ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF KAIBAEK] Imagination with KaiBaek

    ลำดับตอนที่ #19 : [SF] Let me be .. (KaiBaek) - 2 (END)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.91K
      10
      28 ต.ค. 56






    Let me be  . .

    Pairing : Kai x Baekhyun // Story and Art : Gornhai




    talk * พาร์ทจบนี้ใสๆ มุ้งมิ้ง น่ารักจร้า ~~














                131027
    part -2
    (Ending part) 









     

                  แดดในยามสายส่องกระทบผิวสีแทนที่ชื้นเหงื่อ ขณะที่กำลังออกแรงลากรถเข็นขนาดใหญ่เพื่อบรรทุกส้มเป็นร้อยๆลูกตรงไปข้างหน้า สองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นส้มเรียงรายกันอยู่มีคนงานยืนห่างกันเป็นระยะเพื่อเก็บผลส้มลงตะกร้าในฤดูเก็บเกี่ยวนี้ 


                  ร่างที่เข็นรถบรรทุกส้มเดินไปเรื่อยๆก็พลางจะชะโงกหน้าทักทายพวกคนเหล่านี้อย่างเป็นประจำ 

                  “เดินระวังๆหน่อยนะครับป้าซุนมี ตรงนั้นดินมันลื่นนะ เมื่อคืนฝนตกหนักเลย 

                  “ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะจงอิน แค่นี้ป้าไม่พลาดหรอก หญิงมีอายุตะโกนกลับมาบอกลูกชายของเจ้าของสวนแห่งนี้ คิมจงอินเลยยิ้มกลับไปให้แทนประโยคต่อไป 

                  ชายหนุ่มเข็นรถเดินผ่านต้นส้มในสวนไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นคนงานที่ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองก็ไม่ลืมจะโผล่หน้ามาทักทายเจ้านายอีกคนของพวกเขา แม้ว่าพ่อของไคจะมีสวนส้มขนาดใหญ่ แต่เขาที่เป็นลูกชายก็ไม่เคยถือตัวกับลูกน้องของพ่อเลยแม้แต่นิด ทุกคนอยู่ที่นี่อย่างกันเองและเป็นมิตร 

                  นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้มาทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่เข้าไปทำงานในโซล ถึงจะกลับมาได้เกือบจะครบเดือนแต่ไคก็ยังไม่ชินเสียที ไม่รู้ว่าเพราะอยู่ที่นั่นนานไปหน่อย กลับมาที่นี่เลยยังปรับอารมณ์ไม่ได้ หรืออันที่จริงในใจกำลังคะนึงหาแต่ใครบางคนกันแน่ 

                  .. บางคืนคิดถึงจนนอนไม่หลับ 

                  ชายหนุ่มลอบถอนหายใจขณะที่สองขาจะก้าวเดินต่อไปด้วยสภาพที่เหงื่อเริ่มจะท่วมตัวแล้ว เสื้อยืดที่สวมใส่เปียกไปหมดจนเรียกความสนใจจากเขากลับมาสู่ความเป็นจริง ไคเข็นไอ้เจ้ารถขนส้มไปตามทางที่เริ่มจะขรุขระและเต็มไปด้วยโคลนเนื่องจากฝนเมื่อคืนนี้ ข้างหน้าที่ห่างออกไปก็ดูเหมือนจะมีคนงานกลุ่มหนึ่งมุงอะไรกันอยู่ เห็นแล้วท่าทางน่าเป็นห่วง 

                  ไคจอดรถขนส้มลงที่ข้างทางก่อนจะรีบเดินตรงเข้าไปยังกลุ่มคนงานที่หันหลังให้เขาอยู่ 

                  “มีอะไรกันน่ะ ไคถาม 

                  “คุณจงอิน มาพอดีเลยครับ เรากำลังจะไปหาคุณอยู่พอดี ก็พ่อหนุ่มจากโซลนี่ไงล่ะครับ ไม่รู้ว่าเข้ามาทางไหน เขาบอกจะมาหาคุณแล้วก็ตรงเข้ามาในสวนอย่างเดียวเลย ผมบอกจะพาไปรออยู่ที่บ้านก็ไม่ฟังมีแต่วิ่งเข้ามาลูกเดียว หนึ่งในนั้นเอ่ยบอกกับไค

                  ไคไม่รอฟังอีกเขาเดินตรงไปทางสาวๆหลายคนที่ยืนบังอยู่ เมื่อทุกคนหลบให้เขาก็พบกับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ 

                  “ไค ... 

                  ร่างของคนที่นั่งแช่อยู่ในโคลนเงยขึ้นมองเขาพร้อมกับยิ้มกว้างเพราะความดีใจ ใบหน้าขาวใสบัดนี้เปื้อนไปด้วยโคลนเช่นเดียวกันเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบร้อยที่บางจุดจะเลอะโคลนไปหมด มือบางยิ่งยกขึ้นปาดที่แก้มก็ยิ่งทำให้โคลนสีเข้มเปรอะไปมากกว่าเก่า 

                  “แพคฮยอน คุณมาได้ยังไง ไคเบิกตากว้างเมื่อพบความจริงที่ว่าภาพตรงหน้านี้เขาไม่ได้ฝันไป ไม่นึกเลยว่าคุณหนูที่เขาสุดจะหวงแหนจะต้องมาอยู่ตรงนี้ในสภาพแบบนี้ได้ แพคฮยอนตวัดสายตามองคนรอบๆที่ยกมือปิดปากเหมือนจะหัวเราะเขาที่ต้องมาเกิดเรื่องน่าอายแบบนี้ อดคิดไม่ได้ว่าอย่าให้ออกจากโคลนพวกนี้ไปได้นะ เขาจะบอกให้ไคไล่ออกให้หมดเลย 

                  แต่ก็ได้แต่คิดในใจนั่นแหละ ใครจะกล้า 

                  มองอะไรเล่า ช่วยฉันหน่อยสิ แพคฮยอนตะโกนเรียกไคที่เอาแต่ยืนอึ้งแล้วจู่ๆก็หลุดยิ้มออกมา เขาก็อายเป็นนะ แต่งตัวดีๆและสุดจะเรียบร้อยขนาดนี้แต่สภาพดันดูไม่ได้เลยสักนิด ไอ้โคลนบ้าพวกนี้เล่นงานไม่เลือกคนเลยจริงๆ 


                  ไคตรงเข้าไปโอบร่างของคนตัวเล็กกว่าให้ลุกยืนขึ้น แพคฮยอนในเวลานี้เลยไม่ได้นึกอะไรนอกจากจงใจยกแขนโอบตอบไคไว้เช่นกัน ภาพการช่วยเหลืออันทุลักทุเลของคนทั้งสองตกอยู่ในสายตาหลายคู่ของคนงานทั้งสวน

                  คุณมาที่นี่ทำไมแพคฮยอน หลังจากกลับมายืนปกติและดันคนคนตรงหน้าให้สบตากัน ไคที่ไม่ได้อยู่ในสถานะเดิมอย่างแต่ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง 


                  ก็แล้วทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ ทีนายจะมาก็ไม่เห็นบอกฉันสักคำ ได้ยินอย่างนั้นไคก็แทบจะต้องสะอึก เขาหลบตาคู่นั้นที่เอาแต่จ้องเหมือนรอฟังอะไร ความเงียบแผ่ไปทั่วบริเวณก่อนที่เสียงกระซิบกระซาบของหลายคนที่มองอยู่จะเริ่มดังขึ้น 

                  ไครีบปัดอาการอยากหลบหน้านั้นทิ้ง เขาตั้งสติได้เลยออกแรงดึงแพคฮยอนให้เดินตามมาด้วยกัน 

                  “โอ๊ย .. ปล่อยฉันนะ นายจะลากฉันไปไหน ยังไม่พ้นจากบริเวณเดิมแพคฮยอนก็ฝืนมือตัวเองเอาไว้เพราะอยากจะคุยกันให้รู้เรื่อง โดยลืมไปแล้วว่าที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ๆควร หลายคนกำลังมองอยู่ 

                  “ตามมาเถอะน่ะ 

                  “ฉันเจ็บนะไค 

                  “ผมบอกให้ตามมาไง 

                  “ไม่ ฉันไม่ไป แล้วก็ขอสั่งให้นายหยุดดึงฉันได้แล้ว 

                  ได้ผล ไคหยุดดึงแพคฮยอนก่อนจะหันหน้ามาหากัน ใบหน้าคมถอนหายใจแรงๆแล้วก้มลงมาหา

                  “จะบอกอะไรให้นะ คำสั่งของคุณน่ะมันไม่มีผลอะไรหรอก อย่าลืมสิว่าผมไม่ใช่บอดี้การ์ดของคุณแล้ว 



                  ประโยคนี้ตรงเข้าทำร้ายหัวใจของแพคฮยอนได้อย่างดาย ดวงตาคู่เรียวจ้องคนตรงหน้านิ่งเพราะพูดไม่ออกกับความเป็นจริงข้อนี้ แต่แล้วความโมโหก็เข้ามาแทนที่ แพคฮยอนตรงเข้าผลักไคอย่างคนไม่มีเหตุผล 

                  นายมันนิสัยแย่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ จำเอาไว้เลยว่าฉันไม่มีวันจะฟังที่นายพูดอีกแล้วเหมือนกัน 

