ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Play Boy's GAME (Chanyeol x Baekhyun) | END.

    ลำดับตอนที่ #24 : CHAPTER 20

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.74K
      15
      21 ก.พ. 56

    CHAPTER  20
    21.2.13
     

     

     

     

     

     

    “ไม่”

     

    เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเขาเองก็ไม่ได้นับ  แต่เสียงหวานก็ยังคงเอ่ยปฏิเสธไปอยู่ดี...

     

    หลังจากที่ชานยอลเอ่ยชวนเขาที่ในห้องทำงานเขาก็เอ่ยปฏิเสธออกไปทันที...ความจริงก็ไม่ได้โกรธแต่เขาเองก็ไม่รู้ทำไมถึงปฏิเสธออกไป

     

    ...คงเป็นเพราะเวลาเห็นใบหน้าหล่อเหลานั่นแสดงอารมณ์ที่เรียกว่าหมาหงอยออกมาเขารู้สึกว่ามันน่ารักดีละมั้ง...

     

    ขาเรียวก้าวเร็วๆพาร่างของตัวเองให้เดินไปตามทางเดินกลางสวนสาธารณะอย่างเร่งรีบ  คนตัวเล็กเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเดินจนไม่สนใจคนที่เดินตามมาด้วยเลยแม้แต่น้อย

     

    “แบคฮยอนอา~ นี่ฉันมาง้อแล้วนะ...แค่ไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อก็ได้...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อนจากด้านหลังไม่ได้ทำให้ขาเรียวของคนที่เดินอยู่ด้านหน้าลดความเร็วลงเลย

     

    “ไม่คือไม่นะปาร์คชานยอล”เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นโดยที่เจ้าของมันพยายามปั้นแต่งให้มันเหี้ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    อันที่จริงก็อย่างที่บอก...เขาไม่ได้โกรธชานยอลแล้ว...

     

    ก็แค่งอน...

     

    คนเรามันต้องมีโมเม้นต์งี่เง่ากันบ้างล่ะ...แล้วตอนนี้บยอนแบคฮยอนก็กำลังอยู่ในโมเม้นต์ที่ว่านั่น

     

    ขอเล่นตัวหน่อยเถอะปาร์คชานยอล!

     

    “แบคฮยอน...”มือหนาคว้าข้อมือบางไว้ก่อนที่อีกคนจะเดินทิ้งห่างไปมากกว่นี้  แบคฮยอนหยุดเดินแต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหันมามองหน้าอีกคนเลยแม้แต่น้อย

     

    “นายกำลังรบกวนเวลาฉันนะปาร์คชานยอล...ฉันมีเวลาพักผ่อนแค่นิดหน่อยก่อนที่จะต้องกลับไปทำงานนะ...”แบคฮยอนเอ่ยเสียงเข้ม  แต่ริมฝีปากอิ่มกลับประดับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ

     

    “ขอแค่มื้อเดียวนะแบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเบาๆนั่นทำให้คนอยากเล่นตัวใจอ่อนยวบลงไปอย่างช่วยไม่ได้

     

    “ก็ได้....”เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นเรียกเอาชายหนุ่มตัวสูงที่กำลังทำหน้าหมาหงอยต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

     

    “แต่เป็นพรุ่งนี้ที่สวนสาธารณะนี่...ใต้ต้นเมเปิ้ลนี่แล้วก็เก้าอี้ตัวนี้ตอนห้าโมงเย็น...ห้ามเลทเข้าใจรึเปล่า”แบคฮยอนหมุนตัวกลับมาหาอีกคนช้าๆ  ริมฝีปากบางก็ขยับเปล่งเสียพูดรัวเร็วจนชานยอลแทบฟังไม่ทัน คนตัวเล็กปั้นหน้านิ่งได้อย่างแนบเนียนจนตัวเองยังนึกแปลกใจ

     

    “จริงเหรอ?”เสียงทุ้มที่เอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจและใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเหรอหรานั่นมันยิ่งทำให้แบคฮยอนแทบหลุดขำ  แต่เขาก็ยังเก๊กไว้ได้ทัน

     

    “นี่ตกลงว่านายจะมาหรือไม่มา...ถ้าไม่มาก็ถือว่าฉันไม่เคยพูดอะไรก็แล้วกัน!”พูดจบก็หมุนตัวกลับทันที  ได้ยินเสียงตอบตกลงกลับมาอย่างตื่นเต้น

     

    “พรุ่งนี้เจอกันนะแบคฮยอน!

     

    “เออ!!”ตะโกนตอบไปเสร็จก็ได้แต่เดินยิ้มกลับไปทำงานต่อเท่านั้นแหละ

     

    “เยส! ฮู้ว!”เสียงแสดงความดีใจที่ดังแว่วๆมาให้ได้ยินยิ่งเรียกเอารอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าสวยนั่นฉีกกว้างขึ้นไปอีก

     

    ...รอยยิ้มอย่างมีความสุขที่ปาร์คชานยอลไม่ได้เห็นมัน...

     

     

     

    “คุณแบคฮยอน...อารมณ์ดีจังเลยนะคะ...”แบคฮยอนเดินเกลับเข้ามาในบริษัทด้วยใบหน้าเบิกบานจนเลขาสาวหน้าห้องอดที่จะเอ่ยทักไม่ได้

     

    “ก็นิดหน่อยครับ...เอ่อ...สเตฟานี่ครับ...”

