ตอนที่ 4 : - { Behind the illusion } - // บทที่ ๐๓ : ศัตรูคู่รัก
#วันต่อมา
ที่งานเปิดตัวน้ำหอมคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์ดังแบรนด์หนึ่งที่ได้แทยอนกับเจสสิก้ามาร่วมงานซึ่งแทยอนมาในชุดเดรสสีเหลืองลายดอกไม้สีสันสดใส ส่วนผมแทยอนทำเป็นมวยผมสูงแล้วปล่อยปอยผมลงมาเล็กน้อยทำให้ส่งผลให้เธอยิ่งดูน่ารักขึ้นไปอีก
ทางด้านเจสสิก้าก็มาด้วยชุดเดรสเกาะอกสีดำช่วยขับผิวที่เนียนขาวอมชมพูของเธอให้ยิ่งมีออร่ามากขึ้นไปอีกบวกกับผมที่ยืดจนเรียบตรงส่งผลให้คนมองแทบจะละลายตามไปภาพลักษณ์ของเธอในวันนี้ และเมื่อทั้งสองมาถึงงานก็เดินมาหยุดให้นักข่าวได้ถ่ายรูปและสัมภาษณ์กันเล็กน้อย
“ตอนนี้ละครของทั้งคู่ถ่ายกันไปถึงไหนแล้วคะ?” เสียงของนักข่าวสำนักหนึ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นซึ่งแทยอนอมยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบ
“ตอนนี้ก็ถ่ายมาได้ครึ่งเรื่องแล้วค่ะเหลืออีกนิดหน่อยก็จะปิดกล้องแล้ว” แทยอนตอบขณะที่ฉีกยิ้มหวานไปด้วย
“แล้วเรื่องภาพหลุดเมื่อวานที่คุณเจสสิก้าไปซ้อนท้ายนักแสดงรุ่นน้องนี่คืออะไรยังไงคะ?” ไม่ทันไรนักข่าวอีกสำนักหนึ่งก็เอ่ยสวนขึ้นมาทำเอาเจสสิก้ากับแทยอนแทบไปต่อไม่ถูก
“ก็ไม่มีอะไรค่ะ แค่น้องเขาหวังดีอาสาไปส่งเฉยๆค่ะ” เจสสิก้าตอบนักข่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่มันแฝงไปด้วยความจริงในน้ำเสียง
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ให้เพื่อนของคุณพากลับล่ะคะ?” นักข่าวคนเดิมก็ยังคงส่งเสียงถามต่อจนทำเอาเจสสิก้าแอบนึกต่อว่านักข่าวคนนี้ในใจ
“เมื่อวานฉันมีนัดคุยกับท่านประธานเลยไปส่งไม่ได้ฉันเลยขอให้มาร์คไปส่งก็แค่นั้นเองค่ะ” เป็นแทยอนที่ตอบคำถามของนักข่าวคนนั้นเองด้วยสีหน้าจริงจังเพื่อเป็นการแสดงว่าเธอกำลังพูดความจริง
“คุณสองคนไม่ได้คบกันเหรอคะ?” นักข่าวอีกสำนักหนึ่งเอ่ยถามแทรกขึ้นมา
“ไม่ได้คบกันค่ะฉันกับมาร์คเป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้น” เจสสิก้าตอบนักข่าวคนนั้นทันทีโดยไม่มีท่าทีว่าจะคิดอะไร
“แล้วอย่างนี้จะมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้นมั้ยคะ?” นักข่าวอีกคนก็เอ่ยถามขึ้นมาซึ่งเป็นคำถามที่หลายๆคนต้องการอยากรู้เป็นอย่างมาก
“ขอให้ปล่อยเป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันนะคะ…” เจสสิก้าตอบเสียงเรียบก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย
“ยังไงเราสองคนขอตัวก่อนนะคะ” แทยอนบอกนักข่าวเชิงตัดบทพลางจับมือเพื่อนของเธอแล้วพาเดินเข้าไปในงานโดยไม่ลืมจะส่งยิ้มไปให้
“ว่าแล้วเชียวว่านักข่าวพวกนี้ต้องถามเรื่องฉันกับมาร์ค” เมื่อเข้ามาภายในงานเจสสิก้าก็เปิดปากบ่นกระปอดกระแปดพลางทำหน้าเบื่อโลกเต็มแก่
“เถอะน่าเขาก็ทำตามหน้าที่อย่าไปเฟลเลย” แทยอนบอกเชิงปลอบใจเพื่อนของตัวเอง
“ไม่ได้เฟลอะไรหรอกก็แค่ไม่เข้าใจทั้งที่พูดไปแล้วว่าไม่มีอะไรทำไมต้องเซ้าซี้” เจสสิก้าบอกอย่างไม่เข้าใจ
“เอาเถอะน่าเลิกสนใจมันเถอะไปนั่งกัน J” แทยอนบอกพลางส่งยิ้มให้เพื่อนของตัวเองแล้วลากเจสสิก้าให้ไปนั่งเก้าอี้ทางด้านหน้าที่ทีมงานได้จัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว
#ทางด้านบริษัทฝึกหัดนักแสดง
ในตอนนี้นักเรียนในคลาสก็กำลังซ้อมสวมบทบาทตามที่ได้รับโจทย์มาจากครูสอนแอคติ้งซึ่งแต่ละคนก็พยายามฝึกฝนกันอย่างเต็มที่ไม่มีใครเปิดปากบ่นกันแม้แต่นิดจนทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีจนได้รับรางวัลคือการพักผ่อนที่นานๆจะมีสักครั้ง