                  “หึ .. ทำอย่างกับว่าที่ผ่านมาคุณเคยฟังที่ผมพูดหรอกน่ะคุณหนู ไคพูดอ้อมๆแต่เข้าใจได้อย่างเดียวว่าเขากำลังหาว่าแพคฮยอนดื้อ ที่สำคัญสรรพนามที่อีกฝ่ายไม่ชอบก็ยังหลุดออกมาจากปากของเขาอย่างตั้งใจ 

                  “บอกแล้วไงว่าอย่ามาเรียกฉันแบบนี้ ฉันไม่ใช่คุณหนู.. แพคฮยอนเอ่ยเสียงเรียบแต่หนักแน่นเพราะเขากำลังโกรธจริงๆ เขาเป็นผู้ใหญ่พอเกินกว่าที่ใครจะมาดูถูกกันแบบนี้ อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกกันเลย 

                  “อ้อ ลืมไป ผมก็ไม่ใช่บอดี้การ์ดของคุณแล้วนี่นะ 

                  “คิมจงอิน!! แพคฮยอนกลับมาตะโกนเสียงดังอย่างสุดจะทน แต่คนตรงหน้าก็ยังมีท่าทีนิ่งขรึมไม่ยอมแพ้กันเลย ไคกำลังแข็งใจไม่น้อยเหมือนกัน 


                  ทั้งสองเถียงกันไปมาจนคนอื่นๆเริ่มจะจ้องมองอย่างไม่วางตา 

                  ไคไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับคนตรงหน้า เขาเลยต้องใช้วิธีที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดและได้ผลที่สุด 

                  “เฮ้ย .. ปล่อยนะ 

                  “ถ้าไม่อยากจะตกลงไปคลุกกับโคลนเหม็นๆพวกนี้อีกเป็นครั้งที่สองก็อย่าดิ้นเลยครับคุณหนู ไคว่าหลังจากตรงเข้าช้อนร่างของแพคฮยอนขึ้นมาอุ้มไว้ แรงของกำปั้นเล็กกระหน่ำทุบลงมาที่กล้ามเนื้อภายใต้เสื้อยืดชื้นเหงื่อด้วยความโมโห นอกจากสภาพจะดูไม่ได้แล้วยังต้องมาเจอขัดใจเสียทุกอย่างแบบนี้ เป็นใครก็ต้องโกรธเหมือนกัน 


                  ไคไม่สนใจคนในอ้อมกอดแม้แต่นิด เขารีบก้าวเท้าไปตามทางเดินในสวนเพื่อจะตรงไปยังตัวบ้านที่อยู่อีกฝั่ง ระหว่างทางก็ใช่ว่าจะราบรื่นเพราะแพคฮยอนเอาแต่ดิ้นลูกเดียว 

                  “อย่าดิ้นได้มั้ยครับ เห็นมั้ยว่าผมจะล้ม... 

                  “ไม่นะไค!! 

                  แพคฮยอนร้องเสียงหลงเมื่อไคเหมือนจะล้มลงแล้วเทเขาลงจากแขนจริงๆ ร่างเล็กหลับตาปี๋พร้อมทั้งโอบรอบคอนั้นไว้แน่น แก้มขาวๆที่แม้จะเปื้อนโคลนก็ยังน่ามองนั้นแนบชิดเข้ากับจมูกของคนอุ้มโดยไม่ทันจะตั้งตัว ไคเก็บความรู้สึกที่เกิดในหัวใจเอาไว้ไม่ให้กระเจิงไปกับคนๆนี้ เขาไม่อยากทำอะไรที่มันไม่ควรในเวลาที่ทุกอย่างยังค้างคากันอยู่ 



                                                         ❤✿❤✿❤✿❤



                  ลูกชายคนโตที่หายเข้าไปในสวน จู่ๆก็พรวดพราดเข้ามาในบ้านพร้อมกับอุ้มเอาร่างของใครคนหนึ่งเข้ามาด้วย ไคก้าวขาเลอะๆผ่านห้องนั่งเล่นเข้ามาท่ามกลางสายตาของพ่อแม่และน้องสาวที่นั่งคุยกันอยู่ตามประสาครอบครัวในวันหยุด ไคไม่สนใจสายตาอึ้งๆและงุนงงของทุกคนเลยแม้แต่นิด เขารีบก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเองในขณะที่คนในอ้อมกอดเริ่มจะดิ้นและร้องโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง สิ้นเสียงปิดประตูห้องจากชั้นบนที่ดังลงมา สามสายตาที่มองตามและแทบจะอ้าปากค้างก็ต้องค่อยๆหันมามองหน้ากันอีกครั้ง 

                  เอานี่ไป อาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดนี่ซะ จากนั้นคุณก็รีบกลับบ้านไปได้แล้ว อดีตบอดี้การ์ดส่วนตัวที่แสนจะเงียบขรึมและภักดีต่อคนเป็นนายมาตลอดกำลังออกคำสั่งสั้นๆและจริงจัง แพคฮยอนที่ถูกปล่อยลงมายืนประจันหน้ากันเลยพลอยโมโหอย่างสุดจะทน แต่การดิ้นมาตลอดของเขามันก็ทำให้หมดพลังงานจะตรงเข้าทำอะไรคนตรงหน้าได้ 

                  “หึ นายคิดว่ากำลังสั่งใคร 

                  “ผมบอกดีๆแล้วนะครับคุณแพคฮยอน กรุณาทำตามด้วย 

                  “คิดว่าอยู่บ้านตัวเองแล้วฉันจะกลัวนายเหรอไค 

                  “นั่นไงล่ะ .. คุณหนูก็ยังเป็นคุณหนูอยู่วันยังค่ำนะ พูดอะไรเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล ไคส่ายหน้าเอือมระอาเต็มที แต่หารู้ไม่ว่าแค่นี้ที่เขาพูดมันจะทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แพคฮยอนรู้สึกว่าน้ำตามันกำลังจะไหล เขาเลยพยายามกลั้นมันเอาไว้ ที่แท้แล้วที่ผ่านมาทั้งหมดไคก็คิดว่ามันน่ารำคาญและเอาแต่ใจจริงๆ 


                  .. นายไม่รู้จักฉันดีพอเลยรึไง ก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนแบบนั้น 
    แต่บางทีที่อยากเอาแต่ใจมันก็แค่กับนายไม่ใช่เหรอ อยากให้สนใจกันบ้างแล้วผิดตรงไหน .. ไอ้บ้าเอ๊ย


                  แพคฮยอนยืนเงียบสบตาอยู่กับไคอย่างนั้น 

                  หลายอย่างที่ค้างคาและตั้งใจจะมาถามเลยต้องชะงักไปโดยปริยาย 

                  “จะยืนเหม็นอย่างนี้อีกนานมั้ย ไคยืนกอดอกพิงผนัง เพราะรอคนที่เอาแต่เงียบทำหน้าหงอยทั้งที่ตัวเต็มไปด้วยโคลนแบบนี้ แพคฮยอนเชิดหน้าขึ้นมาอีกทีกับคำพูดดูถูกพวกนั้น

                  “เหม็นก็เรื่องของฉัน นายแบกมาเองไม่ใช่รึไง 

                  “โอเค .. งั้นผมต้องรับผิดชอบสินะ งั้นได้เลย ร่างสูงก้าวเข้ามาหา ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะถอยหนีเพราะตกใจ 

                  “ทำอะไรน่ะ 

                  “ก็จะพาไปอาบน้ำไง ผมพามาเองก็จะพาไปอาบเองอย่างที่คุณบอกไง 

                  “ไอ้บ้า .. ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น 

                  งั้นจะเอาไง จะยืนแช่โคลนอยู่แบบนี้หรือจะไปอาบเองดีๆ เพราะถ้าไม่ไปผมคงจะต้อง.... 