     

    “คะ?”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาให้ความสนใจผู้เป็นเจ้านายที่เอ่ยเรียกเธอ

     

    “ช่วยผมสักเรื่องได้มั๊ยครับ?”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    จะง้อพี่แบคฮยอนน่ะ...เอาของกินไปด้วย  โดยเฉพาะสตรอเบอรรี่

     

    นี่คือคำพูดของคิมจงอินที่เอ่ยบอกก่อนที่จะทำเมินเป็นไม่สนใจเขาแล้วเดินเข้าบริษัทไป  ซึ่งชานยอลเองก็จำมันได้ขึ้นใจ

     

    มือหนาถลกแขนเสื้อโค้ตตัวใหญ่ที่สวมทับแขนแกร่งขึ้นมาดูเวลาที่บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาที่ใครอีกคนนัดเขาเอาไว้แล้ว

     

    รอยยิ้มกว้างประดับขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อดวงตาคมเหลือบไปเห็นร้านขายผลไม้เล็กๆที่ข้างทาง  หญิงชราคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของร้านกำลังนั่งพรมน้ำให้เหล่าผลไม้ของเธอสดอยู่เสมอ

     

    “สตรอเบอรรี่นี่ขายยังไงครับ”ชานยอลย่อตัวลงนั่งยองๆอยู่หน้าแผงลอยของหญิงชราคนนั้น

     

    “จะเอาไปให้แฟนเหรอพ่อหนุ่ม”น้ำเสียงที่เอ่ยถามเต็มไปด้วยความเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด  มือหนาที่กำลังเอื้อมไปหยิบกล่องผลไม้ชะงักค้างก่อนคนโดนถามจะได้แต่หัวเราะแหะๆ

     

    “ยังไม่ได้เป็นแฟนครับป้า  แต่ผมน่ะอยากเป็นจะแย่แล้วครับ”ชานยอลพูดก่อนจะต้องยิ้มรับรอยยิ้มกว้างจากผู้สูงวัยกว่า

     

    “สู้ๆล่ะไอ้หนุ่ม...แคนาดาตอนหิมะตกน่ะโรแมนติคทีสุดแล้ว...”หญิงชราเอ่ยให้กำลังใจ

     

    “ตอนนี้เขางอนผมอยู่น่ะครับป้า...ผมง้อใครไม่ค่อยเป็นเลยไม่รู้ว่าจะง้อเขายังไงดี”ชานยอลเอ่ยก่อนใบหน้าหล่อเหลานั่นจะหงอยลงเล็กน้อยเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากหญิงชราอย่างเอ็นดูได้เป็นอย่างดี

     

    “งั้นเอาเจ้านี่ไปด้วย...”หญิงชราหันไปควานหาอะไรบางอย่างจากด้านหลังตนก่อนจะหันกลับมาส่งอะไรบางอย่างให้กับชายหนุ่มตรงหน้า

     

    “ครับ?”

     

    “ดอกลิลลี่สีขาวไงพ่อหนุ่ม...นี่ลุงเขาเพิ่งเก็บมาให้ป้าเยอะแยะเลย...”หญิงชราเอ่ยก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อนึกได้ว่าคนที่ให้เจ้าดอกไม้แสนน่ารักนั่นเป็นใคร

     

    “นอกจากหมายถึงความบริสุทธิ์แล้วมันยังมีอีกความหมายนึงนะพ่อหนุ่ม...”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆทำให้ชานยอลรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

     

    “...หมายถึงคำขอโทษยังไงล่ะ...”มือหนาเอื้อมไปหยิบดอกลิลลี่สีขาวมาไว้ในมือ  ดวงตาคมไล่มองดอกไมสีขาวในมือนิ่ง

     

    “ขอบคุณนะครับป้า...”ชานยอลเอ่ยขอบคุณหญิงชราก่อนจะบอกลาเพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่อีกคนนัดเขาไว้แล้ว

     

    “ง้อให้สำเร็จนะพ่อหนุ่ม!”เสียงตะโกนแว่วดังขึ้นเรียกเอารอยยิ้มกว้างจากชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี

     

    “ขอบคุณมากครับ!

     

    ขายาวก้าวพาร่างสูงของตนให้เดินเร็วๆตรงไปยังที่หมายทันที  รถรามากมายวิ่งกันให้ขวักไขว่จนเขาต้องหยุดรอสัญญาณไฟข้ามถนนที่ยังคงเป็นสีแดง

     

    “กรี๊ดดดดดดดด!!!”เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นเรียกให้ชานยอลต้องหันกลับไปสนใจทิศทางที่เขาผ่านมา  ผู้คนมากมายต่างพากันวิ่งกรูเข้าไปดูเหตุการณ์อย่างวุ่นวาย

     

    “ช่วยด้วยค่ะ  มีคนเป็นลม!!!”เสียงเอ่ยขอร้องที่ดังขึ้นเรียกให้ขายาวของชายหนุ่มต้องวิ่งกลับไปยังทิศที่ผ่านมาทันที

     

    “ขอโทษครับ”มือหนาพยายามพาร่างแทรกตัวฝ่าวงล้อมของผู้ที่มามุงดูเหตุการณ์เข้าไปด้านใน  ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างไร้สติที่คุ้นตาถูกประคองไว้ด้วยหญิงสาวคนหนึ่งที่มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด

     

    “ป้าครับ!”ชายหนุ่มรีบถลาตัวเข้าไปดูร่างอ่อนแอของหญิงชราคนนั้นทันที

     

    “คุณครับเรียกแท็กซี่ให้ผมหน่อย  เดี๋ยวผมพาป้าไปโรงพยาบาลเองครับ!”ชานยอลพยุงร่างไร้สติของหญิงชราไว้แทน  เสียงทุ้มก็เอ่ยขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวคนนั้นอย่างเร่งรีบ

     

    ดวงตาคมเหลือบไปเห็นนาฬิกาเรือนใหญ่ที่อยู่บนยอดตึกอีกฟากขอถนนที่ทำให้หัวใจของเขาร้อนรุ่มยิ่งกว่าเก่า

     

    16.52

     

    ...รอฉันก่อนนะแบคฮยอน...

