ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Play Boy's GAME (Chanyeol x Baekhyun) | END.

    ลำดับตอนที่ #16 : CHAPTER 15 | complete.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.95K
      19
      19 ม.ค. 56

     

    CHAPTER  15

     18.1.13 | 50% + 19.1.13 | 100%

     

     

     

     

     

    ถึงแม้ว่างานโรงเรียนจะผ่านพ้นไปแล้ว  แต่ความวุ่นวายของชมรมฮับคิโดและชมรมบาสยังไม่ได้หมดไป  เพราะหลังจากที่ประธานของทั้งสองชมรมให้เวลาพังเพียงแค่สองวันเท่านั้น สัปดาห์ถัดมาพวกเขาก็ต้องขนข้าวขนของเตรียมตัวไปเข้าค่ายเก็บตัวต้อนรับฤดูการแข่งขันที่ใกล้เข้ามาแล้ว

     

    “เอ้า! เร็วๆ  รีบๆขึ้นรถสิจะได้ไปถึงก่อนมืด  หน้าหนาวยิ่งมืดเร็วอยู่นะ”เสียงทุ้มของประธานชมรมบาสที่ตอนนี้เหมือนว่าจะกลายมาเป็นประธานของทั้งสองชมรมไปแล้วเอ่ยเร่งให้เหล่าลูกลิงทั้งหลายขึ้นรถบัส

     

    มือเรียวคว้ากระเป๋าลากใบใหญ่ของตนเดินไปยังท้ายรถเพื่อเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย  อากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้แบคฮยอนต้องใส่เสื้อกันหนาวเพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกาย

     

    เขาเป็นคนป่วยง่ายกว่าที่เห็น...

     

    ขาเรียวก้าวพาร่างของตนขึ้นไปบนรถบัส  ดวงตาคู่สวยกวาดมองหาที่นั่งก่อนจะตัดสินใจที่จะนั่งด้านหน้าเกือบติดกับประตู  คิดได้ดังนั้นแบคฮยอนก็เดินตรงไปทันที  แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก...

     

    ดวงตาคู่สวยของเขาประสานเข้ากับดวงตากลมโตของใครบางคนเข้าอย่างจัง  ใบหน้าน่ารักนั้นไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาแม้แต่น้อย  มีเพียงแค่สายตาว่างเปล่าเท่านั้นที่จับจ้องมายังเขา...

     

    ...พี่ลู่หาน...

     

    ใบหน้าสวยเสหลบ  แบคฮยอนกระชับหมวกไหมพรมสีน้ำเงินของตนเองให้ปิดใบหน้าลงมาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ริมหน้าตาง

     

    นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปได้สักพักคนก็เริ่มจะเต็มแล้ว  แต่เขาก็ยังไม่เห็นเงาของใครสักคนที่อยู่ในห้วงความคิดตลอดมา...

     

    พูดไม่ทันขาดคำก็มีใครคนหนึ่งทิ้งตัวลงนั่งที่เบาะข้างๆเขาจนต้องหันไปให้ความสนใจ  ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองมาที่เขาก่อนจะยิ้มบางๆให้

     

    “นั่งด้วยนะ”เสียงทุ้มนั้นเอ่ยขึ้น  แบคฮยอนล่ะอยากจะถีบจริงๆ  จะมาขออะไรในเมื่อเจ้าตัวน่ะหย่อยก้นนั่งลงเรียบร้อยแล้วเนี่ย!

     

    เห็นอีกคนไม่พูดอะไรชานยอลก็ถือซะว่าแบคฮยอนอนุญาตแล้วกัน...

     

    ก่อนรถจะออกเพียงไม่กี่นาทีเด็กหนุ่มนามคิมจงอินก็วิ่งกระหืดกระหอบขึ้นรถมาอย่างรวดเร็ว  จงอินกวาดสายตามองไปทั่วรถเพื่อหาที่นั่ง  แต่แล้วดวงตาก็ไปสะดุดอยู่ที่ด้านหลังของใครสักคนที่เขาเฝ้ามองมาตลอดเวลา  แต่พอเห็นว่าร่างบางนั้นนั่งอยู่กับใครเขาก็ต้องยิ้มออกมาบางๆด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

     

    ทั้งโล่งใจและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน...

     

    เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ว่างอีกตัวที่อยู่ไม่ไกลจากประตูหลังรถนัก

     

    จงอินชำเลืองมองคนข้างๆเนียนๆ  ร่างบางของลู่หานกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างสงบไม่คิดที่จะหันมาสนใจด้วยซ้ำว่ามีคนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆตน

     

    เขาเองก็ได้ยินเรื่องที่ชานยอลเลิกกับลู่หานมาจากแบคฮยอนแล้ว  ทีแรกเขาคิดว่าลู่หานจะต้องไม่ยอมแน่ๆ  เพราะหึงหวงถึงขั้นทำร้ายแบคฮยอนคนไม่หยุดเพียงแค่คำบอกเลิกของชานยอลหรอก...

     

    แต่คนข้างๆของเขาตอนนี้มันกลับเหมือนคนละคนกับที่เขาเคยรู้จัก...ใบหน้าหวานไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย  ไม่มีทั้งความเสียใจ  หรือแม้กระทั่งความโกรธ...

     

    แต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าเรื่องมันยังไม่จบแบบนี้แน่ๆ...