“รู้สึกดีเป็นบ้าเลยที่ได้พักแบบนี้!” ยุนอาบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุขพลางยืดแขนขาเล็กน้อยเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้า
“นั่นสินานๆจะได้พักแบบนี้สักที” ซอฮยอนบอกอย่างเห็นด้วยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข่าวสารพลางเอนตัวพิงกำแพงมุมหนึ่งของห้องซ้อมแห่งนี้แต่พอเลื่อนลงไปเรื่อยๆก็ต้องไปสะดุดกับข่าวในเว็บหนึ่งซอฮยอนจึงกดเข้าไปกดจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นหัวข้อพาดข่าวกับภาพที่ปรากฏ
“เป็นอะไรยัยซอทำไมต้องตกใจขนาดนั้น?” ยุนอาถามซอฮยอนด้วยความงุนงงก่อนจะชะโหงกหน้าไปดูบ้างก่อนที่จะมีอาการไม่ต่างกัน
‘มีนักข่าวตาดีไปเจอเข้ากับนักแสดงหนุ่มอักษรย่อ ม. และนักแสดงสาวรุ่นพี่อักษรย่อ จ. นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กันอย่างสวีทหวานแถมยังส่งกันถึงคอนโดอีกด้วย’
“นี่มันพี่สิก้ากับมาร์คนี่นา” ซอฮยอนพูดขึ้นหลังจากที่เห็นรูปที่ปรากฏให้เห็นอยู่
“ไหงกลายเป็นข่าวกันแบบนี้ล่ะ!?” ยุนอาพูดขึ้นด้วยความตกใจไม่แพ้กัน
“ดูคอมเม้นท์นี้สิ!” ซอฮยอนบอกพลางชี้ไปที่คอมเม้นท์แรกที่ขึ้นมาให้เห็นที่โพสว่า
Runway : สองคนนี้คบกันงั้นเหรอ? ไม่จริงใช่มั้ยยยยยยยย!! T^T
Umme : สองคนนี้น่ารักดีนะฉันชอบบบบบบบบ! > <
Mary : ใจฉันสลายเลยล่ะ TT ฉันอุตส่าห์ของมาร์คไว้แล้วเชียว ฮืออออออ
Rose_RS : แต่ฉันเคยได้ยินว่านางไม่ชอบเด็กนะ ฉันว่าเรื่องพวกนี้เพ้อเจ้ออ่ะ
“แต่ละคอมเม้นท์ฉันอ่านแล้วเพลียจุง - -” ยุนอาเปิดปากบ่นหลังจากอ่านคอมเม้นท์ที่แฟนคลับเข้ามาโพสกัน
“แต่มันก็ดีนะที่ไม่ได้มีใครมาแอนตี้พี่สิก้าน่ะ” ซอฮยอนบอกอย่างนึกโล่งอกแทนพี่สาวคนสนิทซึ่งยุนอาก็เห็นด้วย
“แบบนี้ไอชานยอลก็อกหักน่ะสิ” ยุนอาบอกพลางส่ายหัวไปมาอย่างนึกเวทนาเพื่อนของตนที่อุตห์ส่าสถาปนาตัวเองเป็นแฟนบอยเจสสิก้า
“ไม่หรอกน่าพี่สิก้าบอกฉันเองว่าไม่ชอบเด็กอ่ะ” ซอฮยอนบอกอย่างมองโลกในแง่ดี
“มันต่างกันตรงไหน? ชานยอลก็เด็กกว่าพี่สิก้านะ” ยุนอาบอกซึ่งก็ทำให้ซอฮยอนึกขึ้นได้
“นั่นสินะ...น่าสงสารชานยอลจัง” ซอฮยอนบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าๆเล็กน้อย
#กลับมาทางด้านเจสสิก้ากับแทยอน
เมื่อเข้ามานั่งแถวหน้าภายในงานแล้วแต่งานก็ยังไม่เริ่มเสียทีแทยอนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาก่อนจะเปิดไปเจอคอมเม้นท์ที่พูดกันถึงเรื่องข่าวของเจสสิก้ากับมาร์ค
“เจสสิก้าดูนี่สิมีคนเชียร์แกกับมาร์คให้เป็นแฟนกันด้วยนะ” แทยอนบอกพลางยื่นโทรศัพท์ให้เจสสิก้าดูซึ่งเจสสิก้าก็หยิบไปดูอย่างไม่คิดอะไร
“ไม่เอาหรอกฉันเข็ดกับคนอายุน้อยกว่าแล้วอ่ะ” เจสสิก้าเอ่ยปฏิเสธก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้กับแทยอน
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าจินยองทำอะไรให้แกเสียใจแต่คนที่อายุน้อยกว่ามันก็ไม่ได้เหมือนกันหมดเปล่าวะ?” แทยอนบอกเชิงอธิบายให้อีกคนฟัง
“ฉันรู้น่าแต่แกก็ต้องเข้าใจดิว่าฉันเคยโดนทำให้เสียใจมาก่อนแล้วแบบนี้ฉันจะไปเชื่อใจได้ไงล่ะ?” เจสสิก้าเปิดปากเถียงกลับ
“แต่มาร์คก็ดูเป็นเด็กดีนี่นาอีกอย่างดูท่ามาร์คจะชอบแกมากด้วยนะ” แทยอนบอก
“ฉันว่าแกคิดมากไปอ่ะ ฉันอยู่กับมาร์คยังไม่เห็นจะรู้สึกว่ามาร์คจะรู้สึกกับฉันแบบที่แกบอกเลย” เจสสิก้ายังคงเปิดปากเถียงต่อ
“ก็แกมันบื้อไงเล่าคนอย่างคิมแทยอนมองอะไรไม่เคยพลาดหรอกนะ” แทยอนบอกแกมต่อว่าเพื่อนของตัวเอง
