ตอนที่ 7 : - { Behind the illusion } - // บทที่ ๐๖ : บังเอิญ โลกกลม หรือพรมลิขิต
หลังจากที่เจสสิก้าจัดการธุระของตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็พาร่างของตนมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าตึก BX เพื่อรอรถแต่เวลาก็ผ่านมาเกือบจะครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่ารถจะผ่านมาสักคัน
“ทำไมไม่มีรถเลยล่ะ? อย่าบอกว่าต้องเดินกลับนะ!” เจสสิก้าเปิดปากบ่นด้วยความกังวลก่อนจะชะเง้อหน้ามองซ้ายขวาแต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า
“เอาไงดีๆๆ..มาร์ค! ใช่มาร์คไง!!” เมื่อเห็นว่าไร้วี่แววของรถที่จะผ่านมาเจสสิก้าจึงพยายามคิดหาทางออกแล้วในจังหวะนั้นใบหน้าของมาร์คก็ลอยขึ้นมาในหัวซึ่งมือก็เร็วเท่าความคิดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์ของรุ่นน้องทันทีแต่จนแล้วจนรอดปลายสายก็ไม่มีท่าทีว่าจะรับจนเจสสิก้าอดจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดไม่ได้
“ทำไมนายไม่รับสายพี่เล่า!!” เปิดปากบ่นพลางกระทืบเท้าเพื่อระบายอารมณ์ก่อนจะเดินไปหย่อนสะโพกลงบนขั้นบันไดหน้าตึกพลางถอนหายใจฟึดฟัด
“พี่มานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย?” ในขณะที่เจสสิก้ากำลังถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดก็ต้องเงยหน้าพลางหันไปมองหน้าผู้มาใหม่โดยทันที
“นายยังไม่กลับอีกเหรอ?” แทนที่จะตอบคำถามของคนอายุน้อยกว่าให้หายสงสัยแต่เธอดันถามคำถามกลับ
“ถ้าผมกลับพี่คงไม่เห็นผมยืนตรงนี้หรอก” จินยองตอบคำถามของเจสสิก้าด้วยน้ำเสียงกวนๆเล็กน้อยจนได้รับค้อนวงโตจากเธอได้ไม่ยากเย็น
“ช่างมันเถอะ!” เจสสิก้าบอกก่อนจะหันไปมองทางอื่นปากทำถามขมุบขมิบ
“พี่ยังไม่ตอบคำถามของผมเลยว่ามานั่งทำอะไรตรงนี้” จินยองวกกลับมาถามคำถามเดิมอีกครั้ง
“รอรถ” เปิดปากตอบเสียงเรียบพลางชะเง้อคอมองรถแต่ก็ใช่ว่าจะเห็นอะไร
“ให้ผมไปส่งมั้ย?” จินยองบอกเชิงอาสาด้วยความหวังดี
“ไม่ต้องหรอกพี่กลับเองได้นายคงงานยุ่ง” เจสสิก้าตอบเชิงปฏิเสธทั้งที่ในใจอยากจะกลับด้วยใจจะขาดเพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่มีรถผ่านมาสักคันแต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่ทำให้เธอตอบไปแบบนั้น
“ทำไมพี่ชอบดื้อจังให้ผมไปส่งเถอะแถวนี้ตอนเย็นไม่ค่อยมีรถผ่านมาหรอกครับ” เปิดปากบ่นคนอายุมากกว่าเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“ไม่เอาหรอก” เจสสิก้าตอบด้วยน้ำเสียงห้วนพลางทำท่าทางเหมือนเด็กเอาแต่ใจจนคนอายุน้อยกว่าอดจะพ่นลมหายใจออกมาไม่ได้
“ถ้าพี่ไม่ลุกดีๆผมจะอุ้มพี่ไปขึ้นรถนะแล้วค่อยดูพรุ่งนี้พี่ได้เป็นข่าวแน่!” เมื่อเห็นว่าพูดดีแล้วไม่ได้ผลจินยองจึงเปิดปากขู่ซึ่งมันก็ดูจะได้ผลดีมากเสียด้วย
“เดี๋ยวนี้นายกล้าขู่พี่งั้นเหรอ!?” เจสสิก้าเอ่ยถามพลางลุกขึ้นพรวดพราดก่อนจะตวัดสายตาใส่อย่างเคืองๆ
“ก็พี่ดื้อเองนี่” จินยองบอกแกมเถียง
“ไม่ได้ดื้อแค่ไม่อยากรบกวน” เจสสิก้าบอกพลางสะบัดหน้าใส่แล้วก้าวเท้าฉับๆไปยืนอยู่จุดเดิมที่ยืนก่อนหน้านั้นและก็เหมือนโชคจะเข้าข้างที่มีรถผ่านเข้ามาพอดีเธอจึงไม่รอช้าที่จะโบกมันไม่นานรถคันนั้นก็มาหยุดจอดเทียบกับที่เจสสิก้ายืนอยู่ก่อนจะเปิดประตูแล้วแทรกตัวเข้าไปทันทีก่อนที่รถจะขับเคลื่อนออกไป
“เฮ้อ!~ แบบนี้ทุกที” เมื่อเห็นว่ารถที่เจสสิก้าโดยสารนั้นเริ่มไกลห่างออกไปจินยองก็อดจะพูดขึ้นมาอย่างน้อยใจไม่ได้ที่ไม่ว่าเขาจะเข้าหาพี่คนนั้นด้วยวิธีไหนก็เหมือนเจสสิก้าจะพยายามเอาตัวออกห่างจากเขาทุกที
หลังจากที่รถที่เจสสิก้าโดยสารมามาจอดเทียบอยู่หน้าคอนโดของเธอเจสสิก้าก็ไม่รอช้าที่จะจ่ายเงินไปตามจำนวนที่ขึ้นบนมิเตอร์ก่อนจะเปิดประตูแล้วพาร่างของตัวเองลงจากรถแล้วก็เดินตรงไปยังลิฟท์เพื่อขึ้นห้องของตนเองทันที
ไม่นานเจสสิก้าก็ออกจากลิฟท์แล้วเดินมาถึงห้องของตัวเองซึ่งในตอนนี้เธอก็พาร่างของเธอมาอยู่ภายในห้องแล้วโดยเธออยู่ในโซนห้องรับแขกก่อนจะเดินทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนล้า ช่วงนี้เหมือนเธอจะมีดวงเจอกับจินยองมากขึ้นไปทุกทีทั้งที่คอยหลีกเลี่ยงแล้วแท้ๆ
“ทำไมพี่ต้องเจอนายทุกทีด้วยนะจินยอง..” เจสสิก้าพูดขึ้นมาลอยๆพลางถอนหายใจในขณะที่สายตาก็จดจ้องไปยังกรอบรูปที่ภายในกรอบรูปนั้นเป็นรูปที่เธอกับจินยองถ่ายด้วยกันตอนช่วงหิมะตกในใจกลางเมืองอย่างไม่วางตา ทั้งที่พยายามจะทิ้งมันมาตั้งหลายครั้งหลายคราแต่ก็เปลี่ยนใจวางมันไว้เหมือนเดิมแล้วก็ไม่คิดจะยุ่งกับมันอีก
ไลน์!~~
ในขณะที่กำลังจ้องมองรูปนั้นด้วยอารมณ์ที่เริ่มผสมปนเปอยู่นั้นเสียงเตือนของไลน์ก็ดังขึ้นทำให้เจสสิก้าหลุดออกอากอารมณ์พวกนั้นก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตัวสวยขึ้นมาปลดล็อคแล้วเปิดอ่านข้อความทันที
มาร์ค : พี่โทรมาหาผมเหรอ? มีอะไรหรือเปล่า?
