คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : [SF] Let me be .. (KaiBaek) - 1
Title : Let me be ..
pairing : Kai x Baekhyun
Rate : PG-13
Writer : Gornhai
talk * ฟิครีไรท์ แก้บท แนวกุ๊กกิ๊กค่ะ (มั้งนะ) ..
ไม่เคยรู้สึกไม่มั่นใจในฟิคเท่านี้มาก่อน งิ้งงงงงงง TT ~~
131023
“คือว่านะไค .. คือว่าฉัน ฉัน ....”
“อะไรเหรอครับคุณหนู”
“บอกแล้วไง ว่าอย่าเรียกคุณหนู ฉันไม่ใช่คุณหนู เข้าใจมั้ย”
“ครับคุณหนู”
“คิมจงอิน!”
“ครับ .. คุณแพคฮยอน ว่าแต่เมื่อกี้มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ช่างเหอะ ไม่มีอะไรหรอก”
หลายต่อหลายครั้งที่อยากจะบอก แต่ความมั่นใจที่ควรจะมีก็พลันหายไปทุกทีด้วยเหตุผลที่ว่ามันไม่สมควร
แสงไฟสลัวจากข้างทางส่องสลับกับความมืดเข้ามาในรถคันหรูที่แล่นด้วยความเร็วไปตามท้องถนนในเมืองหลวง ยามค่ำคืนที่แม้ว่าหลายชีวิตจะยังไม่หลับใหลแต่บนถนนเส้นนี้ก็ไม่ได้เบียดแน่นไปด้วยรถหลายคันอย่างเมื่อตอนกลางวันแต่อย่างใด
จังหวะนิ่มเนิบของล้อยางชั้นดีบดลงไปตามพื้นถนน ซึ่งตรงข้ามกับความเร็วที่มาก หากแต่รถทั้งคันกลับแล่นฉิวไปข้างหน้าอย่างนิ่มนวลสมกับความเป็นมืออาชีพของผู้ที่บังคับมัน คนขับรถที่แสนภักดีต่อผู้เป็นนายทำหน้าที่ของตนไปโดยไม่คิดจะหันมาสนใจสองร่างที่เบาะด้านหลังเลยแม้แต่น้อย
“คุณแพคฮยอน .. หลับแล้วเหรอครับ” เสียงนิ่งๆนั้นเอ่ยกับคนในวงแขนข้างหนึ่งของเขา
คนตัวเล็กกว่าที่ได้ชื่อว่าเป็นนายขยับเปลือกตาขณะที่เอนกายซบอยู่ข้างกับอีกคน ภายใต้เสื้อนอกตัวใหญ่ของอีกฝ่ายคลุมร่างของเขาเอาไว้อย่างดี แพคฮยอนที่อยู่ใต้เสื้อตัวใหญ่ของไคซึ่งทับตามมาด้วยอ้อมกอดอุ่นๆนั้นกลับตั้งใจเงียบเพราะอยากให้เข้าใจว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆ
เหตุการณ์วุ่นวายที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตเมื่อครู่นี้ไม่ได้ทำให้แพคฮยอนเก็บมาคิดใส่ใจเท่าไหร่นัก มันก็ใช่ว่าจะชินนักหรอกกับการที่บางทีจะต้องถูกลอบทำร้ายหรือมีคนคิดร้ายด้วยเพราะตัวเองเป็นลูกของคนที่มีอำนาจมากในวงการธุรกิจยุคนี้ แต่ที่ไม่ได้จะคิดเรื่องนั้นเพราะในใจกำลังมีบางอย่างอัดแน่นให้ทรมานอยู่มากกว่าเป็นไหนๆ เรื่องของใครบางคนที่ทำยังไงก็ไม่สามารถสลัดให้ออกไปจากหัวได้ จนตอนนี้มันก็ยังปักอยู่ในใจว่าแท้จริงความรู้สึกแบบนั้นคืออะไร
ใครบางคนที่ว่าก็คือเจ้าของอ้อมกอดนี้ที่เพิ่งจะหยุดหัวเสียได้ไม่นานจากการที่ตามออกไปช่วยเขาเอาไว้จากอันตราย บอดี้การ์ดส่วนตัวที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางจะยอมบกพร่องต่อหน้าที่ เพราะอย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่แพคฮยอนหนีออกมาเที่ยวกลางคืนโดยไม่บอกไม่กล่าวก็เลยกลายเป็นเหมือนคุณหนูจอมดื้อที่ไม่เชื่อฟังจนทำให้เกิดความเดือดร้อน
ทั้งที่อายุก็เลยคำว่าวัยรุ่นมาแล้ว และเขาเองก็ไม่ใช่คนเอาแต่ใจอย่างนั้นสักนิด แต่กับคนๆนี้แล้วทำไมถึงได้อยากเรียกร้องนักก็ไม่รู้ ทั้งที่อีกฝ่ายทำไปก็เพียงเพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเท่านั้น
แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว แค่ได้เอนกายอิงแอบกับอกอุ่นๆของคนที่ไม่เคยคิดอะไรด้วยเลย แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ
ใบหน้าที่แสร้งหลับแอบถอนหายใจเบาๆกับความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ให้คนที่นั่งนิ่งมองออกไปด้านนอกกระจกรถราวกับหุ่นยนต์นั้นได้รับรู้ แพคฮยอนหลับตาลงอีกครั้งเพื่อเก็บเกี่ยวไออุ่นจากสัมผัสของผู้ชายเย็นชาคนนี้เอาไว้ คนที่พ่อของเขายกตำแหน่งคนใกล้ชิดเพราะไว้ใจให้ ไม่ว่ายังไงก็คงไม่มีวันจะคิดเป็นอย่างอื่น แพคฮยอนรู้ดี
แล้วที่ผ่านมาล่ะ แล้วที่คอยดูแลปกป้องกันล่ะ ชอบเข้ามาใกล้ๆให้ต้องหวั่นไหว ก่อนที่จะก้าวถอยไปแล้วจบลงด้วยอาการนอบน้อมเพียงเพราะทั้งหมดคือหน้าที่
พระเจ้า .. หัวใจของผมไม่ใช่ก้อนหินนะ ทำไมต้องลงโทษให้เผลอใจไปกับคนที่ไม่คิดอะไรด้วยเลยแม้แต่นิด
ชายหนุ่มผู้เป็นนายขยับกายเข้าหาไออุ่นให้แนบแน่นกว่าเดิม การกระทำแบบนั้นของแพคฮยอนจึงทำให้ไคที่เข้าใจว่าเขาหลับอยู่ต้องก้มมองลงมา
“..หนาว”
แพคฮยอนแสร้งเอ่ยบางอย่างออกมา เพราะในยามปกติเขาคงไม่กล้าที่จะพูดมัน ตอนนี้เลยอยากจะขอความอบอุ่นนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
แทบจะไม่ต้องรอเลยสักนิด ไคโอบกระชับคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิมอย่างทะนุถนอม แพคฮยอนอมยิ้มนิดๆกับการตอบสนองที่ขัดกับสีหน้าเฉยเมยอย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่ามันมีความหมายอะไรนักหรอกนะ แต่แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ
