ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรงขังสิเนหา

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.62K
      6
      15 พ.ย. 58



     

            หลายเดือนก่อนหน้านี้...

    ร่างใต้ผ้าห่มขยับกระสับกระส่าย ก่อนสะดุ้งลืมตาเบิกโพลงเมื่อได้ยินเสียงบิดจักรยานยนต์ที่ถนนนอกรั้วบ้าน พรายน้ำของนาฬิกาตั้งโต๊ะเรือนเล็กใกล้ที่นอนซึ่งวางติดกับพื้นห้องบ่งบอกเวลาตีสามยี่สิบเจ็ดนาที เสียงพัดลมเพดานกลางห้องหมุนวนดังให้พอรำคาญหู

    ตกใจตื่นเพราะเสียงรถเหมือนกันเหรอพี่นางเสียงถามจากเด็กสาวซึ่งนอนอยู่บนที่นอนอีกฟากหนึ่งของห้องมีเพียงม่านกั้นกลางไว้

    ไม่ใช่เสียงรถที่ทำให้หญิงสาวตกใจตื่น น่าขอบคุณด้วยซ้ำไปเพราะเสียงดังจากฝีมือพวกวัยรุ่นป่วนเมืองช่วยปลุกให้เธอตื่นจากฝันร้าย

    อากาศร้อนขึ้นทุกวัน  พรุ่งนี้เดือนกับแก้วลากที่นอนมาใกล้ๆ ม่านหน่อยก็ดี ถือซะว่าจัดห้องใหม่กัน จะได้ใกล้พัดลมด้วย

    ลนารินยกมือปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผาก หญิงสาวรู้สึกกระหายน้ำ จึงลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบขวดน้ำที่วางอยู่ใกล้ขึ้นดื่ม เธอเพิ่งจะล้มตัวลงนอนได้ราวสองชั่วโมงหลังกลับจากทำงาน

    ลมโชยมาพัดม่านผ้าป่านของหน้าต่างให้พลิ้วไหว เสาไฟที่ถนนหน้าบ้านให้แสงสลัวรางส่งผ่านเข้ามาในห้อง ลนารินล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เพราะยังข่มตานอนไม่หลับ จึงคิดเรื่อยไปถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อหลายปีก่อน...

    พ่อแม่ของลนารินเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุตอนเด็กหญิงอายุได้ประมาณห้าขวบ จึงต้องอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของย่า แต่ก็เพียงสองปีเท่านั้น พอย่าเสีย เด็กหญิงก็ย้ายไปอยู่กับป้าผู้เป็นพี่สาวของพ่อ ที่นั่นเด็กอายุเจ็ดขวบต้องสู้ทนปากกัดตีนถีบสารพัด ต้องทำงานก่อนถึงจะได้กิน และป้าก็ด่ากระทบกระเทียบทุกวันว่าเธอคือภาระ และมักถูกรังแกกลั่นแกล้งจากลูกชายหญิงของป้าทั้งสองคน ซ้ำร้ายตอนอายุสิบสองปียังเกือบถูกลุงเขยกระทำชำเรา

    วันที่หนีขึ้นรถบรรทุกผักแล้วแอบอยู่ใต้ผืนผ้าใบคลุมรถ ก็เพียงคิดว่าจะแอบซ่อนตัว แล้วรอให้ลุงเขยหายโมโหที่เธอเอาเตารีดฟาดเขาตอนพยายามข่มขืนเธอ แต่เพราะเหนื่อยจากการวิ่งและแดดก็ร้อนจึงเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็มาอยู่ในกรุงเทพฯเสียแล้ว เด็กหญิงอายุสิบสองเดินร่อนเร่อยู่สองวัน ประทังชีวิตด้วยการรับจ้างล้างจานตามร้านอาหารข้างทางเพื่อแลกข้าวในแต่ละมื้อ กลางคืนก็นอนซุกตัวอยู่ในลังกระดาษเก่าๆ หวิดจะโดนขบวนการค้ามนุษย์พาไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะวิ่งเตลิดหนีจนมาเจอครูเพียงใจ

    เด็กหญิงนารินในวันนั้นจึงเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เพียงใจผู้มีอาชีพเป็นแม่พิมพ์ของชาติทำเรื่องอุปการะเธอในชื่อเด็กหญิงลนาริน ครูเพียงใจมีลูกชายที่อายุน้อยกว่าเธอสองปีชื่อว่าพรพรหม เด็กชายป่วยด้วยโรคหัวใจตั้งแต่เกิด ซ้ำร้ายสามียังทิ้งสองแม่ลูกไปตั้งแต่พรพรหมอายุยังไม่ครบสามขวบด้วยซ้ำ