                  “รู้แล้วล่ะน่า!! ว่าแล้วแพคฮยอนก็รีบคว้าเอาของที่ไควางไว้ให้แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป 


                  ชายหนุ่มที่ถูกหาว่าไม่มีเหตุผลนั้นหยุดยืนพิงประตูห้องน้ำหลังจากที่ปิดมันลง เขาเหนื่อยใจเพราะไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกแบบนี้ไปถึงไหน รู้ตัวว่ากำลังน้อยใจผู้ชายคนนี้อย่างที่สุด อยากบอกว่าเขาคิดยังไงด้วย อยากบอกออกไปเลยแล้วถึงตอนนั้นจะต้องหันหลังกลับไปด้วยความผิดหวังก็ไม่เป็นไร 


                  ไคเอนร่างพิงกับผนังห้องอีกครั้ง แววตาเหนื่อยๆเพราะลำบากใจฉายออกมายามเมื่ออยู่คนเดียว หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะยังรัวอยู่ในอกตลอดเวลา จะทนความคิดถึงไปได้แค่ไหนกัน ทรมานจริงๆนะ เรื่องระหว่างเขากับคุณหนูคนนี้ที่ห่างไกลกันเหลือเกิน มันจะจบลงอย่างไร เขาจะทำได้เหรอ 




                  หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาอยู่ในชุดที่ไคเตรียมไว้ให้แล้ว แพคฮยอนก็นึกต่อไปว่าจะทำยังไงต่อดี เขากระโดดลงนั่งแรงๆที่เตียงซึ่งเจ้าของมันไม่อยู่ในนี้ด้วยแล้ว 
                  หมอนบนเตียงนี้ ขณะที่เอนศีรษะลงมาสัมผัสมันก็ชวนให้จำต้องหลับตา กลิ่นกรุ่นแบบนี้แพคฮยอนมั่นใจได้ว่าเป็นของเจ้าของมันเพราะเขาจำได้ดีเสมอ ปลายจมูกได้รูปกดแนบลงไปกับหมอนใบใหญ่อย่างไม่รู้ตัว แพคฮยอนคิดถึงไคแค่ไหนทำไมอีกฝ่ายถึงไม่เคยรู้ 

                  .. ไม่สิ สิ่งที่วันนั้นแพคฮยอนได้ยินทำให้เข้าใจแล้วว่าไครู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่คิดจะทำอะไรเลย 

     

     

     

                  แพคฮยอนรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาบนเตียงของไคที่เดิมแล้ว เสื้อผ้าหลวมๆที่สวมใส่อยู่ชวนให้นึกออกว่าตัวเป็นอย่างไรก่อนหน้านี้ เขารีบเงยหน้ามองนาฬิกาที่ผนังอีกครั้ง 


                  “นี่มันตอนเย็นแล้วนี่” 

                  แพคฮยอนตวัดกายลงจากเตียงอย่างรีบร้อนแล้ววิ่งลงบันไดเพื่อมาที่ชั้นล่าง คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแขกต้องหยุดชะงักลงต่อหน้าคนทั้งสามที่กำลังนั่งทานมื้อเย็นกันที่โต๊ะอาหารขนาดกลาง แพคฮยอนในชุดเสื้อผ้าของไคยืนเก้อต่อหน้าครอบครัวของอีกฝ่ายที่เขาจำได้ว่าเห็นเมื่อกลางวัน 

                  “เอ่อ ...” คุณหนูคนเก่งเพิ่งรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่สามารถเริ่มการสนทนาได้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ลูกค้ารายสำคัญหรืองานหินแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่นี่ทำไมถึงได้เอ่ยปากยากนักหนา มันก็หลายสาเหตุนั่นแหละ จู่ๆโผล่มาบ้านเค้าแถมเผลอหลับไปตั้งนาน แล้วอยู่ในชุดของลูกชายเค้าอีก ที่สำคัญจะขออนุญาตหรือแนะนำตัวอะไรก็ยังไม่ได้ทำเลย 

                  ขณะนั้นเอง ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะดีขึ้นหรือไม่เมื่อผู้เกี่ยวข้องคนสำคัญเดินเข้าบ้านมาพอดี ไคจ้องแพคฮยอนก่อนจะหันไปมองสามสายตาที่จ้องมาที่เขาอย่างเต็มไปด้วยคำถาม คุณน้องสาวอมยิ้มเหล่ตามองพี่ชาย ซึ่งไม่ได้ต่างกันนักกับพ่อและแม่ที่เหมือนจะดูออกเช่นกัน 

                  “ไคจ๊ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลูก .. คุณหนูแพคฮยอนเพิ่งจะตื่น นี่ก็เย็นมากแล้วพาคุณเค้ามาทานข้าวด้วยกันสิ” คุณแม่ที่แลดูจะใจดีกว่าลูกชายเป็นร้อยเท่าเอ่ยไปยิ้มไป แพคฮยอนเริ่มจะเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่เขาก็ภาวนาให้ไคทำตามที่แม่บอก อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องให้มันมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น 

                  คิดแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆผู้ใหญ่ทั้งสอง 

                  “สวัสดีครับ คือว่าผม...” 

                  “ไม่ต้องแล้ว คุณมากับผมเดี๋ยวนี้” จู่ๆไคก็ก้าวเข้ามาดึงแพคฮยอนให้ออกมาจากที่ตรงนั้น โดยไม่สนสายตาทุกคนและเสียงร้องห้ามของคนเป็นแม่เลย 






                  “นี่ ปล่อยได้แล้ว นายจะพาฉันไปไหน” 

                  “ไปไหนน่ะเหรอ ก็กลับบ้านคุณน่ะสิ” 

                  “นายจะบ้ารึไง เห็นมั้ยว่าฉันกำลังจะสวัสดีพ่อกับแม่ของนาย แล้วการทำแบบนี้มันปิดโอกาสให้ฉันแสดงความมีมารยาทเลยนะรู้มั้ย” 

                  “อย่ามานอกเรื่องน่ะคุณ รีบกลับบ้านไปเถอะ ป่านนี่คุณท่านคงเป็นห่วงแย่” 



                  ในยามค่ำตอนนี้ แพคฮยอนถูกไคกึ่งจูงกึ่งลากผ่านสวนส้มมายังทางที่รถจอดเอาไว้ 

                  “ถึงรถคุณแล้ว กลับบ้านดีๆล่ะครับคุณหนู” อดีตคนเคยภักดีก็ค้อมศีรษะให้เล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนจะหันกลับ 

                  “เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป” แพคฮยอนเอ่ยรั้งเอาไว้เสียงแข็ง เขากำลังจะหมดความอดทน อุตส่าห์พยายามมาขนาดนี้แล้วยังจะให้ต้องบอกอะไรอีก 

                  “มีอะไรอีกครับคุณแพคฮยอน” 

                  “นายจะไล่ฉันกลับไปแบบนี้ไม่ได้” 

                  “เชิญกลับไปเถอะครับ” 

                  ไคไม่อยากเถียงอีกเลยรีบสาวเท้าออกมาจากที่ตรงนั้น เขารู้ตัวเองดีว่านอกจากเหตุผลที่เป็นข้ออ้างในใจแล้ว ความจริงก็แค่กำลังทำใจแข็งออกไปมากกว่า ไครุดเดินกลับมาทางเดิมที่พาแพคฮยอนออกมา เขาเดินผ่านทางเดินกลางสวนส้มยามค่ำคืนที่พอจะมองเห็นทางเพราะแสงจันทร์ เงาทะมึนพาดเป็นทางยาวสีดำบนดิน เงาของไคตั้งฉากกับร่างกายที่รีบก้าวเดินไปข้างหน้า ปล่อยให้คุณหนูคนเก่งยืนทำอะไรไม่ได้อยู่ข้างหลังที่เขาค่อยๆทิ้งห่างออกไป 


                  ไคไม่รู้ว่าเขาแน่ใจรึเปล่าที่ดีใจเพราะแพคฮยอนไม่ได้ตามเขามา แต่พอหยุดเดินเพื่อจะหันกลับไปก็แอบใจหาย เขาจะไม่ได้เห็นหน้าคุณหนูแพคฮยอนที่เคยเห็นทุกวัน ไม่ได้ยินเสียงๆนั้นที่อยากได้ฟังแทบจะทุกคืน 


                  “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!” 

                  ไคเบิกตากว้างเมื่อหันกลับมาพบคนในความคิดที่เขาเพิ่งจะเดินจากมาเมื่อครู่ แพคฮยอนกระหืดกระหอบวิ่งมาหยุดลงที่หน้าของไค 

                  “คุณหนู...” 

                  “ถ้าจะเดินหนีน่ะ เอาไว้ทำหลังจากนี้แล้วกันนะ” ว่าแล้วร่างของแพคฮยอนก็กระโจนเข้าหาไคทันที อ้อมแขนแกร่งไม่ได้ยกมือปัดป้องคนตรงหน้าอย่างที่ควรจะเป็น 


                  แวบเดียวกับแสงจันทร์สะท้อนลงบนดวงตาคู่นั้นที่ฉายแววบางอย่างให้คนมองต้องหวั่นไหว ไคยืนทื่อเมื่อมือบางทั้งสองข้างของอีกฝ่ายแนบลงที่ข้างแก้มของเขา แพคฮยอนยืดตัวขึ้นก่อนจะจูบลงที่ริมฝีปากของไคอย่างรวดเร็ว 


    ความเงียบในสวนส้มไม่ต่างอะไรกับท้องฟ้ากว้างและดวงดาวมากมายที่ส่องสว่างนิ่งอยู่อย่างนั้น ราวกับกำลังจ้องมองลงมายังคนสองคนที่ได้แต่หายใจแผ่วๆอยู่กับจูบที่แนบนิ่งไม่น้อยไปกว่ากัน ลมหายใจอุ่นเริ่มจำต้องถอนสัมผัส 


    คุณหนูคนเดิมผละออกจากร่างของชายหนุ่มคนที่รับจุมพิตแรกของเขาไป พลางจ้องลึกลงไปในตาคู่นั้นให้รับรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกไปมันคือความจริงจากใจ 



                   
     “ใครคนนั้นที่นายจะรัก .. ให้เป็นฉันได้มั้ย” 




                                                                                                      ❤✿❤✿❤✿❤





                  ยามเช้าอันแสนสดใสกับแสงแดดรำไรทำให้อดีตบอดี้การ์ดหนุ่มคนนี้ต้องแอบมองคนข้างกายที่ยิ้มกว้างเพราะกำลังตื่นตาตื่นใจอยู่กับสวนส้มแห่งนี้ ไคหยุดการขนส้มพวกนี้ขึ้นรถเข็นเอาไว้ขณะที่ลอบมองคนอีกคนอยู่ 


