ตอนที่ 10 : - { Behind the illusion } - // บทที่ ๐๙ : ปิดกล้อง Beauty Girl
#วันต่อมาที่กองถ่ายละคร Beauty Girl
และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ทีมงานและทีมนักแสดงต่างกันกำลังวุ่นวายไม่ว่าจะเป็นการเตรียมสถานที่หรือเตรียมตัวสำหรับเข้าฉาก เนื่องจากวันนี้จะเป็นวันถ่ายฉากจบของละครเรื่องนี้ทำให้ทางทีมงานต้องเซตฉากให้สวยและอลังการกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ส่วนทางด้านนักแสดงเมื่อแต่งหน้าทำผมกันเรียบร้อยก็ไม่รอช้าที่แยกกันไปซ้อมบทของตัวเองเพื่อให้ผลงานวันนี้ออกมาดีที่สุด
“นี่เมื่อวานไปสอบทำได้มั้ย?” เจสสิก้าละสายตาจากบทในมือก่อนจะเอ่ยถามมาร์คด้วยความเป็นห่วง
“ได้สิครับผมเก่งจะตายไป J” มาร์คตอบพลางกอดอกแล้วยืดอกด้วยความหมั่นใจก่อนจะส่งยิ้มไปให้ส่งผลให้เจสสิก้าเบ้ปากใส่อย่างนึกหมั่นไส้ก่อนที่มือจะอยู่ไม่สุขยื่นไปตีอีกฝ่ายเพื่อให้หายหมั่นไส้
“ขี้โม้” เจสสิก้าบอกพลางเบะปากใส่
“ก็ผมเก่งจริงๆนะที่พี่สอนให้เมื่อวานผมจำได้หมดเลย เลยทำได้ไง” มาร์คบอกอย่างเยินยอตัวเองก่อนจะส่งยิ้มไปให้เจสสิก้า
“เอาที่นายสบายใจเลยพี่ไปท่องบทต่อแล้ว” เจสสิก้าบอกก่อนจะเดินหนีไปอีกมุมซึ่งแน่นอนที่มาร์คจะรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็วซึ่งการกระทำหยอกล้อกันของทั้งสองคนตอยู่ในสายตาของแทยอนกับเซฮุน
“เป็นอะไรอิจฉาเหรอ?” เมื่อเห็นไปมองเซฮุนก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองเจสสิก้ากับมาร์คไม่วางตาจึงเปิดปากถามแล้วเลิกคิ้วสูงอย่างกวนๆ
“ไม่ยุ่งสักเรื่องจะเป็นอะไรมั้ย?” เซฮุนหันมาชักสีหน้าใส่แทยอนก่อนจะเปิดปากพูดเสียงเรียบแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่มีหรือที่คนอย่างคิมแทยอนจะยอมแพ้!
“ฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะถ้าเห็นแก่ความเป็นเพื่อนไม่พูดหรอก” แทยอนบอกพลางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเซฮุน
“ขอบคุณแต่ฉันไม่ต้องการ” เซฮุนตอบแทยอนพลางมองหน้าแทยอนนิ่ง
“อยากจะอกหักตายหรือไง?” แทยอนถามน้ำเสียงจริงจังพลางมองหน้าเซฮุนตาไม่กระพริบ
“ถ้าเจสสิก้ายังไม่ได้ตกลงคบเด็กนั่นฉันก็ยังไม่ถือว่าจะอกหักหรอกนะ” เซฮุนตอบแทยอนพลางจ้องหน้าแทยอนกลับตาไม่กระพริบเช่นกัน
“ทำนายมันดื้อด้านจังวะ! แค่นี้ยังไม่รู้เหรอว่าเจสสิก้าไม่คิดอะไรกับนายเลยสักนิด” แทยอนเปิดปากต่อว่าอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะทำตัวงี่เง่าทั้งที่ก็น่าจะรู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร
“ทำไมเธอต้องมาทำหวงก้างหรือเธอชอบฉัน?” เซฮุนถามพลางเลิกคิ้วสูงแต่คำถามของเขากลับทำให้แทยอนอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“จะบ้าเหรอ! ให้ตายฉันก็ไม่มีชอบคนอย่างนายหรอกอยู่ด้วยนึกว่าอยู่กับต้นไม้เถอะแข็งทื่อเป็นบ้า!” แทยอนตอบกลับเชิงปฏิเสธก่อนจะพูดต่อ
“ถ้าไม่ได้ชอบก็อย่าพยายามมาใกล้ได้มั้ย? มันจะทำให้ฉันคิดว่าเธอกำลังอ่อยฉันอยู่” เซฮุนบอกเสียงเรียบพลางยื่นหน้าเข้าใกล้ๆแทยอนก่อนจะผละออกมาแล้วเดินเลี่ยงไปอีกมุมหนึ่งทิ้งให้แทยอนยื่นกระทืบเท้าเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่น
“ชิ! ขอให้ยัยสิก้ามันหักอกนายแล้วให้ชาตินี้นายหาแฟนไม่ได้เถอะ เพี้ยง!”
