คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : [SF] Let me be .. (KaiBaek) - 2 (END)
Let me be . .
Pairing : Kai x Baekhyun // Story and Art : Gornhai
talk * พาร์ทจบนี้ใสๆ มุ้งมิ้ง น่ารักจร้า ~~
131027
(Ending part)
แดดในยามสายส่องกระทบผิวสีแทนที่ชื้นเหงื่อ ขณะที่กำลังออกแรงลากรถเข็นขนาดใหญ่เพื่อบรรทุกส้มเป็นร้อยๆลูกตรงไปข้างหน้า สองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นส้มเรียงรายกันอยู่มีคนงานยืนห่างกันเป็นระยะเพื่อเก็บผลส้มลงตะกร้าในฤดูเก็บเกี่ยวนี้
ร่างที่เข็นรถบรรทุกส้มเดินไปเรื่อยๆก็พลางจะชะโงกหน้าทักทายพวกคนเหล่านี้อย่างเป็นประจำ
“เดินระวังๆหน่อยนะครับป้าซุนมี ตรงนั้นดินมันลื่นนะ เมื่อคืนฝนตกหนักเลย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะจงอิน แค่นี้ป้าไม่พลาดหรอก” หญิงมีอายุตะโกนกลับมาบอกลูกชายของเจ้าของสวนแห่งนี้ คิมจงอินเลยยิ้มกลับไปให้แทนประโยคต่อไป
ชายหนุ่มเข็นรถเดินผ่านต้นส้มในสวนไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นคนงานที่ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองก็ไม่ลืมจะโผล่หน้ามาทักทายเจ้านายอีกคนของพวกเขา แม้ว่าพ่อของไคจะมีสวนส้มขนาดใหญ่ แต่เขาที่เป็นลูกชายก็ไม่เคยถือตัวกับลูกน้องของพ่อเลยแม้แต่นิด ทุกคนอยู่ที่นี่อย่างกันเองและเป็นมิตร
นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้มาทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่เข้าไปทำงานในโซล ถึงจะกลับมาได้เกือบจะครบเดือนแต่ไคก็ยังไม่ชินเสียที ไม่รู้ว่าเพราะอยู่ที่นั่นนานไปหน่อย กลับมาที่นี่เลยยังปรับอารมณ์ไม่ได้ หรืออันที่จริงในใจกำลังคะนึงหาแต่ใครบางคนกันแน่
.. บางคืนคิดถึงจนนอนไม่หลับ
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจขณะที่สองขาจะก้าวเดินต่อไปด้วยสภาพที่เหงื่อเริ่มจะท่วมตัวแล้ว เสื้อยืดที่สวมใส่เปียกไปหมดจนเรียกความสนใจจากเขากลับมาสู่ความเป็นจริง ไคเข็นไอ้เจ้ารถขนส้มไปตามทางที่เริ่มจะขรุขระและเต็มไปด้วยโคลนเนื่องจากฝนเมื่อคืนนี้ ข้างหน้าที่ห่างออกไปก็ดูเหมือนจะมีคนงานกลุ่มหนึ่งมุงอะไรกันอยู่ เห็นแล้วท่าทางน่าเป็นห่วง
ไคจอดรถขนส้มลงที่ข้างทางก่อนจะรีบเดินตรงเข้าไปยังกลุ่มคนงานที่หันหลังให้เขาอยู่
“มีอะไรกันน่ะ” ไคถาม
“คุณจงอิน มาพอดีเลยครับ เรากำลังจะไปหาคุณอยู่พอดี ก็พ่อหนุ่มจากโซลนี่ไงล่ะครับ ไม่รู้ว่าเข้ามาทางไหน เขาบอกจะมาหาคุณแล้วก็ตรงเข้ามาในสวนอย่างเดียวเลย ผมบอกจะพาไปรออยู่ที่บ้านก็ไม่ฟังมีแต่วิ่งเข้ามาลูกเดียว” หนึ่งในนั้นเอ่ยบอกกับไค
ไคไม่รอฟังอีกเขาเดินตรงไปทางสาวๆหลายคนที่ยืนบังอยู่ เมื่อทุกคนหลบให้เขาก็พบกับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ
“ไค ...”
ร่างของคนที่นั่งแช่อยู่ในโคลนเงยขึ้นมองเขาพร้อมกับยิ้มกว้างเพราะความดีใจ ใบหน้าขาวใสบัดนี้เปื้อนไปด้วยโคลนเช่นเดียวกันเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบร้อยที่บางจุดจะเลอะโคลนไปหมด มือบางยิ่งยกขึ้นปาดที่แก้มก็ยิ่งทำให้โคลนสีเข้มเปรอะไปมากกว่าเก่า
“แพคฮยอน คุณมาได้ยังไง” ไคเบิกตากว้างเมื่อพบความจริงที่ว่าภาพตรงหน้านี้เขาไม่ได้ฝันไป ไม่นึกเลยว่าคุณหนูที่เขาสุดจะหวงแหนจะต้องมาอยู่ตรงนี้ในสภาพแบบนี้ได้ แพคฮยอนตวัดสายตามองคนรอบๆที่ยกมือปิดปากเหมือนจะหัวเราะเขาที่ต้องมาเกิดเรื่องน่าอายแบบนี้ อดคิดไม่ได้ว่าอย่าให้ออกจากโคลนพวกนี้ไปได้นะ เขาจะบอกให้ไคไล่ออกให้หมดเลย
แต่ก็ได้แต่คิดในใจนั่นแหละ ใครจะกล้า
“มองอะไรเล่า ช่วยฉันหน่อยสิ” แพคฮยอนตะโกนเรียกไคที่เอาแต่ยืนอึ้งแล้วจู่ๆก็หลุดยิ้มออกมา เขาก็อายเป็นนะ แต่งตัวดีๆและสุดจะเรียบร้อยขนาดนี้แต่สภาพดันดูไม่ได้เลยสักนิด ไอ้โคลนบ้าพวกนี้เล่นงานไม่เลือกคนเลยจริงๆ
ไคตรงเข้าไปโอบร่างของคนตัวเล็กกว่าให้ลุกยืนขึ้น แพคฮยอนในเวลานี้เลยไม่ได้นึกอะไรนอกจากจงใจยกแขนโอบตอบไคไว้เช่นกัน ภาพการช่วยเหลืออันทุลักทุเลของคนทั้งสองตกอยู่ในสายตาหลายคู่ของคนงานทั้งสวน
“คุณมาที่นี่ทำไมแพคฮยอน” หลังจากกลับมายืนปกติและดันคนคนตรงหน้าให้สบตากัน ไคที่ไม่ได้อยู่ในสถานะเดิมอย่างแต่ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก็แล้วทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ ทีนายจะมาก็ไม่เห็นบอกฉันสักคำ” ได้ยินอย่างนั้นไคก็แทบจะต้องสะอึก เขาหลบตาคู่นั้นที่เอาแต่จ้องเหมือนรอฟังอะไร ความเงียบแผ่ไปทั่วบริเวณก่อนที่เสียงกระซิบกระซาบของหลายคนที่มองอยู่จะเริ่มดังขึ้น
ไครีบปัดอาการอยากหลบหน้านั้นทิ้ง เขาตั้งสติได้เลยออกแรงดึงแพคฮยอนให้เดินตามมาด้วยกัน
“โอ๊ย .. ปล่อยฉันนะ นายจะลากฉันไปไหน” ยังไม่พ้นจากบริเวณเดิมแพคฮยอนก็ฝืนมือตัวเองเอาไว้เพราะอยากจะคุยกันให้รู้เรื่อง โดยลืมไปแล้วว่าที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ๆควร หลายคนกำลังมองอยู่
“ตามมาเถอะน่ะ”
“ฉันเจ็บนะไค”
“ผมบอกให้ตามมาไง”
“ไม่ ฉันไม่ไป แล้วก็ขอสั่งให้นายหยุดดึงฉันได้แล้ว”
ได้ผล ไคหยุดดึงแพคฮยอนก่อนจะหันหน้ามาหากัน ใบหน้าคมถอนหายใจแรงๆแล้วก้มลงมาหา