    หลังเลิกเรียนครูเพียงใจเปิดสอนพิเศษและการบ้านเด็กๆ ละแวกแถวบ้านโดยมีเธอซึ่งอยู่ชั้นมัธยมต้นช่วยอีกแรง บางคนไม่มีเงินจริงๆ ครูก็สอนให้ฟรี เด็กบางคนมากับพ่อแม่ที่ทำงานก่อสร้าง ครูก็รับให้มาเรียนร่วมกัน เลี้ยงขนม เลี้ยงข้าวตามมีตามเกิด สอนไปสอนมากลับมีพ่อแม่ทิ้งเด็กไว้สามคนท่านตั้งชื่อให้ลูกทุกคนใหม่หมดว่า เดือนยี่ เรือนแก้วและพนมกร เพราะค่าใช้จ่ายมากขึ้น คนเป็นครู เป็นแม่ จึงขายบ้านหลังใหญ่แล้วย้ายทุกคนมาอยู่บ้านใหม่ซึ่งหลังเล็กกว่าเดิม เด็กคนสุดท้ายที่ครูเพียงใจรับอุปการะเป็นเด็กชายอายุราวสองเดือนในตอนนั้น นางตั้งชื่อให้เขาว่าถิ่นไทย

    เงินขายบ้านพร้อมที่ดินนั้นครูเพียงใจหมดไปกับค่ารักษาพยาบาลของพรพรหม ลนารินพยายามทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระ เลิกเรียนก็ดูแลน้อง ทุกคนรู้หน้าที่และเป็นเด็กดี พอน้องช่วยตัวเองได้ ลนารินก็ออกไปทำงานที่ร้านอาหาร โตมาหน่อยก็ทำงานร้านขายเสื้อผ้า งานแจกใบปลิว รับจ้างทำงานบ้านรายอาทิตย์ พอเข้าระดับมหาวิทยาลัย เวลาที่ต้องทุ่มเทในการเรียน ทำให้ต้องเลือกงานที่ได้ผลตอบแทนมากขึ้น หลังเลิกเรียนไปทำงานร้านเสื้อในห้างสรรพสินค้า เป็นพนักงานเสิร์ฟร้านข้าวต้ม และงานซึ่งทำรายได้ดีมากที่สุดก็คือพนักงานขายเครื่องดื่ม หลังจากถูกขัดเกลาเรื่องมารยาทและวิธีขายสินค้าแล้ว เธอจึงถูกส่งไปประจำที่ร้านอาหารหรือผับที่เน้นบริการลูกค้ามีระดับ

    ในช่วงเวลางานของคืนหนึ่ง

    นาง...คุณพระพายกวักมือเรียกอยู่ ไม่เห็นเหรอ

    นางยังต้องบริการลูกค้าโซนนี้นะจินนี่

    ก็น่า...รีบๆ เข้า แล้วก็แวะไปคุยกับเขาหน่อย อย่าเล่นตัวนักสิจินตนาว่าให้

    นางไม่ได้เล่นตัว ลูกค้าทางนี้ก็สำคัญ เขาคุยกับนางอยู่  จะให้นางชิ่งหนีไปบริการแต่นายพระพายนั่นคนเดียวเหรอไง นางเป็นพนักงานบริษัทขายเบียร์ ไม่ได้มาให้นายนั่นเหมารอบเพื่อจะคุยด้วยหางเสียงของหญิงสาวติดจะฉุนเฉียว หลังโดนเพื่อนร่วมงานกล่าวหาว่าเธอเล่นตัวกับลูกค้า  พนักงานขายเบียร์สดอย่างเธอจะกล้าทุบหม้อข้าวตัวเองเชียวหรือ งานที่ให้ผลตอบแทนดีระดับนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ

    ไม่ไปก็ไม่ไป เดี๋ยวจินนี่นำหน้าไปก่อน เสร็จทางนี้แล้วรีบตามไปแล้วกันจินตนาบอกแล้วเดินยกถาดส่ายสะโพกกลมกลึงในชุดกระโปรงสั้นยาวประมาณสองคืบตรงไปยังโต๊ะลูกค้าคนสำคัญ