เจสสิก้าจอง : มารู้ตอนนี้ก็สายแล้วย่ะ!
มาร์ค : โอ๋ๆๆไม่งอนนะพี่ครับ T^T
เจสสิก้าจอง : พอเลยเลิกคุย! นายเกือบทำให้พี่ไม่ได้กลับบ้านแล้วนะ!
มาร์ค : พี่พูดเรื่องอะไรเนี่ย? ผมงงนะ @_@
เจสสิก้าจอง : ช่างมันเถอะวันนี้เลิกคุยพรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่
มาร์ค : นี่ตกลงพี่จะงอนผมหรือจะยังไงกันแน่? ผมงงไปหมดแล้วนะ
เจสสิก้าจอง : ดี! ปล่อยให้นายงงแบบนั้นนั่นแหละ...ไปและ
มาร์ค : งือๆๆพี่ใจร้ายอ่ะ
หลังจากที่โต้ตอบกันผ่านไลน์จนพอใจเจสสิก้าจึงชิ่งออฟไลน์ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้บนโซฟาแล้วยันตัวลุกขึ้นไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำในห้องนอนก่อนจะออกมาแล้วเดินผ่านเข้าไปในห้องน้ำทันทีเพื่อชำระล้างร่างกาย
เมื่อแยกจากเจสสิก้ามาทั้งสามคนซอฮยอน ชานยอล และทิฟฟานี่ต่างกันก็พากันไปฉลองกันที่ร้านไอศครีมที่อยู่ไม่ไกลไปจากตึก BX เท่าไหร่จนตอนนี้ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับหอที่ทางบริษัทได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่
“วันนี้ไปแคสติ้งเป็นยังไงบ้าง?” ยุนอาเอ่ยถามซอฮยอนทันทีหลังจากที่เพื่อนของเธอมานั่งจมปุกอยู่บนเตียงนอนเมื่อไม่กี่นาที
“น่าตื่นเต้นเป็นบ้าเลยคนที่แคสเก่งๆกันทั้งนั้นแต่โชคดีนะที่พี่สิก้าไปให้กำลังใจเลยผ่านไปได้ด้วยดี” ซอฮยอนบอกยุนอาพลางแสดงอาการให้เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกอย่างไร
“ดีอ่ะ! แบบนี้กำลังใจมาเต็มสินะ” ยุนอาบอกแกมแซวเพื่อนของตัวเองเล็กน้อย
“อื้ม! แต่พอเข้าไปแคสจริงๆมันก็อดตื่นเต้นแล้วก็กังวลไม่ได้อ่ะ” ซอฮยอนบอกพลางยกยิ้มบางๆ
“แล้วจะรู้ผลตอนไหนอ่ะ?” ยุนอาถามต่อด้วยความอยากรู้
“เห็นชานยอลบอกว่าอีก 2 วันถึงจะรู้ผลน่ะ” ซอฮยอนตอบให้เพื่อนสนิทของตัวเองหายสงสัย
“ฉันขอให้แกได้บทนี้ทีเถอะ! จะได้ไปตอกหน้ายัยหมีอ้วนทิฟฟานี่นั่นโทษฐานหยิ่งนัก!” ยุนอาบอกพลางใส่อารมณ์
“อย่าเลยนะฉันว่าทิฟฟานี่ไม่ได้ร้ายหรือหยิ่งอะไรอย่างที่คิดหรอกทิฟฟานี่เหมือนกับจะแสดงออกไม่ค่อยเก่งมากกว่า” ซอฮยอนบอกเชิงห้ามปรามเพื่อนของตัวเองที่ดูเหมือนจะโกรธเคืองทิฟฟานี่อยู่ไม่ใช่น้อย
“เหอะ! แสดงออกไม่เก่งหรือตั้งใจจะไม่แสดงทางด้านที่ดีออกมาให้เห็นมากกว่าล่ะ” ยุนอาบอกอย่างอคิตพลางยกมือขึ้นกอดอกจนซอฮยอนอดส่ายหัวไปมาอย่างระอาไม่ได้
“เราต้องให้เวลาทิฟฟานี่ปรับตัวบางทีทิฟฟานี่อาจจะเป็นคนดีกว่าที่เราคิดก็ได้นะ” ซอฮยอนบอกอย่างคนมองโลกในแง่ดี
“โอ๊ย! ฉันว่าแกไม่ต้องเป็นหรอกนักแสดงเนี่ยไปบวชเลยดีกว่าถ้าธรรมะจะมีมากขนาดนี้!” ยุนอาร้องออกมาก่อนจะพูดเชิงเหน็บเพื่อนตัวเองที่ชอบทำตัวเป็นนักบุญนักธรรม
“พอแล้วเลิกคุยเรื่องนี้เถอะ...ฉันว่าเราออกไปช็อปปิ้งกันหน่อยมั้ย?” ซอฮยอนบอกเชิงห้ามปรามก่อนจะเอ่ยชวนซึ่งอีกฝ่ายก็ดูสนใจมิใช่น้อย
“เริ่ดมาก! นานแล้วนะที่ไม่ได้ว่างแบบนี้เพราะฉะนั้นก็...Let go!” ยุนอาตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรมากพลางส่งยิ้มไปให้ก่อนทั้งคู่จะลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินหยิบกระเป๋าของแตละคนแล้วเดินออกจากห้องพักไปโดยไม่ลืมล็อคห้องอย่างทุกครั้ง
ทางด้านแทยอนหลังจากที่แยกกับมาร์คเรียบร้อยเธอก็ขับรถตรงเข้าไปยังบริษัทเพื่อไปคุยเกี่ยวกับละครเรื่องใหม่ที่อาจจะมีเริ่มถ่ายทำในอีกไม่ช้า