“เอาล่ะตอนนี้ทีมงานเซตฉากเรียบร้อยแล้วขอเริ่มถ่ายฉากของเจสสิก้ากับมาร์คก่อนแล้วกัน” เมื่อทีมงานจัดเตรียมทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยทางผู้กำกับก็เรียกให้มาร์คกับเจสสิก้ามาซ้อมคิวก่อนจะเริ่มถ่ายจริงซึ่งทั้งสองคนก็ทำได้เป็นอย่างดีและสามารถปรับเปลี่ยนการแสดงไปตามที่ผู้กำกับต้องการได้เป็นอย่างดี
“งั้นมาเริ่มถ่ายจริงเลยดีกว่าพร้อมนะ” เมื่อเห็นว่าการซ้อมเป็นไปด้วยดีผู้กำกับจึงบอกก่อนจะเดินไปนั่งประจำอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ส่วนมาร์คกับเจสสิก้าก็ไปยืนประจำจุดของตัวเองพลางทำอารมณ์ก่อนจะเริ่มถ่ายจริง
“พร้อมนะ 3…2…1…แอคชั่น!” เสียงของผู้กำกับบอกเป็นสัญญาณจนสิ้นเสียงการถ่ายทำก็เริ่มขึ้นและบรรยากาศโดยรอบก็เงียบลงอย่างรู้กัน
“ฉันถามนายจริงๆนะนายจะไม่เลิกตามตื้อฉันใช่มั้ย?” ยุนแช(เจสสิก้า)เปิดปากถามเสียงเข้มพลางจ้องหน้ามองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา
“ไม่อ่ะ ตามตื้อพี่สนุกจะตาย” แทซอง(มาร์ค)ตอบกลับพลางยกยิ้มอย่างกวนประสาทอีกฝ่าย
“นายประสาทป่ะ? ขนาดฉันไล่นายอยู่ตลอดเวลายังมีหน้ามาทำทะเล้นอีกเหรอ?” ยุนแชเอ่ยถามเสียงเข้มเหมือนเดิมพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“ก็บอกแล้วไงว่าผมสนุก” อีกฝ่ายตอบกลับอย่างกวนประสาทหน้าทำสีหน้าทะเล้นใส่
“อย่ากวนประสาทและขอร้องเลิกตามตื้อฉันสักที รำคาญ!” ยุนแชบอกแกมสั่งอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ผมก็จะยืนยันคำเดิมว่าผมจะไม่เลิกตามตื้อพี่หรอก!” แทซองตอบกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่าย
“เพราะอะไรฮะ?” ยุนแชเอ่ยถามเสียงดัง
“ก็ผมชอบพี่ไง!” อีกฝ่ายตอบเสียงดังเช่นกันแต่กลับมีสีหน้าและแววตาที่ฉายความจริงจังออกมาจนยุนแชปรับอารมณ์แทบไม่ทัน
“ว่าอะไรนะ?” ยุนแชเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินจึงเอ่ยถามออกไปเพื่อความแน่ใจ
“ผม-ชอบ-พี่ ได้ยินชัดเจนมั้ย?” แทซองตอกย้ำคำพูดของตัวเองอีกครั้งด้วยน้ำเสียงชัดเจนโดยที่สีหน้าและแววตายังฉายความจริจังอยู่คนอีกฝ่ายรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ
“อย่ามาตลกนะ! เรื่องแบบนี้ใครให้มาพูดเล่นกัน หรือว่านายกำลังล้อเลียนฉันอยู่ใช่มั้ย! ตอบมาสิ!” แต่อีกฝ่ายกลับยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ก่อนจะพูดต่อแล้วถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเอาคำตอบ
“ก็เพราะพี่มัวแต่คิดไปเองแบบนี้ไงเล่าถึงได้ไม่รู้ว่าที่ผมตื้อพี่เพราะผมชอบพี่ไง!” อีกฝ่ายตอบเสียงดังพร้อมกับระเบิดอารมณ์ที่ประทุอยู่ข้างในออกมาจนหมด
“นะ..นายพูดจริงเหรอ?” เอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจพลางมองหน้าของอีกฝ่ายไม่วางตา
“หน้าตาผมล้อเล่นไง?” แทซองบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับส่งแววตาที่มีแต่ความจริงใจไปให้
“ทำไมนายถึงชอบฉันล่ะ? ทั้งที่ฉันก็ไม่เคยพูดดีกับนายอีกอย่างเอาแต่ไล่นายให้ออกไปจากชีวิตด้วยซ้ำไป” ยุนแชถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงพลางมองลึกเข้าไปในแววตาของอีกฝ่าย
“ผมก็ไม่รู้ สงสัยผมคงประสาทอย่างที่พี่ว่ามั้ง” อีกฝ่ายตอบพลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายกลับ
“ผมมีเรื่องอยากจะถามพี่” แทซองพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เรื่องอะไร?” ยุนแชถามพลางเลิกคิ้วสูง
“ตอนนี้พี่ทำใจเรื่องของพี่ซึงฮุนกับพี่โบยองได้หรือยัง?” เอ่ยถามอีกฝ่ายพลางมองหน้าอย่างลุ้นคำตอบ
“ยัง ใครมันจะไปทำใจได้เร็วขนาดนั้นฉันคน” ยุนแชตอบเสียงเรียบ
“งั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวผมช่วยเอง” แทซองบอกพลางยกยิ้มอย่างทะเล้น
