ตอนที่ 18 : - { Behind the illusion } - // บทที่ ๑๗ : ลองเปิดใจ
#วันต่อมาที่กองถ่าย
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ทั้งแทยอน ชานยอล ทิฟฟานี่ และซอฮยอนต่างก็ไม่ได้ขยับตัวออกไปไหนนอกจากอยู่ภายในกองถ่ายกันตั้งแต่ช่วงเจ็ดโมงเช้าด้วยที่ว่าการถ่ายทำในตอนนี้ดำเนินมาเกินครึ่งเรื่องกันไปแล้ว อีกอย่างทางผู้กำกับและทางผู้จัดก็ต้องการให้การถ่ายทำเสร็จให้เร็วมากที่สุดเพื่อที่จะได้เหลือเวลาตรวจสอบความเรียบหรือความผิดพลาดต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับละครเรื่องนี้เพื่อที่จะสามารถถ่ายซ่อมได้ทันถ่วงทีโดยที่มันจะไม่ส่งผลกระทบให้การออกอากาศของละครเรื่องนี้ต้องเลื่อนออกไป
“อ่ะนี่ซอฮยอน” ในขณะที่ซอฮยอนกำลังนั่งท่องบทที่จะถ่ายในซีนต่อจากทิฟฟานี่กับชานยอลที่กำลังถ่ายทำอยู่นั้นเสียงของแทยอนก็ดังขึ้นทำให้เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะมองหน้าคนที่เอ่ยปากพูดแต่ก็ต้องไปสะดุดเข้ากับบัตรบางอย่างที่อยู่ในมือของแทยอน
“บัตรอะไรเหรอคะ?” ซอฮยอนเอ่ยถามพลางมองหน้าแทยอนด้วยความสงสัย
“บัตรชมแฟชั่นโชว์น่ะอิตาบ้านั่นฝากพี่เอามาให้เธอ” แทยอนตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆเมื่อนึกถึงสีหน้ากวนประสาทของคนที่ฝากบัตรนี้ไว้กับเธอ
“พี่ลูฮานเหรอคะ?” ซอฮยอนถามขึ้นเพื่อความแน่ใจก่อนจะรับมันหลังจากที่แทยอนพยักหน้ารับ
“งั้นพี่ไปอ่านบทต่อละ” แทยอนบอกก่อนจะเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ห่างจากซอยอนพอสมควรเนื่องจากการท่องบทและจำบทนั้นค่อนข้างต้องใช้สมาธิมากเป็นพิเศษจึงจำเป็นที่จะต้องนั่งห่างกันเพื่อไม่ให้เกิดการกวนสมาธิกันเอง
ส่วนซอฮยอนก็ทำเพียงแค่อ่านรายละเอียดในบัตรนั่นด้วยความงุนงงที่จู่ๆลูฮานก็ให้บัตรแฟชั่นโชว์มาให้กับเธอก่อนจะเผยรอยยิ้มขึ้นมาทีละนิดเพราะจริงๆแล้วเธอก็เคยคิดว่าอยากจะไปดูแฟชั่นโชว์สักครั้งเหมือนกัน
ไลน์~
ในขณะที่ซอฮยอนกำลังรู้สึกปราบปลื้มไปกับบัตรชมงานแฟชั่นโชว์ที่อยู่ในมือนั้นเสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นไลน์ในโทรศัพท์เครื่องสวยของเธอก็ดังขึ้นทำให้เธอหันไปสนใจมันพลางหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดอ่านข้อความทันที
Luexolu : นี่พี่เองนะ...พี่ลูฮานน่ะ ^_^
เมื่อเธออ่านข้อความที่ส่งมานั้นจบเธอก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยระคนงุนงงก็ในเมื่อเธอไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์หรือไอดีไลน์กับฝ่ายตรงข้ามมาก่อนเลยแต่อีกฝ่ายทักเธอมาได้อย่างไรกัน?
ซอจูฮยอน : พี่ไปได้เบอร์ของฉันมาจากไหนคะเนี่ย?