    นางยังไม่ว่างค่ะคุณไปป์ รอแป๊บนึงนะคะจินตนาแสดงความสนิทสนมด้วยการเรียกชื่อเล่นของชายหนุ่ม ลูกค้าวีไอพีที่แวะเวียนมาบ่อยครั้ง หรือบางหนเขาก็ตามไปเจอพวกเธอที่ร้านอื่นซึ่งมีสินค้าของบริษัทไปลงขาย

    เห็นรอยยิ้มหวานของจินตนาซึ่งตรงรี่เข้ามาบริการเขาเสมอ พระพายเลยหยอดคำหวานให้ แต่จินนี่ว่างสำหรับผมเสมอใช่หรือเปล่าล่ะ

    อุ๊ย...คุณไปป์ละก็ เอาเรื่องจริงมาพูดทำไมหญิงสาวเขินอายยิ้มเต็มวงหน้า ก่อนเสิร์ฟเบียร์ให้เขา แล้วไม่ลืมบริการเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาด้วย

    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ลนารินจึงเดินมายังโต๊ะของพระพาย  ชายหนุ่มยื่นแก้วมายังเธอ เพื่อให้เธอบริการ หญิงสาวยื่นมือจะรับเอาแก้วนั้นมา แต่กลับโดนอีกมือของเขาคว้าข้อมือเธอไว้

    ไม่มีเวลาให้ผมเลยนะนาง ไม่หันมามองกันบ้างเลยพระพายทำเสียงตัดพ้อ

    ดิฉันจำเป็นต้องบริการให้ทั่วถึงกันทุกโต๊ะค่ะ ไม่มีเจตนาจะละเลยโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งนะคะลนารินแบ่งรับแบ่งสู้ ออกแรงชักมือกลับ ไม่ชอบความสนิทสนมแบบเกินเลยที่ชายหนุ่มพยายามแสดงออก กับงานซึ่งทำอยู่นี้เลี่ยงไม่ได้ที่โดนลูกค้าบางคนหาเศษหาเลยบ้าง แค่เล็กน้อยจับมือแตะแขน เธอพยายามไม่ใส่ใจ ผ่านมาก็ผ่านไป บางคนรู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงพ่วงบริการพิเศษ เขาก็หยุด จะมีก็แต่พระพายที่บางครั้งเข้ามาโอบ หมายจะกอดและพยายามก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวเธอ เขาถึงขนาดเคยตามไปหาเธอถึงมหาวิทยาลัย

    คำตอบช่างห่างเหินเสียจริงนะนาง ไม่รู้เหรอว่าคนฟังมันปวดใจ”        ชายหนุ่มเล่นลิ้น เพื่อนในกลุ่มต่างขยิบตาอย่างรู้ทันเขาที่แฟนเผลอแล้วต้องหว่านเสน่ห์ล่อหลอกผู้หญิงไปเรื่อย พวกเขารู้ว่าพระพายค่อนข้างทุ่มเทกับ   หญิงสาวคนนี้พอสมควร แต่แว่วว่าเธอเล่นตัวมากอยู่

    ดิฉันเป็นเพียงพนักงานขายสินค้าของทางบริษัท คงไม่อาจเอื้อมทำตัวสนิทสนมกับลูกค้าระดับวีไอพีของร้านได้ ฉะนั้นจึงขออภัยเป็นอย่างมากกับความขุ่นข้องที่เกิดขึ้น ทางนี้ให้จินนี่บริการพวกคุณคงจะสะดวกมากกว่า ขอตัวนะคะ

    พูดจบลนารินก็ส่งแก้วของพระพายให้เพื่อนสาวที่ยืนปั้นหน้าไม่ถูกอยู่ข้างๆ

    เธอไม่กลัวถูกร้องเรียนหรือไงนางจินตนาแอบกระซิบถามรวดเร็ว

    ลนารินไม่ตอบ เธอรีบผละไปในทันที ร้องเรียนก็ร้องเรียนสิเธอจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ทางบริษัทฟังเอง ถ้าความน่าเชื่อถือของเธอยืนยันความประพฤติอะไรไม่ได้ อย่างมากก็แค่หางานบริษัทเบียร์ยี่ห้ออื่น หรืองานอื่นที่จะไม่ต้องเจอผู้ชายอย่างนายพระพายคนนี้อีก

     

    ภายในร้านราดหน้าขนาดสองคูหาคลาคล่ำไปด้วยนักชิมจากทุกสารทิศ แม้เวลาล่วงผ่านมาแล้วครึ่งราตรี ที่โต๊ะกลางร้านมีนักธุรกิจหนุ่มผู้บริหารห้างสรรพสินค้าชื่อดังนั่งอยู่กับเพื่อนสนิททายาทร้านขายเครื่องประดับ