ความเจ็บเล็กๆของใจดวงนี้ก็มลายหายไปเมื่อความอบอุ่นเข้ามาแทนที่
❤✿❤✿❤✿❤
ห้าวันผ่านไปกับการที่แพคฮยอนใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องมีใครเดินตามหรือคอยทำหน้านิ่งให้เขาต้องรำคาญใจเพราะห้าวันนั้นไคจำเป็นต้องไปทำงานให้กับพ่อของเขาตามคำสั่ง
“เช้าแล้วเหรอเนี่ย น่าเบื่อชะมัด”
เรือนผมนุ่มจมอยู่กับหมอนใบใหญ่ที่ทำให้หลับฝันดีมาทั้งคืน ยามเช้าที่ตื่นมาพบความจริงจึงกลายเป็นเรื่องไม่น่าพิสมัยเลยสักนิด ไม่รู้ว่าที่แพคฮยอนรู้สึกอย่างนั้นเพราะไม่ได้เจอหน้าใครบางคนมาหลายวันรึเปล่าก็ไม่รู้
วันนี้วันหยุด ถือเป็นวันดีที่ไม่ต้องเข้าบริษัทไปหัวหมุนอยู่กับงานที่แสนจะน่าเบื่อ แต่มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก
“เฮ้อ ....” ร่างของคุณหนูแพคฮยอนเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนแล้วตรงเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ลืมจะสะบัดหัวเพื่อเอาเรื่องของผู้ชายคนนั้นออกไป .. แม้ว่าจะไม่มีผลอะไรก็เถอะนะ
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเอาชุดนอนออกจากตัวแล้วแพคฮยอนก็พาร่างของตัวเองในชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา ปรอยผมเปียกลู่ลงมาตามใบหน้าได้รูป มือบางยกขึ้นใช้ผ้าขนหนูขยี้เบาๆที่ผม พลันใบหน้าของชายหนุ่มก็เป็นอันต้องชะงักไปเมื่อพบกับคนตรงหน้าที่นั่งจ้องเขาอยู่
ร่างสูงในชุดสูทสีดำอย่างทุกทีนั่งไขว้ขาอยู่ปลายเตียงพลางกอดอกจ้องมาที่ผู้เป็นนาย ใบหน้านิ่งที่ไม่เคยยิ้มนั้นถ้าจะสังเกตหน่อยคงรู้ดีว่าต่างไปจากเดิมเพราะริมฝีปากกำลังเหยียดออกเป็นเส้นตรง
“นายเข้ามาได้ยังไงไค!” แพคฮยอนตกใจก่อนจะเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ชอบใจนัก มือสองข้างกระชับชายเสื้อคลุมเข้าหากันอย่างรวดเร็ว แก้มขาวๆเริ่มจะเปลี่ยนสีแต่ดวงตาเรียวเล็กกลับฉายแววโมโห และนั่นก็ไม่ได้ทำให้คนที่มองอยู่จะยิ้มแหย่ .. อย่างที่อยากจะทำ
“กลัวผมขนาดนั้นเลย”
“ใครบอกนาย”
“แล้วคุณจะทำท่าตกใจทำไม”
“แล้วใครใช้ให้นายมาอยู่ตรงนี้ล่ะ ฉันอนุญาตเมื่อไหร่”
“ครับ .. ผมขอโทษ”
ว่าแล้วบอดี้การ์ดหนุ่มก็ลุกออกจากปลายเตียงพลางโค้งให้เจ้านายของตัวเอง ที่เคยคิดจะตั้งใจล่วงเกินด้วยคำพูดหรือสายตาไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม
การกระทำที่แสดงออกว่าเคารพต่อเจ้านายนั้นมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันทำให้แพคฮยอนผิดหวังอยู่ลึกๆ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยคิดอะไรเลยสักนิด แล้วทำไมต้องชอบทำให้เขาคิดอยู่คนเดียว .. แต่เอาเข้าจริงมันก็กลายเป็นเพียงแค่หน้าที่ที่อีกฝ่ายจำเป็นต้องทำ
ไคที่ยืนห่างออกไปยังคงนิ่งเฉยตามแบบฉบับของลูกน้องที่ไม่ควรจะก้าวล้ำเส้นระหว่างกันกับเจ้านาย
แพคฮยอนเก็บความรู้สึกลึกๆเอาไว้ทั้งที่ในใจกำลังคิดเรื่องคนตรงหน้าจนว้าวุ่นไปหมด
“ไหนว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง”
“ครับ .. แต่งานเสร็จเร็ว เลยรีบกลับมาหาคุณ กลัวว่าจะรอ” ไคเหยียดยิ้มออกมานิดๆกับประโยคต่อท้ายที่คนฟังต้องคิดตาม
“อะไร .. รอ ใครรอ ฉันเนี่ยนะ จะรอทำไมล่ะ”
“งั้นเหรอครับ ถึงคุณไม่ได้รอ แต่ผมเองนี่แหละที่รอไม่ได้”
บรรยากาศคงจะดี แต่มันแย่ลงไปถนัดตา ที่แน่ๆคือความรู้สึกของแพคฮยอนที่เตลิดไปไกลกับคำพูดของคนที่ไม่ได้คิดอะไรแม้แต่นิด
❤✿❤✿❤✿❤
หลังจากมองกันไปกันมาอยู่นาน ก็ดูท่าว่าบอดี้การ์ดคนเก่งจะชนะจนได้ เจ้านายคนนี้ที่คิดนู่นนี่ไปเองเลยต้องพลอยอารมณ์เสียอยู่คนเดียว แพคฮยอนไม่ได้ว่างขนาดนั้น แต่เขาก็คิดว่าตัวเองว่างอยู่ดี
คุณหนูที่ปกติก็ไม่ได้ชอบเอาแต่ใจอะไร แล้วยังมีความเป็นผู้ใหญ่พอนั้นกำลังเดินนำหน้าบอดี้การ์ดส่วนตัวอยู่กลางห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
เจ้าของสายตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นดาสีดำสนิทนั้นกำลังคิดอะไรคงไม่มีใครสามารถเดาได้ ขณะที่เดินตามหลังผู้เป็นนายอยู่ต้อยๆ แพคฮยอนไม่ได้ซื้อนู่นนี่นั่นตามใจแล้วใช้ให้ไคถือให้หรอกนะ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เขาคอยจะแกล้งให้คนใกล้ชิดต้องแบกของมากมายเดินตามหลัง แต่มันก็ไม่ได้ผล เพราะไคไม่เคยปริปากบ่นสักคำ ซ้ำยังเดินตามได้อย่างรวดเร็วไม่มีที่ติอีกต่างหาก ผู้ชายคนนี้ทำหน้าที่ได้ดีมาก ดีขนาดที่เขาอยากจะถามนักว่าพ่อจ้างมาด้วยเงินเท่าไหร่
“ไค..”
