ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF KAIBAEK] Imagination with KaiBaek

    ลำดับตอนที่ #11 : [FIC] White Wolf (KaiBaek) - 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.05K
      8
      27 เม.ย. 57





    White wolf

    Pairing : Kai x Baekhyun
    ft.KrisHo , TaoHun 

    Rate : NC – 17

    Story and Art : Gornhai





     

     

     






    - Part 2 -
     

     

     

    “จื่อเทา .. เจ้าอยู่ข้างนอกนั่นหรือไม่”

    เสียงผู้เป็นนายเอ่ยถามหาคนที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ยอมออกไปจากห้องของเขาอยู่เลย แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ ไคจำได้ว่ายื่นคำขาดไปแล้วว่าไม่ให้ทำอะไรไม่เข้าท่าลงไป นั่นหมายถึงเรื่องของหญิงนางโลมคนนั้นที่เขาห้ามไม่ให้เสียเวลาไปช่วยเหลือ

     

    แม้ว่าฮวางจื่อเทาจะภักดีและยอมทำตามคำสั่งของเขาแค่ไหน แต่ด้วยความที่เป็นคนรักถูกต้องยุติธรรม ความเข้มแข็งสมชายชาตรีอย่างนั้นทำให้ไคคิดว่าเรื่องนี้อีกฝ่ายคงไม่ทำตามคำสั่งของเขาหรอกกระมัง ใบหน้าคมของหัวหน้าเผ่าไร้หัวใจเบนกลับมาที่โต๊ะ

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง

    “ใครน่ะ”

    “ข้าเองท่านไค”

    “เข้ามาสิเซฮุน”

     

    ร่างของชายหนุ่มรูปร่างผอมบางแทรกกายผ่านช่องประตูไม้แกะสลักเข้ามา เรือนผมสีอ่อนรับกับใบหน้าอ่อนเยาว์ได้รูปราวปั้นแต่ง ไคขมวดคิ้วเป็นเชิงถาม

    “ดึกดื่นเช่นนี้ ทำไมยังไม่นอนอีก” แววตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเป็นห่วงเป็นไยต่อคนตรงหน้ามากกว่าใครทั้งหมด แค่คนๆนี้เท่านั้นที่ทุกคนรู้ดีว่าเป็นเพียงคนเดียวที่หัวหน้าเผ่าผู้ซึ่งไม่ยอมฟังใครกลับต้องยอมให้

    “ข้าขอโทษที่เข้ามาหาท่านในยามวิกาล แต่ท่านได้ข่าวเรื่องพวกที่หลังเผ่าเราหรือไม่”

    “อ้อ จื่อเทามารายงานแล้ว มีอะไรหรือเปล่า”

    “ท่านจะไม่ช่วยเค้าจริงๆหรือ”

    “เฮ้อ .. เรื่องนี้แค่จื่อเทาก็พอแล้วมั้งเซฮุน ข้าไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามกับคนในเผ่าเท่าไหร่”

    “แต่.....”

    “หญิงผู้นั้นช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ ถ้าเป็นคนอื่นหรือข้าคงไม่คิดจะแยแส แต่นี่เป็นจื่อเทา” ไคพูดจบด้วยรอยยิ้มราวกับจะเย้ยหยันคนที่กล่าวถึง

    “โชคดี โชคดีอะไรกัน” เซฮุนเอ่ยขึ้นดังกว่าเดิม ใบหน้าขาวผ่องไม่เข้าใจที่คนตรงหน้าพูด

    “ก็โชคดีที่คืนนี้ไม่ต้องตกเป็นเมียไอ้พวกหลังเผ่านั่นแล้วไงล่ะ ป่านนี้อาจจะกำลังร้องไห้อยู่กับอกของลูกน้องข้าแล้วก็เป็นได้”

    “ท่านพูดอะไรน่ะ”

    “ข้ารู้จักจื่อเทาดี”

     

    ขณะที่ไคยังคงเอ่ยสิ่งที่มั่นใจออกไป โอเซฮุนกลับทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าไปมาเร็วๆ

     

     
     

    “แต่ตอนนี้หมอนั่นกับคนของเราอีกสองกำลังควบม้าเข้าเมืองไปแล้วนะ.......”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อ๊ะ อ๊า .... พอที อะ โอ๊ย.....”

     

    แพคฮยอนถูกน้ำหนักตัวของสัตว์หลายตัวรุมทับลงมา ผิวขาวเปรอะเปื้อนน้ำลายเหนียวหนืดไปทุกส่วน ขนสีดำและขนาดของร่างกายที่ใหญ่กว่าคร่อมทับร่างของมนุษย์เอาไว้จากทางด้านหลัง ใบหูของแต่ละตัวตั้งชันไม่ต่างกับหางที่โบกพักจนเกิดแรงลม สะโพกมนถูกดุนดันตั้งชันขึ้นพร้อมกับหัวเข่าที่กดครูดไปกับพื้นดิน

     

    เสียงเปียกแฉะของลิ้นใหญ่ลามเลียมาถึงแก้มก้น แพคฮยอนแทบหยุดหายใจเมื่อความหวามไหวเริ่มแผ่ไปตามร่างกาย

     

    “แฮ่กๆๆๆๆ ......”

    “อ๊ะ มะ ไม่นะ .... ใครก็ได้ ช่วยข้าที”

     

     

    แม้จะอายุครบยี่สิบปีเต็มแล้ว หากแต่ร่างกายของวัยหนุ่มที่ยังไม่ประสากับเรื่องเพศรสกำลังรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่พลุ่งพล่านไปทั่งร่าง สติสัมปชัญญะกำลังบอกว่าเรื่องของสัตว์เดรัจฉานที่เกิดขึ้นอยู่นี้ไม่ควรเกิดกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเขา

     

    น้ำตาเม็ดโตจากความหวาดกลัวเริ่มไม่เหลือจะกลั่นออกมาแล้ว

     

    ไม่ควรเลย ช่างโชคร้ายเสียจริง พยอนแพคฮยอน

     

     

     

     

     

     

    ผลั่ก!!

     

    ทันใดนั้นเองที่แสงสลัวรอบกายกลับมลายหายไปแล้วแทนที่ความรู้สึกเบาหวิว หมาป่าหลายตัวที่ถูกฤดูผสมพันธุ์เข้าครอบงำกำลังถอยกรูดออกไปจากร่างของเขา ร่างที่มีเพียงเศษผ้าขาดวิ่นติดอยู่บางส่วนค่อยๆยันกายขึ้นเพื่อมองผ่านม่านน้ำตาออกไป

    ชายในชุดสีดำทะมึนยืนเด่นอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ปลายผมสีดำที่ยาวประบ่าขยับไปตามแรงลม แพคฮยอนจำได้ดีว่าชายผู้นี้เป็นใคร แต่ที่เปลี่ยนไปเห็นจะเป็นดวงตาสีน้ำตาเข้มที่บัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงดุดัน ริมฝีปากหนายกขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังขู่ให้ศัตรูกลัวเกรง

     

    หมาป่าหลายชีวิตที่ออกห่างจากเขากำลังส่งเสียงร้องให้กับผู้เป็นนาย รูปร่างของสัตว์ร้ายกำลังเปลี่ยนไป แพคฮยอนมองพวกมันขณะที่ดวงตาเบิกกว้างไปกับภาพตรงหน้า สัตว์สี่ขากำลังกลายร่างเป็นมนุษย์!

     

    “อึก....”

     

    แพคฮยอนใช้มือสองข้างดันร่างที่ไร้กำลังถดกายไปตามพื้นดินตามสัญชาตญาณความหวาดกลัว

     

     

     

    นี่มันอะไรกัน ..

     

     

    ร่างของมนุษย์หลายคนที่ใส่เสื้อผ้าอย่างคนปกติปรากฏแก่สายตาของแพคฮยอนที่ยังค้างอยู่อย่างนั้น ชายฉกรรจ์มองมาที่เขาให้ต้องหวาดกลัวอีกครั้งก่อนที่คนพวกนั้นจะถอยกรูกันไปนั่งคุกเข่าลงที่อีกมุม สภาพร่างกายที่เปรอะเปื้อนดินของแต่ละคนก้มต่ำอย่างคนทำผิด ดวงตาสีแดงจ้องมองคนกลุ่มนี้นิ่ง

    “ทะ ท่านไค ....”