     

     

     

    “หนาวรึเปล่า?”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นข้างๆเรียกให้แบคฮยอนต้องหันไปให้ความสนใจ  ชานยอลกำลังส่งยิ้มบางๆมาให้เขาอย่างอ่อนโยนเรียกให้ใบหน้าสวยขึ้นสีเรื่อชวนมอง  มือหนาก็เลื่อนขึ้นไปปิดช่องแอร์เหนือศีรษะของพวกเขา  หลังจากที่เขาเฝ้ามองคนข้างๆมาสักพักก็ค้นพบความจริงที่ว่า...

     

    ...แบคฮยอนน่ะขี้หนาว...

     

    เพราะถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะสวมเสื้อกันหนาวอยู่แต่พอขึ้นรถมาได้สักพักก็เริ่มที่จะขดตัวเป็นกุ้งเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเองเสียอย่างนั้น

     

    “ข...ขอบคุณ...”เสียงหวานเอ่ยเบาๆก่อนเจ้าของเสียงจะหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างแทนเขาทันที  ใบหน้าสวยก็ยังคงขึ้นสีจางๆอย่างน่ารักจนชานยอลอดที่จะยิ้มไปกับภาพตรงหน้าไม่ได้

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    แบคฮยอนรีบกระโดดลงมายืนบนพื้นดินทันทีที่ถึงบ้านพัก  แขนเรียวเหยียดขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจ  การนั่งรถติดต่อกันหลายชั่วโมงมันทำให้เขาล้าไปหมด

     

    “เอ้าทุกคน! ลงจากรถแล้วไปรวมกันที่สนามบาสก่อน  เราจะแบ่งเรื่องห้องนอนแล้วให้เอาของไปเก็บนะ!”เสียงของประธานชมรมฮับคิโด้เอ่ยขึ้น  ถึงแม้ว่าจื่อเทาจะพูดไม่ค่อยชัดแต่ทุกคนก็จับใจความได้

     

    แบคฮยอนยืนรอให้คนที่แย่งกันเอากระเป๋าซาลงก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบกระเป๋า  ดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองหากระเป๋าที่เหลืออีกสี่ห้าใบก่อนมือเรียวจะเอื้อมไปยังกระเป๋าใบของตน  แต่แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อมีมือหนาของใครบางคนฉวยเอากระเป๋าของเขาตัดหน้าไปเสียก่อน

     

    “ฉันถือให้...”พูดจบริมฝีปากได้รูปก็ฉีกยิ้มหวานส่งมาให้จนคนตัวเล็กอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้  ริมฝีปากบางเบะลงก่อนขาเรียวจะเตะเข้าที่หน้าแข้งอีกคนเบาๆอย่างหมั่นไส้

     

    “โอ๊ย!”ชานยองแกล้งทำเป็นเจ็บก่อนจะต้องเจ็บจริงๆเพราะหมัดหนักๆของอีกคนที่ชกเข้าที่ต้นแขน

     

    “ประสาท!”ด่าจบคนตัวเล็กก็สะบัดตัวเดินออกไปทันทีทอ้งให้อีกคนได้เป็นเด็กยกกระเป๋าอย่างที่วาดฝันไว้

     

    “เอาล่ะทุกคน...ที่นี่มันไม่ใช่รีสอร์ทเพราะฉะนั้นจะมีห้องค่อนข้างน้อย  เพื่อความสะดวกเราจะให้นอนด้วยกันสองคนเพราะว่าตอนกลางคืนมันเปลี่ยว  ถ้าจะออกมาเข้าห้องน้ำก็พาเพื่อนมาด้วย....เดี๋ยวหายไปแล้วจะยุ่ง...”สิ้นเสียงทุ้มของกัปตันทีมบาสเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันที  คำพูดที่ส่อไปในทางขมขู่ยิ่งทำให้คนขวัญอ่อนอย่างแบคฮยอนเบ้หน้า

     

    ...เขาจะไม่นอนคนเดียวเด็ดขาด!

     

    “....งั้นทุกคนก็จับคู่กันเลย  ใครได้คู่แล้วมาลงชื่อแล้วเอากุญแจกับฉันนะ...”คริสเอ่ย  มือหนายกพวงกุญแจที่เต็มไปด้วยกุญแจห้องแขวนอยู่ขึ้นให้ทุกคนดู

     

    “ป่ะ!”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นข้างๆเรียกให้แบคฮยอนต้องหันไปให้ความสนใจ  ชานยอลจัดการวางกระเป๋าให้เรียบร้อยเพื่อเอื้อมไปคว้าข้อมือบางมากอบกุมไว้

     

    “ห๊ะ! อะไรนะ?  ไปไหน?”เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงงๆเมื่อจู่ๆเขาก็โดนฉุดกระชากลากถูให้เดินตามร่างสูงของคนข้างๆไป

     

    “ก็ไปแจ้งชื่อไง..”

     

    “ชื่ออะไร?”

     

    “ก็พวกเราจะนอนด้วยกันไงบยอนแบคฮยอน”

     

     

     

    ห๊ะ?

