ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF KAIBAEK] Imagination with KaiBaek

    ลำดับตอนที่ #18 : [SF] Let me be .. (KaiBaek) - 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.1K
      11
      28 ต.ค. 56














    Title : Let me be ..
    pairing : Kai x Baekhyun
    Rate : PG-13
    Writer : Gornhai


    talk * ฟิครีไรท์ แก้บท แนวกุ๊กกิ๊กค่ะ (มั้งนะ) ..
    ไม่เคยรู้สึกไม่มั่นใจในฟิคเท่านี้มาก่อน งิ้งงงงงงง
    TT ~~














               131023
    part -1 



     

    คือว่านะไค .. คือว่าฉัน ฉัน ....

    อะไรเหรอครับคุณหนู” 

                  “บอกแล้วไง ว่าอย่าเรียกคุณหนู ฉันไม่ใช่คุณหนู เข้าใจมั้ย” 

                  “ครับคุณหนู” 

                  “คิมจงอิน!” 

                  “ครับ .. คุณแพคฮยอน ว่าแต่เมื่อกี้มีอะไรรึเปล่าครับ” 

                  “ช่างเหอะ ไม่มีอะไรหรอก” 





                  หลายต่อหลายครั้งที่อยากจะบอก แต่ความมั่นใจที่ควรจะมีก็พลันหายไปทุกทีด้วยเหตุผลที่ว่ามันไม่สมควร 





                  แสงไฟสลัวจากข้างทางส่องสลับกับความมืดเข้ามาในรถคันหรูที่แล่นด้วยความเร็วไปตามท้องถนนในเมืองหลวง ยามค่ำคืนที่แม้ว่าหลายชีวิตจะยังไม่หลับใหลแต่บนถนนเส้นนี้ก็ไม่ได้เบียดแน่นไปด้วยรถหลายคันอย่างเมื่อตอนกลางวันแต่อย่างใด 

                  จังหวะนิ่มเนิบของล้อยางชั้นดีบดลงไปตามพื้นถนน ซึ่งตรงข้ามกับความเร็วที่มาก หากแต่รถทั้งคันกลับแล่นฉิวไปข้างหน้าอย่างนิ่มนวลสมกับความเป็นมืออาชีพของผู้ที่บังคับมัน คนขับรถที่แสนภักดีต่อผู้เป็นนายทำหน้าที่ของตนไปโดยไม่คิดจะหันมาสนใจสองร่างที่เบาะด้านหลังเลยแม้แต่น้อย 


                  “คุณแพคฮยอน .. หลับแล้วเหรอครับ” เสียงนิ่งๆนั้นเอ่ยกับคนในวงแขนข้างหนึ่งของเขา

                  คนตัวเล็กกว่าที่ได้ชื่อว่าเป็นนายขยับเปลือกตาขณะที่เอนกายซบอยู่ข้างกับอีกคน ภายใต้เสื้อนอกตัวใหญ่ของอีกฝ่ายคลุมร่างของเขาเอาไว้อย่างดี แพคฮยอนที่อยู่ใต้เสื้อตัวใหญ่ของไคซึ่งทับตามมาด้วยอ้อมกอดอุ่นๆนั้นกลับตั้งใจเงียบเพราะอยากให้เข้าใจว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆ 


                  เหตุการณ์วุ่นวายที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตเมื่อครู่นี้ไม่ได้ทำให้แพคฮยอนเก็บมาคิดใส่ใจเท่าไหร่นัก มันก็ใช่ว่าจะชินนักหรอกกับการที่บางทีจะต้องถูกลอบทำร้ายหรือมีคนคิดร้ายด้วยเพราะตัวเองเป็นลูกของคนที่มีอำนาจมากในวงการธุรกิจยุคนี้ แต่ที่ไม่ได้จะคิดเรื่องนั้นเพราะในใจกำลังมีบางอย่างอัดแน่นให้ทรมานอยู่มากกว่าเป็นไหนๆ เรื่องของใครบางคนที่ทำยังไงก็ไม่สามารถสลัดให้ออกไปจากหัวได้ จนตอนนี้มันก็ยังปักอยู่ในใจว่าแท้จริงความรู้สึกแบบนั้นคืออะไร 


                  ใครบางคนที่ว่าก็คือเจ้าของอ้อมกอดนี้ที่เพิ่งจะหยุดหัวเสียได้ไม่นานจากการที่ตามออกไปช่วยเขาเอาไว้จากอันตราย บอดี้การ์ดส่วนตัวที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางจะยอมบกพร่องต่อหน้าที่ เพราะอย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่แพคฮยอนหนีออกมาเที่ยวกลางคืนโดยไม่บอกไม่กล่าวก็เลยกลายเป็นเหมือนคุณหนูจอมดื้อที่ไม่เชื่อฟังจนทำให้เกิดความเดือดร้อน 


                  ทั้งที่อายุก็เลยคำว่าวัยรุ่นมาแล้ว และเขาเองก็ไม่ใช่คนเอาแต่ใจอย่างนั้นสักนิด แต่กับคนๆนี้แล้วทำไมถึงได้อยากเรียกร้องนักก็ไม่รู้ ทั้งที่อีกฝ่ายทำไปก็เพียงเพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเท่านั้น


                  แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว แค่ได้เอนกายอิงแอบกับอกอุ่นๆของคนที่ไม่เคยคิดอะไรด้วยเลย แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ 


                  ใบหน้าที่แสร้งหลับแอบถอนหายใจเบาๆกับความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ให้คนที่นั่งนิ่งมองออกไปด้านนอกกระจกรถราวกับหุ่นยนต์นั้นได้รับรู้ แพคฮยอนหลับตาลงอีกครั้งเพื่อเก็บเกี่ยวไออุ่นจากสัมผัสของผู้ชายเย็นชาคนนี้เอาไว้ คนที่พ่อของเขายกตำแหน่งคนใกล้ชิดเพราะไว้ใจให้ ไม่ว่ายังไงก็คงไม่มีวันจะคิดเป็นอย่างอื่น แพคฮยอนรู้ดี 


                  แล้วที่ผ่านมาล่ะ แล้วที่คอยดูแลปกป้องกันล่ะ ชอบเข้ามาใกล้ๆให้ต้องหวั่นไหว ก่อนที่จะก้าวถอยไปแล้วจบลงด้วยอาการนอบน้อมเพียงเพราะทั้งหมดคือหน้าที่ 


                  พระเจ้า .. หัวใจของผมไม่ใช่ก้อนหินนะ ทำไมต้องลงโทษให้เผลอใจไปกับคนที่ไม่คิดอะไรด้วยเลยแม้แต่นิด 


                  ชายหนุ่มผู้เป็นนายขยับกายเข้าหาไออุ่นให้แนบแน่นกว่าเดิม การกระทำแบบนั้นของแพคฮยอนจึงทำให้ไคที่เข้าใจว่าเขาหลับอยู่ต้องก้มมองลงมา 


                  “..หนาว” 

     

                  แพคฮยอนแสร้งเอ่ยบางอย่างออกมา เพราะในยามปกติเขาคงไม่กล้าที่จะพูดมัน ตอนนี้เลยอยากจะขอความอบอุ่นนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ 