    “กลับไปได้แล้ว” เสียงทุ้มกดต่ำเอ่ยเบาๆอย่างไม่เอาเรื่องอะไร

    “คะ ครับ ท่าน”

     

    แต่ละคนวิ่งกรูกลับไปยังที่พักของตนเองอย่างรวดเร็ว แพคฮยอนมองตามไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา บรรยากาศรอบข้างวิเวกวังเวงกว่าเก่าเมื่อหันมาพบว่าคนที่ใครๆก็เรียกว่า “ท่านไค” กำลังจดจ้องลงมาที่เขา

     
     

    นัยน์ตาสีแดงคลายกลับมาเป็นอย่างเก่า ร่างสูงย่างก้าวเข้ามาประชิดร่างที่แทบจะไร้อาภรณ์ที่ยังนั่งกองอยู่กับพื้น ใบหน้าเฉยชามองไปทุกสัดส่วนทุกซอกมุมของร่างกายนั้น ผิวขาวเป็นรอยแดงเกือบทั้งตัว ไหนจะคราบน้ำลายเหนียวหนืดทั่วร่างนั้นอีก ใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตายังคงส่งสายตาหวาดกลัวมาให้ แพคฮยอนยังขวัญเสียเกินกว่าจะรู้สึกอับอายอะไรทั้งนั้น

     

    “เจ้า ... ไม่ใช่ผู้หญิงหรอกหรือ”

     

    ไคขมวดคิ้วแน่น ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง เพราะใบหน้าของแพคฮยอนยังคงเค้าเดิมไว้ไม่มีเปลี่ยน ไม่อย่างนั้นเขาคงเข้าใจไปแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนละคนกับที่เขาพามา แต่หากจะมองดีๆ นอกจากสรีระบางส่วนของผู้หญิงแล้วก็เหมือนคนๆเดียวกันไม่มีเปลี่ยน

     

    แม้จะอยากหันหลังเดินหนีไปแต่ก็ไม่สามารถทำได้ คนน่าสงสารไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้าลง ไคยืนมองร่างนั้นโดยไม่พูดอะไร เขาหันมองไปรอบๆและคิดว่าเซฮุนหายไปไหนเสียแล้ว และพอก้มลงมองอีกคนก็เห็นว่าท่าจะไม่ดีแล้ว จะตายรึเปล่าเขาก็ไม่รู้

     

    ร่างสูงของหัวหน้าเผ่ามนุษย์หมาป่าจึงตัดสินใจถอดเสื้อโค้ทตัวนอกออกแล้วโยนลงไปบนร่างเล็กนั่น แทนที่จะได้ยินคำขอบคุณหรือต่อว่ากลับกลายเป็นการนิ่งงันก่อนที่ร่างนั้นจะล้มเอนลงพื้นดินอีกครั้ง

     

    “ให้มันได้อย่างนี้สิ....”

     

    ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกเสียจากก้มลงช้อนอุ้มเอาร่างนั้นขึ้นมา ไคจับเสื้อโค้ทให้คลุมร่างนั้นไว้แล้วก้าวยาวๆออกมายังส่วนทางเดินกลางหมู่บ้าน

     

     

    เมื่อพ้นเขตหลังเผ่ามาแล้วกลับพบว่าหลายสายตาของคนที่มุงรอกันอยู่จะจับจ้องมาที่เขา เสียงกระซิบของแต่ละคนดังเบาๆแต่เขาก็ได้ยิน

     
     

    “ท่านไคมาช่วยเอาไว้ล่ะ โชคดีชะมัด"

    “เจ้าพวกนั้นก็รู้ว่าควรควบคุมตัวเองให้ได้”

    “มนุษย์คนนี้ ตอนแรกคิดว่าผู้หญิงเสียอีก น่าสงสารเนอะ”

     

     

     

    “ดึกดื่นอย่างนี้ พวกเจ้าจะไม่นอนกันเลยหรือ” หัวหน้าเผ่าเอ่ยถามคนในหมู่บ้านที่มุงกันอยู่มากมาย หลายสายตาตกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มมาให้ผู้นำของพวกเขาแล้วทยอยเดินกลับไปยังที่อาศัยของตน

     

    ไคมองคนที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาเขา

     

    “ท่านไค .. แฮ่กๆ”

    “หายไปไหนมาเซฮุน”

    “ข้าไปเตรียมห้องไว้น่ะ คิดว่าถ้าหญิงผู้นี้เกิดแย่ .........” เซฮุนพูดไม่ทันจบเมื่อก้มมองร่างใต้เสื้อโค้ทที่คนเป็นนายอุ้มเอาไว้ ไคดูออกในทันทีว่าอีกฝ่ายอึ้งไปเพราะอะไร

    “เอ่อ นี่มัน ผู้ชาย”

    “ใช่แล้วล่ะ”

    “ละ แล้ว .........”

    “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

     

    ◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇

     

     

    เคยได้ยินมาบ้างในตอนเด็กๆ ท่านยายเคยเล่าให้ฟังว่ามนุษย์หมาป่ามีจริง ร่างของหมาป่าจะตัวใหญ่ ขนฟู ดวงตาน่ากลัว ไหนจะคมเขี้ยวแหลมๆนั่นอีก แค่คิดก็กลัวไปหมดแล้ว แต่พี่น่ะสิชอบบอกว่าหมู่บ้านของเราไม่มีเรื่องพวกนี้หรอก งั้นข้าก็คงไม่ต้องเจอหรอกใช่ไหม

     

     

     

    แสงแดดอ่อนส่องลอดม่านสีขาวกระทบลงบนใบหน้าที่ค่อยๆลืมตาตื่น ดวงตาคู่เรียวขยับหนีแสงแดดก่อนจะค่อยๆหันมาสู้มันใหม่ เพดานห้องขนาดกลางที่สร้างจากไม้ปรากฏแก่สายตา แพคฮยอนเอียงคอมองรอบกาย นอกจากเตียงไม้ที่เขานอนอยู่ก็มีเพียงแค่ชั้นวางน้ำดื่มกับกระจกบานหนึ่งเท่านั้น

     

    ประตูไม้แกะสลักปิดสนิท ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ครั้นพอยันตัวลุกขึ้นนั่งก็รู้สึกปวดตามร่างกายไปหมด ครู่หนึ่งที่สมองหยุดฟุ้งซ่านแล้วคิดประมวลย้อนไปในวันวาน เพียงเท่านั้นความตระหนกตกใจจึงกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในหัวกำลังบอกว่าต้องรีบหนี ที่นี่ไม่ปลอดภัย ต้องใช่แน่ๆ ที่นี่มีมนุษย์หมาป่า

     

    แพคฮยอนรีบดึงผ้าห่มออกจากร่างทันทีโดยลืมนึกถึงเรื่องของตัวเอง หรือมันมากท้นเกินจะจดจำว่าต้องเผชิญเหตุการณ์แปลกประหลาดเหล่านั้นมาแค่ไหน และเมื่อเท้าสัมผัสกับพื้นอย่างแรงก็ต้องแทบทรุด

     

    “อะ โอ๊ย....” แพคฮยอนล้มลงนั่งอยู่กับพื้น เขาเจ็บข้อเท้ามาก และไม่ทันจะได้ลุกขึ้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยใครคนหนึ่งซึ่งเขาไม่รู้จักมาก่อน ร่างเพรียวบางตรงปรี่เข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “เจ้าเป็นอะไรน่ะ เจ็บมากมั้ย”

    “เอ่อ...”

    “ไหนข้าขอดูที” เซฮุนก้มมองข้อเท้าเล็กด้วยสีหน้าวิตก ก่อนจะเงยขึ้นพูด

    “เห็นทีว่าข้อเท้าของเจ้าจะแพลง”

    “แล้ว เจ้า.....”

     

    แพคฮยอนเหมือนคนไม่รู้อะไรอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจว่าที่นี่คือที่ไหน เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วคนตรงหน้าเป็นใคร สับสนไปหมด ใบหน้าขาวใสที่ดูเฉยชาแต่พอยิ้มมาให้ แพคฮยอนก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ใช่คนเย็นชาอย่างที่เข้าใจ เซฮุนอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยุงให้อีกคนขึ้นมานั่งข้างกันที่ขอบเตียง

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มสองคนที่ต่างสถานะกำลังยืนสนทนากันอยู่ที่ระเบียงอีกมุมของเรือนไม้หลังกว้างแห่งนี้

    “ทำได้ดีมากจื่อเทา ไม่เสียแรงที่ข้าไว้ใจ”

    “ขอบคุณครับท่านไค”

    “เรียบร้อยแล้วก็กลับไปพักผ่อนเถอะ เจ้าคงยังไม่ได้นอน”

    “ครับ .. เอ่อ เห็นเซฮุนบอกว่า หญิง.. ไม่สิ ชายผู้นั้น คือ มันยังไงกันหรือท่าน” คนสนิทเอ่ยถามหัวหน้าเผ่าที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมายามเมื่อเอ่ยถึงคนๆนี้

    “เจ้าจะรู้ไปทำไม”

    “ก็ข้าไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้มันมีด้วยหรือ”

    “จะว่าไปแล้ว บนโลกเรายังมีเรื่องมหัศจรรย์อีกมาก ดูอย่างพวกเราสิ คนมากมายยังไม่เชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่าเลย”

    “นั่นสินะ”

    “แต่เรื่องแบบนี้ ข้าเองก็เพิ่งจะเคยพบ สรุปว่าคนๆนี้เป็นอย่างไรก็เอาไว้รอดูอีกทีแล้วกัน”

