ตอนที่ 3 : - { Behind the illusion } - // บทที่ ๐๒ : อดีตในหัวใจ
“ไชโย! ในที่สุดฉันจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนสักทีคิดถึงที่นอนแล้ว > <” เจสสิก้าร้องออกมาด้วยความดีใจหลังผู้กำกับเอ่ยว่าเลิกกองส่งผลให้เจสสิก้าแทบเก็บอาการไม่อยู่เลยเผลอไปโผกอดมาร์คอย่างไม่รู้ตัวซึ่งมาร์คก็ไม่ได้ว่าหรือท้วงอะไร พี่เผลอแบบนี้บ่อยๆก็ดีนะ >///<
“แกก็ห่วงแต่เรื่องนอนนั่นแหละแทนที่จะไปทำอะไรที่ผ่อนคลายเถอะ” แทยอนบอกแกมบ่นเพื่อนตัวเองที่วันๆก็เอาแต่คิดถึงที่นอนทั้งที่มันก็มีอย่างอื่นที่สามารถทำแล้วผ่อนคลายจากการทำงานได้
“ไว้วันอื่นสิวันนี้ฉันไม่ไหวแล้วไม่เชื่อถามมาร์คดูสิ” เจสสิก้าบอกแกมเถียงเล็กน้อยก่อนจะหาพรรคพวก
“ครับ..วันนี้พี่สิก้าเผลอหลับไปจนผมโดนผู้กำกับว่าแหละ” เมื่อได้ทีมาร์คก็ตอบรับอย่างเห็นด้วยกับเจสสิก้าแต่ยังไม่วายก็ยังแอบฟ้องแทยอนให้ได้รับสายตาจิกๆของเจสสิก้าเล่น
“อะไรล่ะก็นายไม่ปลุกพี่นี่แล้วพี่จะตื่นยังไงเล่า” เจสสิก้าบอกแกมเถียงคนอายุน้อยกว่าเหมือนเด็กๆ
“ผมปลุกพี่ตั้งหลายรอบแล้วเถอะ - -” มาร์คก็ยังคงเถียงต่ออย่างไม่ยอมแพ้จนแทยอนที่มองอยู่อดหลุดขำออกมาไม่ได้ทั้งที่ก็กลั้นเอาไว้แทบตายทำให้ทั้งเจสสิก้ากับมาร์คหันไปมองเธอเป็นตาเดียว
“แกขำอะไร?” เจสสิก้าถามพลางเลิกคิ้วสูงใส่แทยอน
“ก็ขำแกกับมาร์คนั่นแหละ ^^” แทยอนบอกพลางส่งยิ้มไปให้
“ทำไมอ่ะ? ฉันกับมาร์คมีอะไรที่ตลกเหรอ?” เจสสิก้าถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็...แกพูดกับมาร์คเหมือนแฟนกำลังแกล้งกันเลย” แทยอนบอกพลางส่งยิ้มแซวๆไปให้ทำเอาทั้งเจสสิก้าและมาร์คนิ่งไปแป๊ปหนึ่งแล้วแก้มของทั้งสองก็เริ่มขึ้นสีเล็กน้อย
“จะ..จะบ้าเหรอฉันไม่ได้คิดอะไรหรอกน่า” เจสสิก้าตอบแทยอนเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยจนแทยอนอดที่จะมองอย่างจับพิรุธไม่ได้ คนอย่างแกมันดูง่ายจะตายว่ากำลังโกหก!
“แต่ผมคิดนะ J” มาร์คตอบทีเล่นทีจริงทำเอาคนอายุมากกว่าอย่างเจสสิก้ารีบหันขวับไปมองมาร์คอย่างตกใจ
“ผมคิดว่า..ตอนนี้เรากลับบ้านกันเถอะผมยังมีงานที่มหา’ลัยค้างอยู่เลย” มาร์คพูดต่อเจสสิก้าจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจพลางแอบถอนหายใจเล็กน้อย
“งั้นก็แยกกันเลยแล้วกันนะ” แทยอนบอกพลางโบกมือลา
“เดี๋ยวดิแทยอนแกไปส่งฉันที่คอนโดหน่อยดิวันนี้พี่ซูยองไม่ว่างอ่ะ” เจสสิก้าบอกแกมขอร้องแทยอนพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ ซูยองคือผู้จัดการส่วนตัวของเธอที่เพิ่งจะขอลาไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดกว่าจะกลับมาก็อีกสองสัปดาห์ทำให้เจสสิก้าต้องไปไหนมาไหนเองตลอดเนื่องจากเธอไม่มีรถและที่แย่ไปกว่านั้นคือ…เธอขับรถไม่เป็น!
“ขอโทษนะวันนี้ฉันมีนัดไปคุยกับท่านประธานที่บริษัทอ่ะ” แทยอนบอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเล็กน้อย
“อ๋อ! งั้นไม่เป็นไรฉันหารถกลับเองก็ได้รีบไปเหอะ” เจสสิก้าบอกพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ไม่โกรธฉันนะ?” แทยอนถามเจสสิก้าเพื่อความแน่ใจซึ่งเจสสิก้าก็พยักหน้ายิ้มๆตอบรับ
“งั้นก็ให้มาร์คไปส่งสิยังไงคอนโดแกกับคอนโดมาร์คก็ไปทางเดียวกันนี่” แทยอนบอกเชิงเสนอความคิด
“จริงสิ! มาร์คคคคคคคคคพี่กลับบ้านด้วยนะๆๆๆๆๆ” เจสสิก้าบอกอย่างนึกขึ้นได้ก่อนจะหันไปบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางส่งสายตาอ้อนวอนแถมยังยื่นมือไปเกาะแขนของมาร์คแล้วออกแรงเขย่าอย่างถือวิสาสะแต่คนโดนกระทำกลับไม่ได้ต่อว่าอะไร
“โอเคครับ..แต่ว่ารถผมเป็นมอเตอร์ไซค์นะพี่นั่งได้ป่ะ?” มาร์คตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะพูดต่อ
“ไม่มีปัญหา! แค่ไปส่งพี่ที่คอนโดก็พอละ J” เจสสิก้าตอบรับอย่างว่าง่ายพลางส่งยิ้มไปให้เล่นเอามาร์คแทบจะเก็บอาการไม่อยู่
“งั้นถือว่าลงตัวเนอะ” แทยอนถามซึ่งเจสสิก้าก็หันไปพยักหน้ายิ้มๆใส่แทยอน
“ว่าแต่...เซฮุนกลับบ้านไปแล้วเหรอ? ตั้งแต่ถ่ายเสร็จก็ไม่เห็นเลยอ่ะ” เจสสิก้าเอ่ยถามแทยอนพลางกวาดสายตามองหาเซฮุนที่ไม่เห็นแม้แต่เงาหลังจากที่เธอถ่ายละครของวันนี้เสร็จ
“สงสัยกลับไปแล้วมั้งก็วันนี้เซฮุนมีถ่ายแค่สองซีนเอง” แทยอนบอกซึ่งเจสสิก้าก็พยักหน้าอย่างเข้าใจโดยที่ตอนนี้เธอยังไม่ปล่อยมือไปจากแขนของมาร์คเลย
“แล้วแกเมื่อไหร่จะปล่อยมือจากแขนของน้องสักทีล่ะฮะ? กอดแน่นเชียว” แทยอนถามเจสสิก้าด้วยน้ำเสียงแซวๆจนเจสสิก้ารีบก้มมองมือตัวเองก็พบว่าเธอยังเกาะแขนของมาร์คอยู่จริงเจสสิก้าจึงรีบปล่อยทันทีพลางมองหน้าแทยอนเลิกลั่กก่อนจะหันไปยิ้มน้อยๆอย่างเขินอายใส่มาร์ค
