ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Play Boy's GAME (Chanyeol x Baekhyun) | END.

    ลำดับตอนที่ #23 : CHAPTER 19

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.35K
      13
      14 ก.พ. 56

    CHAPTER 19
    14.2.13
     

     

     

     

     

     

    ท่ามกลางสนามบินที่กำลังคลาคล่ำไปด้วยผู้คน  ขาเรียวภายใต้กางเกงยีนส์เข้ารูปกำลังก้าวช้าๆไปที่ทางออก  ดวงตาคู่สวยใต้แว่นกันแดดก็สอดส่องไปทั่วเพื่อมองหาบุคคลที่มารับตน

     

    “พี่แน่ใจเหรอครับว่าเขารออยู่แถวนี้”เสียงถามจากรุ่นน้องผิวเข้มที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยเรียกให้คนตัวเล็กในเสื้อโอเวอร์โค้ตตัวใหญ่ต้องหันกลับไปให้ความสนใจ

     

    “พ่อบอกว่าแถวนี้แต่ฉันก็ไม่ค่อยแน่ะใจเท่าไหร่...”

     

    Rrrrrrrrrrr

     

    เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูที่แผดเสียงลั่นเรียกให้แบคฮยอนต้องหันไปให้ความสนใจ  เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นตาจึงเรียกเอาคิ้วเรียวให้ขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ

     

    “ครับ”

     

    (mr.baekhyun right?)  เสียงปลายสายที่ตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษเรียกให้แบคฮยอนคลายความสงสัยลงได้โข

     

    “ครับ...คุณโทมัสใช่มั๊ยครับ”เสียงหวานกรอกลงไปตามสายด้วยภาษาอังกฤษ  เขารู้สึกขอบคุณตัวเองที่ถึงจะเรียนไม่เก่งแต่ก็พอได้ภาษาอังกฤษบ้างแหละนะ

     

    (ครับผมเอง โทมัส เคน ครับ...ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับเดี๋ยวผมจะเดินไปรับ...) แบคฮยอนสอดส่องมองหาจุดเด่นของบริเวณที่เขาอยู่ก่อนจะเอ่ยตอบไป

     

    “อยู่หน้าสตาร์บัคส์ครับ”

     

    (โอเคครับ...งั้นรอผมสักครู่นะครับ  อีกไม่เกินห้านาทีผมจะไปถึงครับ)

     

    “ขอบคุณครับ”แบคฮยอนเอ่ยตอบอย่างคล่องแคล่วจนคนที่มาด้วยอีกคนได้แต่มองตาปริบๆอย่างอึ้งๆ

     

    “มีอะไรจงอิน”แบคฮยอนเอ่ยถามพร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้ใบหน้าเหวอๆของรุ่นน้องอย่างขบขัน

     

    “อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเพิ่งรู้ว่าพี่เก่งภาษาอังกฤษก็วันนี้แหละ...”เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจก่อนจะส่งสายตาวิบวับอย่างชื่นชม

     

    “นี่นายชมหรือด่าห๊ะ!”แบคฮยอนผลักหัวรุ่นน้องแรงๆด้วยความหมั่นไส้จนเด็กหนุ่มได้แต่ส่งยิ้มหวานๆมาออดอ้อน

     

    “...ว่าแต่  ปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอครับ?”ยิ่งเห็นว่าคนตัวเล็กยิ้มน้อยจนนับครั้งได้คิมจงอินก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

     

    “นายหมายถึงอะไรล่ะ...”แบคฮยอนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

     

    “ก็ทิ้งชานยอลมาโดยไม่บอกแบบนี้...จะดีแน่เหรอครับ”สิ้นคำขยายความที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงจริงจังจากอีกคนแบคฮยอนก็ได้แต่นิ่งคิด

     

    “ดีแล้ว...ให้โอกาสบ่อยๆก็เสียนิสัยหมด...”พูดจบก็หันหน้าหนีไปอีกทางอย่างต้องการตัดบทสนทนาทันทีทำเอารุ่นน้องผิวเข้มได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างปลงๆกับความดื้อของคนตัวเล็กตรงหน้า

     

     

     

    ...โอกาสไม่ได้มีให้ตลอดหรอกนะปาร์คชานยอล...

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “เลิกยุ่งกับแบคฮยอนซะ”

     

    “ครับ?”เสียงทุ้มเอ่ยย้ำอีกครั้งเพื่อต้องการให้อีกคนทวนคำพูดเมือ่ครู่

     

    “ฉันขอสั่งให้นายออกไปจากชีวิตของแบคฮยอนซะ”ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยย้ำอีกครั้ง

     

     

     

    “ไม่ครับ”เสียงทุ้มที่เอ่ยตอบขึ้นมาทันทีอย่างมั่นใจเรียกเอาคิ้วเข้มของเจ้าของบ้านขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ

     

    “ฉันจะให้โอกาสนายพูดอีกทีไอ้หนุ่ม”กระบอกปืนสีดำสนิทถูกยกขึ้นมาจ่อที่ใบหน้าหล่อเหลาของชานยอล  ดวงตาคมจ้องตรงไปยังดวงตากร้านโลกของผู้สูงวัยกว่าอย่างไม่คิดหลบหลีก

     

    “ต่อให้ยิงผมตรงนี้ผมก็ยังยืนยันคำเดิม..”