“มาแล้วค่ะ” เมื่อแทยอนขับรถมาถึงบริษัทก็ไม่รอช้าที่เธอจะขึ้นลิฟท์แล้วเดินไปยังห้องประชุมที่ทางประธานได้นัดกับเธอเอาไว้ก่อนที่จะมาถึงที่นี่
“มานั่งสิ” เมื่อได้ยินเสียงของแทยอนทางประธานของบริษัทก็เปิดปากเชิงอนุญาตให้แทยอนเข้ามาซึ่งเธอก็ทำตามแต่โดยดีก่อนจะเดินมานั่งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆกับผู้จัดละคร
“เอาล่ะงั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าสำหรับละครเรื่องใหม่ของเธอ” เมื่อแทยอนทิ้งตัวลงนั่งเรียบร้อยทางประธานบริษัทก็เริ่มเปิดประเด็นทันที
“โอเคครับ..คือในละครเรื่องใหม่ผมว่าจะเริ่มถ่ายทำในอีก 3 สัปาดาห์ข้างหน้าคุณคิดว่าจะไหวมั้ยครับ?” เมื่อทางประธานบริษัทเปิดประเด็นขึ้นมาทางผู้จัดละครก็ไม่รอช้าที่จะพูดขึ้นทันที
“ไหวค่ะ..ช่วงนี้ละครที่ฉันกำลังถ่ายทำก็ดำเนินเรื่องมาก็ใกล้จะจบแล้ว” แทยอนตอบรับทันทีอย่างไม่คิดมากพลางส่งยิ้มไปให้
“ดีเลยครับผมจะได้ดำเนินการได้เลย” ทางผู้จัดละครเอ่ยออกมาอย่างดีใจพลางส่งยิ้มไปให้
“ว่าแต่เรื่องนี้ฉันต้องเล่นคู่กับใครเหรอคะ?” แทยอนเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะเธอรู้เพียงแค่ว่าจะได้ร่วมเล่นละครเรื่องใหม่ของช่องแต่กลับไม่เคยรู้ว่าเธอต้องเล่นคู่กับใคร
“เรื่องนี้เรากำลังดำเนินการอยู่ครับ” ทางผู้จัดละครตอบให้แทยอนหายสงสัย
“หมายความว่ายังไม่ลงตัวเหรอคะ?” แทยอนถามต่อเพื่อความแน่ใจซึ่งทางผู้จัดละครก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ
“ตอนนี้ทางทีมงานของเรากำลังช่วยกันคัดเลือกคนที่จะมารับบทนำฝ่ายชายอยู่อีก 2 วันเราคงจะรู้ผลกันครับ” ทางผู้จัดละครบอกซึ่งแทยอนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เดี๋ยวยังไงฉันจะพยายามเคลียร์คิวงานให้เธอแล้วกันนะ” ประธานบริษัทพูดขึ้นซึ่งแทอยนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจเชิงรับรู้
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“อ่อ! ผมฝากคุณไปบอกเจสสิก้าหน่อยสิว่าพรุ่งนี้ให้มาพบผมที่บริษัทหน่อย” ประธานบริษัทบอกแกมสั่งแทยอนเมื่อนึกขึ้นได้
“ได้ค่ะ..ถ้าวันนี้ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” แทยอนตอบรับก่อนจะพูดเชิงเอ่ยลาซึ่งประธานบริษัทก็พยักหน้าเชิงอนุญาตซึ่งแทยอนก็ไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นพลางโค้งให้ทั้งสองคนก่อนจะเดินออกไป
ทางด้านเจสสิก้าหลังจากที่ชำระล้างร่างกายและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนิโซฟาพลางหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ดูไปพลาง
ไลน์!~~
ในขณะนั้นเสียงเตือนของแอปพลเคชั่นไลน์ก็ดังขึ้นเจสสิก้าจึงละสายตาจากจอสี่เหลี่ยมขนาดกลางตรงหน้าแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความอย่างสนใจ
คิมแทยอน : เจสสิก้าพรุ่งนี้มาที่บริษัทด้วยนะ
เจสสิก้าจอง : ไปทำไมอ่ะ?
คิมแทยอน : ไม่รู้เหมือนกันอ่ะประธานฝากฉันให้บอกแก
เจสสิก้าจอง : ห๊ะ? แกเข้าบริษัทมาเหรอ?
คิมแทยอน : อื้ม! ทำไมเหรอ?
เจสสิก้าจอง : ไหนแกบอกว่าจะออกไปรีเล็กซ์ไง..โกหกฉันงั้นเหรอ!!
คิมแทยอน : ใครโกหก? ไม่มี๊ไม่มีเลย ฉันก็แค่โดนเรียกเข้าไปคุยเกี่ยวกับละครเรื่องใหม่กะทันหันก็เท่านั้นเองนะ
เจสสิก้าจอง : จริงอ่ะ? ว่าแต่แกได้เล่นเรื่องอะไรเหรอ?