     

     

     

     

     

    ดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนตัวลงลับขอบฟ้าช้าๆ  เหล่านกกาต่างพากันบินกลับรังของตนอย่างพร้อมหน้า  อุณหภูมิอลดลงจนคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวเพียงลำพังต้องกระชับเสื้อโค้ตตัวหนาของตนให้แน่นขึ้นไปอีก  ริมฝีปากอิ่มพ่นลมออกมาหวังให้ความอบอุ่นของร่างกายช่วยบรรเทาความหนาวลงได้บ้าง  มือเรียวใต้ถุงมือหนาทั้งสองข้างโอบกอดกล่องกระดาษเล็กใบหนึ่งไว้อย่างหวงแหน

     

    “ฮือ...หนาวจังเว้ย”เสียงหวานบ่นออกมาเบาๆก่อนจะต้องเขย่าขาสองสามทีเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น  ดวงตาคู่สวยเหลือบมองนาฬืกาเรือนใหญ่ที่กลางสวนสาธารณะอย่างตั้งความหวัง

     

    17.13

     

    ห้าโมงกว่าแล้ว...

     

    เลยเวลาที่เขานัดกับใครอีกคนมาได้สักพัก  แต่เขาเองก็ยังไม่ได้คิดจะลุกไปไหนอย่างที่เคยคิดจะทำ  ดวงตาคู่สวยทอดมองกล่องกระดาษสีขาวใบเล็กในมือแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้

     

    “แกจะได้ทำหน้าที่มั๊ยเนี่ย”เอ่ยถามกับกล่องกระดาษเหมือนคนบ้า  แลวก็อดที่จะหัวเราะเบาๆกับความคิดของตัวเองไม่ได้

     

    แบคฮยอนขอร้องให้สเตฟานี่เลขาสาวของเขาช่วยสอนเขาทำของโปรดของตัวเองให้  หวังว่าจะได้เอามาให้อีกคน  จะได้บอกไปว่าอันที่จริงเขาก็ไม่ได้โกรธอะไร...

     

    สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก...

     

    “เธอได้ยินข่าวรึยัง?”

     

    “อะไรเหรอ?”เสียงพูดคุยที่ดังขึ้นไม่ไกลเรียกให้แบคฮยอนที่กำลังคุยกับกล่องกระดาษเหมือนคนบ้าต้องหันมาให้ความสนใจ

     

    “คุณป้าแก่ๆที่ขายผลไม้อยู่ตรงใกล้ๆหัวมุมนั่นเป็นลมน่ะ”

     

    “อ้าวจริงเหรอ? แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ”

     

    “มีคนช่วยแล้ว...เห็นว่าเป็นผู้ชายเอเชียนะ...”

     

    ผู้ชายเอเชีย?

     

    น่าแปลกที่แบคฮยอนกลับนึกถึงใครบางคนเป็นคนแรกทั้งๆที่ในแคนดาไม่ได้มีผู้ชายเอเชียแค่คนเดียวเสียหน่อย

     

    “หล่อมากเลยเธอ...ตัวสูงๆแล้วก็ผมสีอ่อนๆน่ะ”

     

    ตัวสูงๆ  ผมสีอ่อนๆ?

     

    แบคฮยอนอดที่จะหัวเราะกับตัวเองไม่ได้  คนสูงๆมันมีคนเดียวที่ไหนบยอนแบคฮยอน  แต่เอาเถอะ  เอาเป็นว่าเอามาเป็นข้ออ้างให้ตัวเองก็แล้วกัน

     

    ...ฉันจะรอนายอีกสักหน่อยก็แล้วกันนะปาร์คชานยอล...

     

     

     

    ชานยอลนั่งเอนหลังพิงพนักโซฟาอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วยอย่างเหนื่อยอ่อน  ชายหนุ่มยกนาฟิกาข้อมือเรือนหรูที่แขนข้างขวาขึ้นมาดู

     

    19.26

     

    เลยเวลามามากแล้วจากที่เคยนัดไว้  หากตอนนี้ยังอยู่ที่เกาหลีมันคงจะไม่ยากเลยที่เขาจะโทรไปบอกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง  แต่กับที่นี่มันไม่ใช่...

     

    เขารีบมาแคนาดาอย่างกะทันหัน  ไม่ได้เตรียมการอะไรไว้  โทรศัพท์เครื่องหรูของเขาตอนนี้ก็ราวกับเศษเหล็กที่ไร้ประโยชน์...

     

    เขาไม่มีวิธีที่จะติดต่อแบคฮยอนได้เลย  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อีกคนจะยังนั่งรอเขาอยู่หรือไม่  ชานยอลได้แต่หวังว่าแบคฮยอนคงจะกลับไปที่พักแล้ว  เพราะปุยสีขาวที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าปรอยๆในตอนนี้มันทำให้เขาอดที่จะกังวลไม่ได้...

     

    ...แบคฮยอนขี้หนาว...แต่เจ้าตัวก็ดื้อจนกว่าจะดูแลตัวเอง...

     

    ดวงตาคมทอดมองร่างที่ยังคงไร้สติของหญิงชราที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง  ถึงแม้หมอจะบอกว่าหญิงชราเพียงแค่พักผ่อนไม่เพียงพอและเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นบางเกินไป  ถ้าได้พักผ่อนสักพักก็อาจจะดีขึ้น  แต่คุณป้าใจดีที่ให้กำลังใจเขาก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาเสียที

     

    ก๊อกๆ

     

    เสียงเคาะประตูเบาๆสองสามครั้งเรียกให้ชานยอลต้องหันไปให้ความสนใจ  เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าเขาสักสองสามปีก้าวเข้ามาก่อนจะก้มหัวทำความเคารพเขาอย่างเร่งรีบ

     

    “ขอโทษที่ผมมาช้านะครับ  ขอบคุณที่ช่วยดูแลคุณยายให้นะครับ”

     

    เด็กหนุ่มคนนี้คงจะเป็นหลายชายที่ทางโรงพยาบาลบอกว่าจะติดต่อไปกระมัง...