“จะบอกอะไรให้นะ คำสั่งของคุณน่ะมันไม่มีผลอะไรหรอก อย่าลืมสิว่าผมไม่ใช่บอดี้การ์ดของคุณแล้ว”
ประโยคนี้ตรงเข้าทำร้ายหัวใจของแพคฮยอนได้อย่างดาย ดวงตาคู่เรียวจ้องคนตรงหน้านิ่งเพราะพูดไม่ออกกับความเป็นจริงข้อนี้ แต่แล้วความโมโหก็เข้ามาแทนที่ แพคฮยอนตรงเข้าผลักไคอย่างคนไม่มีเหตุผล
“นายมันนิสัยแย่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ จำเอาไว้เลยว่าฉันไม่มีวันจะฟังที่นายพูดอีกแล้วเหมือนกัน”
“หึ .. ทำอย่างกับว่าที่ผ่านมาคุณเคยฟังที่ผมพูดหรอกน่ะคุณหนู” ไคพูดอ้อมๆแต่เข้าใจได้อย่างเดียวว่าเขากำลังหาว่าแพคฮยอนดื้อ ที่สำคัญสรรพนามที่อีกฝ่ายไม่ชอบก็ยังหลุดออกมาจากปากของเขาอย่างตั้งใจ
“บอกแล้วไงว่าอย่ามาเรียกฉันแบบนี้ ฉันไม่ใช่คุณหนู..” แพคฮยอนเอ่ยเสียงเรียบแต่หนักแน่นเพราะเขากำลังโกรธจริงๆ เขาเป็นผู้ใหญ่พอเกินกว่าที่ใครจะมาดูถูกกันแบบนี้ อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกกันเลย
“อ้อ ลืมไป ผมก็ไม่ใช่บอดี้การ์ดของคุณแล้วนี่นะ”
“คิมจงอิน!!” แพคฮยอนกลับมาตะโกนเสียงดังอย่างสุดจะทน แต่คนตรงหน้าก็ยังมีท่าทีนิ่งขรึมไม่ยอมแพ้กันเลย ไคกำลังแข็งใจไม่น้อยเหมือนกัน
ทั้งสองเถียงกันไปมาจนคนอื่นๆเริ่มจะจ้องมองอย่างไม่วางตา
ไคไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับคนตรงหน้า เขาเลยต้องใช้วิธีที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดและได้ผลที่สุด
“เฮ้ย .. ปล่อยนะ”
“ถ้าไม่อยากจะตกลงไปคลุกกับโคลนเหม็นๆพวกนี้อีกเป็นครั้งที่สองก็อย่าดิ้นเลยครับคุณหนู” ไคว่าหลังจากตรงเข้าช้อนร่างของแพคฮยอนขึ้นมาอุ้มไว้ แรงของกำปั้นเล็กกระหน่ำทุบลงมาที่กล้ามเนื้อภายใต้เสื้อยืดชื้นเหงื่อด้วยความโมโห นอกจากสภาพจะดูไม่ได้แล้วยังต้องมาเจอขัดใจเสียทุกอย่างแบบนี้ เป็นใครก็ต้องโกรธเหมือนกัน
ไคไม่สนใจคนในอ้อมกอดแม้แต่นิด เขารีบก้าวเท้าไปตามทางเดินในสวนเพื่อจะตรงไปยังตัวบ้านที่อยู่อีกฝั่ง ระหว่างทางก็ใช่ว่าจะราบรื่นเพราะแพคฮยอนเอาแต่ดิ้นลูกเดียว
“อย่าดิ้นได้มั้ยครับ เห็นมั้ยว่าผมจะล้ม...”
“ไม่นะไค!!”
แพคฮยอนร้องเสียงหลงเมื่อไคเหมือนจะล้มลงแล้วเทเขาลงจากแขนจริงๆ ร่างเล็กหลับตาปี๋พร้อมทั้งโอบรอบคอนั้นไว้แน่น แก้มขาวๆที่แม้จะเปื้อนโคลนก็ยังน่ามองนั้นแนบชิดเข้ากับจมูกของคนอุ้มโดยไม่ทันจะตั้งตัว ไคเก็บความรู้สึกที่เกิดในหัวใจเอาไว้ไม่ให้กระเจิงไปกับคนๆนี้ เขาไม่อยากทำอะไรที่มันไม่ควรในเวลาที่ทุกอย่างยังค้างคากันอยู่
❤✿❤✿❤✿❤
ลูกชายคนโตที่หายเข้าไปในสวน จู่ๆก็พรวดพราดเข้ามาในบ้านพร้อมกับอุ้มเอาร่างของใครคนหนึ่งเข้ามาด้วย ไคก้าวขาเลอะๆผ่านห้องนั่งเล่นเข้ามาท่ามกลางสายตาของพ่อแม่และน้องสาวที่นั่งคุยกันอยู่ตามประสาครอบครัวในวันหยุด ไคไม่สนใจสายตาอึ้งๆและงุนงงของทุกคนเลยแม้แต่นิด เขารีบก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเองในขณะที่คนในอ้อมกอดเริ่มจะดิ้นและร้องโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง สิ้นเสียงปิดประตูห้องจากชั้นบนที่ดังลงมา สามสายตาที่มองตามและแทบจะอ้าปากค้างก็ต้องค่อยๆหันมามองหน้ากันอีกครั้ง
“เอานี่ไป อาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดนี่ซะ จากนั้นคุณก็รีบกลับบ้านไปได้แล้ว” อดีตบอดี้การ์ดส่วนตัวที่แสนจะเงียบขรึมและภักดีต่อคนเป็นนายมาตลอดกำลังออกคำสั่งสั้นๆและจริงจัง แพคฮยอนที่ถูกปล่อยลงมายืนประจันหน้ากันเลยพลอยโมโหอย่างสุดจะทน แต่การดิ้นมาตลอดของเขามันก็ทำให้หมดพลังงานจะตรงเข้าทำอะไรคนตรงหน้าได้
“หึ นายคิดว่ากำลังสั่งใคร”
“ผมบอกดีๆแล้วนะครับคุณแพคฮยอน กรุณาทำตามด้วย”
“คิดว่าอยู่บ้านตัวเองแล้วฉันจะกลัวนายเหรอไค”
“นั่นไงล่ะ .. คุณหนูก็ยังเป็นคุณหนูอยู่วันยังค่ำนะ พูดอะไรเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล” ไคส่ายหน้าเอือมระอาเต็มที แต่หารู้ไม่ว่าแค่นี้ที่เขาพูดมันจะทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แพคฮยอนรู้สึกว่าน้ำตามันกำลังจะไหล เขาเลยพยายามกลั้นมันเอาไว้ ที่แท้แล้วที่ผ่านมาทั้งหมดไคก็คิดว่ามันน่ารำคาญและเอาแต่ใจจริงๆ
.. นายไม่รู้จักฉันดีพอเลยรึไง ก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนแบบนั้น
แต่บางทีที่อยากเอาแต่ใจมันก็แค่กับนายไม่ใช่เหรอ อยากให้สนใจกันบ้างแล้วผิดตรงไหน .. ไอ้บ้าเอ๊ย
แพคฮยอนยืนเงียบสบตาอยู่กับไคอย่างนั้น
หลายอย่างที่ค้างคาและตั้งใจจะมาถามเลยต้องชะงักไปโดยปริยาย
“จะยืนเหม็นอย่างนี้อีกนานมั้ย” ไคยืนกอดอกพิงผนัง เพราะรอคนที่เอาแต่เงียบทำหน้าหงอยทั้งที่ตัวเต็มไปด้วยโคลนแบบนี้ แพคฮยอนเชิดหน้าขึ้นมาอีกทีกับคำพูดดูถูกพวกนั้น
“เหม็นก็เรื่องของฉัน นายแบกมาเองไม่ใช่รึไง”
“โอเค .. งั้นผมต้องรับผิดชอบสินะ งั้นได้เลย” ร่างสูงก้าวเข้ามาหา ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะถอยหนีเพราะตกใจ
“ทำอะไรน่ะ”
“ก็จะพาไปอาบน้ำไง ผมพามาเองก็จะพาไปอาบเองอย่างที่คุณบอกไง”
“ไอ้บ้า .. ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”
“งั้นจะเอาไง จะยืนแช่โคลนอยู่แบบนี้หรือจะไปอาบเองดีๆ เพราะถ้าไม่ไปผมคงจะต้อง....”