“นายจะช่วยฉันยังไง?” ยุนแชถามอย่างอยากรู้
“ก็มาคบกับผมไง ^^” แทซองตอบพลางยกยิ้มอย่างน่ารัก
“อย่ามาพูดเพ้อเจ้อ! ฉันไม่เคยบอกสักคำว่าชอบนายแล้วจะเอานายมาเป็นแฟนเพื่อ?” ยุนแชถามพลางยกมือขึ้นดันหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ
“ลองดูไม่เสียหายหรอกน่า” แทซองบอกพลางยักคิ้วใส่อีกฝ่ายอย่างกวนๆ
“ไม่เอาหรอกฉันไม่ชอบอ่ะ” ยุนแชบอกพลางเมินหน้าไปทางอื่นแทซองจึงฉวยโอกาสยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มของเธออย่างรวดเร็วส่งผลให้ยุนแชหันไปมองแทซองอย่างอึ้งๆ
“นายมาหอมแก้มฉันทำไม! O_O” เอ่ยถามเสียงเข้มพลางเบิกตากว้างอย่างอึ้งระคนตกใจ
“อ้าว? พี่ไม่ได้ยื่นแก้มมาให้ผมหอมหรอกเหรอ?” แทซองแกล้งทำเป็นตีหน้าซื่อก่อนจะยกยิ้มอย่างทะเล้น
“นายอยากตายใช่มั้ย? ได้!” เมื่อสิ้นเสียงของยุนแชเธอก็ยกมือขึ้นเตรียมฝาดอีกฝ่ายแต่แทซองกลับรู้ทันเลยหนีได้ก่อนส่วนยุนแชก็วิ่งตามอย่างไม่ยอมแพ้
“คัท! โอเคมากวันนี้เล่นเต็มกว่าทุกวันเลยนะไปพักกันได้แล้วสองคน” เมื่อเห็นว่าผลงานที่ออกมามันดีเกินคาดทางผู้กำกับก็สั่งคัดก่อนจะเอ่ยปากชมซึ่งทั้งมาร์คกับเจสสิก้าก็โค้งรับคำชมนั้นอย่างมีมารยาท
“พี่สิก้าผมขอโทษนะ” ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินออกจาฉากมาร์คก็เอ่ยคำขอโทษจนทำให้คนอายุมากกว่าอย่างเจสสิก้าอดขมวดคิ้วด้วยความงุนงงไม่ได้
“ขอโทษเรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องที่ผมหอมแก้มพี่ไง..คือผู้กำกับสั่งทีหลังอ่ะ” มาร์คบอกพลางยกมือเกาท้ายทอยแก้เขินจนทำให้คนมองอย่างเจสสิก้าอดอมยิ้มไม่ได้
“ว่าแล้วเชียวถึงว่าล่ะในบทไม่เห็นมีบอกเลยว่าจะโดนหอมแก้มด้วย” เจสสิก้าบอกพลางแกล้งทำสีหน้าโกรธๆเล็กน้อยจนอีกฝ่ายรู้สึกใจไม่ได้
“พี่ไม่โอเคใช่มั้ยอ่ะ? ผมไม่ได้ตั้งใจนะ” มาร์คบอกพลางมองเจสสิก้าด้วยความรู้สึกผิด
“แน่ใจนะ?” เจสสิก้าถามพลางมองหน้ามาร์คอย่างจ้องจับผิด
“จริงๆสาบานเลย!” มาร์คบอกเสียงเข้ม
“นายมันหลอกง่ายชะมัดเลยเด็กน้อย ^_^” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงกำลังคิดเลยเถิดเข้าไปทุกทีเจสสิก้าจึงยอมเฉลยพลางยกยิ้มอย่างน่ารัก
“คือพี่กำลังแกล้งผม?” มาร์คถามเจสสิก้าเพื่อความแน่ใจซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ
“โห! ผมก็นึกว่าพี่โกรธจริงๆนะเนี่ย” มาร์คบอกพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ก็นายมันน่าแกล้งอ่ะ” เจสสิก้าบอกพลางยกมือไปหยิกแก้มของมาร์คเบาๆ
“ถ้าไม่ติดว่าพี่เป็นพี่นะผมเอาคืนแล้วเนี่ย” มาร์คบอก
“กล้าเหรอ?” เจสสิก้ถามพลางทำสีหน้ากวนประสาท
“พอแล้วพี่ไปพักเถอะไป” มาร์คบอกเชิงห้ามปรามอีกฝ่าย
“รู้แล้วน่า!” เจสสิก้าบอกพลางสะบัดหน้าแล้วเดินหนีไปเหมือนเด็กเอาแต่ใจจนมาร์คอดส่ายหัวอย่างเอือมระอาไม่ได้
“แทยอนกับเซฮุนมาซ้อมได้แล้วเราจะได้เริ่มถ่ายฉากจบกันสักที” เสียงของผู้กำกับเอ่ยเรียกแทยอนกับเซฮุนที่ต่างซ้อมบทกันอยู่คนละมุมซึ่งเมื่อสิ้นสุดเสียงของผู้กำกับทั้งแทยอนกับเซฮุนเองก็เดินไปหาผู้กำกับทันที
“ฉากจบพี่ขอจูบนานๆหน่อยได้มั้ย?” ผู้กำกับบอกเชิงถามทั้งเซฮุนกับแทยอน
“เอ่อ..มันนานขนาดไหนล่ะคะ?” แทยอนถามด้วยน้ำเสียงลังเลเล็กน้อย ถึงมันอาจจะเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นนักแสดงจะต้องเจอเมื่อผู้กำกับต้องการแต่ว่าในตอนนี้เธอรู้สึกไม่โอเคกับเซฮุนเลยสักนิด
“ไม่กี่นาทีหรอกน่าเธอโอเคนะ?” ผู้กำกับบอกก่อนจะถามซ้ำซึ่งแทยอนก็ยอมพยักหน้าพลางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะใช้หางตามองเซฮุนที่มีใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้น
“งั้นเรามาเริ่มซ้อมฉากจูบเลยแล้วกันจะได้เทคเดียวผ่าน” ผู้กำกับบอกแกมสั่งซึ่งทั้งสองคนก็พยักหน้ารับ