“ครับ คุณแพคฮยอน”
“ฉันเบื่อแล้ว ทำไงดี”
“เบื่อก็กลับสิครับ”
“ไม่ ..” แพคฮยอนอารมณ์บูดขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว คนๆนี้เป็นอะไรนะ จะแข็งทื่อไม่มีความรู้สึกหรือความคิดเห็นเลยหรือไงกัน
“ไปเหอะ เร็วๆเข้า” จู่ๆแพคฮยอนก็ดึงแขนไคให้เดินตามเขาเพื่อออกไปจากไอ้ตึกสูงที่แสนน่าเบื่อนี่
กลิ่นหอมของอาหารปิ้งย่างโชยคลุ้งชวนให้ต้องแอบท้องร้องอย่างช่วยไม่ได้ วัยรุ่นหรือเหล่าคนทำงานเลือกช่วงเวลานี้เป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์การพักผ่อนในวันหยุด รวมถึงพยอนแพคฮยอนที่เพิ่งจะลากเอาบอดี้การ์ดไร้อารมณ์คนนี้ให้ออกมาที่นี่ด้วยกัน ยามบ่ายคล้อยเริ่มเข้าสู่ยามเย็น คุณหนูคนเดิมก้าวเดินดูร้านนู้นร้านนี้ไปเรื่อยๆโดยมีใครอีกคนเดินตามหลังอย่างเก่า
“สองไม้ครับ”
สิ้นเสียงสั่งก่อนจะจ่ายตังค์ แล้วทักโกชี ไก่ย่างเสียบไม้ที่ชุ่มไปด้วยซอสสีน่ากินก็มาอยู่ในมือของแพคฮยอน เขายื่นให้ไคหนึ่งไม้ ซึ่งอีกฝ่ายทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมมาถือเอาไป ภาพของบอกี้การ์ดหนุ่มตอนนี้เลยออกจะดูแปลกๆไปบ้าง แพคฮยอนรู้ดีแต่เขาพอใจอยากจะให้คงไม่มีใครมีปัญหาหรอก
ร่างสูงในชุดสูทสีดำบ่งบอกสถานะจำใจเดินตามหลังเจ้านายต่อไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ออกจากบ้านมาเมื่อตอนเช้า เขาน่าจะคิดได้แต่แรกแล้วว่าควรจะเปลี่ยนชุดให้เป็นแบบธรรมดามากกว่า สภาพแบบนี้แต่ต้องมาทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนเล่นเจ้านายตัวเองมันก็แลดูพิกล ไครู้ตัวดีว่ากำลังถูกคุณหนูของเขาแกล้งเอาแต่ก็ไม่ได้สนใจจะโวยวายตามไปด้วย แพคฮยอนอมยิ้มกับท่าทางน่าขันของไค แต่ดูเหมือนการที่อีกฝ่ายทำตามโดยไม่อิดออดนั้นมันชักจะทำให้แพคฮยอนรู้สึกว่านั่นไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยมากกว่า และพอทำอะไรกันไม่ได้ทั้งสองก็เลยเดินข้างกันไป กินของในมือไป และอะไรที่แพคฮยอนอยากจะได้ก็ซื้อมาให้ไคหิ้วไว้จนของเต็มมือไปหมด
บรรยากาศรอบข้างคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย แรงเบียดเสียดเริ่มจะมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด นั่นก็เพราะว่ามีใครบางคนคอยเดินกันคนอื่นๆให้อยู่ตลอดทาง เขาเลยเดินไปได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับใครสักคน .. นอกเสียจากร่างสูงที่อยู่ข้างกันราวกับเกราะกำบังนี่แหละ
“ไค .. เดี๋ยวสิ ฉันอยากกินไอติมร้านนี้”
และแล้วโคนของไอศกรีมสีหวานที่ยาวจนดูท่าว่าจะกินไม่หมดก็มาอยู่ในมือแพคฮยอนจนได้ ใบหน้าน่ารักจ้องสิ่งที่อยู่ในมือด้วยความทึ่งกับขนาดของมัน ซึ่งแพคฮยอนไม่ได้ซื้อเผื่อไคเพราะหมดอารมณ์จะแกล้งแล้ว ที่สำคัญถ้าอีกฝ่ายได้ถือมันอีกคงจะมาลำบากเขาให้ต้องช่วยถือของเสียเปล่าๆ
ความคิดแบบนั้นทำให้ไคอดจะคิดในใจไม่ได้ว่าคุณหนูของเขาช่างร้ายกาจเหลือเกิน
ไคเดินฝ่าผู้คนตามแพคฮยอนไปอย่างไม่มีทางเลือกเช่นเคย เขารู้สึกว่าหลายสายตากำลังจับจ้องมากับสภาพที่ขัดกับการแต่งกายของเขาอย่างสิ้นเชิง
“ทำไม แค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอไค”
เมื่อเดินหลุดออกมาจากถนนเส้นนั้น คนรอบข้างก็เริ่มจะบางตาลง แพคฮยอนหันมาถามไคที่หยุดยืนอยู่ข้างหลัง เรียวปากที่ลิ้มรสไอศกรีมสีหวานไปได้เกือบครึ่งกำลังเหยียดยิ้มให้กับวิธีเด็กๆของตัวเองที่คิดว่าจะทำให้คนตรงหน้าต้องเริ่มปริปากบ่นออกมาแน่ๆ โดยที่หารู้ไม่ว่าสำหรับไคแล้วนั้นกลับมองว่าอาการอย่างนี้มันน่าจะจับไปตีก้นเสียให้เข็ด
“หึ...”
ใบหน้าที่นิ่งเฉยมานานจู่ๆก็กระตุกยิ้มขึ้นก่อนจะก้าวเข้าประชิดตัวคุณหนูของเขา มือที่พะรุงพะรังไปด้วยถุงหลายใบเอื้อมออกไปสัมผัสเบาๆที่มุมปากของแพคฮยอน คนถูกสัมผัสใจเต้นแรงจนเผลอปล่อยให้ไอศกรีมที่เหลือละลายหยดลงไปตามมือที่ถือมันไว้
“เลอะหมดแล้ว กินยังไงเนี่ย” ไคเอ่ยเรียกให้แพคฮยอนได้สติว่าเขาก็แค่ช่วยเช็ดคราบครีมที่ติดอยู่ที่แก้มให้ก็เท่านั้น หัวใจที่แอบพองอยู่เลยแฟบลงไปทันทีที่นึกได้ ร่างเล็กก้มมองไอศกรีมในมือที่ละลายจนไหลลงมาโดยที่ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ เขาแค่กำลังทำหน้าไม่ถูกและต้องการซ่อนสีหน้าแปลกๆของตัวเองเอาไว้
“อ๊ะ ..”