     

    “ไม่เป็นไรครับ...”

     

    “ต้องขอโทษที่รบกวนจริงๆครับ  พอดีผมเพิ่งเลิกเรียนพิเศษน่ะครับ....”เด็กหนุ่มก้มหัวขอโทษเขาอีกครั้งซึ่งชานยอลก็ได้แต่ส่งยิ้มไปให้พร้อมกับบอกว่าไม่เป็นไร

     

    “สตีฟ...”เสียงแหบพร่าจากร่างที่นอนอยู่บนเตียงเรียกให้ทั้งสองต้องหันไปให้ความสนใจ

     

    “คุณยายครับ! เป็นยังไงบ้างครับ”

     

    “ยายไม่เป็นไรแล้ว...ต้องขอบคุณพ่อหนุ่มคนนั้น...”หญิงชราพยักเพยิดมาทางเขาก่อนเด็กหนุ่มจะหันมาเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง

     

    “ตาพอลรู้เรื่องรึยังครับ...”เด็กหนุ่มเอ่ยถามยายด้วยความเป็นกังวล

     

    “ยังหรอก...อย่าให้เจ้าแก่นั่นเป็นห่วงมากจนเกินไปเลย...”หยิงชราส่งยิ้มอ่อนโยนให้หลายชาย

     

    “พ่อหนุ่ม...”เมื่อเห็นหลายชายพยักหน้ายอมรับแล้ว  หญิงชราก็เอ่ยเรียกชานยอลที่ยังคงยืนอยู่มุมห้องเงียบๆ

     

    “ครับ?”

     

    “นี่ป้าทำให้เธอไม่ได้ไปง้อแฟนรึเปล่า?”

     

    “ไม่หรอกครับ...”ชานยอลส่งยิ้มบางๆให้ผู้สูงวัยกว่า

     

    “สตีฟยายไม่เป็นอะไรแล้ว...หลานพาพี่ชายคนนั้นไปเอาสตรอเบอร์รี่กับดอกลิลลี่สีขาวที่ร้านหน่อยสิ...”หลานชายพยักหน้ารับก่อนจะเดินมาหาชานยอล  เด็กหนุ่มก้มหัวทำความเคารพอีกครั้งก่อนจะเดินนำชายหนุ่มออกไป

     

    “สู้ๆล่ะพ่อหนุ่ม...”หญิงชราเอ่ยให้กำลังใจก่อนจะส่งยิ้มอย่างเอ้นดูมาให้เขาอีกครั้ง

     

     

     

    หลังจากที่ได้รับสตรอเบอร์รี่กล่องใหญ่และช่อดอกลิลลี่จัดแบบง่ายๆอีกช่อจากเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อสตีฟแล้ว  ชานยอลก็รีบขอตัวออกมาทันที  ดวงตาคมจ้องมองหน้าปักนาฬิกาที่บอกเวลาที่ล่วงเลยไปนานแล้ว

     

    19.47

     

    ขายาวรีบก้าวเร็วๆเพื่อตรงไปยังจุดหมายทันที  โชคดีที่เวลานี้รถราไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อตอนเย็นๆแล้ว  เขาจึงใช้เวลาไม่นานเพื่อเดินทางมาที่สวนวาธารณะ

     

    ดวงตาคมกวาดสายตามองไปรอบๆที่มีแสงไฟประดิษฐ์จากเสาไฟตามทางเดินในสวนช้า  เพื่อมองหาใครบางคน  และแล้วริมฝีปากได้รูปก็ต้องแย้มยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างเล็กๆของใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งจ้องบางอย่างในมืออยู่ที่เก้าอี้ไม้ใต้ต้นเมเปิ้ลไร้ใบนั่น

     

    หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาช้าๆสะท้อนกับแสงไฟยามค่ำคืนสวยงามคล้ายกับหิ่งห้อยตัวน้อยๆที่อยู่ในความทรงจำ  ขายาวรีบวิ่งตรงไปยังที่หมายทันที  ดวงตาคู่คมก็เอาแต่จับจ้องไปที่ร่างเล็กของใครบางคนที่มันดูจะเล็กลงไปอีกเมื่อเจ้าตัวเริ่มห่อไหล่ด้วยความหนาว

     

    เหลืออีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะได้คว้าร่างบางนั่นมากอดให้คลายหนาวแล้ว  แต่เวลาไม่เคยคอยใคร...

     

    มือเรียววางสิ่งของที่อยู่ในมือลงที่เก้าอี้ยาวตัวนั้น  จ้องมองมันเพียงแค่ครู่เดียวแบคฮยอนก็หมุนตัวเดินออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกับขาทันที

     

    “แบคฮยอน!”เสียงทุ้มที่ตะโกนออกมาดังที่สุดเท่าที่จะทำได้  แต่ไม่รู้ว่าอีกคนได้ยินหรือไม่  เพราะคนตัวเล็กยังคงเดินห่างจากเขาออกไปเรื่อยๆ  ชานยอลเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก  ก่อนจะแวะคว้ากล่องกระดษสีขาวใบเล็กๆที่ผูกด้วยริบบิ้นสีแดงไว้อย่างน่ารักนั่นติดมือมาด้วย  ความอบอุ่นจากกล่องกระดาษที่แผ่ผ่านถุงมือหนาเข้ามาทำให้เขารู้ว่า  อีกคนคงจะนั่งกอดมันตลอดเวลาที่ผ่านมา...

