คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : CHAPTER 17
CHAPTER 17
3.2.13
“คุณแบคฮยอนอย่าวิ่งสิคะ! เดี๋ยวก็หัวร้างข้างแตกกันพอดี”เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยห้ามปรามคุณหนูของบ้านที่วิ่งทั่กๆลงบันไดมาอย่างไม่กลัวหน้าทิ่ม
“ไม่เป็นไรครับนม”แบคฮยอนเอ่ยตอบใบหน้าสวยว่งยิ้มหวานมาให้ผู้ที่เปรียบเสมือนแม่อย่างออดอ้อน
“วันนี้มีแข่งใช่มั๊ยแบคฮยอน”เสียงทุ้มทรงอำนาจที่เอ่ยขึ้นเรียกให้ขาเรียวที่กำลังจะก้าวออกจากประตูหน้าบ้านต้องหยุดชะงัก ใบหน้าสวยค่อยๆเบือนมาสบผู้เป็นพ่อก่อนจะฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้
“ครับ”
“ให้พ่อไปดูมั๊ย?”
“อ...เอ่อ...”แบคฮยอนได้แต่อ้ำอึ้งเพราะคำถามของผู้เป็นพ่อที่ดูจะเกินความคาดหมายเกินไปเสียหน่อย ถึงแม้เขาจะรู้สึกแปลกๆกับคำถามเมื่อครู่ของผู้เป็นพ่อ แต่คนตัวเล็กก็ทำได้แค่เก็บไว้ในใจเท่านั้น ใบหน้าสวยส่ายไปมาน้อยๆด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยเสียงใส
“ไม่เป็นไรหรอกครับ...งานพ่อก็เยอะแล้ว ยังไงลูกพ่อก็ต้องเอาเหรียญทองกลับมาอยู่ดี ไปนะครับ!”พูดจบก็วิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วจนแม่นมได้แต่ห้ามปรามไล่หลังไป
.
.
.
.
.
สนามแข่งประจำภูมิภาคที่บัดนี้คราคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือเหล่าผู้ชมที่ต่างพากันมาเชียร์ลูกหลานในการแข่งขันครั้งนี้
“เอาล่ะนี่คือรายชื่อเรียงลำดับการแข่งที่ฉันจัดไว้ตามฝีมือ...เซฮุนมือสาม ซิ่วหมินมือสอง แล้วก็แบคฮยอนมือหนึ่ง...ไม่คัดค้านใช่มั๊ย”หวงจื่อเทาประธานชมรมฮับคิโด้เอ่ยถามสมาชิกทีมบีที่เขาส่งลงแข่งเพื่อถามความเห็น แต่ทุกคนก็ส่ายหน้าหวือทำให้เขาเบาใจลงไปได้อีกหน่อย
“แบคฮยอน...มือหนึ่ง...ไหวใช่มั๊ย?”จื่อเทาหันใบถามร่างบางในชุดแข่งขันที่กำลังยืนยิ้มบางๆมาให้เขาด้วยสายตาเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร”แบคฮยอนยิ้มบางๆให้อีกคนอย่างต้องการให้สบายใจ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยช่วยให้คนอื่นๆที่รู้ที่มาที่ไปสบายใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย
...เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ...
ไม่นานหลังจากที่เหล่านักกีฬารายงานตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วการแข่งขันก็เริ่มขึ้น หลากหลายสนามภายในโรงยิมกว้าง แบคฮยอนจ้องมองการแข่งขังของเซฮุนและคู่ต่อสู้นิ่งจนชานยอลที่อาสามาเป็นเด็กยกน้ำในวันนี้อดที่จะเหลือบมองไม่ได้
หลังจากการแข่งขันที่เซฮุนเป็นฝ่ายชนะได้อย่างไม่ยากเย็นนักก็เป็นคราวของซิ่มหมินรุ่นพี่ตัวกลมที่มีฝีมือไม่ธรรมดา ชานยอลขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าคนข้างๆมีอาการแปลกไป มือเรียวทั้งสองข้างประสานกันแน่นจนเห็นเม็ดเหงื่อที่ซึมชื้นเต็มฝ่ามือ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันและฟันคมที่ขบริมฝีปากอิ่มโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
“แบคฮยอน”ชานยอลเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง แต่ไร้การตอบโต้จากอีกคน คิ้วหนาขมวดมุ่นด้วยความกังวล มือหนาค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสฝ่ามือขางทั้งสองที่กำกันแน่นนั่นช้าๆ
“แบคฮยอน...เป็นอะไรรึเปล่า?”
“ห๊ะ? อ...เอ่อ...ไม่เป็นไร...”คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงก่อนจะหันมาตอบชานยอลเบาๆ ใบหน้าสวยยังคงมีความกังวลฉายชัดในดวงตา
“นายแน่ใจนะ...”ชานยอลเอ่ยถาม เขายังไม่คลายความกังวลลงแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นว่าอีกคนหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“อ...อือ...ไม่เป็นไร...”แบคฮยอนยิ้มบางๆให้อีกคนเพื่อคลายกังวล เป็นเวลาเดียวกับคู่ที่สองที่จบลงแล้วเช่นกัน ซิ่วหมินเป็นฝ่ายชนะไปตามคาด ต่อไปก็เป็นคราวของเขาที่ต้องทำให้ทีมชนะ... เพราะหากมือหนึ่งแพ้ก็หมายความว่าทีมแพ้ในการแข่งแบบทีมนี้...