                  เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ที่เกิดขึ้นยังคงวนเวียนในหัวของเขาไม่ได้ลืมเลือน ต่างกับท่าทีไม่สนใจที่กำลังแสดงออกไปในตอนนี้ เหงื่อไคลที่เริ่มก่อตัวไหลย้อยลงมาตามลำคอแกร่ง กว่าเขาจะรู้ตัว คนที่เป็นเป้าหมายของสายตาก็หันขวับมาหาเสียแล้ว 


                  “มองอะไรน่ะ” แพคฮยอนขมวดคิ้วถาม ทำให้ไครีบหันหน้าหลบแล้วก้มลงเก็บส้มอีกไม่มากขึ้นรถโดยมีคุณหนูแพคฮยอนออกแรงช่วยไปด้วย 

                  หลายสายตาของคนงานในสวนจับจ้องคนทั้งสองอยู่เงียบๆ เงียบมากจนไคจับสังเกตได้ว่ามันเงียบเกินไปแล้ว ปกติจะต้องตะโกนทักทายกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง พูดคุยกันบ้าง แบบนี้มีหรือที่เขาจะไม่รู้ 

                  ร่างสูงมีท่าทีเฉยเมยเสียคนคนเดินตามไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ แต่ก็เอาเถอะ แพคฮยอนไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก ขณะที่เดินตามหลังไคที่เข็นรถขนส้มตามทางในสวน แพคฮยอนมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆ มือบางยกขึ้นกอดอกพลางคิดไปด้วยว่าแต่ก่อนผู้ชายคนนี้เหมือนกับหุ่นยนต์ไม่มีผิด ไม่น่าเชื่อว่าจะมาทำอะไรแบบนี้ได้ ยิ่งคิดแพคฮยอนก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองนั้นรู้อะไรเกี่ยวกับไคน้อยมาก 

    ใบหน้าบูดบึ้งที่คิ้วขมวดหากัน จู่ๆก็คลายเป็นอมยิ้มไปเสียอย่างนั้น เพราะจะว่าไปแล้วเขาก็แอบชอบใจไม่น้อยกับอีกมุมหนึ่งในแบบคนธรรมดาที่มีชีวิตของไค .. ถึงแม้ว่าจะยังทำเฉยใส่กันเหมือนเคยก็ตาม 

                  รวมทั้งคำตอบของเรื่องเมื่อวาน ที่ยังค้างคาเอาไว้ 




                  “ร้อนจังเลยนะ” 

                  เสียงของแพคฮยอนเริ่มบ่นออกมาเบาๆกับอากาศที่ดูจะใจร้ายมากขึ้นกว่าเมื่อตอนเช้า มือบางละจากการหยิบจับส้มในรถแล้วยกขึ้นปาดเหงื่อ คนที่ก้มหน้าก้มตาขนส้มลงจากรถก็อดจะเห็นใจไม่ได้ ร้อนขนาดนี้แถมดูจะเหนื่อยแล้วก็ยังจะอยากมาช่วยเขาอีก 

                  ไคยกผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดคออยู่ซับเหงื่อตัวเอง ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดในกระเป๋ากางเกงมายื่นให้คนตรงหน้า อะไรแบบนี้ที่มันดูขัดกันกับสภาพความจริงทำให้แพคฮยอนสงสัยอยู่ไม่น้อย ก็ไคมีผ้าอยู่แล้ว แถมลุยงานแบบนี้คงไม่มีใครมาพกผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ในกระเป๋าหรอก 

                  “รับไปสิ” 

                  “อืม ขอบใจ” แพคฮยอนรีบรับมาเพราะไม่อยากจะจับผิดอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ เขาดีใจมากเลยล่ะหากไคจะตั้งใจเตรียมมันมาให้ 

                  “บ่ายแล้วช่วงนี้มันจะร้อนกว่าปกติ กลับไปรอที่บ้านเถอะ” เสียงทุ้มบอกเรียบๆพลางก้มหน้าก้มตาทำงานไปไม่สนใจกันสักนิด 

                  “รอ .. รอนายใช่มั้ย...” แพคฮยอนทวนคำนั้นเพื่อความมั่นใจ อย่างน้อยไคก็กำลังบอกให้เขารอล่ะนะ 

                  “อย่าเข้าใจผิดสิ ผมบอกให้คุณไปรอที่บ้านของผมให้แดดหมด แล้วหลังจากนั้นก็รีบขับรถกลับบ้านของคุณไปซะ” ใบหน้าคมเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ต่างจากใบหน้า คนฟังที่คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะใจอ่อนลงบ้างจึงต้องยิ้มค้างอยู่กับตัวเองที่หลงเข้าใจผิดตั้งแต่แรก 

                  “หึ นายเห็นความพยายามของฉันเป็นของเล่นรึไง” แพคฮยอนกำมือแน่นเพราะความโมโห ซึ่งถึงอย่างนั้นคนตรงหน้าก็ยังทำทีก้มเก็บผลส้มต่อไปเหมือนกำลังหูทวนลม เมื่อคืนนี้ก็แล้ว วันนี้ก็แล้ว คุณหนูที่ความอดทนหายไปแทบหมดจึงได้แต่ยืนอดกลั้นทั้งที่โกรธจัด และพอทำอะไรไม่ได้มือที่กำอยู่จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผลไม้สีสดในตะกร้าแทน 

                  แพคฮยอนขว้างส้มหนึ่งลูกใส่ไค มันกระแทกลงที่ศีรษะอย่างจัง ไคไม่ได้ร้องออกมาแต่ทำเพียงแค่เงยหน้ามองแพคฮยอน 

                  “ทำอะไรของคุณน่ะ นี่ถ้าเกิดส้มในสวนของผมเสียหาย รู้มั้ยว่าต้องรับผิดชอบ” 

                  “งั้นเหรอ ต้องชดใช้ค่าเสียหายใช่มั้ย ได้!! ฉันพร้อมจะจ่ายให้นายเป็นสิบเท่าเลยล่ะ” คุณหนูที่เคยมีเหตุผลสำหรับคนรอบข้าง ในตอนนี้กับไคแล้วมันกลับกันอย่างสิ้นเชิง แพคฮยอนว่าแล้วก็ก้มคว้าเอาส้มอีกหลายลูกขว้างใส่ไคอย่างไม่ยอมหยุด 

                  “เฮ้ย นี่คุณ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ไคยกมือขึ้นปัดป้องตัวเองเป็นพัลวันจากส้มมากมายที่ขว้างมาทางเขาจนหล่นเกลื่อนพื้นไปหมด 

                  “อย่างนายมันต้องเจอแบบนี้ไค” 







                  “อ๊ะ....” แพคฮยอนที่เป็นฝ่ายจู่โจมกลับต้องพลาดท่าขึ้นมาเมื่อส้มหลายลูกที่ตัวเองโยนออกไปจนตกเต็มพื้นนั้นจะกลิ้งมามากมายจนเท้าทั้งสองไม่ทันระวังจึงเหยียบเข้าไปเต็มๆและทรงตัวไม่อยู่ 




                  “โอ๊ย!” 

                  “แพคฮยอน!” ไคตกใจเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าล้มก้นกระแทกลงไปบนพื้นดินอย่างจัง ชายหนุ่มลูกเจ้าของสวนวิ่งเข้าไปหาหวังจะช่วยแต่มือเล็กๆนั่นก็เอื้อมออกมาผลักเขาให้เซออกมา แพคฮยอนรีบดันตัวเองให้ยืนขึ้นทั้งที่เจ็บอยู่ไม่น้อย คุณหนูคนน่ารักเอาแต่กัดฟันด้วยความโมโห 

                  “ถ้าคิดแค่หวังดีก็ไม่ต้อง” 

                  ไคได้แต่ยืนกลืนน้ำลายตัวเองเพราะไม่รู้จะพูดอะไร บางทีเขาก็เหมือนตกหลุมกับดักความรู้สึกของตัวเอง ใบหน้าคมนิ่งไปขณะที่สบตากัน ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ แพคฮยอนขมวดคิ้วอย่างงงๆว่าอีกฝ่ายหัวเราะอะไร มือบางยังคงยกขึ้นปัดแก้มตัวเองอีกทีโดยไม่รู้ว่าดินที่เปื้อนมือจะเลอะเปรอะไปทั้งหน้า แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คงไม่ใช่ประเด็นนัก 

                  ใครจะเชื่อล่ะ นี่จะนับว่าเป็นครั้งแรกเลยได้รึเปล่านะที่แพคฮยอนเห็นไคยิ้มแล้วหัวเราะแบบนี้ 

                  ความโมโหจู่ๆก็พลันมลายหายไปกับสายลมแสงแดด ใบหน้าที่ยกยิ้มจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาหวั่นไหว

                  “นายหัวเราะฉันเหรอ” แพคฮยอนถามเสียงแผ่วทั้งที่ยังยิ้มไม่หยุด 

                  “ฮะฮะ .. ขอโทษ ผมแค่คิดว่าคุณนี่ตลกดีจัง ล้มเพราะส้มที่ตัวเองขว้างมาไม่พอ ยังลุกขึ้นเอาดินในมือมาเปื้อนแก้มอีก....” ไคถอนหายใจพลางยิ้มไม่หยุด หารู้ไม่ว่าคุณหนูของเขากลับไม่ได้ฟังในสิ่งที่พูดออกไปเลย แพคฮยอนเองก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น 

                  “นี่ไค นายรู้อะไรมั้ย ฉันชอบเวลานายยิ้มและหัวเราะที่สุดเลย” 

                  “ผมก็ชอบเวลาที่คุณยิ้มนะแพคฮยอน” 








                  “แต่จะยิ้มหรือไม่ผมก็ยังชอบ......” 