                  แทบจะไม่ต้องรอเลยสักนิด ไคโอบกระชับคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิมอย่างทะนุถนอม แพคฮยอนอมยิ้มนิดๆกับการตอบสนองที่ขัดกับสีหน้าเฉยเมยอย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่ามันมีความหมายอะไรนักหรอกนะ แต่แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ 


                  ความเจ็บเล็กๆของใจดวงนี้ก็มลายหายไปเมื่อความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ 




                                                                     ❤✿❤✿❤✿❤



                  ห้าวันผ่านไปกับการที่แพคฮยอนใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องมีใครเดินตามหรือคอยทำหน้านิ่งให้เขาต้องรำคาญใจเพราะห้าวันนั้นไคจำเป็นต้องไปทำงานให้กับพ่อของเขาตามคำสั่ง 


                  “เช้าแล้วเหรอเนี่ย น่าเบื่อชะมัด” 

     

                  เรือนผมนุ่มจมอยู่กับหมอนใบใหญ่ที่ทำให้หลับฝันดีมาทั้งคืน ยามเช้าที่ตื่นมาพบความจริงจึงกลายเป็นเรื่องไม่น่าพิสมัยเลยสักนิด ไม่รู้ว่าที่แพคฮยอนรู้สึกอย่างนั้นเพราะไม่ได้เจอหน้าใครบางคนมาหลายวันรึเปล่าก็ไม่รู้ 

                  วันนี้วันหยุด ถือเป็นวันดีที่ไม่ต้องเข้าบริษัทไปหัวหมุนอยู่กับงานที่แสนจะน่าเบื่อ แต่มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก 

                  “เฮ้อ ....” ร่างของคุณหนูแพคฮยอนเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนแล้วตรงเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ลืมจะสะบัดหัวเพื่อเอาเรื่องของผู้ชายคนนั้นออกไป .. แม้ว่าจะไม่มีผลอะไรก็เถอะนะ 

                  หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเอาชุดนอนออกจากตัวแล้วแพคฮยอนก็พาร่างของตัวเองในชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา ปรอยผมเปียกลู่ลงมาตามใบหน้าได้รูป มือบางยกขึ้นใช้ผ้าขนหนูขยี้เบาๆที่ผม พลันใบหน้าของชายหนุ่มก็เป็นอันต้องชะงักไปเมื่อพบกับคนตรงหน้าที่นั่งจ้องเขาอยู่ 


                  ร่างสูงในชุดสูทสีดำอย่างทุกทีนั่งไขว้ขาอยู่ปลายเตียงพลางกอดอกจ้องมาที่ผู้เป็นนาย ใบหน้านิ่งที่ไม่เคยยิ้มนั้นถ้าจะสังเกตหน่อยคงรู้ดีว่าต่างไปจากเดิมเพราะริมฝีปากกำลังเหยียดออกเป็นเส้นตรง 


                  “นายเข้ามาได้ยังไงไค!” แพคฮยอนตกใจก่อนจะเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ชอบใจนัก มือสองข้างกระชับชายเสื้อคลุมเข้าหากันอย่างรวดเร็ว แก้มขาวๆเริ่มจะเปลี่ยนสีแต่ดวงตาเรียวเล็กกลับฉายแววโมโห และนั่นก็ไม่ได้ทำให้คนที่มองอยู่จะยิ้มแหย่ .. อย่างที่อยากจะทำ 

                  “กลัวผมขนาดนั้นเลย


                  “ใครบอกนาย

     
                  “แล้วคุณจะทำท่าตกใจทำไม


                  “แล้วใครใช้ให้นายมาอยู่ตรงนี้ล่ะ ฉันอนุญาตเมื่อไหร่


                  “ครับ .. ผมขอโทษ



                  ว่าแล้วบอดี้การ์ดหนุ่มก็ลุกออกจากปลายเตียงพลางโค้งให้เจ้านายของตัวเอง ที่เคยคิดจะตั้งใจล่วงเกินด้วยคำพูดหรือสายตาไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม 

                  การกระทำที่แสดงออกว่าเคารพต่อเจ้านายนั้นมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันทำให้แพคฮยอนผิดหวังอยู่ลึกๆ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยคิดอะไรเลยสักนิด แล้วทำไมต้องชอบทำให้เขาคิดอยู่คนเดียว .. แต่เอาเข้าจริงมันก็กลายเป็นเพียงแค่หน้าที่ที่อีกฝ่ายจำเป็นต้องทำ 

                  ไคที่ยืนห่างออกไปยังคงนิ่งเฉยตามแบบฉบับของลูกน้องที่ไม่ควรจะก้าวล้ำเส้นระหว่างกันกับเจ้านาย 
    แพคฮยอนเก็บความรู้สึกลึกๆเอาไว้ทั้งที่ในใจกำลังคิดเรื่องคนตรงหน้าจนว้าวุ่นไปหมด 


                  “ไหนว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง


                “ครับ .. แต่งานเสร็จเร็ว เลยรีบกลับมาหาคุณ กลัวว่าจะรอ” ไคเหยียดยิ้มออกมานิดๆกับประโยคต่อท้ายที่คนฟังต้องคิดตาม


                  “อะไร .. รอ ใครรอ ฉันเนี่ยนะ จะรอทำไมล่ะ” 

     
                  “งั้นเหรอครับ ถึงคุณไม่ได้รอ แต่ผมเองนี่แหละที่รอไม่ได้” 


                  บรรยากาศคงจะดี แต่มันแย่ลงไปถนัดตา ที่แน่ๆคือความรู้สึกของแพคฮยอนที่เตลิดไปไกลกับคำพูดของคนที่ไม่ได้คิดอะไรแม้แต่นิด 

     



                                                                     ❤✿❤✿❤✿❤


                  หลังจากมองกันไปกันมาอยู่นาน ก็ดูท่าว่าบอดี้การ์ดคนเก่งจะชนะจนได้ เจ้านายคนนี้ที่คิดนู่นนี่ไปเองเลยต้องพลอยอารมณ์เสียอยู่คนเดียว แพคฮยอนไม่ได้ว่างขนาดนั้น แต่เขาก็คิดว่าตัวเองว่างอยู่ดี 

                  คุณหนูที่ปกติก็ไม่ได้ชอบเอาแต่ใจอะไร แล้วยังมีความเป็นผู้ใหญ่พอนั้นกำลังเดินนำหน้าบอดี้การ์ดส่วนตัวอยู่กลางห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่

                  เจ้าของสายตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นดาสีดำสนิทนั้นกำลังคิดอะไรคงไม่มีใครสามารถเดาได้ ขณะที่เดินตามหลังผู้เป็นนายอยู่ต้อยๆ แพคฮยอนไม่ได้ซื้อนู่นนี่นั่นตามใจแล้วใช้ให้ไคถือให้หรอกนะ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เขาคอยจะแกล้งให้คนใกล้ชิดต้องแบกของมากมายเดินตามหลัง แต่มันก็ไม่ได้ผล เพราะไคไม่เคยปริปากบ่นสักคำ ซ้ำยังเดินตามได้อย่างรวดเร็วไม่มีที่ติอีกต่างหาก ผู้ชายคนนี้ทำหน้าที่ได้ดีมาก ดีขนาดที่เขาอยากจะถามนักว่าพ่อจ้างมาด้วยเงินเท่าไหร่ 

                  “ไค..