     

    “ไม่ครับ”

     

    กระบอกปืนพุ่งเข้ามาจ่อที่หน้าผากของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว  ถึงจะตกใจแต่ชานยอลก็ยังไม่ละสายตาออกจากดวงตาดุดันคู่นั้น

     

    ...เขาได้แต่หวังว่าความรู้สึกที่เขามีต่อแบคฮยอนตอนนี้มันจะทำให้อีกคนเข้าใจและยอมให้เขาเจอกับแบคฮยอนเสียที

     

    “ฮึ!  อย่าดีแต่ปากล่ะไอ้หนุ่ม”เจ้าบ้านลดปืนลงก่อนจะยื่นส่งคืนให้กับลูกน้อง  เขาเดินกลับไปนั่งที่โซฟาอย่างเดิมด้วยท่วงท่าสบาย  ชานยอลลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

     

    ...โชคดีที่พ่อบยอนไม่เอาจริง  ไม่อย่างนั้นล่ะก็...

     

    ...เละ...

     

    “บอกธุระของนายมาได้แล้ว”เมื่อเห็นผู้สูงวัยเปิดโอกาสให้เขาแล้วชานยอลก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

     

    “ผมขอพบแบคฮยอนได้มั๊ยครับ”ชานยอลเอ่ยตอบเสียงร่าเริงจนคนเป็นว่าที่พ่อตาถึงกับหมั่นไส้ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนจะเอ่ยตอบเสียงแข็ง

     

    “ไม่ได้”

     

    “ทำไมครับ”ได้ยินคำปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยชานยอลก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความสงสัย

     

    “เพราะแบคฮยอนไปแคนาดาแล้ว...”สิ้นประโยคของผู้เป็นพ่อราวกับว่าลมายใจของเขาติดขัด  คำพูดประหลาดๆของคนตัวเล็กที่ได้คุยกันผ่านโทรศัพท์เมื่อวานไหลย้อนเข้ามาอีกครั้งราวกับกรอเทปซ้ำ

     

    ...หรือที่ชวนเขามาทานข้าวมันคือการชวนก่อนที่จะไปแคนาดา...

     

    “นายจะเอายังไง?”เสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นอาการตึงเครียดของชายหนุ่มตรงหน้า...

     

    ...หากให้เขาเดาล่ะก็  คนตรงหน้าคงไม่รู้เรื่องที่ลูกชายของเขาต้องไปแคนดา...

     

    “ฉันมีข้อเสนอให้นาย...”ชานยอลเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงช้าๆ  ดวงตาคมกร้านโลกจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างครุ่นคิด

     

    “ฉันให้เวลานายหนึ่งอาทิตย์...พาลูกชายฉันกลับมาพร้อมกับความสุข...”

     

    ...ถึงจะห่วงจะหวงแค่ไหนแต่ความสุขของลูกก็สำคัญที่สุดเสมอ...

     

    “ถ้าทำสำเร็จฉันจะอนุญาตให้นายเหยียบเข้าบ้านหลังนี้ได้...แต่ถ้าไม่ได้...”

     

    “หัวนายจะเป็นรูด้วยปืนของฉัน...”

     

    “แต่ถ้าไม่ก็ออกไปจากชีวิตลูกชายฉัน...”ดวงตาที่จ้องมองมาที่เขานิ่งมันทำให้ชานยอลมั่นใจว่าอีกคนเอาจริง

     

    ...เขาจะเสียแบคฮยอนไปอีกไม่ได้...ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม...

     

    “เข้าใจแล้วครับ...ผมจะรับข้อเสนอ...”

     

     

     

     

     

    “แบคฮยอนจะต้องกลับมาที่นี่ด้วยรอยยิ้มแน่นอนครับ!

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    เด็กหนุ่มกำลังวุ่นวายกับการใส่ชุดพิธีรีตองที่ไม่คุ้ยชิน  มือหนาก็พันกันวุ่นไปหมดเพราะไอ้เจ้าเนคไทที่ดูเหมือนจะผูกกี่ทีๆก็ยุ่งเหยิงอยู่ดี  ดวงตาคมหันไปมองร่างบางของพี่ชายคนสนิทช้าๆ  มือบางคู่นั้นตวัดผูกเนคไทอย่างเชี่ยวชาญ  แบคฮยอนจ้องมองตัวเองในกระจกเพียงชั่วครู่ก่อนจะจัดการชุดสูทสีเทาของตัวเองให้เข้าที่

     

    “จงอิน...นายทำอะไรน่ะ”เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นอดที่จะขำไม่ได้เมื่อเห็นสภาพยุ่งเหยิงของรุ่นน้องผิวเข้ม  คนที่เด็กกว่าก็ได้แต่เบะปากอย่างงอนๆทั้งๆที่มันไม่ได้ช่วยให้น่ารักขึ้นเลยสักนิดก็ตาม

     

    “ก็ผมไม่เคยใส่อะไรแบบนี้นี่ครับ...”บ่นอุบอิบๆ

     

    “มานี่มา...เดี๋ยวฉันผูกให้...”แบคฮยอนเดินเข้ามาหาร่างสูงที่กำลังเงอะๆงะๆกับเนคไทช้าๆ  มือเรียวคว้าเอาไทออกจากคอของอีกคนเพื่อเอาออกมาแก้ปมให้เรียบร้อย  แขนเรียวโอบผ่านรอบลำคอแกร่งเพื่อให้ไทได้คล้องรอบคอ  ใช้เวลาไม่นานมากนักเนคไทสีน้ำเงินก็ถูกผูกอย่างสวยงาม  ริมฝีปากอิ่มอมยิ้มตลอดเวลาที่มือเรียวค่อยจับนู่นจับนี่เพื่อจัดระเบียบให้เด็กหนุ่มตรงหน้า