“พอแทยอนพูดจบนายก็โน้มหน้าเข้ามาแล้วก็ค่อยๆเข้าไปจูบลองปรับองศาให้เหมาะๆดู” ผู้กำกับบอกแกมสั่งซึ่งเมื่อสิ้นเสียงของผู้กำกับเซฮุนก็ลองค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้แทยอนมาขึ้นส่วนแทยอนก็ค่อยๆหลับตาเมื่ออีกฝ่ายเริ่มโน้มใบหน้าเข้าใกล้มากขึ้น
“ประมาณนี้โอเคมั้ยครับ?” เซฮุนหันไปเอ่ยถามผู้กำกับในขณะที่ใบหน้าก็ยังโน้มอยู่ในองศาที่พอเหมาะ
“โอเคประมาณนี้แหละงั้นเริ่มถ่ายเลยแล้วกันจะได้ปิดกล้องกันสักที” ผู้กำกับบอกอย่างเห็นด้วยก่อนจะเปิดปากสั่งแล้วเดินไปประจำอยู่หน้าอมอนิเตอร์ส่วนแทยอนกับเซฮุนก็ให้ช่างแต่งหน้ามาเติมหน้า ซับเหงื่อให้เล็กน้อย เพื่อให้เวลาถ่ายทำพวกเขาทั้งสองคนจะต้องส่วนหล่อด้วยกันทั้งคู่
“พร้อมแล้วก็ไปประจำจุดเลย” ผู้กำกับเอ่ยปากสั่งผ่านโทรโข่งซึ่งแทยอนกับเซฮุนก็ทำตามอย่างโดยดี
“เอาล่ะจะเริ่มถ่ายแล้วนะ 3….2….1….แอคชั่น!” ผู้กำกับบอกเป็นเชิงให้สัญญาณนักแสดงว่าการถ่ายทำกำลังจะเริ่มขึ้นก่อนจะสั่งแอคชั่นแล้วการถ่ายทำก็เริ่มขึ้น
“โบยองเดี๋ยวก่อนสิเราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะ” ซึงฮุน(เซฮุน)เปิดปากบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายมากุมไว้
“เรื่องอะไรอีกเหรอคะ?” โบยอง(แทยอน)เอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่ดวงตากับสั่นไหว
“ก็เรื่องของฉันกับยุนแชไง” ซึงฮุนบอกเชิงเกริ่นนำเรื่อง
“ทำไมล่ะคะ? หรือว่าคุณตกลงคบกับเธอแล้ว?” โบยองถามพลางพยายามฝืนยกยิ้มให้อีกฝ่าย
“ไม่ใช่..ฉันไม่ได้ตกลงคบกับยุนแช” ซึงฮุนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความจริงจังทั้งสีหน้าและแววตาที่ฉายออกมาให้เห็น
“ทำไมล่ะคะ? เธอดูรักคุณมากถึงขนาดยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คุณสนใจแล้วทำไมคุณไม่คบกับเธอล่ะคะ?” โบยองเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจอีกฝ่าย
“ก็ฉันไม่ได้รักยุนแชไงแต่ว่าฉัน...รักเธอ” ซึงฮุนตอบก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนทำให้อีกฝ่ายนิ่งไปครู่หนึ่ง
“คุณว่าอะไรนะคะ?” โบยองเปิดปากเอ่ยถามซ้ำเพื่อเช็คว่าเธอคงไม่ได้หูแว่วไป
“ฉันรักเธอนะโบยอง” อีกฝ่ายพูดย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นเคย
“เพราะอะไรเหรอคะ? ทั้งที่ยุนแชก็ทำทุกอย่างให้คุณแต่ฉันทำแต่เรื่องเดือดร้อนให้กับคุณเสมอทำไมคุณถึงรักฉันล่ะ?” โบยองเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจระคนสงสัยในความคิดของอีกฝ่าย
“เรื่องความรักมันเกิดมาจากคนสองคนที่ฉันรักเธอก็เพราะว่าเธอเป็นเธอแต่ยุนแชไม่ใช่...เหตุผลมันก็แค่นั้น” ซึงฮุนบอกเสียงมั่นคงพลางส่งสายตาจริงจังเพื่อให้อีกฝ่ายได้เชื่อใจว่าทุกคำพูดที่เขาได้เอ่ยออกมานั้นมันออกมาจากใจของเขาทั้งหมด
“นายพูดจริงๆเหรอ?” โบยองถามในขณะที่น้ำตาก็เริ่มคลอรอบดวงตาคู่สวยของเธอ
“อื้ม! ฉันจะหลอกเธอไปทำไมกันอีกอย่างการกระทำของฉันทั้งหมดมันก็น่าจะยืนยันกับเธอได้หมดแล้วนะ” ซึงฮุนบอกพลางยกยิ้มอบอุ่นก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งขึ้นไปลูบหน้าเนียนสวยของแทยอนอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณนะคะสำหรับความรักที่คุณให้กับฉัน ^^” โบยองเอ่ยปากอย่างขอบคุณจากใจจริงพลางยกยิ้มอย่างมีความสุข
“ตกลงคุณจะเป็นแฟนกับผมได้มั้ย?” เอ่ยถามพลางจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตาซึ่งโบยองเองก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วส่งยิ้มไปให้