“อ้าวนี่! แกหลอกด่าฉันเหรอยัยเพื่อนบ้า” เจสสิก้าสวนกลับทันควัน
“เปล่าเลยฉันแค่พูดให้แกฟัง” แทยอนบอก
“ช่างมันเถอะน่าเลิกพูดเรื่องนี้ยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ฉันจะคบกับมาร์คโอเคนะ J” เจสสิก้าบอกเชิงตัดบทก่อนจะส่งยิ้มกวนๆไปให้แทยอนแล้วหันไปสนใจโทรศัพท์ของตัวเองทำเอาแทยอนแทบอยากจะจับเพื่อนเธอไปเคาะเอาความซื้อบื้อออกจากหัวเสียที -*-
#ในช่วงบ่ายทางด้านเจสสิก้ากับแทยอน
หลังจากที่พวกเธอร่วมงานเปิดตัวแบรนด์น้ำหอมเสร็จสิ้นลงก็เดินทางต่อไปยังสตูดิโอของบริษัทคิวอาร์กรุ๊ปเพื่อถ่ายแบบลงปกนิตยสารประจำสัปดาห์ เมื่อมาถึงทีมงานที่มาเตรียมสถานที่อยู่ก่อนแล้วก็เดินนำทั้งสองคนไปยังห้องแต่งตัวก่อนจะพามานั่งแต่งหน้าทำผม
โดยปกติแล้วเวลาพวกเธอจะถ่ายปกนิตยสารจะพลัดกันไปถ่ายคนละเซตสองเซตแต่วันนี้มีช่างภาพมาถึงสองคนทำให้ทั้งคู่สามารถถ่ายพร้อมกันได้ซึ่งจะทำให้ลดเวลาการถ่ายทำมากขึ้นไปอีก
เมื่อทุกอย่างลงตัวเจสสิก้ากับแทยอนก็ไปสแตนบายประจำตำแหน่งซึ่งมีช่างาภาพมายืนรออยู่ก่อนแล้วก่อนจะเริ่มลงมาถ่ายภาพกันโดยเจสสิก้าที่ถือว่าผ่านงานถ่ายแบบมามากพอสมควรทำให้เธอสามารถโพสท่าได้อย่างต่อเนื่องแถมยังทำตามคำสั่งของช่างภาพได้อย่างมืออาชีพ ผิดกับแทยอนที่เธอเพิ่งจะได้มาชิมลางถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารเป็นครั้งแรกทำให้ธอดูเงอะงะจนช่างภาพที่รับหน้าที่ถ่ายภาพของเธออดหงุดหงิดไม่ได้
“คุณช่วยโพสท่าให้มันดีกว่านี้หน่อยได้มั้ย? หรือว่าเก่งแต่เล่นละคร?” เอ่ยปากบอกแกมต่อว่าคนที่เอาแต่โพสท่าเงอะๆงะๆจนดูไม่เป็นธรรมชาติ
“อย่ามาดูถูกฉันนะ! คนอย่างฉันมีดีกว่าที่นายเห็นย่ะ” เมื่อโดนต่อว่าแกมดูถูกแบบนั้นทำใหต่อมความไม่ยอมคนของแทยอนเริ่มทำงานโดยการเปิดปากเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
"งั้นก็แสดงให้เห็นเร็วๆหน่อยสิกะอีแค่โพสท่าให้มันสวยจะไปยากอะไร? ดูเพื่อนคุณสิมืออาชีพชะมัด” เมื่อเห็นท่าทางจองหองของนางแบบมือสมัครเล่นก็อดที่จะแอบแขวะต่อไม่ได้แถมยังไม่วายยังยกเธอไปเปรียบเทียบกับเจสสิก้าที่กำลังโพสอย่างมืออาชีพจนตอนนี้กำลังจะเริ่มเซตที่สองอยู่แล้ว
“ก็นั่นเพื่อนฉันเคยถ่ายแบบมาก่อนนี่! ก็ต้องทำได้ดีกว่าฉันที่เพิ่งลองถ่ายแหละย่ะ” แทยอนเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้พลางจ้องหน้าช่างภาพอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“อย่าแถดีกว่าคุณ..ทำไม่เป็นทำไม่ได้ก็บอกมาผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลา - -” เมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้าที่เหมือนกำลังแถอย่างข้างๆคูก็อดที่จะแอบเหน็บต่ออย่างอดไม่อยู่
“นายนี่มันเป็นผู้ชายที่ปากเสียที่สุดเลย! ยังไม่ทันจะรู้จักฉันดีจะมาตัดสินว่าฉันทำไม่ได้ได้ยังไงล่ะ!?” แทยอนตอกกลับไปเพื่อให้อีกฝ่ายคิดได้แต่ช่างภาพคนนี้กลับยักไหล่อย่างไม่แยแสทำเอาคนอารมณ์เย็นอย่างแทยอนแทบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จึงรีบเดินสะบัดก้นหนีไปหลบที่ห้องแต่งตัวเพื่อสงบสติอารมณ์เสียก่อน
ในตอนแรกที่เธอเห็นหน้าของช่างภาพก็อดจะนึกชมที่หน้าตาที่ดูหวานกว่าผู้หญิงทั่วไปแต่พออยู่หน้ากล้องกลับมีบุคลิกที่ดูมาดแมนเกินกว่าหน้าตาที่ดูอ่อนหวานแบบนั้น แต่ทุกอย่างก็ต้องพังทลายเมื่อได้ยินคำสบประมาทของเขาสุดท้ายตอนนี้เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์เพศผู้ที่มีดีแค่หน้าแต่นิสัย..แย่!