     

    “อ่ะ! เสร็จละ!”ตบปกเสื้ออีกคนไปสองสามทีอย่างภาคภูมิใจ

     

    “ข...ขอบคุณครับ...”จงอินเอ่ยของคุณตะกุกตะกัก  ยิ่งได้ใกล้อีกคนขนาดนี้มันยิ่งพาเอาสติของเขาเปิดเปิงไปหมด  กลิ่นกายหอมหวานและฝ่ามือนุ่มที่สัมผัสคอของเขามันช่างยากที่จะห้ามใจ

     

    “ไปเร็วจงอิน”แบคฮยอนตะโกนเรียกอีกคนให้รีบๆเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเอาแต่ยืนนิ่ง

     

    ใช้เวลาไม่นานนักรถคันหรูที่มารับพวกเขาก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึกสูงซึ่งเป็นบริษัทของเขา  แบคฮยอนกวาดสายตาไปทั่ว  คนตัวเล็กอดที่จะตื่นตาตื่นใจกับดีไซน์สุดทันสมัยของอาคารแห่งนี้ไม่ได้

     

    ร่างบางสมส่วนแบบคนเอเชียของแขกคนสำคัญที่ก้าวเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยดึงดูดสายตาของทุกคนได้เป็นอย่างดี  จงอินเดินเข้าไปใกล้คนตัวเล็กมากขึ้นไปอีกเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตามากมายที่จับจ้องมายังร่างบางตรงหน้าตน

     

    ...อยู่ที่เกาหลีแบคฮยอนก็ตัวเล็กมากแล้ว...

     

    ...ยิ่งมาอยู่กับชาวต่างชาติแบบนี้แล้วยิ่งตัวเล็กลงไปใหญ่...

     

    ...เล็กกว่าผู้หญิงหลายๆคนเสียอีก...

     

    “ฉันไม่ชอบเลย...”แบคฮยอนเดินให้ช้าลงเพื่อเคลื่อนกายเข้ามากระซิบกับรุ่นน้องผิวเข้มคนนี้

     

    “ไม่ชอบอะไรครับ”

     

    “ก็ดูสิ...มีแต่คนสูงเกินไปทั้งนั้น...”พูดแล้วก็เบะปากออกมาอย่างน่ารักเสียจนจนอินอยากจะเอื้อมมือไปดึงเล่นจริงๆ

     

    “พี่ตัวเล็กเกินไปต่างหาก...”คนอายุน้อยกว่าเอ่ยแก้อย่างล้อเลียนเรียกเอาแขนเรียวง้างขึ้นเตรียมซัดอย่างแรงแต่แบคฮยอนก็สำนึกได้ว่าเขาควรจะต้องวางมาดเสียหน่อย จึงทำได้แค่ส่งสายตาจิกกัดไปให้รุ่นน้องผิวเข้มเท่านั้น

     

    “สวัสดีครับ”ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยทักอย่างสุภาพทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานหรูที่ชั้นบนสุดของตึก

     

    “สวัสดีครับ”แบคฮยอนเองก็ก้มหัวทักทายอีกฝ่ายอย่างมีมารยาทเช่นกัน  เมื่อเห็นคนอายุมากกว่าทำความเคารพ  เด็กหนุ่มคิมจงอินก็ก้มหัวทำความเคารพอย่างเก้ๆกังๆเช่นกัน

     

    “ผมดีรอยครับ...ดีรอย แม็กซิมิลลัส...”ชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นเอ่ยแนะนำตัว  มือหนาของเขาก็ยื่นออกมาด้านหน้าเพื่อเป็นการทักทายตามแบบฉบับ

     

    “สวัสดีครับ...ผมบยอน แบคฮยอนครับ...”เสียงหวานเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาทเช่นกัน  มือบางก็เอื้อมไปจับมือหนานั้นเพื่อเป็นการทักทาย

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณแบคฮยอน...”รอยยิ้มจริงใจถูกส่งมาให้จากชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองผู้มีนัยน์ตาสีฟ้าตรงหน้าเขา

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ...ที่จริงแล้วเรียกแบคฮยอนเฉยๆก็ได้ครับ”เสียงหวานเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มการค้าของตนไปให้  มือบางก็พยายามที่จะเลื่อนมือออกจากการกอบกุมของอีกฝ่าย  แต่ก็เอาไม่ออกเสียที...

     

    “ตัวจริงคุณดูดีกว่าที่ผมคาดไว้เสียอีกนะครับแบคฮยอน...”แต่อีกคนก็ดูจะไม่ได้รู้สึกรู้สาเลยว่าแบคฮยอนพยายามชักมือกลับมากขนาดไหน  เพราะชายหนุ่มกลับเอาแต่ส่งยิ้มแผล่มาให้อย่างน่าหมั่นไส้

     

    “ขอบคุณครับ...”แบคฮยอนได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้  มือบางก็ยังคงไม่ละความพยายามที่จะชักมือออกมาจากการกอบกุมนั่น

     

    “สวัสดีครับ...ผมคิม จงอินครับ...เป็นตัวแทนจากเครืออู่ครับ...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมือที่ยื่นออกมาเรียกให้เจ้าของมือหนานั่นต้องละออกจากมือบางของผู้บริหารคนสำคัญอย่างเสียไม่ได้

     

    “สวัสดีครับ...”ดีรอยเอ่ยทักทายอย่างสุภาพพร้อมกับมือหนาที่เอื้อมไปจับทักทายเจ้าของชื่อจงอินเพียงชั่วครู่ก็ละออก  เรียกเอาคิ้วเข้มของคิมจงอินกระตุกยิกๆ

     

    ...เจตนาชัดเจนไปหน่อยนะเพื่อน...