แบคฮยอนละสายตาจากชานยอลก่อนจะเดินขึ้นไปที่เวทีประลอง มือบางกระชับสายคาดสีดำที่รอบเอวให้แน่นขึ้นเพื่อให้เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายทำความเคารพกันแล้ว กรรมการก็ให้สัญญาณเริ่มการแข่งขัน ถึงแม้ระดับสากลจะมีการใส่อุปกรณ์เพื่อกันการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นแล้ว แต่ที่เกาหลีนั้นยังใช้แบบโบราณคือไม่มีอุปกรณ์ใดๆทั้งสิ้น นอกจากอาวุธที่เป็นของปลอม
“เป็นอะไรล่ะ”ซิ่วหมินทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ยาวข้างสนามหลังจากที่เขาไปล้างหน้าล้างตามาแล้ว ใบหน้ากลมหันไปสบกับใบหน้าหล่อเหลาของรุ่นน้องต่างชมรมที่มาเป็นกองเชียร์และผู้จัดการทั่วไปชั่วคราวให้พวกเขาในวันนี้ เพราะลู่หานขอลาโดยที่เจ้าตัวบอกว่าป่วย ซึ่งก็ไม่มีใครคัดค้าน
“...แบคฮยอนเค้าเก่งมากเหรอครับ”เสียงทุ้มที่เอ่ยถามขึ้นเรียกให้รุ่นพี่หน้ากลมต้องหันไปเลิกคิ้วใส่อย่างอึ้งๆ
“เก่งสิ! มือหนึ่งชมรมเรานะ....นี่นายได้รู้อะไรบ้างมั๊ยเนี่ย?”ซิ่วหมินอดที่จะขำกับใบหน้าเหวอๆของรุ่นน้องข้างๆตนไม่ได้
“...อ่าครับ...เมื่อกี้ผมเห็นเขาอาการไม่ดีเลยก่อนแข่ง พี่พอจะรู้เรื่องมั๊ยครับ?”
“ก็นิดหน่อยอ่ะนะ...”ซิ่วหมินเอ่ยตอบ มือขาวยกขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
“เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วล่ะนะ...ตอนนั้นแบคฮยอนยังไม่ได้เข้าเรียนที่นี่ แต่เหมือนเจ้าตัวจะเคยบอกว่า ม.ต้น เคยไปทำใครเค้าบาดเจ็บไว้สักคนนี่แหละ...”
“อ๋อใช่! ตอนนั้นมันก็ซนๆแบบเด็กผู้ชายล่ะนะ จับเขาทุ่มแล้วใส่แรงมากไปหน่อยคนนั้นเลยบาดเจ็บสาหัด...รู้สึกว่าหมดอนาคตกับฮัปคิโดไปเลยนะ แบคฮยอนคงจะช็อคมากเข้าชมรมมาได้ไม่กี่เดือนก็ออกไปเพราะเวลาแข่ง...แบคฮยอนทุ่มไม่ได้...”ซิ่วหมินเล่าเรื่องที่เขาพอรู้มาให้ชานยอลฟัง ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาลงด้วยความสงสาร
...แบคฮยอนเป็นคนที่เก่ง แต่อ่อนไหวไปหน่อย...
...คงจะคิดว่าที่เพื่อนคนนั้นหมดอนาคตกับฮัปคิโดเป็นความผิดของตัวเองแน่ๆ...
“ฉันว่ารอบแรกยังไงแบคฮยอนก็ชนะได้โดยไม่ต้องทุ่ม ‘ท่านั้น’ แต่รอบต่อๆไปก็รับประกันไม่ได้หรอกว่าจะไม่ต้องใช้...นายสนิทกับแบคกี้ใช่มั๊ยล่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะ!”รุ่นพี่ตัวเล็กยิ้มกว้างมาให้อย่างเป็นมิตร มือขาวก็เอื้อมออกมาตบบ่ารุ่นน้องปุๆอย่างฝากฝัง
ชานยอลส่งยิ้มบางๆไปให้ซิ่วหมินคล้ายการรับคำก่อนจะเบือนหน้าไปสนใจการข่งขันตรงหน้าต่อ เป็นอย่างที่ซิ่วหมินพูดไว้ไม่มีผิด แบคฮยอนใช้เพียงแค่เตะและบิดเท่านั้น เจ้าตัวไม่ได้ทุ่มเลยสักครั้ง จนดูขัดๆไปในบางท่าที่ต้องทุ่ม แบคฮยอนก็จะฝืนใช้บิดแทนอยู่ดี
ผลการแข่งขันในรอบแรกเป็นไปตามคาดชมรมฮัปคิโดชนะรวดสามครั้งติดจนได้ขึ้นชื่อเป็นหนึ่งในตัวเต็งของการแข่งครั้งนี้ แบคฮยอนเดินลงมาจากสนามแข่งด้วยใบหน้าที่ไม่ได้มีความสุขเลยสักนิด ถึงแม้เขาจะชนะได้อย่างสวยงามก็ตาม แต่ใบหน้าสวยนั่นกลับเอาแต่ขมวดคิ้วมุ่นราวกับคนที่คิดไม่ตก
“เหนื่อยมั๊ยล่ะ”เสียงทุ้มเอ่ยทักทันทีที่แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ยาวข้างๆเขา มือหนาก็จัดการโยนผ้าขนหนูใส่หน้าอีกคนอย่างไม่แรงนัก
“อือ...”เสียงหวานเอ่ยตอบสั้นๆ มือเรียวคว้าผ้าขนหนูออกจากจากใบหน้าก่อนจะค่อยๆซับใหยาดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นทั่วใบหน้าสวย
ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้น ทั้งสองปล่อยให้มีแต่ความเงียบระหว่างคนทั้งคู่ ต่างคนต่างมีเรื่องที่อยู่ในห้วงความคิด...
ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเวทีประลองอีกครั้ง ตอนนี้การแข่งขันรอบสองของพวกเขาได้เริ่มขึ้นแล้ว โอเซฮุนกำลังต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างดุเดือด ความจริงแล้วเซฮุนจัดว่าเป็นคนเก่งเลยทีเดียว เด็กหนุ่มถนัดการบิดมากกว่าใครทั้งหมดในชมรม...
...ยิ่งเห็นเวลาที่เซฮุนใช้เริ่มเพิ่มมากขึ้นยิ่งทำให้เขารู้ตัว...
...แบคฮยอนรู้ตัวว่าจนถึงที่สุดแล้วถ้าหากต้องเอาชนะให้ได้ มันก็คงไม่มีทางที่เขาจะหลีกเลี่ยง ‘ท่านั้น’ ไปได้...