“แทยอนเป็นอะไรไปฉันเห็นอยู่ๆแกก็เดินเข้ามา?” ด้วยความเป็นห่วงเจสสิก้าจึงขออนุญาตช่างภาพเพื่อมาดูเพื่อนสนิทของตนก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันแค่หงุดหงิดและรู้สึกโมโหไอช่างภาพบ้าคนนั้นนั่นแหละ!” แทยอนตอบเจสสิก้าพลางทำหน้าบูดบ่งบอกได้ถึงอารมณ์ในตอนนี้ของเธอได้เป็นอย่างดี
“ทำไมล่ะ? เขาว่าอะไรแกบอกมา! เดี๋ยวฉันไปเคลียร์ให้!” เมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนเจสสิก้าก็รีบโพล่งถามทันที
“ไม่ต้องหรอกพูดไปก็แค่นั้นยิ่งจะทำให้อิตาบ้านั่นมองว่าฉันไม่มีความสามารถอีก” แทยอนบอกเชิงห้ามปรามเพื่อนสนิทของตัวเองที่มักจะใช้แต่อารมณ์ทุกครั้งยิ่งเวลาเธอมีปัญหายิ่งแล้วใหญ่
“งั้นแกก็ควรจะออกไปถ่ายแบบต่อให้เสร็จช่างภาพคนนั้นจะได้ไม่ดูถูกแกอีกไง” เจสสิก้าบอกเชิงให้กำลังใจเพื่อนตัวเอง
“ฉันก็อยากทำแต่...ฉันโพสท่าไม่เป็นเลยอ่ะ TT” แทยอนบอกก่อนจะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ไม่ยากหรอกน่าแค่โพสไปตามอารมณ์เดี๋ยวไม่ดียังไงช่างภาพก็จะบอกเองสู้ๆดิ” เจสสิก้าบอกพลางส่งยิ้มบางๆไปให้กำลังใจแทยอน
“โอเค..แต่แกไปถ่ายก่อนเถอะฉันอยากจะนั่งทำสมาธิแป๊ปกลัวว่าถ้าเจอหน้าอิตาบ้านั่นอีกจะระงับอารมณ์ที่อยากจะบีบคอไม่อยู่” แทยอนตอบพลางพยักหน้าก่อนจะเอ่ยปากแกมสั่งเจสสิก้าซึ่งเธอก็พยักหน้าก่อนจะเดินกลับไปถ่ายแบบต่อ ส่วนแทยอนก็นั่งทำสมาธิครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางที่ดูมีความั่นใจมากขึ้น
“ว่าไงคุณ? จะถ่ายต่อมั้ยไม่ถ่ายผมจะกลับงานผมมีเยอะนะคุณ!” เมื่อช่างภาพหนุ่มเห็นหน้าของนักแสดงสาวอย่างแทยอนก็เอ่ยปากถามพลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนประสาท
“เอาสิ! ฉันพร้อมแล้ว J” แทยอนตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดพลางส่งยิ้มเย้ยๆไปให้อีกคนซึ่งคนเป็นช่างภาพก็ทำเพียงแค่หัวเราะหึหึกับภาพตรงหน้าก่อนจะไปประจำที่กล้องส่วนแทยอนก็ยืนประจำจุดที่ให้ช่างภาพหน้าหวานได้ถ่าย และเมื่อการถ่ายภาพเริ่มขึ้นแทยอนก็เริ่มโพสท่าโดยตอนแรกอาจจะมีเงอะงะอยู่บ้างแต่พอหลายๆรูปเธอก็เริ่มปรับตัวได้จนคนเป็นช่างที่เคยสบประมาทอดชื่นชมเธออยู่ในใจไม่ได้
“เอาล่ะเสร็จแล้ว...ทำดีก็ทำได้แล้วทำไมไม่ทำตั้งแต่แรกครับ?” เมื่อถ่ายภาพรัวจนได้ภาพเป็นที่น่าพอใจช่างภาพหน้าหวานก่อนจะเปิดปากบอกก่อนจะถามกลับอย่างกวนๆ
“ฉันจำเป็นต้องตอบมะ?” แทยอนสวนกลับด้วยท่าทางกวนประสาทไม่ต่างกันแถมยังมียักคิ้วข้างหนึ่งใส่ก่อนจะเดินไปหาเจสสิก้าที่ถ่ายแบบเสร็จแล้วเหมือนกัน ส่วนช่างภาพหน้าหวานก็มองตามไปก่อนจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางส่ายหัวอย่างไม่ถือสาก่อนจะหยิบกล้องเอาไปเช็คภาพที่โต๊ะประจำตัวของตน
“วันนี้คุณลูฮานลงทุนมาถ่ายภาพเองเลยอ่ะดีเนอะ” เสียงของทีมงานคนหนึ่งพูดกับทีมงานอีกคนซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจสสิก้ากับแทยอนกำลังจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่พอได้ยินสิ่งที่ทีมงานทั้งสองคนพูดก็อดจะเดินเข้าไปถามไม่ได้
“ช่างภาพคนนั้นชื่อลูฮานเหรอคะ?” แทยอนเอ่ยถามพลางชี้ไปที่ช่างภาพหน้าหวานที่พูดจาสบประมาทเธอเอาไว้
“ใช่ค่ะนั่นคุณเสี่ยวลูฮานลูกชายเจ้าของนิตยสารเคอาร์แมกกาซีน J” ทีมงานคนหนึ่งตอบแทยอนพลางส่งยิ้มไปให้แต่คำตอบที่ได้รับมากลับทำให้เจสสิก้ารู้สึกตกใจแต่แทยอนกลับช็อคค้างไม่ไหวติงไปเลยทีเดียว
“แน่ใจเหรอคะ?” เจสสิก้าถามทีมงานเพื่อความแน่ใจ
“ใช่สิคะ..แต่ว่านานๆคุณลูฮานจะมาสักทีแต่ปกติก็แค่จะมาตรวจงานเฉยๆแต่วันนี้กลับมารับหน้าที่เป็นช่างภาพเองก็แปลกดีนะคะ” ทีมงานคนเดิมตอบก่อนจะเอ่ยสาธยายให้ทั้งสองคนฟัง
“ฉันว่าแกซวยแล้วล่ะ” เจสสิก้าหันไปกระซิบบอกแทยอนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่
“ไม่บอกก็รู้...ฉันว่าเรารีบไปเปลี่ยนชุดแล้วรีบกลับเหอะฉันกลัวจะไม่มีชีวิตรอดอ่ะ” แทยอนกระซิบกลับซึ่งเจสสิก้าก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะส่งยิ้มให้กับทีมงานแล้วก้าวเดินฉับๆไปยังห้องแต่งตัวทันทีอย่างไม่รอช้า