                  “ครับ คุณแพคฮยอน


                  “ฉันเบื่อแล้ว ทำไงดี


                  “เบื่อก็กลับสิครับ


                  “ไม่ ..” แพคฮยอนอารมณ์บูดขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว คนๆนี้เป็นอะไรนะ จะแข็งทื่อไม่มีความรู้สึกหรือความคิดเห็นเลยหรือไงกัน 

                  “ไปเหอะ เร็วๆเข้า” จู่ๆแพคฮยอนก็ดึงแขนไคให้เดินตามเขาเพื่อออกไปจากไอ้ตึกสูงที่แสนน่าเบื่อนี่ 



                  กลิ่นหอมของอาหารปิ้งย่างโชยคลุ้งชวนให้ต้องแอบท้องร้องอย่างช่วยไม่ได้ วัยรุ่นหรือเหล่าคนทำงานเลือกช่วงเวลานี้เป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์การพักผ่อนในวันหยุด รวมถึงพยอนแพคฮยอนที่เพิ่งจะลากเอาบอดี้การ์ดไร้อารมณ์คนนี้ให้ออกมาที่นี่ด้วยกัน ยามบ่ายคล้อยเริ่มเข้าสู่ยามเย็น คุณหนูคนเดิมก้าวเดินดูร้านนู้นร้านนี้ไปเรื่อยๆโดยมีใครอีกคนเดินตามหลังอย่างเก่า 

                  “สองไม้ครับ” 

                  สิ้นเสียงสั่งก่อนจะจ่ายตังค์ แล้วทักโกชี ไก่ย่างเสียบไม้ที่ชุ่มไปด้วยซอสสีน่ากินก็มาอยู่ในมือของแพคฮยอน เขายื่นให้ไคหนึ่งไม้ ซึ่งอีกฝ่ายทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมมาถือเอาไป ภาพของบอกี้การ์ดหนุ่มตอนนี้เลยออกจะดูแปลกๆไปบ้าง แพคฮยอนรู้ดีแต่เขาพอใจอยากจะให้คงไม่มีใครมีปัญหาหรอก 

                  ร่างสูงในชุดสูทสีดำบ่งบอกสถานะจำใจเดินตามหลังเจ้านายต่อไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ออกจากบ้านมาเมื่อตอนเช้า เขาน่าจะคิดได้แต่แรกแล้วว่าควรจะเปลี่ยนชุดให้เป็นแบบธรรมดามากกว่า สภาพแบบนี้แต่ต้องมาทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนเล่นเจ้านายตัวเองมันก็แลดูพิกล ไครู้ตัวดีว่ากำลังถูกคุณหนูของเขาแกล้งเอาแต่ก็ไม่ได้สนใจจะโวยวายตามไปด้วย แพคฮยอนอมยิ้มกับท่าทางน่าขันของไค แต่ดูเหมือนการที่อีกฝ่ายทำตามโดยไม่อิดออดนั้นมันชักจะทำให้แพคฮยอนรู้สึกว่านั่นไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยมากกว่า และพอทำอะไรกันไม่ได้ทั้งสองก็เลยเดินข้างกันไป กินของในมือไป และอะไรที่แพคฮยอนอยากจะได้ก็ซื้อมาให้ไคหิ้วไว้จนของเต็มมือไปหมด 

                  บรรยากาศรอบข้างคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย แรงเบียดเสียดเริ่มจะมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด นั่นก็เพราะว่ามีใครบางคนคอยเดินกันคนอื่นๆให้อยู่ตลอดทาง เขาเลยเดินไปได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับใครสักคน .. นอกเสียจากร่างสูงที่อยู่ข้างกันราวกับเกราะกำบังนี่แหละ 


                  “ไค .. เดี๋ยวสิ ฉันอยากกินไอติมร้านนี้” 

                  และแล้วโคนของไอศกรีมสีหวานที่ยาวจนดูท่าว่าจะกินไม่หมดก็มาอยู่ในมือแพคฮยอนจนได้ ใบหน้าน่ารักจ้องสิ่งที่อยู่ในมือด้วยความทึ่งกับขนาดของมัน ซึ่งแพคฮยอนไม่ได้ซื้อเผื่อไคเพราะหมดอารมณ์จะแกล้งแล้ว ที่สำคัญถ้าอีกฝ่ายได้ถือมันอีกคงจะมาลำบากเขาให้ต้องช่วยถือของเสียเปล่าๆ 

     

                  ความคิดแบบนั้นทำให้ไคอดจะคิดในใจไม่ได้ว่าคุณหนูของเขาช่างร้ายกาจเหลือเกิน

                  ไคเดินฝ่าผู้คนตามแพคฮยอนไปอย่างไม่มีทางเลือกเช่นเคย เขารู้สึกว่าหลายสายตากำลังจับจ้องมากับสภาพที่ขัดกับการแต่งกายของเขาอย่างสิ้นเชิง 

                  “ทำไม แค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอไค” 

                  เมื่อเดินหลุดออกมาจากถนนเส้นนั้น คนรอบข้างก็เริ่มจะบางตาลง แพคฮยอนหันมาถามไคที่หยุดยืนอยู่ข้างหลัง เรียวปากที่ลิ้มรสไอศกรีมสีหวานไปได้เกือบครึ่งกำลังเหยียดยิ้มให้กับวิธีเด็กๆของตัวเองที่คิดว่าจะทำให้คนตรงหน้าต้องเริ่มปริปากบ่นออกมาแน่ๆ โดยที่หารู้ไม่ว่าสำหรับไคแล้วนั้นกลับมองว่าอาการอย่างนี้มันน่าจะจับไปตีก้นเสียให้เข็ด 

                  “หึ...” 

                  ใบหน้าที่นิ่งเฉยมานานจู่ๆก็กระตุกยิ้มขึ้นก่อนจะก้าวเข้าประชิดตัวคุณหนูของเขา มือที่พะรุงพะรังไปด้วยถุงหลายใบเอื้อมออกไปสัมผัสเบาๆที่มุมปากของแพคฮยอน คนถูกสัมผัสใจเต้นแรงจนเผลอปล่อยให้ไอศกรีมที่เหลือละลายหยดลงไปตามมือที่ถือมันไว้ 

                  “เลอะหมดแล้ว กินยังไงเนี่ย” ไคเอ่ยเรียกให้แพคฮยอนได้สติว่าเขาก็แค่ช่วยเช็ดคราบครีมที่ติดอยู่ที่แก้มให้ก็เท่านั้น หัวใจที่แอบพองอยู่เลยแฟบลงไปทันทีที่นึกได้ ร่างเล็กก้มมองไอศกรีมในมือที่ละลายจนไหลลงมาโดยที่ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ เขาแค่กำลังทำหน้าไม่ถูกและต้องการซ่อนสีหน้าแปลกๆของตัวเองเอาไว้ 


                  “อ๊ะ ..” 