คิมแทยอน : My Lady Girl อ่ะ
เจสสิก้าจอง : จริง! O_O นั่นมันเรื่องที่ซอฮยอนไปแคสติ้งวันนี้เลยนะ
คิมแทยอน : บังเอิญเกินไปป่ะเนี่ย แต่ก็ดีนะฉันจะได้สบายใจหน่อย 55555555
เจสสิก้าจอง : ถ้าเกิดซอฮยอนผ่านการแคสติ้งฉันคงไม่ต้องห่วงแล้วมั้งมีนางเอกดาวรุ่งอย่างแกช่วยเหลืออยู่ 55555555
คิมแทยอน : ถ้าเป็นยังไงนั้นจริงจะช่วยสอนจะช่วยดูแลให้เป็นอย่างดีเลย
เจสสิก้าจอง : น่ารักจังเลยยย~~~
คิมแทยอน : งั้นฉันขอตัวไปรีเล็กซ์ละ บรัยส์!
#วันต่อมา
และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ภายในกองถ่ายละคร ‘Beauty Girl’ เต็มไปด้วยความวุ่นวายไม่ว่าจะเป็นทางทีมงานที่ต้องจัดเตรียมสถานที่ถ่ายทำ ส่วนทางนักแสดงก็นั่งซ้อมบทกันก่อนจะเริ่มถ่ายทำ
“พี่สิก้าตกลงพี่หายงอนผมยัง?” มาร์คเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเจสสิก้าที่กำลังนั่งท่องบทอยู่ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอ้อนๆแต่ก็ไร้วี่แววการตอบกลับจากคนอายุมากกว่า
“พี่สิก้าพี่อย่าเงียบแบบนี้ได้มั้ย?” มาร์คถามเจสสิก้าด้วยน้ำเสียงออดอ้อนมากกว่าเก่าพลางทำสีหน้าให้ดูน่าสงสาร
“นายกำลังรบกวนสมาธิของพี่อยู่นะ” เจสสิก้าละสายตาจากบทละครหันมาเอ็ดคนอายุน้อยกว่าเสียงเรียบ
“ก็พี่ไม่ยอมพูดกับผมอ่ะ” มาร์คบอกด้วยน้ำเสียงงอแงเหมือนเด็กๆ
“ก็พี่กำลังท่องบทอยู่จะให้พูดกับนายยังไงเล่า” เจสสิก้าบอกพลางยกมือขึ้นดันหน้าผากของมาร์คเบาๆแต่ก็ทำให้มาร์คหน้าหงายไปเล็กน้อย
“พี่โกหกน่าพี่งอนอะไรผมเนี่ย?” มาร์คบอกก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงต้องการคำตอบ
“ไม่ได้งอนสักหน่อย” เจสสิก้าบอกมาร์คเสียงเรียบ
“ไม่เชื่ออ่ะ! ถ้าพี่ไม่งอนพี่ก็ต้องคุยกับผมสิ” มาร์คบอกอย่างไม่เชื่อพลางมองคนอายุมากกว่าอย่างจับผิด
“ก็บอกแล้วไงว่ากำลังท่องบทอยู่นายนี่คิดมากอ่ะ” เจสสิก้าบอก
“ตกลงพี่จะบอกว่าไม่ได้งอนผมจริงๆว่างั้น?” มาร์คถามเพื่อความแน่ใจ
“อื้ม! พี่จะงอนนายไปทำไมล่ะ?” เจสสิก้าตอบพลางพยักหน้าก่อนจะเลิกคิ้วสูงใส่
“ว่าแต่เมื่อวานพี่โทรมาหาผมมีอะไรเหรอ?” มาร์คถามต่อด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกน่า..มือก็แค่กดไปโดนเบอร์เฉยๆ” เจสสิก้าตอบพลางส่งยิ้มบางๆไปให้
“พูดจริงอ่ะ?” มาร์คถามพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อจะดูว่าพี่คนนี้กำลังโกหกหรือเปล่า
“กะ..ก็ใช่น่ะสินายจะมาสงสัยอะไรเล่า!” เจสสิก้าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆมาร์คก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“งั้นผมไปท่องบทละ ^_^” มาร์คบอกพลางยกยิ้มให้เจสสิก้าก่อนจะผละหน้าออกมาแล้วเดินไปหยิบบทของตัวเองแล้วเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆกับโซฟาที่เจสสิก้านั่งอยู่
“Hi!~~” ในขณะที่ทีมนักแสดงกำลังนั่งอ่านบทกันอย่างตั้งใจจู่ๆก็มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ทั้งทีมนักแสดงและทีมงานที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้นหันไปมองเป็นตาเดียว
“พี่ซูยอง!” เป็นเจสสิก้าที่ร้องออกมาด้วยความดีใจก่อนจะวางบทละครในมือลงไว้ข้างๆตัวแล้วเด้งตัวลุกขึ้นก่อนจะวิ่งเข้าไปโผก่อนคนมาใหม่ด้วยความคิดถึง
“อะไรของเธอเนี่ยพี่หายใจไม่ออกแล้วนะ” เมื่ออีกคนวิ่งมาโผกอดด้วยความดีใจซูยองก็ตอบรับสัมผัสโดยการกอดตอบเช่นกันจนเธอรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกอดเธอแน่นมากเกินไปเธอจึงพูดแกมบ่นขึ้นมาทำให้เจสสิก้าผละออกอย่างรวดเร็ว
“ก็ฉันคิดถึงพี่นี่นารู้มั้ยพี่ไม่อยู่ฉันลำบากแค่ไหน” เจสสิก้าบอกพลางทำน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็กเล็กๆจนคนที่อยู่แถวนั้นอดอมยิ้มกับท่าทางของเธอเวลาอยู่หลังกล้องไม่ได้