“เอ่อ...งั้นพี่ไปเอากระเป๋าก่อนนะ ^^” เจสสิก้าที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อจึงเอ่ยปากขอตัวไปหยิบกระเป๋าของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยข้างๆโซฟาทิ้งให้มาร์คกับแทยอนมองไปตามไปด้วยความรู้สึกแตกต่างกัน
“อ้าว? แทยอนกลับแล้วเหรอ?” เมื่อเจสสิก้าเดินกลับมาพร้อมกระเป๋าสะพายคู่ใจก็ไม่พบร่างเล็กของแทยอนแล้วจึงเปิดปากถามมาร์คในขณะที่กวาดสายตามองหาเพื่อนสนิทของเธอ
“ไปแล้วล่ะครับ” มาร์คตอบพลางส่งยิ้มบางๆไปให้
“อ่อ...งั้นนายก็รีบไปส่งพี่ที่คอนโดโดยด่วนซะพี่ง่วงจะแย่แล้ว” เจสสิก้าตอบรับอย่างเข้าใจก่อนจะเปิดปากสั่งคนอายุน้อยกว่า
“พี่ก็ง่วงตลอดเวลานั่นแหละน่า” มาร์คบอกเชิงย้อนกลับทำให้เจสสิก้าส่งค้อนวงโตไปให้
“นายกล้าว่าพี่เหรอ!?” เจสสิก้าแกล้งขึ้นเสียงใส่คนอายุน้อยกว่าพลางมองด้วยสายตาดุๆแต่สำหรับมาร์คมันกลับไม่น่ากลัวเลยสักนิด
“ผมเปล่าว่าพี่สักหน่อยผมแค่พูดให้ฟังเฉยๆ” มาร์คบอกแกมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“เชอะ! พี่ไม่พูดกับนายแล้ว” เจสสิก้าส่งเสียงอย่างงอนๆก่อนจะเดินสะบัดหน้าหนีไปโดยมีมาร์คเดินตามหลัง
“เดี๋ยวสินายมีหมวกกันน็อคแค่ใบเดียวนี่” เจสสิก้าพูดขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อยเมื่อเดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์ของมาร์คแต่พอมาถึงปรากฎว่าหมวกกันน็อคมีเพียงแค่ใบเดียวเท่านั้น
“ก็ผมกลับบ้านคนเดียวทุกวันนี่นา” มาร์คบอกเจสสิก้าด้วยความไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“งั้นพี่นั่งแท๊กซี่กลับเองดีกว่าพี่ไม่อยากให้นายต้องลำบาก” เจสสิก้าหันไปบอกมาร์คพลางทำท่าจะเดินออกไปเรียกแท๊กซี่เองแต่มาร์คกลับรั้งมือเธอเอาไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกครับเดี๋ยวผมไปส่งเองยังไงพี่แทยอนก็ฝากพี่ไว้กับผมนะ” มาร์คบอกพลางยกเรื่องแทยอนขึ้นมาเพราะมาร์ครู้ดีกว่าเจสสิก้าค่อยข้างจะเกรงใจแทยอน
“แต่ว่าหมวกกันน็อคมีใบเดียวแบบนี้ก็ต้องมีคนหนึ่งไม่ได้ใส่ถูกมั้ยล่ะ? แบบนี้มันจะปลอดภัยได้ยังไง?” เจสสิก้าเถียงเชื่ออธิบายให้คนอายุน้อยกว่าฟัง
“ผมไม่ได้ขี่รถเร็วสักหน่อยไม่ต้องกลัวหรอก” มาร์คบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อให้อีกคนเชื่อใจก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคไปให้อีกคน
“นายใส่ไปเหอะยังไงนายก็คนขับอ่ะ” เจสสิก้าบอกเชิงเถียงเล็กน้อยแต่มันก็เพราะเธอเป็นห่วงคนอายุน้อยกว่านั่นแหละ
“พี่เป็นผู้หญิงผมเป็นผู้ชายนะพี่ไม่ต้องห่วงผมหรอกพี่ใส่ไปเถอะ” มาร์คบอกเชิงปฏิเสธแต่อีกคนกลับไม่มีท่าทีว่าจะรับหมวกกันน็อคไปจากเขามาร์คจึงจัดการสวมใส่ให้เองโดยที่เจสสิก้ามีท่าทีที่อึ้งเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะสวมหมวกนั่นให้กับเธอ
“ทีนี่ก็จบนะครับ ^_^” มาร์คบอกพลางส่งยิ้มไปให้เจสสิก้าที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงก่อนที่เธอจะเรียกสติกลับมาได้เจสสิก้าจึงพยักหน้าน้อยๆก่อนจะขึ้นไปนั่งคร่อมบนมอเตอร์ไซค์หลังจากที่มาร์คขึ้นไปก่อนล่วงหน้าแล้ว
เมื่อทุกอย่างลงตัวมาร์คก็สตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปอย่างไม่เร่งรีบ จริงๆแล้วเขาค่อนข้างขับรถเร็วพอตัวด้วยความที่ไม่ชอบรออะไรนานๆแต่วันนี้กลับมีอีกชีวิตหนึ่งที่มาร่วมการเดินทางกับเขาทำให้เขาจำเป็นต้องลดระดับความเร็วให้ช้าลงกว่าปกติเพื่อให้อีกคนสบายใจ
แต่มันก็ยังคงเร็วไปสำหรับเจสสิก้าอยู่ดีเพราะมาร์คขับออกไปยังไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำเจสสิก้าก็เอื้อมมือทั้งสองข้างมากอดเอวของเขาแน่นอย่างรวดเร็วพลางเอาหน้าซบไหล่ของอีกคนแล้วหลับตาปี๋ ถึงแม้ในตอนแรกจะตกใจที่คนอายุมากกว่ามากอดเอวแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกดีจึงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะขับรถต่อไปโดยที่เจสสิก้ายังคงกอดเอวเขาแน่นเหมือนเดิม
“มาร์ค! นายลดความเร็วลงอีกนิดไม่ได้เหรอ!?” เจสสิก้าเปิดปากถามแกมสั่งสารถีส่วนตัวทั้งที่ตาก็ยังคงปิดอยู่อย่างนั้นส่วนมือก็ยังกอดที่เอวของคนอายุน้อยกว่าเหมือนเดิม
“โอเคครับ” มาร์คยอมทำตามคำสั่งของเจ้านายชั่วคราว(?)อย่างเจสสิก้า เมื่อเธอรู้สึกว่าความเร็วมันลดลงจนถึงระดับที่เธอเองเริ่มหายกลัวแล้วจึงเริ่มเปิดเปลือกตาพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ทีหลังนายขับความเร็วเท่านี้พอนะ” เจสสิก้าบอกแกมสั่งในขณะที่เธอเอียงคอเพื่อมองเสี้ยวหน้าของมาร์ค