                  ห้วงความคิดเล็กๆกระเจิงออกจากกันเมื่อจำต้องเงยขึ้นมองการกระทำที่เล่นเอาอึ้งไปมากกว่าเก่า ไคไม่ได้ขยับไปไหนแต่กลับก้มหน้าลงเลียไอศกรีมที่ละลายไหลย้อยลงมาตามเรียวนิ้วของแพคฮยอน 


                  มือบางที่ถูกลิ้นของอีกฝ่ายสัมผัสกลับไม่ได้ดึงออกเพราะรังเกียจ แต่ทั้งตัวของแพคฮยอนนั้นแทบจะแข็งเป็นหินไปแล้ว 


                  คุณหนูที่ไม่ใช่คนอ่อนต่อโลกเหมือนในนิยายจึงต้องใจละลายไปมากกว่าไอศกรีมนี่เสียอีก



                  “อืม แก้มเลอะแล้วมือก็ยังเลอะ .. หวานจริงนะคุณแพคฮยอน” เสียงทุ้มเอ่ยเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอย่างเก่า ไคตวัดลิ้นเลียริมฝีปากนิดๆราวกับเสียดายรสชาติหวานนุ่มลิ้นที่เขาจำต้องถอนตัวออก



                  ท่าทางราวกับว่าทุกอย่างมันปกติดี ท่าทางแบบนี้มันโหดร้ายเกินไปแล้ว 

                  อะไรกันล่ะที่หวาน ไอศกรีม หรือว่า ...


                  นี่คุณแพคฮยอนครับ คุณแพคฮยอน” 

                  ฮึ่ย!!” ใบหน้าที่ซ่อนอาการเอาไว้เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งแล้วพาลโมโห

     
                  ก็แบบนี้ไงล่ะ ชอบมาทำให้คิด แต่ก็ไม่ได้คิด แล้วไงล่ะ คนบ้าที่คิดอยู่ฝ่ายเดียวมันทรมานนะรู้มั้ย 

                  แพคฮยอนหงุดหงิดใจกับความรู้สึกที่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด รู้ไปถึงไหนคงอายไปถึงนั่น

                 “นายมันนิสัยไม่ดี ไค!” ว่าแล้วก็ยื่นมือที่ถือไอศกรีมอยู่กระแทกเข้าที่หน้าอกของคนตรงหน้าแล้วเดินหนีไปทันที 
    ไคอึ้งไปพลางก้มมองเสื้อนอกของตัวเองที่เยิ้มไปด้วยครีมหวาน เขาถอนหายใจออกมาซึ่งหมายถึงความรู้สึกไหนนั้นคงไม่มีใครรู้ ร่างสูงไม่รอช้าจึงรีบก้าวเดินตามเจ้านายต่อไปอย่างเดิม



                                                                     ❤✿❤✿❤✿❤


                  งานเลี้ยงของพวกผู้ใหญ่ ที่หมายถึงผู้ใหญ่ในแบบที่แพคฮยอนคิดว่าตัวเองไม่ใช่เพราะว่ามันน่าเบื่อนั้นกำลังดำเนินไปด้วยดีท่ามกลางบรรยากาศรื่นเริงที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์ทางการค้าระหว่างกัน แสงนวลอ่อนจากโคมไฟสวยหรูในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมแห่งนี้สะท้อนลงบนใบหน้าเบื่อเซ็งที่ต้องแสร้งนิ่งเข้าไว้ 

                  “แพคฮยอนลูก นี่จื่อเทา ลูกชายของประธานฮวาง” คนเป็นพ่อที่ตอนนี้อยู่ในมาดนักธุรกิจผู้มากประสบการณ์เรียกให้ลูกชายสุดที่รักหันมาทำความรู้จักกับลูกชายของคู่ค้าคนสำคัญที่นั่งอยู่ข้างกับเขา ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มดูมีเสน่ห์ขยับจากที่นั่งข้างกับพ่อของตัวเองมานั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างกับแพคฮยอน

                  “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับแพคฮยอน เห็นคุณพ่อบอกว่าอายุเราคงไล่เลี่ยกัน


                  “ครับ .. ผมก็ว่าอย่างนั้น” แพคฮยอนปั้นยิ้มได้อย่างดี แม้จะฝืนๆบ้างก็เถอะแต่เขาก็เข้าใจว่าควรทำตัวยังไง บอกตรงๆว่าไม่ได้อยากมีเพื่อนใหม่ในที่แบบนี้เลย


                  เมื่อเห็นว่าลูกชายของพวกตนกำลังคุยกันตามประสาคนรุ่นใหม่ ชายมีอายุทั้งสองก็หันหน้ามาเจรจากันด้วยรอยยิ้มต่อไป 

                  แพคฮยอนพูดคุยกับจื่อเทาโดยที่ด้านหลังเก้าอี้ของเขาจะมีร่างสูงของบอดี้การ์ดส่วนตัวยืนนิ่งอยู่เพื่อความปลอดภัยของเจ้านาย ภายใต้ใบหน้าไร้ความรู้สึกคงไม่มีใครสามารถจับได้หรอก ว่าบางเวลาแววตานั้นจะลดลงมองร่างของคนที่นั่งชิดอยู่ข้างหน้าของเขา 

                  “เหงามั้ยครับ เห็นพ่อบอกว่าคุณเป็นลูกคนเดียว” จื่อเทาเอ่ยถามแพคฮยอนที่ยังยิ้มให้เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

                  เอ่อ .. ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ลูกคนเดียวไม่เหงาเสมอไปหรอก อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว คงไม่มีเวลามาเหงาเหมือนเด็กไม่มีเพื่อนเล่นหรอกครับ” แพคฮยอนเอ่ยตอบเรียบๆพร้อมกับรอยยิ้มที่แลดูจะเหมือนเหยียดริมฝีปากออกเป็นเส้นตรงมากกว่า ถึงอย่างนั้นคำตอบมันก็ดูจะตรงเกินไปเสียหน่อย ไคที่มองอยู่ด้านหลังก็ได้เพียงแค่คิดในใจว่าสมกับเป็นคุณหนูของเขาจริงๆ

                  งั้นเหรอครับ เอ่อ .. นั่นสินะ ผมนี่ก็พูดอะไรก็ไม่รู้” จื่อเทายิ้มกลบเกลื่อนไปตามระเบียบและไม่คิดจะถือสา

                  ชายหนุ่มชวนพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นการสร้างความคุ้นเคย ถึงแพคฮยอนไม่ค่อยอยากจะฟังแต่เขาก็ใจกว้างพอเพราะคิดว่าเป็นมารยาทที่ดีพอสมควร ยิ่งน่าจะเกี่ยวกับงานของผู้ใหญ่ด้วยแล้ว ต่างกับเขาเสียอีกที่ฝืนพูดอะไรเยอะแยะแบบนั้นไม่เป็น ทั้งสองคุยกันในเรื่องสบายๆต่างกับพวกผู้ใหญ่ที่ดูจะมีเรื่องให้คิดกันมากกว่า 

                  ส่วนใครอีกคนที่ยืนนิ่งราวกับก้อนหินนั้นก็ไม่วายปล่อยให้คุณหนูของเขาคลาดสายตา ไคมองคนทั้งสองตามหน้าที่ มองแล้ว มองอีก มองอยู่อย่างนั้นจนลืมไปแล้วว่านี่คือหน้าที่ 



