ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Play Boy's GAME (Chanyeol x Baekhyun) | END.

    ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER 9

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.51K
      18
      17 พ.ย. 55

     CHAPTER  9
    17.11.12

     

     

     

     

    ชานยอลเงยหน้ามองป้ายขนาดใหญ่หน้าประตูสวนสนุก...

     

    นี่อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งมากับพี่ลู่หานนะ  อาทิตย์นี้เขาก็ต้องมาอีกหรอเนี่ย?

     

    ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู  อีกห้านาทีเก้าโมง...

     

    ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตตัวหรูและกางเกงยินส์ราคาแพง  เรือนผมสีอ่อนถูกเซ็ตมาอย่างดี  เรียกความสนใจจากคนแถวนั้นได้มากมาย

     

    “ชิ”เสียงทุ้มอุทานออกมาเล็กน้อย  เมื่อสายลมแรงๆที่พัดผ่านมาพาเอาทรงผมของเขาให้เสียทรง  ชานยอลรีบจัดให้มันเข้าที่อย่างรีบเร่ง...

     

    เดี๋ยว...

     

    แล้วทำไมจะต้องมาเซ็ตให้ตัวเองดูดีด้วยวะ??????

     

    มือหนาที่กำลังเซ็ตผมเปลี่ยนมาเป็นขยี้มันแทน  ผมที่เคยเซ็ตไว้มันถึงได้หล่งลงมาปิดหน้าปิดตายุ่งเหยิงเสียจนต้องอาศัยกระจกป้อมยามที่ไร้คนในการตรวจสอบความเรียบร้อย

     

    “ทำบ้าอะไรของแกวะ?”เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นจากด้านหลังเรียกให้ชานยอลสะดุ้งโหยง

     

    ร่างบางที่เขากำลังรออยู่ยืนมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ  วันนี้แบคฮยอนดูแปลกไปกว่าทุกครั้ง  อาจจะเป็นเพราะชุดที่คนตัวเล็กสวมใส่นั้นมันไม่ใช่แบบที่เขาจะได้เห็นบ่อยๆกระมัง

     

    เสื้อยืดแขนยาวสีเหลืองสดใสกับกางเกงยันส์พับขา  ถึงจะดูสบายๆแต่ก็นำเทรนในที  ชุดน่ะสบายๆนะแต่หน้าเนี่ย...

     

    “ทำไมนายต้องโบกแป้งมาขนาดนั้นด้วยเนี่ย...แล้วตาอีก”ชานยอลเอ่ยถามด้วยความสงสัย  มีอย่างที่ไหนมาสวนสนุกคนตัวเล็กเล่นจัดหน้าซะเต็มขนาดนั้น

     

    “นายก็เหมือนกันนั่นแหละ...จัดมาทำไมทั้งชุด”แบคฮยอนสวนขึ้นพลางสายตาก็จ้องมองอีกคนตั้งแต่หัวจรดเท้า  มีอย่างที่ไหนมาสวยสนุกแต่งตัวอย่างกับจะไปเดินแบบ

     

    “แล้วนี่ทำอะไรอยู่เนี่ย?”แบคฮยอนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าชอนยอลไม่ต่อความแต่ชายหนุ่มเอาแต่สนใจอยู่กับกระจกยาม

     

    “พอดีผมยุ่งไปหน่อย...”ชานยอลเอ่ยตอบตามความจริง...เอ่อ...อันที่จริงคือมันไม่หน่อย

     

    ยุ่งเหยิงสุดๆเลยล่ะ!