ไม่ทนให้ความสงสัยเกาะกินอยู่นานซอฮยอนก็บรรจงพิมพ์ข้อความลงไปก่อนจะกดส่งแล้วรอการตอบกลับมาอย่างใจจดจ่อ
Luexolu : พี่ขอครูที่บริษัทน้องไง ^_^
อีกฝ่ายตอบกลับข้อความที่ซอฮยอนส่งไปอย่างรวดเร็วและซอฮยอนก็ไม่รอช้าที่จะกวาดสายตาอ่านตามตัวอักษรที่อีกฝ่ายส่งมาทุกตัวอักษร
ซอจูฮยอน : ไปขอตอนไหนกันเนี่ย? ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยนะคะ @_@
Luexolu : พอดีเมื่อวานพี่เข้าไปที่บริษัทที่เราเรียนอยู่แล้วบังเอิญเจอครูเราพอดีก็เลยขอเบอร์มาเลยไง
ซอจูฮยอน : ร้ายจัง..อ่อ! ฉันได้บัตรชมแฟชั่นโชว์จากพี่แทยอนแล้วนะคะ
Luexolu : นึกว่ายัยนั่นจะไม่ให้ซะอีก L
ซอจูฮยอน : แล้วทำไมพี่แทยอนต้องไม่ให้ด้วยล่ะคะ? พี่แทยอนน่ารักจะตายไป
Luexolu : สำหรับพี่ยัยนั่นไม่เห็นจะน่ารักเลย -_-
“คุยกับใครอยู่เหรอ?” แทยอนที่เห็นว่าซอฮยอนเอาแต่นั่งพิมพ์อะไรไปมาไม่ยอมอ่านบทต่อแถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนมีความสุขอะไรเธอจังวางบทของเธอไว้ตรงที่เธอนั่งก่อนหน้านั้นแล้วลุกขึ้นเดินไปหาซอฮยอนพร้อมกับเปิดปากถามด้วยความอยากรู้
“อ๋อ! พี่ลูฮานน่ะค่ะ J” ซอฮยอนเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ก่อนจะตอบคำถามของคนตรงหน้าพลางส่งยิ้มไปให้
“หา? ไปได้เบอร์ของอิตานั่นมาจากไหนกันล่ะ?” แทยอนแสดงอาการงุนงงระคนตกใจหลังจากที่ได้รับคำตอบเธอจึงเอ่ยถามต่อด้วยความอยากรู้
“พี่ลูฮานบอกว่าไปขอกับครูที่บริษัทน่ะค่ะ” ซอฮยอนตอบอย่างใสซื่อ
“โห...นี่เล่นรุกขนาดนี้เลยเหรอวะ?” แทยอนเปิดปากบ่นกับตัวเองพลางแอบเบะปากอย่างนึกหมั่นไส้
“อะไรเหรอคะ?” ซอฮยอนที่ได้ยินสิ่งที่แทยอนพูดไม่ถนัดนักเธอจึงเอ่ยถามออกไป
“เปล่าหรอก..อิตานั่นกำลังจีบเราเหรอ?” แทยอนเลือกที่จะตอบปฏิเสธแบบปัดๆก่อนจะถามต่อพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างลุ้นกับคำตอบ
“ไม่รู้สิคะ” ซอฮยอนตอบหน้าพาซื่อพร้อมกับส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“งั้นไม่ลองถามดูล่ะ?” แทยอนบอกเชิงเสนอความคิดเห็น
“จะดีเหรอคะ?” ซอฮยอนถามกลับก่อนจะแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจเลยสักนิด
“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกนะ” แทยอนบอกซึ่งซอฮยอนก็เหมือนจะโอนอ่อนตามง่ายดายเธอจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไป
ซอจูฮยอน : พี่ลูฮานกำลังจีบฉันเหรอคะ?
หลังจากที่ซอฮยอนพิมพ์เสร็จเธอก็กดส่งไปด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความวิตกกังวลเล็กน้อย ก็ตั้งแต่เธอเกิดมาไม่เคยต้องมาถามคำถามอะไรแบบนี้กับใครมาก่อนนี่นา ซึ่งผิดกับแทยอนที่ดูจะลุ้นกับคำตอบที่อีกฝ่ายจะตอบมาในอีกไม่ช้านี้
Luexolu : ถ้าพี่บอกว่าใช่จะเชื่อพี่ป่ะ?
เมื่อได้รับข้อความตอบกลับทั้งซอฮยอนและแทยอนต่างก็อ่านมันอย่างละเอียดทุกตัวอักษรก่อนที่ทั้งสองคนจะแสดงอาการออกมาแตกต่างกันไป โดยซอฮยอนตกอยู่ในอาการตะลึงกับคำตอบที่ได้รับมา แต่แทยอนกลับแสดงอาการตกใจออกมาอย่างชัดเจนก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกรุ่นโกรธเล็กน้อย นี่คิดจะหลอกน้องของเพื่อนเธองั้นเหรอ!?
ซอจูฮยอน : เอาความจริงสิคะ อย่าล้อเล่นสิเรื่องแบบนี้มันไม่ตลกเลยนะคะ..
ซอฮยอนพิมพ์ข้อความตอบกลับอย่างรวดเร็ว เพราะเธอก็แค่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นรู้สึกแบบนั้นจริงๆหรือแค่พิมพ์หลอกให้เธอหัวใจเต้นแรงเล่นแบบนี้
Luexolu : เห้ย! นี่พี่จีบเราจริงๆนะเนี่ยไม่งั้นไม่ลงทุนไปขอเบอร์โทรศัพท์กับครูของเราหรอก
Luexolu : อีกอย่างเราก็น่าจะรู้ว่าทางบริษัทไม่ทางให้เบอร์ของนักเรียตัวเองกับใครแน่ๆ
อีกฝ่ายพิมพ์ข้อความตอบกลับมายืดยาวเป็นชุดทำเอาซอฮยอนอ่านตามแทบไม่ทันแต่พอเธออ่านจนจบทุกประโยคที่อีกฝ่ายส่งมานั้นหัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วก็เริ่มเต้นแรงมากขึ้นไปอีก
“ตกลงอิตาบ้านั่นจีบเราจริงๆเหรอเนี่ย?” แทยอนพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ตอนแรกก็คิดว่าตากล่องบ้านั่นคงแค่หว่านเสน่ห์ไปเรื่อยก็ไม่คิดว่าจะเกิดจริงจังมาจีบซอฮยอนขึ้นมาจริงๆนี่นา
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ...พี่แทยอนพี่ลูฮานเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆเหรอคะ?” ซอฮยอนตอบอย่างสับสนก่อนจะเอ่ยถามแทยอนเพื่อความแน่ใจ
“เรื่องนี้เราก็ลองโทรไปถามเขาหรือถ้าเจอก็ลองถามดูสิพี่ให้คำตอบไม่ได้หรอก...ยังไงพี่ก็ไปอ่านบทต่อละ J” แทยอนบอกก่อนจะรีบเดินหนีกลับไปที่เดิมโดยไม่ลืมส่งยิ้มไปให้
ซอจูฮยอน : พี่โกหกป่ะเนี่ย?