เมื่อเห็นดังนั้นซึงฮุนก็ค่อยๆเลื่อนใบหน้าให้เข้าไปใกล้หน้าของโบยองมากขึ้นจนตอนนี้ทั้งสองคนรับสัมผัสจากลมหายใจของกันและกันก่อนที่ปากของทั้งสองฝ่ายจะแตะกันท่ามกลางทุ่งดอกไม้หลากหลายชนิด และหลากหลายสายพันธุ์ ถ้ามีคนมาถ่ายแบบนี้คงเป็นภาพที่สวยมากไม่ใช่น้อย เวลาผ่านไปหลายนาทีก่อนที่ซึงฮุนจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาอย่างเชื่องช้าก่อนจะยกยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“ฉันขอบคุณในทุกๆอย่างที่คุณมอบให้ฉันนะคะ” โบยองบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจก่อนจะโผเข้ากอดอีกฝ่ายซึ่งซึงฮุนเองก็ตอบรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ
“คัท!! เป็นฉากจบที่สวยงามมากวันนี้ปิดกล้อง!” เมื่อเห็นว่าภาพที่ถ่ายออกมามันได้อารมณ์และสวยงามเป็นที่ถูกใจแล้วผู้กำกับก็สั่งคัทก่อนจะพูดต่อทำให้เสียงของคนในกองไม่ว่าจะเป็นทีมงานเองหรือนักแสดงต่างก็ส่งเสียงร้องเฮลั่นด้วยความดีใจที่ละครเรื่องนี้ดำเนินมาจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งในขณะนั้นทั้งเซฮุนกับแทยอนก็ผละออกจากกันแล้วยกยิ้มอย่างดีใจที่ในที่สุดการถ่ายทำก็สิ้นสุดลงเสียทีก่อนที่แทยอนกับเซฮุนจะเดินไปรวมกับทีมนักแสดงคนอื่นๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าจะถึงเวลาปิดกล้องแล้วจริงๆเหรอเนี่ย?” แทยอนเอ่ยออกมาด้วยความตื้นตันใจระคนดีใจ
“นั่นสิ! ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งถ่ายมาแค่สัปดาห์เดียวเองนะ” เจสสิก้าบอกอย่างเห็นด้วยเพราะเธอก็อดใจหายไม่ได้เช่นกัน
“เดี๋ยววันพรุ่งนี้มาร่วมงานฉลองปิดกล้องกันด้วยนะ ^^” ผู้กำกับบอกพลางยกยิ้มให้กับนักแสดงทุกคน
“ไม่พลาดอยู่แล้วค่ะ J” แทยอนตอบพลางส่งยิ้มไปให้
“งั้นวันนี้เลิกกอง!” ผู้กำกับบอกทำให้ทีมงานร้องกันออกมาด้วยความดีใจก่อนที่จะเริ่มทยอยกันไปเคลียร์ฉากก่อนจะกลับบ้านกัน
“เจสสิก้าไปหาข้าวกินฉลองปิดกล้องกันเถอะ!” แทยอนหันไปบอกเจสสิก้าพลางยกมือขึ้นไปกอดคอของเจสสิก้า
“ตกลง! มาร์คกับเซฮุนไปด้วยกันมั้ย?” เจสสิก้าตอบตกลงก่อนจะหันไปถามมาร์คกับเซฮุนที่ยืนกันอยู่ข้างหลังของเธอสองคน
“ไป! / ไปครับ!” ทั้งเซฮุนกับมาร์คต่างก็ตอบรับพร้อมกันก่อนจะหันมองหน้ากันเล็กน้อย
“พร้อมเพรียงกันเลยนะสองคนนี้น่ะ - -” แทยอนบอกพลางทำหน้าเอือมระอาเล็กน้อย
“งั้นไปเก็บของก่อนนะ” เจสสิก้าบอกก่อนจะจับมือของแทยอนออกจากการกอดคอแล้วเปลี่ยนมาเป็นจับมือแทยอนแล้วพากันเดินไปเก็บของส่วนเซฮุนกับมาร์คก็เดินตามไปด้วยเช่นกัน
หลังจากที่เจสสิก้าเก็บของเสร็จเธอก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์โทรของผู้จัดการคนสวยเพื่อจะโทรไปบอกว่าไม่ต้องมารับเธอ
“พี่ซูยองพี่ไม่ต้องมารับฉันนะ” เมื่อปลายสายกดตอบรับเจสสิก้าก็ไม่รอช้าที่จะบอกปลายสายให้รับรู้
( ทำไมล่ะ? ) ปลายสายเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ฉันจะไปฉลองกับเพื่อนน่ะวันนี้เพิ่งปิดกล้องไปเอง” เจสสิก้าตอบปลายสายพลางหันไปช่วยแทยอนเก็บของอีกแรง
( โอเคๆถ้าจะให้พี่ไปรับก็โทรมาบอกแล้วกันนะ ) ปลายสายบอกอย่างเป็นห่วง
“รู้แล้วค่ะแค่นี้นะพี่” เจสสิก้าตอบปลายสายก่อนจะกดวางและมันก้เป็นจังหวะเดียวกับที่แทยอนเก็บของเสร็จพอดี
“ว่าแต่จะไปกินข้าวที่ไหนอ่ะ?” เจสสิก้าเอ่ยถามแทยอน
“อืม...ไปกินชาบูกันตั้งแต่ถ่ายละครมาไม่ค่อยได้มีเวลาไปกินเลยอ่ะ” แทยอนทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมาเชิงเสนอความคิด
“ตามนั้น” เจสสิก้าบอกอย่างเห็นด้วย
“สองคนนั้นยังเก็บของไม่เสร็จเลยอ่ะไปช่วยมะ?” เจสสิก้าบอกแทยอนก่อนจะเอ่ยถามเมื่อหันไปเห็นว่าทั้งเซฮุนกับมาร์คยังเก็บของกันอยู่เลย
“งั้นแกไปช่วยมาร์คเดี๋ยวฉันไปช่วยเซฮุนเองไปๆๆๆๆ” แทยอนบอกเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะดันหลังของเจสสิก้าให้ไปช่วยมาร์คที่กำลังเก็บของอยู่
“มาร์คพี่ช่วยเก็บของมั้ย?” เมื่อโดนแทยอนดันหลังให้มาเธอจึงเปิดปากถามด้วยความหวังดี