     

    “แบคฮยอน!  รอก่อน!”เสียงทุ้มตะโกนเรียกอีกคนแต่ก็ยังไร้การตอบรับเหมือนเดิม  แบคฮยอนยังคงเดินห่างออกไปเรื่อยๆ

     

    “บยอนแบคฮยอน!”ชานยอลเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นไปอีกจนผู้คนรอบตัวเริ่มหันมาให้ความสนใจเขา  แต่ชานยอลก็ไม่ได้คิดจะสนใจเลยแม้แต่น้อย  ตอนนี้ในสายตาของเขากลับมีเพียงร่างบางที่กำลังเดินห่างออกไปตรงหน้าเท่านั้น

     

    “ไอ้เตี้ย!!!”เมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลชานยอลจึงเลือกที่จะหยิบเอาไม้แข็งมาใช้แทน  ยิ่งเห็นขาเรียวที่ชะงักเพียงชั่วครู่ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นไปอีกยิ่งทำให้เขามั่นใจ...

     

    ...บยอนแบคฮยอนได้ยินที่เขาเรียกแต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ!

     

    ร้ายนักใช่มั๊ย?!

     

    แบคฮยอนคิ้วกระตุกหงึกๆเพราะสรรพนามที่อีกคนใช้เรียก  นี่ไม่ได้งอนอะไรนะแค่อยากจะแกล้งเฉยๆเห็นหน้าเอ๋อๆ  แต่จะโกรธจริงเพราะปากไอ้เสาไฟฟ้านั่นแหละ!

     

    ยิ่งได้ยินเสียงเรียกที่ตะโกนลั่นสวนสาธารณะแบคฮยอนยิ่งรู้สึกหงุดหงิด นี่อายบ้างมั๊ย?  ความจริงแล้วเขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ยาวจนท้อแล้วล่ะ  แต่ก็เห็นร่างสูงๆของใครกำลังวิ่งตาลีตาเหลือกตรงมาที่เขาแล้วก็รู้สึกใจชื้นอย่างบอกไม่ถูก  ใบหน้าหล่อเหลานั่นเวลาที่มันแสดงอารมณ์สับสนที่มองหาเขาไม่เจอแบบนั้นแล้วมันน่าแกล้งจริงๆ  พอแน่ใจว่าชานยอลเห็นเขาแล้วแบคฮยอนเลยจงใจลุกหนีแกล้งทำเป็นงอนไปงั้นแหละ...

     

    ...เขาเชื่อว่าไม่มีใครจะทิ้งโอกาสครั้งที่สองโดยไม่มีเหตุผล...

     

    ...โดยเฉพาะคนอย่างปาร์คชานยอล...

     

    ปุก!

     

    คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากภวังค์ทันทีเพราะความเจ็บปวดที่หลังหัว  มือเรียวยกขึ้นลูบเบาๆเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด  ใจอยากจะหันไปด่าไอ้คนข้างหลังแต่คิดอีกทีเดินหนีมันเลยจะสะใจกว่า!

     

    ปุก!

     

    เป็นอีกครั้งที่ความเจ็บตุบๆที่ด้านหลังศีรษะเรียกให้ขาเรียวที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้าต้องหยุดชะงัก  อะไรบางอย่างกลิ้งขลุกๆมาโดนเท้าของเขา  ดวงตาคู่สวยก้มลงมองก่อนมือเรียวจะเอื้อมลงไปหยิบมันขึ้นมาดู

     

    สตรอเบอร์รี่?

     

    แต่ก่อนที่จะได้โยนสตรอเบอร์รี่ใส่หน้าอีกคนข้อหาเอาของกินสุดโปรดเขามาเล่นก็ต้องชะงักไว้ก่อนเมื่อเห็นร่อยรอยสีดำบางอย่างที่โผล่มาให้เห็นจากอีกด้านของผลไม้ลูกเล็ก

     

    ใบหน้าทะเล้นๆถูกวาดขึ้นอย่างโง่ๆด้วยหมึกสีดำบนผลสรอเบอร์รี่สีแดงฉ่ำจนดูเหมือนหน้าคนเรียกเอาคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันมากขึ้นไปอีก

     

    เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนต้องหันไปให้ความทสนใจที่ข้างเท้าของตนที่มีอะไรบางอย่างกลิ้งมาชน  ผลสตรอเบอร์รี่อีกลูกกลิ้งขลุกขลักมาชนเท้าของเขา  มือเรียวคว้ามันขึ้นมาดูก่อนจะพลิกไปมาแล้วก็พบกับข้อความสั้นๆที่เขียนไว้

     

    เตี้ย

     

    ตุบ!

     

    แบคฮยอนแทบจะบีบผลไม้สุดโปรดแตกคามือเพราะคำจี้ใจดำที่เขียนอยู่บนนั้นนั่นแหละ  กำลังจะหันกลับไปด่าแต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นหยิบผลไม้ที่ข้างเท้าลูกใหม่ขึ้นมาแทน  สตรอเบอร์รนี่สีสดหลายลูกถูกส่งมาให้เขาด้วยวิธีประหลาดจนแบคฮยอนรีบคว้าเอาไว้แทบไม่ทัน

     

    เตี้ยอย่างอนผมน้า~

     

    คำที่ถูกเขียนส่งมาทีละลูกๆเรียกรอยยิ้มบางๆให้ประดับบนใบหน้าสวยได้เป็นอย่างดี

     

    ...หรือนี่จะเป็นวิธีง้อแบบใหม่ของปาร์คชานยอล?

     

    ผมขอโทษนะครับคนดี

     

    ประโยคหวานเลี่ยนที่ถูกส่งมาเรื่อยๆทำเอาแบคฮยอนขนลุกไปทั้งตัว  คนตัวเล็กพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช

     

    “หายงอนนะครับ...”เสียงทุ้มที่เอ่ยกระซิบที่ข้างใบหูบางพาเอาร่างบางสะดุ้งโหยง  แบคฮยอนไม่รู้ว่าอีกคนมายืนอยู่ใกล้เขาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่ตอนนี้หัวใจของเขามันกลับเต้นโครมครามอย่างห้ามไม่อยู่แล้ว  ยิ่งรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ผ่านไปทั่วแผ่นหลังบางยิ่งพาเอาใบหน้าสวยขึ้นสีเรื่อด้วยความกระดากอายเข้าไปอีก

     

    เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ!

