห็นประจำ ตอนนี้มันไม่มีเหลืออยู่เลย


    กูทำลายมิตรภาพระหว่างเราไปหมดแล้วจงอิน กูคิดกับมึงในแบบที่น่ารังเกียจนานแล้วเหมือนกัน


    มึงเคยว่ากูไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยมีแฟน แล้วมึงถามกูซักคำมั้ยว่าทำไม ..


    จงอินรู้ตัวแล้วว่าหัวใจกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ พระเจ้า .. ลูกไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม
    แม้ว่าโลกนี้จะใจร้าย แต่โชคชะตา กลับยังนำพา ...



    ถึงตรงนี้น้ำตาเม็ดโตของแพคฮยอนก็ไหลหยดลงไปบนพื้นถนน จงอินหันกลับแล้วตรงมาหาคนที่ยืนเงียบ ชายหนุ่มหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมออกมาจากกระเป๋าเสื้อตัวหนา ก่อนจะบรรจงซับลงไปบนใบหน้าที่เปื้อนน้ำตานั่น

    พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว

    ฮึก....

    ขี้แยจังนะมึง

    ไม่ใช่เว้ย กูไม่ได้ร้อง ..เอามานี่มือบางคว้าแย่งผ้าเช็ดหน้าในมือจงอินมาเช็ดลวกๆเอง จงอินมองภาพตรงหน้าพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย

    ยิ้มอะไร กูน่าขำเหรอ

    เปล่า แค่คิดว่า เวลามึงเป็นแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ


    เวลาแก้เก้อหมดลงแล้ว
    สักพัก สองสายตาสบกันนิ่ง จ้องกันราวกับจะลืมหายใจ จู่ๆทุกประโยคที่ต่างคนต่างเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ก็ชัดขึ้นมาอีก ย้ำเตือนให้รู้ว่าระหว่างกันในตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว




    จงอินค่อยๆดันมือของแพคฮยอนที่ปิดหน้าเอาไว้ออกไป สองมือประคองใบหน้านั้นขึ้นช้าๆ เสียงทุ้มเอ่ยอย่างแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง สีหน้าของเขาที่มักแสดงอาการไม่ยี่หระต่อสิ่งใด บัดนี้กำลังส่งสายตาเว้าวอนมาให้




    ถ้าเรากำลังทำผิดในฐานะเพื่อน ถ้าอย่างนั้น .. มึงช่วยเลิกเป็นเพื่อนกับกูได้ไหม






    แพคฮยอนพูดไม่ออกแต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องตอบ แค่แววตาที่ส่งกลับไป จงอินก็รับรู้ได้ทันที ใบหน้าคมโน้มลงใกล้กว่าเดิม
    เสี้ยวของลมหายใจอุ่นหลอมรวมเข้าด้วยกัน ริมฝีปากหนาคลอเคลียกับเรียวปากคู่นั้นอย่างอ้อยอิ่ง เวลาในยามนี้ช่างเหมือนดั่งในความฝันทุกคืนที่โหยหา




    จงอินเว้นระยะเหมือนรอคำตอบจากแพคฮยอน และเมื่อดวงตาชื้นๆคู่นั้นหลับลง เขาก็มอบสัมผัสอุ่นนุ่มของจุมพิตนี้ให้





    ขอใช้มันแทนคำรักในคืนนี้ ในวันที่พวกเขาจะหยุดวิ่งหนีเงาตัวเองเสียที
















    ไร้ความงดงามบนความถูกต้อง ภายใต้กลุ่มเมฆกระจัดกระจาย
    แสงจันทร์ทอดลงมาเป็นเงาบิดเบี้ยว มีเพียงสิ่งเดียว ที่แสนซื่อตรง ... หัวใจ



















    .
    .

    The end. [SF] Writhen shadow (KaiBaek)















    เรื่องนี้มาแบบไม่คิดอะไรไว้ก่อนอีกแล้วค่ะ อยากเขียนขึ้นมาซะงั้น^^
    ไม่รู้สนุกกันมั้ย พอดีว่าถนัดเขียนฟิคน้ำเน่าเดาตอนจบได้ มากกว่าเขียนแบบคูลๆน่ะนะคะ

    โครงเรื่องเป็นแบบไม่มีอะไรเลย(อีกแล้ว) เป็นพล็อตเพื่อนรักเพื่อนทั่วไป
    พอดีว่าอยากได้ฟีลแบบนี้แต่ขอสั้นๆและไม่ดาร์ค เพราะไม่อยากให้ยาวสองสามพาร์ท
    อย่างที่ชอบทำ และแอบอยากได้แบบหยาบโลนหน่อย แต่ขี้เกียจเลยเอาแบบนี้แหละ
    สารภาพว่าหลุดคอนเซปท์ตามเคยค่ะ ตลอดเลย T T

    เรื่องนี้ซึนมันทั้งสองคนค่ะ เพราะไม่ซึนไม่ได้ บทมันจำเป็นต้องซึน ว่าแต่เรียกซึนได้เหรอนั่น?
    กัมจงรอดตัวนะ เพราะการซึนในเรื่องนี้มันมีเหตุผล ไม่โทษค่ะไม่โทษ
    ส่วนแบคลูก รายนี้ได้บทนายเอกที่เป็นนายเอ๊กนายเอก
    (แต่จะซึนจะผิดหรืออะไรยังไงหม่ามี้ไม่ว่าค่ะ ไบแอสลูกชายค่ะ .. หึหึ)


    ขอบคุณทุกคอมเมนท์ล่วงหน้าเลยนะคะ (ทั้งจากเรื่องก่อนๆด้วย) ((_ _)) !







     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×