หลังจากที่ทั้งแทยอนและเจสสิก้าเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดเดิมทั้งคู่ก็รีบหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วแอบย่องออกไปทางประตูด้านหลังของสตูดิโอด้วยเหตุที่ว่าไม่ต้องการจะเผชิญหน้ากับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชายเจ้าของสตูดิโอแห่งนี้
“เจสสิก้าเร็วๆหน่อยสิเดี๋ยวก็ได้มีคนมาเจอหรอก” แทยอนบอกแกมเร่งเพื่อนของตัวเองที่เดินตามหลังเธอแถมยังอยู่ห่างกันพอสมควร เนื่องจากวันนี้เจสสิก้าใส่รองเท้าส้นสูงกว่าปกติทำให้เธอเดินไปค่อนข้างลำบาก
“รู้แล้วน่าแต่แกก็สงสารฉันหน่อยสิรองเท้าฉันส้นมันสูงนะ” เจสสิก้าตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆเล็กน้อยก่อนจะมุ่ยหน้าอย่างงอนๆเพื่อนตัวเอง
“แล้วใครใช้ให้แกใส่สูงซะขนาดนี้ล่ะ - -” เปิดปากบ่นเพื่อนตัวเอจนเจสสิก้าที่ฟังแทยอนพูดจบถึงกลับเท้าเอวแล้วมองหน้าแทยอนอย่างเอาเรื่อง
“นี่...มันใช่ความผิดฉันมั้ย? แกนั่นแหละทำเรื่องเองแท้ๆเลย” เจสสิก้าบอกแกมเถียง
“ฉันขอโทษนะคือก็แค่ไม่อยากให้ไอบ้านั่นมาเห็นนี่นา” แทยอนเอ่ยขอโทษขอโพยเพื่อนสนิทก่อนจะเดินเข้าไปใกล้แล้วจับมือของเจสสิก้าก่อนจะกระชับให้แน่นแล้วพากันเดินออกไปแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวผ่านประตูทางด้านหลังของสตูดิโอทั้งสองคนก็ต้องหยุดเท้ากระทันหันเมื่อมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาทางด้านหลังของทั้งสองคน
“คุณมาทำอะไรลับๆล่อๆที่ด้านหลังสตูดิโอ? ทำอย่างกับหนีใครสักคน” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามทำให้แทยอนแทบอยากจะมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอดถึงแม้จะไม่เห็นหน้าแต่เสียงแบบนี้เธอจำได้ขึ้นใจเลย
“ก็เปล่านี่! คือฉันจอดรถไว้ด้านหลังก็ต้องออกทางด้านหลังถูกป่ะล่ะ?” แทยอนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับร่างสูงหน้าหวานเหมือนผู้หญิงพลางปั้นสีหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
“เดี๋ยวนะยัยแทแกอึนอะไรคือรถแกจอดด้านหน้าไม่ใช่เหรอ?” เจสสิก้าที่ได้ยินคำตอบของแทยอนก็อดสงสัยไม่ได้จึงเอ่ยถามออกไป เพราะเธอจำได้ว่ารถน่ะแทยอนจอดมันอยู่หน้าสตูดิโอแต่ที่มาทางประตูด้านหลังเนี่ยก็แค่จะหนีไม่ให้เจอหน้าผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่เหรอ?
“ยัยสิก้าเอ๊ยยยยยยยย!! ทำไมแกถึงได้บื้อผิดเวลาแบบนี้ล่ะเนี่ย =[ ]=” แทยอนหันไปต่อว่าเพื่อนของตัวเองก่อนจะทำท่าเอาหัวไปโขกกับกำแพง
“ทำไมคุณต้องโกหกล่ะ?” ลูฮานเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วสูง
“เรื่องของฉันน่าไม่มีอะไรหรอก” แทยอนตอบลูฮานด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“บอกๆเขาไปเหอะเรื่องจะได้จบ” เจสสิก้าบอกพลางสะกิดแขนของแทยอน
“ก็ได้ๆๆฉันขอโทษนะคุณที่พูดจาแล้วแสดงกิริยาไม่ดีกับคุณไปใครมันจะไปรู้ล่ะว่าคุณเป็นลูกชายเจ้าของ” แทยอนยอมเอ่ยปากขอโทษคนตรงหน้าไปพลางกอดอกแล้วเบนสายตาไปทางอื่นเล็กน้อย
“คือที่คุณมาทางประตูนี้ก็เพราะจะหลบหน้าผมว่างั้น?” ลูฮานถามเชิงเลิกคิ้วสูง
“เออ!” แทยอนตอบกลับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันกับเพื่อนไปละ!” แทยอนบอกก่อนจะจับมือของเจสสิก้าแล้วออกแรงลากแต่เหมือนแทยอนจะลืมไปว่าเจสสิก้าอยู่บนส้นสูงที่ระยะสูงกว่าคู่อื่นทำให้เธอไม่ทันระวังส่งผลให้เจสสิก้าเกิดสะดุดล้มเกือบจะลงไปกองกับพื้นถ้าไม่ได้ใครคนหนึ่งช่วยเอาไว้
“จินยอง! ขะ...ขอบคุณนะ” เจสสิก้าเรียกชื่อคนตรงหน้าออกมาอย่างตกใจซึ่งคนที่ช่วยเอาไว้ก็ยิ้มรับก่อนจะพยุงตัวให้เจสสิก้ายืนทรงตัวให้เป็นปกติเมื่อเธอยืนทรงตัวได้แล้วก็รีบผละตัวออกจากอ้อมกอดของผู้ชายตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“เจสสิก้าเป็นยังไงบ้างฉันขอโทษนะลืมไปสนิทเลยว่าแกใส่รองเท้าสูงไปอ่ะ” แทยอนที่ยืนอึ้งอยู่กับเหตุการณ์ก็เริ่มได้สติจึงเข้าไปดูเพื่อนของตัวเองก่อนจะเอ่ยขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่แต่เหมือนเจสสิก้าจะไม่ได้สนใจมากเท่ากับผู้ชายที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอก..รีบกลับกันเถอะ” เจสสิก้าตอบแทยอนพลางส่งยิ้มบางๆก่อนจะเป็นคนเร่งเร้าให้แทยอนเดินออกจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด
“อะไรของนายอีกเนี่ย!?” แต่พอแทยอนจะพาเจสสิก้าออกไปลูฮานก็ดันเดินมาดักหน้าของพวกเธอทำให้แทยอนเอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด
“คือ…ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีอีกภาพอีกเซตหนึ่งที่คุณต้องถ่าย” ลูฮานกรอกตาไปมาเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“ฮะ? ไหนนายบอกเองว่าวันนี้มีถ่ายแค่เซตเดียวไง” แทยอนอุทานออกมาก่อนจะพูดต่อพลางขมวดคิ้ว
“ก็บอกแล้วไงว่าเพิ่งนึกขึ้นได้” ลูฮานบอก
“แต่เพื่อนฉันขาเจ็บฉันจะพาเพื่อนฉันไปหาหมอ” แทยอนบอกเสียงแข็ง
“เอ่อ…ไม่เป็นไรหรอกยัยแท แกไปถ่ายให้มันเสร็จๆเถอะจะได้รีบกลับ” เจสสิก้าที่รู้สึกเกรงใจระคนไม่อยากให้เพื่อนของเธอต้งมายืนเถียงกับอีกคนเธอจึงพูดแทรกขึ้นมา
“แต่แกโอเคนะ” แทยอนบอกอย่างนึกเป็นห่วงเพื่อนสนิทซึ่งเจสสิก้าก็ผงกหัวรับเป็นเชิงตอบรับ
“รีบไปสิมัวยืนอยู่ทำไมเล่า! ฉันรีบ!” เมื่อได้รับคำตอบจากเพื่อนสนิทแทยอนก็หันไปบอกแกมสั่งเชิงเร่งเร้าลูฮานก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปภายในสตูดิโอโดยมีลูฮานเดินตามหลังไปทิ้งให้เหลือเพียงแค่เจสสิก้ากับจินยองเพียงแค่สองคนเท่านั้น
“เมื่อกี๊ที่พี่ล้มเป็นอะไรหรือเปล่า?” เมื่อแทยอนเดินออกไปแล้วจินยองก็รีบเปิดปากถามคนอายุมากกว่าด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงทันที
“ไม่เป็นอะไรหรอก” เจสสิก้าตอบเขาด้วยน้ำเสียงเรียบก่อนจะเดินไปหาที่นั่งแต่พอจะก้าวเท้าเดินไปเจสสิก้าก็ร้องออกมาเสียงหลงด้วยความเจ็บส่งผลให้คนมองอย่างจินยองต้องรีบเข้ามาพยุงทันทีเมื่อเห็นท่าทีว่าเจสสิก้ากำลังจะล้มไปตามแรงโน้มถ่วง
“ไม่จริงก็เห็นอยู่ว่าพี่เดินไม่ไหว ผมว่าพี่มานั่งนี่ก่อนเถอะ” จินยองบอกพลางพยุงเจสสิก้าให้ไปนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆแถวนั้นก่อนจะจับตัวเจสสิก้าให้นั่งลงอย่างเบามือ
“นายมาหาคุณลูฮานไม่ใช่เหรอ? รีบไปสิ” เมื่อเจสสิก้านั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วเธอก็เอ่ยปากถามแกมไล่คนตรงหน้าก่อนจะเบนสายตามองไปทางอื่น
“ไม่เห็นต้องรีบเลย เมื่อกี้พี่ลูฮานก็บอกอยู่ว่าต้องถ่ายภาพของเพื่อนของพี่ แล้วอีกอย่างผมเป็นห่วงพี่มากกว่า...ผมขอดูเท้าพี่หน่อยนะ” จินยองบอกก่อนจะถือวิสาสะถอดรองเท้าส้นสูงนั่นก่อนจะจับเท้าขึ้นมาดูอย่างไม่ถือตัวทำเอาคนอายุมากกว่าใจเต้นแรงกับคำพูดของเขาและการกระทำในตอนนี้
“โอ๊ย!” เจสสิก้าร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อจินยองออกแรงบีบที่ข้อเท้าเบาๆ
“เท้าของพี่คงจะแพลงเดี๋ยวผมไปขอยาทีมงานมาให้นะพี่รอผมอยู่ตรงนี้อย่าไปไหนล่ะ” จินยองบอกแกมสั่งก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วย่างก้าวเดินไปหาทีมงานเพื่อเอ่ยถามหายานวดมาให้กับเจสสิก้า
ส่วนเจสสิก้าที่มองตามหลังของจินยองอยู่ก็อดรู้สึกดีไม่น้อย จริงๆตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยลืมผู้ชายคนนี้เลยสักนิดแม้ว่าจะเลิกกันไปหลายปีแล้วก็ตาม แต่พอภาพในอดีตที่เป็นสาเหตุให้เธอต้องเลิกกับเขาก็วูบเข้ามาในหัวก็ทำให้ความรู้สึกที่มีก่อนหน้านั้นทลายลงไป
“ผมได้ยามาแล้วเดี๋ยวผมนวดให้นะ” จินยองบอกหลังจากที่ไปขอยานวดมาจากทีมงานเมื่อมาถึงตรงหน้าของเจสสิก้าเขาก็ชูยานวดให้ดูก่อนจะย่อตัวลงแล้วจับข้อเท้าของคนตรงหน้ามาแล้วเปิดฝาบีบยานวดใส่ข้อเท้าของเจสสิก้าแล้วปิดฝาให้เหมือนเดิมก่อนจะเริ่มละเลงยาให้ทั่วบริเวณข้อเท้านั่นก่อนจะออกแรงนวด
“ไม่ต้องนวดหรอกพี่นวดของพี่เองได้นายไปคุยงานกับคุณลูฮานเถอะ” เจสสิก้าบอกด้วยน้ำเสียงดื้อดึงก่อนจะชักเท้ากลับมาในขณะที่จินยองกำลังนวดให้อยู่