     

    “ถ้าอย่างนั้นอีกสักครู่ผมจะพาเดินชมบริษัทนะครับ...เชิญครับ...”ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสวยผายมือให้เป็นการเชิญ  แบคฮยอนส่งยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะก้มหัวเป็นการขอบคุณก่อนจะหันไปส่งสายตากับคิมจงอินเป็นอันรู้กัน

     

    ไอ้หมอนี่มันกำลังขายหม้อให้บยอนแบคฮยอน!...

     

    แบคฮยอนเดินตามหลังคนที่อาสาจะเป็นไกด์พาทัวร์บริษัทอยู่ห่างๆโดยมีคิมจงอินเดินขั้นระหว่างเขาและคนหน้าสุดเป็นไม้กันหมาชั้นดี

     

    “ด้านล่างตรงนั้นเป็นล๊อบบี้นะครับ...หากมีอะไรก็ติดต่อได้...”

     

    “ห้ามเข้าครับ!”ยังไม่ทันที่ดีรอยจะแนะนำได้เสร็จเสียงโหวกเหวกโวยวายจากโถงล่างที่ได้ยินแว่วๆเรียกความสนใจของพวกเขาไปได้จนหมด  พนักงานรักษาความปลอดภัยสองสามคนกำลังกรูกันเข้าไปรุมจับชายหนุ่มคนหนึ่งที่พยายามจะเดินเข้ามาด้านในอย่างเอาเป็นเอาตาย  แต่ดูเหมือนจะเป็นไปได้อย่างยากลำบากเพราะผู้ที่บุกรุกเข้ามาดูจะมีแรงเยอะเหลือเกิน

     

    “เอ่อ...เชิญชมทางด้านนี้ต่อก่อนดีกว่าครับ...”ดีรอยเอ่ยเชิญก่อนมือหนาจะดันแผ่นกลังบางของแขกคนสำคัญให้เดินไปชมส่วนอื่นต่อและเลือกที่จะไม่สนใจเหตุการชุนลมุนที่ด้านล่าง  แบคฮยอนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนมือที่สัมผัสแผ่นหลังของตนอยู่ออกไปให้ห่างๆ

     

    “แบคฮยอน!”แต่แล้วเสียงทุ้มแสนคุ้นเคยที่ตะโกนเรียกมาไม่ไกลพาเอาขาเรียวที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดชะงัก

     

    ...ชานยอล?...

     

    แบคฮยอนสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้นซ่านออกไปจากความคิด  ก่อนที่จะต้องมองหาเจ้าของเสียงขาเรียวก็ออกเดินตามชายหนุ่มผมทองตรงหน้าไปทันที

     

    ...ชานยอลจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?...

     

    ...นี่เขาคิดถึงจนเป็นบ้าไปแล้วรึไง?!

     

    บ้าจริง!!!

     

    แผ่นหลังบางของคนเป็นพี่เดินไปแล้วแต่ขายาวของคิมจงอินยังคงไม่ก้าวออกไปไหน  น้ำเสียงที่คุ้นเคยนั่นเขาคิดว่าแบคฮยอนคงจะได้ยินแต่ไม่อยากจะเชื่อมากกว่า...

     

    ...แต่เขาก็ได้ยินเช่นกัน...

     

    “แบคฮยอน...เดี๋ยวก่อน!”น้ำเสียงทุ้มน่าฟังเช่นเดิมที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้คิมจงอินมั่นใจ...

     

    ...เป็นเสียงของปาร์คชานยอลไม่ผิดแน่นอน!...

     

     

     

     

    ในที่สุดแรงคนเดียวก็ไม่สามารถสู้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยร่างใหญ่ทั้งสามคนได้  ชายหนุ่มถึงถูกจับโยนออกมานอกบริษัทจนได้  ชานยอลสบัดหิมะที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของตนออกก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างคิดหนัก

     

    การที่โดนไล่ออกมาน่ะไม่เท่าไหร่หรอก...

     

    ...แต่ที่เรียกแล้วคนตัวเล็กไม่รับรู้นั่นแหละที่พาให้ท้อแท้...

     

    ...ไม่รู้ว่าไม่ได้ยิน...

     

    ...หรือไม่อยากได้ยินกันแน่...

     

    คิดได้แบบนั้นความท้อแท้ที่มีมาอยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีก  คำพูดที่บอกว่านั่นเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วมันยิ่งตอกย้ำให้ชานยอลรู้สึกปวดหนึบไปหมด...

     

    “ปาร์คชานยอล”เสียงที่เอ่ยขึ้นด้วยสำเนียงเกาหลีที่หาได้ยากในต่างประเทศแบบนี้เรียกให้คนที่กำลังจิตตกอยู่ต้อเงยหน้าขึ้นมาให้ความสนใจ

     

    “ไค...”รุ่นน้องชมรมบาสที่ไม่ค่อยจะได้ญาติดีกันเท่าไหร่กำลังยืนส่งยิ้มยียวนมาให้เขาเรียกเอาคนตัวสูงกว่าเล็กน้อยอดที่จะเก๊กหล่อข่มไว้แทบไม่ทัน

     

    ...ถึงแม้สภาพตอนนี้จะเทียบกันไม่ได้ก็เถอะ...