     

     

     

     

     

    “นั่นแหละ .. ข้าเองก็เป็นมนุษย์อย่างเจ้านี่แหละแพคฮยอน”

    หลังจากที่พูดคุยกับเซฮุนได้สักพักใหญ่ แพคฮยอนก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ดูท่ายังอยากจะช่วยเหลือเขาอีกด้วย แต่เรื่องที่ทำให้หวั่นใจกว่านั้นคือเรื่องของเผ่ามนุษย์หมาป่า

     
     

    ที่นี่ เป็นหมู่บ้านของมนุษย์หมาป่า เขาเองที่เคยกลายเป็นหมาป่า

    กับเรื่องที่โยงให้เข้าใจว่าคนที่เผาหมู่บ้านของเขาและพาตัวพี่ชายไป ก็คงจะเป็นมนุษย์หมาป่าแน่ๆ

     

    คิดได้เช่นนั้นแพคฮยอนก็ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ เขาแอบกลืนน้ำลายโดยที่ไม่กล้าจะพูดอะไรออกไป

     

    “เรื่องของมนุษย์หมาป่าในหมู่บ้านแห่งนี้ ข้าคิดว่ามันแปลกแล้ว แต่เรื่องที่เจ้าเล่ามา บอกตรงๆว่าข้าก็เพิ่งเคยพบ จู่ๆชายจะกลายเป็นหญิงได้อย่างไร” เซฮุนสงสัย แพคฮยอนก็แค่เล่าให้ฟังเพียงแต่เล่าไม่หมดก็เท่านั้น เขาไม่กล้าเล่าหรอกว่าก่อนจะกลายเป็นหญิงเขาได้กลายร่างเป็นหมาป่าสีขาวมาก่อน

     

    “เอ่อ.. ก็”

    “อืม ช่างเถอะ ข้าเข้าใจว่าเจ้าคงกำลังตกใจ แต่ถ้าเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดได้แล้วให้รีบบอกข้านะ เราจะได้ช่วยกันหาสาเหตุว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น”

    “จะดีหรือ คือ ข้าหมายถึงว่า ปัญหาของข้าเอง ท่านจะช่วยแก้ไขมันจะไม่มากเกิน....”

    “นี่ บอกแล้วไงว่าเรียกข้าแบบปกติ อย่าเรียกท่านอะไรอย่างนั้นเลย”

    “ก็ได้ ...”

    “จะเป็นไรไป เราจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน” เซฮุนเอ่ยเล่นเอาคนฟังต้องขมวดคิ้ว

    “อีกนาน .. หมายความว่ายังไง ทำไมข้าต้องอยู่ที่นี่”

    “โทษทีนะ หลังจากได้ฟังเรื่องของเจ้าแล้ว ข้าก็มาฉุกคิดได้ว่าถึงแม้เจ้าจะออกจากที่นี่ไปก็คงยังไม่มีที่ไปอยู่ดี อีกอย่างเจ้ายังร่างกายไม่แข็งแรงดี ควรจะต้องพักฟื้นอีกสักหน่อย”

    “แต่ แต่ว่า ...”

    “เอาน่ะ

    แพคฮยอนทำท่าจะอ้าปากแย้งขึ้นอีก แต่แล้วประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง

     

     

     

    “คนเค้าไม่อยากอยู่ ก็อย่าไปบังคับใจเค้าเลยเซฮุน”

    เสียงทุ้มที่ตอนนี้แพคฮยอนจำมันได้ดีแล้วเอ่ยขึ้น ทั้งสองหันไปมองผู้มาใหม่ ร่างของไคตรงเข้ามาในห้องตามด้วยจื่อเทาที่ตามหลังมา

     

    “ท่านไค อย่าพูดอย่างนั้นสิ” เซฮุนเอ่ยตำหนิตรงๆ

    “ข้าพูดผิดตรงไหน มันใช่ธุระของเจ้าหรือไม่ล่ะเซฮุน” ไคเอ่ยสวนกลับไป นี่เป็นครั้งแรกเลยที่จื่อเทาเห็นว่าผู้เป็นนายกำลังต่อว่าอีกคนกลับไป เซฮุนทำหน้าบูดและนั่นจึงทำให้ไคต้องส่ายศีรษะ

     

     

    “เอ่อ จริงๆแล้วข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ถ้ายังไงข้าขอ...”

    “ไม่ได้นะแพคฮยอน”

    “แต่เจ้าของบ้านเค้าไม่ได้อยากให้ข้าอยู่ ข้าคงไม่ไร้ยางอายขนาดนั้นหรอก” ใบหน้าที่ติดจะซีดเพราะความเหนื่อยล้าส่งสายตาตัดพ้อมาให้คนที่ยืนนิ่งไม่ตอบอะไร วาจาร้ายกาจที่เอ่ยออกไปก่อนหน้านั้นบอกชัดเจนแล้วว่าไม่คิดจะสนใจ เซฮุนสบตากับจื่อเทาให้ช่วยพูดอีกแรง หนุ่มคนสนิทแอบส่ายหน้าเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าไม่มีทาง

     

    “พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”

    “ท่านไค...”

    “มีเหตุผลหน่อยเซฮุน ออกไปได้แล้ว” ทั้งเซฮุนและจื่อเทาจึงต้องเดินตามกันออกไปจากห้องนอนแห่งนี้

     

     

     

    ร่างของคนที่ผอมบางกว่าเดินนำไปข้างหน้าโดยมีร่างสูงของอีกคนพยายามจะเดินตามให้ทัน

    “เดี๋ยวสิเซฮุน ฟังข้าก่อน”

    “ฟังอะไรกัน เจ้าไม่ช่วยอะไรข้าเลยนะจื่อเทา ไม่เห็นหรอกหรือว่าคนๆนั้นน่าสงสารแค่ไหน” เซฮุนเอ่ยไปโดยไม่ยอมหยุดเดิน จื่อเทาจึงต้องพูดไปด้วยเดินตามไปด้วย

    “ข้าเห็น แต่มันไม่มีประโยชน์อะไร”

    “ก็เหมือนกับเมื่อวานนี้ใช่ไหม ที่เจ้ายอมทำตามคำสั่งท่านไคโดยไม่สนเลยว่ามันไม่ถูกต้อง”

    “ข้าไปทำงานนะเซฮุน”

    “ก็แล้วไงล่ะ เจ้าก็ไม่ได้ไปช่วยเค้าอยู่ดี”

    “ก็แล้วทำไมต้องเป็นข้าล่ะ ท่านไคคนเดียวไม่พอรึไง” ถึงตรงนี้เซฮุนก็เดินช้าลง เรียวแขนขาวจึงถูกอีกฝ่ายดึงกลับให้ไปเผชิญหน้ากัน เซฮุนขมวดคิ้วเมื่อจื่อเทาโน้มใบหน้าลงมาใกล้แล้วเอ่ยเบาๆ

    “เจ้าเข้าใจหรือไม่ ที่ข้าไม่ไปเพราะข้ารู้ว่าท่านไคไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น”

    “...............”

    “ครั้งนี้ก็เหมือนกัน พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่เจ้ารอดูเอาแล้วกัน”

    “แต่.....”

    “เชื่อข้าสิ เซฮุน”

     

     

     

     

    ภายในห้องนอนที่บรรยากาศสำหรับฝ่ายหนึ่งกำลังอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แพคฮยอนถูกไคใช้สายตาบังคับให้เล่าทุกอย่างออกมา ไม่อยากจะพูดด้วยแต่ก็ไม่มีทางเลือก จึงเล่าออกไปอย่างที่เล่าให้เซฮุนฟัง

     

    “หึ .. ไร้ที่มาที่ไป น้ำเน่าดีจังนะชีวิตเจ้า พยอนแพคฮยอน”

    “ท่านหาว่าข้าโกหกอีกแล้ว”

    “ก็แล้วแต่จะคิด”

    “งั้นถ้าไม่ชอบหน้าข้า ท่านจะยืนขวางอยู่ทำไม ข้าจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้แหละ” แพคฮยอนลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วโดยลืมไปเลยว่าเท้ายังเจ็บอยู่ ร่างเล็กทำท่าจะทรุดลงไปแต่ก็ยังพยายามเกาะขอบเตียงเอาไว้ ท่าทางก้าวไม่ออกอย่างนั้นกลับถูกมองด้วยสายตาที่แสนสมเพช

    “เจ้านี่ก็ตลกดีนะ ปากก็ออกจะเก่ง แต่ทุกทีที่ข้าเจอ ก็ไม่เห็นว่าจะเก่งอย่างปากของเจ้าเลยสักครั้ง” ไคจงใจเอ่ยหยามให้อีกฝ่ายต้องได้อาย แพคฮยอนรู้สึกจุกอยู่ในอกจนไม่สามารถระบายออกมาทางคำพูดได้ สายตาเจ็บใจส่งมาขณะที่มือจะกำเข้าหากันแน่น ร่างเล็กนั่งลงที่เดิมอย่างไม่มีทางเลือก

     

    ไคมองอีกฝ่ายที่อาจจะเจ็บใจตายไปเสียก่อน

     

    “ข้าไม่อยากให้ใครมาว่าใจดำได้ เพราะงั้นเจ้าจงอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาย”

    “ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก”

    “ปากเก่ง”

    “ก็มันจริง....”