                  คำต่อไปชะงักเอาไว้แค่นั้น ประโยคสุดท้ายนี้ทำให้รอยยิ้มที่ให้แก่กันจำต้องค้างอยู่กลางความรู้สึกไปในทันที 


                  แพคฮยอนนิ่งไปขณะที่ไคคนพูดจะรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป ก็ในเวลาที่มีความสุขใครมันจะห้ามใจไหว เหมือนกับใจของคุณหนูแพคฮยอนที่พองคับอกไปแล้ว 






                                                        ❤✿❤✿❤✿❤





                  วันทั้งวันผ่านไปอย่างแนบชิดกับธรรมชาติ พยอนแพคฮยอนกำลังนั่งอยู่บนผืนหญ้าขณะที่มองคนใจแข็งกำลังก้มๆเงยๆกับดินใต้ต้นส้มพวกนี้ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสนใจอะไรมันนักหนา แค่ใส่ปุ๋ยแล้วรดน้ำรอมันเกิดก็ได้แล้วมั้ง 


                  “นี่ไค กลับไปกับฉันเถอะนะ” 

                  “อย่าถามอีกเลยครับคุณ เอ่อ .. คุณแพคฮยอน” 

                  “หมายความว่าไง ก็ในเมื่อนาย...” 

                  “ในเมื่อผมมันไม่มีทางจะกลับไปกับคุณได้” ไคเอ่ยออกมาแทน ซึ่งมันสวนทางกับสิ่งที่แพคฮยอนจะบอกเลยต่างหากล่ะ แพคฮยอนสบตาไคด้วยความเงียบ เขาจะนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อรอคำตอบอีกครั้ง แต่ร้อยทั้งร้อย ไม่ว่ายังไงไคก็ไม่เคยเดาใจคุณหนูคนนี้ผิด 


                  “อย่ารอเลยครับ คุณกลับไปเถอะ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง แววตานิ่งตรงจ้องมาเหมือนจะย้ำให้ชัดว่าเขาต้องการอย่างนั้นจริงๆ ยิ่งนิ่ง คนมองอยู่ก็ยิ่งจะน้ำตาคลออย่างไม่รู้ตัว 

                  บางทีแพคฮยอนก็เพิ่งจะนึกได้ หรืออันที่จริงน่าจะเรียกว่าเพิ่งจะยอมรับมากกว่า ว่าที่ทำมานั้นมันช่างดูโง่เง่าเสียเหลือเกิน ถึงขนาดนี้มันคงจะเกินพอแล้วล่ะมั้ง 


                  “ได้ ...” 

                  ทั้งที่ในใจอัดแน่นไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เขากลับเอ่ยออกไปได้เพียงเท่านั้น แค่สั้นๆที่แพคฮยอนกลับพูดมันออกไปด้วยเสียงแผ่วๆกับแววตารั้นที่ดูเศร้า

     

     

                  บรรยากาศพลบค่ำย่างกรายเข้ามาพร้อมกับร่างของคุณหนูแพคฮยอนที่ก้าวย่างออกไปจากสวนจนลับสายของคนที่ได้เพียงยืนมองอยู่ 
                  แพคฮยอนเดินจากไปแล้ว ไคที่หยุดทุกอย่างที่ทำอยู่ได้แต่ยืนมองตามทางที่อีกฝ่ายเดินจากไป 


                  ป่านนี้คุณหนูของเขาคงกำลังขับรถออกไปจากที่นี่ด้วยความโมโหและเสียใจ พอถึงบ้านก็คงจะยังหงุดหงิดไม่หาย แต่สักพักก็คงไปอาบน้ำอุ่นๆแล้วก็เข้านอน ตื่นขึ้นมาเช้าวันใหม่ก็คงจะวุ่นวายอยู่กับงานของตัวเอง ตอนเย็นกลับบ้านมาเหนื่อยๆ พอเริ่มเบื่อก็อาจจะหนีคุณท่านออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน แล้วเรื่องเก่าๆของบอดี้การ์ดคนนี้ คุณหนูที่แสนดีก็คงจะลืมมันไปเอง 


                  “พี่คะ ..” เสียงเล็กๆของน้องสาวคนสวยที่ตะโกนเรียกอยู่ด้านหลังเรียกความสนใจจากพี่ชายให้หันไปมอง 

                  “ว่าไง มาตามพี่ไปกินข้าวเหรอ” 

                  “เปล่าค่ะ แค่มาเดินเล่น แล้วนั่นพี่มองหาใครอยู่เหรอ” 

                  “ไม่มีอะไรหรอก .. เย็นมากแล้วกลับบ้านกันเถอะ” 

                  “แล้วคุณหนูแพคฮยอนของพี่ล่ะไปไหนแล้ว คิดว่าอยู่ด้วยกันซะอีก” น้องสาวที่ไม่ใช่เด็กสาวแล้วแกล้งถามออกไป ด้วยความที่พอจะรู้อยู่บ้างเลยอดสงสัยไม่ได้ 

                  “เค้ากลับไปแล้วล่ะ อีกอย่างเค้าก็ไม่ใช่ของพี่ด้วย” ไคบอกเรียบๆก่อนจะเดินกลับไปทางที่ตรงไปยังบ้านของพวกเขา ทิ้งให้น้องสาวคนสวยยืนกอดอกอยู่คนเดียว 





                                                               ❤✿❤✿❤✿❤






                  เรื่องง่ายๆที่ยากยิ่งกว่าข้อสอบสมัยเรียน สำหรับแพคฮยอนแล้ว เรื่องนั้นมันก็คือการบังคับใจให้หยุดคิดถึงใครบางคน 


                  “เฮ้อ............” 

                  เสียงถอนหายใจลากยาวแทรกผ่านดนตรีที่เปิดคลอในผับยามค่ำคืน ลูกชายคนเดียวของผู้มีอำนาจในวงการธุรกิจที่ใครๆต่างรู้จักนั่งเหงาคนเดียวอยู่กับแก้วเปล่าตรงหน้า แพคฮยอนสบตากับบาร์เทนเดอร์ที่ยิ้มให้อย่างรู้กัน ก่อนที่แก้วค็อกเทลสีสวยแก้วใหม่จะถูกวางแทนที่ 


    ป่านนี้หมอนั่นจะทำอะไรอยู่นะ  .. นี่คือสิ่งภายในใจของแพคฮยอน 



                  ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาได้เกือบเดือนแล้ว ถ้าไคจะรู้สักหน่อยก็คงต้องยอมรับว่าตัวเองคิดผิดถนัด คุณหนูคนนี้มีความสุขที่ไหนกันล่ะ 


                  “อ้าว .. คิดว่าใครมานั่งเหงาคนเดียว คุณแพคฮยอนนี่เอง” 

                  ร่างของใครสักคนนั่งลงข้างกับเขาที่ยังว่างอยู่ แพคฮยอนหันมามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตั้งแต่ที่บอดี้การ์ดคนสำคัญลาออกไป นอกจากจะต้องคอยดื้อรั้นปฏิเสธบอดี้การ์ดคนใหม่ที่พ่อหาให้แล้ว เขาก็ยังต้องคอยหลบผู้ชายคนนี้อีกด้วย ไม่รู้จะอยากทำความรู้จักสนิทสนมอะไรกับเขานักหนา 

                  “หวัดดีครับคุณจื่อเทา บังเอิญจังนะครับ” แพคฮยอนยิ้มกลบอารมณ์เบื่อหน่ายเอาไว้ตามมารยาท 

                  “บังเอิญ หรือโชคชะตาก็ไม่รู้นะครับ” ใบหน้านั้นยิ้มกรุ้มกริ่มและพูดได้อย่างไม่อายปาก ซึ่งคนฟังอยากจะลุกเดินหนีเต็มที แต่แพคฮยอนก็ฉลาดพอจะนั่งสนทนาและดื่มไปเรื่อยๆกับผู้ชายคนนี้ที่เขาอดทนมาด้วยมากแล้วหลายครั้ง 

                  เวลาเดินไปนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆแพคฮยอนรู้ตัวแล้วว่าข้างกายของเขาชักจะไม่ปกติ ชายหนุ่ขยับออกห่างเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการแนบชิดแปลกๆ จื่อเทาฉวยโอกาสก้มลงแนบจมูกกับใบหน้าของคนน่ารักขณะที่รอบกายและสถานที่มันช่างเป็นใจให้คนตัวเล็กน่าจะโอนอ่อนไปตามกัน 