“พี่นวดไม่ถนัดหรอก...ให้ผมช่วยเถอะนะ” จินยองบอกด้วยน้ำเสียงขอร้องแกมอ้อนวอนทำเอาคนตรงหน้าหัวใจกระตุกวูบก่อนจะแน่นิ่งไปทำให้จินยองอาศัยจังหวะนี้ดึงเท้าเจสสิก้ากลับมาแล้วนวดให้เหมือนเดิมโดยในการนวดนี้จินยองก็ไม่ได้ออกแรงมากมายเพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะเจ็บตลอดการนวดนั้นเขาทำมันอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยนทำเอาเจสสิก้าเผลอยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“พี่ยิ้มอะไรเหรอ?” แต่จินยองกลับเงยหน้าขึ้นมาเห็นช็อตที่เจสสิก้ากำลังยกยิ้มพอดีจึงเอ่ยถามทำให้เจสสิก้าได้สติแล้วรีบหุบยิ้มทันที
“เปล่านี่พี่ไม่ได้ยิ้มอะไรหรอก” เจสสิก้าตอบปฏิเสธพลางเบนสายตาไปทางอื่นคล้ายกับว่าไม่ได้สนใจคนตรงหน้า ส่วนจินยองที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรก่อนจะก้มหน้าแล้วทำหน้าที่นวดข้อเท้าให้เจสสิก้าเป็นอย่างดี
#ทางด้านแทยอน
หลังจากที่เดินนำหน้าลูฮานมาจนอยู่ภายในสตูดิโอที่เธอเพิ่งใช้ถ่ายภาพไปเมื่อครู่แต่พอกลับเข้ามาก็ไม่เห็นว่าจะมีการเซตฉากอะไรเลยทั้งสิ้น
“นี่! ไหนนายบอกมีถ่ายมีเซตแต่ทำไมยังไม่เซตฉากล่ะ?” แทยอนหันไปเอ่ยปากลูฮานที่เดินตามหลังเธอมา
“อ้อ! จริงด้วยสิ นี่ช่วยไปเซตฉากให้ผมหน่อยสิ” ลูฮานที่เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้เขาจึงเอ่ยปากเรียกทีมงานของเขาที่อยู่ใกล้ๆให้ไปช่วยกันเซตฉากแต่ทีมงานของเขากลับมีสีหน้างุนงงเล็กน้อยเขาจึงส่งสายตาเป็นสัญญาณบางอย่างไปให้ซึ่งทีมงานคนนั้นก็เข้าใจจึงแสร้งทำเป็นเดินไปเซตฉากตามที่คนเป็นเจ้านายอย่างลูฮานบอก
“นายนี่มัน…แย่จริงๆเลย” แทยอนเปิดปากบ่นเชิงต่อว่าพลางเบ้ปากใส่อย่างนึกหงุดหงิดระคนไม่พอใจ
“คุณจะหงุดหงิดอะไรนักหนา ตีนกาขึ้นเต็มหน้าหมดละ” ลูฮานบอกด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่กวนประสาท
“กรี๊ด! ปากเสีย!” แทยอนกรีดร้องออกมาทันควันพลางตวัดสายตาไปมองหน้าลูฮานอย่างไม่พอใจ
“โอ๊ย! คุณผมปวดหูนะเนี่ยเสียงแหลมเป็นบ้าเลย” ลูฮานร้องออกมาก่อนจะเปิดปากบ่นพลางกับนิ่วหน้าเล็กน้อย
“สมน้ำหน้า! แล้วนี่เมื่อไหร่จะเซตฉากเสร็จเนี่ย? แล้วไหนชุดที่ฉันต้องถ่ายล่ะ?” แทยอนเปิดปากบอกก่อนจะถามต่อพลางมองหน้าอีกฝ่าย
“อ้อ! จริงด้วยสิผมจำผิดน่ะเซตที่คุณถ่ายมันหมดแล้ว”
“นี่นายกำลังกวนประสาทฉันใช่ป่ะ!” แทยอนเปิดปากโวยวายพลางมองหน้าลูฮานอย่างจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดพลางทำท่าจะเดินออกไปถ้าไม่ติดว่ามือของลูฮานมาจับรั้งเอาไว้
“คุณจะไปไหน!?”
“ฉันจะกลับบ้าน!” แทยอนตอบเสียงห้วนพลางพยายามสะบัดมือของตัวเองให้ออกจากการเกาะกุม
“คุณยังกลับไม่ได้!” ลูฮานเปิดปากบอกแกมสั่ง
“นายไม่มีสิทธิ์มาสั่ง! ฉันจะกลับบ้าน…ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย! ผมไม่ยอมปล่อยให้คุณไปเป็นก้างขว้างคอหรอกนะ!” ลูฮานบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“หมายความว่าไง? ก้างขว้างคออะไร?” แทยอนที่ไม่เข้าใจสิ่งที่คนตรงหน้าพูดจึงเอ่ยถามออกไปพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณนี่มันนอกจากจะไม่ฉลาดแล้วยังโง่อีกนะดูไม่ออกหรือไง?” เอ่ยปากด่าคนตรงหน้าหลังจากที่ตั้งสติได้
“อ้าวนี่! คุณหลอกด่าฉันเหรอเดี๋ยวแม่เอารองเท้าฟาดปากเลยนี่!” แทยอนที่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังด่าตนอยู่ก็มองหน้าอย่างหาเรื่องพลางถลึงตาใส่ก่อนทำถ้าจะถอดรองเท้าจนลูฮานต้องเอ่ยปากห้ามทันที
“เดี๋ยวก่อนดิคุณ! พูดแค่นี้จะเอาส้นสูงมาฟาดผมเลยเหรอ? ใจร้ายจังนะคุณ” ลูฮานบอกก่อนจะรั้งมือของแทยอนอีกข้างเพื่อไม่ปล่อยให้เธอได้ทำอย่างที่ปากว่า
“ก็คุณด่าฉันนี่!” แทยอนเถียงกลับพลางสะบัดมือออกจากการเกาะกุม
“ผมขอโทษแล้วกัน” ลูฮานบอก
“แล้วตกลงก้างขว้างคอคืออะไร?” แทยอนถามต่อด้วยความสงสัย
“ถามจริงคุณไม่รู้เรื่องของเพื่อนคุณเหรอ?” ลูฮานถามกลับพลางเลิกคิ้วสูง
“เรื่องอะไร?” แทยอนถามกลับอย่างงุนงง
“ก็เรื่องที่จินยองหุ้นส่วนของผมกับเพื่อนของคุณเขาสองคนเป็นแฟนเก่ากันไง” ลูฮานบอกให้อีกคนหายงุนงง
“คนนั้นอ่ะนะ? ถึงเวลาทำไมหน้าคุ้น” แทยอนถามก่อนจะพูดออกมา
“ก็นั่นแหละ” ลูฮานบอก
“แล้วทำไมนายถึงต้องไปช่วยหุ้นส่วนของนายด้วย?” แทยอนถามต่อด้วยความสงสัย