ยิ่งการแข่งขันดำเนินไปเรื่อยๆจนใกล้ถึงรอบของเขาเมื่อไหร่แบคฮยอนยิ่งรู้สึกแปลกๆที่ท้อง อาการหน่วงๆที่กระเพาะทำให้คนตัวเล็กต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าท้องไว้อย่างไม่รู้ตัว แต่อาการนั้นกลับฉายชัดในสายตาของชานยอล ยิ่งเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของอีกคนเขายิ่งใจไม่ดี
มือหนาวางทับฝ่ามือบางที่ทก้าอี้อยู่อย่างแผ่วเบา ใบหน้าสวยที่แทบไร้สีเบือนกลับมาสบกับชายหนุ่ม ไม่มีคำพูดใดๆที่เอ่ยออกไป ชานยอลทำเพียงแค่ยกยิ้มน้อยๆที่มุมปากเท่านั้น...
ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านผ่านหลังมือเข้ามาทำให้แบคฮยอนรู้สึกว่าหัวใจของเขาที่เคยห่อเหี่ยวคล้ายพืชขาดน้ำกลับถูกหล่อเลี้ยงให้ชุ่มชื้นขึ้นกว่าเดิม...ถึงแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เขาก็คิดว่าเขาสามารถส่งยิ้มบางๆไปให้อีกคนได้แล้ว
“...ฉันรู้ว่านายทำได้”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคนก่อนจะค่อยๆถอนมือกลับไป เป็นเวลาเดียวกับที่การแข่งขันรอบสองของเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้น...
ขาเรียวก้าวพาร่างบางของเจ้าของไปยืนประจันหน้ากับคู่ต่อสู่รอบต่อมา แบคฮยอนทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างที่ทำเป็นประจำ
...ฉันรู้ว่านายทำได้...
เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งที่ดังก้องภายในหัวพาเอากำลังใจไหลทะลักเข้ามาได้มากโข แบคฮยอนสูดหายใจลึกๆก่อนจะตั้งการ์ดในท่าเตรียม
“เริ่ม!”สิ้นเสียงกรรมการที่ประกาศเริ่มการแข่งขันร่างสูงของคุ่ต่อสู้ก็พุงตัวเข้ามาหาเขาทันที ขายาวตวัดเฉียดแผ่นอกบางไปเพียงนิดเดียวก่อนจะมือหนาจะคว้าข้อมือบางเพื่อบิดให้อีกคนล้มลงกับพื้น แบคฮยอนยอมปล่อยให้อีกคนบิดข้อมือ คนตัวเล็กเอี้ยวตัวตามก่อนจะใช้ขาตวัดขายาวนั้นจนคู่ต่อสู้เสียหลักล้มลง
ปรี๊ด!
เสียงนกหวีดนับแต้มดังขึ้นก่อนเสียงปรบมือเกรียวกราวจังตามมา แบคฮยอนละออกจากร่างสูงของอีกคนช้าๆ คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาแรงๆ โชคดีที่เขาไม่จำเป็นต้องจับอีกคนทุ่ม...
“เริ่ม!”เสียงกรรมการที่เอ่ยประกาศอีกครั้งทำให้แบคฮยอนกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง รอบนี้อีกฝ่ายไม่พุ่งเข้ามาเหมือนในครั้งแรก เขาค่อยๆขเยิบเข้ามาใกล้ทีละนิดๆอย่างต้องการหยั่งเชิง แบคฮยอนเองก็เช่นกัน ดวงตาคู่สวยสอดส่องมองหาช่องว่างก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปทันทีที่เห็นช่องว่างทางด้านซ้ายของอีกคน แขนเรียวตวัดไปที่ด้านข้างใบหน้าของคู่ต่อสู้แต่อีกฝ่ายก็ตั้งการ์ดกันไว้ได้ทัน แขนแกร่งทั้งสองข้างกันและบิดแขนเล็กที่ปะทะเข้ามาได้อย่างชำนาญ ออกแรงเพียงไม่มากก็สามารถทุ่มร่างบางนั้นลงกับเบาะนวมได้ทันที
ปรี๊ด!
เสียงนกหวีดดังบอกคะแนนอีกครั้งแต่เสียงปรบมือคราวนี้กลับมาจากกองเชียร์ของอีกฝั่ง แบคฮยอนยันตัวลุกขึ้นช้าๆ อาการปวดนิดๆที่แผ่นหลังทำให้เขารู้ว่าเมื่อครู่นี้ตนเองลงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก ไม่นานนักทั้งสองก็เริ่มเข้าท่าเตรียมอีกครั้ง
การแข่งขันรอบนี้ดำเนินไปด้วยความดุเดือด ทั้งคู่ไม่มีใครยอมล้มก่อนใครจนในที่สุดแบคฮยอนที่ตัวเบากว่ามากก็เสียท่าถูกอีกคนทุ่มลงเบาะได้เป็นผลสำเร็จ แต้มตอนนี้เขาเป็นรองอยู่ 2-1 หากอีกฝ่ายชนะอีกเพียงครั้งเดียว ทีมของเขาจะหมดสิทธิ์แข่งต่อในทัวนาเมนต์นี้ทันที...
ใบหน้าสวยเบือนไปสบเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังนั่งลุ้นอยู่ข้างสนาม สายตาคมของอีกคนกำลังจ้องมองมาที่เขานิ่ง
...ฉันรู้ว่านายทำได้...
ปาร์คชานยอลส่งมันผ่านสายตาไปให้อีกคน... แบคฮยอนกำหมัดแน่นอย่างให้กำลังใจตัวเองก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับการแข่งขันต่อ คนตัวเล็กสูดหายใจเข้าลึกๆจนเต็มปอดพร้อมกับเปลือกตาบางที่ปิดลงอย่างใช้สมาธิ...
...เป็นหนึ่งเดียวกับคู่ต่อสู้...
เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้น ดวงตาคู่สวยฉายแววเฉียบคมอย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน... เมื่อก่อนอาจารย์ที่สอนเขามักจะสอนวิธีทำสมาธิก่อนการแข่งขันให้เขาเสมอ ไม่มีมิตร ไม่มีศัตรู ทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน...แรงของคู่ต่อสู้คือแรงของเรา แขนของเขาคือแขนของเรา เขาคือเรา... การทำตามคำแนะนำนั่นมันทำให้เขาสามารถแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่เสมอ...
“แบคฮยอน...”เสียงของรุ่นพี่ตัวเล็กข้างๆตนที่เอ่ยเรียกชื่อคนที่ยืนอยู่กลางสนามแข่งเบาๆเรียกให้ชานยอลต้องหันไปให้ความสนใจ ซิ่วหมินจ้องมองรุ่นน้องก่อนจะยิ้มบางๆอย่างถูกใจ...