     

     

    ระหว่างที่คนตัวเล็กได้แต่มำหน้าเหวอเขาก็ถูกอีกคนลากจนมาหยุดอยู่ที่โต๊ะลงชื่อเป็นที่เรียวร้อย  ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากท้วงอะไรชานยอลก็จัดการเขียนชื่อตัวเองและชื่อของอีกคนลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    “นี่!”เสียงทักท้วงที่ดังขึ้นมาจากแบคฮยอนไม่อาจเรียกร้องความสนใจของชานยอลได้เลย  เพราะเขายื่นมือไปคว้ากุญแจห้องมาไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    “ปาร์คชานยอล!

     

    ...ก็เหมือนอย่างเคย...

     

    ...บยอนแบคฮยอนก็ทำได้แค่โวยวายเท่านั้นแหละ...

     

    “นี่พวกนายจะนอนด้วยกันได้มั๊ยเนี่ย...”เสียงทุ้มของคริสเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนกำลังวิ่งไล่เตะชานยอลอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    “นั่นสิ”แต่เสียงที่เอ่ยขึ้นเห็นด้วยกลับเรียกความสนใจของทุกคนได้มากยิ่งกว่าคำถามของคริสเสียอีก 

     

    ใบหน้าน่ารักนั่นกำลังคลี่ยิ้มหวานเหมือนที่พวกเขาเคยเห็นกันมาก่อน  ลู่หานเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

     

    “งั้นเอาอย่างงี้มั๊ยล่ะ...ฉันจะนอนกับแบคฮยอนเอง...”เสียงหวานนั่นเอ่ยขึ้นก่อนรอยยิ้มจะฉีกกว้างขึ้นจนตาปิด

     

    คิ้วข้าวของชานยอลขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นปม  ชายหนุ่มก้าวออกมาด้านหน้าคนตัวเล็ก  แขนแกร่งก็กางออกราวกับกันไม่ให้ลู่หานเข้าใกล้

     

    ดวงตาคมของชานยอลจ้องมองลึกลงไปในดวงตากลมโตของอีกคน...

     

    ...น่าแปลกที่มันมีแต่ความว่างเปล่า...

     

    สายตาของทั้งคู่สบประสานกันราวกับมีเมฆฝนก่อตัวอยู่เหนือหัวของพวกเขาทั้งคู่  บรรยากาศอึมครึมทำให้คนอื่นๆพากันถอยห่าง

     

    ...ทุกคนรู้เรื่องที่ชานยอลเลิกกับลู่หานแล้ว...

     

    “อ...เอ่อ...”ดูเหมือนคนที่ลำบากใจที่สุดจะกลายเป็นผู้ถือกุญแจอย่างคริสเสียแล้ว

     

    “ได้ไงครับพี่ลู่หาน...พี่บอกว่าจะมาเป็นเทรนเนอร์เรื่องฟิตหุ่นให้ผมไม่ใช่เหรอ”แต่จู่ๆเสียงทุ้มของใครคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ  เด็กหนุ่มผิวเข้มเดินยิ้มออกมายืนอยู่หน้าคริสก่อนจะลงมือเขียนชื่อตนเองและชื่อของคนที่เขาลากเข้ามาอยู่ด้วยลงไปทันที

     

    “เพราะงั้นเราต้องนอนห้องเดียวกันครับจะได้ดูแลกันง่ายๆ”เขียนไปปากก็เอ่ยไป  จงอินฉวยเอากุญแจห้องมาจากคริสก่อนจะเดินตรงไปยังกระเป๋าของลู่หานทันที

     

    “...งั้นเราเอาของไปเก็บกันเถอะครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างร่าเริง  เขาจัดการลากกระเป๋าของตัวเองและของเพื่อนร่วมห้องตรงไปยังห้องพักทันทีโดยไม่สนใจคำทักท้วงจากคนที่โดนมัดมือชกเลยแม้แต่น้อย

     

    ...เขามีลางสังหรณ์ว่าเรื่องมันยังไม่จบ...

     

    ...แล้วเขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพี่แบคฮยอนเด็ดขาด...

     

    ...โดยเฉพาะลู่หาน...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ...แบคฮยอนคิดว่าเคราะห์กรรมของเขามากพอแล้วที่ต้องนอนห้องเดียวกับปาร์คชานยอล...

     

    ...แต่อันที่จริงน่ะเขาคิดผิด!

     

    “อะไรเนี่ย!!!”เสียงหวานแหวขึ้นทันทีที่เข้ามาสำรวจห้องพัก  นอกจากจะมีขนาดไม่ใหญ่มากแล้วก็แทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์มีแต่....

     

    ...ฟูกที่นอน..................หนึ่งอัน...

     

    หนึ่งอันไงล่ะ!!!

     

    “แล้วจะนอนยังไงเล่า!”ขาเรียวง้างขึ้นก่อนจะเตะฟูกนั่นอย่างอารมณ์เสีย  ปากก็ยังคงบ่นๆๆไม่หยุด

     

    “ก็นอนด้วยกันไง”ปาร์คชานยอลก็ตอบหน้าตายเรียกค้อนวงโตจากอรกคนได้ทันที

     

    “นายจะบ้าเหรอปาร์คชานยอล?  ฟูกเดียวกันนะ”แบคฮยอนหันไปพูดให้ชานยอลได้ยินชัดๆ

     

    “...เตียงเดียวกันยังเคยมาแล้วนะ ฟูกเดียวกันก็เหมือนกันนั่นแหละ”พูดจบใบหน้าหล่อเหลาของชานยอลก็ยกยิ้มกวนประสาท  ก่อนจะต้องเปลี่ยนมาเป็นหัวเราะร่าเมื่อคนตัวเล็กเริ่มวิ่งไล่เตะเขาด้วยความหมั่นไส้

     

     

     

    ...กลับไปทะเลาะกันก็ยังดีกว่าให้แบคฮยอนเมินเขา...