“รู้แล้วล่ะน่า!!” ว่าแล้วแพคฮยอนก็รีบคว้าเอาของที่ไควางไว้ให้แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป
ชายหนุ่มที่ถูกหาว่าไม่มีเหตุผลนั้นหยุดยืนพิงประตูห้องน้ำหลังจากที่ปิดมันลง เขาเหนื่อยใจเพราะไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกแบบนี้ไปถึงไหน รู้ตัวว่ากำลังน้อยใจผู้ชายคนนี้อย่างที่สุด อยากบอกว่าเขาคิดยังไงด้วย อยากบอกออกไปเลยแล้วถึงตอนนั้นจะต้องหันหลังกลับไปด้วยความผิดหวังก็ไม่เป็นไร
ไคเอนร่างพิงกับผนังห้องอีกครั้ง แววตาเหนื่อยๆเพราะลำบากใจฉายออกมายามเมื่ออยู่คนเดียว หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะยังรัวอยู่ในอกตลอดเวลา จะทนความคิดถึงไปได้แค่ไหนกัน ทรมานจริงๆนะ เรื่องระหว่างเขากับคุณหนูคนนี้ที่ห่างไกลกันเหลือเกิน มันจะจบลงอย่างไร เขาจะทำได้เหรอ
หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาอยู่ในชุดที่ไคเตรียมไว้ให้แล้ว แพคฮยอนก็นึกต่อไปว่าจะทำยังไงต่อดี เขากระโดดลงนั่งแรงๆที่เตียงซึ่งเจ้าของมันไม่อยู่ในนี้ด้วยแล้ว
หมอนบนเตียงนี้ ขณะที่เอนศีรษะลงมาสัมผัสมันก็ชวนให้จำต้องหลับตา กลิ่นกรุ่นแบบนี้แพคฮยอนมั่นใจได้ว่าเป็นของเจ้าของมันเพราะเขาจำได้ดีเสมอ ปลายจมูกได้รูปกดแนบลงไปกับหมอนใบใหญ่อย่างไม่รู้ตัว แพคฮยอนคิดถึงไคแค่ไหนทำไมอีกฝ่ายถึงไม่เคยรู้
.. ไม่สิ สิ่งที่วันนั้นแพคฮยอนได้ยินทำให้เข้าใจแล้วว่าไครู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่คิดจะทำอะไรเลย
แพคฮยอนรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาบนเตียงของไคที่เดิมแล้ว เสื้อผ้าหลวมๆที่สวมใส่อยู่ชวนให้นึกออกว่าตัวเป็นอย่างไรก่อนหน้านี้ เขารีบเงยหน้ามองนาฬิกาที่ผนังอีกครั้ง
“นี่มันตอนเย็นแล้วนี่”
แพคฮยอนตวัดกายลงจากเตียงอย่างรีบร้อนแล้ววิ่งลงบันไดเพื่อมาที่ชั้นล่าง คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแขกต้องหยุดชะงักลงต่อหน้าคนทั้งสามที่กำลังนั่งทานมื้อเย็นกันที่โต๊ะอาหารขนาดกลาง แพคฮยอนในชุดเสื้อผ้าของไคยืนเก้อต่อหน้าครอบครัวของอีกฝ่ายที่เขาจำได้ว่าเห็นเมื่อกลางวัน
“เอ่อ ...” คุณหนูคนเก่งเพิ่งรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่สามารถเริ่มการสนทนาได้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ลูกค้ารายสำคัญหรืองานหินแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่นี่ทำไมถึงได้เอ่ยปากยากนักหนา มันก็หลายสาเหตุนั่นแหละ จู่ๆโผล่มาบ้านเค้าแถมเผลอหลับไปตั้งนาน แล้วอยู่ในชุดของลูกชายเค้าอีก ที่สำคัญจะขออนุญาตหรือแนะนำตัวอะไรก็ยังไม่ได้ทำเลย
ขณะนั้นเอง ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะดีขึ้นหรือไม่เมื่อผู้เกี่ยวข้องคนสำคัญเดินเข้าบ้านมาพอดี ไคจ้องแพคฮยอนก่อนจะหันไปมองสามสายตาที่จ้องมาที่เขาอย่างเต็มไปด้วยคำถาม คุณน้องสาวอมยิ้มเหล่ตามองพี่ชาย ซึ่งไม่ได้ต่างกันนักกับพ่อและแม่ที่เหมือนจะดูออกเช่นกัน
“ไคจ๊ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลูก .. คุณหนูแพคฮยอนเพิ่งจะตื่น นี่ก็เย็นมากแล้วพาคุณเค้ามาทานข้าวด้วยกันสิ” คุณแม่ที่แลดูจะใจดีกว่าลูกชายเป็นร้อยเท่าเอ่ยไปยิ้มไป แพคฮยอนเริ่มจะเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่เขาก็ภาวนาให้ไคทำตามที่แม่บอก อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องให้มันมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
คิดแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆผู้ใหญ่ทั้งสอง
“สวัสดีครับ คือว่าผม...”
“ไม่ต้องแล้ว คุณมากับผมเดี๋ยวนี้” จู่ๆไคก็ก้าวเข้ามาดึงแพคฮยอนให้ออกมาจากที่ตรงนั้น โดยไม่สนสายตาทุกคนและเสียงร้องห้ามของคนเป็นแม่เลย
“นี่ ปล่อยได้แล้ว นายจะพาฉันไปไหน”
“ไปไหนน่ะเหรอ ก็กลับบ้านคุณน่ะสิ”
“นายจะบ้ารึไง เห็นมั้ยว่าฉันกำลังจะสวัสดีพ่อกับแม่ของนาย แล้วการทำแบบนี้มันปิดโอกาสให้ฉันแสดงความมีมารยาทเลยนะรู้มั้ย”
“อย่ามานอกเรื่องน่ะคุณ รีบกลับบ้านไปเถอะ ป่านนี่คุณท่านคงเป็นห่วงแย่”
ในยามค่ำตอนนี้ แพคฮยอนถูกไคกึ่งจูงกึ่งลากผ่านสวนส้มมายังทางที่รถจอดเอาไว้
“ถึงรถคุณแล้ว กลับบ้านดีๆล่ะครับคุณหนู” อดีตคนเคยภักดีก็ค้อมศีรษะให้เล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนจะหันกลับ
“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป” แพคฮยอนเอ่ยรั้งเอาไว้เสียงแข็ง เขากำลังจะหมดความอดทน อุตส่าห์พยายามมาขนาดนี้แล้วยังจะให้ต้องบอกอะไรอีก
“มีอะไรอีกครับคุณแพคฮยอน”
“นายจะไล่ฉันกลับไปแบบนี้ไม่ได้”
“เชิญกลับไปเถอะครับ”
ไคไม่อยากเถียงอีกเลยรีบสาวเท้าออกมาจากที่ตรงนั้น เขารู้ตัวเองดีว่านอกจากเหตุผลที่เป็นข้ออ้างในใจแล้ว ความจริงก็แค่กำลังทำใจแข็งออกไปมากกว่า ไครุดเดินกลับมาทางเดิมที่พาแพคฮยอนออกมา เขาเดินผ่านทางเดินกลางสวนส้มยามค่ำคืนที่พอจะมองเห็นทางเพราะแสงจันทร์ เงาทะมึนพาดเป็นทางยาวสีดำบนดิน เงาของไคตั้งฉากกับร่างกายที่รีบก้าวเดินไปข้างหน้า ปล่อยให้คุณหนูคนเก่งยืนทำอะไรไม่ได้อยู่ข้างหลังที่เขาค่อยๆทิ้งห่างออกไป
ไคไม่รู้ว่าเขาแน่ใจรึเปล่าที่ดีใจเพราะแพคฮยอนไม่ได้ตามเขามา แต่พอหยุดเดินเพื่อจะหันกลับไปก็แอบใจหาย เขาจะไม่ได้เห็นหน้าคุณหนูแพคฮยอนที่เคยเห็นทุกวัน ไม่ได้ยินเสียงๆนั้นที่อยากได้ฟังแทบจะทุกคืน
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”
ไคเบิกตากว้างเมื่อหันกลับมาพบคนในความคิดที่เขาเพิ่งจะเดินจากมาเมื่อครู่ แพคฮยอนกระหืดกระหอบวิ่งมาหยุดลงที่หน้าของไค
“คุณหนู...”