    เสี่ยใหญ่ร้านเพชรนั่งกินข้าวร้านคูหาข้างทางก็เป็นด้วย

    จะเสี่ยจะยาจกหาเช้ากินค่ำก็ช่าง ถ้าใครไม่เคยกินราดหน้าร้านนี้สิ เขาว่าเสียชาติเกิด อยู่กรุงเทพฯแต่ไม่รู้จักกรุงเทพฯดีพอ ร้านเขาขึ้นชื่อว่าอร่อยยิ่งกว่าพวกร้านหรูๆ ที่มาจากฮ่องกงเสียอีกพัชรวิทย์บอก

    เออ...ฉันรู้ ฉันเห็นนายซัดไปสองชามแล้ว สมกับฉายานักกินทั่วราชอาณาจักรของนายเหลือเกิน กินที่งานแต่งยังไม่อิ่มเหรออเกณแขวะเพื่อน พวกเขาเพิ่งกลับจากงานเลี้ยงคืนแต่งงานของเพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่ง หลังเลิกงานแล้วนั่งคุยกันในล็อบบี้ของโรงแรมยังไม่หนำใจ จึงมาต่อกันที่นี่

    หลังเลิกงานลนารินแวะร้านขายราดหน้าเจ้าอร่อย พรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของพนมกร ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนเธออยากให้น้องได้กินราดหน้าจากร้านชื่อดังซึ่งนานครั้งเธอจะมีโอกาสเจียดเงินซื้อให้น้องกิน เพราะวัตถุดิบชั้นดีจากทะเลราคาต่อถุงจึงสูงเอาการ โอกาสพิเศษนี้เธอจึงทำเพื่อน้องๆ

    หกถุงค่ะหญิงสาวบอกความต้องการแล้วเดินไปนั่งยังจุดรอรับอาหาร

    นั่นไง...ของฉันแค่สอง ได้ยินน้องคนนั้นชัดไหม สั่งทีเดียวหกถุง เดี๋ยวฉันกะสั่งกลับบ้านไปฝากพระมารดากับท่านยายด้วย อุ่นกินพรุ่งนี้ตอนเช้า ยังอร่อยเหมือนเดิม รสชาติไม่เปลี่ยน ลองมาแล้ว

    เสียงของเสี่ยร้านเพชรไม่เบาเลย จากจำนวนถุงที่สั่ง ลนารินจึงรู้ว่าผู้หญิงที่เขาพูดหมายถึงเธอ หญิงสาวอดหันไปมองยอดนักชิมคนนั้นไม่ได้ เจ้าของร้านได้ยินคงยิ้มแก้มปริเหมือนกันที่มีลูกค้าเข้ามานั่งชมรสชาติอาหารในร้านเสียงดังขนาดนี้

    โอ๊ะวะ...สวยพัชรวิทย์ครางออกมาทั้งที่ยังมีชิ้นผักคะน้าอยู่ในปาก อเกณที่นั่งหันหลังจึงเอี้ยวตัวกลับไปมองด้วยอีกคน

    ตาสบตา ไม่ใช่สายตาของพัชรวิทย์กับลนาริน หากแต่เป็นอเกณกับลนารินต่างหาก หญิงสาวรีบเบือนหน้าหลบตาในทันที ด้านชายหนุ่มนั้นรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาหญิงสาวอย่างประหลาด ใบหน้าสวยหวานที่พอจะเหลือร่องรอยของเครื่องสำอางติดอยู่ เรือนผมยาวตรงระวงหน้าแบบนี้ เขาคิดว่าตัวเองต้องเคยเจอเธอที่ไหนสักแห่ง

    อ้าวเฮ้ย...ตะลึงไปอีกคนแล้วเพื่อนร่วมโต๊ะแหย่ขึ้น นั่นๆ น้องเขากำลังจะจ่ายเงินแล้ว ถ้าติดใจก็รีบเข้าไปทำความรู้จักซะสิพัชรวิทย์เบาเสียงลง

    ก็แค่คุ้นหน้า ไม่ได้คิดอะไรเสียหน่อย ขืนทะเล่อทะล่าเข้าไป คงถูกด่าว่าหน้าหม้อโรคจิต

    อ้าว เกิดเป็นผู้ชายมันก็ต้องอย่างนี้ หม้อมันได้ทุกที่ ไม่เลือกเหลาเลือกร้านราดหน้าชายหนุ่มหัวเราะ ยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเรียกเด็กในร้านเพื่อสั่งราดหน้ากลับไปฝากคนที่บ้านพร้อมสั่งคิดเงิน