...ดูท่าเขาจะได้เห็นฝีมือจริงๆของแบคฮยอนเสียที...
“เริ่ม!”สิ้นเสียงคู่ต่อสู้ของแบคฮยอนก็ไม่รีรอที่จะยืนหยั่งเชิงต่อไป เขาพุ่งตัวเข้ามาหาแบคฮยอนทันที ขายาวตวัดใส่คนตัวเล็กอย่างแรงแต่แบคฮยอนเอี้ยวตัวหลบเพียงเล็กน้อยก็พ้นไป ขาเรียวกวาดออกเป็นวงกว้างเพื่อเกี่ยวขาของอรกคนให้ล้มลง คู่ต่อสู้เสียหลักหงายไปด้านหลังแต่เขาก็ไวพอที่จะใช้มือทั้งสองข้างยันตัวแล้วตีลังกากลับมายืนได้ทันก่อนจะถูกตัดแต้ม
เขาตัดสินใจพุ่งตัวเขาหาร่างเล็กตรงหน้าอีกครั้ง ชายหนุ่มโถมแรงใส่อีกคนเต็มที่พร้อมกับแขนหนาที่ใช้สันมือกันไว้ด้านหน้า แบคฮยอนยกการ์ดขึ้นกันแต่แรงของเขาก็ไม่สามารถสู้แรงของอีกฝ่ายได้...
...เขาไม่มีทางเลือก...
...หากตอนนี้เขาไม่ใช้ท่านั้น...เขาต้องเสียหลักล้มลงและพ่ายแพ้ไปในที่สุด...
...ฉันรู้ว่านายทำได้...
คำพูดของชานยอลดังเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง ฟันคมขบกัดกันแน่นจนปวดหนึบไปทั่วช่องปาก แบคฮยอนสูดหานใจเข้าลึกๆจนเต็มปอด
...เขาต้องทำได้...
สิ้นความคิดแบคฮยอนก็ผ่อนแรงทิ้งตัวลงไปบนเบาะโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้มีเวลาตั้งตัว เมื่อแผ่นหลังบางสัมผัสกับเบาะนิ่มแล้วขาเรียวก็ยกขึ้นดันท้องของคนที่อยู่เหนือร่างให้กระเด็นเลยศีรษะของตนออกไปก่อนจะม้วนตัวกลัวมานั่งชันเข่าได้อย่างสวยงาม
...ลมหายใจของแบคฮยอนหอบถี่...ท่านี้ค่อนข้างอันตรายเพราะหากลงไม่ดีคงได้มีกระดูกเคลื่อนจากการกระแทกเป็นแน่เพราะมันเป็นท่าที่ฝ่ายเสียท่าจะต้องหลุดออกไปนอกเบาะอย่างแน่นอน...
ปรี๊ด!
เสียงนกหวีดเรียกแต้มดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือของทุกคน แบคฮยอนรีบยันตัวลุกขึ้นก่อนจะหันหลังกลับไปมองร่างของอีกคนที่นอนนิ่งอยู่ข้างสนาม ใบหน้าสวยซีดเผือดเมื่อเห็นว่าร่างนั้นยังคงนอนอยู่ที่เดิม ขาเรียวรีบพาร่างของตนเองเข้าไปดูอาการอีกฝ่ายทันที
“นาย...ป...เป็นอะไรรึเปล่า”เสียงหวานเอ่ยถามออกมาอย่างร้อนรน เขายิ่งใจเสียเมื่ออีกฝ่ายไม่มีการตอบรับ...
แต่ทิ้งให้ใจแป้วอยู่ได้ไม่นานเมื่ออีกคนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆจนแบคฮยอนได้แต่มองอีกฝ่ายตาปริบๆด้วยความงุนงง
“ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอกน่า...ฉันไม่เป็นอะไร นานๆทีจะเจอคนเล่นท่านี้...ไม่คิดว่าตัวเล็กๆอย่างนายจะกล้าเล่น ถ้าพลาดนี่ขานายหักได้เลยนะ ฮ่าๆ”แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นเรียกเอารอยยิ้มบางๆจากคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนอดดีใจไม่ได้ที่เขาได้กลับมาใช้ท่าถนัดอีกครั้งโดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บ...
...ดีใจจริงๆ...
“อูย...แต่ต้องยอมรับว่าลูกถีบนายแรงมาก...บยอนแบคฮยอนใช่มั๊ย? ฉันจะจำนายไว้ในฐานะที่มีลูกถีบแรงไม่เข้ากับตัว...”พูดจบมือหนานั่นก็เอื้อมมาคว้ามือบางที่ยื่นออกมาด้านหน้าอย่างต้องการช่วยเหลือ
“ขอบคุณที่ชมเรื่องแรงฉันนะ...ฉันจะทำเป็นว่าไม่ได้ยินนายติเรื่องขนาดตัวฉัน...”แบคฮยอนหัวเราะสดใสเสียจนคนที่มองอยู่ห่างๆอย่างชานยอลยังอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
แบคฮยอนพยุงให้อีกคนเดินมาที่สนามแข่งเหมือนเดิม ใบหน้าหวานหันไปสบกับใบหน้าหล่อเหลาของใครอีกคนที่ยืนเฮอยู่ข้างสนาม ดวงตาทั้งสองคนประสานกันอย่างตั้งใจก่อนทั้งคู่จะส่งยิ้มกว้างให้กัน...
...คงต้องขอบคุณกำลังใจจากปาร์คชานยอล...
“อะแฮ่ม!”เสียงทุ้มกระแอมไอก่อนดวงตาคมจะเหลือบมองไปยังแขนแกร่งของคู่ต่อสู้ตัวสูงที่กำลังโอบอยู่รอบคอของแบคฮยอน ดูเหมือนว่าเจ้าของแขนจะรู้ตัวจึงได้ผละออกจากร่างบางที่กำลังยืนงงๆอยู่
การแข่งขันยกสุดท้ายดำเนินต่อไปเรื่อยอย่างดุเดือดเพราะต่างคนต่างไม่ยอมกัน แบคฮยอนที่เริ่มใช้ท่าทุ่มมากขึ้นทำให้ฝีมือดูเก่งกาจขึ้นผิดหูผิดตา การแข่งขันรอบสองจบลงด้วยชัยชนะของบยอนแบคฮยอน มือหนึ่งของทีมบีที่สามารถพาทีมเข้าสู่รอบต่อไปได้ตามทีมเอของชมรมมาติดๆ
...งานนี้คงต้องยกความดีความชอบให้กองเชียร์ล่ะมั้ง...