“ถ้าจะเดินหนีน่ะ เอาไว้ทำหลังจากนี้แล้วกันนะ” ว่าแล้วร่างของแพคฮยอนก็กระโจนเข้าหาไคทันที อ้อมแขนแกร่งไม่ได้ยกมือปัดป้องคนตรงหน้าอย่างที่ควรจะเป็น
แวบเดียวกับแสงจันทร์สะท้อนลงบนดวงตาคู่นั้นที่ฉายแววบางอย่างให้คนมองต้องหวั่นไหว ไคยืนทื่อเมื่อมือบางทั้งสองข้างของอีกฝ่ายแนบลงที่ข้างแก้มของเขา แพคฮยอนยืดตัวขึ้นก่อนจะจูบลงที่ริมฝีปากของไคอย่างรวดเร็ว
ความเงียบในสวนส้มไม่ต่างอะไรกับท้องฟ้ากว้างและดวงดาวมากมายที่ส่องสว่างนิ่งอยู่อย่างนั้น ราวกับกำลังจ้องมองลงมายังคนสองคนที่ได้แต่หายใจแผ่วๆอยู่กับจูบที่แนบนิ่งไม่น้อยไปกว่ากัน ลมหายใจอุ่นเริ่มจำต้องถอนสัมผัส
คุณหนูคนเดิมผละออกจากร่างของชายหนุ่มคนที่รับจุมพิตแรกของเขาไป พลางจ้องลึกลงไปในตาคู่นั้นให้รับรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกไปมันคือความจริงจากใจ
“ใครคนนั้นที่นายจะรัก .. ให้เป็นฉันได้มั้ย”
❤✿❤✿❤✿❤
ยามเช้าอันแสนสดใสกับแสงแดดรำไรทำให้อดีตบอดี้การ์ดหนุ่มคนนี้ต้องแอบมองคนข้างกายที่ยิ้มกว้างเพราะกำลังตื่นตาตื่นใจอยู่กับสวนส้มแห่งนี้ ไคหยุดการขนส้มพวกนี้ขึ้นรถเข็นเอาไว้ขณะที่ลอบมองคนอีกคนอยู่
เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ที่เกิดขึ้นยังคงวนเวียนในหัวของเขาไม่ได้ลืมเลือน ต่างกับท่าทีไม่สนใจที่กำลังแสดงออกไปในตอนนี้ เหงื่อไคลที่เริ่มก่อตัวไหลย้อยลงมาตามลำคอแกร่ง กว่าเขาจะรู้ตัว คนที่เป็นเป้าหมายของสายตาก็หันขวับมาหาเสียแล้ว
“มองอะไรน่ะ” แพคฮยอนขมวดคิ้วถาม ทำให้ไครีบหันหน้าหลบแล้วก้มลงเก็บส้มอีกไม่มากขึ้นรถโดยมีคุณหนูแพคฮยอนออกแรงช่วยไปด้วย
หลายสายตาของคนงานในสวนจับจ้องคนทั้งสองอยู่เงียบๆ เงียบมากจนไคจับสังเกตได้ว่ามันเงียบเกินไปแล้ว ปกติจะต้องตะโกนทักทายกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง พูดคุยกันบ้าง แบบนี้มีหรือที่เขาจะไม่รู้
ร่างสูงมีท่าทีเฉยเมยเสียคนคนเดินตามไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ แต่ก็เอาเถอะ แพคฮยอนไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก ขณะที่เดินตามหลังไคที่เข็นรถขนส้มตามทางในสวน แพคฮยอนมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆ มือบางยกขึ้นกอดอกพลางคิดไปด้วยว่าแต่ก่อนผู้ชายคนนี้เหมือนกับหุ่นยนต์ไม่มีผิด ไม่น่าเชื่อว่าจะมาทำอะไรแบบนี้ได้ ยิ่งคิดแพคฮยอนก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองนั้นรู้อะไรเกี่ยวกับไคน้อยมาก
ใบหน้าบูดบึ้งที่คิ้วขมวดหากัน จู่ๆก็คลายเป็นอมยิ้มไปเสียอย่างนั้น เพราะจะว่าไปแล้วเขาก็แอบชอบใจไม่น้อยกับอีกมุมหนึ่งในแบบคนธรรมดาที่มีชีวิตของไค .. ถึงแม้ว่าจะยังทำเฉยใส่กันเหมือนเคยก็ตาม
รวมทั้งคำตอบของเรื่องเมื่อวาน ที่ยังค้างคาเอาไว้
“ร้อนจังเลยนะ”
เสียงของแพคฮยอนเริ่มบ่นออกมาเบาๆกับอากาศที่ดูจะใจร้ายมากขึ้นกว่าเมื่อตอนเช้า มือบางละจากการหยิบจับส้มในรถแล้วยกขึ้นปาดเหงื่อ คนที่ก้มหน้าก้มตาขนส้มลงจากรถก็อดจะเห็นใจไม่ได้ ร้อนขนาดนี้แถมดูจะเหนื่อยแล้วก็ยังจะอยากมาช่วยเขาอีก
ไคยกผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดคออยู่ซับเหงื่อตัวเอง ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดในกระเป๋ากางเกงมายื่นให้คนตรงหน้า อะไรแบบนี้ที่มันดูขัดกันกับสภาพความจริงทำให้แพคฮยอนสงสัยอยู่ไม่น้อย ก็ไคมีผ้าอยู่แล้ว แถมลุยงานแบบนี้คงไม่มีใครมาพกผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ในกระเป๋าหรอก
“รับไปสิ”
“อืม ขอบใจ” แพคฮยอนรีบรับมาเพราะไม่อยากจะจับผิดอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ เขาดีใจมากเลยล่ะหากไคจะตั้งใจเตรียมมันมาให้
“บ่ายแล้วช่วงนี้มันจะร้อนกว่าปกติ กลับไปรอที่บ้านเถอะ” เสียงทุ้มบอกเรียบๆพลางก้มหน้าก้มตาทำงานไปไม่สนใจกันสักนิด
“รอ .. รอนายใช่มั้ย...” แพคฮยอนทวนคำนั้นเพื่อความมั่นใจ อย่างน้อยไคก็กำลังบอกให้เขารอล่ะนะ
“อย่าเข้าใจผิดสิ ผมบอกให้คุณไปรอที่บ้านของผมให้แดดหมด แล้วหลังจากนั้นก็รีบขับรถกลับบ้านของคุณไปซะ” ใบหน้าคมเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ต่างจากใบหน้า คนฟังที่คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะใจอ่อนลงบ้างจึงต้องยิ้มค้างอยู่กับตัวเองที่หลงเข้าใจผิดตั้งแต่แรก
“หึ นายเห็นความพยายามของฉันเป็นของเล่นรึไง” แพคฮยอนกำมือแน่นเพราะความโมโห ซึ่งถึงอย่างนั้นคนตรงหน้าก็ยังทำทีก้มเก็บผลส้มต่อไปเหมือนกำลังหูทวนลม เมื่อคืนนี้ก็แล้ว วันนี้ก็แล้ว คุณหนูที่ความอดทนหายไปแทบหมดจึงได้แต่ยืนอดกลั้นทั้งที่โกรธจัด และพอทำอะไรไม่ได้มือที่กำอยู่จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผลไม้สีสดในตะกร้าแทน
แพคฮยอนขว้างส้มหนึ่งลูกใส่ไค มันกระแทกลงที่ศีรษะอย่างจัง ไคไม่ได้ร้องออกมาแต่ทำเพียงแค่เงยหน้ามองแพคฮยอน
“ทำอะไรของคุณน่ะ นี่ถ้าเกิดส้มในสวนของผมเสียหาย รู้มั้ยว่าต้องรับผิดชอบ”
“งั้นเหรอ ต้องชดใช้ค่าเสียหายใช่มั้ย ได้!! ฉันพร้อมจะจ่ายให้นายเป็นสิบเท่าเลยล่ะ” คุณหนูที่เคยมีเหตุผลสำหรับคนรอบข้าง ในตอนนี้กับไคแล้วมันกลับกันอย่างสิ้นเชิง แพคฮยอนว่าแล้วก็ก้มคว้าเอาส้มอีกหลายลูกขว้างใส่ไคอย่างไม่ยอมหยุด
“เฮ้ย นี่คุณ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ไคยกมือขึ้นปัดป้องตัวเองเป็นพัลวันจากส้มมากมายที่ขว้างมาทางเขาจนหล่นเกลื่อนพื้นไปหมด
“อย่างนายมันต้องเจอแบบนี้ไค”
“อ๊ะ....” แพคฮยอนที่เป็นฝ่ายจู่โจมกลับต้องพลาดท่าขึ้นมาเมื่อส้มหลายลูกที่ตัวเองโยนออกไปจนตกเต็มพื้นนั้นจะกลิ้งมามากมายจนเท้าทั้งสองไม่ทันระวังจึงเหยียบเข้าไปเต็มๆและทรงตัวไม่อยู่
“โอ๊ย!”
“แพคฮยอน!” ไคตกใจเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าล้มก้นกระแทกลงไปบนพื้นดินอย่างจัง ชายหนุ่มลูกเจ้าของสวนวิ่งเข้าไปหาหวังจะช่วยแต่มือเล็กๆนั่นก็เอื้อมออกมาผลักเขาให้เซออกมา แพคฮยอนรีบดันตัวเองให้ยืนขึ้นทั้งที่เจ็บอยู่ไม่น้อย คุณหนูคนน่ารักเอาแต่กัดฟันด้วยความโมโห
“ถ้าคิดแค่หวังดีก็ไม่ต้อง”
ไคได้แต่ยืนกลืนน้ำลายตัวเองเพราะไม่รู้จะพูดอะไร บางทีเขาก็เหมือนตกหลุมกับดักความรู้สึกของตัวเอง ใบหน้าคมนิ่งไปขณะที่สบตากัน ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ แพคฮยอนขมวดคิ้วอย่างงงๆว่าอีกฝ่ายหัวเราะอะไร มือบางยังคงยกขึ้นปัดแก้มตัวเองอีกทีโดยไม่รู้ว่าดินที่เปื้อนมือจะเลอะเปรอะไปทั้งหน้า แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คงไม่ใช่ประเด็นนัก
ใครจะเชื่อล่ะ นี่จะนับว่าเป็นครั้งแรกเลยได้รึเปล่านะที่แพคฮยอนเห็นไคยิ้มแล้วหัวเราะแบบนี้
ความโมโหจู่ๆก็พลันมลายหายไปกับสายลมแสงแดด ใบหน้าที่ยกยิ้มจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาหวั่นไหว
“นายหัวเราะฉันเหรอ” แพคฮยอนถามเสียงแผ่วทั้งที่ยังยิ้มไม่หยุด
“ฮะฮะ .. ขอโทษ ผมแค่คิดว่าคุณนี่ตลกดีจัง ล้มเพราะส้มที่ตัวเองขว้างมาไม่พอ ยังลุกขึ้นเอาดินในมือมาเปื้อนแก้มอีก....” ไคถอนหายใจพลางยิ้มไม่หยุด หารู้ไม่ว่าคุณหนูของเขากลับไม่ได้ฟังในสิ่งที่พูดออกไปเลย แพคฮยอนเองก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น
“นี่ไค นายรู้อะไรมั้ย ฉันชอบเวลานายยิ้มและหัวเราะที่สุดเลย”
“ผมก็ชอบเวลาที่คุณยิ้มนะแพคฮยอน”
“แต่จะยิ้มหรือไม่ผมก็ยังชอบ......”