“ก็เคยบอกให้ฝึกขับรถแล้วเราก็ดื้อไม่ฝึกเองนี่นา” ซูยองบอกแกมดุจนเจสสิก้าเบ้ปากเล็กน้อยอย่างน่ารัก
“ไม่เอาหรอกฉันมีพี่ทั้งคน” เจสสิก้าบอกพลางส่งยิ้มไปให้คนอายุมากกว่า
“แล้วเธอคิดว่าพี่จะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิตหรือไง? พี่ก็ต้องไปมีครอบครัวบ้างนะ” ซูยองบอกพลางยกมือขึ้นเขกตัวเจสสิก้าเบาๆ
“แต่ฉันว่าอีกนานอ่ะ” เจสสิก้าบอกจนได้รับสายตาดุๆจากคนอายุมากกว่า
“นี่พี่มาเพื่อให้เธอมาว่าพี่งั้นเหรอเนี่ย!!” ซูยองบอกพลางมองหน้าเจสสิก้าดุๆ
“ฉันล้อเล่นน่าพี่อย่าคิดจริงจังสิ ว่าแต่ทำไมพี่กลับมาเร็วล่ะไหนบอกว่าจะไปหนึ่งสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ?” เจสสิก้าบอกก่อนจะถามต่อด้วยความสงสัย
“อ๋อ! พอดีว่าญาติหายเร็วกว่าที่คิดนะพี่เลยได้กลับมาอีกส่วนก็เป็นห่วงว่าเธอจะลำบากนี่แหละ” ซูยองตอบพลางส่งยิ้มไปให้
“หูยยยย!~ น่ารักที่สุดเลยอ่ะ” เจสสิก้าร้องออกมาอย่างแซวๆก่อนจะพูดเอ่ยชม
“อ้าว? พี่ซูยองกลับมาจากเยี่ยมญาติแล้วเหรอคะ?” แทยอนที่เพิ่งสังเกตเห็นคนมาใหม่ก็ไม่รอช้าที่จะเข้ามาทักทายทำให้ทั้งสองคนหันไปมองโดยทันที
“ใช่แล้ว พี่กลัวสิก้าจะไปทำเรื่องให้เธอปวดหัวเลยรีบกลับไง” ซูยองตอบก่อนจะพูดต่อ
“เชอะ! ฉันเป็นเด็กดีจะตายไม่เชื่อถามแทยอนดูสิ” เจสสิก้าส่งเสียงงอนๆให้กับซูยองก่อนจะพูดต่อ
“เด็กดีหรือไม่ดีฉันไม่รู้หรอกค่ะแค่ว่าตอนนี้สิก้ากำลังฮอตนะพี่” แทยอนบอกพลางส่งยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
“หมายความอะไรของเธอ?” ซูยองเอ่ยถามด้วยความสนใจ
“ก็มีคนมาจีบยัยสิก้าด้วยนี่นาท่าทางจะไปกันได้ดีด้วย > <” แทยอนบอกพลางทำท่าเขินอายจนเจสสิก้าต้องยกมือขึ้นหยิกต้นของอีกคนจนแทยอนอดร้องออกมามาได้
“หยุดพูดเพ้อเจ้อเดี๋ยวนี้นะคิมแทยอน!!” เปิดปากสั่งพลางถลึงตาใส่อย่างดุๆ
“เธอมีอะไรปิดบังพี่เหรอสิก้า?” ซูยองถามเจสสิก้าเสียงเข้มพลางจ้องหน้าไม่วางตา
“ไม่มีหรอกค่ะยัยแทยอนก็พูดเพ้อเจ้อ” เจสสิก้าบอกเชิงปฏิเสธ
“ฉันไม่ได้เพ้อเจ้อนะเดี๋ยววันนี้พี่ลองสังเกตดูสิแล้วจะรู้” แทยอนบอกเชิงใบ้ให้อีกคนได้รู้
“พี่อย่าไปฟังยัยแทยอนเลยฉันไม่ได้มีใครมาจีบทั้งนั้นแหละ” เจสสิก้าบอกแกมยืนยันเสียงมั่นคง
“พี่สิก้าผู้กำกับบอกให้พี่ไปซ้อมคิวได้แล้วครับ” เสียงของมาร์คดังขึ้นขัดบทสนทนาทำให้ทั้งเจสสิก้า แทยอน และซูยองหันไปมองเป็นตาเดียว
“โอเคนายไปก่อนเลยเดี๋ยวพี่ตามไป” เจสสิก้าตอบพลางส่งยิ้มไปให้ซึ่งมาร์คก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินไปซ้อมคิวก่อน
“งั้นฉันไปซ้อมก่อนนะ” เจสสิก้าบอกก่อนจะเดินออกไป
“คนนั้นหรือเปล่าที่เธอบอกว่ากำลังจีบสิก้าน่ะ?” เมื่อเห็นว่าเจสสิก้าเดินออกไปแล้วซูยองก็ดึงแทยอนให้เข้ามาใกล้ๆก่อนจะถามเสียงเบาที่สามารถได้ยินเพียงแค่สองคน
“ถูกต้องนะคร๊าบบ!~~ แล้วดูท่าทางยัยสิก้าก็จะชอบตอบด้วยนะ” แทยอนบอกพลางส่งยิ้มให้ก่อนจะพูดต่อ
“แปลกแฮะสิก้าเคยบอกว่าไม่ชอบคนอายุน้อยกว่านะ?” ซูยองบอกด้วยน้ำเสียงงุนงงระคนสงสัย
“ก็นั่นเป็นอดีตแต่ตอนนี้มันปัจจุบันนะพี่” แทยอนบอก
“แต่พี่ว่าไม่น่าใช่ก็ได้นะก็สิก้านางแอนตี้ความรักกับคนอายุน้อยกว่าจะตายไป” ซูยองบอก
“พี่เชื่อฉันเถอะคนอย่างคิมแทยอนดูใครไม่เคยพลาดหรอก” แทยอนบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจพลางยกมือขึ้นกอดอกแล้วเชิ่ดหน้าอย่างหมาดมั่น
หลังจากที่การถ่ายทำในวันนี้เสร็จสิ้นทั้งทีมงานต่างก็ช่วยกันเก็บของส่วนทางด้านทีมนักแสดงก็เช่นกันที่กำลังเก็บของๆตัวเองอยู่
