ตอนที่ 9 : - { Behind the illusion } - // บทที่ ๐๘ : เมื่อฝันเป็นจริง
หลังจากที่คุยเรื่องออกรายการเรียลลิตี้เป็นที่เรียบร้อยต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปโดยเมื่อเจสสิก้าออกมาจากห้องประชุมแล้วก็ไม่รอช้าที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์โทรของผู้จัดการส่วนตัวแล้วกดโทรออกไป แต่จนแล้วจนรอดปลายสายก็ไม่มีท่าทีว่าจะรับเสียที
“ทำไมพี่ไม่รับสายฉันล่ะ” เจสสิก้าเปิดปากบ่นพลางกดโทรออกอีกครั้งแต่ก็ไร้ประโยชน์ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆอย่างเซ็งๆ
“รู้งี้ยอมฝึกขับรถตั้งแต่แรกก็ดีหรอก!” เจสสิก้าเปิดปากบ่นตัวเองพลางใช้เท้าข้างหนึ่งยกเตะอากาศอย่างระบายอารมณ์ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดตัวเองบวกกับที่ผู้จัดการส่วนตัวอย่างซูยองไม่ยอมรับสายของเธอ
“ยังไม่กลับอีกเหรอ?” ในขณะที่เจสสิก้ากำลังหงุดหงิดเสียงของโปรดิวเซอร์รายการที่เธอต้องไปออกอย่างเจบีก็ดังขึ้นทำให้เจสสิก้าเงยหน้ามองเจบีที่กำลังเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย
“ถ้ากลับคงไม่เห็นว่าฉันนั่งตรงนี้หรอก!” เจสสิก้าตอบเจบีกลับด้วยน้ำเสียงห้วนๆอย่างลืมตัวแต่เจบีก็ไม่ได้ถือสาอะไรก็เขารู้ดีว่าคนตรงหน้าถ้าหงุดหงิดเมื่อไหร่พาลเมื่อนั้น - -
“ให้ไปส่งมั้ย?” เจบีเอ่ยถามอย่างหวังดีทำให้เจสสิก้ารีบมองเขาอย่างงุนงงระคนไม่ค่อยไว้ใจ
“คือนายกับฉันเราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อยไม่เอาหรอกอันตราย!” เจสสิก้าตอบเชิงปฏิเสธพลางเชิ่ดหน้าไปทางอื่นอย่างไม่แยแส
“ใครว่าเราไม่รู้จักกันเธอแค่จำฉันไม่ได้หรอก” เจบีบอกทำให้เจสสิก้าหันมามองหน้าเขาพลางขมวดคิ้วอย่างงุนงงกับสิ่งที่คนตรงหน้าพูด
“หมายความว่าไง?”
“เธอจำไม่ได้จริงๆอ่ะ?” เจบีถามกลับพลางเลิกคิ้วสูง
“ถ้าฉันจำได้จะถามนายกลับมั้ยเล่า” เจสสิก้าตอบกลับอย่างกวนประสาทเล็กน้อยแต่มันก็ออกมาจากใจของเธอจริงๆนั่นแหละ
“ช่างเถอะ! เดี๋ยวอยู่ไปเธอคงจำได้เองอ่ะตกลงจะไม่ให้ไปส่งใช่มะ?” เจบีตอบแบบปัดๆก่อนจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“......” เจสสิก้าที่ตอนแรกก็อยากจะตอบปฏิเสธไปหรอกแต่พอมานั่งคิดว่าถ้าซูยองไม่มาแล้วจะกลับยังไง? รถแถวนี้ก็ไม่มีผ่านในช่วงเย็นแบบนี้ จะโทรเรียกให้มาร์คมารับก็เกรงใจและเดี๋ยวก็ได้ตกเป็นข่าวอีก
“เอาไง?” เจบีถามเจสสิก้าซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นอีกคนนิ่งไปเหมือนกำลังใช้ความคิด
“โอเค! ว่าแต่นายขับรถอะไร?” เจสสิก้าตอบตกลงก่อนจะถามต่ออย่างคาดคั้นเอาคำตอบ
“รถยนต์” เจบีตอบ
“ฟิล์มดำมากมั้ย?” เจสสิก้าถามเสียงเครียด
“ก็ดำนะทำไม? กลัวตกเป็นข่าวเหรอ?” เจบีตอบก่อนจะถามกลับ
“ก็แน่น่ะสิ! ข่าวเรื่องผู้ชายเวลาโดนนักข่าวถามแล้วปวดหัว” เจสสิก้าตอบพลางเบะปากเมื่อนึกถึงตอนที่เธอถูกถามเกี่ยวกับภาพที่นักข่าวถ่ายได้ตอนเธอนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ของมาร์ค