คำต่อไปชะงักเอาไว้แค่นั้น ประโยคสุดท้ายนี้ทำให้รอยยิ้มที่ให้แก่กันจำต้องค้างอยู่กลางความรู้สึกไปในทันที
แพคฮยอนนิ่งไปขณะที่ไคคนพูดจะรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป ก็ในเวลาที่มีความสุขใครมันจะห้ามใจไหว เหมือนกับใจของคุณหนูแพคฮยอนที่พองคับอกไปแล้ว
❤✿❤✿❤✿❤
วันทั้งวันผ่านไปอย่างแนบชิดกับธรรมชาติ พยอนแพคฮยอนกำลังนั่งอยู่บนผืนหญ้าขณะที่มองคนใจแข็งกำลังก้มๆเงยๆกับดินใต้ต้นส้มพวกนี้ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสนใจอะไรมันนักหนา แค่ใส่ปุ๋ยแล้วรดน้ำรอมันเกิดก็ได้แล้วมั้ง
“นี่ไค กลับไปกับฉันเถอะนะ”
“อย่าถามอีกเลยครับคุณ เอ่อ .. คุณแพคฮยอน”
“หมายความว่าไง ก็ในเมื่อนาย...”
“ในเมื่อผมมันไม่มีทางจะกลับไปกับคุณได้” ไคเอ่ยออกมาแทน ซึ่งมันสวนทางกับสิ่งที่แพคฮยอนจะบอกเลยต่างหากล่ะ แพคฮยอนสบตาไคด้วยความเงียบ เขาจะนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อรอคำตอบอีกครั้ง แต่ร้อยทั้งร้อย ไม่ว่ายังไงไคก็ไม่เคยเดาใจคุณหนูคนนี้ผิด
“อย่ารอเลยครับ คุณกลับไปเถอะ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง แววตานิ่งตรงจ้องมาเหมือนจะย้ำให้ชัดว่าเขาต้องการอย่างนั้นจริงๆ ยิ่งนิ่ง คนมองอยู่ก็ยิ่งจะน้ำตาคลออย่างไม่รู้ตัว
บางทีแพคฮยอนก็เพิ่งจะนึกได้ หรืออันที่จริงน่าจะเรียกว่าเพิ่งจะยอมรับมากกว่า ว่าที่ทำมานั้นมันช่างดูโง่เง่าเสียเหลือเกิน ถึงขนาดนี้มันคงจะเกินพอแล้วล่ะมั้ง
“ได้ ...”
ทั้งที่ในใจอัดแน่นไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เขากลับเอ่ยออกไปได้เพียงเท่านั้น แค่สั้นๆที่แพคฮยอนกลับพูดมันออกไปด้วยเสียงแผ่วๆกับแววตารั้นที่ดูเศร้า
บรรยากาศพลบค่ำย่างกรายเข้ามาพร้อมกับร่างของคุณหนูแพคฮยอนที่ก้าวย่างออกไปจากสวนจนลับสายของคนที่ได้เพียงยืนมองอยู่
แพคฮยอนเดินจากไปแล้ว ไคที่หยุดทุกอย่างที่ทำอยู่ได้แต่ยืนมองตามทางที่อีกฝ่ายเดินจากไป
ป่านนี้คุณหนูของเขาคงกำลังขับรถออกไปจากที่นี่ด้วยความโมโหและเสียใจ พอถึงบ้านก็คงจะยังหงุดหงิดไม่หาย แต่สักพักก็คงไปอาบน้ำอุ่นๆแล้วก็เข้านอน ตื่นขึ้นมาเช้าวันใหม่ก็คงจะวุ่นวายอยู่กับงานของตัวเอง ตอนเย็นกลับบ้านมาเหนื่อยๆ พอเริ่มเบื่อก็อาจจะหนีคุณท่านออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน แล้วเรื่องเก่าๆของบอดี้การ์ดคนนี้ คุณหนูที่แสนดีก็คงจะลืมมันไปเอง
“พี่คะ ..” เสียงเล็กๆของน้องสาวคนสวยที่ตะโกนเรียกอยู่ด้านหลังเรียกความสนใจจากพี่ชายให้หันไปมอง
“ว่าไง มาตามพี่ไปกินข้าวเหรอ”
“เปล่าค่ะ แค่มาเดินเล่น แล้วนั่นพี่มองหาใครอยู่เหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก .. เย็นมากแล้วกลับบ้านกันเถอะ”
“แล้วคุณหนูแพคฮยอนของพี่ล่ะไปไหนแล้ว คิดว่าอยู่ด้วยกันซะอีก” น้องสาวที่ไม่ใช่เด็กสาวแล้วแกล้งถามออกไป ด้วยความที่พอจะรู้อยู่บ้างเลยอดสงสัยไม่ได้
“เค้ากลับไปแล้วล่ะ อีกอย่างเค้าก็ไม่ใช่ของพี่ด้วย” ไคบอกเรียบๆก่อนจะเดินกลับไปทางที่ตรงไปยังบ้านของพวกเขา ทิ้งให้น้องสาวคนสวยยืนกอดอกอยู่คนเดียว
❤✿❤✿❤✿❤
เรื่องง่ายๆที่ยากยิ่งกว่าข้อสอบสมัยเรียน สำหรับแพคฮยอนแล้ว เรื่องนั้นมันก็คือการบังคับใจให้หยุดคิดถึงใครบางคน
“เฮ้อ............”
เสียงถอนหายใจลากยาวแทรกผ่านดนตรีที่เปิดคลอในผับยามค่ำคืน ลูกชายคนเดียวของผู้มีอำนาจในวงการธุรกิจที่ใครๆต่างรู้จักนั่งเหงาคนเดียวอยู่กับแก้วเปล่าตรงหน้า แพคฮยอนสบตากับบาร์เทนเดอร์ที่ยิ้มให้อย่างรู้กัน ก่อนที่แก้วค็อกเทลสีสวยแก้วใหม่จะถูกวางแทนที่
ป่านนี้หมอนั่นจะทำอะไรอยู่นะ .. นี่คือสิ่งภายในใจของแพคฮยอน
ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาได้เกือบเดือนแล้ว ถ้าไคจะรู้สักหน่อยก็คงต้องยอมรับว่าตัวเองคิดผิดถนัด คุณหนูคนนี้มีความสุขที่ไหนกันล่ะ
“อ้าว .. คิดว่าใครมานั่งเหงาคนเดียว คุณแพคฮยอนนี่เอง”
ร่างของใครสักคนนั่งลงข้างกับเขาที่ยังว่างอยู่ แพคฮยอนหันมามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตั้งแต่ที่บอดี้การ์ดคนสำคัญลาออกไป นอกจากจะต้องคอยดื้อรั้นปฏิเสธบอดี้การ์ดคนใหม่ที่พ่อหาให้แล้ว เขาก็ยังต้องคอยหลบผู้ชายคนนี้อีกด้วย ไม่รู้จะอยากทำความรู้จักสนิทสนมอะไรกับเขานักหนา
“หวัดดีครับคุณจื่อเทา บังเอิญจังนะครับ” แพคฮยอนยิ้มกลบอารมณ์เบื่อหน่ายเอาไว้ตามมารยาท
“บังเอิญ หรือโชคชะตาก็ไม่รู้นะครับ” ใบหน้านั้นยิ้มกรุ้มกริ่มและพูดได้อย่างไม่อายปาก ซึ่งคนฟังอยากจะลุกเดินหนีเต็มที แต่แพคฮยอนก็ฉลาดพอจะนั่งสนทนาและดื่มไปเรื่อยๆกับผู้ชายคนนี้ที่เขาอดทนมาด้วยมากแล้วหลายครั้ง
เวลาเดินไปนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆแพคฮยอนรู้ตัวแล้วว่าข้างกายของเขาชักจะไม่ปกติ ชายหนุ่ขยับออกห่างเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการแนบชิดแปลกๆ จื่อเทาฉวยโอกาสก้มลงแนบจมูกกับใบหน้าของคนน่ารักขณะที่รอบกายและสถานที่มันช่างเป็นใจให้คนตัวเล็กน่าจะโอนอ่อนไปตามกัน
แพคฮยอนรู้สึกแก้มชาวาบขึ้นในทันที
ไม่รู้ว่าเพราะยังตกใจหรือเริ่มจะเบลอกับแอลกอฮอล์ในแก้วจึงทำให้แรงต้านทานมันช้าไปกว่าความคิด หนำซ้ำมือหนาของอีกฝ่ายยังถือโอกาสรั้งร่างของเขาเข้าหา ยังไม่ทันที่แพคฮยอนจะปกป้องตัวเอง และก่อนที่จะถูกล่วงเกินไปมากกว่านี้ร่างของจื่อเทาก็หลุดออกจากเขาไปเสียแล้ว แพคฮยอนหันกลับมายังต้นเหตุที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา
“ได้เวลากลับบ้านแล้วครับคุณหนู”
เสียงทุ้มถูกเปล่งออกมาจากปากของร่างสูงในชุดสูทสีดำที่แพคฮยอนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไคยืนตัวตรงอยู่ระหว่างคนทั้งคู่ที่ยังอยู่บนเก้าอี้ คุณหนูที่เพิ่งจะถูกล่วงเกินมาหยกๆจึงได้แต่เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าให้ชัดๆให้รู้ว่ามันคือความจริง ไม่ใช่เพราะเขาเมาแล้วคิดไปเอง
.. ไคจริงๆด้วย
“เฮ้ย .. แกมัน อ้อ นึกออกแล้ว ไอ้กระจอกที่คราวก่อนก็ขัดจังหวะฉันมาทีแล้ว” จื่อเทาหลุดคำพล่อยๆและจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมาให้แพคฮยอนต้องตวัดสายตาไปมอง ไม่ใช่ว่าไม่รู้หรอกนะว่าคนๆนี้คิดอะไร แต่แพคฮยอนก็นึกไม่ถึงว่าจะเอ่ยมันออกมาตรงๆแบบนี้
ผู้ชายคนนี้ต้องเมาเป็นแน่เลยควบคุมสติไว้ไม่ได้ แต่ต่อให้ใช่หรือไม่ไคก็ไม่คิดจะสนใจอีกต่อไป มือหนาข้างหนึ่งคว้าเอาร่างคุณหนูให้ลุกจากเก้าอี้กลมมายืนหลบอยู่ข้างเขา จากนั้นสิ่งที่อดทนมานานวันนี้ขอสักครั้งก็แล้วกัน
“โอ๊ย!!”