     

     

     

    “มาครบกันแล้วใช่มั๊ย”เสียงหวานของลู่หานเอ่ยขึ้น  ดวงตากลมโตก็กวาดมองไปให้ทั่วเพื่อตรวจสอบเพื่อนร่วมค่าย  ลู่หานได้รับหน้าที่ในการเป็นโค้ชฝึกสอนเหมือนที่เขาเคยทำให้กับชมรมฮับคิโด  เพียงแต่คราวนี้คนที่เขาต้องคอยดูแลกมีเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวเพราะชมรมบาสที่ตกลงปลงใจจะมาเก็บตัวด้วยกัน

     

    “มาครบก็ดีแล้ว...วันนี้เราจะเริ่มฝึกกันเลยนะ”สิ้นเสียงหวานที่เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ่มแย้มเหมือนอย่างเคย  แต่ประโยคที่พูดออกมาราวกับยมทูตในคราบนางฟ้าชัดๆ!  เสียงโอดครวญดังระงมไปทั่ว  พวกเขาเพิ่งเดินทางไกลมา  แน่นอนอยู่แล้วที่ยังคงเหนื่อล้าจนอยากจะนอนพักกันอยู่

     

    “ถ้าใครทำไม่สำเร็จก็อดข้าวเย็น”คำขู่ของร่างบางดูจะได้ผล  เพราะทันทีที่ได้ยินทุกคนก็พากันปิดปากฉับและตั้งใจฟังกันทันที

     

    “เราจะวิ่งทะลุป่านั่น...”นิ้วชี้ไปที่ป่าด้านข้างของที่พักที่กินเนื้อที่กว้างขวาง  ลู่หายอดที่จะยกยิ้มด้วยความขบขันไม่ได้เมื่อเห็นว่าแต่คนทะหน้าสะพรึงขนาดไหน

     

    “...ไม่ต้องห่วงฉันทำเชือกกั้นบอกทางไว้แล้ว...ถ้าไม่ทะเล่อทะล่าก็ไม่หลงหรอก...ตอนนี้ก็หกโมงเย็น...”ข้อมือบางยกขึ้นมาเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือเรือนหรู

     

    “ถ้าภายในสองทุ่มยังไม่ถึงจุดนัดพบที่อยู่อีกฝั่งของป่าล่ะก็....งดข้าวเย็นนะ....”เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนเสียงหัวเราะใสๆจะดังตามมา  ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นภาพที่น่ารักเพียงใด...แต่ทุกคนกลับพร้อมใจลงความเห็นว่า...

     

     

     

     

     

     

    ....ปีศาจชัดๆ!

     

     

     

     

     

    ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง  ขาเรียวก็ทำงานของมันได้อย่างดีเยี่ยม  ตอนนี้พวกเขากำลังวิ่งเหยาะๆลัดเลาะเข้าไปในป่า  เชือกสีแดงที่ผูกโยงไว้ตามทางทำให้พวกเขารู้ว่ายังไม่หลงทาง  เพราะเวลาที่ล่วงเลยมาได้สักพักแล้ว  ท้องฟ้าสีครามจึงเปลี่ยนเป็นสีม่วงต้อนรับรัติกาลที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า 

     

    ความเงียบสงัดของป่ายามค่ำคืนยิ่งทำให้แบคฮยอนเสียสติ  ทุกฝีเก้าที่เท้าของพวกเขาเหยียบย่ำเสียงกร๊อบแกร๊บของใบไม้แห้งก็จะดังเข้ามาในโสดประสาททุกครั้ง  แบคฮยอนเลือกที่จะรักษาความเร็วของตนในอยู่ที่กลางๆกลุ่มเพราะเขารู้สึกว่าอยู่หน้าไปก็น่ากลัวอยู่หลังไปก็ชวนสติแตก

     

    ...ตรงกลางนี่แหละปลอดภัย

     

    มือเรียวยกขึ้นมาถูกันเบาๆเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย  ความมืดที่โรยตัวลงมาพร้อมกับความหนาวทำเอาขนลุกไปทั้งตัว  ถึงแม้เขาจะใส่เสื้อกันหนาวมาแล้วแต่มันก็ยังหนาวอยู่ดี...

     

    “หนาวเหรอ?”เสียงทุ้มของคนขายาวข้างๆเอ่ยถามขึ้น  แบคฮยอนหันไปมองก่อนจะพยักหน้าเบาๆ...

     

    ...ความจริงแล้วชานยอลวิ่งไปหน้าสุดเลยก็ได้...แต่เขาคิดว่าจะวิ่งเป็นเพื่อนคนตัวเล็กนี่...

     

    “อ่ะ!”ชานยอลจัดการถอดเสื้อกันหนาวของตนส่งให้แบคฮยอนเรียกให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ

     

    “ถอดมาทำไมเล่า! อยากหนาวตายเหรอปาร์ชานยอล! ใส่กลับไป”มือเรียวก็สะบัดๆเป็นเชิงไล่  เมื่อเห็นอีกคนดูท่าจะไม่สนใจความหวังดีของเขา  ชานยอลเลยยัดเยียดความหวังดีให้ทันที

     

    “อ๊ะ!”เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ถูกโยนปุลงบนหัวจนแบคฮยอนแทบเสียหลัก  มือเรียวคว้ามันมาสวมไว้ก่อนจะหันไปค้อนใส่อีกคนเล็กน้อย  แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือรอยยิ้มกว้างที่เขาเกลียดแสนเกลียด...