     

    “นายมาทำอะไรที่นี่?”ปาร์คชานยอลเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจเรียกมุมปากได้รูปของใครอีกคนให้กระดกขึ้นเล็กน้อยอย่างผู้เหนือกว่าไม่ได้

     

    “ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามว่านายมาทำอะไร...”เด็กหนุ่มนามคิมจงอินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบอย่างเหนือกว่า

     

    “นายต้องการอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเริ่มหงุดหงิด อันที่จริงก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้าอะไรกันขนาดนั้นหรอก  แต่เพราะท่าทางเหมือนอยู่เหนือเขาแบบนั้นมันทำให้ชานยอลอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้

     

    “เปล่า...ก็เห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆมาทำหน้าหมาหงอยแล้วมันอดสมเพชไม่ได้ เลยคิดว่าจะมาช่วยซะหน่อย...”คนอายุน้อยกว่าลอยหน้าลอยตาพูดอย่างหน้าหมั่นไส้  เพราะคิมจงอินที่ยืนอยู่บนสุดของบันไดแต่ชานยอลอยู่ล่างสุดมันทำให้ดวงตาคมคู่นั้นต้องมองต่ำลงมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

    ...ก็รู้....

     

    ...แต่ปาร์คชานยอลก็รู้สึกว่ากำลังถูกกวนประสาท!

     

    “...แต่เห็นส่งสายตาเชือดเฉือนได้ขนาดนี้ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...สงสัยว่านายคงหาทางเข้าไปได้เองนั่นแหละ...”พูดแล้วก็ทำท่าจะหมุนตัวกลับเพื่อเดินจากไปจริงๆ  แต่แล้วขายาวของเด็กหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อมีเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกจากด้านหลัง

     

    “เดี๋ยว!”จงอินค่อยๆหมุนตัวกลับมามองตามเสียง

     

    “บอกวิธีเข้าไปมาให้ฉัน”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    แบคฮยอนกำลังนั่งอยู่ภายในห้องประชุมใหญ่ด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  เสียงแนะนำงานและอื่นๆอีกมากมายที่ดังขึ้นจากเหล่าผู้บริหารที่กำลังพูดอยู่นั้นไม่ได้เข้าหูเขาเลยแม้แต่น้อย  กลับมีเพียงเสียงของใครบางคนที่ดังก้องอยู่ภายใน...ทั้งๆที่อยากจะสะบัดมันทิ้งออกไปเท่าไหร่ก็เถอะ

     

    ...แบคฮยอน...

     

    เสียงตะโกนเรียกชื่อเขาเมื่อก่อนหน้านี้มันยังคงดังก้องอยู่ตลอดเวลา  คล้าย...

     

    คล้ายเหลือเกินกับใครอีกคนที่เขาจากมาโดยไม่ได้บอกก่อน...

     

    ถึงแม้ตอนนั้น...ตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายยกเลิกนัดเขาจะโกรธ...ทั้งโกรธ น้อยใจ  เสียใจ...

     

    แต่ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นกลับเบาบางลงอย่างไม่น่าเชื่อ...

     

    ถ้าจะให้พูด...ตอนนี้เขาไม่ได้โกรธชานยอลเลยแม้แต่น้อย

     

    ก็แค่.....

     

    งอน?

     

    คิดแล้วก็อยากจะเตะตัวเองให้ตายจริงๆ  ทำเป็นฟอร์มจัดดราม่าแล้วหนีเขามาโดยไม่บอก...นี่คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรี่ย์เกาหลีหรือไงบยอนแบคฮยอน! คิดว่าชานยอลมันจะตามมาง้อถึงแคนาดานี่รึไง?  จะได้กลับเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ 

     

    โธ่เอ๊ยไอ้ลูกหมาหน้าโง่แบคฮยอน!

     

    “แบคฮยอน...”

     

    “แบคฮยอนครับ”เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากข้างกายเรียกเอาสติที่ลอยออกไปไกลของแบคฮยอนให้กลับมาอยู่ที่ร่างอีกครั้ง

     

    “อ...ครับ...”เสียงหวานหันไปขานรับอีกคนเบาๆ

     

    “เป็นอะไรรึเปล่าครับ...ถ้าไม่สบายจะกลับไปพักก่อนก็ได้นะครับ...เดี๋ยวผมไปส่ง...”ดีรอยเอ่ยด้วยความหวังดีก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้แบคฮยอนอย่างเอาอกเอาใจ

     

    “ไม่เป็นไรครับ...ได้ทานโกโก้สักแก้วก็น่าจะหาย...”แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะขยับเก้าอี้หนีให้ออกมาห่างจากอีกฝ่าย

     

    “ขอโกโก้ร้อนแก้วหนึ่งครับ...”เสียงหวานหันไปเอ่ยสั่งกับแม่บ้านที่ยืนอยู่ด้านนอกก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาเพื่อตั้งใจอยู่กับงานให้มากกว่านี้...

     

    ...ตอนนี้เขาควรจะโฟกัสอยู่ที่งานมากกว่าเรื่องส่วนตัว...

     

    ...เข้าใจมั๊ยบยอนแบคฮยอน!