“ครับๆว่าแต่พี่กลัวความเร็วเหรอ?” มาร์คตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะเอ่ยถามคนอายุมากกว่าด้วยความสงสัย
“ไม่เชิงอ่ะแต่ว่านายขับรถเร็วเกินไปนะ” เจสสิก้าตอบแกมบ่นอีกคน
“นี่ผมขับช้าที่สุดแล้วนะครับ” มาร์คบอกแกมเถียงคนอายุมากกว่า
“แสดงว่าปกตินายขับเร็วกว่านี้งั้นเหรอ!?” เจสสิก้าถามด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อยซึ่งมาร์คก็พยักหน้าเป็นเชิงให้คำตอบ
“นายไม่กลัวตายหรือไงกัน! ทีหลังอย่าขับเร็วอีกเข้าใจมั้ย?” เจสสิก้าเปิดปากต่อว่าก่อนจะออกปากสั่งอีกคนด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“มันไม่ทันใจนี่ครับถ้าขับช้าอ่ะ” มาร์คไม่ยอมตอบรับคำสั่งของเจสสิก้าแต่กลับเปิดปากเถียงต่อ
“มันก็ยังปลอดภัยกว่าแหละน่าถ้าพี่ได้ข่าวว่านายเข้าโรงพยาบาลเพราะรถล้มพี่จะตามไปซ้ำเลยคอยดู!” เจสสิก้าเถียงกลับอย่างไม่ยอมเช่นกันแถมยังทิ้งคำขู่ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดอีกด้วย
“พี่เหมือนแม่ผมเลยนะรู้ตัวป่ะ?” มาร์คบอกเจสสิก้าอย่างกวนประสาทซึ่งเจสสิก้าก็ตอบรับโดนการประทานฝ่ามือใส่หลังของเขาไปอย่างไม่เต็มแรงแต่มันก็ทำให้เขาแสบพอตัว
“ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้นย่ะขับๆไปเลยแล้วอย่าเพิ่มความเร็วนะ” เจสสิก้าเถียงกลับพลางถลึงตาใส่คนอายุน้อยกว่าทั้งที่รู้ว่าอีกคนคงไม่เห็นพลางออกปากสั่งต่อ แต่ในจังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์เครื่องสวยของเธอก็ดังขึ้นทำให้เจสสิก้าละจากบทสนาหันควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย เมื่อหาเจอเธอจึงหยิบขึ้นมาดูหน้าจอที่ปรากฎชื่อคนที่โทรมาเมื่อเห็นว่าเป็นคนที่รู้เธอจึงกดรับอย่างไม่คิดมาก
“ว่ายังไงซอฮยอน?” เจสสิก้ากรอกเสียงไปยังปลายสายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
( วันนี้พี่จะมาหาซอหรือเปล่าคะ? ) ปลายสายเอ่ยถาม
“อืม...เราอยากให้พี่ไปหามั้ยล่ะ?” เจสสิก้าทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามปลายสายกลับ
( แน่นอนสิคะซออยากให้พี่มาหาซอคิดถึงพี่อ่ะช่วงนี้ไม่ได้เจอกันเลย ) ปลายสายรีบตอบรับอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“โอเคงั้นเดี๋ยวพี่เข้าไปหานะ” เจสสิก้าบอกปลายสายซึ่งปลายสายก็ร้องออกด้วยความดีใจก่อนจะบอกลาแล้ววางสายไป
“มาร์คคคคคคค...เปลี่ยนเส้นทางโดยด่วนพี่จะไปหาน้องอ่ะ” เจสสิก้าส่งเสียงออดอ้อนใส่คนอายุน้อยกว่าพลางเอาคางไปเกยไหล่ของเขาก่อนจะออกปากสั่งเชิงขอร้อง
“ที่ไหนครับ?” มาร์คถามกลับซึ่งทำให้คนอายุมากกว่าฉีกยิ้มอย่างห้ามไม่ได้
“เดี๋ยวพี่บอกเองนายขับตรงไปเรื่อยๆเถอะ” เจสสิก้าบอกซึ่งมาร์คก็พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วทำตามคำสั่งของเจสสิก้าอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าการไปไหนมาไหนด้วยกันจะไม่ใช่เรื่องแปลกมากแต่พวกเขาทั้งสองคนคงลืมกันไปว่า...พวกเขาเป็นคนดัง
#ที่บริษัทฝึกหัดนักแสดง
ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงตอนเย็นแต่คลาสเรียนวันนี้กลับยังไม่สิ้นสุดลงแต่มันก็ไม่ได้สร้างความหงุดหงิดให้กับพวกเขาที่มีความฝันกันเลยสักนิดยิ่งซอฮยอนแล้วยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีกเมื่อวางสายจากพี่สาวคนสนิทว่ากำลังจะมาหาเธอที่นี่ซอฮยอนก็แทบยิ้มแก้มปริจนยุนอาอดแซวไม่ได้
“แค่พี่สิก้าจะมายิ้มไม่หุบเลยนะ ^_^”
“แน่นอนสิฉันไม่เจอพี่สิก้าหลายวันแล้วนะคิดถึงจะแย่” ซอฮยอนบอกด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่ดูสดใสขึ้นมาทันควันทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอยังหน้านิ่วคิ้วขมวดเนื่องจากได้รับโจทย์ให้แสดงละครตามจินตนาการ
“ว่าอะไรนะ? พี่สิก้าจะมาที่นี่งั้นเหรอ!” เมื่อได้ยินชื่อของนักแสดงในดวงใจชานยอลก็เกิดอาการหูผึ่งก่อนจะรีบเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างซอฮยอนกับยุนอาแล้วเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนตกใจ
“อื้ม! พอดีฉันโทรไปถามน่ะแล้วพี่สิก้าก็สัญญาว่าจะมาด้วย J” ซอฮยอนตอบพลางพยักหน้าพลางส่งยิ้มไปให้ซึ่งชานยอลก็ยิ้มตามด้วยความดีใจเพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแฟนบอยของเจสสิก้าแต่เขาก็ไม่เคยเจอตัวจริงของเจสสิก้าสักครั้งแต่ครั้งนี้เขาจะได้เจอแถมยังคงได้เจอในระยะประชิดแถมยังพิเศษกว่าคนอื่นอีกไม่ฟินให้รู้ไปดิ!