ห้วงความคิดเล็กๆกระเจิงออกจากกันเมื่อจำต้องเงยขึ้นมองการกระทำที่เล่นเอาอึ้งไปมากกว่าเก่า ไคไม่ได้ขยับไปไหนแต่กลับก้มหน้าลงเลียไอศกรีมที่ละลายไหลย้อยลงมาตามเรียวนิ้วของแพคฮยอน
มือบางที่ถูกลิ้นของอีกฝ่ายสัมผัสกลับไม่ได้ดึงออกเพราะรังเกียจ แต่ทั้งตัวของแพคฮยอนนั้นแทบจะแข็งเป็นหินไปแล้ว
คุณหนูที่ไม่ใช่คนอ่อนต่อโลกเหมือนในนิยายจึงต้องใจละลายไปมากกว่าไอศกรีมนี่เสียอีก
“อืม แก้มเลอะแล้วมือก็ยังเลอะ .. หวานจริงนะคุณแพคฮยอน” เสียงทุ้มเอ่ยเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอย่างเก่า ไคตวัดลิ้นเลียริมฝีปากนิดๆราวกับเสียดายรสชาติหวานนุ่มลิ้นที่เขาจำต้องถอนตัวออก
ท่าทางราวกับว่าทุกอย่างมันปกติดี ท่าทางแบบนี้มันโหดร้ายเกินไปแล้ว
อะไรกันล่ะที่หวาน ไอศกรีม หรือว่า ...
“นี่คุณแพคฮยอนครับ คุณแพคฮยอน”
“ฮึ่ย!!” ใบหน้าที่ซ่อนอาการเอาไว้เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งแล้วพาลโมโห
ก็แบบนี้ไงล่ะ ชอบมาทำให้คิด แต่ก็ไม่ได้คิด แล้วไงล่ะ คนบ้าที่คิดอยู่ฝ่ายเดียวมันทรมานนะรู้มั้ย
แพคฮยอนหงุดหงิดใจกับความรู้สึกที่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด รู้ไปถึงไหนคงอายไปถึงนั่น
“นายมันนิสัยไม่ดี ไค!” ว่าแล้วก็ยื่นมือที่ถือไอศกรีมอยู่กระแทกเข้าที่หน้าอกของคนตรงหน้าแล้วเดินหนีไปทันที
ไคอึ้งไปพลางก้มมองเสื้อนอกของตัวเองที่เยิ้มไปด้วยครีมหวาน เขาถอนหายใจออกมาซึ่งหมายถึงความรู้สึกไหนนั้นคงไม่มีใครรู้ ร่างสูงไม่รอช้าจึงรีบก้าวเดินตามเจ้านายต่อไปอย่างเดิม
❤✿❤✿❤✿❤
งานเลี้ยงของพวกผู้ใหญ่ ที่หมายถึงผู้ใหญ่ในแบบที่แพคฮยอนคิดว่าตัวเองไม่ใช่เพราะว่ามันน่าเบื่อนั้นกำลังดำเนินไปด้วยดีท่ามกลางบรรยากาศรื่นเริงที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์ทางการค้าระหว่างกัน แสงนวลอ่อนจากโคมไฟสวยหรูในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมแห่งนี้สะท้อนลงบนใบหน้าเบื่อเซ็งที่ต้องแสร้งนิ่งเข้าไว้
“แพคฮยอนลูก นี่จื่อเทา ลูกชายของประธานฮวาง” คนเป็นพ่อที่ตอนนี้อยู่ในมาดนักธุรกิจผู้มากประสบการณ์เรียกให้ลูกชายสุดที่รักหันมาทำความรู้จักกับลูกชายของคู่ค้าคนสำคัญที่นั่งอยู่ข้างกับเขา ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มดูมีเสน่ห์ขยับจากที่นั่งข้างกับพ่อของตัวเองมานั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างกับแพคฮยอน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับแพคฮยอน เห็นคุณพ่อบอกว่าอายุเราคงไล่เลี่ยกัน”
“ครับ .. ผมก็ว่าอย่างนั้น” แพคฮยอนปั้นยิ้มได้อย่างดี แม้จะฝืนๆบ้างก็เถอะแต่เขาก็เข้าใจว่าควรทำตัวยังไง บอกตรงๆว่าไม่ได้อยากมีเพื่อนใหม่ในที่แบบนี้เลย
เมื่อเห็นว่าลูกชายของพวกตนกำลังคุยกันตามประสาคนรุ่นใหม่ ชายมีอายุทั้งสองก็หันหน้ามาเจรจากันด้วยรอยยิ้มต่อไป
แพคฮยอนพูดคุยกับจื่อเทาโดยที่ด้านหลังเก้าอี้ของเขาจะมีร่างสูงของบอดี้การ์ดส่วนตัวยืนนิ่งอยู่เพื่อความปลอดภัยของเจ้านาย ภายใต้ใบหน้าไร้ความรู้สึกคงไม่มีใครสามารถจับได้หรอก ว่าบางเวลาแววตานั้นจะลดลงมองร่างของคนที่นั่งชิดอยู่ข้างหน้าของเขา
“เหงามั้ยครับ เห็นพ่อบอกว่าคุณเป็นลูกคนเดียว” จื่อเทาเอ่ยถามแพคฮยอนที่ยังยิ้มให้เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“เอ่อ .. ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ลูกคนเดียวไม่เหงาเสมอไปหรอก อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว คงไม่มีเวลามาเหงาเหมือนเด็กไม่มีเพื่อนเล่นหรอกครับ” แพคฮยอนเอ่ยตอบเรียบๆพร้อมกับรอยยิ้มที่แลดูจะเหมือนเหยียดริมฝีปากออกเป็นเส้นตรงมากกว่า ถึงอย่างนั้นคำตอบมันก็ดูจะตรงเกินไปเสียหน่อย ไคที่มองอยู่ด้านหลังก็ได้เพียงแค่คิดในใจว่าสมกับเป็นคุณหนูของเขาจริงๆ
“งั้นเหรอครับ เอ่อ .. นั่นสินะ ผมนี่ก็พูดอะไรก็ไม่รู้” จื่อเทายิ้มกลบเกลื่อนไปตามระเบียบและไม่คิดจะถือสา
ชายหนุ่มชวนพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นการสร้างความคุ้นเคย ถึงแพคฮยอนไม่ค่อยอยากจะฟังแต่เขาก็ใจกว้างพอเพราะคิดว่าเป็นมารยาทที่ดีพอสมควร ยิ่งน่าจะเกี่ยวกับงานของผู้ใหญ่ด้วยแล้ว ต่างกับเขาเสียอีกที่ฝืนพูดอะไรเยอะแยะแบบนั้นไม่เป็น ทั้งสองคุยกันในเรื่องสบายๆต่างกับพวกผู้ใหญ่ที่ดูจะมีเรื่องให้คิดกันมากกว่า
ส่วนใครอีกคนที่ยืนนิ่งราวกับก้อนหินนั้นก็ไม่วายปล่อยให้คุณหนูของเขาคลาดสายตา ไคมองคนทั้งสองตามหน้าที่ มองแล้ว มองอีก มองอยู่อย่างนั้นจนลืมไปแล้วว่านี่คือหน้าที่
จากที่คิดว่าพอใจกับท่าทีของแพคฮยอนไม่น้อย ตอนนี้ไคกลับเผลอคิดนอกเรื่องไปอย่างไร้การควบคุม เขาเผลอเปรียบเทียบตัวเองกับผู้ชายคนนั้นขึ้นมา