     

    ไม่นานนักเครื่องดื่มร้อนๆที่เขาสั่งไว้ก่อนหน้านี้ก็ถูกยกมาเสริฟ  แบคฮยอนเอ่ยขอบคุณทั้งๆที่ไม่ได้หันไปมองเพราะตอนนี้ดวงตาคู่สวยกำลังจับจ้องไปที่โน๊ตบุ๊คเบื้องหน้าตน  เสียงบรรยายยังคงดังมาเรื่อยๆจนเขาต้องคอยจับใจความให้ทัน

     

    มือเรียวเอื้อมไปหยิบแก้วโกโก้ที่อยู่ไม่ไกลนักเพื่อจะยกขึ้นมาจิบให้ร่างกายอุ่นขึ้น  แต่แล้วมือเรียวก็ต้องชะงักก่อนที่จะถึงแก้วนั้นเมื่อดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ถูกวางทับไว้ด้วยแก้วแทนที่รองแก้ว

     

    งอนฉันเหรอ?

     

    ภาษาเกาหลีที่ถูกเขียนลงมาอย่างรีบๆทำให้แบคฮยอนรู้สึกแปลกใจ  ทำไมเขาถึงคิดว่ามันคือลายมือของปาร์คชานยอลนะ...

     

    บ้าน่า!

     

    ต้องมีคนแกล้งเขาแน่!  ดวงตาคู่สวยตะวัดไปมองคนข้างๆทันที  ซึ่งก็ได้ใบหน้าเหรอหราของดีรอยกลับมาเป็นคำตอบ

     

    ปาร์คชานยอลจะมาอยู่ที่นี่ได้ยัไง!

     

    ถึงแม้ว่าจะคิดแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไมดวงตาจึงเอาแต่มองไปรอบๆหวังที่จะเจอเจ้าของลายมือที่เขาแน่ใจได้ยังไงก็ไม่ทราบว่ามันคือคนที่อยู่ในห้วงคำนึง

     

    แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบเพียงแค่แม่บ้านมากมายที่ยืนอยู่นอกห้องประชุมเพื่อรอรับคำสั่งเท่านั้น  ดวงตาสวยจึงเบือนลงมาจ้องมองกระดาษเล็กๆแผ่นนั้นอย่างตั้งความหวัง

     

    ...นายอยู่ที่นี่ใช่มั๊ยปาร์ค ชานยอล...

     

     

     

    การประชุมอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรกของเขาในฐานะผู้บริหารจบลงไปโดยที่แบคฮยอนไม่ค่อยมีอะไรอยู่ในสมองเท่าไหร่  เพราะไอ้เจ้ากระดาษใบเล็กๆนั่นที่มันทำให้เขาฟุ้งซ่านไปทั่วนั่นแหละ

     

    มือเรียวยกขึ้นเสยผมที่หล่นลงมาปิดใบหน้าด้วยความรำคาญใจ  แบคฮยอนจ้องมองกองเอกสารเบื้องหน้าตนอย่างเบื่อหน่าย  นี่ขนาดเพิ่งเข้ามาทำงานวันแรกนะ งานนี่กองเป็นภูเขาเชียว!

     

    “คะ?”เสียงตอบรับจากเลขาสาวหน้าห้องที่ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ด้วยฝีมือของตนทำให้แบคฮยอนต้องรีบเอ่ยธุระของตนทันทีเพราะความเกรงใจ

     

    “สเตฟานี่ครับ...ผมขอโกโก้ร้อนๆสักแก้วได้มั๊ยครับ”

     

    “ได้ค่ะคุณแบคฮยอน...เดี๋ยวดิฉันจะให้สาวใช้ยกเข้าไปให้นะคะ”แบคฮยอนตอบรับก่อนจะเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างเบื่อหน่าย  เพราะอะไรกันนะเขาถึงคิดว่าที่นี่มันช่างไร้สีสันเหลือเกิน

     

    ...ทั้งๆที่มีผู้คนรุมล้อมและเข้ามาพูดคุยับเขาไม่ขาดสาย...

     

    ...แต่ทำไมยังรู้สึกเหงา..

     

    ...หรือเพราะ...

     

    แบคฮยอนสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาอ่านเอกสารบนโต๊ะต่อทันที

     

    ไม่นานนักโกโก้ร้อนๆที่เขาขอไว้ก็ถูกยกเข้ามาเสริฟ  แบคฮยอนพยักหน้าให้หนี่งทีแทนการขอบคุณโดยที่ไม่ได้มองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

     

    เป็นอีกครั้งที่มือเรียวต้องชะงักค้างเมื่อดวงตาคู่สวยดันเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆที่วางอยู่ใต้แก้วโกโก้นั้น

     

    หายงอนนะ~

     

    ลายมือขยุกขยุยเหมือนคราวที่แล้วทำให้แบคฮยอนมั่นใจว่าต้องเป็นคนคนเดียวกันแน่นอน  มือบางคว้าเอากระดาษนั่นมาถือไว้ก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้อย่างเร่งรีบ

     

    ...เขาจะไปถามสาวใช้ที่ยกโกโก้มาให้เขาว่าเจ้าของลายมือคนนี้คือใคร...

     

    “อ้าว แบคฮยอน...”แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูออกไปด้านนอกขาเรียวก็ต้องชะงักลงเมื่อมีอีกคนที่เปิดประตูห้องเขาเข้ามาเสียก่อน

     

    “ดีรอย...”