“เอาล่ะทุกคน...พวกนายทำดีมากเหลือแค่สเปเชี่ยลแมตช์พรุ่งนี้เท่านั้น...หากเราชนะอีกครั้งเดียวชมรมเราก็จะได้ไปท้าพวกทีมมาสเตอร์แล้ว...”เสียงของหวงจื่อเทาเอ่ยขึ้นเรียกเสียงฮือฮาอย่างพึงพอใจจากเหล่าสมาชิกร่วมทีมได้เป็นอย่างดี
หลังจากการแข่งรอบสองที่เรียกความมั่นใจของแบคฮยอนกลับมาได้มากโข พวกเขาก็ชนะกันมาได้เรื่อยๆจนเข้ามาถึงรอบหนึ่งในสี่เพื่อชิงแขมป์ระดับภูมิภาค
“เอาล่ะทุกคนกลับบ้านไปพักผ่อนให้เต็มที่ซะพรุ่งนี้เรามีการแข่งสำคัญนะ!”
“คร้าบ!”เสียงขานรับอย่างพร้อมเพรียงก่อนทุกคนจะพากันแยกย้ายกลับบ้านไปพักผ่อนเพราะเหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว
ชานยอลเดินมาส่งแบคฮยอนที่บ้านเช่นเคยหลังจากที่รถบัสของชมรมมาส่งพวกเขาที่โรงเรียน แต่วันนี้ชานยอลไม่คิดจะตอแยร่างบางสักเท่าไหร่ เพราะเขามั่นใจว่าแบคฮยอนคงต้องการพักผ่อนมากกว่าอะไรทั้งหมด...
“แบคฮยอน...แข่งเป็นไงบ้าง”เสียงทุ้มของผู้เป็นพ่อที่เอ่ยทักขึ้นเรียกให้แบคฮยอนที่เดินลากสังขารตัวเองมาถึงห้องนั่งเล่นต้องหันไปให้ความสนใจ
“อ่าก็...เข้าสี่ทีมสุดท้ายครับ...พรุ่งนี้มีแข่งต่อ”แบคฮยอนยิ้มกว้างให้ผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่ที่โซฟาหรูกลางห้องรับแขกก่อนจะวางสัมภาระแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผู้เป็นพ่อ
“แล้วเมื่อกี้ใครมาส่ง...”เสียงทุ้มของผู้เป็นพ่อที่เอ่ยถามขึ้นทำเอาคนโดนถามยิ้มค้าง
“พ...เพื่อนน่ะครับพ่อ...”แบคฮยอนส่งยิ้มแหยๆไปขัดตาทัพก่อนเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่มีเค้าความหล่อเหลาในอดีตกำลังตึงเครียด
“ชื่ออะไร?”ผู้เป็นพ่อยังคงเอ่ยถามต่อไป ใบหน้าสวยของลูกชายได้แต่ส่งสายตาปริบๆมาให้ผู้เป็นพ่อด้วยความงุนงง
...ปกติก็ไม่เห็นจะสนใจอะไรเพื่อนเขาขนาดนี้...
“พ่อ...มีอะไรรึเปล่าครับ?”เสียงหวานตัดสินใจกลั้นใจถามออกไปในที่สุด
“เขาชื่ออะไรแบคฮยอน”ผู้เป็นพ่อไม่ตอบแต่เลือกที่จะถามย้ำในคำถามเดิมแทน
“อ...เอ่อ...”แบคฮยอนอ้ำอึ้ง
...เขาควรจะบอกมั๊ยว่าเพื่อนชื่อชานยอล...
“ปาร์คชานยอลใช่มั๊ย?”เสียงทุ้มของผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นเรียกเอาแบคฮยอนหายใจติดขัด
...พ่อของเขารู้เรื่องของชานยอลได้ยังไง...
“อ่าครับ...”แบคฮยอนตอบรับ ดวงตาคู่สวยมองใบหน้านิ่งเฉยของผู้เป็นพ่อด้วยความกังวล
“วันหลังก็ชวนเขาเข้ามากินข้าวที่บ้านสิ...พ่อก็อยากเจอเขา”พูดจบผู้เป็นพ่อก็ยิ้มบางๆให้กับใบหน้าสวยของลูกชายที่กำลังเหรอหรอกับคำแนะนำของผู้เป็นพ่อ
“ไว้ผมจะชวนเขามาครับ...”
“ปีใหม่นี้เป็นไง...เพราะอีกเดี๋ยวจะไม่ได้เจอกันนานเลยนะแบคฮยอน...”คำพูดของผู้เป็นพ่อเหมือนจะเป็นตัวจุดชนวนเรื่องบางเรื่องที่เขาลืมไปแล้ว
“ไฟลท์ไปแคนาดาวันที่ 1 ตอนห้าทุ่มนะ...พ่อเอารายละเอียดวางไว้ในห้องลูกแล้ว...”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะหันมาสนใจกับหนังสือพิมพ์ในมือต่อ
“ครับ...งั้นไว้วันปีใหม่ผมจะชวนเขามานะครับ...”เสียงหวานเอ่ยตอบแผ่วเบา แบคฮยอนบอกลาผู้เป็นพ่อก่อนจะขอตัวขึ้นไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้เขามีแข่งนัดพิเศษ
...ถึงแม้ว่าพ่อเขาจะเป็นคนแนะนำให้ชวนชานยอลมาทานข้าวที่บ้าน...แต่เรื่องที่พ่อเขารู้จักชานยอลก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกังวลน้อยลงเลยแม้แต่น้อย...
...เขามีความรู้สึกว่า อะไรๆมันคงไม่ลงตัวแบบนี้แน่นอน...
.
.
.
.
.