     

     

     

    ....เพราะทุกครั้งที่ได้รับ  หัวใจเขาก็เต้นผิดจังหวะทุกที...

     

     

    “นายเป็นอะไรรึเปล่า”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่สังเกตเห็นว่าคนตัวเล็กดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่

     

    “เปล่า...”แบคฮยอนตอบแต่คนตัวเล็กก็ค่อยๆวิ่งเข้ามาใกล้ชานยอลมากขึ้น

     

    “หรือว่ากลัว?”ชานยอลเอ่ยถามอย่างล้อเลียน  เขายังจำได้ดีว่าจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของบยอนแบคฮยอนเป็นอะไร

     

    ยิ่งเห็นใบหน้าสวยนั้นเบ้ลงราวกับเด็กที่ถูกรู้ทันก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้  แบคฮยอนเหวี่ยงค้อนไปให้สองสามทีก่อนจะต่อยไปที่ต้นแขนของอีกคนอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้  เรียกเอาเสียงหัวเราะของชานยอลหุบลงทันที

     

    “...ไม่ต้องกลัวหรอก  ฉันอยู่กับนายนี่ไง...”ชานยอลเอ่ยขึ้นก่อนรอยยิ้มอ่อนโยนจะถูกส่งไปให้อีกคน  ใบหน้าหวานขึ้นสีน้อยๆก่อนจะค่อยๆเขยิบเข้ามาวิ่งข้างๆชายหนุ่ม

     

    “ปกติพี่ลู่หานไม่เคยให้ฝึกตอนกลางคืนแบบนี้เลยนะนายรู้มั๊ย....”เสียงหวานที่เอ่ยออกมาเรียกให้ชานยอลที่กำลังอมยิ้มอยู่คนเดียวต้องหันกลับมาให้ความสนใจ

     

    “...เพราะพี่เขารู้ว่าฉันกลัว...”เสียงหวานขาดหายไปในประโยคสุดท้าย  เขารู้ว่าแบคฮยอนหมายถึงอะไร  เขารู้ว่าแบคฮยอนเล่าให้เขาฟังทำไม...

     

    มือหนาเลื่อนไปลูบหัวอีกคนเบาๆคล้ายการปลอบ  บางทีเขาก็คิดว่าบยอนแบคฮยอนที่แข็งแกร่งคนนั้นเป็นแค่กำแพงที่คนตัวเล็กสร้างขึ้น  เพราะที่จริงแล้วแบคฮยอนที่ราวกับเด็กน้อยตอนนี้ต่างหากที่เป็นตัวจริง...

     

    “ใครถึงฝั่งนู้นที่หลังเป็นเบ๊จนถึงวันกลับ!”ชานยอลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงท้าทายก่อนมือหนาที่เคยลูบหัวอีกคนอย่างอ่อนโยนจะเปลี่ยนมาเป็นขยี้แทน  ชานยอลผลักหัวของแบคฮยอนออกก่อนจะวิ่งนำขึ้นไปโดยไม่คิดจะรอคำตกลงจากคนถูกท้าเลยแม้แต่น้อย

     

    “ย่า! ปาร์คชานยอล!

     

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนทิ้งตัวนอนแผ่ที่พื้นอย่างหมดแรงหลังจากที่เขาวิ่งเต็มสปีดมาจนถึงจุดนัดพบ  ไม่นานนักชานยอลก็เดินยิ้มลงมานั่งข้างๆเขา เสียงหอบหายใจถี่รัวที่ดังออกมาจากอีกคนทำให้เขารู้ว่าชานยอลเองก็เหนื่อยไม่ใช่น้อย

     

    ...เขารู้ว่าที่เขาวิ่งมาถึงก่อนนี่เป็นเพราะชานยอลไม่ได้วิ่งเต็มสปีด  แถมอีกคนยังใส่แค่เสื้อยืดกางเกงวอร์มวิ่งผ่านอากาศหนาวๆแบบนี้มาด้วย...

     

    “ขอบคุณนะ...”เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นปนกับเสียงหอบหายใจเรียกให้ชานยอลต้องหันไปมอง

     

    “สำหรับเรื่องที่นายคิด  แล้วก็เรื่องที่นายทำเมื่อกี้...”คำพูดของอีกคนเรียกให้ชายหนุ่มอดที่จะฉีกยิ้มไม่ได้

     

    ...ที่เขาชวนแบคฮยอนแข่ง  ก็เพราะไม่อยากให้อีกคนกลัว...

     

    ...ซึ่งดูเหมือนจะโดนแบคฮยอนรู้ทัน...

     

    “อ...ไม่เป็นไร...”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆอย่างเคอะเขิน  มืหนาก็ยกขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ  แบคฮยอนอดที่จะหัวเราะออกมากับอาการเคอะเขินของอีกคนที่นานๆทีจะมีให้เห็นไม่ได้

     

    ...ปาร์คชานยอลก็มีมุมที่น่ารักเหมือนกันนะ...