ไม่มีการขยับ ไม่มีการไหวติง .. เวลาสถานการณ์สงบก็ได้เพียงแค่ยืนหายใจ
ซึ่งแน่นอน ไม่นับรวมกับ .. ใจหาย
แพคฮยอนถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายอยู่ที่หน้ากระจกในห้องน้ำในงาน ซึ่งเขาเดินออกมาจากห้องจัดงานได้สักพักแล้ว ชายหนุ่มหมุนตัวกลับเพื่อนจะเดินออกไป
“คุณจื่อเทา” แพคฮยอนที่ยังก้าวไม่พ้นประตูห้องน้ำพบเข้ากับคนที่คุยกันถูกคอเมื่อครู่นี้
“เห็นคุณมาเสียนาน คุณพ่อคุณกับพ่อของผมเลยให้ตามมาดู” จื่อเทาบอก แพคฮยอนแปลกใจว่าทำไมผู้ใหญ่ทั้งสองถึงได้
... แล้วนี่ ไคหายไปไหน บอดี้การ์ดของเขาควรจะตามออกมามากกว่าไม่ใช่เหรอ แพคฮยอนชะเง้อหาคนที่คิดถึงว่าป่านนี้ไปอยู่ไหน
“หาใครอยู่เหรอครับ” จื่อเทายื่นหน้าเข้ามาใกล้แพคฮยอนอย่างสงสัยเล่นเอาต้องชะงัก
“ปะ เปล่าหรอกครับ แค่มองหาคนของผม”
“คนของคุณ”
“อืม บอดี้การ์ดของผมไง ทำไมเหรอ”
“ไม่ทำไมหรอกครับ”
“งั้นผมขอตัวนะ พ่อคงอยากให้เรากลับเข้าไปในงานแล้วล่ะ” แพคฮยอนว่าพลางพยายามแทรกตัวระหว่างประตูผ่านจื่อเทาออกมา แต่มือข้างหนึ่งกลับถูกอีกฝ่ายดึงเอาไว้เสียก่อน
เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตัวเองหายไปเสียนาน บอดี้การ์ดหนุ่มที่ยืนอยู่อย่างเดียวดายในงานเลี้ยงก็เริ่มจะกระสับกระส่ายเล็กน้อย ไคมองเจ้านายใหญ่ของตัวเองที่ยังคงสนทนากับคู่ค้าคนสำคัญอย่างออกรสออกชาติ แน่นอนว่าลูกชายสุดหล่อของอีกฝ่ายจะหายไปด้วย ทำไมไคจะไม่รู้ล่ะ ก็ในเมื่อคุณท่านถึงกับออกปากว่าครั้งนี้ให้งดเว้นการคุ้มกันคุณหนูสักระยะ
เขาไม่เข้าใจนักหรอกว่าผู้มีอำนาจและผ่านอะไรในชีวิตมาอย่างโชกโชนคนนี้ทำไมถึงได้วางใจอะไรง่ายๆนัก แต่ก็เอาเถอะ ไคพอจะเข้าใจว่าคนเป็นพ่ออาจจะคิดอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ทางด้านคนที่กำลังอดทนเต็มที่ก็เริ่มจะไม่สนุกขึ้นมาจริงๆ แพคฮยอนนั่งอยู่ในสวนหย่อมหน้าโรงแรมข้างกับจื่อเทาคนที่เป็นฝ่ายชวนเขาออกมานั่งเล่นกินลมในยามนี้ วิวตอนค่ำคืนมองจากตรงนี้มันก็สวยอยู่หรอก แต่แพคฮยอนที่เคยรู้สึกว่าคุยกันถูกคอก็เริ่มจะเบื่อๆเข้าให้แล้ว เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนน่าเบื่อได้ขนาดนี้ แล้วท่าทางแบบนั้นคืออะไร มันแปลกๆเกินไปแล้ว ผู้ชายที่ไหนมานั่งเพ้อเจ้อกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้
แพคฮยอนไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้หรอกว่าคนที่เพิ่งรู้จักกันนั้นคงจะเป็นพวกมีรสนิยมอะไรแบบนั้น ใบหน้าขาวๆแอบเบะปากลงอย่างช่วยไม่ได้
ดาวบนฟ้าที่มองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่เมื่อเทียบกับแสงไฟสีส้มหลายหลอดรอบกายนั้นกำลังถูกจื่อเทาพยายามชวนให้เขามองมันอยู่
“นั่นไงครับแพคฮยอน..” ชายหนุ่มชี้ไปเสียไกลและกระตือรือร้นราวกับพูดกับเด็กน้อย แพคฮยอนอยากจะบอกว่าเหลือเกินว่าทั้งหมดนี้มันปัญญาอ่อนสิ้นดี ช่วยพอทีจะได้ไหม ไม่ใช่จะรังเกียจหรืออยากจะคิดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่อยากมานั่งให้ผู้ชายคนนี้ทำเหมือนกับกำลังจีบสาวอยู่อย่างนี้เลย
.. ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ย ฮึ่ย
“คุณแพคฮยอนจบทางด้านบริหารมาเหมือนผมเลยครับ คุณคงชอบทางด้านนี้ใช่มั้ย ได้ข่าวว่าคุณเก่งมากเลยนี่ครับ”
“ขอบคุณครับ แต่จริงๆแล้วผมไม่ได้ชอบหรอก พ่อบอกให้เรียนก็เรียนเพราะจะได้มาช่วยงานด้วย เลยไม่ขัดอะไร .. อีกอย่าง ผมไม่ได้เก่งหรอกครับ” แพคฮยอนบอกเสียงเรียบก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ จื่อเทาที่เอ่ยชมด้วยท่าทีปลื้มหนักหนาเลยได้แต่ยิ้มค้างอยู่อย่างนั้นเพราะการตอบสนองของอีกฝ่ายที่ผิดคาดไปอย่างแรง
“งั้นเหรอครับ ขนาดไม่ชอบนะเนี่ย” ว่าแล้วก็หัวเราะเบาๆกลบเกลื่อนอาการหน้าเจื่อนของตัวเอง ซึ่งหารู้ไม่ว่าคนฟังที่ยิ้มแห้งๆไปด้วยนั้นจะเบื่อเต็มทน
ตอนนี้ปฏิเสธไม่ออกเลยว่ากำลังคิดถึงใครบางคนจะแย่ หายไปไหนกันนะ กล้าดียังไงถึงได้ไม่โผล่หน้ามาให้เขาเห็นในเวลาที่อยากให้ช่วยแบบนี้ ป่านนี้คงจะยังยืนบื้ออยู่ในงานนั่นแหละนะ ใจหนึ่งนึกโกรธ อีกใจก็เผลอนึกว่าหากคนที่นั่งข้างเขาในตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นอีกคนที่คิดถึงอยู่ก็คงจะดีไม่น้อย
“ผมว่าเรานั่งอยู่นี่นานแล้วนะครับ ไม่กลับเข้าไปในงานเดี๋ยวผู้ใหญ่ท่านจะเป็นห่วง” แพคฮยอนบอกออกมาอีกครั้ง
“ไม่หรอกครับ พวกท่านคงอยากให้เรารู้จักกันไว้ จะได้เป็นผลดีเรื่องงานด้วย อยู่ข้างในจะเบื่อเสียเปล่าๆ” ได้ยินแบบนั้นแพคฮยอนก็เถียงไม่ออกอย่างเคย