จื่อเทาร้องลั่นเมื่อหมัดของไคกระแทกเข้าที่หน้าของเขาอย่างจัง ชายหนุ่มเซออกจากที่นั่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกน้องมากมายที่ยืนดูห่างๆตามมุมผับวิ่งกรูกันเข้ามาช่วยเหลือเจ้านาย คนอื่นๆที่เริ่มผิดสังเกตกับเหตุการณ์จึงหันมามองเป็นตาเดียวกัน จื่อเทาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เพราะความเมาที่มีอยู่ก่อนแล้วและยิ่งมาเจอเรื่องแบบนี้มีหรือที่คนอย่างเขาจะยอม
เหล่าลูกน้องของจื่อเทาสี่ห้าคนที่ล้อมเอาไว้พร้อมใจกันจ่อกระบอกปืนมายังไคที่มีแพคฮยอนหลบอยู่ข้างหลัง คนพวกนี้แค่ทำตามคำสั่งเจ้านายที่มีอิทธิพลไม่แพ้ใคร แต่กลับไม่ได้คิดเลยว่ากำลังเล่นอยู่กับคนของใคร
จื่อเทาแสยะยิ้มให้อย่างเหนือกว่าก่อนที่ไคจะยกยิ้มขึ้นมาบ้าง คราวนี้กระบอกปืนสีดำของคนที่เสียเปรียบกลับยกจ่อเข้าที่ศีรษะนายของพวกมัน ไคจ่อมันไว้ที่หัวของอีกฝ่ายขณะที่มืออีกข้างจะกระชับมือของคนที่เขาพร้อมจะปกป้องเอาไว้
“ไค....” แพคฮยอนพูดไม่ออก ทั้งตกใจ ทั้งกลัว และไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้
“พ่อฉันคงไม่พอใจแน่ถ้ารู้ว่าแกบังอาจเอาปืนมาจ่อหัวฉันแบบนี้” จื่อเทาเอ่ยอย่างเคียดแค้น
“คุณท่านของผมก็คงไม่ชอบใจเท่าไหร่ ถ้ารู้ว่าคุณทำอะไรแย่ๆแบบนี้กับคุณหนู”
ไคกล่าวตามออกไปเบาๆแต่ชัดเจน เท่านั้นแหละที่อีกฝ่ายกลายเป็นเถียงไม่ออก ใบหน้าของไคนิ่งขึงทั้งที่กำลังโกรธและอยากจะฆ่าผู้ชายคนนี้เหลือเกิน แพคฮยอนยืนเงียบไปกับทุกอย่างเพราะในใจเขาก็ไว้ใจคนที่จับมือเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ทันใดนั้นเองลูกน้องที่ตามไคเข้ามาติดๆก็ล้อมคนของอีกฝ่ายเอาไว้อีกที ไคจึงดึงปืนตัวเองลงจากใบหน้าซีดเผือดนั่นแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกน้องตัวเองจัดการต่อไป .. เพราะตอนนี้เขามีเรื่องจะต้องคุยกับคนที่ยืนอยู่ข้างกันนี้มากกว่า
❤✿❤✿❤✿❤
เสียงประตูห้องนอนยามค่ำคืนปิดลงอย่างรวดเร็วด้วยมือของบอดี้การ์ดหนุ่ม ขณะที่ร่างของเจ้าของมันจะทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียง ไคหันกลับมาหาคนที่นั่งจ้องเขาอยู่ แพคฮยอนอยากจะพูดอยากจะถามหลายอย่างแต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อนดี
ส่วนเรื่องที่ไคทำแบบนั้นลงไปกับจื่อเทา มันอาจจะเป็นปัญหาให้ผู้ใหญ่ต้องผิดใจกัน แต่ไคก็บอกไปแล้วนี่นะ ว่าพ่อของเขาคงไม่พอใจแน่หากรู้ว่าใครกันแน่ที่เริ่มก่อน เพราะงั้นแพคฮยอนก็จะไม่เก็บเอามาใส่ใจอีก และคิดว่าฝ่ายนั้นก็คงฉลาดพอที่จะเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้
“คุณท่านไม่อยู่คืนเดียว หนีเที่ยวเป็นเด็กไปได้” ร่างสูงยืนพูดด้วยเสียงดุๆ แพคฮยอนก็ไม่ลดละใบหน้าที่เชิดขึ้นแย้งอย่างมีเหตุผล
“ก็เพราะไม่ใช่เด็กไง จะไปไหนไม่เห็นต้องเกี่ยวกับพ่อเลย”
“แล้วไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย เจอมาเยอะแล้วคุณเองก็น่าจะรู้”
“แล้วนายกลับมาทำไม” แพคฮยอนถามกลับไปเหมือนไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายกำลังสั่งสอนเลย ก็ใจจริงมันอยากรู้มากกว่าว่าไคกลับมาทำหน้าที่แบบนี้กับเขาได้ยังไง กลับมาชั่วคราว หรือบังเอิญ หรืออะไรก็แล้วแต่
“หึ..แทนที่จะถาม คุณน่าจะขอบใจผมก่อนมากกว่านะ เพราะถ้าผมมาช้ากว่านี้.....” จู่ๆคำพูดก็เงียบหายไป
ใบหน้าที่ดูดุดันเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังด้วยแววตาห่วงใย ต่างคนต่างเงียบ ไคก้าวเข้ามาย่อตัวลงข้างหน้าแพคฮยอน ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าหาคุณหนูของเขาที่นั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน มือข้างหนึ่งเอื้อมเกี่ยวผมที่เคลียลงมาตามแก้มขาวๆขึ้นทัดไว้กับใบหู
“ตรงนี้ใช่มั้ยที่หมอนั่นมันหอม”
แพคฮยอนไม่ตอบ นอกจากนั่งใจสั่นไปกับการกระทำและคำพูดแบบนี้ ไคโน้มใบหน้าแนบจมูกย้ำลงไปเบาๆแทนที่รอยเก่าอย่างหวงแหน อยากให้รู้ว่าพวงแก้มนุ่มๆของคนๆนี้ ใครก็อย่าได้มาสัมผัสนอกจากเขาคนเดียว
แพคฮยอนเก็บกลั้นน้ำตาไว้อย่างหมดความอดทน สักพักก็ออกแรงผลักไคออกให้เผชิญหน้ากัน
“อย่าทำเหมือนฉันไม่มีหัวใจได้มั้ย เลิกล้อเล่นซะที”
“ไม่ได้ล้อเล่น” เสียงทุ้มเอ่ยกลับ คราวนี้จึงตัดสินใจรวบเอาร่างนั้นเข้ามากอดไว้แน่น แพคฮยอนไม่ได้กอดตอบแต่ก็ไม่มีแรงจะขัดขืนอีกแล้ว เขากำลังอึ้งกับสิ่งที่กำลังเจอ เลยได้แต่นั่งนิ่งซบหน้าลงกับไหล่กว้างของผู้ชายคนนี้แล้วฟังกับสิ่งที่ดังอยู่ข้างหูของเขา เสียงทุ้มเอ่ยช้าๆราวกับยอมแพ้ใจตัวเองแล้ว
“ตอนแรกคิดไว้แล้วว่าถ้าตั้งตัวกับกิจการที่บ้านได้ จะมาหาคุณในฐานะอื่นที่ไม่ใช่แค่บอดี้การ์ด แต่คิดดูแล้วตัวผมมันไม่แน่ไม่นอนอะไร ถ้าตัดใจตั้งแต่ต้นอาจยังทัน แต่พอคุณไปหาที่สวน ผมก็ยิ่งรู้ว่าทำไม่ได้ แล้วพอคุณไป ผมก็ตัดใจไม่ลง”
“................”