     

    “ทำอย่างงั้นมันจะหายยุ่งไม่เล่า! นอกจากจะสูงเกินความจำเป็นแล้วยังโง่เกินความจำเป็นอีกนะนาย!”แบคฮยอนดุอีกคนก่อนมือเรียวจะจับให้อีกคนหันหน้ามาหาตัวเอง  ก่อนจะรั้งให้หัวของชานยอลก้มลงมาในระยะที่เขาเอื้อมถึง

     

    ชานยอลนิ่ง...ตอนนี้ใบหน้าของเขาก้มลงมาจนอยู่ในระดับเดียวกับแผ่นอกของอีกคน  ระยะห่างเพียงเล็กน้อยที่ทำให้เขาสามารถได้กลิ่นกายอ่อนๆของอีกคนได้อย่างชัดเจนทำเอาหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ

     

    “อ่ะ! เสร็จแล้ว!”เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากที่จ้องมองผลงานของตัวเองอยู่นาน  ตอนนี้ผมของชานยอลมันเริ่มดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาแล้วล่ะ...

     

    ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาอยู่ในระดับปกติ  ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าด้านข้างของแบคฮยอนอย่างไม่วางตา  รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว  ความเป็นธรรมชาตินั่นมันยิ่งทำให้เขาไม่อาจถอนสายตาไปได้

     

    “...จะยืนอีกนานมั๊ยเดี๋ยวฉันก็เปลี่ยนใจหรอก”แบคฮยอนหันมาเอ็ดชานยอลที่เอาแต่ยืนนิ่งก่อนที่คนตัวเล็กจะเดินนำเข้าไปในสวนสนุก  ชานยอลลอบยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินตามอีกคนเข้าไป

     

    “ย๊า!!!  ตั๋วบ้าอะไรทำไมมันแพงแบบนี้วะ!”แบคฮยอนโวยวายทันทีที่เดินพ้นออกมาจากจุดจำหน่ายตั๋ว

     

    “ก็นายบอกจะเอาตั๋ววันเองไม่ใช่เหรอ?  เตือนแล้วก็ไม่ฟังว่ามันแพงแล้วอีกอย่างนะวันเดียวเล่นไม่ครบหรอก”ชานยอลเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มผู้ชนะให้อีกคนหมั่นไส้เล่น

     

    “เดี๋ยวฉันก็เปลี่ยนใจไม่เลี้ยงซะหรอก!”แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะเตะหน้าแข้งอีกคนไม่เบานักด้วยความหมั่นไส้ในใบหน้าเยาะเย้ยนั่น

     

    “คร้าบๆ”ชานยอลลากเสียงยานคานอย่างล้อเลียนเรียกสายตาจิกลึกถึงทรวงได้เป็นอย่างดี

     

    “ดี!”แบคฮยอนกระแทกเสียงก่อนขาเรียวจะพยายามก้าวยาวๆเดินนำอีกคนไป  ชานยอลหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้

     

    เรื่องของเรื่องก็คือหลังจากที่เขาเล่าให้แบคฮยอนฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในวันที่เขาขอลู่หานคบ  เขานึกว่าแบคฮยอนจะหัวเราะเยาะแล้วล้อเลียนว่าเขาอ่อนเสียอีก  แต่มันกลับผิดคาด...

     

    เพราะแบคฮยอนเอาแต่นิ่ง...

     

    นิ่งจนเขาไม่สามารถเดาได้ว่าอีกคนนั้นคิดอะไรอยู่...

     

    “วันเสาร์ไปเที่ยวกัน!”แต่จู่ๆหลังจากที่เงียบไปนานคนตัวเล็กก็โผล่งขึ้นมาจนเขาตกใจแทบหงายหลัง  สรุปวันนี้เขาและแบคฮยอนเลยมาเที่ยวด้วยกันอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่...

     

    ...เพราะเหมือนว่าแบคฮยอนจะบังคับให้เขามาเสียมากกว่า

     

    ไม่นานนักพวกเขาก็เดินมาหยุดอยู่ที่เครื่องเล่นชิ้นหนึ่ง  ชานยอลเหลือบมองแบคฮยอนที่รีบวิ่งเข้าไปต่อแถวราวกับเด็กๆแล้วก็อดที่จะหัวเราะเบาๆไม่ได้  ดวงตาคู่สวยเป็นประกายระยิบยามที่จ้องไปยังเครื่องเล่นชิ้นนี้

     

    “มาต่อแถวสิ!”เสียงหวานตะโกนเรียกเขาก่อนมือเรียวจะกวักยิกๆ

     