     

    เพราะตอนนี้บยอนแบคฮยอนไม่สามารถที่จะหุบยิ้มได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว...

     

    ปุก!

     

    ใบหน้าหล่อเหล่าแทบจะหงายไปด้านหลังเมื่อจู่ๆคนตัวเล็กที่เคยหันหลังให้เขาก็หันควับมา  เท่านั้นไม่พอมือเรียวยังจัดการปาสตรอเบอร์รี่สีสดใส่กลางหน้าเขาอย่างแรงจนหน้าหงาย!

     

    “โอ๊ย!”ชานยอลจำต้องยกมือกุมดั้งตัวเองเอาไว้เมื่อสัมผัสได้ถึงพายุสตรอเบอร์รี่ที่พากันกระหน่ำเข้ามาใส่หน้าเขาไม่ยั้ง

     

    “แบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่ออีกคนแผ่วเบาเสียจนแทบไม่ได้ยินเมื่อเห็นใบหน้าสวยที่กำลังจ้องมาที่เขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย

     

    “ฉันจะงอนที่นายเอาของโปรดฉันมาปาเล่นนี่แหละไอ้เสาไฟฟ้า!”เสียงหวานแหวขึ้นก่อนนิ้วเรียวจะจิ้มจึกๆไปที่หน้าผากของอีกคนด้วยความหมั่นไส้

     

    “นี่ไม่ได้งอนเหรอ?”ใบหน้าเหรอหราที่อีกคนส่งมาให้เขาทำให้แบคฮยอนอดที่จะแกล้งไม่ได้

     

    ...นานๆที  ขออีกหน่อยแล้วกันนะชานยอล...

     

    “งั้นงอนก็ได้...”พูดแล้วก็หมุนตัวกลับเตรียมเดินหนีทันที  แต่ก็ไม่ทันมือหนาของอีกคนที่คว้าตัวเขาเอาไว้ได้ก่อน

     

    “เฮ้ย!นี่มันกลางสวนนะปาร์คชานยอล!”แบคฮยอนโวยวาย  คนตัวเล็กก็เอาแต่ดิ้นพยายามให้หลุดออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายเพราะเขาสังเกตเห็นสายตาของคนอื่นๆที่เริ่มจ้องมองมาที่พวกเขาสองคนเป็นตาเดียวแล้ว

     

    “หลับตาก่อน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเบาๆที่ข้างหู

     

    “อะ...อะไรเล่า!”แต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้มีความคิดที่จะทำตามคำขอนั่นเลยแม้แต่น้อย

     

    “หลับตาก่อนแล้วฉันจะปล่อย...”อาจเป็นเพราะน้ำเสียงที่หนักแน่นของชานยอลก็ได้ที่ทำให้แบคฮยอนหยุดดิ้น  ดวงตาคู่สวยตวัดมองอีกคนก่อนจะจ้องลึกลงไปในนัยน์ตาสีนิลที่ไร้การสั่นไหวนั่น  เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงอย่างว่าง่าย  พร้อมกับแรงกอดรัดที่หายไป

     

    “แบคฮยอน...”น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อเขาทำให้แบคฮยอนค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ  ชายหนุ่มกำลังนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ตรงหน้าเขา

     

    “ฉันขอโทษ”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่นพร้อมกับมือหนาที่ยื่นช่อดอกลิลลี่สีขาวส่งมาให้เขา  ดวงตาคมของชานยอลจ้องมองขึ้นมาสบกับดวงตาคู่สวยของแบคฮยอน

     

    “ฉันขอโทษนะ...”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยซ้ำไปซ้ำมา  ยิ่งนึกถึงความผิดที่เคยทำไว้กับร่างบางตรงหน้าแล้วเขายิ่งเจ็บแปล๊บที่หน้าอกด้านซ้าย

     

    แบคฮยอนเสียใจเพราะเขามามากจริงๆ

     

    “ฉันขอโทษ...ขอโทษ...”ขอบตาของเขาร้อนผ่าว  ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นเล็กน้อยเพื่อซ่อนหยาดน้ำใสๆที่เริ่มกลั่นตัวขึ้นที่หน่วยตา

     

    “แบคฮยอน...ฉันขอโทษ...”แค่เพียงนึกถึงใบหน้าที่นองน้ำตาของคนตรงหน้าความเข้มแข็งที่เคยมีก็มลายหายไปจนหมด 

     

    “ช...ชานยอล!”เสียงหวานอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นหยาดน้ำใสๆค่อยๆไหลลงมาจากดวงตาคมของอีกคน

     

    “ฉันขอโทษ...”ชานยอลไม่ได้สนใจกับน้ำตาเพียงหยดเดียวที่ไหลออกมาเลยแม้แต่น้อย  ชายหนุ่มเอาแต่พร่ำเอ่ยคำขอโทษอีกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    “ฉันขอโท...!”คำขอโทษที่ตั้งใจจะเอ่ยออกมาเป็นอันต้องถูกกลืนหายลงไปในลำคอทันทีเมื่อคนตัวเล็กโถมตัวเข้ากอดเขาจนเสียหลักล้มลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้น

     

    “หยุดขอโทษซะทีไม่งั้นฉันจะงอนนายจริงๆแน่ปาร์คชานยอล!”แบคฮยอนตวาดลั่นแต่ไหล่บางนั่นกลับสั่นไหว  รอยยิ้มบางๆประดับบนใบหน้าหล่อเหลา  มือหนาบรรจงวางช่อดอกลิลลี่เล็กๆลงข้างตัวก่อนจะเอื้อมมาโอบกอดร่างบางตรงหน้าให้หายคิดถึง  กลิ่นกายหอมอ่อนๆประจำตัวของคนตัวเล็กที่เขาโหยหาทำให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งอก