    แล้วแกไม่เอาไปฝากน้ำพั้นซ์สักถุง

    น้ำพั้นซ์เคยกินของแบบนี้เมื่อไหร่กันอเกณเบาเสียง ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเขาดูถูกราดหน้าร้านห้องแถว แต่อัญนิกาเป็นคนมีรสนิยมเฉพาะตัว จะเลือกเข้าร้านอาหารสักร้าน เธอไม่เน้นที่รสชาติ แต่เน้นการตกแต่งและต้องเป็นร้านหรูในโรงแรมหรือร้านที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนในแวดวงสังคมชั้นสูงเท่านั้น

    หลังแยกจากพัชรวิทย์ อเกณตรงกลับบ้านในทันที ชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดใต้ชายคาหน้าตึก ก่อนคนขับรถจะตรงเข้ามารับกุญแจเพื่อขับรถเข้าไปเก็บในโรงจอด แสงไฟสว่างในห้องรับแขกเล็ดลอดผ่านบานกระจกที่กรุไว้ข้างประตูไม้สลักลาย ทำให้เขารู้ว่ามีใครบางคนยังไม่นอนและคงกำลังนั่งรอการกลับมาของเขาอยู่

    คุณน้ำพั้นซ์ค่ะ ท่าทางไม่ดีเท่าไหร่แม่บ้านสูงวัยรายงานในระหว่างที่เปิดประตูรอรับเขา

    อเกณพยักหน้ารับรู้ ผมขอน้ำสักแก้ว แล้วป้ากิ่งไปนอนเถอะ ดึกมากแล้ว

    เจ้าของร่างสูงเดินนำหน้านางกิ่งแก้วเข้าไปในตัวบ้าน ไม่นานนักหญิงสูงวัยก็นำน้ำเย็นมาให้เขา ก่อนผละจากไป

    มาแล้วเหรอคะพี่น้ำหนึ่งพอเห็นหน้าคนเป็นพี่ หญิงสาวร่างเล็กในเสื้อคลุมชุดนอนหันมาส่งสายตาขุ่นเขียวทันที วันนี้นังแอนนามันไปที่ห้าง พอมันเห็นหน้าน้ำพั้นซ์ มันก็เชิดใส่ แถมยังยิ้มยั่วยวนพระพายอีก น้ำพั้นซ์บอกพี่น้ำหนึ่งแล้วว่าอย่าไปควงกับอีนางแบบนั่น นอนกับมันแล้วเอาเงินฟาดหัวมันไปซะ ยังจะควงมันต่ออีก จะควงใครคบใครไม่ว่า แต่ขอให้เห็นแก่หน้าน้ำพั้นซ์หน่อยสิ น้ำพั้นซ์ไม่ยอมนะถ้าพี่น้ำหนึ่งจะไม่จัดการเรื่องนี้ให้น้ำพั้นซ์

    พูดใส่อารมณ์ออกมาชุดใหญ่แล้วอัญนิกาก็หอบหายใจเหนื่อยจนพี่ชายต้องเข้ามาลูบหลัง หญิงสาวสุขภาพไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เลี่ยงได้เขาจะพยายามไม่ให้เธอต้องกระทบกระเทือนทางอารมณ์และจิตใจ

    เขามาทำงานของเขาที่ห้างวันนี้มีงานเปิดตัวสินค้าที่แอนนาเป็นหนึ่งในพรีเซนเตอร์หลัก

    ถึงมันจะมาทำงาน แต่น้ำพั้นซ์ก็ไม่ชอบให้มันมาเหยียบห้างของเรา โดยเฉพาะวันที่น้ำพั้นซ์อยู่กับพระพายหญิงสาวยังกระฟัดกระเฟียดใส่พี่ชายต่อ

    น้ำพั้นซ์อย่าเก็บทุกเรื่องมาเป็นอารมณ์อย่างนี้สิ เดี๋ยวไม่สบาย พี่เป็นห่วง

    ถ้าพี่น้ำหนึ่งเป็นห่วงความรู้สึกของน้ำพั้นซ์จริง ทำไมถึงไม่สนใจยายสตางค์ล่ะคะอัญนิกาโยงไปถึงเพื่อนสนิทซึ่งแอบชอบพี่ชายมานานแล้ว เสียแต่ว่าอเกณไม่เคยแสดงออกว่าสนใจเพื่อนรักของน้องสาวเลย