    “กลัวไม่ได้เล่นรึไง?”ชานยอลเอ่ยถามพลางสงสายตาล้อเลียนให้อีกฝ่าย

     

    “เออสิ! นายไม่เห็นรึไงว่าคนมันเยอะแค่ไหน”

     

    “ก็ไปเล่นอย่างอื่นค่อยกลับมาเล่นสิ”

     

    “ไอ้นี่เป็นสิ่งที่ฉันอยากเล่นที่สุดในสวนเลยนะเว่ย!”แบคฮยอนพูดก่อนจะหันหน้ากลับไปเข้าแถวต่ออย่างมุ่งมั่น

     

    คราวที่แล้วที่เขามากับลู่หานเขาไม่สามารถเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวพวกนี้ได้เลยเพราะลู่หานกลัวความสูง...  สายตาคมเหลือบมองขึ้นไปยังรถไฟเหาะด้านบนที่กำลังตีลังกาอย่างหน้าหวาดเสียวก่อนจะเลื่อนมาหยุดที่ร่างบางที่ยืนอยู่หน้าเขา  ริมฝีปากบางนั้นยิ้มทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาให้ได้ยิน

     

    ไม่นานนักก็ถึงรอบของพวกเขา  แบคฮยอนรีบวิ่งไปจองที่นั่งหน้าสุดอย่างไม่คิดจะหวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น

     

    “นายคงไม่กลัวใช่มะ?”แบคฮยอนหันมาถามเขาที่นั่งข้างๆหลังจากที่ล็อคที่นั่งเรียบร้อยแล้ว

     

    “ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”ชานยอลก็ยักคิ้วกลับให้อีกฝ่าย

     

    ยังไม่ทันได้ตั้งตัวรถไฟก็กระชากตัวออกอย่างแรงเสียจนเรียกเสียงกรี๊ดเบาๆได้จากผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหลังเขา

     

    ชานยอลได้ยินแต่เสียงร้องอย่างถูกอกถูกใจจากคนข้างๆ  รอยยิ้มสดใสอย่างที่ไม่เคยได้เห้นของแบคฮยอนทำให้เขาเผลอจ้องมองมันอย่างลืมตัว

     

    “เห็นนั่นมั๊ย!”ชานยอลตะโกนตามแบคฮยอนแข่งกับเสียงกรีดร้องที่ดังระงมไปหมด

     

    “ไหน!

     

    “ที่ทะเลสาบนั่นน่ะ!”เนื่องจากรถไฟเหาะอันนี้เป็นเครื่องเล่นที่สูงที่สุดของสวน  เมื่อนั่งอยู่แบบนี้ทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นทุกส่วนของสวนได้จนหมด

     

    “ทำไมนะ!

     

    “ฉันอยากเล่น!”ชานยอลบอกก่อนมือจะชี้ไปยังทะเลสาบ

     

    “ก็เอาสิ! วู้วววววววว!”แบคฮยอนรับคำก่อนจะร้องออกมาอย่างถูกใจเมื่อถึงช่วงตีลังกา

     

    ชานยอลหัวเราะเบาๆ  เขาว่าแบคฮยอนคงไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่เขาชี้น่ะคืออะไร  เพราะถ้ารู้คนตัวเล็กคงไม่ยอมตอบตกลงง่ายๆแบบนี้หรอก...

     

    ชานยอลปล่อยให้อีกคนลากไปเล่นนู่นทีนี่ทีอย่างไม่คิดจะโต้แย้ง...ไม่สิ  เขาแย้งไปแล้ว  แต่จะมีใครขัดใจบยอนแบคฮยอนได้กันล่ะ?