Luexolu : จะโกหกไปทำไมเล่า? พี่ชอบเราจริงๆนะ
Luexolu : ไม่งั้นคงไม่ลงทุนทุ่มเงินตัวเองไปซื้อบัตรชมแฟชั่นโชว์ให้เราด้วยหรอก
ซอจูฮยอน : ตกลงพี่พูดจริงเหรอคะ? นี่ฉันคิดจริงนะคะ
Luexolu : พูดจริงสิ..เดี๋ยวเย็นนี้พี่พาไปเลี้ยงข้าวเลย
ซอจูฮยอน : ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยนะคะ
Luexolu : เขินหรือไงเรา? J
ซอจูฮยอน : ฉันไม่คุยกับพี่ละไปอ่านบทต่อดีกว่า
ตกตอนเย็นเวลาประมาณสิบแปดนาฬิกาทีมงานภายในกองถ่ายก็เริ่มเก็บของกันเนื่องจากวันนี้มีซีนที่จะถ่ายแต่กลับมีปัญหาเลยทำให้ต้องยกไปถ่ายวันพรุ่งนี้จึงเป็นเหตุให้กองถ่ายเลิกเร็วกว่าทุกวัน
“ซอฮยอนนั่นพี่ลูฮานไม่ใช่เหรอ?” ทิฟฟานี่กับซอฮยอนที่กำลังเก็บของกันอยู่นั้นโดยทิฟฟานี่เก็บเสร็จก่อนเธอจึงยืดตัวบิดไปมาเพื่อคลายความปวดเมื่อยก่อนสายตาจะพลันไปสบเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่งเธอจึงจ้องมองอย่างไม่วางตาจนแน่ใจก่อนจะหันไปสกิดซอฮยอนพร้อมกับเปิดปากบอก
“มาจริงๆเหรอเนี่ย?” เมื่อโดนสกิดซอฮยอนก็ไม่รอช้าที่จะเงยหน้าก่อนจะมองตามสายตาของทิฟฟานี่แล้วเปิดปากแกมบ่นกับตัวเองเบาๆ
“นี่เล่นมารับเราถึงนี่กันเลยเหรอ?” แทยอนที่เดินมาจากไหนไม่รู้พูดขึ้นก่อนจะมาหยุดอยู่ข้างๆซอฮยอนจนทำให้ทั้งสองคนหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้
“หมายความว่ายังไงกัน? พี่ลูฮานจีบแกอยู่เหรอ?” ทิฟฟานี่เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นพลางจ้องหน้าซอฮยอนอย่างรอคอยคำตอบ
“ฉันไม่รู้” ซอฮยอนบอกพลางส่ายหน้า
“เก็บของกันเสร็จแล้วหรือไงถึงได้ยืนคุยกันเนี่ย?” ชานยอลเดินเข้ามาถามหลังจากที่เขาเก็บของส่วนของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เสร็จแล้วล่ะ...ฉันว่าพี่เขาต้องจีบแกแน่ๆเลย” ทิฟฟานี่หันไปตอบชานยอลก่อนจะหันมาพูดแกมแซวกับซอฮยอนจนทำเอาเธอหน้าขึ้นสีแดงมาเล็กน้อยด้วยความเขินอาย
“คุยอะไรกันเนี่ย?” ชานยอลที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวก็เอ่ยถามด้วยความงุนงง
“ก็พี่คนนั้นกำลังตามจีบซอฮยอนอยู่น่ะ” ทิฟฟานี่ตอบพลางบุ้ยปากไปทางลูฮานที่ยังคงยืนพิงกำแพงรออยู่
“หือ? จริงเหรอ? ทำไมมีผู้ชายมีจีบไม่เคยจะบอกเพื่อนบอกฝูงกันเลยฮะ!?” ชานยอลถามแกมบ่นใส่ซอฮยอนที่มีอะไรแล้วไม่ยอมบอกให้เขารับรู้
“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วพี่ลูฮานคงไม่ได้จีบฉันหรอก” ซอฮยอนบอกเชิงปฏิเสธก่อนจะหันไปเก็บของต่อ
“เขินก็บอกมาเถอะน่า” ทิฟฟานี่เอ่ยปากแซวพลางยกยิ้มอย่างหยอกล้อจนซอฮยอนเลือกจะไม่หันไปสนใจ
“ยังเก็บของอยู่เหรอครับ?” ในขณะที่ทุกคนให้ความสนใจกับซอฮยอนเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นทำให้ทั้งหมดหยุดชะงักแล้วหันไปมองผู้มาใหม่ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกก็คือคนที่พวกเขาพูดถึงกันอยู่นั่นแหละ
“เอ่อ...ค่ะว่าแต่พี่มาทำไมเหรอคะ?” ซอฮยอนทำหน้าตาเหลอหลาระคนตกใจเพราะไม่คิดว่าลูฮานจะเดินเข้ามาหาเธอ
“ก็พี่บอกว่าจะพาเราไปทานข้าวเย็นไง ยังไม่แก่สักหน่อยลืมแล้วเหรอ?” ลูฮานตอบแกมแซวพลางส่งยิ้มไปให้
“ไม่ได้ลืมซะหน่อย..ฉันนึกว่าพี่พูดเล่นซะอีก” ซอฮยอนบอกพลางทำปากยู่อย่างน่ารัก
“นี่น้อยๆหน่อยน้องสาวเพื่อนสนิทฉันนะ” แทยอนที่อดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้จึงเปิดปากดุลูฮานทันที
“เธอหึงหรือไง?” ลูฮานหันไปถามพลางเลิกคิ้วสูงอย่างกวนประสาท