“ก็จินยองขอร้องผมนี่อีกอย่างผมก็รู้เรื่องราวของสองคนนี้มาตลอดผมก็แค่อยากให้สองคนนั้นกลับมาคืนดีกันก็เท่านั้นเอง” ลูฮานบอกเชิงอธิบายให้คนตรงหน้าฟัง
“แต่ดูเจสสิก้าก็ไม่ได้ยินดีจะคืนดีกับหุ้นส่วนของคุณเสียหน่อย” แทยอนบอกแกมเถียง
“คุณไม่รู้อะไรก็เงียบไปเถอะน่า อ่อ! ในระหว่างที่สองคนนั้นกำลังปรับความเข้าใจคุณก็ช่วยนั่งอยู่ในห้องนี้ก่อนแล้วกัน” ลูฮานบอกแกเอ่ยปากสั่ง
“แล้วทำไมฉันต้องเชื่อคำสั่งของนายด้วยนายไม่ใช่พ่อฉันนะ!” แทยอนบอกแกมเถียงเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
“แต่ตอนนี้ผมถึงเวลาเป็นเจ้านายคุณเพราะฉะนั้นทำตามสั่งด้วยครับ” ลูฮานบอกแทยอนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางทำสีหน้ากวนประสาทใส่แทยอน
“นี่คุณ...คุณบอกว่าคุณรู้เรื่องของคุณจินยองกับยัยสิก้ามาตลอดใช่มั้ย? แล้วคุณรู้หรือเปล่าทำไมสองคนนั้นเลิกกัน?” แทยอนที่เงียบไปครู่หนึ่งก็โพล่งขึ้นก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่เธอสงสัยออกไป
“ขอโทษนะคุณแต่เรื่องนี้ปล่อยให้เพื่อนของคุณเล่าเองเถอะผมไม่อยากละลาบละล้วงส่วนตัวของคนอื่น” ลูฮานตอบแทยอนพลางปล่อยมือของแทยอนให้เป็นอิสระก่อนที่เขาจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองพลางเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อที่เขาจะได้ทำงานต่อ
“นี่คุณไม่ได้หลอกด่าฉันใช่ป่ะ?” แทยอนถามพลางเดินตามหลังของอีกฝ่ายไป
“แล้วแต่คุณจะคิดแล้วกัน” ลูฮานตอบพลางหันมาส่งยิ้มกวนประสาทให้กับแทยอน
“ถ้าไม่เห็นว่าคุณจ้างฉันมานะฉันจะฆ่าคุณเดี๋ยวนี้แหละ!” แทยอนบอกแกมขู่พลางถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง
“จะโหดไปไหนคุณ? แบบนี้ใครจะกล้าเอาไปทำแฟนวะครับ?” ลูฮานบ่นอุบอิบก่อนจะถามอย่างกวนๆ
“เยอะแยะไป!” แทยอนเถียงกลับ
“หลงตัวเอง ผมว่าคุณไม่เหมาะกับการเป็นนางเอกหรอกคุณน่ะเหมาะกับตัวอิจฉามากกว่า” ลูฮานเถียงต่ออย่างไม่ยอมแพ้
“ขอบคุณสำหรับคำชม! J” แทยอนเอ่ยขอบคุณพลางส่งยิ้มอย่างกวนประสาทไปให้พลางยักคิ้วใส่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา ส่วนลูฮานก็หันมองครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะแอบลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย
มาแล้วววววววววววววววววว อัพครบแล้วววววววววววว
ลูฮานกับแทยอนสองคนนี้ทะเลาะกันน่ารักดีเนอะ 55555555
อ่านแล้วเม้นกันโต้ยยยยยยยยยยยยยนะๆๆๆๆๆ J
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักกกกก
//อยากรู้เหมือนกันแฮะ ว่าทำไมเจอาร์ถึงเลิกกับสิก้า
แทแทพึ่งขอโทษพี่ลู่ไปเองน่ะหาเรื่องอีกแล้วหรอคู่นี้5555รอค้าา
มีมาจับผิดด้วย
อาร์สิก แปลกกก ทำไมถึงเลิกกันหน่อ
อยากอ่านลู่แทอีกสักนิด น่ารักดีคู่นี้
กวนสุดๆเลยพึ่งเจอกันแท้
รอค้า
เจบีอ่อ
มารอฮานซอ>.<
รอฮานซอนะค่ะ
ขำซันบัน ในที่สุดก็ได้เจอคยูแล้ว ><
ส่วนยุนซันก็น่ารักเถียงกันได้ตลอด
จีบผู้ชายก่อนเฉยเลย 55
สู้ๆๆจร่ะน้องจอย
ไปหาไรกินก่อนนะๆๆ เดี๋ยวเป็นลม
เอิ่มซันเจ้าชู้อ่ะ
คนนั้นหล่อ ><
อยากเห็นผู้ชายคนนั้นจัง555
เอิ่มม จริงที่ยุนพูดไปจีบผู้ชายก่อนเสียหาย 55
เเต่ซันจ๋าเธอออกตัวได้เเบบสุดยอดเลย 55
สู้ๆค่ะพี่จอย เขียนฟิคตามฉบับของตัวเองได้ดีมากๆ
พี่ว่าตอนนี้น้องจอยใช้ภาษาดีขึ้นแยะเลยอ่ะ สู้เค้านะลูก >_<~
ซันนี่ออกตัวแรงแซงโค้งตลอดอ่ะ 555
คนนึงบ้าของกินอีกคนบ้าผู้ชาย555
แต่รองเท้าแตะแพงไปนะคู่ละ100แหนะบ้านเราคู่ละ 69 เอง
เนอะๆงานก็ไม่ได้ทำเจอผีอีก -.-
น่าสงสารง่า 5555
เอิ่มซันนี่คุณหนูมากเดินห้าง
ที่เหลือล่ะ.........เดินตลาด -.-
รอๆคยูซันอยากเห็นคู่คยูซัน >w<
เหม่งกับซันบันเถียงกันน่ารักจัง
ติดตามตลอดนะจ้ะ
เมื่อไหร่ซันจะเจอคยูนร้า อิอิ
ฮานซอๆ > < ซูโฮ หวงน้องสาวจังเนอะ
แทแทต้องโดนให้ชิมน้ำปั่นสูตรใหม่ของพี่ซอแน่ๆเลย ฮ่าๆ อาจจะไม่เลวร้ายกะได้!
สามสาวเดินตลาดนัด สนุกกันใหญ่เชียว ^^
เค้ายังอ่านอยู่นะ~! ภาษาลื่นขึ้นเยอะเลยน้องจอย รอคยูเจอกะซัน
เห็นด้วยกะยุนนะไปเปิดสำนักไล่ผีเหอะ
รอต่อค่าาา