“แค่ไม่เห็นหน้าคุณไม่กี่วัน ผมก็นอนแทบไม่หลับ แล้วถ้าต้องสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่อีกเป็นปีๆ หรืออาจจะหลายปี ผมคงขาดใจตายแน่ๆ แล้วถ้าระหว่างนั้นคุณท่านเกิดยกคุณให้ไอ้หมอนั่น แล้วผมจะทำยังไง”
“ไม่มีทาง ฉันเป็นผู้ชายนะ พ่อไม่มีทาง.....”
“อย่าดิ้นสิ ฟังผมก่อน” ไคกอดแพคฮยอนที่ดิ้นขลุกขลักอยากจะเถียงอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ก็ในเมื่อผมทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ก็กลับมาเหมือนเดิมอย่างที่คุณบอกแล้วมันไม่ดีรึไง”
ไคยังกอดแพคฮยอนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย คุณหนูแพคฮยอนไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้เลยได้แต่พูดไม่ออก และหากสิ่งที่ได้ยินมันจะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก คนฟังก็เหมือนจะละลายไปในอ้อมกอดนี้โดยไม่มีข้อแม้แล้ว
“เอ่อ .. แล้วเรื่องที่บ้านล่ะ”
“ก็ค่อยเป็นค่อยไป จัดการมันทั้งคู่แล้วก็อยู่ข้างคุณไปด้วย เรื่องแค่นี้สบายมาก” ไคพูดจบก็ค่อยๆคลายอ้อมแขนออกเพื่อสบตากับแพคฮยอน
“คุณหนูครับ”
“นี่ บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่คุณหนู”
“ครับๆ .. ที่คุณเคยถามว่า คนที่ผมรัก ให้เป็นคุณได้มั้ย ที่จริงผมต่างหากที่ควรจะเป็นคนพูดมัน”
“.............”
“คนที่คุณรักน่ะ เป็นผมจริงๆใช่มั้ย”
แพคฮยอนไม่รู้จะหลบเอาหน้าแดงๆของตัวเองไปไว้ที่ไหนดี เลยต้องกลบเกลื่อนเอาไว้อย่างทุกที
“นายพูดเก่งกว่าที่ฉันคิดซะอีกนะ”
“แล้วเรื่องอื่นล่ะ ..?”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ก็เช่น....”
เห็นทีว่าการกลบเกลื่อนของคุณหนูที่ไม่ประสีประสาเรื่องอย่างนี้เท่าไหร่จะเป็นการเปิดช่องว่างให้ตัวเองจนมุมมากกว่าเก่า พูดจบ ไคก็ยื่นหน้าเข้าแนบจุมพิตลงเบาๆที่ริมฝีปากของแพคฮยอน คนที่ตั้งรับไม่ทันก็ทำอะไรไม่ถูกนอกจากนั่งนิ่งๆให้อีกฝ่ายทำตามใจ จากจูบนุ่มๆก็กลายเป็นลึกซึ้งและแนบแน่น
“อืม ...”
ตอนแรกแค่อยากจะขอชื่นใจสักที แต่ไคก็เผลอเลยเถิดไปจนได้ น้ำหนักของชายหนุ่มดันทับให้ร่างของคุณหนูต้องเอนแนบลงไปกับเตียง รสจูบอันดูดดื่มพาให้ใจทั้งสองเตลิดไปอย่างไม่มีทางดึงกลับ เสื้อเชิ้ตลำลองสีขาวร่นออกจากเนินไหล่แล้วแทนที่ด้วยลมหายใจอุ่นๆที่ซุกไซร้สูดเอาความหอมไล้ขึ้นมายังซอกคอขาว คลอเคลียอยู่กับแก้มเนียนที่ชวนให้หลงใหล
บอดี้การ์ดที่แสนภักดี แต่ในใจกลับเป็นกบฏมานาน ตอนนี้เลยไม่มีทางจะยอม ......
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr
ไคดันกายขึ้นมาจากคนใต้ร่างอย่างนึกเสียดาย แต่เขากลับขอบคุณเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองมากกว่าที่มันดังขึ้นมาขัดจังหวะในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ ...
“ครับท่าน”
เสียงทุ้มเอ่ยออกไปหลังจากที่ลุกขึ้นมายืนพูด พลางมองคุณหนูของเขาที่รีบลุกขึ้นนั่งแล้วดึงเสื้อตัวเองให้เข้าที่เข้าทางอย่างลวกๆ สองสายตาสบกันก่อนจะหันเหออกไปคนละทาง คนที่เมื่อครู่เปลืองเนื้อเปลืองตัวไปพอสมควรเลยเอาแต่ก้มหน้างุดๆ
“ครับ กลับมาแล้วครับท่าน .. ปลอดภัยดี เอ่อ .. กำลังจะเข้านอนครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ .... ครับท่าน”
ไคทั้งพูดไปทั้งละอายใจไป คุณท่านอุตส่าห์ไว้ใจให้ดูแล แล้วดูสิ่งที่ทำลงไปสิ
ขณะที่พูดสายตาคมก็มองมาที่คนตรงหน้า ซึ่งก็ก้มหน้าบ้าง มองไปที่อื่นบ้าง หากแต่ก็นึกไม่ออกว่าควรจะลุกไปไหน ไคเก็บอุปกรณ์สื่อสารเข้ากระเป๋าตามเดิมด้วยความรู้สึกผิด เขาถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมอย่างนึกหงุดหงิดตัวเอง
“เอ่อ เมื่อกี้นี้ ขอโทษนะครับ .. นี่ก็ดึกมากแล้ว เข้านอนเถอะนะครับ”
“เดี๋ยวสิ นายจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” แพคฮยอนตัดสินใจเป็นฝ่ายรั้งเอาไว้เสียเอง ไคชั่งใจครู่หนึ่งจึงก้าวเข้าไปนั่งลงตรงหน้าแพคฮยอนอีกครั้ง มือหนาเอื้อมจับเสื้อของอีกฝ่ายให้ปิดร่างมิดชิดกว่าเก่า ไคจับมือข้างหนึ่งของแพคฮยอนขึ้นมาช้าๆก่อนจะที่เขาก้มลงแนบปลายจมูกและริมฝีปากประทับลงไปบนหลังมือเบาๆ เล่นเอาคุณหนูคนนี้ใจเต้นผิดจังหวะจนควบคุมไม่อยู่ ใบหน้าน่ารักแดงซ่านจนถึงใบหูกับสายตาที่เงยขึ้นมองกัน บอดี้การ์ดหนุ่มยืดตัวขึ้นจุมพิตที่หน้าผากมนก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
.. ไม่ไหวแล้วสิ ถ้าไม่ออกไปตอนนี้ล่ะก็มีหวัง เขาต้องได้เป็นกบฏ แหกกฎความภักดีเป็นแน่
“นอนเถอะนะครับ ได้เวลาแล้ว ผมขอตัวครับคุณหนู” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจะเดินออกจากห้องไป แต่เมื่อคนที่นั่งอยู่ยังเงียบ ไคก็อดจะหันมามองไม่ได้
“อย่าทำหน้าเหมือนอยากให้อยู่ต่อสิ”
“มะ ไม่ใช่ซะหน่อย”
“งั้นก็นอนได้แล้วครับ ขืนผมอยู่ต่อ .. คุณอาจจะไม่ได้นอนก็ได้นะ”
“นายนี่มัน ออกไปเลยนะ ไอ้ ......!” แพคฮยอนหน้าแดงแปร๊ดพลางคว้าเอาหมอนขว้างใส่คนขี้แกล้ง ซึ่งอีกฝ่ายได้รีบเปิดประตูห้องออกไปก่อนแล้วเลยไม่ทันจะได้เจ็บตัว คุณหนูที่ไม่ใช่เด็กๆเลยนั่งฟึดฟัดอยู่ที่เดิมอย่างทำอะไรไม่ได้
ทางด้านนอกไคยังไม่ไปไหน เขายืนแนบแผ่นหลังไว้กับประตูห้องนอนของแพคฮยอนที่ภายในมีเพียงความเงียบในทันทีที่เขาออกมา ให้ตายสิ พอได้แค่นี้ก็อยากจะได้มากกว่านั้น .. เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
.. อยากกอดอีกครั้งให้หายคิดถึง
แพคฮยอนนั่งมองบานประตูหลังจากที่ไคออกไปแล้ว เขาก้าวช้าๆไปยังประตูบานนั้นทั้งที่ก็รู้ว่าด้านนอกคงไม่มีใคร แต่ใจก็ยังอยากหวัง แพคฮยอนเอื้อมมือออกไปวางไว้เหมือนอยากจะสัมผัสก่อนจะแนบใบหน้าลงไป
“ไค .......”