“แหวะ! ถ้าฉันจะหึงนายฉันว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นยังมีสาระกว่าเลย” แทยอนส่งเสียงเหมือนจะอ้วกก่อนจะพูดต่อเชิงเหน็บอีกฝ่าย
“งั้นก็ไปทำสิฉันคุยกับน้องซอฮยอนอยู่น่ะ” ลูฮานบอกแกมไล่จนทำให้แทยอนแทบจะเดินเข้าไปตบหน้าเขาสักสองสามฉาดแต่ก็เกรงใจเพราะซอฮยอนส่งสายตาเป็นเชิงขอร้องว่าอย่างมีเรื่องกัน
“ชิ! งั้นพี่กลับก่อนนะถ้าถึงที่พักแล้วก็โทรไปหายัยสิก้าด้วยนะเดี๋ยวรายนั้นได้เป็นห่วงเอา” แทยอนจิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะหันไปบอกแกมสั่งซอฮยอนซึ่งซอฮยอนเองก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่แทยอนจะเดินออกไปอย่างไม่รอเวลา
“ตกลงนี่พี่จะจีบเพื่อนฉันเหรอคะ?” ทิฟฟานี่เอ่ยถามลูฮานหลังจากที่แทยอนเดินออกไปแล้ว
“ถูกต้อง” ลูฮานตอบเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น
“จีบจริงหรือจีบหลอก? เพื่อนผมเขาไม่ใช่ของเล่นนะครับ!” ชานยอลถามลูฮานพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นมิตร
“พี่ก็ไม่เคยเห็นใครเป็นของเล่นนะ..ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ไม่ใช่พวกหน้าม่อที่จีบใครไปเรื่อย งั้นพี่ขออนุญาตพาซอฮยอนไปทานข้าวแล้วกันโอเคมั้ย?”
“พี่จะกลับกี่ทุ่ม?” ชานยอลถามเสียงเข้ม
“นี่นายอย่าเยอะได้มั้ย? ทำตัวเหมือนเป็นพ่อของซอฮยอนไปได้” ทิฟฟานี่เบะปากก่อนจะเอ่ยปากดุแกมเหน็บอีกฝ่ายที่ดูจะหวงซอฮยอนออกหน้าออกตา
“ก็ซอฮยอนเพื่อนฉันนี่! อีกอย่างยัยนี่เคยมีแฟนที่ไหนกันเล่า” ชานยอลตอบเชิงเถียงทิฟฟานี่
“นายพูดมากจริงกลับหอได้แล้วไปเลย” ทิฟฟานี่ที่เบื่อจะทนฟังชานยอลบ่นหรือทำตัวงี่เง่าเธอจึงจบเรื่องโดยการลากเขาไปหยิบของของตัวเองบวกกับของของเธอแล้วเดินออกไปจากกองถ่ายโดยไม่ลืมสวัสดีลูฮานตามมารยาท
“ดูเพื่อนคนนั้นจะหวงน้องมากเลยนะ” ลูฮานเปิดปากพูดหลังจากที่ชานยอลกับทิฟฟานี่ออกไปแล้ว
“ชานยอลก็เป็นแบบนั้นแหละค่ะ” ซอฮยอนบอกพลางส่งยิ้มบางๆไปให้
“แล้วนี่ตกลงเราจะไปทานข้าวแล้วพี่หรือเปล่า?” ลูฮานถามพลางมองหน้าซอฮยอนอย่างลุ้นคำตอบ
“ถ้าฉันไม่ไปพี่ก็คงเสียใจน่าดูอีกอย่างฉันจะดูเป็นคนไร้มารยาทด้วยนะคะ” ซอฮยอนตอบพลางยกยิ้มเล็กน้อย
“หมายความว่าจะไปสินะ” ลูฮานเรียบเรียงคำพูดของซอฮยอนแล้วพูดออกมาเป็นประโยคที่เข้าใจง่ายซึ่งซอฮยอนเองก็พยักหน้ารับลูฮานจึงยกยิ้มอย่างดีใจก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกไปจากกองถ่าย
วันต่อมาในช่วงเช้าทางด้านของเจสสิก้าที่ในตอนนี้กำลังแต่งตัวโดยเธอเลือกใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตบางสีขาวโดยมีเสื้อกล้ามสีดำทับด้านในบวกกับกางเกงยีนขาสั้นอวดเรียวขาของเธอ และวันนี้เธอก็เลือกจะไม่แต่งหน้าเพราะคิดว่าคงจะไม่ได้ออกไปไหนทั้งนั้น
ไลน์!~~
ในขณะที่เจสสิก้ากำลังจะเดินไปในครัวเพื่อดูว่าในตู้เย็นพอมีอะไรกินบ้างเพราะช่วงนี้เธอแทบไม่ได้ซื้อของมาไว้เลยแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้นเธอจึงเปลียนทิศทางเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเตียงนอนของเธอพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ
มาร์ค : ฮัลโหล? พี่คิดถึงผมมั้ย ^_^
เมื่อเธอเปิดอ่านข้อความของมาร์คที่ส่งมาก็ทำให้เธอเผลอยกยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ ช่วงนี้ดูเหมือนว่าเธอจะยุ่งแต่กับงาน ส่วนมาร์คก็คงยุ่งกับเรื่องเรียนเลยทำให้ทั้งเธอและมาร์คแทบไม่ได้ติดต่อกันมาหลายวัน
เจสสิก้าจอง : ไม่อ่ะ! ^_^
มาร์ค : โห่! พี่ใจร้ายอ่ะ
เจสสิก้าจอง : พี่ล้อเล่นน่าว่าแต่ทักพี่มานี่มีอะไรหรือเปล่า??