“สิก้าวันนี้เธอต้องไปร่วมงานปาร์ตี้นะนี่ชุดพี่ไปเอามาให้” ซูยองเดินเข้ามาก่อนจะพูดเตือนพลางยื่นชุดราตรีสีน้ำเงินเข้มให้กับเจสสิก้าที่กำลังเก็บของอยู่ทำให้เธอต้องหยุดมือแล้วหันไปรับมันมา
“อ๋อ! ค่ะงั้นฉันขอเก็บของก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปเปลี่ยนนะคะ” เจสสิก้าตอบรับก่อนจะวางชุดราตรีนั่นไว้ข้างๆกันแล้วเร่งมือเก็บของ
“แทยอนแล้วชุดแกล่ะ?” เจสสิก้าหันไปถามแทยอนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องไปงานนี้ด้วยกัน
“อ๋อ! อยู่ท้ายรถน่ะ” แทยอนตอบในขณะที่มือก็ยังคงเก็บของเข้ากระเป๋า
“งั้นเดี๋ยวพีไปเอาให้เอากุญแจมาสิ” ซูยองบอกอย่างหวังดีพลางยื่นมือไปรอรับกุญแจรถจากแทยอน
“ขอบคุณค่ะพี่ซูยอง J” แทยอนบอกพลางส่งยิ้มให้ก่อนจะยื่นกุญแจรถให้โดยไม่ลืมที่จะบอกว่ารถของเธอจอดอยู่ตรงไหนแล้วหันไปเก็บของเหมือนเดิม
“เดี๋ยวนะวันนี้แกต้องเข้าบริษัทนี่ประธานเรียกนะลืมแล้วเหรอ?” แทยอนที่กำลังเก็บของอยู่นั้นก็นึกขึ้นได้จึงหันไปเอ่ยถามแกมเตือนเพื่อนของตัวเอง
“นั่นสิ ตอนแรกก็คิดว่าจะถ่ายเสร็จเร็ว..งั้นเดี๋ยวฉันค่อยโทรบอกประธานเองแล้วกัน” เจสสิก้าบอกแกมบ่นอุบอิบ
“โอเคตามนั้น” แทยอนบอกก่อนที่ทั้งสองจะหันไปเก็บของให้เสร็จ
“พี่สิก้านี้ชุดอะไรเหรอ?” มาร์คที่เก็บของเสร็จก่อนก็เดินเข้ามาถามเจสสิก้าด้วยความสงสัยเมื่อเห็นชุดราตรีที่วางอยู่ใกล้ๆกับเจสสิก้า
“อ๋อ! ชุดไปงานปาร์ตี้ของทางบริษัทน่ะ” เจสสิก้าตอบในขณะที่มือยังเก็บของอยู่
“นายไม่ได้ไปเหรอ?” แทยอนที่เก็บของเสร็จก็เงยหน้าขึ้นถามพลางขมวดคิ้ว
“ไม่ครับพอดีพรุ่งนี้ผมมีเรียนตอนเช้าเลยจะรีบกลับไปพัก” มาร์คตอบพลางส่ายหน้า
“ยังไงก็ขับรถดีๆด้วยล่ะ อ่อ! ห้ามขับรถเร็วนะเดี๋ยวก็ได้เดี้ยงก่อนถ่ายละครจบจะหาว่าพี่ไม่เตือน” เจสสิก้าบอกแกมสั่งมาร์คด้วยความเป็นห่วงซึ่งคนอายุน้อยกว่าก็พยักหน้าตอบรับ
“คร๊าบบบบ!~ พี่นี่ทำผมหายคิดถึงแม่เลยนะ” มาร์คตอบรับแล้วลากเสียงยาวก่อนจะพูดต่อจนได้รับสายตาตวัดจากเจสสิก้า
“นี่! นายกำลังว่าพี่แก่งั้นเหรอ?” เจสสิก้าขึ้นเสียงสูงใส่พลางมองค้อนมาร์คไม่วางตา
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะพี่อย่าใส่ร้ายสิ” มาร์คบอกเชิงแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“พอได้แล้วสองคนทะเลาะกันทุกทีฉันปวดหัวแล้วนะ” แทยอนซึ่งเป็นคนคนกลางก็ทนไม่ไหวจึงเอ่ยปากห้ามทำให้สงครามน้ำลายที่กำลังเกิดขึ้นหยุดลงได้ทันเวลาและก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซูยองถือชุดราตรีที่เธอจะใส่ไปงานปาร์ตี้คืนนี้เดินเอามาให้เธอ
“ขอบคุณค่ะพี่ซูยอง ^_^” เอ่ยขอบคุณพลางส่งยิ้มให้ก่อนจะรับชุดนั้นมาถือไว้เอง
“นี่เหรอ? คนที่มีข่าวกับเธอตอนพี่ไม่อยู่?” พยักหน้าตอบรับแทยอนก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่มาร์คเธอจึงเอ่ยถามเจสสิก้าพลางเลิกคิ้วสูง
“ค่ะ” เจสสิก้าตอบพลางพยักหน้าซึ่งมาร์คเองก็โค้งให้ซูยองอย่างสุภาพตามมารยาท
“งั้นผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับพี่สิก้า พี่แทยอน แล้วก็พี่ผู้จัดการ ^^” มาร์คบอกเชิงขอตัวพลางโค้งให้ทุกคนก่อนจะเดินออกไป
“เราสองคนก็ไปเปลี่ยนชุดเถอะเวลางานใกล้เริ่มแล้ว” หลังจากที่มาร์คเดินออกไปซูยองก็เปิดปากบอกแกมสั่งซึ่งทั้งสองคนก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดโดยที่ไม่ลืมหยิบชุดไปด้วย
และตอนนี้ทั้งเจสสิก้า แทยอน และซูยองก็เข้ามาอยู่ภายในห้องจัดงานเลี้ยงของบริษัทที่พวกเธอสังกัดอยู่โดยเจสสิก้าอยู่ในชุดราตรีสีน้ำเงินเข้มซึ่งช่วยในการขับสีผิวให้เธอดูขาวมากขึ้น แทยอนก็อยู่ในชุดราตรีสีชมพูอ่อนทำให้เธอดูเป็นสาวหวานจนตกเป็นที่สนใจของคนในงาน ส่วนซูยองมาในชุดเดรสสีครีมยาวถึงเข่าเพื่อช่วยให้เดินได้สะดวกมากขึ้น