“ไม่เป็นหรอกหรอกครับผมเก็บใกล้เสร็จแล้ว” มาร์คตอบเชิงปฏิเสธอย่างเกรงใจพลางส่งยิ้มไปให้
“ใกล้เสร็จที่ไหนกันเห็นยังมีอีกตั้งเยอะเดี๋ยวพี่ช่วยน่า” เจสสิก้าบอกแกมบังคับอีกฝ่ายแต่น้ำเสียงกลับเหมือนเด็กกำลังงอแงมากกว่า
“ไม่เป็นไรจริงๆครับของที่เหลือมันเป็นเอกสารการเรียนของผมอ่ะ” มาร์คยังคงยืนยันคำเดิมจนทำให้เจสสิก้าเริ่มหงุดหงิด
“ไม่รู้แหละ! ตอนนี้พี่หิวข้าวมากถ้านายมัวแต่ช้าพี่ก็หิวไส้กิ่วพอดี” เจสสิก้าบอกอย่างเหมือนเด็กเอาแต่ใจก่อนจะถือวิสาสะช่วยมาร์คเก็บของอย่างรวดเร็วถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะบอกว่าไม่ต้องก็ตาม
“มีอะไรให้ช่วยมั้ย?” แทยอนเดินเข้าไปถามเซฮุนเสียงเรียบพลางเมินใบหน้าไปทางอื่น
“ไม่ต้องอ่ะเก็บใกล้จะเสร็จอยู่แล้ว” เซฮุนตอบแทยอนกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเช่นกันโดยในขณะที่ตอบอยู่นั้นเขากลับไม่ได้มองหน้าของแทยอนเลยสักนิด
“ก็ดีจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงช่วย” แทยอนบอกพลางไหวไหล่อย่างไม่แย่แสก่อนจะหันไปทางแล้วแอบเบะปากใส่อีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ ถ้าเกิดเขาไม่หล่อนี่แทบมี่อะไรดีเลยนะคิมแทยอนยืนยัน!
ไม่นานทั้งเซฮุนกับมาร์คก็เก็บของเสร็จโดยมาร์คมีเจสสิก้าคอยช่วยอีกแรงและในตอนนี้ทั้งหมดก็มายืนรวมกัน
“ว่าแต่พวกพี่จะไปกินอะไรกันเหรอ?” มาร์คเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไปกินชาบู J” เจสสิก้าตอบพลางส่งยิ้มไปให้ส่วนมาร์คก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“งั้นเจสสิก้าแกไปกับฉันนะส่วนนายสองคนก็ขับรถตามไปแล้วกันป่ะสิก้า” แทยอนบอกแกมจัดการเองเสร็จสรรพก่อนจะลากเจสสิก้าให้เดินตามไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้มาร์คกับเซฮุนตามไปทีหลัง
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ขับรถมาถึงร้านชาบูที่อยู่ไม่ไกลไปจากกองถ่ายมากนักและด้วยวันนี้การถ่ายทำเสร็จเร็วทำให้ผู้คนภายในร้านคนข้างมากพอสมควรแต่ก็ยังโชคดีที่พอมีโต๊ะว่างอยู่ซึ่งก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปก็จำเป็นต้องปกปิดใบหน้าของตัวเองกันเสียก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้คนจำได้และเพื่อให้คนที่อยู่ภายในร้านไม่เกิดอาการตื่นตกใจ
“ฉันว่าเปลี่ยนร้านยังทันนะ” เจสสิก้ากระซิบบอกแทยอนเมื่อเดินเข้ามาภายในร้านโดยเจสสิก้าเลือกจะสวมแว่นตากันแดดสีดำพร้อมกับผ้าพันคอสีเดียวกับแว่นใช้ปกปิดใบหน้าของตัวเองถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นเพียงนักแสดงไม่ใช่ไอดอลแต่ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเองเขาเอง
“ไม่เป็นไรหรอกร้านนี้มันมีห้องให้ทานส่วนตัวนี่นาอีกอย่างฉันก็โทรจองให้เรียบร้อยแล้ว” แทยอนกระซิบกลับเจสสิก้าพลางยกยิ้มให้โดยแทยอนเองก็เลือกใส่แว่นกันแดดสีดำเหมือนเจสสิก้า
“โทรตอนไหนทำไมฉันไม่รู้อ่ะ?” เจสสิก้าถามพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“แกนี่มันช้าตลอดเลยเร็วแค่เรื่องกินกับนอนสินะ” แทยอนบอกแกมเหน็บอีกฝ่าย
“เอ้า? คือฉันผิด?” เจสสิก้าถามอย่างไม้เข้าใจแต่แทยอนกลับไหวไหล่อย่างไม่แยแสก่อนจะเดินไปหาพนักงานแล้วพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่พนักงานจะเป็นคนพาพวกเธอเดินไปข้างในโดยแทยอนเองก็หันมาบอกทั้งสามคนให้ตามไปเซฮุนไม่รอช้าเพราะตอนนี้เขารู้สึกหิวจะตายอยู่แล้วจึงเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ไม่ไปเหรอ?” มาร์คถามเจสสิก้าที่ยังยืนนิ่งอยู่
“นี่พี่ดูเป็นคนเห็นแก่กินกับนอนเหรอ?” เจสสิก้าหันไปถามมาร์คน้ำเสียงจริงจังจนคนอายุน้อยกว่าอดขมวดคิ้วด้วยความงุนงงไม่ได้
“ห๊ะ?”