“งั้นจะพยายามไม่ให้เป็นข่าวแล้วกัน” เจบีบอกพลางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อนก่อนจะเดินไปอีกทางหนึ่งที่ไม่ใช่ทางออกหน้าประตูของบริษัท
“นี่! นายไปผิดทางป่ะ? ทางออกมันทางนี้นะ” เจสสิก้าเอ่ยปากท้วงเมื่อเห็นอีกคนไปอีกทาง
“ก็ทางนั้นมันหน้าบริษัทนี่เดี๋ยวนักข่าวก็เห็นหรอกเลยจะพาไปออกประตูด้านหลังไง” เจบีบอกซึ่งเจสสิก้าก็แทบจะถึงบางอ้อก่อนจะเดินนำไปอย่างรวดเร็วทั้งที่ก็ไม่ได้รู้หรอกว่ารถของอีกคนมันเป็นคันไหน
“รีบจังเลยนะแม่คุณ (- - )( - -)” เจบีเปิดปากบ่นพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะเดินตามหลังเจสสิก้าไป
#ทางด้านบริษัทฝึกหัดนักแสดง
หลังจากที่เมื่อวานทั้งชานยอล ซอฮยอน และทิฟฟานี่ต่างก็ได้ไปแคสติ้งบทละครสำหรับละครเรื่องใหม่ของทางช่อง KBS2 เพื่อนๆที่ร่วมคลาสก็ต่างเข้ามาให้กำลังใจเพราะวันนี้จะประกาศผลว่าพวกเขาจะมีใครบ้างที่แคสติ้งผ่านบ้าง
“แกฉันรู้สึกเหมือนตัวเองจะแคสไม่ผ่านยังไงก็ไม่รู้อ่ะ” ซอฮยอนบอกอย่างวิตกกังวลพลางเอียงศีรษะไปทับบนไหล่มนของยุนอาพลางพ่นลมหายใจ
“ไม่ต้องกังวลหรอกน่าแกได้อยู่แล้ว” ยุนอาบอกพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาตบที่บ่าของซอฮยอนอย่างให้กำลังใจ
“แกไม่รู้อะไรตอนฉันได้แคสได้ฉันรู้สึกสมองจะระเบิดเถอะ” ซอฮยอนบอกพลางยู่ปากเล็กน้อย
“ฉันว่าแกต้องแคสผ่านร้อยเปอร์เซ็นแน่ๆเลยนะ” เสียงเอ่ยชมของนาอึนดังขึ้นอย่างเสียงดังคล้ายเหมือนกำลังจะเย้ยหยันใครบางคนทำให้ทั้งยุนอาและซอฮยอนหันไปมอง
“ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า” ทิฟฟานี่บอกอย่างเขินอายเล็กน้อยก่อนจะแอบหันไปมองซอฮยอนพลางทำสีหน้าเยาะเย้ยใส่จนยุนอาแทบอยากจะลุกไปต่อยหน้าสวยๆนั่นซักทีถ้าไม่ติดว่าซอฮยอนห้ามเอาไว้
“ไม่ต้องมาทำเจียมตัวหรอก แกเล่นละครเก่งนะฉันว่าผู้จัดคงไม่ปล่อยแกไปหรอกน่า” โชรงก็เริ่มเข้ามาผสมโรงออกปากชมจนยุนอาแอบหันไปทำท่าเหมือนจะอาเจียนกับคำพูดยกยอปอปั้นแบบนั้น
“หมั่นไส้!” ยุนอากัดฟันพูดพลางมองทิฟฟานี่อย่างหงุดหงิดระคนหมั่นไส้
“เมื่อคืนเป็นไง? นอนหลับฝันดีมั้ย?” ในขณะที่ยุนอากำลังมองทิฟฟานี่อย่างหมั่นไส้เสียงของชานยอลก็ดังขึ้นทำให้ทั้งยุนอาและซอฮยอนหันไปมองเป็นตาเดียว
“ฝันดีอะไร!? ฉันกังวลจนหัวจะระเบิดอยู่แล้วเนี่ย!!” ซอฮยอนบอกพลางยกขึ้นมายีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดระคนวิตกกังวลจนชานยอลอดอมยิ้มกับท่าทางของซอฮยอนไม่ได้ก่อนจะผสมโรงยีผมของซอฮยอนไปด้วย
“ย๊า! มายีผมฉันทำไมเนี่ยมันยุ่งนะ!” ซอฮยอนเปิดปากต่อว่าชานยอลที่จู่ๆก็ยกมือขึ้นมายีผมของเธอจนผมของเธอในตอนนี้เสียทรงไปหมดแล้ว
“อะไร? เธอทำมันยุ่งเองก่อนเถอะฉันเลยช่วยไง J” ชานยอลตอบซอฮยอนหน้าซื่อพลางยกยิ้มอย่างทะเล้นจนซอฮยอนอดหมั่นไส้ไม่ไหวจึงเอื้อมมือไปหยิกต้นแขนของชานยอลส่งผลให้เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บแต่ก็ยังมีหน้าส่งยิ้มกวนๆไปให้อีก ซึ่งการกระทำของทั้งสองคนตกอยู่ในสายตาของทิฟฟานี่