     

    “ขอบคุณที่ให้โอกาสฉันครั้งแล้วครั้งเล่า...แบคฮยอน”ชานยอลกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีกหวังให้ความรู้สึกทั้งหมดส่งผ่านไปถึงอีกคน

     

    แบคฮยอนซุกหน้าลงกับไหล่แกร่งของชานยอล  คนตัวเล็กสะบัดหน้าถูไปมาอย่างออดอ้อนจนชานยอลอดที่จะกระชับกอดให้แน่นขึ้นไปอีกไม่ได้

     

    “...นี่จะฆ่าฉันเลยใช่มั๊ยเนี่ย!!!!”แบคฮยอนโวยวาย  แต่คนตัวเล้กก็ไม่ได้คิดจะผละออกจากอ้อมกอดแสนอบอุ่นนี่เลยแม้แต่น้อย

     

    “เออใช่!”จู่ๆฃานยอลก็โผล่งออกมา  มือหนาดันไหล่เล็กให้ร่างบางผละออกจากอ้อมกอดของตน  แบคฮยอนจ้องหน้าชานยอลงงๆก่อนจะต้องลุกตามแรงฉุดที่อีกคนดึงให้ลุกขึ้น  มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ต  ควานหาอะไรอยู่สักพักใบหน้าหล่อเหลาก็แย้มรอยยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้าสวยของอีกคน

     

    “...คบกับ...ไม่ใช่สิ...ฉันต้องเอาให้ชัดเจน”

     

    “เป็นแฟนกับฉันนะบยอนแบคฮยอน...”กล่องกัมหยี่สีน้ำเงินสวยถูกยื่นมาด้านหน้า  ฝาที่ถูกเปิดทิ้งไว้ของมันเผยให้เห็นแหวนสีเงินเกลี้ยงที่ร้อยเอาไว้กับสร้อยเส้นเล็กปรากฏแก่สายตา  แบคฮยอนจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนนิ่ง  ทั้งๆที่ภายในใจของเขากลับรู้สึกอุ่นวาบไปหมด  รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆเลือนหายไปเมื่อเห็นว่าปฏิกิริยาของอีกคนยังคงนิ่ง

     

    “...มาถึงขนาดนี้ไม่ต้องขอแล้วเว้ยไอ้เสาไฟฟ้า!”พูดจบก็โถมตัวเข้ากอดร่างสูงตรงหน้าอีกครั้ง  โชคดีที่ครั้งนี้ชานยอลไม่ได้เสียหลังล้มลงไปกองที่พื้นเพราะน้ำหนักตัวของอีกคน  แบคฮยอนผละออกมาจากอ้อมกอดของอีกคน  ปลายเท้าเล็กเขย่งขึ้นเพื่อให้ความสูงของเขาเข้าใกล้อีกคนมากขึ้นริมฝีปากอิ่มประกบเข้ากับกลีบปากได้รูปของอีกคนแผ่วเบาเพียงชั่วครู่ก็ผละออก

     

    “ก...อื้อ!”ริมฝีปากบางกำลังจะเอ่ยชวนกลับที่พัก  แต่เสียงหวานก็ถูกกลืนหายไปกับริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่มที่ประกบเข้ามาอีกครั้ง  มือหนากดท้ายทอยของอีกคนให้รสจูบของเขาแนบชิดมากขึ้น

     

    “พอแล้วเว้ย!”แบคฮยอนรีบผลักอีกคนออกให้ห่างตัวทันทีที่มีโอกาส  ใบหน้าสวยของคนตัวเล็กขึ้นสีแดงก่ำอย่างน่ารัก

     

    “พอแล้วแน่เหรอ? ไม่ได้จูบตั้งนานนะ”เสียงทุ้มพูดพลางหัวเราะกรุ้มกริ่มเรียกเอาหมัดหนักๆเข้าที่ต้นแขนจนต้องหลุดร้องโอ๊ยออกมาอย่างช่วยไม่ได้  แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ยังคงหัวเราะ

     

    “ขำอะไร! คุยกับนายแล้วประสาทจะเสีย!”แบคฮยอนโวยวายก่อนจะหมุนตัวกลับเพื่อเดินหนีแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออะไรบางอย่างถูกห้อยลงมาผ่านสายตาจากเหนือหัวของตน

     

    “...ฉันใส่ให้นะ”สิ้นเสียงมือหนาก็บรรจงคล้องสร้อยเงินเส้นเล็กไว้รอบลำคอระหงส์อย่างอ่อนโยน  สัมผัสความเย็นจากสร้อยคอและเกล้ดหิมะที่ยังคงโปรยปราบแผ่วเบาไม่ได้ทำให้แบคฮยอนรู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อย

     

    “ฉันบอกอีกทีเผื่อนายไม่รู้...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลงมือใส่สร้อยให้อีกคนเสร็จแล้ว  แขนแกร่งทั้งสองข้างก็เอื้อมออกมาโอบรอบเอวบางของคนตรงหน้าช้าๆ

     

     

     

    “ฉันรักนายนะแบคฮยอน...”

     

     

     

    “อือ...ฉันก็รักนายปาร์คชานยอล...”