    “เดี๋ยวเซฮุนจะเป็นคนคอยมาดูแลเจ้า อย่าทำให้เค้าต้องเหนื่อยล่ะ”

     

    ไคพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงประตูปิดดังปัง

     

     

    ◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇

     

     

    ผ่านไปสองวันเต็มๆกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

     

    แพคฮยอนรู้สึกดีกับเพื่อนใหม่ที่คอยดูแลเขาทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก รอยช้ำตามตัวเริ่มหายไปบ้างแล้ว ข้อเท้าที่แพลงก็กลับมาแข็งแรงอย่างเก่า ไม่นับกับอาหารการกินอย่างดีที่เซฮุนเตรียมมาให้ ในระหว่างที่อยู่ด้วยกันอีกฝ่ายก็คอยเล่าเรื่องต่างๆที่เขาสงสัยเกี่ยวกับที่นี่ให้ฟังไปด้วย

    “หมู่บ้านแห่งนี้เดิมทีเป็นชนเผ่าเล็กๆของมนุษย์หมาป่า ผ่านมาหลายร้อยปีจึงกว้างใหญ่แบบนี้ มีทั้งมนุษย์หมาป่าและมนุษย์ปกติแบบพวกเรา หลายตำนานเล่ามาไม่ค่อยเหมือนกันนัก ข้าเองก็จำไม่ค่อยได้หรอก”

    “งั้นเหรอ”

    “อืม .. ส่วนตอนนี้ หัวหน้าเผ่าที่พวกเราชอบเรียกกันว่าท่านไคนั้นคือผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุด”

    “ไค .. ชื่อแปลกดีนะ”

    “อืม แต่ก็มีชื่อจริงๆอยู่หรอกนะ คิมจงอิน”

     

    แพคฮยอนพยักหน้าแล้วคิดตามที่อีกฝ่ายเล่ามา ในใจแอบสงสัยเรื่องของมนุษย์หมาป่า นึกถึงเวลานั้นที่เขากลายร่างก็ชวนให้หัวใจเต้นรัวอีกครั้ง กลัวเหลือเกินว่าจะต้องกลับมาเป็นอย่างนั้นอีก แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าร่างกายนี้จะหายเป็นปกติแล้ว

     

    “เอ่อ ข้าถามหน่อยได้ไหม”

    “ว่ามาสิ”

    “มนุษย์หมาป่าเนี่ย ปกติแล้วเป็นกันมาตั้งแต่กำเนิดเลยหรือไม่”

    “แน่นอนสิ ส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนั้นนะ แต่ก็คงจะแล้วแต่ช่วงอายุของแต่ละคนอีกล่ะมั้งว่าจะเริ่มกลายร่างเมื่ออายุเท่าไหร่” เซฮุนบอก จากที่ตอนแรกแพคฮยอนกำลังจะเข้าใจว่าตัวเองไม่ใช่ แต่พอฟังแล้วกลับมีแต่ความสับสน

    “เป็นอะไรไปแพคฮยอน ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

    “อ่ะ อ้อ ... ปะ เปล่า ข้าแค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ”

     

    เวลาสงบสุขกำลังดำเนินไปจนอดจะรู้สึกไม่ได้ว่าหากไม่โชคร้ายต้องเจอเรื่องเลวร้ายตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านมาแล้วเขาจะได้มีที่อาศัยอย่างนี้ไหม

     

    แพคฮยอนปั้นยิ้มเอาไว้ทั้งที่ในใจกำลังหวั่นวิตก ไม่ว่าจะเรื่องของตัวเองหรือเรื่องของพี่ชายที่ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวอะไร

     

     

     

     

    ตลอดสองสามวันมานี้เจ้าของเรือนกลับไม่ได้โผล่หน้ามาให้เขาเห็นเลย จากที่เซฮุนบอก เห็นว่าอีกฝ่ายไปกับจื่อเทาเกี่ยวกับเรื่องงานที่เขาเองก็ไม่รู้อะไรด้วย  และระหว่างที่เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องพี่ชาย จู่ๆใครคนหนึ่งซึ่งเขาไม่รู้จักก็โผล่เข้ามาในห้องกลางของเรือนแห่งนี้

     

    รูปร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลากำลังก้าวเข้ามา ร่างกายอยู่ในชุดเสื้อผ้าปกติหากแต่ส่วนกลางกลับเปิดเผยหน้าอกที่พันเบี่ยงเป็นทางด้วยผ้าพันแผลสีขาว

     

    “พี่อี้ฟาน ท่านหายดีแล้วหรือถึงได้ออกมาเดินแบบนี้” เซฮุนเอ่ยขึ้นเพราะความเป็นห่วง

    “ข้าไม่ได้พิการนะ” ชายคนนั้นเอ่ยทีเล่นทีจริงก่อนจะมองมาที่แพคฮยอน ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรจู่ๆใครอีกคนก็วิ่งเข้ามาจากประตูทางเข้า ชายหนุ่มรูปร่างเล็กกว่าอายุราวยี่สิบต้นๆหยุดยืนอยู่ข้างกับอี้ฟาน ใบหน้าขาวราวกับหิมะสบตาเข้ากับคนที่นั่งอยู่ห่างออกไป

     

    หัวใจของแพคฮยอนแทบจะโลดออกมานอกอกเมื่อพบว่าคนตรงหน้าคือคนที่เขาอยากเจอมากที่สุดและไม่คิดว่าโชคชะตาจะนำพาให้มาพบกันเร็วอย่างนี้

    “พี่จุนมยอน!

    “แพคฮยอน แพคฮยอน.....” พี่ชายที่เป็นห่วงน้องชายแทบเป็นแทบตายโผเข้ากอดร่างนั้นเอาไว้แนบอก จุนมยอนน้ำตาแทบไหลไม่ต่างจากแพคฮยอนที่ดีใจจนพูดไม่ออก สองร่างกอดกันกลมท่ามกลางสายตาทั้งสองที่มองมาอย่างกำลังปะติดปะต่อเรื่องราว

     

    “พี่อี้ฟาน อย่าบอกนะว่านี่คือน้องชายของคนที่พี่ช่วยเอาไว้”

    “ดูเอาสิ .. จุนมยอนสังหรณ์ได้ไวเหลือเกิน เมื่อวานนี้พอทำแผลให้ข้าเสร็จ หลังจากที่ได้ยินเรื่องของมนุษย์คนนี้ก็รบเร้าอยากมาเจอเผื่อว่าจะเป็นน้องชายที่ตัวเองตามหาตั้งนาน”

     

     

     

     

    ทั้งสองผละออกจากกันก่อนจะตั้งสติแล้วเริ่มสนทนาตามประสาพี่กับน้อง ระหว่างที่อี้ฟานและเซฮุนจะนั่งแยกอยู่อีกที่ตรงมุมหนึ่งของห้องกลางเรือน

     

    “แล้วทำไมพี่ต้องหนีข้าไปด้วย” แพคฮยอนถาม

    “พี่ไม่ได้หนี แต่วันนั้นที่เจ้าไม่อยู่ มีคนลอบวางเพลิงที่หมู่บ้านของเรา แล้วท่านยาย.....” ถึงตรงนี้จุนมยอนก็เกิดช็อคขึ้นมาอีก การสูญเสียท่านยายไปในกองเพลิงสะเทือนใจเขาจนทำให้พูดไม่ออก

    “ข้ารู้ ข้าเข้าใจ”

    “คนพวกนั้นเข้ามาเผาหมู่บ้านของเรา พวกมันมีอาวุธอย่างที่ใช้กันในเมือง พี่กำลังจะถูกมันฆ่า แต่ก็ได้ เอ่อ ... อู๋อี้ฟานคนนี้ช่วยเอาไว้ เค้าเป็น....”