    ไม่พ้นที่น้องสาวจะวกเข้าเรื่องนี้อีกจนได้ เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก ถ้าน้ำพั้นซ์รักสตางค์ น้ำพั้นซ์ก็คงไม่อยากเห็นเพื่อนต้องร้องไห้เสียใจ

    สตางค์เขายอมได้เพื่อพี่น้ำหนึ่ง แค่ขอเป็นตัวจริงเท่านั้น และน้ำพั้นซ์ก็มั่นใจว่าพี่น้ำหนึ่งเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด พี่ไม่ทำร้ายใจยายสตางค์หรอก

    อเกณถอนหายใจกับความคิดตื้นเขินของน้องสาว อย่าคิดแทนสตางค์สิ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้หรอกนะถ้าคนรักเที่ยวไปนอนกับผู้หญิงอื่นแล้วมาพร่ำบอกว่ารักเราที่เราเป็นตัวจริง หรือน้ำพั้นซ์ทนได้ถ้าได้ยินพระพายบอกว่าน้ำพั้นซ์คือตัวจริง แต่เขาก็ยังควงผู้หญิงคนอื่นให้เห็น

    ไม่มีวันที่ไปป์จะพูดอย่างนี้อัญนิกาเลี่ยงจะตอบว่าตัวเธอนั่นแหละที่ทนไม่ได้ก่อนใครเพื่อน

    พอพูดถึงแฟนหนุ่ม น้องสาวก็มีอาการหายใจติดขัดขึ้นมาอีกหน ชายหนุ่มจึงเข้าประคองเจ้าของร่างเล็กแล้วพยุงให้ลุกขึ้น พร้อมกับดุนหลังให้เดินขึ้นชั้นบนพร้อมกับเขา วันหลังอย่าอยู่รอพี่แบบนี้อีก พี่คงจะรู้สึกแย่มากๆ ถ้าน้ำพั้นซ์ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะพี่

    พี่น้ำหนึ่งอย่าลืมเรื่องยายแอนนานะ น้ำพั้นซ์ไม่ชอบหน้ามันเมื่อพี่ชายยอมลงให้ อัญนิกาก็ยิ่งได้ใจ เพราะจุดอ่อนของพี่ชายคือตัวเธอ!

    เมื่อไม่อยากให้ปัญหาเรื่องผู้หญิงของเขามากวนใจน้องสาวอีก อเกณก็เลยรับปากไป

     

    ใช่ว่าเรื่องบาดหมางระหว่างแอนนากับน้องสาวจะหมดไปง่ายๆ เพราะสัปดาห์ถัดมาอัญนิกาก็มีเรื่องตบกับนางแบบสาวที่ร้านเสื้อแห่งหนึ่ง จนถูกหนังสือซุบซิบหลายฉบับเอาไปเขียนข่าว แอนนากำลังเป็นนางแบบค่าตัวแพง เรื่องทะเลาะตบตีจึงเป็นที่สนใจของนักข่าว และตัวอัญนิกาเองก็ไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียง เธอคือสาวสังคมชั้นสูงและเป็นน้องสาวของอเกณ ผู้บริหารของห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่มีสาขาขยายไปตามเมืองท่องเที่ยวทั่วทุกภาค

    ปล่อยน้ำพั้นซ์เดี๋ยวนี้นะคะพี่น้ำหนึ่งหญิงสาวกราดเกรี้ยวสะบัดตัวจนหลุดจากการเกาะกุมของพี่ชายซึ่งกักตัวน้องสาวไว้เพียงหลวมๆ ตั้งแต่ลงจากรถมา พวกเขาเพิ่งกลับจากเจรจาไกล่เกลี่ยกับฝ่ายนางแบบสาวที่ชื่อแอนนา

    น้ำพั้นซ์ทำตัวไม่น่ารักเลยพี่ชายเอ็ดอย่างเบื่อหน่าย

    ก็นังแอนนามันเถียงน้ำพั้นซ์ มันบอกว่ามันไม่ยอมเลิกกับพี่น้ำหนึ่ง และมันก็จะแย่งไปป์ไปเป็นแฟนมันด้วยอีกคน น้ำพั้นซ์ไม่ยอม!