                  จากที่คิดว่าพอใจกับท่าทีของแพคฮยอนไม่น้อย ตอนนี้ไคกลับเผลอคิดนอกเรื่องไปอย่างไร้การควบคุม เขาเผลอเปรียบเทียบตัวเองกับผู้ชายคนนั้นขึ้นมา 


                  ไม่มีการขยับ ไม่มีการไหวติง .. เวลาสถานการณ์สงบก็ได้เพียงแค่ยืนหายใจ 

                  ซึ่งแน่นอน ไม่นับรวมกับ .. ใจหาย 


     


                  แพคฮยอนถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายอยู่ที่หน้ากระจกในห้องน้ำในงาน ซึ่งเขาเดินออกมาจากห้องจัดงานได้สักพักแล้ว ชายหนุ่มหมุนตัวกลับเพื่อนจะเดินออกไป 

                  “คุณจื่อเทา” แพคฮยอนที่ยังก้าวไม่พ้นประตูห้องน้ำพบเข้ากับคนที่คุยกันถูกคอเมื่อครู่นี้ 

                  “เห็นคุณมาเสียนาน คุณพ่อคุณกับพ่อของผมเลยให้ตามมาดู” จื่อเทาบอก แพคฮยอนแปลกใจว่าทำไมผู้ใหญ่ทั้งสองถึงได้ 

                  ... แล้วนี่ ไคหายไปไหน บอดี้การ์ดของเขาควรจะตามออกมามากกว่าไม่ใช่เหรอ แพคฮยอนชะเง้อหาคนที่คิดถึงว่าป่านนี้ไปอยู่ไหน 

                  “หาใครอยู่เหรอครับ” จื่อเทายื่นหน้าเข้ามาใกล้แพคฮยอนอย่างสงสัยเล่นเอาต้องชะงัก 

                  “ปะ เปล่าหรอกครับ แค่มองหาคนของผม” 

                  “คนของคุณ” 

                  “อืม บอดี้การ์ดของผมไง ทำไมเหรอ” 

                  “ไม่ทำไมหรอกครับ” 

                  “งั้นผมขอตัวนะ พ่อคงอยากให้เรากลับเข้าไปในงานแล้วล่ะ” แพคฮยอนว่าพลางพยายามแทรกตัวระหว่างประตูผ่านจื่อเทาออกมา แต่มือข้างหนึ่งกลับถูกอีกฝ่ายดึงเอาไว้เสียก่อน 




                  เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตัวเองหายไปเสียนาน บอดี้การ์ดหนุ่มที่ยืนอยู่อย่างเดียวดายในงานเลี้ยงก็เริ่มจะกระสับกระส่ายเล็กน้อย ไคมองเจ้านายใหญ่ของตัวเองที่ยังคงสนทนากับคู่ค้าคนสำคัญอย่างออกรสออกชาติ แน่นอนว่าลูกชายสุดหล่อของอีกฝ่ายจะหายไปด้วย ทำไมไคจะไม่รู้ล่ะ ก็ในเมื่อคุณท่านถึงกับออกปากว่าครั้งนี้ให้งดเว้นการคุ้มกันคุณหนูสักระยะ 


                  เขาไม่เข้าใจนักหรอกว่าผู้มีอำนาจและผ่านอะไรในชีวิตมาอย่างโชกโชนคนนี้ทำไมถึงได้วางใจอะไรง่ายๆนัก แต่ก็เอาเถอะ ไคพอจะเข้าใจว่าคนเป็นพ่ออาจจะคิดอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร 



                  ทางด้านคนที่กำลังอดทนเต็มที่ก็เริ่มจะไม่สนุกขึ้นมาจริงๆ แพคฮยอนนั่งอยู่ในสวนหย่อมหน้าโรงแรมข้างกับจื่อเทาคนที่เป็นฝ่ายชวนเขาออกมานั่งเล่นกินลมในยามนี้ วิวตอนค่ำคืนมองจากตรงนี้มันก็สวยอยู่หรอก แต่แพคฮยอนที่เคยรู้สึกว่าคุยกันถูกคอก็เริ่มจะเบื่อๆเข้าให้แล้ว เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนน่าเบื่อได้ขนาดนี้ แล้วท่าทางแบบนั้นคืออะไร มันแปลกๆเกินไปแล้ว ผู้ชายที่ไหนมานั่งเพ้อเจ้อกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้

                  แพคฮยอนไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้หรอกว่าคนที่เพิ่งรู้จักกันนั้นคงจะเป็นพวกมีรสนิยมอะไรแบบนั้น ใบหน้าขาวๆแอบเบะปากลงอย่างช่วยไม่ได้

                  ดาวบนฟ้าที่มองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่เมื่อเทียบกับแสงไฟสีส้มหลายหลอดรอบกายนั้นกำลังถูกจื่อเทาพยายามชวนให้เขามองมันอยู่ 

                  “นั่นไงครับแพคฮยอน..” ชายหนุ่มชี้ไปเสียไกลและกระตือรือร้นราวกับพูดกับเด็กน้อย แพคฮยอนอยากจะบอกว่าเหลือเกินว่าทั้งหมดนี้มันปัญญาอ่อนสิ้นดี ช่วยพอทีจะได้ไหม ไม่ใช่จะรังเกียจหรืออยากจะคิดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่อยากมานั่งให้ผู้ชายคนนี้ทำเหมือนกับกำลังจีบสาวอยู่อย่างนี้เลย 

                  .. ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ย ฮึ่ย


                  คุณแพคฮยอนจบทางด้านบริหารมาเหมือนผมเลยครับ คุณคงชอบทางด้านนี้ใช่มั้ย ได้ข่าวว่าคุณเก่งมากเลยนี่ครับ” 

                  “ขอบคุณครับ แต่จริงๆแล้วผมไม่ได้ชอบหรอก พ่อบอกให้เรียนก็เรียนเพราะจะได้มาช่วยงานด้วย เลยไม่ขัดอะไร .. อีกอย่าง ผมไม่ได้เก่งหรอกครับ” แพคฮยอนบอกเสียงเรียบก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ จื่อเทาที่เอ่ยชมด้วยท่าทีปลื้มหนักหนาเลยได้แต่ยิ้มค้างอยู่อย่างนั้นเพราะการตอบสนองของอีกฝ่ายที่ผิดคาดไปอย่างแรง 

                  “งั้นเหรอครับ ขนาดไม่ชอบนะเนี่ย” ว่าแล้วก็หัวเราะเบาๆกลบเกลื่อนอาการหน้าเจื่อนของตัวเอง ซึ่งหารู้ไม่ว่าคนฟังที่ยิ้มแห้งๆไปด้วยนั้นจะเบื่อเต็มทน 


                  ตอนนี้ปฏิเสธไม่ออกเลยว่ากำลังคิดถึงใครบางคนจะแย่ หายไปไหนกันนะ กล้าดียังไงถึงได้ไม่โผล่หน้ามาให้เขาเห็นในเวลาที่อยากให้ช่วยแบบนี้ ป่านนี้คงจะยังยืนบื้ออยู่ในงานนั่นแหละนะ ใจหนึ่งนึกโกรธ อีกใจก็เผลอนึกว่าหากคนที่นั่งข้างเขาในตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นอีกคนที่คิดถึงอยู่ก็คงจะดีไม่น้อย 