มาร์ค : ผมอยากชวนพี่มาดูผมซ้อมละครของคณะตอนเก้าโมงอ่ะพี่ว่างมั้ย?
เจสสิก้าจอง : ได้สิวันนี้พี่ว่างทั้งวันเลยล่ะ
มาร์ค : แล้วพี่จะมายังไงเหรอ?
เจสสิก้าจอง : อืม...นั่งแท๊กซี่มั้ง
มาร์ค : โหยยย..ไม่เอาอันตรายจะตาย เอางี้เดี๋ยวผมให้ยองแจเพื่อนผมไปรับแล้วกันนะครับ
เจสสิก้าจอง : มันจะไม่ลำบากเพื่อนเราหรือไง?
มาร์ค : ไม่หรอกครับพี่ไม่ต้องเกรงใจหรือกังวลหรอกน่า
เจสสิก้าจอง : เฮ้อ! เห็นแบบนี้รู้สึกอยากจะขับรถให้เป็นขึ้นมาทันทีเลยสิ
มาร์ค : งั้นถ้าพี่มีเวลาว่างผมช่วยสอนพี่ขับรถให้ก็ได้นะครับ
เจสสิก้าจอง : พูดจริงนะ! สัญญากับพี่แล้วนะ!
มาร์ค : ผมไม่โกหกพี่หรอกน่า..เดี๋ยวผมขอตัวไปซ้อมก่อนนะครับ <3
เจสสิก้าจอง : โอเค..ตั้งใจซ้อมล่ะ
ในที่สุดบทสนทนาระหว่างเจสสิก้ากับมาร์คก็จบลงแต่เจสสิก้าก็ยังคงไม่สามารถหุบยิ้มลงได้สักที จนบางทีเธอก็แอบคิดไปว่าเธออาจจะชอบมาร์คเข้าแล้วหรือเปล่า?
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงเจสสิก้าก็มาอยู่ภายในมหาวิทยาลัยที่มาร์คกำลังศึกษาอยู่ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือมหาวิทยาลัยเก่าที่เธอเคยเรียนนั่นแหละ ระหว่างทางที่ยองแจพาเจสสิก้าเดินไปยังตึกของคณะนิเทศศาสตร์นักศึกษาแถวนั้นก็ดูเหมือนให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษแต่ก็เหมือนกับว่าพวกเขาก็ไม่กล้าจะเข้ามาวุ่นวายกับเธอเท่าไหร่คงเพราะคิดภาพลักษณ์ที่เธอเล่นเป็นนางร้ายซะจนกลัวเธอขึ้นมาจริงๆก็ได้
“พี่เจสสิก้านี่ฮอตมากเลยนะครับเพื่อนคณะผมพูดถึงพี่กันเยอะเลย” ยองแจบอกเชิงหาเรื่องคุยเพื่อลดความเขินอายที่อยู่ๆก็เกิดขึ้นหลังจากที่อยู่ใกล้ๆเจสสิก้า ตอนนี้เขารู้แล้วล่ะว่าทำไมมาร์คถึงได้ชอบเจสสิก้า..ก็ผู้หญิงคนนี้เสน่ห์ช่างแรงสูงจริงๆ
“เหรอ? พี่นึกว่าพวกเขาจะด่าพี่กันซะอีก” เจสสิก้าพูดอย่างติดตลกเพราะเธอก็รู้ดีกว่าด้วยภาพลักษณ์ปกติแล้วเธอก็ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ยิ่งช่วงที่ละครออนแอร์ด้วยแล้วคนก็คงจะหมั่นไส้และเกลียดเธอกันน่าดู แต่มันก็เป็นเรื่องดีนะมันเป็นการการันตีว่าเธอน่ะตีบทแตก
“ก็มีบ้างนะครับตอนช่วงที่ละครออนแอร์น่ะ..พวกนั้นบอกว่าพี่เล่นดีจนพวกเขาเกลียดได้เลยล่ะ” ยองแจบอกเชิงการันตีว่าการแสดงของเธอน่ะมันยอดเยี่ยมจริงๆ
“สงสัยปีนี้พี่คงได้รับรางวัลแน่ๆเลย” เจสสิก้าบอกพลางส่งยิ้มให้คนอายุน้อยกว่า ซึ่งยองแจที่ได้รับรอยยิ้มนั่นก็เหมือนกับระบบร่างกายของเขาเกิดอาการวนไปหมดก่อนจะดึงสติกลับมาได้
“ที่นี่คือเวทีที่มาร์คจะแสดงเหรอ?” เจสสิก้าเอ่ยปากถามหลังจากที่ยองแจมาหยุดอยู่ที่ใต้ตึกของคณะนิเทศศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ใช่ครับ..มาร์คอยู่ห้องนั้นน่ะครับพี่เข้าไปก่อนนะเดี๋ยวผมไปซื้อน้ำมาให้” ยองแจตอบก่อนจะชี้ไปที่ห้องที่อยู่เยื้องกับหลังเวทีแล้วเขาก็เดินออกไปโดยไม่ฟังคำทักท้วงของเจสสิก้า
“เหมือนกันเลย” เจสสิก้าเปิดปากบ่นพลางส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินไปตามที่ยองแจบอก
“อะไรกันหลับเหรอ?” แต่เมื่อเจสสิก้าเข้ามาก็พบกับมาร์คที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาเธอจึงเปิดปากบ่นเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะถือวิสาสะหยิบบทของมาร์คมาเปิดดู
“นั่นบทของผมนะครับ” เจสสิก้าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงของมาร์คดังขึ้นเธอจึงหันไปมองเขาซึ่งมาร์คก็ค่อยๆลืมตาแล้วมองมาที่เธอพร้อมกับส่งยิ้มให้