    “เล่ามาเถอะ ข้ารู้ เซฮุนเล่าให้ข้าฟัง”

    “อืม นั่นแหละ มนุษย์หมาป่า ... เค้าต้องเจ็บตัวเพราะช่วยพี่เอาไว้ ตอนที่กลายร่างเป็นหมาป่าพี่ตกใจมาก แต่เพราะต้องรีบหนีจึงออกมาจากที่นั่นพร้อมกับอี้ฟานในร่างหมาป่า เค้าช่วยพี่เอาไว้จนบาดเจ็บ พี่เลยอยากตอบแทนด้วยการอยู่ดูแลจนกว่าจะหาย”

     

    แพคฮยอนมองตาพี่ชายอย่างเข้าใจ จุนมยอนพอจะมีวิชาความรู้เกี่ยวกับการรักษาอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นแพคฮยอนก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าแววตาเป็นห่วงอย่างนั้นมันหมายความว่าอะไร

     

    “ระหว่างนั้นพี่ก็เป็นห่วงเจ้ามาก จึงขอร้องเค้าเพื่อกลับไปตามหาเจ้า แต่เค้าก็เห็นใจและให้คนออกไปตามหาเจ้าที่หมู่บ้าน แต่พอตามไปถามพวกที่อพยพไปในถิ่นใหม่ ก็ไม่มีใครบอกเลยว่าเห็นเจ้า พี่เป็นห่วงเจ้ามากรู้ไหม พอได้ยินว่ามีมนุษย์มาที่นี่ พี่ก็เลยตามมาดู และก็เป็นเจ้าจริงๆ พี่ดีใจเหลือเกิน”

    “เดี๋ยวก่อน .. แล้วเรื่องคนที่เผาหมู่บ้านของเรา ไม่ใช่มนุษย์หมาป่าพวกนี้หรอกหรือ”

    “ถูกแล้ว ไม่ใช่ พี่มั่นใจ ไม่อย่างนั้นเค้าจะช่วยพี่ไว้ทำไม มันต้องเป็นฝีมือพวกมนุษย์ในเมืองหลวงนั่นแน่ๆ อี้ฟานเล่าให้พี่ฟังว่าพวกมันต้องการล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่า แต่เพราะมนต์ตราที่บรรพบุรุษของที่นี่ได้ร่ายทิ้งเอาไว้เพื่อปกป้องชนเผ่า ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้รอดพ้นจากสายตามนุษย์ทั่วไปที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และตามที่คาดกันนั่นก็อาจเป็นสาเหตุให้พวกมันไล่ตามหาทุกหมู่บ้าน เหมือนอย่างที่เราเจอ” จุนมยอนอธิบายให้น้องชายที่นั่งตั้งใจฟัง แพคฮนยอนคิดตามพลางเจ็บแค้นคนพวกนี้ แต่กลับถามบางอย่างออกไปแทน

    “ว่าแต่ว่า พี่พูดเหมือนรู้เรื่องพวกนี้ดีจังนะ”

    “ก็บอกแล้วไงว่าอี้ฟานเล่าให้ฟัง”

    “แต่พี่อยู่กับเค้าแค่ไม่กี่วันเองนะ สนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ” แพคฮยอนถามอย่างตรงไปตรงมา แต่คนถูกถามกลับไม่ยอมสบตา จุนมยอนระบายยิ้มน้อยๆเหมือนไม่มีอะไรก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเมื่อนึกขึ้นได้ คนเป็นพี่ชายจู่ๆก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมา

    “เออนี่ เลยวันเกิดเจ้ามาแล้วใช่ไหม ระหว่างที่พี่ไม่อยู่ด้วย........”

     

     

     




     

    “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าเข้ามาเล่นหัวกันอยู่ในเรือนของข้า”

    เสียงทุ้มต่ำเอ่ยกังวานขึ้นในความกว้างของเรือนไม้

     

    ทั้งสี่ชีวิตหันไปมองเป็นตาเดียวกันกับเจ้าของเรือนที่ก้าวเข้ามา ไคทิ้งโค้ทตัวใหญ่ลงที่ชั้นวางอย่างคนไม่สบอารมณ์ แพคฮยอนมองการอย่างนั้นด้วยแววตาไม่เข้าใจ ทั้งที่ในใจกำลังบอกว่าไม่ชอบผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย

    “ท่านไค กลับมาแล้วหรือ” อี้ฟานเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปหา จื่อเทาที่เดินตามมาแอบส่งสายตามาให้เป็นเชิงเข้าใจกันในอะไรบางอย่าง เซฮุนที่รู้อยู่แล้วจึงไม่เอ่ยอะไรออกไป

    “แผลเจ้าเป็นไงล่ะอี้ฟาน”

    “ใกล้จะหายดีแล้วล่ะครับ”

    “ก็ดี อย่าให้แผลที่เกิดจากพวกไม่เอาไหนมาทำให้ต้องนอนซมทำอะไรไม่ได้อยู่แบบนี้เลย” ไคพูดพลางปรายสายตามาทางสองพี่น้องที่นั่งอยู่ข้างกัน

     

    แพคฮยอนไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายไปอารมณ์เสียมาจากไหน ปกติก็วาจาร้ายกาจอยู่แล้ว แต่นี่กลับดูร้ายกว่านั้น

    “อะไรกัน อย่าบอกนะว่านี่คือน้องชายของเจ้า” ไคเอ่ยถามจุนมยอน

    “ใช่แล้วท่านไค”

    “หึ .. โลกกลมเสียเหลือเกินนะ”

    “แล้วยังไงไม่ทราบ ไม่ได้ดีใจที่พี่น้องเจอกันแล้วท่านจำเป็นต้องเอ่ยเย้ยหยันอย่างนั้นด้วยหรือ” กลับเป็นแพคฮยอนเองที่เอ่ยกลับไป ดวงตาเรียวจ้องเขม็งอย่างคนหมดความอดทน จุนมยอนจับแขนน้องชายเอาไว้แน่นแต่ใบหน้าเล็กๆนั้นกลับไม่มีทีท่าจะอ่อนลงให้ ไคเงียบไปนอกจากจ้องกลับมาเช่นกัน ดวงตาดุดันนิ่งมากเสียจนทุกคนกำลังกลัว

     

    ร่างสูงก้าวเข้ามาประชิดสองพี่น้องที่กล้ามาลองดีกับเขาในเวลาแบบนี้ แต่แล้วยังไม่ทันจะได้เกิดอะไรขึ้นคนสนิทอีกคนก็รีบแทรกกายเข้าบังคนทั้งสองเอาไว้

    “หลบไปอี้ฟาน”

    “คือว่า ข้าขอร้องล่ะท่านไค อย่าเพิ่งทำอะไรสองคนนี้เลยนะ”

    “เจ้ารู้ดีว่าข้ากำลังอารมณ์ไม่ดี”

    “เถอะนะท่าน ข้าขอร้อง” อี้ฟานพูดจบจึงรีบหันไปคว้าแขนของคนด้านหลังให้หลุดออกมาจากน้องชาย จุนมยอนดึงแขนตัวเองเอาไว้แต่ก็ไม่มีผลเมื่อสายตาของอีกฝ่ายจ้องกลับมา

    “มากับข้า ได้เวลาต้องตรวจแผลอีกรอบแล้ว”

    “แต่ ข้ายังคุยกับ....”

    “ไม่มีแต่ มาได้แล้ว” อี้ฟานเอ่ยเสียงเข้มก่อนจะออกแรงดึงจุนมยอนให้กลับออกไปยังเรือนของตัวเองกับเขา แพคฮยอนมองตามพี่ชายไป เขายังไม่ได้เล่าให้ฟังเลยว่าตัวเองต้องเจอกับอะไรมาบ้าง

     

    เซฮุนที่ยืนมองอยู่ถอนหายใจแล้วทำท่าจะเข้าไปหาแพคฮยอนอีกคนแต่กลับถูกมือของคนข้างกายคว้าเอาไว้

    “อะไรเล่าจื่อเทา”

    “เจ้านั่นแหละ มากับข้าเลย”

     

     

    จื่อเทาลากเซฮุนออกมาจากเรือนกว้างออกสู่ทางเดินไปยังที่พักซึ่งแยกกันอยู่ของพวกเขา

    “ทำแบบนี้ทำไมจื่อเทา” แขนเล็กๆสะบัดออกขณะที่หยุดยืนมองหน้ากัน

    “เจ้าไม่ควรกวนใจท่านไค ก็รู้ไม่ใช่หรือ”

    “ข้าไม่ได้คิดจะกวน แต่แพคฮยอนกำลังลำบากนะ ไม่รู้ป่านนี้ท่านไคจะดุด่าหรือทำอะไรลงไป ยิ่งดูไม่ชอบหน้าอยู่ด้วย”

    “เฮ้อ .. เรื่องนั้นเข้าใจอยู่หรอก แต่ลองคิดดูสิว่าถ้าเกลียดจริงๆคงไม่ช่วยมาตั้งแต่ที่หอนางโลมแล้ว นายของเราไม่ได้ร้ายกาจกับคนไม่มีทางสู้หรอกนะ” จื่อเทาเอ่ยพลางทำท่าเหนื่อยใจกับคนตรงหน้าที่ทำอย่างกับว่าเพื่อนใหม่กำลัจะถูกฆ่ายังไงยังงั้น เซฮุนเงียบไปอย่างเข้าใจ

    “อีกอย่างนะเซฮุน เจ้าลืมแล้วรึไง ว่านี่มันฤดูผสมพันธุ์”

     