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “โชคดีแค่ไหนแล้วที่พ่อฉันไม่ยิงนายตายคาบ้านน่ะ”เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างติดตลกขณะที่กำลังรอรับสัมภาระอยู่ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้า

     

    “เพราะพ่อนายรู้ว่านายขาดฉันไม่ได้น่ะสิ...”เสียงทุ้มเอ่ยหยอกล้ออีกคนเรียกค้อนวงโตกลับมาได้เป็นอย่างดี

     

    “เฮอะ! หลงตัวเองเกินไปรึเปล่า?”คนตัวเล็กหันไปส่งรอยยิ้มยียวนให้คนข้างๆก่อนจะยักคิ้วท้าทายให้อีกทีเป็นอันครบสูตร

     

    “ฉันจะหลงตัวเองทำไม...ในเมื่อมีคนอื่นให้หลงอยู่แล้วนี่...”พูดจบใบหน้าหล่อเหลาก็ยื่นเข้ามาจนจมูกโด่งได้รูปแตะเบาๆที่ปลายจมูกโด่งรั้นของคนตัวเล็ก  แบคฮยอนจัดการเตะหน้าแข้งคนปล่อยมุกเสี่ยวออกมาแรงๆทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้  ถึงจะโดนทำร้ายร่างกายไม่เบานัก  แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ปาร์คชานยอลถึงได้หัวเราะ...

     

    “ได้ทีแล้วเสี่ยวใหญ่นะเดี่ยวนี้...เก็บมุกนี้ไว้ใช้กับสาวๆในสต็อคนายเถอะ!”เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนจะผลักไหล่อีกคนไปอีกทีด้วยความหมั่นไส้

     

    “กลับบ้านกันเถอะ...ไม่งั้นฉันถูกพ่อนายเป่าจริงๆแน่...”ชานยอลจัดการลากกระเป๋าเดินทางของอีกคนที่เจ้าตัวดูจะไม่ได้สนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย  ใช่สิ...ก็บยอนแบคฮยอนน่ะมีคนรับใช้ส่วนตัวแล้วนี่!

     

    ...ไว้คืนนี้จะคิดค่าบริการให้เต็มทีเลยคอยดูเถอะ!

     

     

    ใช้เวลาไม่นานรถแท็กซี่ก็พาพวกเขามาส่งที่บ้านของแบคฮยอน  ชานยอลปล่อยหน้าที่ขนกระเป๋าให้เป็นของคนรับใช้ตัวจริง  ส่วนเขาก็เดินตามคนตัวเล็กที่เดินลิ่วๆเข้าไปก่อนแล้วไป  มือหนาของชายหนุ่มคว้าข้อมือบางเอาไว้เพื่อให้อีกคนเดินเข้าไปพร้อมกันกับเขา  แบคฮยอนหันมาเลิกคิ้วใส่เขาเป็นเชิงสงสัย

     

    “ฉันอยากเดินข้างๆนาย...”มันเหมือนเป็นเพียงประโยคธรรมดา แต่เพราะดวงตาคู่คมที่จ้องมองมาที่เขานิ่งอย่างหนักแน่นมันจึงทำให้ใบหน้าสวยซับสีเรื่อ

     

    “ฉันจับมือนายได้มั๊ย”ได้รับการพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ  มือหนาก็เลื่อนลงไปกอบกุมมือเรียวบางนั่นไว้อย่างแผ่วเบา  นิ้วยาวสอดประสานเข้ากับเรียวนิ้วสวยแนบแน่นจนอุณหภูมิของร่างกายถูกส่งผ่านไปมาหากันพร้อมกับความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใจ

     

    ...ในที่สุด...

     

    มือบางนี่ก็เป็นของเขา...และจะเป็นของเขาตลอดไปนับแต่นี้เป็นต้นไป...

     

    ดวงตาคมจับจ้องไปยังใบหน้าสวยของอีกคน  แบคฮยอนเองก็เช่นกัน  ทั้งสองคนสบตากันนิ่ง...ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่พาให้ใบหน้าของคนทั้งคู่ค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ  ปลายจมูกสัมผัสกันแผ่วเบา  ก่อนที่จะ...

     

     

     

     

    “...ฉันให้นายเหยียบเข้ามาในบ้านได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้มาทำรุ่มร่ามกับลูกชายฉันแบบนี้นะไอ้หนุ่ม”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     TBC.
    TALK. เฮฮฮฮฮฮฮฮฮ! เดินทางมาจนถึงตอน20แล้ว  ไม่น่าเชื่อ  ฮรึกส์ #ซับน้ำตา  เพชรต้องขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ติดตามเรื่องนี้มาจนถึงวันนี้ ฮืออออออออ ซึ้งจุงเบย  อีกสองตอนเรื่องนี้ก็จะจบแล้วค่ะ  ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันที่เพชรได้รวมเล่มหนังสือเป็นของตัวเองสักที *0* ว่าแล้วก็ใจหาย เหมือนเพิ่งผ่านไปแป๊บเดียวเองตอนวางพล๊อตเรื่องนี้ ฮรืออออออ จะปีแล้วนะ TT พอละ เลิกน้ำตาท่วมดีกว่า 5555555

    คนที่สนใจฟิคยังสั่งได้อยู่นะคะ  แล้วก็มาย้ำอีกทีว่า เปิดโอนเงินวันที่ 1 มีนานะคะ เพราะฉะนั้นยังไม่ต้องรีบ *0* 555555555  ตอนต่อไปจะเปลี่ยนพระเอกเป็นคุณพ่อบยอนแทนนะคะ 555555555 #ล้อเล่น เผลอๆจะเด่นกว่าพ่อพระเอกเราอีก กิกิ  ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอด ไม่ว่าจะเม้นหรือไม่เม้น  มีไอดีหรือไม่มี  แต่ยังไงทุกคนก็อ่านเรื่องนี้อยู่ดี  แค่นี้ก็ซึ้งแล้ว  ตอนแรกไม่คิดว่าจะมีคนอ่านเยอะขนาดนี้เลยค่ะจริงๆ  ว่าแล้วก็จะร้อง 555555555555  รักนักอ่านทุกคนนะคะ  มีอะไรก็เมนชั่นไปได้เลยนะคะ  ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ บ๊ายบายยยยย *0*

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×