“โอ๊ย! นายนี่มันก็ซื่อจริงๆเลยไม่คุยด้วยแล้ว!” แต่จู่ๆเจสสิก้าก็พาลร้องโวยวายออกมาก่อนจะเดินกระแทกเท้าตามสองคนหน้าไปทิ้งให้มาร์คยืนเกาศีรษะอย่างงงๆก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินตามไปติดๆ
เมื่อมาถึงห้องส่วนตัวทั้งสี่คนก็กระหน่ำกันสั่งอาหารมาแล้วเอาแต่นั่งกินกันแทบไม่ปริปากพูดกันสักคำอาจจะเพราะตอนนี้มันก็บ่ายกว่าๆได้แล้วซึ่งมันเป็นช่วงเวลาสำหรับการทานอาหารและด้วยที่วันนี้การถ่ายทำเริ่มเร็วกว่าปกติเป็นเหตุให้แต่ละคนไม่ได้กินข้าวเช้ากันเลยสักคน
Line!~
แต่ในขณะที่แต่ละคนกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่เสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นไลน์ของเจสสิก้าก็ขึ้นทำให้เธอชะมักเล็กน้อยก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านแต่ก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
Defieffb : อยู่ที่ไหน?
เจสสิก้าจอง : ใครเนี่ย?
Defieffb : อิมแจบอม
เจสสิก้าจอง : นี่! นายไปเอาเบอร์ฉันมาจากไหนมิทราบ!?
Defieffb : ก็ขอจากประธานปาร์คของเธอไง
เจสสิก้าจอง : มีมารยาทบ้างมั้ยเนี่ย!?
Defieffb : หยุดเลย! ที่ขอเพราะจะต้องติดต่อกับเธอเรื่องถ่ายเรียลลิตี้เหอะ - -
เจสสิก้าจอง : ให้คุณอูบินติดต่อมาก็ได้นี่!
Defieffb : เธอสมองเสื่อมเหรอ? ฉันเป็นโปรดิวเซอร์รายการคุณอูบินก็แค่เจ้าของรายการ
เจสสิก้าจอง : ถึงอย่างนั้นนายก็เสียมารยาทอยู่ดีนั่นแหละ! เบอร์โทรศัพท์มันเป็นของส่วนบุคคลนะ!
Defieffb : พอ! เลิกมโนแล้วตอบมาว่าเธออยู่ที่ไหน?
เจสสิก้าจอง : ไม่บอกอ่ะมีอะไรมะ?
Defieffb : แน่ใจ?
เจสสิก้าจอง : ทำไม?
Defieffb : ฉันอยู่หน้าร้านถ้าเธอไม่ออกมาฉันจะตะโกนบอกทุกคนในร้านว่าเธออยู่ที่นี่!
หลังจากที่เจสสิก้าอ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาก็แทบจะสำลักอาหารที่เพิ่งกินเข้าไปพลางเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะรีบพิมพ์ข้อความแล้วส่งกลับทันที
เจสสิก้าจอง : อย่ามาขี้ตู่ได้มั้ย! ฉันไม่เชื่อหรอก
Defieffb : Shabu Buffet2 ใช่ร้านที่เธออยู่ตอนนี้มั้ยล่ะ? ^_^
“เป็นอะไรไปสิก้ามีอะไรหรือเปล่า?” แทยอนเอ่ยถามเจสสิก้าด้วยความสงสัยระคนงุนงงกับท่าทางของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนตกใจอะไรบ้างอย่าง
“เอ่อ..ไม่มีอะไรฉันขอตัวไปห้องน้ำแป๊ปนะ” เจสสิก้าเลือกจะตอบแบบปัดๆก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งโดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์และแว่นกันแดดมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกไปทันที
เมื่อเดินออกมาแล้วเจสสิก้าก็ชะเง้อคอมองออกไปที่นอกร้านก่อนจะพยายามกวาดสายตามองหาโปรดิวเซอร์รายการมารยาทแย่(?)ก่อนที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนพิงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่นั่นอยู่ที่หน้าร้าน
“ตกลงมาจริงเหรอวะเนี่ย? เอาไงดีวะ?” เจสสิก้าพูดออกมาลอยๆพลางทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชั่นไลน์แล้วกดส่งไปยังอีกฝ่าย
เจสสิก้าจอง : นี่ถึงขนาดนี้มาที่ร้านเลยเหรอ?
Defieffb : แสดงว่าเธอเห็นแล้ว?
เจสสิก้าจอง : เออ! เห็นแล้ว จะมาเพื่อ?
Defieffb : หยาบคายว่ะ ที่มาเนี่ยจะมาคุยเรื่องการถ่ายทำเรียลลิตี้ไง
เจสสิก้าจอง : โทรศัพท์มาบอกก็ได้นี่! เบอร์ก็ได้มาแล้วจะมาที่นี่เพื่อ?
Defieffb : คุยทางโทรศัพท์เธอน่าจะเกทยากอีกอย่างคุยแบบเห็นหน้าจะได้อธิบายรายละเอียดง่ายไงคิดบ้างดิครับ
เจสสิก้าจอง : นี่คือกำลังด่าฉันอยู่ใช่ป่ะ?