    ถึงตรงนี้คนฟังก็ต้องนึกตาม

    “จริงด้วย แล้ว .. เอ่อ วันนี้ก็มาที่เรือนท่านไคด้วยล่ะสิ” เซฮุนถามถึงบางอย่าง

    “อืม เหมือนเดิมนั่นแหละ เพราะเหตุนี้ไงท่านไคจึงไม่อยากอยู่ใกล้เราเท่าไหร่ ไหนจะเรื่องงานอีก เป็นข้าคงปวดหัวตายแน่ๆ” จื่อเทาถอนหายใจอีกครั้ง เห็นอีกฝ่ายแสดงสีหน้าเห็นใจทุกคนออกมาก็ทำให้เขาต้องลอบยิ้ม แก้มขาวๆเงยมองมาอีกครั้ง

    “มองอะไรจื่อเทา”

    “เปล่า แค่ ... คือ”

    “อะไร” เซฮุนเอ่ยถามอีกครั้งเพราะไม่เข้าใจจริงๆ ร่างเพรียวเดินเข้ามาใกล้อย่างสงสัย และนั่นก็ทำให้คนตัวสูงกว่าต้องตอบไปตรงๆเช่นกัน

    “หลายวันแล้วนะ ที่เจ้าไม่มาหาข้าที่เรือน” เพียงเท่านั้นที่ได้ยินเซฮุนก็หน้าขึ้นสีทันที ใบหน้าแดงก่ำเสมองไปอีกทาง เป็นอันรู้กันดีว่าหมายถึงอะไร จื่อเทาก็เป็นมนุษย์หมาป่าเช่นกัน เพราะอย่างนั้นเมื่อฤดูนี้มาถึงทีไร คนที่คอยอยู่เคียงข้างเป็นคู่ให้จึงเป็นใครที่ไหนไม่ได้นอกจากเขาคนนี้

    “กะ ก็เจ้าไปกับท่านไคตลอดนี่ ไม่ว่างไม่ใช่เหรอ”

    “แต่ตอนนี้ข้าว่างแล้วไง” จื่อเทายืนทื่อไปเล็กน้อย เขาเองไม่ค่อยถนัดกับการต้องมาพูดอะไรแบบนี้ แม้เรื่องอย่างนั้นจะเคยไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ระหว่างทั้งสองกลับยังไม่ชัดเจนนัก เซฮุนรู้สึกอึดอัดบ้างในบางทีแต่ก็ไม่กล้าจะถามอะไรออกไป

     

    นึกแล้วก็น้อยใจนัก เซฮุนพยักหน้าให้อย่างไม่ยินดีเท่าใดก่อนจะเดินนำไปตามทาง จื่อเทาเองรู้แก่ใจแต่เพราะความไม่กล้า หรือเพราะอะไร เขาไม่มั่นใจ ที่ผ่านมาตลอดคิดว่าอีกฝ่ายรู้ แต่สรุปแล้ว ยังไม่ชัดเจนพออย่างนั้นหรือ

     

    ชายหนุ่มผู้ไม่ยี่หระต่อสิ่งใดในโลกนี้นักจึงจำเป็นต้องยอมทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะต้องทำ ขายาวๆก้าวฉับตามอีกคนไปอย่างรวดเร็ว มือหนาเกี่ยวมืออีกคนเอาไว้แทน

    “รู้ไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ใช่เจ้า ข้าก็ไม่ทำ”

    “............” เซฮุนเงยขึ้นมองเสี้ยวหน้าที่ไม่กล้าสบตากับเขา

    “ยอมให้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่ารักก็เกินไปหน่อยแล้วน่ะนะโอเซฮุน”

     

    สองมือจับกันไว้ขณะที่ข้าจะก้าวไปด้วยกัน ไม่มีใครเอ่ยอะไรนอกจากรู้สึกอยู่ในใจ ... รู้สึกอย่างเดียวกัน

     

     

     

     

     

     

    ทางด้านสองคนที่เอาแต่ยืนจ้องหน้ากัน บรรยากาศก็แสนจะเกินอดทนเหลือเกิน

    แพคฮยอนรู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีที่ต้องอยู่กันแค่สองคน ความไม่พอใจก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น แววตาดุดันจ้องมองไม่วางตาแม้แต่นิด

    “ข้า ข้าขอ....”

    “จะไปไหน” ไคเอ่ยเสียงเย็นทำให้แพคฮยอนขยับไม่ออก ร่างสูงตรงเข้าประชิดมากกว่าเก่า แผ่นหลังของคนที่ถอยกรูดออกไปชนเข้ากับผนังอย่างจัง และเมื่อไม่มีทางหนีแพคฮยอนจึงยกมือขึ้นดันอกกว้างนั้นเอาไว้ ไคเอื้อมมือมาบีบเข้าที่คางมนอย่างแรง

    “อึก....”

    “จำเอาไว้ว่าข้าไม่ใช่เพื่อนเล่น” มือหนาออกแรงบีบมากกว่าเหมือนจะเค้นเอาน้ำตาของเหยื่อในกำมือให้ไหลร่วงออกมา คนอ่อนแอกว่ากลั้นเสียงร้องเอาไว้แต่ที่เก็บไม่อยู่จริงๆก็คือน้ำตาที่กลิ้งลงมาตามแก้มไหลผ่านมือของไคลงมาที่พื้น

     

    ใบหน้าคมคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ ไคสะบัดมือออกอย่างรวดเร็ว  แพคฮยอนรีบยกมือจับเข้าที่คางของตัวเองอย่างเจ็บปวด

    “อย่าได้ลองดีอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

     

    พูดจบก็หันกลับอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้แพคฮยอนต้องตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นพลางรีบหายใจ ไม่นึกเลยจริงๆว่าอีกฝ่ายจะร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้

     

     

     

    คนที่จากมากลับตรงเข้าห้องนอนของตัวเองทันที สัญชาตญาณของหมาป่าหนุ่มเดือดพล่านในบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึก ตั้งแต่แรกแล้วที่ไคได้กลิ่นแปลกประหลาดจากตัวของแพคฮยอน และยิ่งในตอนที่ใกล้ชิดกันมันกลับรุนแรงขึ้นจนเขาต้องสงสัย ไม่ใช่กลิ่นน่ารังเกียจแต่ก็ไม่ได้หอมหวานปานเกสรดอกไม้ มันหอมอ่อนๆราวกับหมอกควันที่ชุ่มไปด้วยกลิ่นที่ซ่อนเร้นและไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไร

     

    ด้วยความรอบรู้เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของตัวเอง ทำให้เขานึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เล่ากันมาเกี่ยวกับพวกเขา

     

                     “กลิ่น อย่างนั้นหรือ ไร้สาระ.....”

     

    ◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇

     

     

    คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่แพคฮยอนนอนไม่ค่อยหลับ ยิ่งเจ้าของเรือนกลับมาอยู่ด้วยแล้วก็ยิ่งไม่โล่งใจ การอยู่กันสองต่อสองกับคนที่เขาทั้งเกลียดทั้งกลัว ถึงจะอยู่คนละห้องแต่ก็ไม่สบายใจอยู่ดี เมื่อกลางวันที่มีเหตุการณ์อย่างนั้นก็ทำให้แทบจะหนีออกไปจากที่นี่ แต่เหตุผลเดียวที่แพคฮยอนยังอยู่ก็คงไม่พ้นพี่ชายที่ยังอยู่ที่หมู่บ้านนี้ เขาจึงจะหนีไปก่อนไม่ได้

     

    ร่างเล็กในชุดผ้าฝ้ายสีขาวตัวหลวมนอนกระสับกระส่ายไปมาบนเตียงขนาดใหญ่ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงสลัวจากด้านนอกเท่านั้นที่พอจะส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาให้เห็นสิ่งรอบกาย แพคฮยอนรู้สึกคอแห้งจึงลุกขึ้นนั่งเพื่อจะดื่มน้ำ แต่มองไปที่โต๊ะไม้ก็พบว่าน้ำดื่มหมด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องเพื่อไปหาน้ำดื่ม

     

    แพคฮยอนเดินออกมาตามทางเดินของเรือนที่เป็นแนวตรงไม่มีคดเคี้ยว ห้องใหญ่อีกห้องที่เขาแอบเห็นว่าคือห้องทำงานนั้นปิดสนิท เขาแค่มองเท่านั้นก่อนจะเดินออกมาด้านหลังของเรือน ห้องกว้างอีกห้องปิดประตูสนิทเช่นกันหากแต่แสงเทียนภายในนั้นกลับเล็ดลอดออกมาเพียงนิด เสียงแปลกๆดังลอดออกมาแต่ชายหนุ่มไม่นึกสนใจนอกจากเดินออกไปตามทาง เขาแวะเข้าห้องน้ำที่ด้านหลังเรือนเสร็จแล้วตรงไปยังอ่างขนาดเล็กที่ปิดฝาเอาไว้อย่างดี