    ก็เพราะทางนั้นรู้จุดอ่อนของเราที่เจ้าอารมณ์ เขาถึงได้ยั่วเราจนเต้นแบบนี้ไง ยิ่งน้ำพั้นซ์ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล เขาก็ยิ่งได้ใจ มีเรื่องตบตีกันเกิดขึ้น เราก็เป็นฝ่ายเสียหายมากกว่าภาพลักษณ์ของอัญนิกาไม่ได้ดีขึ้นเลยเมื่อเธอเอาแต่ตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราด ผิดกับแอนนาที่ต่อหน้าคนหมู่มาก หญิงสาวนิ่งและทำเหมือนตัวเองถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว

    พี่น้ำหนึ่งพูดอย่างนี้แสดงว่าเข้าข้างนังแอนนา พี่น้ำหนึ่งรักมันมากกว่าน้องใช่ไหม!หญิงสาวตะโกนใส่หน้าพี่ชาย คนงานในบ้านรีบหลบหน้าเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของนายและรู้สถานการณ์ดีว่าอัญนิกาเจ้าอารมณ์มากเพียงไร

    พี่บอกน้ำพั้นซ์แล้วว่าพี่กับแอนนาไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า...เคยกินข้าวด้วยกันอเกณเน้นเสียงและพยายามอธิบายอย่างใจเย็น

    แต่นังแอนนามันลอยหน้าบอกน้ำพั้นซ์ว่าพี่น้ำหนึ่งกำลังตามจีบมันอยู่

    แล้วน้ำพั้นซ์ก็เชื่อคนอื่นอย่างนั้นเหรอ เพราะน้ำพั้นซ์เอาแต่อารมณ์ ถึงได้ตกเป็นเป้าให้เขาปั่นหัว พี่ไม่ห่วงเรื่องชื่อเสียงของตัวเองหรอกนะคะ แต่พี่ห่วงน้ำพั้นซ์...น้ำพั้นซ์กำลังป่วย

    และนั่นก็ส่งผลให้คนที่เอาแต่ใจไม่ยอมรับฟังเหตุผลของใครกรี๊ดขึ้นมาสุดเสียง พี่น้ำหนึ่งว่าน้ำพั้นซ์ พี่น้ำหนึ่งไม่รักน้อง น้ำพั้นซ์ไม่ได้ป่วย น้ำพั้นซ์จะหาคุณแม่...จะหาคุณแม่!

    ร่างกายหญิงสาวอายุยี่สิบสามสั่นเทิ้มก่อนจะดิ้นเร่าพร้อมกระทืบเท้า    จิกทึ้งผมเผ้าของตัวเองไปมา ร้อนถึงคนเป็นพี่ต้องเข้าไปห้ามปราม อเกณโดนลูกหลงจากฝ่ามือของน้องสาวไปหลายที แต่กระนั้นก็ยังพยายามกอดรัดร่างนั้นไว้ในอ้อมอก ปากพร่ำขอโทษอยู่นานอัญนิกาถึงได้ผ่อนแรงดิ้นรนลงอยู่ในวงแขนของพี่ชาย

    พี่น้ำหนึ่งไม่รักน้ำพั้นซ์ ไม่มีใครรักน้ำพั้นซ์ ถึงได้ทิ้งน้ำพั้นซ์ไปหมด”   หญิงสาวพูดน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลนองอาบแก้ม

    อย่าพูดอย่างนี้ น้ำพั้นซ์เป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ พี่จะไม่รักน้องของตัวเองได้ยังไง

    อัญนิกายังสะอื้นซบกับอกพี่ชาย เขาอุ้มร่างของน้องสาวเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ในระหว่างนั้นก็สั่งนางกิ่งแก้วให้เตรียมน้ำอุ่นเพื่อเช็ดตัวน้องสาว

    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ อัญนิกาหลับไปแล้วบนเตียงกว้างภายในห้องนอนส่วนตัว อเกณนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงนอนเหม่อมองรูปถ่ายครอบครัวใบหนึ่งที่มีเพียงสามคนแม่ลูก

    มารดาหย่าขาดจากพ่อที่เป็นคนฮ่องกงตั้งแต่เขาอายุเพียงแปดขวบ ก่อนแต่งงานใหม่กับนักธุรกิจชาวไทยจนให้กำเนิดอัญนิกาในอีกสองปีต่อมา โชคร้ายที่พ่อเลี้ยงประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบิน มารดาเขาตกพุ่มม่ายตอนน้องสาวอายุเพียงสองขวบเท่านั้น เหมือนจะรู้ถึงอนาคตของความยุ่งยากวุ่นวาย ในพินัยกรรมพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวได้ระบุให้กิจการห้างสรรพสินค้าอยู่ภายใต้การบริหารและดูแลของภรรยาตามกฎหมาย โดยอาศัยความร่วมมือจากน้องชายคนสุดท้อง