     

    “จะรีบไปไหรเหรอครับ?”ใบหน้าหล่อเหลานั่นบรรจงปั้นยิ้มส่งมาให้ซึ่งแบคฮยอนก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มบางๆอย่างมีมารยาทเท่านั้น

     

    “อ๋อเปล่าครับ...ว่าจะเดินยืนเส้นยืดสายเสียหน่อย...นั่งทั้งวันมันเมื่อยๆน่ะครับ”แบคฮยอนโกหกคำโตก่อนจะค่อยๆเก็บกระดาษในมือลงไปในกระเป๋าเสื้ออย่าเนียนๆ

     

    “เรานี่คิดเหมือนกันเลยนะครับ...นี่ผมก็กะว่าจะมาชวนคุณไปดินเนอร์ด้วยกันน่ะครับ”ชายหนุ่มยิ้มหวานยิ่งกว่าเก่าส่งมาให้เขา

     

    “อ...ไม่เป็นไรครับ  ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่...ไว้เป็นคราวหน้าแล้วกันนะครับ”แบคฮยอนปฏิเสธอย่างนุ่มนวลก่อนขาเรียวจะค่อยๆเขยิบออกไปข้างๆเพื่อจะออกไปจากห้องนี้ แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยบอกลาข้อมือบางของแบคฮยอนก็ถูกมือหนาของคนตรงหน้าคว้าเอาไว้เสียก่อน

     

    “ผมจะรู้สึกเป็นเกียรติมากครับถ้าหากได้มีโอกาสไปดินเนอร์ร่วมกับคนที่น่ารักแบบคุณ...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อก่อนดีรอยจะค่อยๆยกมือบางของอีกคนขึ้นช้าๆ  ริมฝีปากหนาได้รูปนั่นบรรจงจุมพิตเบาๆลงไปที่หลังมือบาง  เรียกเอาแบคฮยอนขนลุกเกลียวไปหมด

     

    “อ...เอ่อ...”คนตัวเล็กกว่าจนด้วยคำพูด  มือบางก็พยายามดึงออกจากการกอบกุมของคนตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ดูเหมือนว่ามันจะลำบากเสียเหลือเกินเพราะแรงจับที่เพิ่มขึ้นนั่น

     

    “ปล่อยเถอะครับ...”แบคฮยอนพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพ  ถึงแม้ในใจอยากจะจับคนตรงหน้านี่ทุ่มลงพื้นมากแค่ไหนก็ตาม

     

    ...แต่ดีรอยเป็นหุ้นส่วนใหญ่คนหนึ่งของบริษัทของพ่อเขา...

     

    ...คงไม่อยากมีเรื่องผิดใจกันโดยไม่จำเป็น...

     

    “อะ!”คนตัวเล็กเซไปตามแรงดึงของอีกฝ่าย  ร่างบางปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างของอีกคนก่อนจะถูกอ้อมแขนแกร่งโอบรอบตัวไว้

     

    “ปล่อย...”เสียงหวานที่เคยเอ่ยอย่างสุภาพกับเหลือเพียงแค่คำห้วนๆเท่านั้น  ถึงแม้น้ำเสียงจะเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของอ้อมกอดคลายอ้อมแขนออกเลยแม้แต่น้อย

     

    ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นอย่างข่มอารมณ์  ดวงตาคู่สวยจ้องมองลงพื้นด้วยความคับแค้น  ขืนมองหน้าไอ้หมอนี่ต้องเผลอซัดมันไปแรงๆซักหมัดแน่ๆ  แบคฮยอนสะดุ้งเฮือกเมื่ออ้อมแขนนั้นไล้ต่ำลงมาเรื่อยๆจนแทบจะเลยแผ่นหลังบางลงไปจนถึงสะโพกมนอยู่แล้ว

     

    ...ทนไม่ไหวแล้วเว้ย!!!!!!

     

    “เฮ้ย!!!!

     

    เคร้ง!

     

    เสียงตะโกนลั่นอย่างเหลืออดดังขึ้นก่อนร่างสูงของคนฉวยโอกาสจะล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับสติที่หายไป

     

    แบคฮยอนได้แต่มองภาพตรงหน้าตาค้าง  มันเป็นความจริงที่เขาคิดจะซัดหมอนั่นให้หมอบสักที  แต่ผลงานเมื่อครู่นี่ไม่ใช่ของเขาแต่เป็น...

     

    “อ่าวเฮ้ย...หลับไปแบบนี้แกก็อดดินเนอร์กับแบคฮยอนของฉันแล้วสิ...”ใบหน้าหล่อเหล่าที่อยูในห้วงความคิดกำลังส่งยิ้มเหี้ยมให้กับร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่แทบเท้า  ในมือหนานั่นมีถาดเหล็กใบใหญ่ที่ใช้เสริฟสำหรับสาวใช้อยู่ แถม...

     

    “นายเองก็เหมือนกันนะ...ปล่อยให้หมอนั่นมันมาทำรุ่มร่ามอยู่ได้ตั้งนานสองนาน  กลัวไม่โดนมันปล้ำรึไง?”เสียงทุ้มนั้นเอ่ยขึ้นเป็นเชิงตำหนิ  ยิ่งเห็นอีกคนไม่ตอบโต้ยิ่งทำให้เขาเองหงุดหงิด

     

    ...ทำไมบยอนแบคฮยอนถึงไม่เคยระวังตัว!