แบคฮยอนตื่นเช้ามาอย่างไม่ค่อยสดใสนัก เพราะคำพูดประหลาดๆของผู้เป็นพ่อยังคงดังก้องอยู่ในหัว เขาไม่ได้หลงตัวเองแต่เขารู้ว่าพ่อค่อนข้างที่จะหวงเขามากกว่าที่เห็น แต่คำพูดที่บอกให้พาชานยอลมากินข้าวเมื่อวานมันแปลกๆขัดกับนิสัยปกติของผู้เป็นพ่อ...
...แต่หากไม่คิดอะไรมันก็ดูเหมือนการที่ชวนเพื่อนของลูกชายมาทานข้าวด้วยกันเท่านั้น...
...อาจเป็นเพราะว่าพวกเขามีชนักติดหลังอยู่มันเลยทำให้รับเจตนาของพ่อผิดไปก็เป็นได้...
...พ่อเขาอาจจะไม่คิดอะไรจริงๆ...
“เฮ้อออออ”แบคฮยอนถอนหายใจยาวออกมาเป็นรอบที่ร้อยจนชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆต้องหันมาให้ความสนใจ
“เป็นอะไร ถอนหายใจบ่อยๆระวังจมูกบานนะ”พูดไปมือหนาก็เอื้อมมาบีบปลายจมูกโด่งรั้นของคนตัวเล็กส่ายไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว
“อะไรเล่า!”เสียงหวานแหวเข้าให้ก่อนมือเรียวจะคว้ามือหนาออกจากใบหน้าตัวเอง คนตัวเล็กยู่หน้าลงอย่างขัดใจ แต่เพราะปลายจมูกที่ติดจะแดงนั้นมันยิ่งทำให้อากับกริยานั้นดูตลกเข้าไปใหญ่จนชานยอลอดที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
“ขำอะไร!”แบคฮยอนโวยวายก่อนมือบางข้างหนึ่งจะรีบยกขึ้นกุมปลายจมูกที่แดงเถือกของตน อีกมือก็ต่อยไปที่แขนแกร่งแรงๆด้วยความหมั่นไส้
“รู้มั๊ยตอนนี้หน้านายฮามากน่ะแบคฮยอน ฮ่าๆๆๆๆ”ชานยอลระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นคนตัวเล็กยู่ปากลงไปอีก
“เฮอะ อารมณ์ดีจริงนะ...รู้มั๊ยเนี่ยว่าเครียดเรื่องใครอยู่...”ริมฝีปากอิ่มขยับขึ้นลงเล็กน้อยเพื่อบ่นให้ตัวเองได้ยินเพียงคนเดียว แต่สำหรับชานยอลที่สนใจร่างบางข้างๆตนเสมอมันก็ดังพอที่จะให้เขาพอเดาได้
“เครียดเรื่องอะไรอยู่แบคฮยอน...”ชายหนุ่มหยุดหัวเราะก่อนความจริงจังจะเข้ามาแทนที่ มือหนาเอื้อมไปลูบหัวอีกคนเบาๆด้วยความเอ็นดู ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากฝ่ามือหนาทำให้แบคฮยอนไม่คิดที่จะปฏิเสธมัน
“ไม่มีอะไรหรอก...ก็เรื่องทั่วๆไปน่ะ นี่ก็จะแข่งอยู่แล้วฉันยังไม่รู้เลยว่าแข่งกับใคร...”แบคฮยอนโกหกคำโตแต่รอยยิ้มหวานที่ถูกส่งมาให้ก็ทำให้ชานยอลตัดสินใจที่จะเลิกเซ้าซี้
“เป็นไงมั่ง?”ไม่นานนักจื่อเทาผู้เป็นหัวหน้าชมรมก็เดินกลับมาที่ที่พักของทีมตนหลังจากที่เป้นตัวแทนไปจับสลากการแข่งขันรอบพิเศษ
“พี่ต้องไม่ดีใจแน่ซิ่วหมิน...”รุ่นน้องตัวสูงเอ่ยบอกกับคนถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก
“ทำไมล่ะ”เป็นแบคฮยอนที่เอ่ยถามไปเมื่อเห็นใบหน้าคมนั้นราบเรีนบอย่างที่ไม่เคยเป็น จื่อเทาไม่ตอบแต่กลับส่งกระดาษในมือมาให้เขาแทน
มือเรียวเอื้อมไปหยิบมาก่อนดวงตาคู่สวยจกวาดมองไปทั่วเพื่อหาชื่อตัวเอง การแข่งขันนัดพิเศษที่ว่านี่ก็คือการเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ได้สังกัดชมรมหรือสโมสรไหนได้ลงแข่ง โดยฝ่ายชมรมหรือสโมสรเองก็สามารถลงได้ไม่จำกัดเพราะลงในฐานะนักกีฬาเดี่ยวไม่ใช่ทีม ซึ่งชมรมเขาก็ลงกันเกือบสิบคน
แบคฮยอนกวาดสายตาไปเรื่อยๆก่อนจะหยุดลงเมื่อเจอชื่อของตัวเอง มือเรียวที่ถือกระดาษอยู่สั่นเล็กน้อยเมื่อมองเห็นชื่อของคู่แข่งของตน
...ลู่หาน...
ชานยอลเห็นอาการแปลกๆของคนตัวเล็ก ยิ่งใบหน้าสวยที่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัดนั่นยิ่งทำให้เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเอื้มมือมาคว้ากระดาษจากคนตัวเล็กไปดูเอง ดวงตาคมเบิกกว้างก่อนจะหันมามองแบคฮยอนที่มองเขากลับมาด้วยสายตาเป็นกังวล
“นายไม่แข่งได้มั๊ย...”เสียงทุ้มเอ่ยถาม แบคฮยอนส่ายหน้าเบาๆ
“ถ้าฉันไม่ชนะรอบนี้...ฉันจะไม่ได้เข้าแข่งรอบสุดท้ายนะ...”แบคฮยอนส่งยิ้มบางๆไปให้ชานยอลหวังให้ชายหนุ่มคลายกังวล
...ชานยอลรู้ว่าแบคฮยอนกำลังรู้สึกแย่...
มือหนาแอบคว้ามือบางมากอบกุมไว้ไม่ให้คนอื่นเห็น บีบเบาๆเพื่อส่งผ่านกำลังใจไปให้อีกคน
“ขอบคุณ”เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาแต่ชานยอลก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
...ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าการแข่งวันนี้จะไม่เกิดอะไรขึ้นกับทั้งแบคฮยอนและลู่หาน...