     

    ไม่น่านนักเหล่าสมาชิกของทั้งสองชมรมผู้เคราะห์ร้ายก็ค่อยๆทยอยกันมาถึง  เมื่อเห็นว่าทุกคนมาถึงครบแล้วคนที่นั่งจับเวลาอยู่ข้างกองไฟอุ่นๆก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  ใบหน้าน่ารักฉีกยิ้มหวานให้อย่างเคย  ลู่หานปรบมือเรียกให้ทุกคนมานั่งพักที่หน้ากองไฟ

     

    “ดูเหมือนวันนี้จะไม่มีคนอดข้าวเย็นนะ...”ลู่หานเอ่ยขึ้นก่อนจะทยอยยกถาดข้าวที่เตรียมไว้มาแจกจ่ายให้ทุกคน

     

    ไม่ต้องรอให้สั่งเหล่านักกีฬาผู้หิวโซก็จัดการฟาดอาหารตรงหน้าทันทีชานยอลเองก็เช่นกัน  ความหิวและความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการออกกำลังกายเข้าเกาะกุม  เจ้าตัวจัดการจ้วงข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือมาด

     

    แบคฮยอนจ้องมองการกินที่แสนมูมมามของคนข้างๆแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้  คนตัวเล็กเองก็เริ่มใช้ช้อนเขี่ยๆดูอาหารในจากของตนเองเตรียมลงมือกินแล้วเช่นกัน

     

    “ทำไมไม่กินล่ะ?”หลังจากที่จัดการจานข้าวของตนจนสะอาดหมดจดแล้ว  ชานยอลที่เอาแต่กินจนไม่ลืมหูลืมตาก็เงยหน้าขึ้นมามองคนข้างๆ  เขาเห็นเพียงมือบางที่เขี่ยๆอาหารในจานเท่านั้น

     

    “ฉันกินไม่ได้...”แบคฮยอนเอ่ยเบาๆ 

     

     

     

     

    “...ฉันแพ้กุ้ง...”

     

     

     

    ...ใช่เขาแพ้กุ้ง...

     

    ...ความจริงข้อนี้เริ่มทำให้เขารู้สึกแย่...

     

    ทุกครั้งที่เขาเคยไปเข้าค่ายเก็บตัวของชมรมฮับดิโดเขาไม่เคยที่จะต้องกังวงลเลย  เพราะลู่หานคอยจัดการเรื่องพวกนี้ให้จนหมด  ลู่หานรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับเขาแล้วก็มักจะคอยจัดการให้เขาอยู่ได้อย่างสบายใจมากที่สุด

     

    ทั้งเรื่องที่เขากลัวผีและเรื่องที่เขาแพ้กุ้งแบบนี้ก็เช่นกัน...

     

    ...แต่ดูเหมือนเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว...

     

    ...ก็เป็นเพราะเขาเอง...

     

     

    “ตามมานี่มา!”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น  มือหนาจัดการวางถาดอาหารของตนลงก่อนจะเอื้อมไปคว้าข้อมือบางของอีกคนให้ลุกตามตนเองมา

     

    ...พอเห็นใบหน้าสวยที่เสลดลงเขาก็รู้ทันทีว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่...

     

     

     

    ...เขาจะไม่ทำให้แบคฮยอนร้องไห้อีก...

     

     

     

    แบคฮยอนได้แต่นั่งมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าอย่างตกตะลึง  มือหนาไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ดูชำนาญไปเสียหมด  ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังจริงจังกับอะไรสักอย่าง...

     

    ...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันน่าหลงใหลเพียงใด...

     

    “อ่ะ...ไข่เจียวร้อนๆได้แล้วครับ...”ชานยอลเอ่ยอย่างอารมณ์ดี  ก่อนมือหนาจะวางจานข้าวและไข่เจียวที่เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้ลงตรงหน้าอีกคน  กลิ่นหอมของอาหารเรียกเอาท้องของเขาส่งเสียงประท้วงครืดคราด

     

    “ขอบคุณนะ!”แบคฮยอนเอ่ยขอบคุณตาวาว  ก่อนคนตัวเล็กจะลงมือทานไข่เจียวด้วยความอเร็ดอร่อยทันที

     

    ชานยอลจ้องมองภายตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม...  มาถึงขนาดนี้แล้วเขาก็มั่นใจแล้วว่าการเลิกราของเขากับลู่หานมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด  เขาลู่ว่าการกลั่นแกล้งแบคฮยอนเล็กๆน้อยๆนี่ไม่ใช่สิ่งที่ลู่หานตั้งใจไว้...

     

    “แบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อตนทำให้แบคฮยอนต้องเงยหน้าขึ้นมามองทั้งๆที่ยังมีไข่เจียวอยู่เต็มปาก

     

     

     

     

    “...จำไว้นะ...ไม่ว่าใครจะคิดร้ายกับนายยังไง  ฉันนี่แหละที่จะคอยปกป้องนายเอง...”

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    เวลาล่วงเลยมาจนถึงตีสองแล้วแต่แบคฮยอนก็ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับได้  คำพูดของชานยอลยังคงดังก้องอยู่ในหัวสมอง  คนตัวเล็กกระชับผ้าห่มให้สูงขึ้นก่อนดวงตาคู่สวยจะเหลือบไปมองแผ่นหลังกว้างของอีกคนที่กำลังนอนคุดคู้อยู่นอกฟูก...