    “นี่ล่ะมั้งน้ำดื่ม” แพคฮยอนคิด มือเล็กๆใช้ขันไม้แข็งตักมันขึ้นมาดื่มให้ชื่นใจ ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะกว่าก่อนหน้า

     

    ขณะที่เดินกลับมาตามทางเดิมก็ผ่านกับห้องที่มีแสงเทียนลอดออกมาอีก แพคฮยอนหยุดยืนมองโดยรู้ดีว่าข้างในนั้นเป็นใคร นึกแล้วก็เจ็บใจนัก แสงเล็กๆไม่ถือว่าสว่างอะไรมาก แต่ครั้นพอจะเดินผ่านไปก็ได้ยินเสียงแปลกๆอีกครั้ง คราวนี้มันดังกว่าเดิม กว่าจะรู้สึกเขาก็พบว่าประตูมันปิดไม่สนิท

    ด้วยความที่อยากรู้และโอกาสก็ช่างอำนวย ประตูบานที่ปิดไม่สนิทจึงถูกเขาแง้มออกช้าๆ แพคฮยอนใจเต้นแรงกับความไม่ควรที่มาแอบดูคนอื่นแต่ความอยากรู้กลับเป็นฝ่ายชนะ เชิงเทียนไม่กี่เล่มวางเอาไว้ก็จริงหากแต่ภาพเบื้องหน้ากลับไม่ชัดเจนแก่สายตาเท่าใดนัก ท่ามกลางความมืดที่มากกว่าแสงสลัวหลายเท่าตัว บนเตียงกว้างมีเสียงแปลกๆดังชัดเจน

     

    ร่างของมนุษย์สองคนกำลังร่วมรักกัน ..

     

    แม้ไม่เคยแต่ชายหนุ่มอายุยี่สิบปีเต็มคนนี้ก็รู้ดี แพคฮยอนชะงักไปด้วยใจที่เต้นรัว ถือเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นเรื่องอย่างนี้กับตาตัวเอง ภาพเบื้องหน้าพาให้บางอย่างตีตื้นขึ้นมาแน่นอยู่ที่อก แพคฮยอนสูดลมหายใจแรงๆอย่างไม่รู้ตัว

     

    คล้ายกับวันนั้น .. คืนวันพระจันทร์เต็มดวง

     

    ร่างเล็กหยุดความคิดลงเมื่อรู้สึกได้ถึงนัยน์ตาสีแดงฉานที่ตวัดมองตรงมาที่เข้า เสี้ยววินาทีนั้นเองที่ทั้งร่างจะรีบหมุนกลับออกไป แพคฮยอนตกใจที่ตัวเองเกือบถูกเห็นเข้าแล้ว ความน่ากลัวของชายผู้นี้เป็นยังไงทำไมเขาจะไม่รู้

     

     

     

     

     

    และเมื่อกลับมาที่ห้องตัวเองชายหนุ่มจึงรีบลงกลอนประตูแล้วตรงมานั่งนิ่งอยู่ที่เตียง ในใจหวังว่าคนๆนั้นคงไม่เห็นเขาหรอกนะ ใบหน้าตื่นตระหนกหลับตาลงพยายามสะกดอารมณ์บางอย่างเอาไว้ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมลมหายใจตัวเองได้ ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนั้น

     

    “มะ ไม่นะ ต้องไม่ใช่สิ ก็วันนี้.....” เขากลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปที่หน้าต่าง ค่อยๆเงยมองพระจันทร์บนท้องฟ้า แล้วความโล่งอกก็บังเกิดขึ้น .. ไม่ใช่วันพระจันทร์เต็มดวง

     

    แพคฮยอนถอนหายใจราวกับกำลังปลอบใจตัวเอง ความกดดันบางอย่างเริ่มหายไปแต่ทำไมร่างกายรู้สึกร้อนอย่างนี้ เหมือนร้อนมาจากข้างใน ขณะที่ยืนมองลอดหน้าต่างออกไปสายตาเขาก็พบเข้ากับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินออกไป หล่อนเดินออกไปจากเรือนแห่งนี้ด้วยท่าทีสบายๆ ร่างเพรียวบางในชุดเว้าเข้าแนบเนื้อก้าวฉับๆออกไปตามทาง แพคฮยอนจำได้ดีว่าท่าทีอย่างนี้เขาเคยพบที่โรงน้ำชาชั้นบนนั้นมาก่อน

     

    ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าเธอคนนี้มาที่นี่ทำไม ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าอีกทีให้ความรู้สึกบางอย่างที่มีมันทุเลาลง แต่แล้วเมื่อหันกลับมา

     

     

     

    “อ๊ะ....”

    ร่างเล็กปะทะเข้ากับใครอีกคนอย่างจัง ใบหน้าที่ใกล้จนเกือบสัมผัสทำเอาหัวใจเต้นรัว ดวงตาสีน้ำตาเข้มจ้องลึกเข้ามาในแววตาหวาดกลัว ร่างสูงในชุดคลุมตัวยาวสีดำที่สวมไว้อย่างหมิ่นเหม่กำลังกดแผ่ความมืดมนลงมาให้

     

     

    “หึ .. พี่ชายเจ้าไม่ได้สอนหรอกหรือว่าการแอบดูคนอื่นมันเสียมารยาท” เสียงเย็นกดต่ำเอ่ยออกมาชัดๆ แพคฮยอนใช้สองมือดันอกแกร่งเอาไว้เพราะแรงที่เบียดเข้ามากกว่าเก่า

     

    “ข้า ข้าขอโทษ คือข้าแค่ออกไปหาน้ำดื่ม...”

    “แล้วก็มาแอบดูข้าอย่างนั้นสินะ!

    “ไม่ใช่....”

    “หุบปาก!

     

    เสียงตวาดของหัวหน้าเผ่าดังลั่นขึ้นในห้องเล็กๆแห่งนี้ ไคกำลังโมโหคนที่เขาช่วยเอาไว้แต่กลับตอบแทนด้วยการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขา แพคฮยอนอยากหันหนีสายตานั้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ร่างเล็กสั่นระริกอยู่ภายใต้ผ้าฝ้ายตัวใหญ่ เขากำลังเรียกความเกลียดกลับคืนมาเพื่ออย่างน้อยจะได้กล้าสู้ออกไป

    “ท่านถอยไปได้แล้ว”

    “กล้าออกคำสั่งอย่างนั้นเรอะ”

    “ข้าไม่ได้ออก แค่คิดว่าได้บอกท่านไปแล้วว่าข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าขอโทษท่านแล้วด้วย ถ้าท่านยังไม่ฟังข้าก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกับคนไม่มีเหตุผลอย่างท่าน” แพคฮยอนเอ่ยเสียงแข็งพลางเชิดหน้าใส่อย่างไม่กลัวเกรง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมยิ่งนานวันอีกฝ่ายยิ่งอารมณ์รุนแรงกับเขาถึงเพียงนี้ แพคฮยอนเบี่ยงตัวหลบออกมาอีกทางแต่กลับต้องถูกมือหนาคว้าร่างเอาไว้

    “คิดว่าด่าข้าแล้วเจ้าจะหนีไปดื้อๆอย่างนั้นหรือ” ไคกระชากร่างของแพคฮยอนเข้าประชิดกว่าเดิม มนุษย์หมาป่าหนุ่มรู้สึกได้ทันทีว่าสัญชาตญาณบางอย่างกำลังก่อตัว

     

     

    ใบหน้าคมนิ่งไป เขาเพิ่งจะปลดปล่อยไปจนหมดเมื่อครู่นี้เองไม่ใช่หรือ แล้วทำไม ...

     

    กลิ่นที่เคยได้เมื่อตอนกลางวันแตะเข้ากับจมูกอีกครั้ง ใบหน้าเล็กที่ใกล้กันกำลังหวาดกลัวแต่เขากำลังลืมมันไป ไครู้สึกได้ถึงกลิ่นประหลาดที่ยิ่งสูดดมเข้าไปเท่าไหร่มันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แพคฮยอนออกแรงดันตัวเองออกแต่อีกฝ่ายกลับเข้ามาใกล้กว่าเดิม ไครู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ต้องเป็นอย่างนี้ เขาก็อยากพิสูจน์เหมือนกันว่ากับแค่กลิ่น ถ้ายิ่งสูดแล้วมันจะทำไม

     

     

    เพราะความอยากเอาชนะใจตัวเองร่างสูงจึงเผลอก้มลงสูดดมร่างตรงหน้าตามสัญชาตญาณของหมาป่า

    “อ๊ะ....” แพคฮยอนร้องออกมาอย่างตกใจกับการกระทำแปลกๆของอีกฝ่าย ความร้อนในกายที่ใกล้จะคลายกลับกำลังพวยพุ่งขึ้นมาราวกับหมอกควัน ทุกอย่างกำลังตีกันอยู่ใต้ท้องน้อย

     

    “ท่านกำลังทำอะไรอยู่ ท่านไค ... ปล่อยข้า ปล่อยสิ!” แพคฮยอนพยายามถอยหนีแต่อีกคนกลับไม่ยอมห่างออกไปจากเขา ดวงตาวาวโรจน์จ้องเขม็งกลับมาทันที

    “อยู่นิ่งๆได้มั้ย คิดว่าข้าพิศวาสเจ้านักรึไง”

    “...............” คนฟังพูดไม่ออก ร่างเล็กถูกมือหนาล็อคเอาไว้แล้วก้มหน้าลงมาป้วนเปี้ยนอยู่กับซอกคอ ด้วยความไม่ประสาจึงทำให้นึกไปว่า หรือนี่เขากำลังจะกลายเป็นอาหารของหมาป่าอีกครั้ง

     
     

    คิดได้ดังนั้นก็ต้องตกใจขึ้นมาอีก แต่น่าแปลกที่ยิ่งถูกเบียดกายเข้าหากลับยิ่งร้อนขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุม แพคฮยอนกำลังหมดแรงกับสิ่งที่ได้รับ คมเขี้ยวแข็งกดลงมายังเนินบ่าที่เผยออกมาจากคอเสื้อ

     

    “อ๊ะ ....”