                  แพคฮยอนรู้สึกแก้มชาวาบขึ้นในทันที 


                  ไม่รู้ว่าเพราะยังตกใจหรือเริ่มจะเบลอกับแอลกอฮอล์ในแก้วจึงทำให้แรงต้านทานมันช้าไปกว่าความคิด หนำซ้ำมือหนาของอีกฝ่ายยังถือโอกาสรั้งร่างของเขาเข้าหา ยังไม่ทันที่แพคฮยอนจะปกป้องตัวเอง และก่อนที่จะถูกล่วงเกินไปมากกว่านี้ร่างของจื่อเทาก็หลุดออกจากเขาไปเสียแล้ว แพคฮยอนหันกลับมายังต้นเหตุที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา 



















                 “ได้เวลากลับบ้านแล้วครับคุณหนู 




    เสียงทุ้มถูกเปล่งออกมาจากปากของร่างสูงในชุดสูทสีดำที่แพคฮยอนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไคยืนตัวตรงอยู่ระหว่างคนทั้งคู่ที่ยังอยู่บนเก้าอี้ คุณหนูที่เพิ่งจะถูกล่วงเกินมาหยกๆจึงได้แต่เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าให้ชัดๆให้รู้ว่ามันคือความจริง ไม่ใช่เพราะเขาเมาแล้วคิดไปเอง 



                  .. ไคจริงๆด้วย 


                  เฮ้ย .. แกมัน อ้อ นึกออกแล้ว ไอ้กระจอกที่คราวก่อนก็ขัดจังหวะฉันมาทีแล้ว” จื่อเทาหลุดคำพล่อยๆและจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมาให้แพคฮยอนต้องตวัดสายตาไปมอง ไม่ใช่ว่าไม่รู้หรอกนะว่าคนๆนี้คิดอะไร แต่แพคฮยอนก็นึกไม่ถึงว่าจะเอ่ยมันออกมาตรงๆแบบนี้ 

                  ผู้ชายคนนี้ต้องเมาเป็นแน่เลยควบคุมสติไว้ไม่ได้ แต่ต่อให้ใช่หรือไม่ไคก็ไม่คิดจะสนใจอีกต่อไป มือหนาข้างหนึ่งคว้าเอาร่างคุณหนูให้ลุกจากเก้าอี้กลมมายืนหลบอยู่ข้างเขา จากนั้นสิ่งที่อดทนมานานวันนี้ขอสักครั้งก็แล้วกัน 



                  “โอ๊ย!!” 

                  จื่อเทาร้องลั่นเมื่อหมัดของไคกระแทกเข้าที่หน้าของเขาอย่างจัง ชายหนุ่มเซออกจากที่นั่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกน้องมากมายที่ยืนดูห่างๆตามมุมผับวิ่งกรูกันเข้ามาช่วยเหลือเจ้านาย คนอื่นๆที่เริ่มผิดสังเกตกับเหตุการณ์จึงหันมามองเป็นตาเดียวกัน จื่อเทาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เพราะความเมาที่มีอยู่ก่อนแล้วและยิ่งมาเจอเรื่องแบบนี้มีหรือที่คนอย่างเขาจะยอม 

                  เหล่าลูกน้องของจื่อเทาสี่ห้าคนที่ล้อมเอาไว้พร้อมใจกันจ่อกระบอกปืนมายังไคที่มีแพคฮยอนหลบอยู่ข้างหลัง คนพวกนี้แค่ทำตามคำสั่งเจ้านายที่มีอิทธิพลไม่แพ้ใคร แต่กลับไม่ได้คิดเลยว่ากำลังเล่นอยู่กับคนของใคร 

                  จื่อเทาแสยะยิ้มให้อย่างเหนือกว่าก่อนที่ไคจะยกยิ้มขึ้นมาบ้าง คราวนี้กระบอกปืนสีดำของคนที่เสียเปรียบกลับยกจ่อเข้าที่ศีรษะนายของพวกมัน ไคจ่อมันไว้ที่หัวของอีกฝ่ายขณะที่มืออีกข้างจะกระชับมือของคนที่เขาพร้อมจะปกป้องเอาไว้ 

                  “ไค....” แพคฮยอนพูดไม่ออก ทั้งตกใจ ทั้งกลัว และไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ 



                  “พ่อฉันคงไม่พอใจแน่ถ้ารู้ว่าแกบังอาจเอาปืนมาจ่อหัวฉันแบบนี้” จื่อเทาเอ่ยอย่างเคียดแค้น 

               “คุณท่านของผมก็คงไม่ชอบใจเท่าไหร่ ถ้ารู้ว่าคุณทำอะไรแย่ๆแบบนี้กับคุณหนู 


                  ไคกล่าวตามออกไปเบาๆแต่ชัดเจน เท่านั้นแหละที่อีกฝ่ายกลายเป็นเถียงไม่ออก ใบหน้าของไคนิ่งขึงทั้งที่กำลังโกรธและอยากจะฆ่าผู้ชายคนนี้เหลือเกิน แพคฮยอนยืนเงียบไปกับทุกอย่างเพราะในใจเขาก็ไว้ใจคนที่จับมือเอาไว้ไม่ยอมปล่อย 

                  ทันใดนั้นเองลูกน้องที่ตามไคเข้ามาติดๆก็ล้อมคนของอีกฝ่ายเอาไว้อีกที ไคจึงดึงปืนตัวเองลงจากใบหน้าซีดเผือดนั่นแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกน้องตัวเองจัดการต่อไป .. เพราะตอนนี้เขามีเรื่องจะต้องคุยกับคนที่ยืนอยู่ข้างกันนี้มากกว่า 



                                                                                             
    ❤✿❤✿❤✿❤





                  เสียงประตูห้องนอนยามค่ำคืนปิดลงอย่างรวดเร็วด้วยมือของบอดี้การ์ดหนุ่ม ขณะที่ร่างของเจ้าของมันจะทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียง ไคหันกลับมาหาคนที่นั่งจ้องเขาอยู่ แพคฮยอนอยากจะพูดอยากจะถามหลายอย่างแต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อนดี 


                  ส่วนเรื่องที่ไคทำแบบนั้นลงไปกับจื่อเทา มันอาจจะเป็นปัญหาให้ผู้ใหญ่ต้องผิดใจกัน แต่ไคก็บอกไปแล้วนี่นะ ว่าพ่อของเขาคงไม่พอใจแน่หากรู้ว่าใครกันแน่ที่เริ่มก่อน เพราะงั้นแพคฮยอนก็จะไม่เก็บเอามาใส่ใจอีก และคิดว่าฝ่ายนั้นก็คงฉลาดพอที่จะเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้


                  “คุณท่านไม่อยู่คืนเดียว หนีเที่ยวเป็นเด็กไปได้” ร่างสูงยืนพูดด้วยเสียงดุๆ แพคฮยอนก็ไม่ลดละใบหน้าที่เชิดขึ้นแย้งอย่างมีเหตุผล 

                  “ก็เพราะไม่ใช่เด็กไง จะไปไหนไม่เห็นต้องเกี่ยวกับพ่อเลย” 

                  “แล้วไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย เจอมาเยอะแล้วคุณเองก็น่าจะรู้” 

                  “แล้วนายกลับมาทำไม” แพคฮยอนถามกลับไปเหมือนไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายกำลังสั่งสอนเลย ก็ใจจริงมันอยากรู้มากกว่าว่าไคกลับมาทำหน้าที่แบบนี้กับเขาได้ยังไง กลับมาชั่วคราว หรือบังเอิญ หรืออะไรก็แล้วแต่ 

                  “หึ..แทนที่จะถาม คุณน่าจะขอบใจผมก่อนมากกว่านะ เพราะถ้าผมมาช้ากว่านี้.....” จู่ๆคำพูดก็เงียบหายไป 


                  ใบหน้าที่ดูดุดันเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังด้วยแววตาห่วงใย ต่างคนต่างเงียบ ไคก้าวเข้ามาย่อตัวลงข้างหน้าแพคฮยอน ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าหาคุณหนูของเขาที่นั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน มือข้างหนึ่งเอื้อมเกี่ยวผมที่เคลียลงมาตามแก้มขาวๆขึ้นทัดไว้กับใบหู 


                  “ตรงนี้ใช่มั้ยที่หมอนั่นมันหอม” 

                  แพคฮยอนไม่ตอบ นอกจากนั่งใจสั่นไปกับการกระทำและคำพูดแบบนี้ ไคโน้มใบหน้าแนบจมูกย้ำลงไปเบาๆแทนที่รอยเก่าอย่างหวงแหน อยากให้รู้ว่าพวงแก้มนุ่มๆของคนๆนี้ ใครก็อย่าได้มาสัมผัสนอกจากเขาคนเดียว 



                  แพคฮยอนเก็บกลั้นน้ำตาไว้อย่างหมดความอดทน สักพักก็ออกแรงผลักไคออกให้เผชิญหน้ากัน 

                  “อย่าทำเหมือนฉันไม่มีหัวใจได้มั้ย เลิกล้อเล่นซะที” 

                  “ไม่ได้ล้อเล่น” เสียงทุ้มเอ่ยกลับ คราวนี้จึงตัดสินใจรวบเอาร่างนั้นเข้ามากอดไว้แน่น แพคฮยอนไม่ได้กอดตอบแต่ก็ไม่มีแรงจะขัดขืนอีกแล้ว เขากำลังอึ้งกับสิ่งที่กำลังเจอ เลยได้แต่นั่งนิ่งซบหน้าลงกับไหล่กว้างของผู้ชายคนนี้แล้วฟังกับสิ่งที่ดังอยู่ข้างหูของเขา เสียงทุ้มเอ่ยช้าๆราวกับยอมแพ้ใจตัวเองแล้ว 

                  “ตอนแรกคิดไว้แล้วว่าถ้าตั้งตัวกับกิจการที่บ้านได้ จะมาหาคุณในฐานะอื่นที่ไม่ใช่แค่บอดี้การ์ด แต่คิดดูแล้วตัวผมมันไม่แน่ไม่นอนอะไร ถ้าตัดใจตั้งแต่ต้นอาจยังทัน แต่พอคุณไปหาที่สวน ผมก็ยิ่งรู้ว่าทำไม่ได้ แล้วพอคุณไป ผมก็ตัดใจไม่ลง” 

                  “................” 