“ฉันว่าชานยอลชอบซอฮยอนแน่เลย” นาอึนบอกเมื่อเห็นการแกล้งกันของทั้งสองคน
“ไม่แน่หรอกบางทีซอฮยอนอาจจะอ่อยก็ได้มั้ง” โชรงบอกอย่างแสดงความคิดเห็น
“แกว่าไง?” นาอึนถามทิฟฟานี่ที่เอาแต่นั่งจ้องมองชานยอลกับซอฮยอนกำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข
“ฉันไม่รู้” ทิฟฟานี่ตอบเสียงเรียบพลางหันไปมองทางอื่นด้วยอารมณ์คุกรุ่น
“เป็นยังไงบ้างสามคนที่ไปแคสติ้งมา?” เสียงของครูประจำคลาสดังขึ้นทำให้นักเรียนที่นั่งกันกระจายเต็มห้องเขยิบตัวเองให้นั่งรวมอยู่ตรงกลางห้องซึ่งคนเป็นครูก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่วางอยู่ก่อนแล้ว
“ก็ดีครับ J” ชานยอลตอบพลางส่งยิ้มไปให้
“สนุกดีนะคะพี่ๆที่นั่นน่ารักมากเลย” ทิฟฟานี่บอกพลางพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติมาที่สุด
“แล้วเธอล่ะซอฮยอน?” ครูเอ่ยถามซอฮยอนที่ดูมีอารมณ์ที่แตกต่างจากทั้งสองคนที่ตอบไปก่อนแล้ว
“หนูค่อนข้างสมองจะระเบิดเลยค่ะตอนเข้าไปเกร็งไปหมดเลย” ซอฮยอนบอกพลางส่งยิ้มแหยๆไปให้ก่อนจะยื่นมือไปหยิกขาของชานยอลเมื่ออีกฝ่ายหันมาส่งยิ้มล้อเลียนเธอ
“ครั้งแรกทุกคนก็มีอาการแบบนี้ทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวตอนกลางวันทางนั้นจะมาติดป้ายประกาศนะยังไงก็ไปดูกันด้วยล่ะ” ครูบอกอย่างให้กำลังใจก่อนจะแจ้งข่าวสารให้ทุกคนได้รับรู้ซึ่งทุกคนในคลาสก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“งั้นวันนี้ครูให้ทุกคนพักผ่อนแล้วกันนะ” ครูประจำคลาสบอกเมื่อสิ้นเสียงของครูประจำคลาสนักเรียนภายในคลาสก็ส่งเสียงร้องด้วยความดีใจที่จะได้พักผ่อนกันเสียที
“ชานยอลนายคิดตัวนายจะแคสผ่านป่ะ?” ซอฮยอนถามน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่รู้อ่ะอาจจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้มั้งเธอไม่เห็นไงเมื่อวานอ่ะคนที่ไปแคสแต่ละคนหล่อบรรลัยเลยนะเว้ย!” ชานยอลอย่างติดตลกจนยุนอากับซอฮยอนหลุดขำออกมา
“ก็จริงมีหล่อกว่าแกตั้งเยอะ” ซอฮยอนบอกอย่างเห็นด้วยจนทำให้ชานยอลแยกเขี้ยวใส่
“นี่คือให้กำลังใจมีป่ะครับ?” ชานยอลถามพลางเลิกคิ้วสูง
“เอ้า? ก็แกบอกเองว่ามีคนหล่อกว่าแกตั้งเยอะฉันก็เห็นด้วยไงไม่ถูกเหรอ?” ซอฮยอนบอกพลางแกล้งตอบแบบใสซื่อ
“งอนแล้วเว้ย!” ชานยอลบอกพลางพองแก้มแล้วหันไปอีกทางอย่างงอนๆจนซอฮยอนหลุดขำออกมากับท่าทางที่เหมือนไม่ใช่ชานยอล
“ไอบ้า! งอนเป็นผู้หญิงไปได้หันกลับมาเลย” ซอฮยอนเปิดปากสั่งพลางเอื้อมมือไปจับไหล่ของชานยอลแล้วออกแรงให้อีกฝ่ายหันหน้ามาหาแต่ชานยอลกลับขืนตัวเอาไว้
“ปล่อยมันไปเหอะอีกสักพักเดี๋ยวมันก็ใกล้ละ” ยุนอาบอกแต่สิ่งที่ยุนอาพูดกับทำให้ชานยอลงงจึงหันหน้ากลับมาแล้วมองอย่างต้องการคำตอบ
“ก็ใกล้จะเป็นตุ๊ดไง มีที่ไหนงอนแล้วทำแก้มป่องเป็นผู้หญิงแบบนั้นล่ะห๊ะ!” ยุนอาบอกก่อนจะหัวเราะออกมากับซอฮยอนสองคน
“พอเลยแกสองคน!” ชานยอลออกห้ามพลางถลึงตาใส่ทั้งสองคนแต่มันก็ไร้ประโยชน์