“ทีอย่างนี้ทำเป็นหูผึ่งเลยนะพอเวลามีอะไรจะให้ช่วยทำเป็นหูทวนลม” ยุนอาอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดเหน็บแนมชานยอลที่ดูจะดีใจจนออกหน้าออกตาแต่เวลานี้ชานยอลไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากรอเวลาให้เจสสิก้ามาถึงที่นี่
“ซอฮยอนนนนนนนน” ยังไม่ทันที่ชานยอลจะเปิดปากเถียงยุนอากลับก็มีเสียงหวานใสของใครคนหนึ่งดังขึ้นซึ่งซอฮยอนกับชานยอลจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใครทำให้ทั้งคู่หันมองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียวด้วยความรู้สึกเหมือนกัน ส่วนคนอื่นๆที่ได้ยินเสียงก็หันไปมองอย่างไม่คิดอะไรก่อนที่จะหยุดนิ่งไม่ไหวติงเมื่อเห็นว่าใครมารวมไปถึงยุนอาด้วยเพราะเธอก็ไม่เคยเจอตัวจริงของเจสสิก้าเหมือนกันพอได้เจอจริงๆก็อดจะตะลึงในความสวยของเธอไม่ได้แม้ว่าเจสสิก้าจะอยู่ในชุดสบายๆอย่างเสื้อเชิ้ตสีขาวบวกกับกางเกงสแล็ค ส่วนชานยอลที่ตอนแรกกำลังมองอย่างตื่นเต้นระคนดีใจแต่ความรู้สึกพวกนี้ต้องพังทลายลงเมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนหนึ่งที่เดินตามหลังเจสสิก้ามา
“พี่สิก้า! ซอคิดถึงพี่ที่สุดเลย > <” ซอฮยอนเรียกชื่อพี่สาวคนสนิทก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งโผไปกอดเจสสิก้าพลางบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคิดถึงซึ่งเจสสิก้าก็กอดตอบพลางยกยิ้มเล็กน้อย
“พี่ก็คิดถึงเธอไม่แพ้กันหรอกเป็นยังไงบ้างช่วงนี้เหนื่อยมั้ย?” เจสสิก้าบอกพลางผละออกจากซอฮยอนแล้วเอ่ยถามอย่างนุ่มนวลพร้อมแฝงความเป็นห่วงเป็นใยไปให้กับอีกคน
“นิดหน่อยค่ะ...ว่าแต่พี่มากับใครเหรอ?” ซอฮยอนตอบเจสสิก้าพลางส่งยิ้มบางๆไปให้ก่อนจะเอายถามเจสสิก้าด้วยความสงสัย คือใครจะว่าเธอตกเทรนก็ช่างเถอะแต่ซอฮยอนแทบไม่รู้จักใครเลยในวงการนอกจากเจสสิก้าเพียงคนเดียว
“อ๋อ! นี่มาร์คเป็นรุ่นน้องที่พี่แสดงละครด้วยกันน่ะแล้วก็นี่ซอฮยอนน้องสาวพี่เอง” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าซอฮยอนคงจะไม่รู้จักคนทีมาด้วยเจสสิก้าจึงจัดการแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน
“สวัสดีค่ะ ^_^” ซอฮยอนทักทายมาร์คพลางส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรไปให้ซึ่งมาร์คก็ทำแบบเดียวกลับเช่นกัน
“นั่นมันมาร์คนักแสดงที่กำลังได้รับความนิยมตอนนี้นี่นา! กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!” เสียงของนักเรียนในคลาสคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจก่อนจะส่งเสียงกรีดออกดังลั่นไปทำให้คนทั้งห้องรีบหันไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังเจสสิก้าเป็นตาเดียวก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ
“แล้วมากับพี่เจสสิก้าได้ยังไงล่ะ?” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“ฉันจะไปรู้เหรอ? หรือว่าสองคนนั้นกำลังคบกัน!” เสียงของอีกคนตอบก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงดังส่งผลให้ทุกคนยิ่งไปให้ความสนใจมาร์คกับเจสสิก้ามากขึ้นไปอีกทำเอาทั้งสองคนแทบทำตัวไม่ถูก
“คือผมกับพี่สิก้าไม่ได้คบกันนะครับเข้าใจใหม่ด้วย” เมื่อได้ยินแบบนั้นมาร์คก็รีบเอ่ยปากแก้ต่างทันทีเพราะเขาไม่ต้องการให้เจสสิก้าเสียหายหรอกนะ เพราะใครๆก็ต่างรู้ดีว่าถ้าอยู่ในวงการนี้ไม่ควรมีแฟนในช่วงที่กำลังได้รับความนิยมมากมายแบบนี้หรอก
“ถูกแล้วค่ะพี่ไม่ได้คบกับมาร์คยังไงทำความเข้าใจกันด้วยนะคะ” เจสสิก้าบอกตอกย้ำในสิ่งที่มาร์คพูดอีกแรงทำให้หลายๆคนเริ่มเงียบลง
“อ่อ! พี่สิก้าซอมีเพื่อนจะแนะนำให้พี่รู้จักด้วยนะ” เมื่อเห็นเหตุการณ์เริ่มกลับสู่ปกติซอฮยอนจึงเปลี่ยนเรื่องพูดก่อนจะพาเจสสิก้าไปหายุนอากับชานยอลที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องโดยมีมาร์คเดินตามไปด้วย ภาพที่เห็นทำให้คนอื่นๆอดที่จะคิดไม่ได้ว่า...สองคนนี้ไม่ได้คบกันจริงๆเหรอ?