                  “แค่ไม่เห็นหน้าคุณไม่กี่วัน ผมก็นอนแทบไม่หลับ แล้วถ้าต้องสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่อีกเป็นปีๆ หรืออาจจะหลายปี ผมคงขาดใจตายแน่ๆ แล้วถ้าระหว่างนั้นคุณท่านเกิดยกคุณให้ไอ้หมอนั่น แล้วผมจะทำยังไง” 

                  “ไม่มีทาง ฉันเป็นผู้ชายนะ พ่อไม่มีทาง.....” 

                  “อย่าดิ้นสิ ฟังผมก่อน” ไคกอดแพคฮยอนที่ดิ้นขลุกขลักอยากจะเถียงอยู่ในอ้อมกอดของเขา 

                  “ก็ในเมื่อผมทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ก็กลับมาเหมือนเดิมอย่างที่คุณบอกแล้วมันไม่ดีรึไง” 


                  ไคยังกอดแพคฮยอนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย คุณหนูแพคฮยอนไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้เลยได้แต่พูดไม่ออก และหากสิ่งที่ได้ยินมันจะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก คนฟังก็เหมือนจะละลายไปในอ้อมกอดนี้โดยไม่มีข้อแม้แล้ว 


                  “เอ่อ .. แล้วเรื่องที่บ้านล่ะ” 

                  “ก็ค่อยเป็นค่อยไป จัดการมันทั้งคู่แล้วก็อยู่ข้างคุณไปด้วย เรื่องแค่นี้สบายมาก” ไคพูดจบก็ค่อยๆคลายอ้อมแขนออกเพื่อสบตากับแพคฮยอน 

                  “คุณหนูครับ” 

                  “นี่ บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่คุณหนู” 

                  “ครับๆ .. ที่คุณเคยถามว่า คนที่ผมรัก ให้เป็นคุณได้มั้ย ที่จริงผมต่างหากที่ควรจะเป็นคนพูดมัน” 

                  “.............” 


                  “คนที่คุณรักน่ะ เป็นผมจริงๆใช่มั้ย” 


                  แพคฮยอนไม่รู้จะหลบเอาหน้าแดงๆของตัวเองไปไว้ที่ไหนดี เลยต้องกลบเกลื่อนเอาไว้อย่างทุกที 


                  “นายพูดเก่งกว่าที่ฉันคิดซะอีกนะ” 

                  “แล้วเรื่องอื่นล่ะ ..?” 

                  “เรื่องอะไรล่ะ” 

                  “ก็เช่น....” 

                  เห็นทีว่าการกลบเกลื่อนของคุณหนูที่ไม่ประสีประสาเรื่องอย่างนี้เท่าไหร่จะเป็นการเปิดช่องว่างให้ตัวเองจนมุมมากกว่าเก่า พูดจบ ไคก็ยื่นหน้าเข้าแนบจุมพิตลงเบาๆที่ริมฝีปากของแพคฮยอน คนที่ตั้งรับไม่ทันก็ทำอะไรไม่ถูกนอกจากนั่งนิ่งๆให้อีกฝ่ายทำตามใจ จากจูบนุ่มๆก็กลายเป็นลึกซึ้งและแนบแน่น 


                  “อืม ...” 


                  ตอนแรกแค่อยากจะขอชื่นใจสักที แต่ไคก็เผลอเลยเถิดไปจนได้ น้ำหนักของชายหนุ่มดันทับให้ร่างของคุณหนูต้องเอนแนบลงไปกับเตียง รสจูบอันดูดดื่มพาให้ใจทั้งสองเตลิดไปอย่างไม่มีทางดึงกลับ เสื้อเชิ้ตลำลองสีขาวร่นออกจากเนินไหล่แล้วแทนที่ด้วยลมหายใจอุ่นๆที่ซุกไซร้สูดเอาความหอมไล้ขึ้นมายังซอกคอขาว คลอเคลียอยู่กับแก้มเนียนที่ชวนให้หลงใหล 





                  บอดี้การ์ดที่แสนภักดี แต่ในใจกลับเป็นกบฏมานาน ตอนนี้เลยไม่มีทางจะยอม ...... 









                  Rrrrrrrrrrrrrrrrrr 






                  ไคดันกายขึ้นมาจากคนใต้ร่างอย่างนึกเสียดาย แต่เขากลับขอบคุณเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองมากกว่าที่มันดังขึ้นมาขัดจังหวะในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ ... 


                  “ครับท่าน” 

                  เสียงทุ้มเอ่ยออกไปหลังจากที่ลุกขึ้นมายืนพูด พลางมองคุณหนูของเขาที่รีบลุกขึ้นนั่งแล้วดึงเสื้อตัวเองให้เข้าที่เข้าทางอย่างลวกๆ สองสายตาสบกันก่อนจะหันเหออกไปคนละทาง คนที่เมื่อครู่เปลืองเนื้อเปลืองตัวไปพอสมควรเลยเอาแต่ก้มหน้างุดๆ 


                  “ครับ กลับมาแล้วครับท่าน .. ปลอดภัยดี เอ่อ .. กำลังจะเข้านอนครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ .... ครับท่าน” 

                  ไคทั้งพูดไปทั้งละอายใจไป คุณท่านอุตส่าห์ไว้ใจให้ดูแล แล้วดูสิ่งที่ทำลงไปสิ 


                  ขณะที่พูดสายตาคมก็มองมาที่คนตรงหน้า ซึ่งก็ก้มหน้าบ้าง มองไปที่อื่นบ้าง หากแต่ก็นึกไม่ออกว่าควรจะลุกไปไหน ไคเก็บอุปกรณ์สื่อสารเข้ากระเป๋าตามเดิมด้วยความรู้สึกผิด เขาถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมอย่างนึกหงุดหงิดตัวเอง 

                  “เอ่อ เมื่อกี้นี้ ขอโทษนะครับ .. นี่ก็ดึกมากแล้ว เข้านอนเถอะนะครับ” 

                  “เดี๋ยวสิ นายจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” แพคฮยอนตัดสินใจเป็นฝ่ายรั้งเอาไว้เสียเอง ไคชั่งใจครู่หนึ่งจึงก้าวเข้าไปนั่งลงตรงหน้าแพคฮยอนอีกครั้ง มือหนาเอื้อมจับเสื้อของอีกฝ่ายให้ปิดร่างมิดชิดกว่าเก่า ไคจับมือข้างหนึ่งของแพคฮยอนขึ้นมาช้าๆก่อนจะที่เขาก้มลงแนบปลายจมูกและริมฝีปากประทับลงไปบนหลังมือเบาๆ เล่นเอาคุณหนูคนนี้ใจเต้นผิดจังหวะจนควบคุมไม่อยู่ ใบหน้าน่ารักแดงซ่านจนถึงใบหูกับสายตาที่เงยขึ้นมองกัน บอดี้การ์ดหนุ่มยืดตัวขึ้นจุมพิตที่หน้าผากมนก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน 



                  .. ไม่ไหวแล้วสิ ถ้าไม่ออกไปตอนนี้ล่ะก็มีหวัง เขาต้องได้เป็นกบฏ แหกกฎความภักดีเป็นแน่ 



                  “นอนเถอะนะครับ ได้เวลาแล้ว ผมขอตัวครับคุณหนู” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจะเดินออกจากห้องไป แต่เมื่อคนที่นั่งอยู่ยังเงียบ ไคก็อดจะหันมามองไม่ได้ 

                  “อย่าทำหน้าเหมือนอยากให้อยู่ต่อสิ” 

                  “มะ ไม่ใช่ซะหน่อย” 

                  “งั้นก็นอนได้แล้วครับ ขืนผมอยู่ต่อ .. คุณอาจจะไม่ได้นอนก็ได้นะ” 

                  “นายนี่มัน ออกไปเลยนะ ไอ้ ......!” แพคฮยอนหน้าแดงแปร๊ดพลางคว้าเอาหมอนขว้างใส่คนขี้แกล้ง ซึ่งอีกฝ่ายได้รีบเปิดประตูห้องออกไปก่อนแล้วเลยไม่ทันจะได้เจ็บตัว คุณหนูที่ไม่ใช่เด็กๆเลยนั่งฟึดฟัดอยู่ที่เดิมอย่างทำอะไรไม่ได้ 





                  ทางด้านนอกไคยังไม่ไปไหน เขายืนแนบแผ่นหลังไว้กับประตูห้องนอนของแพคฮยอนที่ภายในมีเพียงความเงียบในทันทีที่เขาออกมา ให้ตายสิ พอได้แค่นี้ก็อยากจะได้มากกว่านั้น .. เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ 



                  .. อยากกอดอีกครั้งให้หายคิดถึง 



                  แพคฮยอนนั่งมองบานประตูหลังจากที่ไคออกไปแล้ว เขาก้าวช้าๆไปยังประตูบานนั้นทั้งที่ก็รู้ว่าด้านนอกคงไม่มีใคร แต่ใจก็ยังอยากหวัง แพคฮยอนเอื้อมมือออกไปวางไว้เหมือนอยากจะสัมผัสก่อนจะแนบใบหน้าลงไป 





                  “ไค .......” 