พอตอนกลางวันต่างคนต่างก็ออกไปหาอะไรกินกันก่อนจะกลับกันมาเพื่อจะมาเรียนแอคติ้งต่อแต่ในขณะที่ยุนอา ซอฮยอน และชานยอลหลังจากที่กินข้าวเสร็จจะเดินกลับไปยังคลาสเรียนก็ต้องหยุดชะงักเท้าเมื่อเห็นมีคนไปมุงดูอะไรสักอย่าง
“คนเขามุงดูอะไรกันอ่ะ?” ซอฮยอนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เข้าไปดูกันเถอะ!” ยุนอาบอกก่อนจะเดินนำไปซึ่งซอฮยอนก็หันไปมองชานยอลอย่างต้องการคำตอบแต่อีกฝ่ายกับยักไหล่เป็นเชิงว่าเขาก็ไม่รู้ก่อนจะเดินตามยุนอาไปแล้วซอฮยอนก็ตามไปติดๆ
“นี่มันรายชื่อของคนที่แคสติ้งผ่านนี่นา!” เมื่อเดินแทรกตัวเข้าไปจนถึงด้านในได้ยุนอาก็ไม่รอช้าที่จะอ่านหัวข้อมันก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ชานยอลติดด้วยอ่ะ!!” ยุนอาบอกอย่างตื่นเต้นพลางหันไปส่งยิ้มให้ชานยอลซึ่งเขาก็มีท่าทีงุนงงเล็กน้อย
“เก่งอ่ะ!” ซอฮยอนบอกเชิงเอ่ยชมพลางตบบ่าของชานยอลอย่างให้กำลังใจ
“แกก็ติด กรี๊ดดดดดดดดดด!!~~” แต่เมื่อไล่อ่านไปเรื่อยๆยุนอาก็เจอกับชื่อของซอฮยอนเธอจึงกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจก่อนจะพุ่งเข้าไปโผกอดซอฮยอนอย่างตื่นเต้นระคนดีใจเหมือนตัวเองแคสติ้งผ่านเอง - -
“จริงอ่ะ O_O” ซอฮยอนถามพลางเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะแทรกตัวเข้าไปดูก็พบว่ามีชื่อของเธออยู่จริงๆ
“ก็นี่ไงชื่อแกเด่นหราอยู่ให้เห็นเนี่ยแหม่..ละครเรื่องแรกก็ได้เล่นเป็นนางรองเลยนะอิจฉาอ่ะ!” ยุนอาบอกพลางชี้ให้ซอฮยอนดูให้ชัดๆเต็มสองตาก่อนจะเอ่ยปากชมไม่ขาดปาก
“อย่ามาเว่อร์หน่า! ไม่รู้ว่าที่มาแปะเนี่ยฉันจะได้เล่นจริงเหรอ?” ซอฮยอนเอ็ดเพื่อนของตัวเองก่อนจะพูดด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“แกก็มัวแต่ถ่อมตัวอยู่นั่นแหละฉันล่ะเบื่อ - -” ยุนอาบอกแกมบ่นเพื่อนตัวเองที่ชอบแสดงความถ่อมตัวทุกที
“เก่งเหมือนกันนี่หว่า? ไม่น่าเชื่อ” ชานยอลเอ่ยปากชมก่อนจะยื่นมือไปยีผมของซอฮยอนพลางยกยิ้มให้
“ย๊า! ผมฉันยุ่งอีกแล้วนะ” ซอฮยอนบอกพลางมุ่ยหน้าเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นจัดทรงผมของตัวเอง
“แล้วทิฟฟานี่ติดมั้ยอ่ะ?” ซอฮยอนถามก่อนจะหันไปไล่ดูรายชื่อ
“ทิฟฟานี่ติดด้วยอ่ะ! รับบทเป็นนางร้ายเหมือนพี่สิก้าเลย” ซอฮยอนบอกอย่างรู้สึกยินดีกับอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้
“จะไปยินดีกับยัยนั่นทำไมล่ะ? ยัยนั่นชอบจิกแกตลอดเลยนะ” ยุนอาบอกอย่างไม่เข้าใจซอฮยอน
“ยังไงทิฟฟานี่ก็เป็นเพื่อนร่วมคลาสนะ” ซอฮยอนบอกพลางยกยิ้มเล็กน้อย
“ฉันเบื่อแกจริงๆเลย” ยุนอาบอกพลางยู่ปากอย่างงอนๆก่อนจะเดินหนีไปทิ้งให้ซอฮยอนอยู่กับชานยอล
“ยุนอารอก่อนสิ!” ซอฮยอนตะโกนบอกก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามโดยมีชานยอลมองตามพลางส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“ทิฟฟานี่ฉันจะไปซื้อน้ำเอาอะไรป่ะ?” ในขณะที่ชานยอลกำลังจะเดินกลับคลาสเรียนไปแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงของนาอึนที่เรียกชื่อของทิฟฟานี่