“คนนี้ยุนอาเพื่อนสนิทของซอเอง ส่วนคนนี้ชื่อชานยอลเขาเป็นแฟนบอยพี่สิก้าแหละ” ซอฮยอนแนะนำยุนอากับชานยอลให้เจสสิก้ารู้จักแต่ชานยอลกับมีท่าทางที่ดูประหม่าเล็กน้อย
“จริงเหรอ? ขอบคุณนะที่ชอบพี่ J” เจสสิก้าถามชานยอลพลางเอ่ยเชิงขอบคุณพลางส่งยิ้มไปให้ทำเอาคนเป็นแฟนบอยอย่างชานยอลทำอะไรไม่ถูกนอกจากส่งยิ้มไปให้
“ผมพี่ว่าลืมอะไรไปสักอย่างนะ” มาร์คพูดขึ้นทำให้เจสสิก้าหันไปมองด้วยสีหน้างุนงงพลางครุ่นคิด
“ลืมอะไร?” แต่เหมือนเจสสิก้าจะนึกไม่ออกเสียทีจึงถามออกไป
“ก็นี่ไงครับ..มันจะละลายจนไม่เหลือรสชาติจริงๆมันอยู่แล้วนะ” มาร์คบอกพลางชูถุงที่บรรจุแก้วกาแฟกับคัพเค้กที่เธอแวะซื้อมาก่อนจะมาที่นี่
“จริงด้วย..ซอฮยอนพี่ซื้อมาฝากยังไงก็แบ่งๆเพื่อนแล้วกันเนอะ” เจสสิก้าบอกพลางส่งยิ้มแหยๆไปให้ก่อนจะรับมันมาจากมือของมาร์คแล้วส่งต่อให้กับซอฮยอนพลางส่งยิ้มบางๆไปให้
“ขอบคุณนะคะโชคดีจังเรายังไม่ได้กินอะไรเลยครูไม่ยอมให้ลงไปซื้ออ่ะ” ซอฮยอนเอ่ยขอบคุณก่อนเปิดปากบ่นเล็กน้อย
“ทนๆไปหน่อยน่าเรียนจบเดี๋ยวก็ได้ลองเล่นละครจริงๆแล้ว” เจสสิก้าบอกเชิงให้กำลังใจพลางยกมือขึ้นวางบนศีรษะมนได้รูปของซอฮยอนก่อนจะออกแรงลูบเบาๆ
“ขอบคุณค่ะแล้วพี่จะกลับเลยมั้ย?” ซอฮยอนบอกก่อนจะถามต่อ
“อื้ม! พี่จะไปกลับไปพักหน่อยน่ะเพิ่งถ่ายละครเสร็จ” เจสสิก้าตอบพลางพยักหน้า
“แล้วพี่กลับยังไงล่ะ? กลับกับมาร์คเหรอ?” ซอฮยอนถามด้วยความสงสัย
“อื้ม..พอดีผู้จัดการของพี่ไม่อยู่น่ะแล้วเพื่อนพี่บอกให้มาร์คไปส่ง” เจสสิก้าตอบเชิงอธิบายให้ซอฮยอนเข้าใจ
“อ๋อ...งั้นกลับบ้านดีๆนะคะ” ซอฮยอนตอบรับพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“โอเคยังไงว่างๆพี่จะมาหาอีกนะ..พี่กลับก่อนนะ J” เจสสิก้าบอกลาซอฮยอนก่อนจะหันไปโบกมือลายุนอากับชานยอลแล้วก็เดินกันออกไปพร้อมกับมาร์คโดมีสายตานับสิบคู่มองทั้งคู่อย่างไม่วางตาพลางคิดกันไปต่างๆนานาก่อนที่ทั้งคู่จะเดินหายลับตาไป
“ฉันว่าแกมีคู่แข่งแล้วล่ะชานยอล คิคิ” ยุนอาบอกพลางยกแขนของตัวเองไปเกยบนไหล่ของชานยอลพลางยักคิ้วใส่อย่างกวนประสาทก่อนจะส่งเสียงหัวเราะคิคิ
“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะยัยทอมขาโกร่ง!” ชานยอลเถียงกลับเชิงเหน็บเพื่อนตัวเองพลางแยกเขี้ยวใส่แต่ยุนอากลับไม่มีท่าทีจะกลัวเลยสักนิดแถมยังแลบลิ้นใส่อีกอย่างกวนประสาท
“พอได้แล้วสองคนนี้อ่ะมากินกันเถอะเดี๋ยวก็ได้บ่นหิวอีก” ซอฮยอนบอกเชิงห้ามปรามเพื่อนของตัวเองก่อนจะยื่นคัพเค้กกับกาแฟไปให้ทั้งสองคน
#วันต่อมาทางด้านเจสสิก้า
ท่ามกลางอากาศที่ค่อนเข้างจะเย็นสบายมากกว่าทุกวันส่งผลให้คนขี้เซาอย่างเจสสิก้าแทบไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นจากที่นอนเสียทีแม้ว่าแสงแดดอ่อนๆจะเริ่มสาดส่องเข้ามาผ่านผ้าม่านสีขาวสะอาดแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ร่างบางจะตื่นขึ้นสักนิดอย่างมากก็แค่ส่งเสียงร้องฟัดฟัดอย่างหงุดหงิดก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้กับแสงที่สาดส่องเข้ามา
Rrrrrrr!~~
แต่ก็เหมือนสวรรค์สาปนรกแกล้งที่จู่ๆเสียงโทรศัพท์สมาร์โฟนเครื่องสวยของเธอก็ดังขึ้นลั่นห้องส่งเสียงรบกวนการนอนของเธอทำให้เจสสิก้านิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความหงุดหงิดก่อนจะพลิกตัวหนีไปอีกทางพลางเอาหมอนมาปิดหูแต่พอพลิกตัวไปก็พบกับเสียงของพระอาทิตย์ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดแถมเสียงโทรศัพท์ก็ไม่มีท่าทีจะเงียบลงทำให้เจสสิก้าต้องเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนด้วยอารมณ์หงุดหงิดพลางเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยข้างเตียงทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ฮัลโหล!” กดรับโดยไม่ได้ดูว่าเป็นเบอร์ของใครเมื่อลืมตาขึ้นมองข้างหนึ่งแล้วเห็นปุ่มกดรับสายเจสสิก้าก็สไลด์ปุ่มนั่นก่อนจะกรอกเสียงไปยังปลายสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างชัดเจน
( นอนกินบ้านกินเมืองตลอดเลยนะแกน่ะ - - ) ปลายสายเอ่ยปากบ่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของเจสสิก้าที่ฟังดูงัวเงียแถมยังติดหงุดหงิด
“ก็วันนี้ฉันไม่มีคิวถ่ายละครนี่อีกอย่างฉันก็ไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาหลายวันแล้วอ่ะ” เจสสิก้าตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงติดงอแงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนราบไปกับเตียงเหมือนเดิม
( แล้วไงเนี่ยเมื่อวานมาร์คไปส่งแกถึงคอนโดป่ะ? ) ปลายสายเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“อื้ม! ก็ส่งถึงหน้าคอนโดนั่นแหละ” เจสสิก้าตอบปลายสายพลางพลิกตัวไปทางหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีขาวปิดกั้นความสวยงามของวิวทิวทัศน์ภายนอก
( ถามจริงแกชอบมาร์คป่ะ? ) ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้ระคนตื่นเต้น
“นึกบ้าอะไรมาถามเนี่ยฮะ?” เจสสิก้ากรอกเสียงถามกลับพลางเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