     

    “ชานยอล...”เสียงหวานที่เอ่ยออกมาขาดห้วง  ไม่ใช่เพียงแค่ประหลาดใจที่เห็นเจ้าของชื่อแต่เป็นเพราะ....สภาพของปาร์คชานยอลตอนนี้ต่างหาก!

     

    “อุ๊บ...ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”แบคฮยอนทำท่าจะกลั้นหัวเราะแต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรสามารถหยุดเขาได้  คนตัวเล็กถึงได้เอาแต่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนแทบจะลงไปกลิ้งที่พื้นอย่างที่เป็นอยู่นี่!

     

    ชานยอลจ้องมองคนที่ขำอย่างบ้าคลั่งอย่างปลงๆ  ความจริงแล้วเขาควรจะต้องโกรธรึเปล่านะ....แต่ที่ไม่โกรธนี่คงเป็นเพราะเขาเองก็รู้สึกว่าสภาพของเขามันน่าขำเหมือนกันล่ะมั้ง

     

    ...เอาเถอะ...อย่างน้อยแบคฮยอนก็ยังยิ้มได้อยู่  เขาก็คงเบาใจไปเยอะ...

     

    “เลิกขำซะทีเถอะบยอนแบคฮยอน...ถ้าฉันไม่คิดจะมาง้อนายฉันไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพนี้หรอกนะ...”ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอกอย่างเซ็งๆ

     

    ...นี่เขาลงทุนแต่งแม่บ้านเพื่อเข้ามาที่บริษัทนี่เลยนะ!

     

    ใช่...แม่บ้าน!

     

    “ขอโทษนะ...แต่ฉันหยุดขำไม่ได้จริงๆ”เสียงหวานเอ่ยออกมาติดขัดเพราะอาการขำที่แทรกมาตามประโยค

     

    “ให้ฉันช่วยหยุดมั๊ย...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนมือหนาจะคว้าแขนคนตรงหน้าให้เซเข้ามาปะทะอกเขาทันที  แบคฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อริมฝีปากหนาของอีกคนทาบทับลงมาบนกลีบปากสวยของตน

     

    ...จูบเพียงผิวเผินไม่ได้ลึกซึ้งอะไร แต่มันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย  แบคฮยอนไม่อาจต่อต้านรสจูบแสนหอมหวานที่อีกคนมอบให้เขามาได้เลย

     

    ชานยอลค่อยๆละริมฝีปากออกช้าๆ  ดวงตาคมก็จ้องมองใบหน้าหวานที่ดขาคิดถึงอย่างพินิจ  แขนแกร่งก็คลายอ้อมกอดออกให้อีกคนได้เป็นอิสระในที่สุด

     

    “อ...เอ่อ...”แบคฮยอนไม่เคยรู้สึกว่าแขนขาของตัวเองมันเกะกะขนาดนี้มาก่อนเลย  คนตัวเล็กอ้ำอึ้ง  เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร  มือเรียวก็ทำได้แค่เกาท้ายทอยอย่างเขินๆเท่านั้น

     

    ...ชานยอลเองก็ไม่ต่างกัน

     

    เงียบกันไปอยู่นาน  จนในที่สุดชานยอลก็ตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนี้เอง  ดวงตาคมจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยของอีกคนก่อนริมฝีปากได้รูปจะเอ่ยออกมาช้าๆ

     

     

     

     

     

     

    “ไหนๆหมอนี่ก็ไปดินเนอร์กับนายไม่ได้แล้ว...ไปกับฉันมั๊ยแบคฮยอน...”

     







    TBC.
    TALK. สวัสดีค่าาาาาา  เอาตอนที่สิบเก้าร้อนๆมาเสิร์ฟแล้วค่าาาา ><  เห็นมั๊ยบอกแล้วว่ามันไม่ดราม่า  ไม่มีใครเชื่อเพชรเลย  น้อยใจง่ะ -3- #อะไร 555555555555  ต่อจากนี้ไปมันจะเป็นฟิคใสๆที่ไร้พิษภัยจริๆนะคะ *0*  แบคไม่ได้โกรธยอลซะหน่อย  คุณพ่อก็ไม่ได้ยิงทิ้งซะหน่อย 5555555  แต่ยังไงก็ต้องรออ่านกันต่อไปค่ะ เรื่องมันจะจบง่ายๆแบบนี้จริงเหรอ? 555555555555

    ไม่เอาไม่สปอล์ยละ 55555  เห็นรายละเอียดหนังสือกันยังเอ่ย?  อย่าลืมเข้าไปดูกันนะคะเผื่อมีอะไรตกหล่นจะได้แก้ไขทัน  ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันอุดหนุนจนตอนนี้ถึงยอดแล้ว 555555  อาจจะตั้งไว้ไม่เยอะแต่ก็ถึงแล้วล่ะ แค่นี้ก็ปลื้มแล้วค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดจริงๆนะคะ TT  ส่วนใครที่ยังไม่ได้สั่งก็สั่งได้เลยนะคะ  ถึงสิ้นเดือนนู่นนนนน  ส่วนโอนเงินก็เดือนหน้าค่ะ  ขอเวลาไปเปิดบัญชีก่อน 555555555  ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากจริงๆนะคะ TT  รักนักอ่านทุกคนเลย ยังไงก็ตามไปจิกหัวทวงฟิคเม้ามอยอะไรในทวิตเตอร์ก็ได้นะคะ  นั่นบ้านหลักเลย 555555555555555  แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ บ๊ายบายยยยย ><

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×