“คือ..มันหล่นพี่เลยเก็บให้ ^_^” เจสสิก้าบอกเชิงแก้ตัวน้ำขุ่นๆก่อนจะยื่นบทคืนให้กับเจ้าของซึ่งมาร์คก็รับมันไปอย่างรวดเร็ว
“แล้วเพื่อนผมล่ะ?” มาร์คเอ่ยถามพลางมองหน้ายองแจ
“บอกว่าจะไปซื้อน้ำน่ะ” เจสสิก้าตอบมาร์คก็พยักหน้ารับ
“แล้วนี่คนอื่นไม่อยู่เหรอ?” เจสสิก้าเอ่ยปากถามพลางกวาดสายตามองรอบๆห้อง
“ไปหาข้าวกินกันอยู่ครับ” มาร์คตอบ
“แล้วนายกินแล้วเหรอ?” เจสสิก้าถามพลางเลิกคิ้วสูงส่วนมาร์คก็ส่ายหน้า
“แล้วทำไมไม่ไปกิน?” เจสสิก้าถามแกมดุ
“ก็รอพี่ไง J” มาร์คตอบพลางส่งยิ้มทะเล้นไปให้ทำเอาคนอายุมากกว่าอย่างเจสสิก้าแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เหมือนกำลังโดนเด็กรุกจีบ >////<
“อะไร? ไม่ต้องมาพูดหยอดเลยไม่หลงกลหรอก..ถ้ายังไม่ได้กินก็ไปหากินสิ” เจสสิก้าบอกอย่างรู้ทันก่อนจะเอ่ยปากสั่ง
“ผมยังไปไม่ได้หรอกถ้าผมไปใครจะเฝ้าห้องล่ะ?” มาร์คบอก
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้แล้วกัน J” เจสสิก้าบอกอย่างอาสาพลางส่งยิ้มไปให้
“พี่จะไปถูกเหรอ?” มาร์คถามด้วยความสงสัยระคนเป็นห่วง
“นี่..พี่ก็เคยเรียนที่นี่นะทำไมจะไปไม่ถูก รอก่อนแล้วกัน” เจสสิก้าบอกพลางเหลือกตามองอีกฝ่ายอย่างงอนๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องซ้อม
“พี่เขาออกไปนานยังวะ?” หลังจากที่เจสสิก้าออกไปจากห้องซ้อมประมาณสิบนาทียองแจก็โผล่หน้ามาพร้อมกับช่อดอกลิลลี่สีขาวที่มาร์คสั่งเอาไว้
“เกือบสิบนาที” มาร์คตอบพลางรับช่อดอกไม้มาถือไว้เอง
“แล้วแกให้พี่เขาออกไปได้ยังไงวะ?” ยองแจเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“แกล้งหลอกไปว่าหิวข้าวอ่ะพี่เขาขี้สงสารก็เลยอาสาไปซื้อให้” มาร์คตอบก่อนจะเอาช่อดอกลิลลี่ในมือไปวางไว้ด้านหลังกล่องอุปกรณ์โดยไม่ลืมจะหาอะไรมาปกปิดเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น
“แต่แกก็ลงทุนเนอะซื้อดอกไม้ว่าขอพี่เขาเป็นแฟนเนี่ย” ยองแจบอกอย่างนับถือใจของอีกฝ่าย
“แจ็คสันมาแล้วคร๊าบบบบบบ!~~ แล้วนั่นทำอะไรอยู่วะ?” ยังไม่ทันที่มาร์คจะพูดอะไรต่อเสียงของผู้มาใหม่อย่างหวังแจ็คสันก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเขาที่มาหยุดอยู่ภายในห้องซ้อมพร้อมกับเปิดปากถามด้วยความสงสัย
“กูซ่อนดอกไม้” มาร์คตอบเสียงเรียบ
“ดอกไม้อะไร? หรือมึงจะขอกูเป็นแฟน? ไม่เอานะเว้ย! ถึงมึงจะหล่อหรือเป็นดาราแต่กูไม่ได้ชอบผู้ชายนะเว้ย!!” แจ็คสันถามก่อนจะพูดเองเออเองจนทั้งยองแจและมาร์คกรอกตามองบนอย่างนึกเอือมระอากับความคิดของแจ็คสัน
“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นวะ? กูจะเอามาขอพี่เจสสิก้าเป็นแฟนเว้ย!” มาร์คบอกเชิงด่าอีกฝ่ายที่ชอบคิดอะไรพิเรนทร์
“เอ้า? ก็ขอร้อนตัวก่อนไม่ได้เหรอวะ? แล้วนี่ตกลงมึงจะจีบพี่เขาจริงเหรอ? แล้วแบบนี้แฟนคลับมึงกับพี่เขาจะยอมเหรอวะ?” แจ็คสันบอกแกมบ่นก่อนจะพูดต่อ
“เรื่องแฟนคลับไว้ทีหลังกูขอโฟกัสที่พี่เขาก่อน” มาร์คบอกน้ำเสียงจริงจัง
“แมนสัส” แจ็คสันบอกพลางยกนิ้วโป้งให้อย่างนับถือใจของอีกฝ่าย
“แล้วนี่มึงจะขอพี่เขาเป็นแฟนตอนไหนเนี่ย?” ยองแจถามด้วยความอยากรู้
“หลังซ้อมละครเสร็จไง” มาร์คตอบ
“โอเค! วันนี้สงสัยกูจะมีเรื่องสนุกไปเม้าท์กับเพื่อนแน่ๆ” แจ็คสันบอกอย่างนึกสนุก
“มึงเป็นผู้ชาย - -” มาร์คบอกพลางทำหน้าเอือมระอา