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นโดยที่ยังไม่ถึงรอบของชมรมเขาสักคน แบคฮยอนพยายามไม่คิดให้เสียสมาธิก่อนแข่ง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม...
...นี่อยู่ในการแข่ง ลู่หานไม่มีทางนอกกติกาแน่...
“ฉันไปก่อนนะ อวยพรให้ด้วย...”เสียงของซิ่วหมินซึ่งเป็นคนแรกในชมรมที่ต้องลงแข่งเอ่ยขึ้นเรียกให้แบคฮยอนหลุดจากภวังค์
“ไฟติ้งครับ!”แบคฮยอนยกกำปั้นขึ้นเป็นการให้กำลังใจอีกคน ซิ่วหมินฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวที
แบคฮยอนมองดูการแข่งขันหลายรอบที่ผ่านไปด้วยความกังวล ยิ่งใกล้ถึงรอบของเขาเท่าไหร่ความกังวลยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรแต่มันอึดอัดไปหมด...
...ยิ่งมองเห็นชานยอลมีสีหน้ากังวลไม่แพ้กันมันยิ่งอึดอัด...
...ทำไมกันนะ...
การแข่งขันดำเนินมาเรื่อยๆ ตอนนี้คนที่ยืนอยู่บนเวทีคือเซฮุน...ซึ่งรอบต่อไปก็คือเขา... ดวงตาคมทอดมองใบหน้าสวยที่กำลังตึงเครียดด้วยความเป็นห่วง รอมฝีปากอิ่มที่เขาหลงใหลกำลังเม้มแน่อย่างที่ตัวชอบทำเวลาเครียดโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าไม่ไหว...ฉันว่านายอย่าลงแข่งเลยแบคฮยอน...”หลังจากที่ปล่อยให้มีแต่ความเงียบมานานในที่สุดชานยอลก็ตัดสินใจที่จะเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
“อย่าทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้แบบนั้นแบคฮยอน...”มือหนาทาบทับลงบนมือบางเบาๆ ชานยอลจ้องมองอีกคนด้วยสายตาคล้ายอ้อนวอน
“ฉันไม่เป็นไรชานยอล...”แบคฮยอนเอ่ยก่อนรอยยิ้มบางๆจะถูกส่งไปให้อีกครั้ง แต่ชานยอลคิดว่าดวงตาของแบคฮยอนไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลยสักนิดเดียว มือบางค่อยๆชักมือออกจากการกอบกุมของอีกคนก่อนจะวางทาบทับลงไปบนมือหนา นิ้วเรียวสอดประสานเข้ากับนิ้วยาวของอีกฝ่ายช้าๆ แบคฮยอนออกแรงบีบเบาๆเพื่อให้อีกคนคลายกังวล
...ชานยอลไม่ควรมาเครียดกับเขา...
ดวงตาของแบคฮยอนจ้องมองไปยังฝั่งตรงข้ามของเวที ดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างเรียบเฉย ลู่หานจ้องมองมาที่เขาและชานยอลนิ่ง ไม่ยอมถอนสายตาไปไหน...
“ฉันไปก่อนนะ...”แบคฮยอนละมือออกจากมือของอีกคนก่อนจะยิ้มให้อีกครั้ง ชานยอลทำได้เพียงแค่ยิ้มบางๆแล้วปล่อยให้อีกคนเดินขึ้นไปบนเวทีเท่านั้น
“สวัสดีแบคฮยอน...”ลู่หานเอ่ยทักทายทันทีที่ขาเรียวก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีแข่งขัน
“สวัสดีครับ...”แบคฮยอนเองก็ทักทายกลับไปนิ่งๆเช่นกัน
“เริ่ม!”เสียงกรรมการประกาศให้เริ่มแข่งขัน แต่ทั้งสองคนก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีแม้แต่การตั้งการ์ดเสียด้วยซ้ำ
“นายดูมีความสุขนะแบคฮยอน”ลู่หานเอ่ยเรียบๆ ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวยที่พยายามปรับให้นิ่งเฉยของแบคฮยอน
“เริ่มเลยเถอะครับ...”แบคฮยอนเอ่ยขึ้น เขาไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวมายุ่งกับการแข่ง แขนเรียวยกขึ้นตั้งการ์ดอย่างที่ตนถนัด ลู่หานเองก็เช่นกัน
ร่างเพรียวบางของลู่หานพุ่งเข้ามาประชิดกับแบคฮยอน แขนบางตวัดเข้าที่ใบหน้าสวย แต่แบคฮยอนก็กันไว้ได้อย่างหวุดวิด แบคฮยอนใช้แขนล็อคแขนของอีกคนไว้ก่อนจะบิดไขว้หลังอย่างที่ถนัด แต่ลู่หานก็บิดตัวหลุดจากการล็อคนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น
...แบคฮยอนไม่แปลกใจเพราะลู่หานเฝ้ามองเขาตลอดมา...
...คอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือเขาเสมอ ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน...
ภาพวันเก่าๆไหลย้อนเข้ามาโดยที่เขาไม่ตั้งใจ ถึงปากจะบอกว่าไม่เอาเรื่องส่วนตัวมายุ่งกับการแข่ง แต่ความจริงแล้วมันไม่ง่ายเลยที่จะแยกทั้งสองเรื่องออกจากกันโดยเฉพาะในเวลานี้...
ลู่หานพุ่งตัวเข้าไปประชิดอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มหาช่องโหว่ของอีกคน เพราะขาของเขาไม่สามารถใช้งานหนักได้จึงเสียเปรียบเรื่องการเตะของแบคฮยอนอยู่มาก แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคมากเท่าไร...เพราะเขาจะไม่คิดว่าตัวเองด้อยกว่าใคร
...โดยเฉพาะคนตรงหน้านี่!
แบคฮยอนไม่ได้เป็นฝ่ายรุกกลับเลยแม้แต่น้อย เขาทำเพียงแค่หลบหลีกและป้องกันตัวเองเท่านั้น ความคิดบางอย่างที่ผุดขึ้นมาในหัวมันทำให้แขนขาเริ่มรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
...เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้ลู่หานเจ็บอีกแล้ว...