“ฉันไม่คิดว่าคนในบริษัทจะมางานเยอะขนาดนี้นะ” เจสสิก้าหันไปกระซิบกับแทยอน
“นั่นสิแถมมีบางคนก็เหมือนจะเป็นนักธุรกิจด้วยอ่ะ” แทยอนบอกอย่างเห็นด้วยพลางพูดต่อ
“พี่ซูยองรู้มั้ยคะว่าคนพวกนั้นใช่คนในบริษัทเราหรือเปล่า?” เจสสิก้าหันไปถามซูยองที่กำลังกวาดสายตามองทั่วงาน
“อ๋อ! เป็นคนจากบริษัทเจเจกรุ๊ปน่ะ” ซูยองมองตามที่เจสสิก้าบอกก่อนจะตอบคำถามให้ทั้งคู่ได้หายสงสัย
“ว่าไงนะคะ!?” เจสสิก้าถามกลับเพื่อความแน่ใจ
“ก็คนของบริษัทเจเจกรุ๊ปไง” ซูยองบอกเชิงตอกย้ำคำตอบให้ชัดเจน
“ทำไมพี่ไม่บอกฉันว่างานนี้มีคนของเจเจกรุ๊ปมาด้วย!?” เจสสิก้าเอ่ยถามเสียงสั่นเพราะกลัวว่าจะเจอคนที่ไม่ยากเจอ
“พี่คิดว่าเธอรู้แล้วซะอีกหรือว่าเธอไม่ได้อ่านการ์ดเชิญ?” ซูยองตอบก่อนจะถามด้วยความสงสัย เพราะทุกคนที่มาในงานก็จะได้รับการ์ดเชิญทุกคน
“เฮ้อ! ความผิดฉันเองแหละค่ะ - -” เจสสิก้าถอนหายใจอย่างเซ็งตัวเองก่อนจะพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย เพราะตอนที่ได้รับการ์ดมานั้นเธอก็แค่รับมันแต่ไม่คิดจะเปิดมันดูหรอก
“เดี๋ยวดิ! ไอตากล้องบ้านั่นมาโผล่ที่งานด้วยได้ยังไงกันเนี่ย!?” แทยอนพูดขึ้นด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆสายตาก็ไปสะดุดกับผู้ชายหน้าหวานที่กำลังยืนคุยกับใครอีกคนที่เธอไม่รู้ว่าใครเพราะเขาหันหลังให้อยู่
“ข้างหลังนั่นมัน..คุ้นตายังไงชอบกล?” เจสสิก้าหันไปมองตามแทยอนพลางเพ่งมองผู้ชายที่กำลังคุยกับลูฮานด้วยความสงสัยและก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ลูฮานหันมาเห็นพอดีแถมยังเดินมาอีกส่งผลให้แทยอนต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ไม่คิดว่าคุณจะมางานนะ” เมื่อเดินมาหยุดตรงหน้าของแทยอน เจสสิก้า และซูยองลูฮานก็เปิดปากพูดกับแทยอนทันที
“ก็นี่มันงานของบริษัทฉันทำไมฉันจะไม่มา” แทยอนตอบเสียงเรียบคล้ายกับคนที่ไม่เต็มใจคุย
“โอ๊ะ! ผมลืมไปเลยนะครับว่าคุณเป็นนักแสดงของบริษัทนี้สงสัยคุณคงยังไม่ดังพอมั้งผมเลยไม่ทราบ ^_^” ลูฮานบอกอย่างกวนประสาทพลางส่งยิ้มให้จนแทยอนแทบอยากจะต่อยหน้าหวานๆนั่นเข้าไปสักที
“ปากเสีย!” แทยอนเปิดปากด่าพลางถลึงตาใส่อย่างดุๆ
“พี่ซูยองสวัสดีครับ J” เพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกลับแทยอนลูฮษนจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปทักทายซูยองซึ่งเธอก็ตอบรับไมตรีโดยการส่งยิ้มไปให้
“ไม่เจอกันนานหล่อขึ้นนะ” ซูยองบอกแกมเอ่ยชมคนตรงหน้า
“แหวะ..ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย” แทยอนแอบเหน็บคำพูดของซูยองเล็กน้อยพลางทำท่าทางเหมือนจะอ้วกจนลูฮานอดจะหันมามองไม่ได้
“วันนี้คุณดูเตี้ยนะไม่ได้ใส่ส้นสูงมาเหรอ?” ลูฮานเอ่ยถามแทยอนเสียงเรียบแต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความกวนประสาทจนแทยอนแทบอยากจะกระโดดเตะปากนั่นสักที #โหดเวอร์ =[ ]=
“เอ่อ..นี่ลูฮานเมื่อกี๊นายคุยกับใครเหรอ?” เจสสิก้าถามแทรกขึ้นด้วยความสงสัยระคนอยากรู้ทำให้สงครามประสาทที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างลูฮานกับแทยอนต้องยุติลง
“อ๋อ! จินยองน่ะเธอไม่เข้าไปทักหน่อยเหรอ?” ลูฮานตอบก่อนจะถามต่อแต่คำตอบของเขากลับทำเอาเจสสิก้าอึ้งจนพูดไม่ออก
“ไม่ล่ะฉัน..เอ่อ...ฉันหิวน่ะขอตัวก่อนนะพี่ซูยองไปกับฉันหน่อยสิ” เจสสิก้าตอบปฏิเสธพลางคิดหาข้ออ้างก่อนจะพูดไปแล้วหันไปลากซูยองเดินออกไปด้วย
“รอฉันด้วยสิ!” แทยอนบอกเจสสิก้าแล้วเดินตามไปโดยไม่ลืมจะหันไปมองลูฮานด้วยสายตาดุๆแต่อีกคนกลับไหวไหล่อย่างไม่แยแสจนแทยอนอดจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดไม่ได้