“ก็ใช่แล้วทำไม? เป็นผู้ชายจะเม้าท์กับเพื่อนไม่ได้ไง? ไม่ได้มีบอกสักหน่อยว่าทำได้แค่ผู้หญิง” แจ็คสันบอกอย่างไม่แยแสแถมยังไหวไหล่ใส่อีก
“เอาที่มึงสบายใจ” มาร์คบอกก่อนจะกลับไปอ่านบทต่อ ส่วนแจ็คสันกับยองแจก็แยกไปนั่งเล่นกันอีกมุมหนึ่งเพราะถ้านั่งเล่นใกล้ๆมาร์คตอนท่องบทมีหวังโดนมันด่าแน่ๆเพราะเคยโดนมาแล้ว =[ ]=
ตกตอนเย็นซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่การซ้อมละครครั้งใหญ่ก็จบลงซึ่งดูเหมือนว่าทุกคนจะปลาบปลื้มเจสสิก้าเป็นอย่างมากเพราะเธอเป็นคนคอยออกความคิดเห็นว่าน่าจะปรับปรุงตรงไหนซึ่งมันช่วยให้ละครของพวกเขาดูสมบูรณ์มากขึ้น
“ต้องขอบคุณพี่เจสสิก้ามากๆเลยนะครับไม่งั้นละครของพวกเราต้องไม่สมบูรณ์แน่ๆเลย” มินยุนกิซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้กำกับละครเอ่ยปากขอบคุณเจสสิก้าพลางโค้งให้
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” เจสสิก้าบอกอย่างทำตัวไม่ถูกพลางส่งยิ้มบางๆไปให้
“ถ้างั้นพวกผมขอตัวไปเคลียร์ของก่อนนะครับ J” ยุนกิบอกพลางส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปช่วยคนอื่นๆเก็บอุปกรณ์ที่เอามาใช้ซ้อมในวันนี้
“พี่ไปรอที่ห้องพักก่อนก็ได้นะครับ” มาร์คเดินมาบอกเจสสิก้าซึ่งเธอก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปตามที่มาร์คบอกอย่างว่าง่าย
หลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาทีมาร์คก็กลับมาเข้าในห้องพักซึ่งเจสสิก้ากำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เขาจึงเดินไปแถวกล่องอุปกรณ์ที่เขาซ่อนช่อดอกลิลลี่เอาไว้ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่ดอกลิลลี่ยังคงอยู่สภาพเดิมก่อนจะนำมาวางไว้ในจุดที่เจสสิก้าจะสังเกตเห็นได้ง่าย
“แล้วเพื่อนนายไปไหนหมดล่ะ?” เจสสิก้าที่ได้ยินเหมือนคนเดินเข้ามาเธอจึงละสายตาจากจอโทรศัพท์แล้วหันไปถามมาร์คที่กำลังยืนหันหลังอยู่
“อ๋อ! มันไปที่ห้องอุปกรณ์กับยุนกิน่ะครับ” มาร์คตอบก่อนจะหันกลับมาทางเจสสิก้าด้วยความระมัดระวังเพราะไม่อยากให้เจสสิก้าเห็นดอกไม้เสียก่อน
“งั้นเหรอ..หืม? ข้างหลังนายคืออะไรเหรอ?” เจสสิก้าตอบก่อนที่สายตาไปยังสังเกตเห็นอะไรบางอย่างข้างหลังมาร์คเธอจึงเอ่ยถาม
“อ๋อ! กล่องอุปกรณ์น่ะครับ” มาร์คตอบพลางส่งยิ้มไปให้
“งั้นพี่ไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงนะ” เจสสิก้าบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปส่วนมาร์คก็แอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หลังจากที่เจสสิก้าทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็กลับมาที่ห้องพักเหมือนเดิมแต่มาร์คกลับไม่ได้อยู่ที่นี่ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับช่อดอกลิลลี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ
“พี่อยากจะกลับเลยหรือเปล่า?” มาร์คที่จู่ๆก็โผล่มาพลางเปิดปากถามซึ่งมันก็ทำให้เจสสิก้าสะดุ้งเล็กน้อย
“กลับเลยก็ได้ว่าแต่นั่นช่อดอกลิลลี่ของใครเหรอ? สวยจัง” เจสสิก้าตอบก่อนจะถามต่อด้วยความสงสัย
“ของพี่นั่นแหละ...ผมซื้อมาให้ J” มาร์คตอบพลางส่งยิ้มไปให้
“ซื้อให้พี่เหรอ? ขอบคุณนะ! ว่าแต่...เนื่องในโอกาสอะไรล่ะ??” เจสสิก้าเอ่ยปากขอบคุณด้วยความดีใจเล็กน้อยก่อนจะถามกลับด้วยความสงสัย
“ไม่มีโอกาสอะไรหรอก ผมแค่จะจีบพี่ ^_^” มาร์คตอบพลางส่งยิ้มเขินๆไปให้