“ไม่เอาอ่ะ” ทิฟฟานี่ตอบปฏิเสธพลางส่ายหน้าเป็นการยืนยัน
“โอเคงั้นแกขึ้นห้องไปก่อนเลยนะเดี๋ยวตามไป” นาอึนบอกซึ่งทิฟฟานี่ก็พยักหน้ารับก่อนที่นาอึนจะเดินออกไปพร้อมกับโชรง
“เธอรู้ยังเรื่องแคสติ้ง?” เมื่อเห็นว่านาอึนกับโชรงเดินออกไปแล้วชานยอลก็เดินเข้าไปหาพลางเปิดปากพูด
“ยังเลย” ทิฟฟานี่มีท่าทีชะงักเล็กน้อยที่จู่ๆชานยอลก็เดินเข้ามาคุยกับเธอก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วตอบออกไป
“เธอแคสผ่านนะได้บทนางร้ายด้วย” ชานยอลบอกพลางยกยิ้มเล็กน้อยจนทำทิฟฟานี่อดสงสัยไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
“จริงเหรอ?” ทิฟฟานี่อย่างไม่ค่อยเชื่อหูตัวเอง ถึงแม้ว่าการกระทำของเธออาจะมั่นใจแต่จริงๆเธอแทบไม่มั่นใจอะไรเลยที่แสดงออกไปก็แค่อยากเหน็บซอฮยอนก็เท่านั้นเอง
“อื้ม! ไม่เชื่อเธอก็ลองไปดูสิ” ชานยอลตอบพลางส่งยิ้มไปให้
“ขอบคุณนะ” ทิฟฟานี่บอกก่อนจะทำท่าจะเดินเข้าไปดู
“แล้วเจอกันในคลาสนะ” ชานยอลบอกก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ทิฟฟานี่มองตามอย่างไม่เข้าใจ
#วันต่อมาทางด้านกองถ่ายละคร Beauty Girl
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ภายในกองถ่ายจะเต็มไปด้วยทีมงานที่กำลังวุ่นกับการเตรียมสถานที่สำหรับการถ่ายทำซึ่งการถ่ายทำก็ใกล้จะจบลงทุกทีเลยทำให้ทั้งทีมงานและนักแสดงทุ่มเทกันอย่างสุดตัว
“เมื่อวานไปคุยเรื่องเรีลลิตี้เป็นไงบ้าง?” แทยอนถามเจสสิก้าในขณะที่กำลังให้ช่างทำผมให้อยู่
“ก็ต้องเข้าร่วมน่ะสิ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทางรายการถึงได้สั่งว่าฉันจะต้องเข้าร่วมด้วยก็ไม่รู้” เจสสิก้าตอบพลางเบะปากเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องที่ไปคุยเมื่อวาน
“อย่าบ่นไปเลยมีงานก็ดีแค่ไหนแล้ว” แทยอนบอกพลางยกยิ้มให้กำลังใจ
“แต่ฉันอยากพักนี่นาช่วงนี้ยิ่งได้นอนน้อยอยู่ด้วย” เจสสิก้าบอกพลางยู่ปากเล็กน้อย
“นอนน้อยอะไรกันฉันเห็นตอนช่วงพักกองแกก็แอบนอนอยู่” แทยอนบอก
“ใครนอน? ฉันแค่พักสายตาเถอะ” เจสสิก้าเถียงเชิงแถ
“ย่ะ! ฉันยอมแพ้” แทยอนบอกก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งสองคน
“แล้วละครเรื่องใหม่แกรู้ยังว่าได้เล่นกับใคร?” เจสสิก้าถามต่ออย่างอยากรู้
“รู้แล้วพี่ทีมงานเพิ่งส่งข้อความมาเอง” แทยอนตอบพลางส่งยิ้มไปให้
“แล้วตกลงเล่นกับใคร? เซฮุนเหรอ?” เจสสิก้าถามด้วยความอยากรู้
“เล่นกับชานยอลอ่ะ” แทยอนตอบ
“ชานยอล? ที่เคยมากองถ่ายเราครั้งนั้นน่ะเหรอ?” เจสสิก้าทวนคำพูดของแทยอนก่อนจะถามต่อเพื่อความแน่ใจ
“คนนั้นแหละ” แทยอนตอบก่อนจะหันหน้าไปให้ช่างแต่งหน้าแต่งหน้าให้
Line~
ในขณะนั้นเสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นไลน์จากโทรศัพท์ของเจสสิก้าก้ดังขึ้นเธอจึงเอื้อมมือไปหยิบมันมาเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อความของซอฮยอน
ซอฮยอน : พี่สิก้า!~~ ฉันแคสติ้งผ่านแล้วนะ