     

    ชานยอลตัดสินใจที่จะยกฟูกให้เขานอนแล้วตัวเองก็นอนอยู่ข้างๆกัน  ไม่มีฟูก  ไม่มีหมอน  ไม่มีแม้กระทั่งผ้าห่ม  มีเพียงแค่เสื้อกันหนาวของชายหนุ่มเท่านั้นที่ให้ความอบอุ่น

     

    “นายยังไม่หลับใช่มั๊ย?”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเรียกให้แบคฮยอนหลุดออกจากภวังค์

     

    “อื้อ”แบคฮยอนตอบ

     

    “นอนไม่หลับเหรอ?”ชานยอลเอ่ยถาม  ก่อนชายหนุ่มจะพลิกตัวหันกลับมาจ้องหน้าแบคฮยอน  วงตาคมคู่นั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย

     

    “ก็นิดหน่อย”

     

    “นายควรจะรีบนอนนะ...พรุ่งนี้ก็มีซ้อมอีกไม่ใช่เหรอ?”แบคฮยอนพยักหน้าให้ชานยอล

     

    ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากหลับนะ...แต่เพราะตอนนี้ในสมองมันมีเรื่องมากมายประดังกันเข้ามาเสียจนหลับไม่ลงต่างหาก

     

    “แต่ฉันนอนไม่หลับ...”

     

    “มานี่สิมีอะไรจะให้ดู...ความจริงแล้วกะจะเก็บไว้เป็นความลับซะหน่อย  แต่เห็นลูกหมาขี้อ้อนแถวนี้มันเลยอกสงสารไม่ได้”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น  ชานยอลลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนมือหนาจะเอื้อมมาหาอีกคนหวังจะช่วยให้อีกคนลุกขึ้นยืนได้อย่างไม่ลำบากมากนัก  มือเรียวเอื้อมไปจับมือหนาของอีกคนไว้...ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากฝ่ามือของอีกคนเรียกให้แบคฮยอนต้องยิ้มออกมาบางๆ

     

    “หลับตาก่อนสิ...”ชานยอลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงอย่างที่อีกคนต้องการ...

     

    ...อะไรกันนะที่ชานยอลอยากให้เขาดู...

     

    สายลมที่พัดผ่านใบหน้าของเขาเข้ามาทำให้ร่างบางอดที่จะแปลกใจไม่ได้  กลิ่นหอมของอะไรสักอย่างลอยเข้ามาอย่างชัดเจน

     

    “ลืมตาได้แล้ว...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเรียกให้แบคฮยอนค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างว่าง่าย

     

    ภาพตรงหน้าทำให้แบคฮยอนตกตะลึง  แสงระยิบระยับจากเหล่าหิ่งห้อยตัวน้อยกำลังเกาะกุมกันอยู่บนต้นไม้ใหญ่ตรงกลางสวนนั่น  น้ำค้างที่เกาะอยู่ตามใบไม้และกลีบดอกไม้ที่ทอดยาวไปที่พื้นสะท้อนแสงจากหิ่งห้อยราวกับพวกเขาอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวดวงเล็กๆ

     

    ขาเรียวพาร่างบางของเจ้าของก้าวออกไปยังระเบียงห้องเพื่อจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างหลงใหล  รอยยิ้มกว้างอย่างตกตะลึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย

     

    “สวยมากเลย...”เสียงหวานอุทานออกมาอย่างดผลอไผล

     

    ...เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าห้องนี้มีระเบียงแบบนี้ด้วย...

     

    แสงจันทร์นวลต้องผิวขาวของคนตรงหน้าขับให้ผิวขาวนั้นน่าสัมผัสยิ่งขึ้นไปอีก  รอยยิ้มสวยงามที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาเรียกให้ชานยอลอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

     

    ...นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้...

     

    “ใช่...สวยมากเลย”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆที่ข้างใบหูบาง  มือหนาก็ตวัดเกี่ยวรอบเอวบางของคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน  ชานยอลค่อยๆวางคางลงบนลาดไหล่บางของคนตัวเล็กอย่างออดอ้อน

     

    “...หมายถึงนายนะแบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเรียกเอาพวงแก้มขาวขึ้นสีแดงกล่ำจนแทบจะกลายเป็นมะเขือเทศ  แบคฮยอนพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของอีกคนเพราะความเขินอาย  แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดดิ้นทันทีที่จมูกโด่งของชายหนุ่มที่โอบกอดเขาอยู่ฝังลงไปในแก้มของตน...

     

    “...หอมด้วย...”ชานยอลสูดกลิ่นหอมจนเต็มปอด  กลิ่นกายของคนตรงหน้าช่างหอมหวานยิ่งกว่าเหล่าดอกไม้ป่าที่พากันบานสะพรั่งอยู่ด้านนอกนั่นเสียอีก

     

    ...ทั้งรอยยิ้ม  ทั้งกลิ่นกายที่หอมหวานนี่...

     

    ...ทุกสิ่งทุกอย่างของบยอนแบคฮยอนคือสิ่งที่เขาหลงใหล...