    สิบกว่าปีที่มารดาของเขากับอาธรรมาบริหารเคมาล่าช้อปปิ้งมอลล์จนใหญ่โตกลายมาเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าอันดับต้นๆ ของไทย ช่วงที่เขาเรียนปริญญาโท เขากับมารดาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ท่านบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วนเขาต้องรักษาตัวอยู่นานครึ่งปี เรื่องที่ทำให้เสียใจที่สุดก็คือ...เขาขับรถคันนั้น

    เขาคือต้นเหตุที่ทำให้อัญนิกากำพร้ามารดา ทำให้เกิดความระส่ำระสายในเคมาล่ากรุ๊ป แม้เขาใช้นามสกุลกมลภูปกรณ์ แต่ก็ไม่ใช่ทายาทสายตรงที่มีสิทธิ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เขาซึ่งอายุยี่สิบสามจึงได้ปรึกษากับอาธรรมาเพื่อถ่ายโอนหุ้นให้อาธรรมาเพิ่ม ตัวเองรักษาไว้ในฐานะทายาทของมารดาพร้อมกับเป็นผู้ดูแลมรดกของน้องสาวอายุสิบสองในตอนนั้น

    นอกจากอาธรรมาที่เกิดจากเมียคนที่สาม ลุงธรรศพ่อเลี้ยงเขายังมีน้องต่างมารดาอีกสองคนคืออาธมนันท์และอาธมกร แต่ไหนแต่ไรทั้งสองคนแสดงออกชัดว่าจงเกลียดจงชังเขาที่เป็นเลือดกาฝากของกมลภูปกรณ์ ว่าเขาเป็นปลิงที่เข้ามาชุบมือเปิบเหมือนกับมารดาผู้ล่วงลับไปแล้ว คงมีเพียงอาธรรมาเท่านั้นที่ยึดถือพินัยกรรมของพี่ชายคนโตเป็นที่ตั้ง สิ่งสำคัญก็คืออาธรรมามีเรื่องบาดหมางกับแม่เลี้ยงและพี่น้องต่างแม่ทั้งสองคนตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก

    การต้องรักษาตัวอยู่นานส่งผลให้เขาไม่มีเวลาดูแลอัญนิกา อาธรรมาก็ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องมารดาเขาเสียกะทันหัน ไหนจะเรื่องหุ้นและเรื่องงาน เด็กหญิงอายุเพียงสิบสองปีแต่สูญเสียบุพการีซึ่งชิดใกล้มากที่สุดจึงมีปัญหาทางด้านจิตใจ เธอกรีดร้อง หวาดกลัวต่อทุกคน สุดท้ายก็ซึมเศร้าจนส่งผลให้สุขภาพถดถอย โรคหอบที่เป็นมาตั้งแต่แบเบาะทรุดหนักเกือบเอาชีวิตไม่รอด แม้ตัวเองบาดเจ็บ แต่ครึ่งปีต่อมาเขาก็ทุ่มเวลาทั้งหมดเพื่อเยียวยารักษาบาดแผลในใจของน้องสาวคนเดียว จนอาการของเธอเริ่มทุเลาและเปิดใจยอมรับเขาอีกครั้ง

    เพราะเหตุจากบาปที่กระทำโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจึงไม่เคยขัดใจเธอ ตามใจในทุกเรื่อง เพียงหวังจะบรรเทาความผิดของตัวเองที่พรากมารดาไปจากน้องสาว และเขาก็ได้รู้ว่าตัวเองทำผิดซ้ำสอง อัญนิกากลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีน้ำอดน้ำทน อาจฟังเหตุผลเมื่อเขาปรามอยู่บ้าง แต่เป็นส่วนน้อย ถ้าเขาขัดใจ เธอมักเอาเรื่องสุขภาพมาเป็นข้ออ้างในการต่อรอง ไม่ก็อาการหอบกำเริบปัจจุบันทันด่วน หนักสุดถ้าไม่ได้ดั่งใจ เธอถึงกับโมโหจนทำร้ายตัวเอง

    ฝนนอกหน้าต่างเริ่มเทลงมาไม่ขาดสาย อเกณลุกขึ้นขยับผ้าห่มคลุมอกของน้องสาว ก่อนตัวเองจะลุกไปปิดม่านหน้าต่างแล้วเดินออกจากห้อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×