                  “ครับ” 




                  เสียงตอบรับที่ได้ยินจริงๆ 
                  และ .. เสียงเรียกของคนที่คิดถึง 



                  ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายแปลกใจกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ ต่างคงกำลังยิ้มเหมือนกัน  ไม่ต้องเอ่ยอะไรมาก แค่บานประตูกั้น แต่แค่ไม่กี่ประโยคทำไมจะพูดไม่ได้ 



                  “นี่ วันหลังไว้เราไปเที่ยวที่สวนของนายกันนะ” 

                  “ยินดีครับ” 

                  “อืม เจอกันพรุ่งนี้นะไค” 

                  “ครับ ..ฝันดีนะครับคุณหนู” 






                  อย่างน้อยเรื่องในวันนี้ก็ผ่านไปอีกขั้น ขอพักซึมซับใจของกันและกัน  เพื่อวันข้างหน้า คำว่า “รัก” ในวันนี้ คงเป็นได้มากกว่านั้น 


















    End of "Let me be .." 



















                  อากาศหนาวด้านนอกกระจกบานใหญ่กำลังหลอมตัวโรยลงมากับหิมะกลางเมืองหลวง ยามบ่ายคล้อยของวันหยุด คุณหนูตระกูลพยอนนั่งหน้างอมองพวกมันจากภายในร้านกาแฟแห่งนี้ ผู้คนเดินเป็นคู่ บ้างก็จับมือกันดูแล้วคงอบอุ่นดี 

                  “กาแฟเย็นหมดแล้วนะครับคุณแพคฮยอน” 

                  เสียงทุ้มที่นั่งตรงข้ามโต๊ะตัวเล็กเอ่ยขึ้นกับคนที่นั่งเหม่อ แพคฮยอนตวัดสายตามองบอดี้การ์ดส่วนตัวในชุดสูทสีดำประจำด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ ก็เพราะไม่ยอมแต่งตัวปกติอย่างที่เขาบอกไงล่ะ นี่ก็คงเป็นเหตุผลหนึ่งล่ะมั้งที่ทำให้คุณหนูแพคฮยอนอารมณ์บูดแบบนี้ 

                  “กาแฟจะเย็นยังไง ก็ไม่เท่านายหรอก” 

                  “หือ ...” 

                  “ช่างเหอะ ว่าแต่ช่วยทำหน้าให้มันเหมือนคนหน่อยได้มั้ย” 

                  “เหมือนคน ผมไม่เหมือน....” 

                  “ก็ยิ้มอ่ะ รู้จักคำว่ายิ้มรึเปล่า” 

                  “รู้จักครับ” 

                  “งั้นก็ช่วยทำมันทีได้มั้ย” 

                  “แต่นี่มันในเวลางาน” ไคเอ่ยตรงๆให้แพคฮยอนเป็นฝ่ายเงียบไปเอง

                  ก็ในเมื่อไคยังจะมีเหตุผลแบบนี้ แพคฮยอนก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว คุณหนูที่ไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าคุณหนูเลยต้องแอบงอนไปเสียเอง คิดแล้วก็น่าเจ็บใจ ในเวลางาน ในเวลางาน ในเวลางาน แต่พออยากจะพูดหน่อยล่ะ ไม่เกรงใจกันสักนิด 


                  “เย็นชาจังนะ” เอ่ยเบาแสนเบา แล้วก็พิงหลังลงกับเก้าอี้แล้วหันออกไปมองด้านนอกตามเดิม อาการงอนแบบนี้ นานๆทีคนที่มองอยู่จะหาดูได้น่ะนะ 


                  แบบนี้แล้ว ... 


                  “ว่าไงนะครับ” ไคถามอีกที เพราะได้ยินไม่ถนัด 

                  “ฉันบอกว่านายเย็นชาจังนะ” 

                  “อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยิน” ร่างสูงหยัดกายขึ้นเอียงหูให้คุณหนูของเขาบอกมันชัดๆ แพคฮยอนเลยต้องยื่นหน้าเข้าไปบอกใกล้ๆ 

                  “ฉันบอกว่านายมันเป็นคนที่เย็นชาที่สุดในโลก ทีนี้ได้ยินชัดรึ.....” 







                  .. จุ๊บ .. ! 


                  คนเย็นชาที่ว่า ตวัดหน้าหอมแก้มคุณหนูขี้งอนไปเสียฟอดใหญ่ ก่อนจะนั่งลงตามเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แพคฮยอนอ้าปากค้างอยากจะว่าอะไรออกไป แต่หน้าตัวเองมันกลับฟ้องอาการอื่นแทนเขาเลยพูดไม่ออก 


    บางสิ่งที่ควรตระหนักเสียทีก็คือ ไม่ว่าไคจะชอบทำเรื่องแบบนี้กี่ครั้ง กี่ครั้ง หรือจะกี่ครั้ง จนบัดนี้ มันก็ทำให้แพคฮยอนต้องปั้นหน้ากลบเกลื่อนความเขินเอาไว้ทุกที 


                  “ทีนี้อุ่นพอมั้ยครับ หรือว่ายังเย็นอยู่ ถ้างั้นเอาไว้...” 

                  “พอแล้ว! .. กวนประสาท” แพคฮยอนรีบตัดบทคนกวนอารมณ์เอาไว้ ไม่อย่างนั้นขืนไคพูดต่อมีหวังเขาได้หน้าแดงไปถึงหูแน่ๆ คุณหนูอารมณ์ไม่ดีเลยรีบลุกเอาหน้าแดงๆที่ทั้งเขินปนโกรธเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้ไคควักเอาเงินวางบนโต๊ะแล้วก้าวตามออกไปอย่างรวดเร็ว 




                  บอดี้การ์ดหนุ่มที่พ่วงตำแหน่งอื่นเอาไว้ด้วยหลุดยิ้มออกมาน้อยๆขณะที่จดจ้องมองตามแผ่นหลังของคนที่เดินห่างออกไป ไม่นานไคก็ก้าวมายืนข้างแพคฮยอนแล้ว คนตัวเล็กกว่าไม่หันมามองเลยด้วยซ้ำ 

                  “หนาวจังนะครับ” ว่าแล้วมือหนาก็คว้าเอามือของอีกคนมากุมเอาไว้ 

                  แพคฮยอนไม่ได้ขัดขืน แต่มีหรือที่ไคจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายที่เอาแต่มองไปอีกทางขณะที่เดินอยู่กำลังรู้สึกยังไง ไม่ใจอ่อนก็คงหลุดยิ้มออกมาบ้างล่ะน่า 





                      เรื่องอื่นช่างมันเถอะ .. แค่เดินจับมือกัน แค่นั้นก็อุ่นมากพอแล้ว
     

















    Fin~

     

     

     

     

     

    Special part .. coming soon !

     






     

    จบแล้วจ้า .. เรื่องนี้มุ้งมิ้งดีมั้ยคะ จรรโลงใจมาก โลกเป็นสีชมพู ผีเสื้อบินรอบ แอบชวนบิดนะบางฉาก ส่วนบางฉากแอบชวนอ้วก แอร๊ยยยยยยยยยยย -/////-

     

    ขอขอบคุณน้องเอ็นจอยที่ทำแท็กเรื่องนี้ให้  #ลมบ (จริงๆมีแต่น้องสครีมให้^^) เผื่อใครอยากสครีมนะคะ  #ลบม ><!!!

     

    สองคนนี้พออยู่ในบทนี้ก็ไม่เลวนะคะ อิอิ เห็นมีชมไคหล่อ แหม่ .. เรื่องนี้ไคไม่กากนะ 555555  
    ส่วนน้องป๋าย เรื่องนี้พี่ทำร้ายหนูให้สาวมากกกกกกกกกกก โง้ยยย อยากสิงพระเอกจริงจัง TvT
    และน้องจื่อ เรื่องนี้จำเป็นต้องมารับบทอะไรก็ไม่รู้ 5555

    (รีบงุ้งงิ้งก่อนเรื่องยาว เพราะมันจะดาวน์ ฮี่ๆๆๆ
    #ใจร้าย) โอเคค่ะ เจอกันพาร์ทสเปนะคะ .. สเปเลี่ยนๆในสวนส้มหวานๆ

     

    ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ ((_ _))





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×