                  “ผมว่าเรานั่งอยู่นี่นานแล้วนะครับ ไม่กลับเข้าไปในงานเดี๋ยวผู้ใหญ่ท่านจะเป็นห่วง” แพคฮยอนบอกออกมาอีกครั้ง 

                  “ไม่หรอกครับ พวกท่านคงอยากให้เรารู้จักกันไว้ จะได้เป็นผลดีเรื่องงานด้วย อยู่ข้างในจะเบื่อเสียเปล่าๆ” ได้ยินแบบนั้นแพคฮยอนก็เถียงไม่ออกอย่างเคย 


                  อย่างนี้นี่เอง เขาไม่แปลกใจเลยว่าไคหายไปไหน พ่อนะพ่อ จงใจไม่ให้ไคตามมางั้นเหรอ แพคฮยอนรู้ถึงสาเหตุที่เพิ่งจะสงสัยอยู่ แต่เหตุผลนี้มันก็น่าพอใจอยู่นะ อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายคงอยากจะตามมาแต่ต้องทำตามคำสั่งพ่อของเขา 

                  “ยิ้มอะไรอยู่เหรอครับแพคฮยอน” 

                  “อ่ะ อ้อ เปล่าหรอกครับ สงสัยคิดอะไรเพลิน” 

                  รอดตัวไป แพคฮยอนแอบถอนหายใจกับตัวเองที่ดูจะไม่เอาไหนเลยเมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้น 






                  “คุณหนูแพคฮยอนครับ .. อากาศตรงนี้มันหนาว ผมว่ากลับเข้าไปในงานดีกว่านะครับ” 

                  จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ไคโผล่มาเข้ามาพร้อมกับรั้งร่างของผู้เป็นนายให้ลุกขึ้นยืน จื่อเทาที่ยังคงงุนงงอยู่เลยรีบทำหน้ากลบเกลื่อนความไม่พอใจเอาไว้

                  “ไค...” แพคฮยอนยังอึ้งอยู่แต่คนฟังก็ไม่ได้ก้มมาสนใจคนที่เรียกชื่อของเขา 

                  “ขอโทษนะครับคุณจื่อเทา ดูเหมือนว่าคุณพ่อของคุณกำลังเรียกหาอยู่นะครับ” ไคบอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย 

                  “งั้นเหรอ อืม ขอบใจ” จื่อเทาพยักหน้าอย่างไว้ทีก่อนจะเหลือบมองหน้าแพคฮยอนแวบหนึ่งแล้วหันหลังเดินกลับเข้างานไปอย่างเสียดาย 


                  แพคฮยอนรู้สึกว่ามันราวกับความฝันที่เขาสลัดผู้ชายคนนั้นออกไปได้เสียที เขาก้มมองมือของไคที่ยังโอบเอวเขาเอาไว้ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยังเงียบอยู่อย่างเก่า ไคปล่อยมือตัวเองออกแล้วถอยหลังออกห่างจากแพคฮยอนหนึ่งก้าว 


                  “นายทำแบบนี้ทำไม” แพคฮยอนถาม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้ไคคงจะกุเรื่องขึ้นมา แน่นอนว่าเขาเดาถูก คนที่ถูกจับได้ก็ยังคงไม่แสดงอาการอะไรออกมา 

                  “ฉันถามว่าทำแบบนั้นทำไม” 

                  “เปล่านี่ครับ คุณหมายถึงอะไรล่ะ บอกคุณจื่อเทาบอกว่าพ่อของเขากำลังเรียกหา หรือที่ผมออกมาตามคุณ” ใบหน้าคมยกตัวอย่างของคำตอบที่อีกฝ่ายอยากจะได้ เหมือนกำลังเป็นฝ่ายร้องขอแต่สิ่งที่แพคฮยอนเห็นก็เพียงแค่คนที่พูดไม่คิด ไคยังยืนนิ่งๆแต่สิ่งที่พูดออกมานั้นคิดบ้างไหมว่าคนที่ฟังจะรู้สึกอย่างไร 


                  .. นายจะให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองไปเลยใช่มั้ย 


                  “ฉันถามก็แค่อยากรู้ นายจะล้อเล่นทำไม” 

                  “ผมไม่ได้เล่น” 

                  “งั้นก็ตอบมาสิ” 

                  “มันไม่มีอะไรหรอก อย่าถามผมอีกเลยครับคุณหนู” 

                  “บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกคุณหนู ฉันไม่ใช่...” 

                  “ครับ ผมขอโทษ” บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยอย่างหนักแน่นราวกับว่าทำความผิดร้ายแรง 


                  แพคฮยอนจ้องคนตรงหน้าที่ก้มหัวให้เขาเล็กน้อยเหมือนรอการให้อภัยจากผู้เป็นนาย แต่หากไคจะเงยหน้าขึ้นมองเสียหน่อยก็คงจะรู้ว่าคุณหนูที่เขาไม่มีวันจะเอื้อมถึงกำลังส่งสายตาตัดพ้อต่อว่ามาให้ 


                  แทบอยากจะขอร้องเลยก็ได้ อยากให้ช่วยแสดงออกมาหน่อยว่าเป็นห่วงกัน อยากให้ไคบอกหรือจะว่าจะด่าจะสอนเขายังไงก็ได้ว่าให้ระวังตัวเองกว่านี้ อยากให้รู้สึกห่วงกันสักนิดบ้างจะได้ไหม 


                  “ช่างเหอะ .. ฉันก็ถามไปงั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก” หลังจากถูกความผิดหวังลึกๆในใจโถมเข้าใส่ แพคฮยอนก็เลือกที่จะยอมแพ้และหยุดเซ้าซี้หรือทำอะไรงี่เง่าออกไป 


                  ชายหนุ่มหันหลังเพื่อจะเดินนำออกมา เขาก้าวไปข้างหน้าโดยที่คนด้านหลังจะก้าวตามมาติดๆตามหน้าที่ของบอดี้การ์ดที่ต้องทำ แต่ดูเหมือนว่าความใกล้ที่รู้สึกได้ทำให้คนที่เดินนำอยู่รู้ได้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวเขามากอย่างผิดสังเกต แต่พอกำลังจะหันกลับมามือข้างหนึ่งก็ถูกคว้าเอาไปกุมไว้เสียแล้ว ไคไม่ให้โอกาสแพคฮยอนได้พูดอะไรเลยขณะที่เขาก้าวเดินขึ้นมาเสมอกันและออกแรงดึงเบาๆให้เดินตามเขาไป 


                  ในยามปกติ การกระทำแบบนี้มันควรที่ไหนสำหรับลูกน้องกับเจ้านาย 


               “ที่คุณอยากได้คำตอบน่ะ มันไม่มีหรอกนะ .. ผมก็แค่ไม่ชอบเท่านั้นแหละ 

     

                  ไคบอกเรียบๆโดยไม่ได้เจาะจงว่าที่ไม่ชอบน่ะคืออะไร แต่คนฟังก็เลือกที่จะเข้าใจไปเองแล้วว่าหมายถึงอะไร เวลานี้ที่ขาของแพคฮยอนรีบก้าวตามไคนั้นมันแทบจะไม่ต้องให้คิดอะไรอีกเลย ต่อให้ถูกโกหกหรือคิดไปเอง แต่เขาก็เลือกที่จะคิดอยู่ดี ปฎิเสธได้ที่ไหนล่ะว่าในใจกำลังยิ้มออกราวกับเด็กน้อยที่ได้คำปลอบโยนในเวลาที่กำลังผิดหวัง 