เจสสิก้าจอง : WOWW!! ดีใจด้วยนะฝันเป็นจริงแล้วสิ
ซอฮยอน : ที่สุดของความฝันเลยค่ะ > <
เจสสิก้าจอง : แล้วรับบทเป็นอะไรล่ะ? ต้นไม้? หรือหิน? 555555
ซอฮยอน : โธ่! พี่สิก้าอย่าดูถูกฉันสิคะฉันได้เล่นเป็นถึงนางรองเลยนะ
เจสสิก้าจอง : เก่งนะเนี่ย! เดี๋ยวว่างๆพี่จะพาไปเลี้ยงแล้วกันนะแต่ช่วงนี้ผ่านไปก่อนเนอะ
ซอฮยอน : ได้อยู่แล้วค่ะ ว่าแต่พี่สิก้าถ่ายละครถึงได้แล้วคะฉันอยากดูแล้วนะ
เจสสิก้าจอง : อีกนิดเดียวก็จะถ่ายเสร็จแล้วล่ะรอไปก่อนนะ
ซอฮยอน : โอเคค่ะงั้นฉันไปเรียนแอคติ้งก่อนนะคะแล้วตอนเย็นจะทักมาใหม่นะคะ ^_^
เจสสิก้าจอง : อื้ม! ตั้งใจเรียนนะถึงเวลามาเล่นละครจริงๆจะได้ไหลลื่น
ซอฮยอน : ค่า!~~
“ยุนแชพอสักทีเถอะไม่ว่าเธอจะทำยังไงฉันก็ไม่มีวันรักเธอหรอก” เสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกหลายๆอย่างกำลังถูกถ่ายทอดออกมาผ่านสีหน้าและแววตาจนผู้กำกับที่นั่งประจำอยู่ที่จอมอนิเตอร์อดมองอย่างอดชื่นชมไม่ได้
“ฉันมันแย่ว่ายัยโบยองตรงไหนกัน!? ตอบฉันมาสิ!” อีกฝ่ายที่อยู่ร่วมฉากเดียวกันก็ต่อบททันทีอย่างรู้งานพลางเค้นอารมณ์ออกมาจนทำให้คนที่ดูอยู่อดจะอินไปกับการแสดงของทั้งคู่ไม่ได้
“เธอไม่ได้มีอะไรที่แย่ไปกว่าโบยองเลยอาจจะดีกว่าโบยองด้วยซ้ำไป” เอ่ยปากบอกน้ำเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความสงสารอีกฝ่ายอย่างจับใจ
“แล้วทำไมนายไม่เลือกฉัน?” บอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนคนจะร้องไห้จนคนนั่งดูอยู่อดมองอย่างนึกสงสารไม่ได้
“เรื่องความรักบางทีมันก็ไม่มีเหตุผลหรอก” บอกด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความมั่นคงในคำพูดบวกกับสายตาที่ส่งให้อีกฝ่ายอย่างแน่วแน่ในคำพูดของตัวเอง
“คัท!! สุดยอดเลยทั้งสองคน” เมื่อการแสดงเป็นที่น่าพอใจแล้วเสียงสั่งคัทของผู้กำกับของดังขึ้นพลางลุกขึ้นยืนชูนิ้วโป้งให้ก่อนจะพูดเอ่ยชมทั้งสองคนที่สามารถแสดงออกมาได้แบบเกินคาด
“ขอบคุณค่ะ / ครับ” เสียงเอ่ยขอบคุณของเจสสิก้ากับเซฮุนดังขึ้นพร้อมกันพลางโค้งให้กับผู้กำกับก่อนจะรับแก้วน้ำมาจากทีมงานที่เดินเอามาให้ก่อนจะเดินไปนั่งพักแถวๆจอมอนิเตอร์เพื่อรอคิวที่จะแสดงฉากต่อไป
“สุดยอดอ่ะสิก้าฉันนี่อินมากเลยอ่ะ” เมื่อเจสสิก้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างข้างแทยอนแทยอนก็เปิดปากเอ่ยชมเจสสิก้าอย่างยกนิ้วให้เป็นการชื่นชม
“ขอบคุณนะต่อไปก็ซีนแกแล้วสิ?” เจสสิก้าบอกก่อนจะพูดต่อ
“อื้ม! อีกไม่กี่ซีนก็ถ่ายจบแล้วอ่ะรู้สึกใจหวิวแปลกๆแฮะ” แทยอนตอบก่อนจะพูดต่อ
“เหมือนกันเลยฉันอยากอยู่กองนี้นานๆ” เจสสิก้าบอกอย่างเห็นด้วย
“แกรักกองนี้เหมือนฉันใช่มั้ย?” แทยอนถามพลางทำหน้าซคล้ายกำลังจะร้องไห้
“เปล่า! มันแอบหลับง่ายดี J” เจสสิก้าตอบพลางยกยิ้มอย่างทะเล้นแต่คำตอบของเธอกลับทำให้แทยอนแทบจะตกเก้าอี้
“คือเล่นมุข?” แทยอนถามพลางปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งแทบไม่ทัน - -‘