อย่างนี้นี่เอง เขาไม่แปลกใจเลยว่าไคหายไปไหน พ่อนะพ่อ จงใจไม่ให้ไคตามมางั้นเหรอ แพคฮยอนรู้ถึงสาเหตุที่เพิ่งจะสงสัยอยู่ แต่เหตุผลนี้มันก็น่าพอใจอยู่นะ อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายคงอยากจะตามมาแต่ต้องทำตามคำสั่งพ่อของเขา
“ยิ้มอะไรอยู่เหรอครับแพคฮยอน”
“อ่ะ อ้อ เปล่าหรอกครับ สงสัยคิดอะไรเพลิน”
รอดตัวไป แพคฮยอนแอบถอนหายใจกับตัวเองที่ดูจะไม่เอาไหนเลยเมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้น
“คุณหนูแพคฮยอนครับ .. อากาศตรงนี้มันหนาว ผมว่ากลับเข้าไปในงานดีกว่านะครับ”
จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ไคโผล่มาเข้ามาพร้อมกับรั้งร่างของผู้เป็นนายให้ลุกขึ้นยืน จื่อเทาที่ยังคงงุนงงอยู่เลยรีบทำหน้ากลบเกลื่อนความไม่พอใจเอาไว้
“ไค...” แพคฮยอนยังอึ้งอยู่แต่คนฟังก็ไม่ได้ก้มมาสนใจคนที่เรียกชื่อของเขา
“ขอโทษนะครับคุณจื่อเทา ดูเหมือนว่าคุณพ่อของคุณกำลังเรียกหาอยู่นะครับ” ไคบอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“งั้นเหรอ อืม ขอบใจ” จื่อเทาพยักหน้าอย่างไว้ทีก่อนจะเหลือบมองหน้าแพคฮยอนแวบหนึ่งแล้วหันหลังเดินกลับเข้างานไปอย่างเสียดาย
แพคฮยอนรู้สึกว่ามันราวกับความฝันที่เขาสลัดผู้ชายคนนั้นออกไปได้เสียที เขาก้มมองมือของไคที่ยังโอบเอวเขาเอาไว้ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยังเงียบอยู่อย่างเก่า ไคปล่อยมือตัวเองออกแล้วถอยหลังออกห่างจากแพคฮยอนหนึ่งก้าว
“นายทำแบบนี้ทำไม” แพคฮยอนถาม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้ไคคงจะกุเรื่องขึ้นมา แน่นอนว่าเขาเดาถูก คนที่ถูกจับได้ก็ยังคงไม่แสดงอาการอะไรออกมา
“ฉันถามว่าทำแบบนั้นทำไม”
“เปล่านี่ครับ คุณหมายถึงอะไรล่ะ บอกคุณจื่อเทาบอกว่าพ่อของเขากำลังเรียกหา หรือที่ผมออกมาตามคุณ” ใบหน้าคมยกตัวอย่างของคำตอบที่อีกฝ่ายอยากจะได้ เหมือนกำลังเป็นฝ่ายร้องขอแต่สิ่งที่แพคฮยอนเห็นก็เพียงแค่คนที่พูดไม่คิด ไคยังยืนนิ่งๆแต่สิ่งที่พูดออกมานั้นคิดบ้างไหมว่าคนที่ฟังจะรู้สึกอย่างไร
.. นายจะให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองไปเลยใช่มั้ย
“ฉันถามก็แค่อยากรู้ นายจะล้อเล่นทำไม”
“ผมไม่ได้เล่น”
“งั้นก็ตอบมาสิ”
“มันไม่มีอะไรหรอก อย่าถามผมอีกเลยครับคุณหนู”
“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกคุณหนู ฉันไม่ใช่...”
“ครับ ผมขอโทษ” บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยอย่างหนักแน่นราวกับว่าทำความผิดร้ายแรง
แพคฮยอนจ้องคนตรงหน้าที่ก้มหัวให้เขาเล็กน้อยเหมือนรอการให้อภัยจากผู้เป็นนาย แต่หากไคจะเงยหน้าขึ้นมองเสียหน่อยก็คงจะรู้ว่าคุณหนูที่เขาไม่มีวันจะเอื้อมถึงกำลังส่งสายตาตัดพ้อต่อว่ามาให้
แทบอยากจะขอร้องเลยก็ได้ อยากให้ช่วยแสดงออกมาหน่อยว่าเป็นห่วงกัน อยากให้ไคบอกหรือจะว่าจะด่าจะสอนเขายังไงก็ได้ว่าให้ระวังตัวเองกว่านี้ อยากให้รู้สึกห่วงกันสักนิดบ้างจะได้ไหม
“ช่างเหอะ .. ฉันก็ถามไปงั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก” หลังจากถูกความผิดหวังลึกๆในใจโถมเข้าใส่ แพคฮยอนก็เลือกที่จะยอมแพ้และหยุดเซ้าซี้หรือทำอะไรงี่เง่าออกไป
ชายหนุ่มหันหลังเพื่อจะเดินนำออกมา เขาก้าวไปข้างหน้าโดยที่คนด้านหลังจะก้าวตามมาติดๆตามหน้าที่ของบอดี้การ์ดที่ต้องทำ แต่ดูเหมือนว่าความใกล้ที่รู้สึกได้ทำให้คนที่เดินนำอยู่รู้ได้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวเขามากอย่างผิดสังเกต แต่พอกำลังจะหันกลับมามือข้างหนึ่งก็ถูกคว้าเอาไปกุมไว้เสียแล้ว ไคไม่ให้โอกาสแพคฮยอนได้พูดอะไรเลยขณะที่เขาก้าวเดินขึ้นมาเสมอกันและออกแรงดึงเบาๆให้เดินตามเขาไป
ในยามปกติ การกระทำแบบนี้มันควรที่ไหนสำหรับลูกน้องกับเจ้านาย
“ที่คุณอยากได้คำตอบน่ะ มันไม่มีหรอกนะ .. ผมก็แค่ไม่ชอบเท่านั้นแหละ”
ไคบอกเรียบๆโดยไม่ได้เจาะจงว่าที่ไม่ชอบน่ะคืออะไร แต่คนฟังก็เลือกที่จะเข้าใจไปเองแล้วว่าหมายถึงอะไร เวลานี้ที่ขาของแพคฮยอนรีบก้าวตามไคนั้นมันแทบจะไม่ต้องให้คิดอะไรอีกเลย ต่อให้ถูกโกหกหรือคิดไปเอง แต่เขาก็เลือกที่จะคิดอยู่ดี ปฎิเสธได้ที่ไหนล่ะว่าในใจกำลังยิ้มออกราวกับเด็กน้อยที่ได้คำปลอบโยนในเวลาที่กำลังผิดหวัง
คุณหนูแพคฮยอนปล่อยให้มือของตัวเองถูกอีกฝ่ายกุมไว้ให้ก้าวเดินตามไปอย่างเงียบๆโดยไม่คิดจะคัดค้าน แพคฮยอนก้มมองมือตัวเองข้างที่ถูกไคกำไว้ไม่ปล่อย ก่อนจะเงยขึ้นมองเรียวหน้าด้านข้างที่เอาแต่เฉยเมยไม่ยอมหันกลับมาสบตากัน
คนทั้งสองก้าวเดินกลับเข้าไปในงานอย่างไม่รีบร้อนนัก ไม่รู้ว่าเพราะมีเวลาเหลือเฟือ
หรือที่จริงแล้วลึกๆนั้นอยากจะยืดเวลาให้กับสัมผัสบางเบาแต่แนบแน่นของมือที่จับกันไว้
❤✿❤✿❤✿❤
“นี่ไค คือว่าฉัน...”