    คุณหนูแพคฮยอนปล่อยให้มือของตัวเองถูกอีกฝ่ายกุมไว้ให้ก้าวเดินตามไปอย่างเงียบๆโดยไม่คิดจะคัดค้าน แพคฮยอนก้มมองมือตัวเองข้างที่ถูกไคกำไว้ไม่ปล่อย ก่อนจะเงยขึ้นมองเรียวหน้าด้านข้างที่เอาแต่เฉยเมยไม่ยอมหันกลับมาสบตากัน 


                  คนทั้งสองก้าวเดินกลับเข้าไปในงานอย่างไม่รีบร้อนนัก ไม่รู้ว่าเพราะมีเวลาเหลือเฟือ 
                  หรือที่จริงแล้วลึกๆนั้นอยากจะยืดเวลาให้กับสัมผัสบางเบาแต่แนบแน่นของมือที่จับกันไว้ 




                                                                     ❤✿❤✿❤✿❤




                  “นี่ไค คือว่าฉัน...” 

                  “ครับ คุณแพคฮยอน” 

                  “คือฉันมีบางอย่างจะบอกนายน่ะ คือว่านะ ...” 

                  “...............” 

                  “ฉัน ฉัน คิดว่ากำลัง.....” 






                  พรึ่บ!! 

                  ผ้าห่มที่คลุมกายอยู่ในยามหลับกลางดึกถูกแพคฮยอนตวัดมันออกเพราะฝันร้ายที่ทำให้เขาคิดมาก และเพราะคิดมากจึงได้เก็บเอาไปฝัน เม็ดเหงื่อผุดพรายออกมาตามหน้าผากเพราะความหวาดกลัว 


                  ทำไมกันนะเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆมากกว่าทุกที ทำไมฝันครั้งนี้มันน่ากลัวกว่าความจริงเสียอีก 


                  “คุณแพคฮยอน ฝันร้ายเหรอครับ” จู่ๆประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามา แพคฮยอนสะดุ้งเพราะความตกใจที่ไคโผล่เข้ามาในห้องของเขา 

                  “เอ่อ นายเข้ามาได้ไงน่ะ” 

                  “คุณสะดุ้งตื่นขึ้นมาแบบนี้ ผมเป็นห่วงน่ะครับ” ไคบอกก่อนจะเดินมานั่งลงข้างกับแพคฮยอนอีกมุมของเตียงนอน เจ้าของห้องที่นั่งนิ่งอยู่แทบจะไม่เชื่อหูว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นจะมาจากปากของคนตรงหน้า ไคที่ดูเหมือนจะยังไม่นอนเพราะอยู่ในชุดทำงานนั้นเอื้อมมือหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋าแล้วเอื้อมมาซับเข้าที่ใบหน้าของแพคฮยอน 

                  “เหงื่อออกเลยเหรอ คุณฝันร้ายสินะ” 

                  แพคฮยอนจ้องตากับไคท่ามกลางแสงสลัวจากด้านนอก เขาไม่ตอบอะไรเพราะรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมามากกว่า ฝันน่ะมันไม่ได้ร้ายหรอกนะ แต่ที่มันร้ายก็เพราะถึงจะตื่นขึ้นมา ก็ยังเหมือนกับในฝัน เขาไม่สามารถจะเอ่ยหรือบอกออกไปได้เลย ถึงรู้ว่าต้องผิดหวังแต่มันจะได้อะไร พูดออกไปก็มีแต่จะเสียความรู้สึกกันเปล่าๆ แต่ถ้าไม่บอกแล้วไคจะได้รู้สักทีไหมล่ะว่าเขากำลัง..... 

                  “นอนเถอะนะครับ ดึกมากแล้ว” 

                  “แล้วนายยังไม่นอนเหรอ” 

                  “ไม่ต้องห่วงผมหรอก เดี๋ยวก็กลับไปนอนบ้างแล้วเหมือนกัน” ว่าแล้วร่างสูงก็เอื้อมมือมาเอนร่างของเจ้านายให้นอนลงบนเตียงตามเดิม แพคฮยอนทำตามอย่างว่าง่ายทั้งที่ใจสั่นไหวไม่น้อยกับสิ่งที่ได้รับ ทำไมไคต้องทำเหมือนห่วงใยเขาแบบนี้ด้วยทั้งที่มันไม่เคยเลยสักนิด 


                  ท่าทางแบบนี้ .. แปลกจัง 


                  “ไค คือฉันคิดว่า” 

                  “ถ้าคุณกลัว ผมจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณจะหลับก็ได้นะ” 

                  “เปล่า .. ฉันแค่อยากจะบอกนายว่า” 

                  “ว่า ว่าอะไรครับ” ไครอฟังสิ่งที่แพคฮยอนกำลังจะพูด 

                  “.... ช่างเถอะ มันไม่มีอะไรหรอก” 

                  “...............” 

                  “นายออกไปเลยก็ได้นะ ฉันจะนอนแล้ว” จู่ๆเสียงอ่อนๆของคุณหนูแพคฮยอนก็กลับมาแข็งอย่างเคยเหมือนตอนปกติ ก่อนจะนอนหันหลังให้คนที่นั่งอยู่ข้างเขา 


                  ไคมองแพคฮยอนอยู่นานสองนานโดยไม่คิดจะออกไป เขามองเหมือนกับว่าจะไม่ได้มองอีก ตอนนี้ไม่รู้ว่าแพคฮยอนจะหลับไปหรือยัง 


                  .. ไม่ใช่แค่คุณที่ทรมานหรอกนะแพคฮยอน ผมต่างหากล่ะที่ไม่สามารถ ทั้งที่ไม่ควรแม้แต่จะคิด 


                  “หลับแล้วเหรอครับ” 



                  เงียบและไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด ไครู้ว่าแพคฮยอนคงอาจจะฟังอยู่แต่แค่แกล้งหลับเท่านั้น เขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว เพราะฉะนั้นก็แสร้งเข้าใจตามไปด้วยแบบนั้นเลยแล้วกัน 


                  “คุณคงหลับแล้ว” ไคเอ่ยเบาๆ หวังว่าแพคฮยอนคงกำลังฟังที่เขาพูด 



                  “ผมน่ะเป็นห่วงคุณนะ ตั้งแต่อยู่กับคุณมา ถ้าทำอะไรไม่ดีออกไป ผมขอโทษนะ” 

                  “.............” 

                  “แล้วที่คุณอยากจะบอกน่ะ ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นก็ได้” 

                  “............” 

                  “เพราะถึงไม่บอก ผมก็คิดว่าตัวเองรู้” 





                  “ฝันดีนะครับ คุณหนูแพคฮยอน” 

                  ไคจบประโยคสั้นๆของเขาเอาไว้เท่านั้นก่อนจะขยับกายเข้ามาใกล้กับคุณหนูที่เขาแสนจะรักใคร่ ใบหน้าคมก้มลงแนบริมฝีปากลงเบาๆที่หน้าผากของคนที่หลับตาอยู่ 


                  ประตูห้องถูกเปิดออกและปิดลงอีกครั้ง 



                  ไคออกไปแล้ว 




                  แพคฮยอนนอนนิ่งอยู่กับตัวเอง อยู่กับน้ำตาที่ไหลออกมาจนซึมลงไปในหมอนใบใหญ่ 





                                                                     ❤✿❤✿❤✿❤

     

     

                  “ว่าไงนะครับพ่อ ไคไม่อยู่แล้ว.....” 