( ก็แหม..ดูแกกับมาร์คเล่นกันเมื่อวานมันน่ารักนี่นาเลยถามดูว่าคิดอะไรหรือเปล่าตอบมาดิ ) แทยอนบอกแกมแซวเล็กน้อยก่อนจะเร่งเร้าเอาคำตอบจากอีกคน
“ก็ชอบ…แบบน้องชายอ่ะ” เจสสิก้าบอกพลางหย่อนขาเรียวสวยของเธอแล้วดันตัวลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงเพื่อรับลมในตอนเช้า
( อ่ะโธ่! ฉันก็นึกว่าแกคิดอะไรกับมาร์คซะอีกแต่ดูท่าแล้วมาร์คน่าจะชอบแกนะ ) ปลายสายส่งเสียงอย่างผิดหวังกับคำตอบของเพื่อนเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“ไม่หรอกน่าฉันไม่เห็นจะรู้สึกเลยแกนี่มันคิดมากจริง” เจสสิก้าบอกเชิงเถียงปลายสาย
( แกไม่เชื่อสายตาของคิมแทยอนคนนี้งั้นเหรอ? ว่ามาร์คน่ะชอบแก ) ปลายสายบอก
“อย่าไร้สาระน่าฉันว่ามาร์คไม่น่าจะชอบคนแก่กว่าหรอกอีกอย่างฉันก็ไม่ชอบคนอายุน้อยกว่าด้วย” เจสสิก้าบอกปลายสายพลางตอกย้ำในสิ่งที่เธอเคยบอกแทยอนมาตลอด
( จำคำพูดตัวไว้เถอะระวังจะตอนหลังจะกลับคำไม่ทันนะ ) ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงแซวๆเล็กน้อย
“ไม่มีทางหรอกย่ะ! แล้วนี่โทรมาเพื่อจะมาพูดเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ?” เจสสิก้าตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะเอ่ยปากถามปลายสาย
( จริงๆแค่จะโทรมาเตือนว่าวันนี้ตอนห้าโมงเย็นแกมีงานเดินแบบของบริษัทเจเจกรุ๊ปกับฉันนะ ) ปลายสายบอก
“ฉันลืมไปแล้วนะเนี่ย! ขอบคุณนะที่โทรมาเตือน” เจสสิก้าบอกขอบคุณปลายสายอย่างใจจริง หลังจากที่เธอต้องถ่ายละครดึกแล้วนอนไม่เพียงพอทำให้สมองเธอเบลอไปหมดยิ่งตอนนี้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอไม่อยู่อีกทำให้เธอลำบากมากขึ้นไปอีก
( นั่นไงถ้าฉันไม่โทรมาเตือนสงสัยแกได้โดนว่าแน่ ) ปลายสายบอกอย่างอวดๆเล็กน้อย
“ย่ะ! ขอบคุณสำหรับคำเตือนนะแล้วนี่แกอยู่ไหนเนี่ย?” เจสสิก้าตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงกวนๆก่อนจะเอ่ยถามต่อ
( ก็อยู่กองถ่ายนั่นแหละเมื่อไหร่จะมีคิวว่างเหมือนแกบ้างเนี่ยฉันก็อยากพักนะ ) ปลายสายตอบก่อนจะบ่นกระปอดกระแปด
“ก็อยากเป็นนางเอกเองช่วยไม่ได้หรอกย่ะ” เจสสิก้าตอบกลับบ้านด้วยน้ำเสียงกวนๆเล็กน้อย
( เชอะ! อย่าให้ถึงทีฉันบ้างแล้วกัน ) ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงติดอิจฉาเล็กน้อย
“จะรอดู คิคิ” เจสสิก้าตอบปลายสายพลางส่งเสียงคิกคักในลำคอ
( ไม่คุยกับแกละยังไงเจอกันตอนเย็นแล้วกันแค่นี้ล่ะ บ๊ายยยยยยย ) ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงงอนๆก่อนจะบอกลาเจสสิก้าแล้วกดวางสายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
“เอ้า? ยัยแทนี่ตลอดเลย” เจสสิก้าต่อว่าปลายสายที่เพิ่งวางสายไปเมื่อครู่พลางส่ายหัวอย่างเอือมระอาก่อนจะเดินกลับไปเข้าทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเหมือนเดิม
วันนี้ถือว่าเป็นวันพักผ่อนที่ดีของเธอมาจริงๆเพราะเธอไม่มีคิวถ่ายละครในวันนี้แถมงานอื่นก็ไม่มีอีกด้วยจะมีก็แค่ไปเดินแบบให้กับบริษัทเจเจกรุ๊ปในตอนเย็นส่งผลให้แจสสิก้าไม่คิดจะรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างทุกวันและในตอนนี้เจสสิก้ากำลังเล่นโทรศัพท์เช็คข่าวสารไปเรื่อยจนไปเจอเข้ากับข่าวที่ทำให้เธอต้องเด้งตัวขึ้นจากที่นอนอีกครั้ง
‘มีนักข่าวตาดีไปเจอเข้ากับนักแสดงหนุ่มอักษรย่อ ม. และนักแสดงสาวรุ่นพี่อักษรย่อ จ. นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กันอย่างสวีทหวานแถมยังส่งกันถึงคอนโดอีกด้วย’
“นี่มันรูปฉันนี่หว่า? นักข่าวไปเห็นกันตอนไหนเนี่ย!!” เจสสิก้าร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเพ่งสายตามองไปยังภาพที่ปรากฏอยู่ซึ่งมันก็เป็นภาพของเธอกับมาร์คก่อนจะเลื่อนลงมาอ่านคอมเมนท์ข้างล่าง
Emma : ฉันเดาว่าอักษรย่อ ม ต้องเป็นมาร์ค ส่วนอักษรย่อ จ เจสสิก้าชัวร์!
Violet : สองคนนี้ต้องมาซัมติงกันบางอย่างแน่ๆ
Cara : บางทีพวกเขาอาจจะกำลังสร้างกระแสก็ได้นะ ได้ข่าวว่าพวกเขามีละครด้วยกันนี่
Nadia : โอ้มายกอด! ส่งกันถึงคอนโดแบบนี้ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ
Ava : โลกนี้มันเกิดอะไรกันนะ นางร้ายจะได้กินทั้งในละครแล้วชีวิตจริงเลยหรือไงกัน
“แบบนี้ถ้าพี่ซูยองรู้มีหวังโดนเทศยาวแน่ TT” เจสสิก้าแทบจะยกมือกุมขมับของตัวเองในทันทีเมื่อนึกถึงตอนที่ซูยองหรือผู้จัดการส่วนตัวของเธอเมื่อทราบข่าวนี้จะมีอาการเป็นเช่นไร
Rrrrrrrrr!~
ยังไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์เครื่องสวยก็สั่นพร้อมกับร้องลั่นห้องของเธอเจสสิก้าจึงยกขึ้นดูปรากฏว่าเป็นคนที่เธอกำลังเอ่ยถึงเมื่อครู่ เมื่อเห็นดังนั้นเจสสิก้าก็แทบจะช็อคค้างไปในทันทีพลางมองปุ่มรับสายอย่างชั่งใจพลางสูดลมหายใจก่อนจะตัดสินใจกดรับแล้วยกขึ้นแนบหูช้าๆ
“ว่ายังไงคะพี่ซูยอง?” กรอกเสียงไปถามปลายสายด้วยอย่างเกรงๆเล็กน้อย
( ทำไมถึงมีรูปหลุดแบบนั้นล่ะสิก้า! ) ปลายสายเอ่ยถามเจสสิก้ากลับด้วยน้ำเสียงดุๆทำเอาคนอายุน้อยกว่าแทบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอไม่ได้