“ครับ คุณแพคฮยอน”
“คือฉันมีบางอย่างจะบอกนายน่ะ คือว่านะ ...”
“...............”
“ฉัน ฉัน คิดว่ากำลัง.....”
พรึ่บ!!
ผ้าห่มที่คลุมกายอยู่ในยามหลับกลางดึกถูกแพคฮยอนตวัดมันออกเพราะฝันร้ายที่ทำให้เขาคิดมาก และเพราะคิดมากจึงได้เก็บเอาไปฝัน เม็ดเหงื่อผุดพรายออกมาตามหน้าผากเพราะความหวาดกลัว
ทำไมกันนะเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆมากกว่าทุกที ทำไมฝันครั้งนี้มันน่ากลัวกว่าความจริงเสียอีก
“คุณแพคฮยอน ฝันร้ายเหรอครับ” จู่ๆประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามา แพคฮยอนสะดุ้งเพราะความตกใจที่ไคโผล่เข้ามาในห้องของเขา
“เอ่อ นายเข้ามาได้ไงน่ะ”
“คุณสะดุ้งตื่นขึ้นมาแบบนี้ ผมเป็นห่วงน่ะครับ” ไคบอกก่อนจะเดินมานั่งลงข้างกับแพคฮยอนอีกมุมของเตียงนอน เจ้าของห้องที่นั่งนิ่งอยู่แทบจะไม่เชื่อหูว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นจะมาจากปากของคนตรงหน้า ไคที่ดูเหมือนจะยังไม่นอนเพราะอยู่ในชุดทำงานนั้นเอื้อมมือหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋าแล้วเอื้อมมาซับเข้าที่ใบหน้าของแพคฮยอน
“เหงื่อออกเลยเหรอ คุณฝันร้ายสินะ”
แพคฮยอนจ้องตากับไคท่ามกลางแสงสลัวจากด้านนอก เขาไม่ตอบอะไรเพราะรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมามากกว่า ฝันน่ะมันไม่ได้ร้ายหรอกนะ แต่ที่มันร้ายก็เพราะถึงจะตื่นขึ้นมา ก็ยังเหมือนกับในฝัน เขาไม่สามารถจะเอ่ยหรือบอกออกไปได้เลย ถึงรู้ว่าต้องผิดหวังแต่มันจะได้อะไร พูดออกไปก็มีแต่จะเสียความรู้สึกกันเปล่าๆ แต่ถ้าไม่บอกแล้วไคจะได้รู้สักทีไหมล่ะว่าเขากำลัง.....
“นอนเถอะนะครับ ดึกมากแล้ว”
“แล้วนายยังไม่นอนเหรอ”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอก เดี๋ยวก็กลับไปนอนบ้างแล้วเหมือนกัน” ว่าแล้วร่างสูงก็เอื้อมมือมาเอนร่างของเจ้านายให้นอนลงบนเตียงตามเดิม แพคฮยอนทำตามอย่างว่าง่ายทั้งที่ใจสั่นไหวไม่น้อยกับสิ่งที่ได้รับ ทำไมไคต้องทำเหมือนห่วงใยเขาแบบนี้ด้วยทั้งที่มันไม่เคยเลยสักนิด
ท่าทางแบบนี้ .. แปลกจัง
“ไค คือฉันคิดว่า”
“ถ้าคุณกลัว ผมจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณจะหลับก็ได้นะ”
“เปล่า .. ฉันแค่อยากจะบอกนายว่า”
“ว่า ว่าอะไรครับ” ไครอฟังสิ่งที่แพคฮยอนกำลังจะพูด
“.... ช่างเถอะ มันไม่มีอะไรหรอก”
“...............”
“นายออกไปเลยก็ได้นะ ฉันจะนอนแล้ว” จู่ๆเสียงอ่อนๆของคุณหนูแพคฮยอนก็กลับมาแข็งอย่างเคยเหมือนตอนปกติ ก่อนจะนอนหันหลังให้คนที่นั่งอยู่ข้างเขา
ไคมองแพคฮยอนอยู่นานสองนานโดยไม่คิดจะออกไป เขามองเหมือนกับว่าจะไม่ได้มองอีก ตอนนี้ไม่รู้ว่าแพคฮยอนจะหลับไปหรือยัง
.. ไม่ใช่แค่คุณที่ทรมานหรอกนะแพคฮยอน ผมต่างหากล่ะที่ไม่สามารถ ทั้งที่ไม่ควรแม้แต่จะคิด
“หลับแล้วเหรอครับ”
เงียบและไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด ไครู้ว่าแพคฮยอนคงอาจจะฟังอยู่แต่แค่แกล้งหลับเท่านั้น เขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว เพราะฉะนั้นก็แสร้งเข้าใจตามไปด้วยแบบนั้นเลยแล้วกัน
“คุณคงหลับแล้ว” ไคเอ่ยเบาๆ หวังว่าแพคฮยอนคงกำลังฟังที่เขาพูด
“ผมน่ะเป็นห่วงคุณนะ ตั้งแต่อยู่กับคุณมา ถ้าทำอะไรไม่ดีออกไป ผมขอโทษนะ”
“.............”
“แล้วที่คุณอยากจะบอกน่ะ ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นก็ได้”
“............”