“ครับ”
เสียงตอบรับที่ได้ยินจริงๆ
และ .. เสียงเรียกของคนที่คิดถึง
ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายแปลกใจกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ ต่างคงกำลังยิ้มเหมือนกัน ไม่ต้องเอ่ยอะไรมาก แค่บานประตูกั้น แต่แค่ไม่กี่ประโยคทำไมจะพูดไม่ได้
“นี่ วันหลังไว้เราไปเที่ยวที่สวนของนายกันนะ”
“ยินดีครับ”
“อืม เจอกันพรุ่งนี้นะไค”
“ครับ ..ฝันดีนะครับคุณหนู”
อย่างน้อยเรื่องในวันนี้ก็ผ่านไปอีกขั้น ขอพักซึมซับใจของกันและกัน เพื่อวันข้างหน้า คำว่า “รัก” ในวันนี้ คงเป็นได้มากกว่านั้น
.
.
End of "Let me be .."
อากาศหนาวด้านนอกกระจกบานใหญ่กำลังหลอมตัวโรยลงมากับหิมะกลางเมืองหลวง ยามบ่ายคล้อยของวันหยุด คุณหนูตระกูลพยอนนั่งหน้างอมองพวกมันจากภายในร้านกาแฟแห่งนี้ ผู้คนเดินเป็นคู่ บ้างก็จับมือกันดูแล้วคงอบอุ่นดี
“กาแฟเย็นหมดแล้วนะครับคุณแพคฮยอน”
เสียงทุ้มที่นั่งตรงข้ามโต๊ะตัวเล็กเอ่ยขึ้นกับคนที่นั่งเหม่อ แพคฮยอนตวัดสายตามองบอดี้การ์ดส่วนตัวในชุดสูทสีดำประจำด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ ก็เพราะไม่ยอมแต่งตัวปกติอย่างที่เขาบอกไงล่ะ นี่ก็คงเป็นเหตุผลหนึ่งล่ะมั้งที่ทำให้คุณหนูแพคฮยอนอารมณ์บูดแบบนี้
“กาแฟจะเย็นยังไง ก็ไม่เท่านายหรอก”
“หือ ...”
“ช่างเหอะ ว่าแต่ช่วยทำหน้าให้มันเหมือนคนหน่อยได้มั้ย”
“เหมือนคน ผมไม่เหมือน....”
“ก็ยิ้มอ่ะ รู้จักคำว่ายิ้มรึเปล่า”
“รู้จักครับ”
“งั้นก็ช่วยทำมันทีได้มั้ย”
“แต่นี่มันในเวลางาน” ไคเอ่ยตรงๆให้แพคฮยอนเป็นฝ่ายเงียบไปเอง
ก็ในเมื่อไคยังจะมีเหตุผลแบบนี้ แพคฮยอนก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว คุณหนูที่ไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าคุณหนูเลยต้องแอบงอนไปเสียเอง คิดแล้วก็น่าเจ็บใจ ในเวลางาน ในเวลางาน ในเวลางาน แต่พออยากจะพูดหน่อยล่ะ ไม่เกรงใจกันสักนิด
“เย็นชาจังนะ” เอ่ยเบาแสนเบา แล้วก็พิงหลังลงกับเก้าอี้แล้วหันออกไปมองด้านนอกตามเดิม อาการงอนแบบนี้ นานๆทีคนที่มองอยู่จะหาดูได้น่ะนะ
แบบนี้แล้ว ...
“ว่าไงนะครับ” ไคถามอีกที เพราะได้ยินไม่ถนัด
“ฉันบอกว่านายเย็นชาจังนะ”
“อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยิน” ร่างสูงหยัดกายขึ้นเอียงหูให้คุณหนูของเขาบอกมันชัดๆ แพคฮยอนเลยต้องยื่นหน้าเข้าไปบอกใกล้ๆ
“ฉันบอกว่านายมันเป็นคนที่เย็นชาที่สุดในโลก ทีนี้ได้ยินชัดรึ.....”
.. จุ๊บ .. !
คนเย็นชาที่ว่า ตวัดหน้าหอมแก้มคุณหนูขี้งอนไปเสียฟอดใหญ่ ก่อนจะนั่งลงตามเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แพคฮยอนอ้าปากค้างอยากจะว่าอะไรออกไป แต่หน้าตัวเองมันกลับฟ้องอาการอื่นแทนเขาเลยพูดไม่ออก
บางสิ่งที่ควรตระหนักเสียทีก็คือ ไม่ว่าไคจะชอบทำเรื่องแบบนี้กี่ครั้ง กี่ครั้ง หรือจะกี่ครั้ง จนบัดนี้ มันก็ทำให้แพคฮยอนต้องปั้นหน้ากลบเกลื่อนความเขินเอาไว้ทุกที
“ทีนี้อุ่นพอมั้ยครับ หรือว่ายังเย็นอยู่ ถ้างั้นเอาไว้...”
“พอแล้ว! .. กวนประสาท” แพคฮยอนรีบตัดบทคนกวนอารมณ์เอาไว้ ไม่อย่างนั้นขืนไคพูดต่อมีหวังเขาได้หน้าแดงไปถึงหูแน่ๆ คุณหนูอารมณ์ไม่ดีเลยรีบลุกเอาหน้าแดงๆที่ทั้งเขินปนโกรธเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้ไคควักเอาเงินวางบนโต๊ะแล้วก้าวตามออกไปอย่างรวดเร็ว
บอดี้การ์ดหนุ่มที่พ่วงตำแหน่งอื่นเอาไว้ด้วยหลุดยิ้มออกมาน้อยๆขณะที่จดจ้องมองตามแผ่นหลังของคนที่เดินห่างออกไป ไม่นานไคก็ก้าวมายืนข้างแพคฮยอนแล้ว คนตัวเล็กกว่าไม่หันมามองเลยด้วยซ้ำ
“หนาวจังนะครับ” ว่าแล้วมือหนาก็คว้าเอามือของอีกคนมากุมเอาไว้
แพคฮยอนไม่ได้ขัดขืน แต่มีหรือที่ไคจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายที่เอาแต่มองไปอีกทางขณะที่เดินอยู่กำลังรู้สึกยังไง ไม่ใจอ่อนก็คงหลุดยิ้มออกมาบ้างล่ะน่า
เรื่องอื่นช่างมันเถอะ .. แค่เดินจับมือกัน แค่นั้นก็อุ่นมากพอแล้ว
.
.
Fin~
Special part .. coming soon !
จบแล้วจ้า .. เรื่องนี้มุ้งมิ้งดีมั้ยคะ จรรโลงใจมาก โลกเป็นสีชมพู ผีเสื้อบินรอบ แอบชวนบิดนะบางฉาก ส่วนบางฉากแอบชวนอ้วก แอร๊ยยยยยยยยยยย -/////-
ขอขอบคุณน้องเอ็นจอยที่ทำแท็กเรื่องนี้ให้ #ลมบ (จริงๆมีแต่น้องสครีมให้^^) เผื่อใครอยากสครีมนะคะ #ลบม ><!!!
สองคนนี้พออยู่ในบทนี้ก็ไม่เลวนะคะ อิอิ เห็นมีชมไคหล่อ แหม่ .. เรื่องนี้ไคไม่กากนะ 555555
ส่วนน้องป๋าย เรื่องนี้พี่ทำร้ายหนูให้สาวมากกกกกกกกกกก โง้ยยย อยากสิงพระเอกจริงจัง TvT
และน้องจื่อ เรื่องนี้จำเป็นต้องมารับบทอะไรก็ไม่รู้ 5555
(รีบงุ้งงิ้งก่อนเรื่องยาว เพราะมันจะดาวน์ ฮี่ๆๆๆ #ใจร้าย) โอเคค่ะ เจอกันพาร์ทสเปนะคะ .. สเปเลี่ยนๆในสวนส้มหวานๆ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ ((_ _))
ความคิดเห็น