“สิก้าไม่ได้ตั้งใจนะอีกอย่างเมื่อวานสิก้าก็ไม่มีรถกลับด้วยมาร์คเลยอาสาจะมาส่งอ่ะ” ตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงอ้อนๆเล็กน้อย
( ทำไมเธอไม่ระวังเลยล่ะหมวกกับแว่นทำไมไม่ใส่? ) ปลายสายบอกเชิงดุ
“ก็ตอนนั้นสิก้าคิดว่าคงไม่มีนักข่าวแล้วนี่นา” เจสสิก้าบอกปลายสายด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
( เฮ้อ! ช่างมันเถอะยังไงตอนนี้สมัยมันเปลี่ยนไปแล้วคนคงเข้าใจ ) ปลายสายถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอา
“นั่นน่ะสิตอนนี้มันยุคใหม่แล้วคนต้องเข้าใจแน่นอนอีกอย่างสิก้ากับมาร์คก็ไม่ได้คิดอะไรกันด้วยนะ” เจสสิก้าบอกปลายสายอย่างสนับสนุนคำพูดของอีกฝ่าย
( แน่ใจนะว่าเราไม่ได้คิดอะไร? ) ปลายสายถามเพื่อความแน่ใจ
“แน่สิคะพี่ก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ชอบคนอายุน้อยกว่าอ่ะ” เจสสิก้าบอกปลายสาย
( งั้นก็แล้วไปเดี๋ยวถ้ามีนักข่าวมาถามอะไรก็ตอบไปตามความจริงแล้วกัน ) ปลายสายบอก
“อยู่แล้วล่ะค่ะสิก้าไม่โกหกหรอกน่าพี่เชื่อสิ” เจสสิก้าบอกปลายสายด้วยน้ำเสียงมั่นคง
( งั้นดูแลตัวเองดีๆนะเดี๋ยวสัปดาห์หน้าพี่ก็กลับแล้วยังไงช่วงนี้ก็กลับกับแทยอนไปก่อนแล้วกันนะ ) ปลายสายบอกเจสสิก้าอย่างเป็นห่วง
“พี่ไม่ต้องห่วงสิก้าหรอกนะพี่ดูแลญาติพี่ดีๆล่ะสิก้าขอให้หายไวๆนะ” เจสสิก้าบอกปลายสาย
( อื้ม! ญาติพี่คงดีใจแย่ที่เราบอกให้เขาหายไวๆ ) ปลายสายตอบรับก่อนจะพูดต่อ
“ทำไมล่ะคะ?” เจสสิก้าถามปลายสายด้วยความงุนงงระคนสงสัย
( ก็ญาติพี่เป็นแฟนละครของสิก้าไง ) ปลายสายบอก
“สิก้าฝากขอบคุณเขาด้วยนะคะ..ยังไงสิก้าวางสายก่อนนะหิวข้าวแล้ว” เจสสิก้าบอกปลายสาย
( โอเคถ้ามีอะไรโทรมาหาพี่ได้นะ ) ปลายสายบอก
“ค่า!~~” เจสสิก้าลากเสียงยาวๆตอบปลายสายก่อนจะกดวางสายไป
“เอาไงล่ะทีนี้ถ้าไปเดินแบบมีหวังโดนถามเรื่องนี้แน่ อ๊ากกกกกกกกก!! อยากจะบ้า” เมื่อวางสายจากซูยองเจสสิก้าก็โยนโทรศัพท์ไปข้างหมอนก่อนจะทิ้งตัวนอนราบกับเตียงด้วยอารมณ์ที่กำลังคิดหนัก
#ตอนเย็น
เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนเย็นเจสสิก้าที่วันนี้ทั้งวันก็เอาแต่คิดมากเรื่องข่าวที่ออกไปพลางคิดไปต่างๆนานาว่าถ้าไปที่งานเดินแบบวันนี้เธอจะโดนคำถามอะไรแล้วถ้าเกิดมาร์คไปงานอื่นแล้วโดนถามอีกล่ะจะไปยังไง? คำถามพวกนี้วนเวียนตีกันในหัวสมองของเธอไปหมดจนแทบไม่มีอารมณ์ใส่ใจกับอะไรอย่างอื่นเลย
ในตอนนี้เจสสิก้าอยู่ในชุดสบายๆคือเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมเม็ดบนสองเม็ดโดยมีเสื้อกล้ามสีขาวอยู่ภายในบวกกับกางเกงสแล็คสีครีมกำลังทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในขณะที่กำลังแต่งหน้าอ่อนๆพอให้ไม่จืดชืดเกินไป
Rrrrrrr!~
หลังจากที่เธอแต่งหน้าเสร็จไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเจสสิก้าจึงลุกจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินไปหยิยบโทรศัพท์เครื่องสวยขึ้นมาดูก่อนจะกดรับอย่างไม่รอช้า
“ว่าไง?” เจสสิก้ากรอกเสียงเอ่ยถามไปยังปลายสาย
( ฉันอยู่หน้าคอนโดแกแล้วลงมาเลยด่วนจี๋! ) ปลายสายบอกแกมเร่งเพื่อนของตัวเองเจสสิก้าจึงตอบบรับกลับไปก่อนจะกดสายสายไป เมื่อวางสายไปแล้วเจสสิก้าก็เอาโทรศัพท์ยัดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลใบโปรดมาโดยไม่ลืมหยิบคีย์การ์ดของห้องไปด้วย ก่อนที่เธอจะออกจากห้องไปก็ไม่ลืมที่จะเช็คความเรียบร้อยก่อนจะออกไปโดยทันที
#ที่งานเดินแบบของบริษัทเจเจกรุ๊ป
เมื่อทั้งแทยอนและเจสสิก้ามาถึงในงานทั้งสองก็รับเดินเข้าไปทันทีโดยพวกเธอทั้งสองคนเดินไปที่ประตูหลังของที่จัดงานเพราะห้องแต่งตัวอยู่ใกล้กับประตูด้านหลัง พอทั้งสองมาถึงห้องแต่งตัวก็รับเอาชุดที่ต้องใช้ในการเดินแบบในคืนนี้ไปสวมใส่ก่อนจะเดินมานั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผมจัดการเซตทุกอย่างของพวกเธอจนเสร็จ
“ใกล้ถึงเวลาแล้วไปรอที่เวทีเลยค่ะ” หลังจากนั่งรอเวลาจะเดินแบบมากว่า 20 นาทีเสียงของทีมงานก็เดินเข้ามาตามเจสสิก้ากับแทยอนที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์กันอยู่ เมื่อสิ้นเสียงของทีมงานทั้งสองก็เงยหน้าละสายตาจากโทรศัพท์แล้วพยักหน้าให้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าของพวกเธอ
“ตื่นเต้นเนอะไม่คิดว่าจะได้มาเดินแบบงานใหญ่แบบนี้เลย” แทยอนบอกเมื่อเดินกันมาถึงที่เตรียมตัวพลางทอดสายตามองไปด้านหน้าที่มีทั้งนักแสดงและนักธุรกิจมากหน้าหลายตามาร่วมงานกันนับกว่าห้าสิบชีวิตส่งผลให้แทยอนอดจะตื่นเต้นไม่ได้
“นั่นสิ..เคยแต่เดินแบบงานเล็กๆ” เจสสิก้าบอกอย่างเห็นด้วยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเพื่อทำสติ
ไม่นานเสียงของพิธีกรก็ดังขึ้นก่อนจะกล่าวทักทายคนในงานแล้วก็พูดรายละเอียดต่างๆก่อนจะมาถึงรายการที่จะมีคนมาเดินแบบ เมื่อถึงคิวทีมงานก็ให้สัญญาณกับแทยอนและเจสสิก้าให้เตรียมตัว โดยแทยอนเป็นคนเริ่มเดินออกไปเป็นคนแรกด้วยท่าทางการเดินที่สง่าและสวยงามราวกับเทพธิดาซึ่งมันก็เรียกเสียงปรบมือจากคนในงานได้มาพอสมควร แล้วก็เริ่มมีนางแบบคนอื่นๆเริ่มทยอยกันเดินออกมาด้วยท้วงท่าที่สง่างามก่อนจะมาถึงคนสุดท้ายอย่างเจสสิก้าที่ได้รับหน้าที่สวมชุดฟินาเล่เมื่อถึงคิวเจสสิก้าก็เดินขึ้นบนเวทีก่อนจะโพสท่าเล็กน้อยแล้วก้าวเท้าเดินอย่างสวยงามและมีความเป็นมืออาชีพซึ่งคนในงานก็ปรบมือกันดังสนั่นพลางเอ่ยปากชมกันต่างๆนานาถึงความสวยของเธอที่ดูสวยราวกับนางพญาเมื่อเจสสิก้าเดินมาจนสุดเวทีเธอก็ไม่ลืมโพสท่าแล้วส่งยิ้มให้กับกล้องที่มารุมถ่ายเธอกันอย่างล้มหลามก่อนที่เธอจะเดินกลับไปรวมกับเพื่อนๆพลางโพสท่าเหมือนคนอื่นๆ