“เพราะถึงไม่บอก ผมก็คิดว่าตัวเองรู้”
“ฝันดีนะครับ คุณหนูแพคฮยอน”
ไคจบประโยคสั้นๆของเขาเอาไว้เท่านั้นก่อนจะขยับกายเข้ามาใกล้กับคุณหนูที่เขาแสนจะรักใคร่ ใบหน้าคมก้มลงแนบริมฝีปากลงเบาๆที่หน้าผากของคนที่หลับตาอยู่
ประตูห้องถูกเปิดออกและปิดลงอีกครั้ง
ไคออกไปแล้ว
แพคฮยอนนอนนิ่งอยู่กับตัวเอง อยู่กับน้ำตาที่ไหลออกมาจนซึมลงไปในหมอนใบใหญ่
❤✿❤✿❤✿❤
“ว่าไงนะครับพ่อ ไคไม่อยู่แล้ว.....”
เช้าวันต่อมา ในที่สุดเรื่องเมื่อคืนนี้ที่เขาคิดว่ามันแปลก คำตอบก็ได้รับแล้วในเช้านี้ คำตอบคือสิ่งที่ไม่คาดคิดเลยแม้แต่นิดว่าบอดี้การ์ดส่วนตัวที่เขาตกหลุมรักได้จากไปโดยไม่บอกเขาเลยสักคำ
“อ้าว .. ไคไม่ได้บอกลูกหรอกเหรอแพคฮยอน” คนเป็นพ่อถามหลังจากที่วางถ้วยกาแฟลงที่โต๊ะลายสวย หนังสือพิมพ์ในมือที่ถืออยู่เลยพลอยถูกวางลงไปด้วยเช่นกัน
ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ในเวลานี้เงียบไปพร้อมกับสายตาของคนเป็นพ่อและลูกชาย แพคฮยอนจ้องหน้าพ่อตัวเองสักพักจึงหลบสายตานั้นแล้วเอาแต่ก้มหน้าอยู่กับตัวเอง เขากำลังอึ้ง กำลังโมโห กำลังเสียใจ มันสับสนปนเปกันไปหมด คนเป็นพ่อจ้องมองลูกชายอย่างพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เรื่องบางอย่างที่เป็นเรื่องผิดพลาด หากแต่พ่อคนนี้กลับไม่เคยคิดว่าเรื่องดีๆนั้นจะเป็นความผิดพลาดอย่างที่ควร
คนที่ผ่านเรื่องราวในชีวิตมามากจึงลอบยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ลูกชายคนเดียวที่เขารักที่สุดในชีวิต
“เค้าคงอยากจะพักล่ะมั้งแพคฮยอน ไคเค้ามีไร่ที่บ้านเกิดนี่นา อาจจะอยากกลับไปเป็นเถ้าแก่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับธรรมชาติก็ได้”
“แต่มันไม่ใช่เหตุผลเลยนะครับพ่อ”
“แต่มันเป็นเรื่องของเค้าไม่ใช่เหรอ”
“แล้วพ่อปล่อยเค้าไปได้ยังไง ทำไมพ่อไม่ ....”
“แพคฮยอน”
ชายหนุ่มกระแทกตัวลงกับโซฟาอีกครั้งหลังจากถูกคนเป็นพ่อปราม คำอธิบายพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรแพคฮยอนเลยแม้แต่นิด ส่วนพ่อก็พูดของพ่อไป ตัวเขาเองกลับใจลอยเหม่อคิดอะไรไปไกลจนไม่รับรู้แล้วว่าสิ่งที่คนเป็นพ่อพูดจะมีความหมายอะไรบ้าง
หลายวันผ่านไป
ความเสียใจของแพคฮยอนก็ไม่ได้ลดลงไปเลย ร่างกายที่ดำเนินชีวิตไปตามปกติช่างแห้งแล้งเหี่ยวเฉาราวกับต้นไม้ที่ขาดน้ำหล่อเลี้ยง
“คนใจร้าย อยากจะไปก็ไปไม่คิดจะบอกลาฉันสักคำ แล้วที่มาทิ้งท้ายเอาไว้จะให้ฉันคิดยังไง”
“แพคฮยอนลูก นั่นจะไปไหนล่ะฮะ”
“ไปหาเพื่อนน่ะครับพ่อ บางทีอาจค้างซักคืนสองคืนนะครับ”
แพคฮยอนตะโกนบอกพ่อในวันหยุดแรกที่เขาลางานเพื่อจะเดินทางไปในที่แห่งหนึ่ง กระเป๋าใบขนาดกลางถูกคนของพ่อช่วยยกมันเข้าไปในท้ายรถ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหันมายิ้มให้กับพ่อที่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“จะไปเที่ยวไหนอีกล่ะ จู่ๆจะไปก็ไปเหรอ พ่อไม่เห็นว่าลูกจะเตรียมนัดใครเอาไว้เลยนี่”
“อย่าห่วงเลยครับพ่อ ผมแค่เบื่อๆ”
“งั้นเหรอ งั้นไว้วันหลังไม่ได้รึไง คนที่พ่อบอกว่าจะมาทำหน้าที่แทนไคเค้าก็มาถึงแล้วนะ” ถึงตรงนี้แพคฮยอนที่ยืนฟังก็หุบยิ้มลงทันที เขาบอกพ่อกี่ครั้งแล้วว่าไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องมีใครคอยดูแล
“ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมไม่ต้องการ”
“แต่บางทีพ่อก็คิดว่ามันจำเป็นนะลูก”
“แต่สำหรับผมมันไม่จำเป็นเลยนะครับ” แพคฮยอนทำหน้าเป็นเชิงอ้อนวอนให้พ่อของเขาล้มเลิกความคิดพวกนี้ออกไปเสียที เขาไม่ต้องการใคร ตั้งแต่เคยมีคนๆนั้นเขาก็ไม่คิดว่าจะใครอีกที่เข้ามาทำหน้าที่นี้
คนเป็นพ่อส่ายหน้าระอาใจ ทั้งห่วงทั้งเหนื่อยใจ
“ผมไปนะครับ”
แพคฮยอนบอกลาก่อนจะรีบผลุนผลันออกไปจากบ้าน ถ้าเรื่องอื่นเขามีเหตุผลพอสมควร แต่เรื่องนี้แพคฮยอนขอเอาแต่ใจบ้างก็แล้วกัน
.
.
Tbc. Part 2 (Ending part)
สวัสดีค่ะ
เรื่องนี้เป็นฟิครีไรท์ที่แก้ไขพอสมควร แต่คาแรคเตอร์อาจไม่ได้เกลาจนเกลี้ยง กลัวไม่อินมากเลยงับ ;-;
เรื่องนี้ออกแนวรักกุ๊กกิ๊ก เนื้อหาเบสิค แอบเวิ่นเว้ออีกต่างหาก ตอนต่อไปเป็นพาร์ทจบนะคะ ต่อด้วยพาร์ทสเปสำหรับคนที่ต้องการฟินจนสุด (มั้งนะ ...)
หายหน้าไปเป็นเดือนๆ กลับมาก็เข็นSFมาลง ไม่รู้ถูกใจมั้ยนะคะ ส่วนเรื่องยาวเรื่องใหม่ขอเวลาสักพัก ใครชอบป๋าแบคแบดๆ (ไม่ใช่แบดบอยนะ แบบนิสัยไม่ดีน่ะ) รอติดตามนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เจอกันค่า ^^V
ความคิดเห็น