“ก็ใช่ไง” เจสสิก้าตอบพลางส่งยิ้มไปให้
“คุณแทยอนคะเชิญเข้าฉากได้แล้วค่ะ” แต่ในขณะนั้นทีมงานก็เดินเข้ามาบอกซึ่งแทยอนก็พนักหน้าตอบรับพลางลุกขึ้นแล้วเดินเข้าฉากไป
“ทำอะไรอ่ะ?” เจสสิก้าที่หันไปเห็นมาร์คกำลังคร่ำเคร่งทำหน้าเครียดอ่านอะไรบางอย่างอยู่ไม่ไกลจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“อ่านชีทสรุปสอบครับ J” มาร์คเงยหน้าละสายตาจากตัวอักษรลายตานั่นพลางเปิดปากตอบก่อนจะส่งยิ้มไปให้
“สอบแล้วเหรอ?” เจสสิก้าถามต่อด้วยความสงสัย
“มันเป็นสอบย่อยน่ะครับ” มาร์คตอบเพื่อให้อีกฝ่ายได้หายสงสัย
“แล้วทำไมไม่ไปอ่านที่คอนโดล่ะมาอ่านแบบนี้มีสมาธิเหรอ?” เจสสิก้าถามต่อด้วยความสงสัย
“ก็ผมไม่ค่อยได้เข้าเรียนอีกอย่างวันนี้ตอนบ่ายผมก็ต้องไปสอบแล้วด้วยเลยต้องมานั่งอ่านที่กองแบบนี้ล่ะครับ” มาร์คตอบพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจก่อนจะทำคอตกเพราะเนื้อหาที่ยังไม่ได้อ่านยังมีอีกเยอะ
“งั้นพี่ช่วยติวให้มั้ย?” เจสสิก้าถามเชิงอาสาด้วยความหวังดีเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูจะเครียดไม่ใช่น้อย
“พี่พูดจริงอ่ะ?” เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายมาร์คก็รีบเงยหน้าขึ้นมองหน้าอย่างรวดเร็วพลางเปิดปากถามพร้อมส่งสายตาแวววาวคล้ายกำลังดีใจ
“อื้ม! พี่จะโกหกนายทำไม” เจสสิก้าตอบพลางพยักหน้า
“แล้วพี่ไม่อ่านบทต่อเหรอ? เห็นบอกว่ามีถ่ายอีกซีนนี่นา” มาร์คถามต่อ
“ไม่ต้องห่วงพี่หรอกน่าพี่อ่านบทจากที่บ้านเรียบร้อยแล้วนายเถอะถ้ามัวแต่นั่งอ่านแบบนี้สงสัยจะสอบตกกันพอดี” เจสสิก้าบอกพลางซึ่งมาร์คก็ส่งยิ้มแหยๆพลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างแก้เขิน
“พี่ก็พูดเกินไปเห็นผมแบบนี้ผมความจำดีมากนะครับ” มาร์คบอกพลางยกข้อดีของตัวเองมา
“ทำเป็นพูดดีถ้าจำได้จริงจะหน้ายู่คิ้วขมวดแบบนี้เหรอ?” เจสสิก้าบ่นพลางใข้นิ้วชี้จิ้มไปที่หว่างคิ้วของมาร์คย้ำๆ
“มันเป็นฟิลลิ่งหรอกพี่” มาร์คบอกเชิงแถ
“พอเลยไหนเอาชีทสรุปมาให้พี่หน่อย” เจสสิก้าบอกเชิงห้ามก่อนจะออกปากสั่งซึ่งมาร์คก็ยอมยื่นให้แต่โดยดี ส่วนเจสสิก้าก็รับมันมาอ่านคร่าวๆพอให้รู้ว่าอีกฝ่ายจะสอบเรื่องอะไรโดยมีมาร์คที่นั่งจ้องมองเจสสิก้าพลางยกยิ้มอย่างมีความสุข
#ที่บริษัทฝึกหัดนักแสดง
หลังจากที่คนทั้งคลาสรับรู้แล้วว่าทั้งสามคนก็ได้รับเลือกให้ไปแคสติ้งต่างก็ได้เล่นในละครเรื่องเดียวกันทุกคนทำให้เมื่อทุกคนมาอยู่รวมในห้องจนครบแล้วต่างก็เข้าไปร่วมแสดงความยินดีกับทั้งสามคนที่เพียงแค่ไปแคสติ้งเรื่องแรกก็สามารถได้รับเลือกให้เล่นเป็นถึงตัวเด่นของเรื่องเลยทีเดียว
“เอาล่ะพอกันได้แล้วเงียบๆหน่อย” เสียงของครูประจำคลาสดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาทำให้เสียงที่ดังโหวกเหวกเงียบลงก่อนที่แต่ละคนจะไปนั่งรวมกันเป็นกลุ่มอยู่กลางห้อง