                  เช้าวันต่อมา ในที่สุดเรื่องเมื่อคืนนี้ที่เขาคิดว่ามันแปลก คำตอบก็ได้รับแล้วในเช้านี้ คำตอบคือสิ่งที่ไม่คาดคิดเลยแม้แต่นิดว่าบอดี้การ์ดส่วนตัวที่เขาตกหลุมรักได้จากไปโดยไม่บอกเขาเลยสักคำ 

                  “อ้าว .. ไคไม่ได้บอกลูกหรอกเหรอแพคฮยอน” คนเป็นพ่อถามหลังจากที่วางถ้วยกาแฟลงที่โต๊ะลายสวย หนังสือพิมพ์ในมือที่ถืออยู่เลยพลอยถูกวางลงไปด้วยเช่นกัน 

                  ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ในเวลานี้เงียบไปพร้อมกับสายตาของคนเป็นพ่อและลูกชาย แพคฮยอนจ้องหน้าพ่อตัวเองสักพักจึงหลบสายตานั้นแล้วเอาแต่ก้มหน้าอยู่กับตัวเอง เขากำลังอึ้ง กำลังโมโห กำลังเสียใจ มันสับสนปนเปกันไปหมด คนเป็นพ่อจ้องมองลูกชายอย่างพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เรื่องบางอย่างที่เป็นเรื่องผิดพลาด หากแต่พ่อคนนี้กลับไม่เคยคิดว่าเรื่องดีๆนั้นจะเป็นความผิดพลาดอย่างที่ควร 

                  คนที่ผ่านเรื่องราวในชีวิตมามากจึงลอบยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ลูกชายคนเดียวที่เขารักที่สุดในชีวิต 

                  “เค้าคงอยากจะพักล่ะมั้งแพคฮยอน ไคเค้ามีไร่ที่บ้านเกิดนี่นา อาจจะอยากกลับไปเป็นเถ้าแก่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับธรรมชาติก็ได้” 

                  “แต่มันไม่ใช่เหตุผลเลยนะครับพ่อ”

                  “แต่มันเป็นเรื่องของเค้าไม่ใช่เหรอ”

                  “แล้วพ่อปล่อยเค้าไปได้ยังไง ทำไมพ่อไม่ ....”

                  “แพคฮยอน”

                  ชายหนุ่มกระแทกตัวลงกับโซฟาอีกครั้งหลังจากถูกคนเป็นพ่อปราม คำอธิบายพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรแพคฮยอนเลยแม้แต่นิด ส่วนพ่อก็พูดของพ่อไป ตัวเขาเองกลับใจลอยเหม่อคิดอะไรไปไกลจนไม่รับรู้แล้วว่าสิ่งที่คนเป็นพ่อพูดจะมีความหมายอะไรบ้าง 





                  หลายวันผ่านไป

                  ความเสียใจของแพคฮยอนก็ไม่ได้ลดลงไปเลย ร่างกายที่ดำเนินชีวิตไปตามปกติช่างแห้งแล้งเหี่ยวเฉาราวกับต้นไม้ที่ขาดน้ำหล่อเลี้ยง 


                  “คนใจร้าย อยากจะไปก็ไปไม่คิดจะบอกลาฉันสักคำ แล้วที่มาทิ้งท้ายเอาไว้จะให้ฉันคิดยังไง” 

     

     

     

     

                  “แพคฮยอนลูก นั่นจะไปไหนล่ะฮะ 

                  “ไปหาเพื่อนน่ะครับพ่อ บางทีอาจค้างซักคืนสองคืนนะครับ 

                  แพคฮยอนตะโกนบอกพ่อในวันหยุดแรกที่เขาลางานเพื่อจะเดินทางไปในที่แห่งหนึ่ง กระเป๋าใบขนาดกลางถูกคนของพ่อช่วยยกมันเข้าไปในท้ายรถ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหันมายิ้มให้กับพ่อที่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย 

                  “จะไปเที่ยวไหนอีกล่ะ จู่ๆจะไปก็ไปเหรอ พ่อไม่เห็นว่าลูกจะเตรียมนัดใครเอาไว้เลยนี่ 

                  “อย่าห่วงเลยครับพ่อ ผมแค่เบื่อๆ 

                  “งั้นเหรอ งั้นไว้วันหลังไม่ได้รึไง คนที่พ่อบอกว่าจะมาทำหน้าที่แทนไคเค้าก็มาถึงแล้วนะ ถึงตรงนี้แพคฮยอนที่ยืนฟังก็หุบยิ้มลงทันที เขาบอกพ่อกี่ครั้งแล้วว่าไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องมีใครคอยดูแล 

                  “ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมไม่ต้องการ 

                  “แต่บางทีพ่อก็คิดว่ามันจำเป็นนะลูก 

                  “แต่สำหรับผมมันไม่จำเป็นเลยนะครับ แพคฮยอนทำหน้าเป็นเชิงอ้อนวอนให้พ่อของเขาล้มเลิกความคิดพวกนี้ออกไปเสียที เขาไม่ต้องการใคร ตั้งแต่เคยมีคนๆนั้นเขาก็ไม่คิดว่าจะใครอีกที่เข้ามาทำหน้าที่นี้ 


                  คนเป็นพ่อส่ายหน้าระอาใจ ทั้งห่วงทั้งเหนื่อยใจ 


                  “ผมไปนะครับ 

     

                  แพคฮยอนบอกลาก่อนจะรีบผลุนผลันออกไปจากบ้าน ถ้าเรื่องอื่นเขามีเหตุผลพอสมควร แต่เรื่องนี้แพคฮยอนขอเอาแต่ใจบ้างก็แล้วกัน 

     

     

    .

    .

    Tbc. Part 2 (Ending part)












    สวัสดีค่ะ

     

    เรื่องนี้เป็นฟิครีไรท์ที่แก้ไขพอสมควร แต่คาแรคเตอร์อาจไม่ได้เกลาจนเกลี้ยง กลัวไม่อินมากเลยงับ ;-;

    เรื่องนี้ออกแนวรักกุ๊กกิ๊ก เนื้อหาเบสิค แอบเวิ่นเว้ออีกต่างหาก ตอนต่อไปเป็นพาร์ทจบนะคะ ต่อด้วยพาร์ทสเปสำหรับคนที่ต้องการฟินจนสุด (มั้งนะ ...)

     

    หายหน้าไปเป็นเดือนๆ กลับมาก็เข็นSFมาลง ไม่รู้ถูกใจมั้ยนะคะ  ส่วนเรื่องยาวเรื่องใหม่ขอเวลาสักพัก ใครชอบป๋าแบคแบดๆ (ไม่ใช่แบดบอยนะ แบบนิสัยไม่ดีน่ะ) รอติดตามนะคะ

     

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เจอกันค่า ^^V





     
     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×