“ห๊ะ! นะ..นายว่าอะไรนะ? นายจะจีบพี่เนี่ยนะ? นี่โดนแทยอนเป่าประสาทมาหรือไง?” แต่เมื่อได้ยินคำตอบก็ทำให้เจสสิก้าหลุดอุทานออกมาด้วยความตกใจก่อนจะถามกลับอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“นี่ผมชอบพี่จริงๆนะเนี่ยดูหน้าผมดิจริงจังโคตร!” มาร์คบอกพลางทำหน้าจริงจังใส่เจสสิก้า
“นายไม่รู้เหรอว่าเรื่องแบบนี้ผู้หญิงเขาไม่ให้ล้อเล่นอ่ะ!” เจสสิก้าบอกแกมดุอีกฝ่ายพลางยู่ปากอย่างน่ารัก
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมจริงจังไม่เชื่อลองสบตาผมดูดิ” มาร์คบอกเสียงหนักแน่นพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจสสิก้าเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นแววตาของเขา
"พี่ใจแข็งนะ! จีบยากด้วยอีกอย่างพี่เคยมีแฟนแล้วพี่ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้เลยนายจะไหวเหรอ?” เจสสิก้าสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเขยิบตัวออกมาตามสัญชาตญาณพลางเปิดปากพูดต่อ
“อดีตก็อดีตดิพี่ตอนนี้มันปัจจุบันเพราะฉะนั้นผมไหว!” มาร์คบอกด้วยน้ำเสียงและท่าทางหนักแน่นไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด
“เอาสิ...ถ้าไหวก็ลองดู J” เจสสิก้าหยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาพลางส่งยิ้มบางๆไปให้
“นี่พี่เปิดใจให้ผมแล้วเหรอ? จริงอ่ะ? อย่ามาโกหกนะตกนรกนะพี่!” มาร์คถามเพื่อความแน่ใจเพราะเขาก็ไม่คิดว่าเจสสิก้าจะตกลงง่ายแบบนี้ ถึงจะไม่ได้ตกลงเป็นแฟนแต่ทำไมต้องดีใจเหมือนจะได้พี่เขาเป็นเมียวะ?
“หน้าพี่ล้อเล่นเหรอ? ก็แค่อยากลองให้โอกาสใครสักคนดูก็เท่านั้น..” เจสสิก้าบอกเสียงจริงจังก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนลง เธอก็แค่รู้สึกว่าการปิดกั้นตัวเองมากเกินไปมันก็ไม่ได้เป็นผลดีมากนักแต่ถ้าได้ลองเปิดดูสักตั้งก็คงไม่เสียหายล่ะมั้ง
“นี่ผมดีใจกว่าตอนได้เล่นละครอีกนะเนี่ย” มาร์คบอกในขณะที่ยังไม่ยอมหุบยิ้มเลย
“เว่อร์และแค่ให้จีบย่ะไม่ได้ตกลงเป็นแฟน” เจสสิก้าบอกพลางหยิกแก้มอีกฝ่ายอย่างนึกหมั่นไส้
“ทำแบบนี้คนเป็นแฟนเขาทำกันนะพี่” มาร์คบอกแกมแซวเจสสิก้าจึงรีบปล่อยมือจากเขาทันทีพลางเบ้ปากใส่อย่างนึกหมั่นไส้
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย” เจสสิก้าเปิดปากเถียง
“พี่เขินแล้วน่ารักอ่ะ” มาร์คบอกพลางส่งยิ้มแซวๆไปให้ทำเอาแก้มของเจสสิก้าขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
“พอเลิกล้อ!” เจสสิก้าออกคำสั่งพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างดุๆ
“โอเคๆไม่ล้อแล้ว..พี่หิวมั้ย? ไปหาข้าวกินกัน J” มาร์คยอมยกธงขาวก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่าย
“นายเลี้ยงใช่ป่ะ?” เจสสิก้าถามกลับ
“แน่นอนนนนน” มาร์คบอกพลางตบกระเป๋ากางเกงเป็นเชิงบอกว่าวันนี้ผมเงินเยอะ
“โอเคงั้นไป ^_^” เจสสิก้าตอบตกลงพลางส่งยิ้มให้ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกไปพร้อมกันโดยที่เจสสิก้าไม่ลืมที่จะหยิบช่อดอกลิลลี่นั่นไปด้วย ก็อยากจะบอกนะว่ามาร์คนี่รู้ใจเธอจริงๆเธอน่ะไม่ค่อยชอบดอกกุหลาบเหมือนคนอื่นหรอกแต่ดอกลิลลี่น่ะมันคือที่สุดแล้ว!
มาแล้วจ้ามาอัพจบตอนแล้วจ้า~~ คิดถึงกันมั้ยล่ะ?
#ทีมมาร์คสิก ก็ฟินกันปายยยยยยยยย 555555555
อ่านแล้วเม้นหน่อยนะตัวเอง เค้าก็อยากอ่านบ้างอ่ะเธอ <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอตอนต่อไปน้า
แทยอนจะกั้นน้องให้ออกห่างไหม