     

    “ฉันขอโทษนะ...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นทำให้แบคฮยอนต้องนิ่งฟัง

     

    “ฉันจะไม่ขอให้นายยกโทษให้...แต่ฉันอยากขอโอกาสให้คนอย่างฉันอีกสักรอบได้มั๊ยแบคฮยอน...”ชานยอลค่อยๆคลายอ้อมกอดออกก่อนจะหมุนร่างบางของอีกคนเข้ามาให้ดวงตาของทั้งสองสบกัน

     

     

     

    “...ฉันรักนายแบคฮยอน...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นเรียกเอาหัวใจของคนฟังเต้นระรัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ

     

     

    ...นี่ใช่มั๊ยคือสิ่งที่เขาร้องขอมาตลอด...

     

     

    ...นี่ใช่มั๊ยคือสิ่งที่เขายอมทำทุกอย่างมาจนถึงตอนนี้...

     

     

    ...นี่คือ...................เรื่องจริงใช่มั๊ย?

     

     

    หยาดน้ำใสๆค่อยๆก่อตัวขึ้นที่หน่วยตาก่อนจะกลั่นตัวหยดออกมาจากดวงตาคู่สวยนั่นช้าๆ  ริมฝีปากอิ่มแย้มรอยยิ้มหวานอย่างที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน

     

     

    ...แบคฮยอนกำลังดีใจ...

     

    ...ดีใจจนไม่อาจเก็บต้ำตานี่ไว้ได้อีกต่อไป...

     

     

    “...ฮึก...”เสียงสะอื้นที่เร็ดรอดออกมาเริ่มทำให้ชานยอลใจไม่ดี  แขนแกร่งคว้าร่างบอบบางของอีกคนเข้ามาในอ้อมกอด

     

     

    ...ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้ลงไปในอ้อมกอดนี้...

     

     

    ...หากเขายอมรับใจตนเองตั้งแต่แรก...

     

     

    ...แบคฮยอนคงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้...

     

     

    “...หยุดร้องเถอะนะแบคฮยอน...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเว้าวอน  ริมฝีปากหนาไล่จุมพิตซับน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าของอีกคนอย่างอ่อนโยน

     

    “...ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งได้มั๊ย...บยอนแบคฮยอน...”ชานยอลจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยของอีกคน  ดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื้นตัน

     

    ความรู้สึกผิดที่ฉายชัดบนดวงตาของอีกฝ่ายเรียกให้หัวใจดวงน้อยๆของเขาต้องสั่นรัว  แบคฮยอนเองก็จ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีรัตติกาลของอีกฝ่ายเช่นกัน

     

    ...หวังว่าชานยอลคงจะเข้าใจสิ่งที่ส่งออกไปจากดวงตาคู่นี้...

     

    “...ได้โปรด...”เสียงทุ้มที่กำลังจะเอ่ยต้องขาดหายไปเพราะริมฝีปากอิ่มของคนตัวเล็กที่ทาบทับลงมา  มือเรียวคว้าไหล่หนาของชายหนุ่มคล้ายหลักยึดเหนี่ยว  แบคฮยอนเขย่งปลายเท้าให้จูบของเขาแนบชิดกับอีกฝ่ายมากขึ้น

     

     

    ...จูบอบอุ่นที่ไม่มีการรุกล้ำใดๆทั้งนั้น...

     

     

    ...รสจูบที่มีเพียงความรักอันบริสุทธิ์...

     

     

    ...ไม่มีความอยากหรือความใคร่เข้ามาเจือปน...

     

     

     

    แบคฮยอนค่อยๆถอนจูบออกจากอีกฝ่ายช้าๆ  ดวงตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเหวอด้วยความขบขัน  รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย

     

     

    ...เขาตัดสินใจแล้ว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “โอกาสของนายมีอีกครั้งเดียวเท่านั้นปาร์คชานยอล...อย่าทำให้ฉันเจ็บปวดล่ะ...”

     

     

     

     

     





    TBC.
    TALK. เอามาลงครึ่งนึงไว้ก่อนค่า  เดี๋ยวอีกครึ่งจะตามมา  แต่ยังไงก็จะพยายามให้ครบตอนภายในอาทิตย์นี้นะ  แต่ตอนนี้ใกล้สอบไฟนอลแล้วค่ะ  งานเลยสุมหัว  เพชรจะขอไปปั่นงานก่อนเลย 55555555555555  ไว้เจอกันอีกทีตอนจบตอนค่ะ

    เอามาลงให้ครบแล้วค่ะในที่สุด  #ดีใจโพดดดดด  ตอนนี้ยอมรับว่าแต่งได้อย่างยากลำบากเพราะหวัดกินค่ะ 555555555555555  แต่มันก็ออกมาแล้วเนอะ  ดีใจมากค่ะ

    ในที่สุดปชย.ก็บอกรักน้องแบคแล้ว เย้! #ปิดซอยฉลอง  งืออออออ  เอาล่ะสิจะเป็นยังไงต่อไปน้าาาาา ><  อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

    เพชรว่าจะรวมเล่มนะ  ตอนนี้กำลังหาสำนักพิมพ์อยู่ค่ะ  เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก  เพชรอาจจะมีปัญหากับการรวมเล่ม  แต่จะพยายามค่ะ  เพราะเพชรอยากรวมเล่มมาก #ฮาาาาาาาาาาาา  ถ้าได้รายละเอียดอะไรเรียบร้อยแล้วรับรองว่าจะรีบมาแจ้งทันทีค่ะ

    รักนักอ่านทุกคนนะคะ  เจอกันตอนหน้ค่ะ ม๊วฟฟฟฟฟฟ >3< #โปรยจูบ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×