     

    เหยื่อที่คิดว่าจะต้องกลายเป็นอาหารสะดุ้งเล็กน้อย แพคฮยอนรู้สึกว่ากำลังจะถูกกิน เขารวบรวมแรงที่มีเตะเข้าที่หน้าท้องของร่างสูง ไคที่กำลังเผลอไผลไปกับกลิ่นจึงปล่อยร่างนั้นออก

     
     

    “ท่านทำอะไรของท่าน คิดจะกินข้าแล้วบอกกับทุกคนว่าข้าหนีไปงั้นสินะ จากนั้นก็คิดจะกินพี่ของข้าเหมือนกัน”

    “............”

    “ที่นี่ไม่ได้เป็นอย่างที่ข้าคิดจริงๆด้วย พวกท่านน่ากลัว ข้าไม่น่าหลงเชื่อเลย”

    ไคมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าข่มใจ แพคฮยอนพูดอะไรเขาพอจะเข้าใจแต่ก็ไม่สามารถจะแย้งเหตุผลอะไรออกไป จะให้บอกว่าเขากำลังควบคุมตัวเองไม่ได้กับกลิ่นประหลาดๆที่อีกฝ่ายปล่อยออกมาอย่างนั้นหรือ

     

     

    สัญชาตญาณของหมาป่าหนุ่มพุ่งพล่านขึ้นมาจนแทบควบคุมไม่อยู่ ไคหงุดหงิดไม่เลิกกับแรงปรารถนาที่ก่อเกิดขึ้นมา ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ฤดูผสมพันธุ์ที่ไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหนหากเพียงเขาได้ปลดปล่อยออกไปมันก็จบ แต่นี่ไม่ใช่ ความหงุดหงิดหลายเท่าทวีกำลังถาโถมเข้ามาราวกับว่าถ้าไม่ได้ปลดปล่อยอีกครั้งเขาคงจะต้องกลายร่างแล้วเตลิดทรมานไปทั่วทั้งแผ่นดินนี้

                เพราะกลิ่นนั่นแท้ๆ ...

     

    “อย่าเข้ามาอีกนะ ข้าไม่ยอมถูกหมาป่าอย่างท่านกินเป็นอาหารหรอก”

    “หยุดพูดได้แล้ว”

    “ไม่ ข้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว”

     

    แพคฮยอนวิ่งไปยังประตูห้อง แต่ด้วยมนต์บางอย่างที่ถูกร่ายขึ้นมาในพริบตา กลอนไม้กลับไม่ขยับตามแรงของเขาเลย

     

     

     

    กึก กึก กึก!!

    แพคฮยอนเขย่ามันแรงๆแต่ก็ไม่เป็นผล อีกคนตรงเข้าตามมาประชิดเขาอีกครั้ง ไคทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด เขายอมไม่ได้หรอกนะถ้าแค่คนตัวเล็กๆคนหนึ่งจะมาทำให้เขาเป็นอย่างนี้แล้วคิดจะหนีไปโดยไม่รับผิดชอบใดๆ ไหนจะเรื่องที่แอบมาดูเรื่องส่วนตัวของเขาอีก

     

    “คิดว่าเรื่องก่อนหน้านี้ข้าให้อภัยเจ้าแล้วรึไง มาแอบดูเรื่องของคนอื่นแล้วคิดจะหนีอย่างนั้นหรือ”

    “ก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้ตั้งใจ”

    “คิดว่าข้าจะโง่เชื่อเจ้าไหมล่ะ”

     

     

    ไคพยายามไม่สนใจกลิ่นที่แพคฮยอนปล่อยออกมา ในตอนนี้เขากำลังเอ่ยคาดโทษคนตรงหน้าที่บังอาจมายุ่งเรื่องของเขามากกว่า ร่างสูงดันให้อีกคนถอยกรูดไปอีกทาง แพคฮยอนถอยจนชนเข้ากับขอบเตียง ร่างเล็กเซจนเกือบล้มลงไปบนเตียงแต่กลับอีกคนรั้งเอาไว้ ไคดึงแพคฮยอนเข้าชิดอย่างรวดเร็ว และบางอย่างที่สัมผัสกับท่อนขาของเขากลับทำให้นึกอะไรดีๆออก

     

    “โฮ่ ... แค่แอบดูไม่เท่าไหร่ เป็นมากขนาดนี้เลยหรือ”

     
     

    คำสบประมาทเอ่ยราวกับเย้ยหยัน แพคฮยอนหน้าขึ้นสีทันทีเมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร มือเล็กเอื้อมลงไปปกปิดส่วนนั้นเอาไว้ เขาอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียเดี๋ยวนี้เลย

    “ท่านพูดอะไรน่ะ”


    “ยังจะมาปากแข็งอีก เจ้ารู้สึกขนาดนี้แล้วนี่” ไคยิ้มเยาะเมื่อได้เรื่องจะเอาคืนอีกฝ่าย มือหนาออกแรงผลักให้คนตัวเล็กกว่าล้มลงไปกับเตียงนุ่ม ก่อนที่เขาจะตามขึ้นไปคร่อมเอาไว้

     
     

    “อ๊ะ เดี๋ยวก่อน ... ท่าน จะทำอะไรน่ะ”


    “ก็ลงโทษเจ้ายังไงล่ะ”




     

    - ฉากต่อไปนี้เป็นฉากถูกตัดค่ะ -

     สามารถขอได้โดย
    1. เมนชันมาถามที่ @gorn_dbsk
    2. อีเมล์มาขอ alivegorn_no@hotmail.com



     

     

     

     

     

    .

    .

    Tbc.part-3
     

     

     









     

    พาร์ทนี้มายาวเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันมั้ย (และยังจะมีคนอ่านอยู่มั้ย หุหุ)

    คงเหนื่อยกับการตาม(ติ่ง)คัมแบ็คของเด็กๆกันใช่มั้ยล่า ยังไงก็อย่าลืมดูแลตัวเองกันนะคะ อิคนเขียนเป็นไข้ไง #ติ่งชรา 5555

     

    เรื่องนี้แพคฮยอนไม่แมนเลย (ขัดใจหม่ามี้มาก) แต่ก็เอาเหอะนะ ทั้งเรื่องถูกกระทำตลอดอ่ะ อิท่านไคก็นอกจากตัวดำแล้วยังใจดำอย่างที่คนอ่านว่าจริงๆ แต่ลึกๆมันก็ไม่ดำมากนะ มันยังใจดีอยู่นะนั่น อย่าถือสาพระเอกเลยค่ะช่วงผสมพันธุ์เค้า เค้าหงุดหงิดง่าย 555

     

    ตอบคอมเมนท์ เรื่องขนาดหมาป่าพวกนั้นใหญ่นะแต่คงไม่เท่าทไวไลท์หรอกค่ะ แต่เด๋วรอดูของท่านหัวหน้าเผ่าก่อนนะ ต้องพิเศษกว่าแน่ จิ้นตามบายเลยนะคนเขียนหมดปัญญา

     

    ปริศนาครึ่งแรกคลายไปแล้วนะคะ เหลือครึ่งหลัง เพื่อนอรรถรสในการอ่านฟิคเรื่องนี้ บางอย่างก็จิ้นเอาเลยนะคนเขียนเพลียค่ะ ความรู้ไม่แน่นและไม่คิดจะแน่น หึหึหึ

     

    ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ที่มีให้ฟิคหมาป่าเรื่องนี้ เป็นฟิคหมาป่าที่คงไม่เจ๋งเท่าเรื่องอื่นๆ แต่ก็มาตามแนวมันนะ อิอิ

    เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ ^^V

     

    ปล.ใครรอฟิคใจกระตุก อีกประมาณ4-5พาร์ทจบค่ะ รอก่อนนะ ขอโทษที่ดองมากๆดันมาปั่นเรื่องนี้ก่อนซะได้ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×