...เพราะเขาทำให้พี่ที่แสนดีคนหนึ่งกลายเป็นคนใจร้ายอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน...
ยิ่งเห็นแบคฮยอนไม่ตอบโต้อะไรมันยิ่งทำให้ลู่หานหงุดหงิด ดวงตากลมโตจ้องมองอีกคนอย่างเอาเรื่อง อารมณ์โมโหเริ่มเข้ากอบกุมจนหัวสมองขาวโพลนไปหมด
“ทำไมนายถึงไม่ตอบโต้แบคฮยอน!”ลู่หานเพิ่มแรงเข้าไปอีกจนแขนบางของแบคฮยอนที่ยกขึ้นตั้งการ์ดสั่นระริก
“นายมีความสุขมากมั๊ยที่ทำให้ฉันดูเหมือนตัวร้าย! นายได้ทุกอย่างในขณะที่ฉันเสียทุกอย่างแม้แต่ความเป็นตัวเองน่ะ!”เสียงหวานของลู่หานตะโกนใส่ แรงที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปตามแขนบางจงในที่สุดแบคฮยอนก็ไม่สามารถต้านไว้ได้อีกต่อไป หมัดของลู่หานถึงได้พุ่งเข้าไปประทะที่แก้มขาวอย่างจังจนร่างทั้งร่างล้มลงไปกองที่พื้น
ปรี๊ด!
เสียงนกหวีดสั่งหยุดของกรรมการทำให้ลู่หานรั้งมือไว้ได้ทันก่อนที่ความโมโหจะทำให้เขาเข้าไปซ้ำใบหน้าสวยนั่นอีกรอบ
“ไม่เป็นไรครับ...”แบคฮยอนยกมือห้ามแพทย์สนามที่กำลังวิ่งขึ้นมาเพื่อดูอาการ ก่อนแขนเรียวจะยันตัวลุกขึ้นด้วยตนเองเพื่อให้รู้ว่าเขายังไหว
ดวงตาคู่สวยทอดมองใบหน้าที่โทรมลงอย่างเห็นได้ชัดของลู่หานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำขอโทษ เขารู้ว่าเขามีส่วนที่ทำให้ลู่หานต้องมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้ ยิ่งคำพูดที่พูดออกมาจากใจของลู่หานเมื่อครู่มันยิ่งตอกย้ำว่าใครที่ต้องรับความเจ็บปวดจากเรื่องนี้
...เขามีความสุขอยู่กับชานยอลในขณะที่ลู่หานไม่มีใคร...
...เขาเข้าใจความรู้สึกนั้นดี...
...ก่อนหน้านี้มันเป็นเขาเองที่ได้รับ...เขารู้ว่ามันทรมาณขนาดไหน...
คิดได้แค่นั้นหยาดน้ำใสๆก็รื้นขึ้นที่ดวงตา ขอบตาของเขาร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้ ลู่หานเสียชานยอลไปไม่ได้...
...แต่เขาเองก็เสียชานยอลไปไม่ได้เช่นกัน...
“เราสองคนไม่ต่างกันเลยพี่ลู่หาน...”แบคฮยอนเอ่ยเสียงเบา ไม่รู้ว่าคนที่กำลังจ้องมองมาด้วยความคับแค้นนั่นจะรับรู้หรือมั๊ย
ลู่หานพุ่งตัวเข้ามาทันทีที่กรรมการให้สัญญาณเริ่มแข่ง แบคฮยอนที่อยู่ในท่าตั้งการ์ดยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาคู่สวยเบือนไปสบกับใบหน้าหล่อเหลาที่ตื่นตระหนกของชานยอลก่อนจะหันมาสบกับอีกคนบนเวที ขาเรียวของลู่หานที่ไม่มีใครคิดว่าจะสามารถใช้การได้ตวัดขึ้นตรงมายังใบหน้าสวยที่กำลังตั้งการ์ดอยู่
ภาพทั้งหมดเคลื่อนผ่านสายตาของแบคฮยอนราวกับภาพสโลว์ แขนบางค่อยๆลดการ์ดลงช้าๆ ริมฝีปากอิ่มก็เอื้อนเอ่ยคำพูดอะไรบางอย่างออกมาที่ได้ยินเพียงแค่เขาและลู่หานเท่านั้น
“ผมจะยอมให้ครั้งนี้เป็นการชดใช้ความผิดที่เคยทำ...แต่หลังจากนี้ผมจะไม่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้อีก เพราะผมก็ไม่ยอมยกชานยอลให้ใครเหมือนกัน”
ผลัวะ!
ลูกเตะเต็มแรงของลู่หานตวัดเข้าที่ใบหน้าสวยที่ไร้การป้องกันจากแขนบางอย่างที่มันควรจะเป็น ร่างบางร่วงลงไปกองกับพื้นทันที สติดับวูบไปท่ามกลางความตกใจของทุกคนรวมทั้งลู่หานเอง
“แบคฮยอน!”เสียงตะโกนเรียกที่คุ้นเคยนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้ได้
...หลังจากนี้เขาจะไม่ยอมยกชานยอลให้ใครเป็นอันขาด ต่อให้ต้องกลายเป็นตัวร้ายอย่างที่คิมจงอินบอกก็ตาม...
TBC.
TALK. เอามาลงแล้วค่าาาาาา บอกว่าเดี๋ยวๆนี่ข้ามวัน 5555555555555 ขอโทษค่ะเพชรเพิ่งกลับจากปัจฉิมแล้วตัวกรอบมากจริงๆ TT สั่งจองยังสั่งกันได้อยู่นะคะ คนที่สนใจอย่าลืมจองกันนะคะ เพราะเพชรคงไม่ทำเผื่อไว้เยอะอ่ะค่ะ (เดี๋ยวขายไม่ออกแล้วขาดทุน) 555555555555555 เลิฟยูค่ะทุกคน ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ ไม่รู้ว่าอาทิตย์หน้าจะได้อัพรึเปล่าเนอะ มันมีสอบโอเน็ตอ่ะ *0* เอาเป็นว่าถ้าอัพได้จะมาอัพค่า บ๊ายบายยยยยยยยย ><
ความคิดเห็น