“วันนี้ทางทีมงานได้ส่งบทละครมาให้เธอทั้งสามคนให้เอาไปทำความเข้าใจตัวละครก่อนแล้วอีกสองวันก็จะเป็นวันฟิตติ้งเสื้อผ้ายังไงก็พยายามปรับตัวแล้วเตรียมตัวให้พร้อมนะ” เมื่อทุกคนในห้องเงียบครูประจำคลาสก็เริ่มพูดเชิงอธิบายให้ฟังโดยเฉพาะชานยอล ซอฮยอน และทิฟฟานี่ และเมื่อสิ้นเสียงของครูประจำคลาสทั้งสามคนก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปเอาบทละครของตัวเอง
“เอาล่ะคนอื่นๆก็ไม่ต้องเสียใจไปยังไงโอกาสที่จะโดนไปแคสติ้งก็มีอีกเรื่อยๆเพียงแค่เราตั้งใจแล้วพยายามทำมันให้ดีเข้าใจมั้ย?” ครูประจำคลาสบอกพลางโปรยยิ้มอย่างเอ็นดูเด็กๆในคลาสเรียนของตนที่ร่วมเรียนกันมากกว่า 3 ปีเต็มๆ
“ค่า! / ครับ!” นักเรียนในคลาสตอบรับพร้อมกันพลางยกยิ้มอย่างน่ารัก
“งั้นวันนี้ครูจะยกผลประโยชน์ให้พวกเราอีกวันอยากจะออกไปเที่ยวไหนก็ได้เลยนะแต่วันนี้เป็นต้นไปเราจะเริ่มเรียนกันต่อแล้วนะ” ครูประจำคลาสบอกพลางยกยิ้ม ซึ่งเมื่อสิ้นเสียงพูดของครูประจำคลาสนักเรียนทุกคนในห้องต่างก็ร้องเฮลั่นด้วยความดีใจ
“วันนี้ไปฉลองกันดีมั้ย?” ยุนอาหันไปถามชานยอลกับซอฮยอนด้วยสายตาแวววาว
“ก็ดีนะวันนี้ครูอุตส่าห์ปล่อยให้ไปเที่ยวด้วย” ซอฮยอนบอกอย่างเห็นด้วยกับความคิดของยุนอา
“ตามนั้น! J” ชานยอลบอกพลางส่งยิ้มไปให้
“แต่นายเลี้ยงนะ ^_^” ยุนอาบอกพลางส่งยิ้มไปให้ก่อนจะยื่นมือไปตบบ่าของชานยอลเบาๆ
“เกี่ยวอะไรกันวะ?” ชานยอลถามพลางทำสีหน้างุนงง
“ก็แกอุตส่าห์ได้เล่นถึงบทพระเอกเพราะฉะนั้นก็เลี้ยงเพื่อนหน่อยจะเป็นอะไรไป” ยุนอาบอกพลางยักคิ้วใส่อย่างกวนๆ
“แกนี่มันโคตรมโนเลยว่ะ!” ชานยอลบอกพลางยื่นมือไปยีผมของยุนอาอย่างหมั่นไส้
“อะไรเล่า! เลี้ยงเพื่อนแค่นี้ไม่ได้ไง?” ยุนอาพยายามหลบหลีกจากการประทุษร้ายของชานยอลก่อนจะพูดเชิงทับถม
“นั่นสินายเป็นถึงพระเอกนะเลื้ยงเพื่อนนิดเดียวเอง ^^” ซอฮยอนบอกอย่างช่วยเป็นกำลังเสริมให้กับยุนอา
“เธอก็เอากับยัยยุนอาด้วยเหรอฮะ?” ชานยอลถามซอฮยอน
“เอ้า? หรือว่าเป็นค่าหนังสือนิตยสารที่แกแย่งฉันไปไง ^^” ซอฮยอนบอกพลางฉีกยิ้มให้
“เออๆโอเคยอมแล้วก็ได้วะ แต่! ห้ามสั่งของแพงมากนะเว้ย” ชานยอลบอกอย่างยอมแพ้ก่อนจะตั้งข้อเสนอขึ้นมาซึ่งทั้งยุนอาและซอฮยอนก็พยักหน้าอย่างตกลงก่อนจะหันไปแตะมือกันแล้วส่งยิ้มให้กันอย่างผู้มีชัย
“ทิฟฟานี่ไปด้วยกันมั้ย?” ซอฮยอนหันไปเอ่ยชวนทิฟฟานี่ที่นั่งจิ้มโทรศัพท์อยู่
“ฉันไม่ว่างขอตัวนะ” ทิฟฟานี่ละสายตาจากจอโทรศัพท์ก่อนจะเงยหน้าตอบซอฮยอนแล้วยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยมีนาอึนกับโชรงตามไปด้วย
“หยิ่งจริงๆเลยนะแม่คุณ!” ยุนอาเปิดปากเหน็บพลางเบะปากใส่ทิฟฟานี่หลังจากที่อีกฝ่ายเดินออกไปแล้ว
เย้ๆๆๆๆๆๆๆ อัพครบแล้วคร๊าบบบบบบบบ
คนอ่านหายไปไหนกันหมดหว่า?? ยังไงก็กลับมาอ่านกันด้วยเน้อ 5555
อ่านแล้วทิ้งเม้นไว้ก่อนจะออกนะคะ <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฟานี่ปากไม่ตรงกับใจแน่ๆ คิดดอะไรกับชานยอล คิดว่ายอลกะซอชอบกันก็บอกมาเถอะ
ถึงได้ดูงงๆ เกร็งเวลาชานยอลมาคุย
เรื่องแรกยอลก็พระเอกคู่คิมแทเลยตอนแรกนึกว่าแทจะเล่นคู่เซฮุนสักอีก
รอค้าา
รอค่า