“พี่ไปคุยกับใครมาเหรอ?” เมื่อลูฮานเดินกลับมาจินยองก็เปิดปากถามทันทีพลางเลิกคิ้วสูง
“แทยอนกับเจสสิก้า” ลูฮานตอบพลางยกยิ้มเล็กน้อยแต่อีกคนกลับมีท่าทีสนใจเมื่อชื่อของอดีตคนรักหลุดออกมาจากปากของคนอายุมากกว่า
“พี่ว่าอะไรนะพี่สิก้ามางานนี้ด้วยเหรอ?” จินยองถามต่อเพื่อความแน่ใจระคนดีใจ
“อื้ม! อยู่โซนอาหารทางนั้นน่ะลองเข้าไปหาสิ” ลูฮานตอบพลางพยักหน้าก่อนจะชี้ไปทางโซนอาหารที่เจสสิก้า แทยอน และซูยองอยู่
“ยังดีกว่าครับผมอยากคุยกับพี่สิก้าแค่สองคน” จินยองบอกเมื่อเห็นว่าเจสสิก้าไม่ได้อยู่คนเดียว
“แล้วเมื่อไหร่นายจะได้คุยเล่ารีบไปสิดูท่าเจสสิก้าคงอยากจะรีบกลับแล้ว” ลูฮานบอกแกมสั่งคนอายุน้อยกว่าซึ่งทำให้จินยองมีท่าทีลังเลเล็กน้อย
“อย่าเพิ่งดีกว่าครับผมกลัวว่าพี่สิก้าจะตีตัวออกห่างผมอีกผมอยากอยู่ในงานเดียวกับพี่สิก้าให้นานกว่านี้” จินยองบอกก่อนจะเดินไปอีกด้านหนึ่งส่งผลให้ลูฮานอดจะส่ายหน้าด้วยความเซ็งไม่ได้
“เรื่องมันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่าที่ฉันกับแกต้องมาเจอคนที่ไม่อยากจะเจอแบบนั้น” แทยอนพูดขึ้นพลางชะเง้อคอมองลูฮานก่อนจะเบะปากใส่อย่างนึกโมโห
“แต่พี่ว่าอาจจะเป็นพรมลิขิตก็ได้ล่ะมั้ง J” ซูยองพูดขึ้นขณะกำลังตักอาหารใส่จานก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้
“พี่หยุดพูดเพ้อเจ้อได้แล้วนะคะ!!” ทั้งสองคนประสานเสียงพร้อมกันพลางมองซูยองด้วยสายตาคาดโทษ
“อย่ามองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นสิพี่ก็แค่พูดไปตามน้ำ” ซูยองบอก
“ฉันว่าพี่กำลังเข้าใจผิดมากนี่มันไม่ใช่พรมลิขิตแต่มันเป็นกรรมลิขิตค่ะ!” แทยอนบอกพลางใส่อารมณ์
“พี่ซูยองฉันอยากกลับบ้านแล้ว” เจสสิก้าบอกซูยองด้วยน้ำเสียงงอแง
“ได้ที่ไหนกันล่ะมางานยังไม่ทันจะถึงชั่วโมงจะรีบกลับได้ไงอีกอย่างค่าชุดมันเปลืองนะเธอใช้มันไม่คุ้มเลย” ซูยองบอกแกมเอ็ดเจสสิก้าเล็กน้อย
“แต่ก็พี่ก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่อยากเจอหน้าเขา” เจสสิก้าบอกพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปให้
“ไม่ได้หรอกมันจะเสียมารยาทเราต้องอยู่ร่วมจนงานจบ” ซูยองบอกพลางส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพวกเขาคงเข้าใจ” เจสสิก้ายังคงไม่ละความพยายาม
“พอเลยพี่ไม่พาเรากลับหรอกถ้าอยากกลับก่อนะหารถเองเลย” ซูยองบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดจนเจสสิก้าต้องหันไปอ้อนแทยอน
“แทยอนงั้นแกไปส่งฉันหน่อยนะ”
“คือฉันว่าพี่ซูยองพูดถูกนะว่าควรอยู่ในงานไม่งั้นไอตากล้องบ้านั่นคงได้คิดว่าฉันกลัวเลยหนีกลับบ้านน่ะสิ” แทยอนบอกด้วยน้ำเสียงหมาดมั่น
“อะไรของแกเนี่ย?” เจสสิก้าถามอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันไม่ยอมเสียหน้าให้ไอบ้านั่นมาหาว่าฉันปอดแหกหรอก” แทยอนบอกพลางเชิ่ดหน้าเล็กน้อยก่อนจะลงมือตักอาหารทันที
“ฉันอยากจะบ้าตาย” เจสสิก้าบอกแกมบ่นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆที่ไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจ
เย้ๆๆๆๆๆๆ อัพครบแล้วจ้า!~~~
ถ้ามีเวลาอีกจะมาอัพให้อีกเรื่อยๆนะสำหรับตอนต่อไป
เม้นกันด้วยจิไม่เม้นเขาหมดกำลังใจนะเออ <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอค้า
รอน่ะค่ะ
ฮุนแท >//<
รอ คริสสิก ฮานซอ น่ะ
ผีที่นี่
ไปกันตั้ง 3 คนทางนี้จะไหวมั้ยเนี่ยยย
รอค่าาาาาาา
ยุน ได้ยิน
เจส ได้กลิ่น
มาเกือบเต็มแล้วเหลือ ตาเห็นนี่แหละ
ไปวัดกันเถอะ -3-
รอนะคะ
ชอบกิฟฮานซอมาก
"นายมาทำอะไรทีนี่ฮะ"
"ผมเป้นหมอจะให้มาขายเครื่องซักผ้าหรือไงคุณ"(ลู่กวนได้อีก555)
สนุกมากๆค่ะไรเตอร์^^
สาวๆรีบไปเลยเดี๋ยวไม่ได้งาน
รอนะคะ