เมื่อการเดินแบบสิ้นสุดลงนางแบบทั้งหมดก้เริ่มทยอยกันเดินลงมาจากเวทีแล้วเดินกลับไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งเจสสิก้ากับแทยอนก็เปลี่ยนเสร็จในเวลาไล่เลี่ยกัน
“วันนี้เธอสองคนเดินกันสวยมากยังไงก็อยู่ร่วมงานกันก่อนนะ” ปาร์คยูชอนเจ้าของงานเดินเข้าเอ่ยปากชมแทยอนกับเจสสิก้าซึ่งทั้งสองก็ยิ้มรับอย่างขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะ” แทยอนเอ่ยขอบคุณพลางส่งยิ้มไปให้ก่อนที่ปาร์คยูชอนจะเดินออกไป แล้วหลังจากนั้นทั้งเจสสิก้าและแทยอนก็เดินตามออกไป
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ...พี่สิก้า” ในขณะที่เจสสิก้ากับแทยอนกำลังจะเดินไปตักอาหารก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของเจสสิก้าทำให้เธอรีบหมุนตัวหันไปมองอน่างสงสัยแต่เมื่อเห็นหน้าของคนที่เข้ามาทักทายก็ถึงกับตกตะลึงพลางเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“นายมาทำอะไรที่นี่!?” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจระคนตกตะลึงไม่หาย
“ผมก็มาเป็นตัวแทนเปิดงานแทนพ่อของผมไงครับ J” เอ่ยตอบพลางส่งยิ้มไปให้
“ว่าอะไรนะ? นายจะบอกว่านายเป็นลูกเจ้าของงานเหรอ?” เจสสิก้าถามคนตรงหน้าซ้ำด้วยความสงสัยพลางทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อ
“ครับ..ทำไมพี่ต้องทำหน้าแบบนั้นล่ะ? ไม่ดีใจเหรอที่เจอหน้าผมน่ะ” ตอบรับพลางถามกลับก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะชื่นชอบมันแล้วคงจะยิ้มตอบกลับไปแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
“ไม่เลยสักนิดฉันรู้สึกแย่มากกว่าที่ต้องมาเจอนายถ้าฉันรู้ว่านายเป็นลูกเจ้าของงานฉันไม่รับงานนี้เด็ดขาด!” เจสสิก้าตอบคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวส่งผลให้คนที่ไม่รู้เรื่องอย่างคิมแทยอนอดมองอย่างสงสัยไม่ได้
“พี่ยังไม่เลิกโกรธผมอีกเหรอ?” ถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเดิม
“มันคงเป็นเรื่องเล็กมากมั้ง! ที่จะสามารถหายโกรธนายได้น่ะ! ขอโทษนะฉันขอตัวกลับล่ะ แทยอนกลับบ้านกันเถอะ!” เจสสิก้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเหมือนเดิมก่อนจะหันไปบอกแทยอนที่ยืนมองตาแป๋วอย่างไม่รู้เรื่องราวก่อนจะลากเพื่อนสนิทออกไปจากงานโดยไม่คิดจะสนใจคนที่เข้ามาทักอีก
“เจสสิก้าแกเป็นอะไรไป? แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครเหรอ?” แทยอนเปิดปากถามเจสสิก้าเมื่อโดนลากมาจนถึงรถของเธอ
“แฟนเก่าฉันเอง” เจสสิก้าตอบพลางทิ้งตัวพิงไปกับรถยนต์คันสวยของเพื่อนสนิท แต่แทยอนกลับมีอาการที่ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนตัวเอง
“ว่าอะไรนะ! ไหนแกบอกว่าไม่ชอบเด็กไงแล้วไหงไปเป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้นล่ะ?” แทยอนร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะถามต่อด้วยความอยากรู้
“ก็เขานั่นแหละทำให้ฉันไม่อยากคบกับคนอายุน้อยกว่า” เจสสิก้าบอกด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือคล้ายกำลังจะร้องไห้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ผู้ชายคนนั้นคือ ‘จินยองหรือเจอาร์’ แฟนเก่าของเธอคนที่ทำให้เธอรู้สึกเกลียดการเอาคนอายุน้อยกว่ามาเป็นแฟน!
“แกมีเรื่องอะไรเหรอ? เล่าให้ฉันฟังได้นะ” แทยอนถามพลางเอื้อมมือไปจับมือของเจสสิก้าแล้วออกแรงบีบเบาๆ
“ขอโทษนะแทยอนฉันยังไม่พร้อมเล่าอะไรในตอนนี้ฉันอยากกลับบ้านไปส่งฉันหน่อยนะ” เจสสิก้าบอกแกมขอร้องเพื่อนสนิทพลางส่งสายตาวิงวอนซึ่งแทยอนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าแล้วเดินอ้อมฝั่นคนขับส่วนเจสสิก้าก็ขึ้นรถไปนั่งข้างคนขับก่อนที่เครื่องจะสตาร์ทและขับออกไป
กรี๊ดดดดดดดดด!~~ จบพาร์ทสักที 555555555
เราว่าพาร์ทนี้มันยาวเกินไปนะ คิคิ
ตัวละคนใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวคือเจอาร์นั่นเอง J
อะไรกัน? เจอาร์เป็นแฟนเก่าสิก้า? มีอดีตอะไรกัน?
ติดตามกันต่อไปนะคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

//มาร์คสิกก้านี่น่ารักจริงๆนะเนี่ย แอบจิ้นแม่มมม
ซอกลัวขนาดนั้น? ไม่มีงานหมดเลยดิ่555555
เราว่าสาวๆรับไล่ผีท่าจะรุ่งกว่านะ-.-
เมื่อไหร่จะเจอกันสักที่นะ
เราว่าไล่ผีน่าจะเหมาะกว่านะ #โดนถีบ
ซูโฮคือพี่ชายซอ >O<
ติดตามค่า
พี่ว่าเขียนแบบนี้น่ารักดีอ่ะ มั่นใจเข้าไว้น้องจอย >_<
ถ้าเราเจอพวกแกเราก็ว่าบ้าหว่ะ -3--
จะได้เจอพระเอกกันแล้ว
จ่านี่ก็นะช่วยเค้าก่อนก็ไม่ได้จะมาไม่ได้รับกำจัดผีอะไรอีก ??
รอนะคะ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 29 กันยายน 2555 / 22:18