Defieffb : เรื่องแบบนี้ฉลาดดีเนอะ
เจสสิก้าจอง : อย่าตายมั้ยห๊ะ!
Defieffb : ผมให้เวลาคุณ 10 นาทีถ้ายังไม่ออกมาผมจะตะโกนบอกคนร้านแล้วจริงๆด้วย
เจสสิก้าจอง : นี่นายกำลังขู่ฉันเหรอ?
Defieffb : ตามนั้นแหละ ^_^
“โอ๊ย! ไอบ้าเอ๊ย!” เจสสิก้าสบถออกมาอย่างหงุดหงิดพลางเตะกำแพงเพื่อระบายอารมณ์ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทานอาหาร
“นี่ไปเข้าห้องน้ำหรือโดนใครด่ามาเนี่ยหน้ามุ่ยเชียว?” เมื่อเจสสิก้าเดินเข้ามาก็เดินมากระแทกตัวนั่งลงพลางถอดแว่นอย่างรุนแรงแทยอนจึงเปิดปากถามทันที
“นั่นสิครับพี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” มาร์คก็บอกอย่างเห็นด้วยกับแทยอน
“หงุดหงิดคนอ่ะดิ!” เจสสิก้าบอกพลางพ่นลมหายใจแรงๆพลางกำโทรศัพท์แน่น
“ไปหงุดหงิดอะไรใครมา?” เซฮุนที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยปากถามพลางมองหน้าเจสสิก้าเพื่อรอคำตอบ
“ไอโปรดิวเซอร์บ้านั่นแหละกวนประสาทชะมัด!” เจสสิก้าตอบในขณะที่ยังพ่นลมหายใจออกมาแรงๆเหมือนเดิมก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความเมื่อเสียงสัญญาณมันดังขึ้น
Defieffb : เหลืออีก 5 นาทีนะคุณ
เจสสิก้าจอง : เออ! รู้แล้วจะออกไปแล้วเนี่ย!!
“ฉันไปก่อนนะ” หลังจากที่ตอบกลับอีกฝ่ายเจสสิก้าก็หยิบแว่นมาสวมใส่เหมือนเดิมพลางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายของเธอ
“จะไปไหนอ่ะเพิ่งกินไปได้แค่นิดเดียวเองนะ” แทยอนถามพลางมองเจสสิก้าด้วยความงุนงง
“ไปคุยงานกับไอโปรดิวเซอร์บ้านั่นแหละเดี๋ยวเจอกันวันพรุ่งนี้” เจสสิก้าตอบแทยอนก่อนจะเอ่ยลาทั้งสามคนแล้วเดินออกจากห้องไปที่หน้าร้านโดยในขณะที่เดินเจสสิก้าก็พยายามก้มหน้าลงเพื่อให้ไม่มีใครสังเกตเห็น
“ถ้าออกมาช้ากว่านี้จะตะโกนแล้วนะ” เมื่อเจบีเห็นว่าเจสสิก้าออกมาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็เปิดปากบอกพลางยกยิ้มอย่างกวนประสาท
“ก็ออกมาแล้วเนี่ยจะเอาไง?” เจสสิก้าถามพลางเลื่อนแว่นขึ้นไปให้เหมือนเป็นที่คาดผมก่อนจะมองอีกฝ่ายอย่างหาเรื่องแต่เจบีกลับไหวไหล่อย่างไม่แยแสก่อนจะโยนหมวกกันน็อคให้อีกฝ่ายโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
“ไอบ้านี่! จะให้ก็ให้ดีๆได้มั้ย” เจสสิก้าสบถออกมาพลางเปิดปากว่าอีกฝ่ายที่จู่ๆก็โยนหมวกันน็อคให้กับเธอทั้งที่ยังไม่ได้ตั้งตัว
“ใส่ไปแล้วก็ขึ้นรถมา” เจบีบอกแกมบังคับก่อนที่เขาเองจะหันไปหยิบหมวกกันน็อคมาสวมใส่พลางขึ้นไปนั่งคร่อมบนรถของตัวเอง
“ทำไมต้องทำตาม?” เจสสิก้าถามกลับพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างกวรประสาท
“หรือว่าคุณอยากตกเป็นข่าวกับผม? ก็ได้นะผมไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้วแหละ” เจบีบอกเชิงขู่เจสสิก้าแทบอยากจะเอาหมวกกันน็อคฝาดหน้าของอีกฝ่ายให้สาแก่ใจแต่ก็ทำได้เพียงแค่จิ๊จ๊ะในลำคอก่อนจะยอมสวมหมวกกันน็อคนั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้พลางกระโดดขึ้นไปนั่งคร่อมบทรถมอเตอร์ของอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจก่อนที่คนขับอย่างเจบีจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็วสูงจนเจสสิก้าเผลอยกมือขึ้นกอดเอวพลางหลับตาสนิทด้วยความกลัว
กรี๊ดดดดดดดดดดด!! นี่มันคืออะไรกันเนี่ยยยยยยยย
เจบีกับสิก้าคืออะไรทำไมมันฮาร์ดคอร์ได้ขนาดนี้คะ?
ครบสักทีนะสำหรับตอนนี้ 55555555555555
อ่านแล้วเม้นกันบ้างจิคนแต่งน้อยใจแล้วนะง้อด่วน! 555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอค้า
รอค้าา
เฉยอยู่อย่างนี้อกหักแน่ๆ
รอน้า