     

    “นี่...พอเหอะ...”ชานยอลเอ่ยเสียงเหนื่อยอ่อนเมื่อถูกลากมายังไวกิ้งที่มีเสียงกรีดร้องดังเป็นแบ็คกราวมิวสิค

     

    “ทำไม? จะอ้วกแล้วรึไง?”เสียงหวานเอ่ยถามอย่างล้อเลียน

     

    ก็แน่ล่ะสิ! ถึงแม้เขาจะไม่ได้กลัวพวกเครื่องเล่นหวาดเสียว  แต่การที่แบคฮยอนลากเขาไปเล่นนู่นนี่นั่นที่ล้วนแต่หวาดเสียวแบบนี้เนี่ย! มันก็เสียสุขภาพจิตเหมือนกันนะ

     

    “ฉันเล่นตามใจนายมาครึ่งวันแล้วนะ...นี่ยังไม่หิวรึไง”ชานยอลเอ่ยถามเพราะหลังจากที่ชายหนุ่มกะเวลาคร่าวๆนี่ก็คงจะเที่ยงแล้ว

     

    “เล่นไอ้นี่ก่อน”แบคฮยอนเอ่ยเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของชานยอลเริ่มตึงๆ

     

    “นายควรจะตามใจฉันมั่งนะ”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง

     

    “เออๆ  เล่นไอ้นี่เป็นอย่างสุดท้ายแล้วฉันจะตามใจนาย!”แบคฮยอนยื่นข้อเสนอ  ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาอย่างออดอ้อน

     

    “ห้ามกลับคำนะ”ชานยอลเอ่ย  แบคฮยอนพยักหน้าให้ก่อนเจ้าตัวจะรีบวิ่งไปต่อแถวเพื่อเล่นไวกิ้ง

     

     

     

     

    “นายแน่ใจนะว่าจะไม่นั่งพักจริงๆ”ชานยอลเอ่ยถามให้แน่ใจ  ตอนแรกเขากะว่าจะพาแบคฮยอนไปนั่งกินร้านอาหารเกาหลีเพราะคราวที่แล้วที่มากินเขาว่ามันอร่อยดี  แต่แบคฮยอนดันซื้อฮอตด็อกรถเข็นกินซะงั้น

     

    “ฉันว่าเดินไปกินไปมันสนุกกว่า”ร่างบางยักไหล่ไม่สนใจก่อนจะจัดการงับฮอตด็อกเข้าปากไปอีกคำใหญ่

     

    ชานยอลทองตามแผ่นหลังบางที่เดินนำเขาไปลิ่วๆอย่างใช้ความคิด...

     

    ต่างกันจริงๆด้วย...

     

    ลู่หานกลัวความสูงแต่แบคฮยอนชอบ...

     

    ลู่หานชอบนั่งพักแต่แบคฮยอนไม่ชอบ...

     

    มากับลู่หานเขาไม่สนุกแต่แบคฮยอน...

     

    “เดินเร็วๆซิ! นายจะเล่นอะไรล่ะเดี๋ยวก็หมดวันก่อนหรอก เปลืองบัตรนะเว้ย!”แบคฮยอนตะโกนเรียกทำให้ชานยอลหลุดออกจากภวังค์  ขายาวรีบสาวเท้าเดินตามอีกคนไปทันที

     

    “เฮ้ยเดี๋ยวก่อน”มือหนารั้งข้อมือบางของคนที่เอาแต่เดินลิ่วๆให้หยุดก่อน 

     

    “อะไร?”

     

    สวบ!

     

    ยังถามไม่ทันจบประโยคดี  อะไรบางอย่างก็ถูกสวมลงมาบนหัวเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว  ดวงตาคู่สวยหันไปมองกระจกที่วางอยู่ใกล้ๆ 

     

    “ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบนะเว้ย”แบคฮยอนโวยวายก่อนมือเรียวจะรีบถอดที่คาดผมหูแมวสีขาวออกจากหัวทันที

     

    “ฉันว่ามันเข้ากับนายดีออก”ชานยอลหัวเราะ

     

    “งั้นนายก็เอาอันนี้ไปเลย”แบคฮยอนคว้าที่คาดผมหูกระต่ายส่งให้ชานยอล

     

    “เออ...ก็ดีนะ”ชานยอลเอ่ยอย่างไม่หยี่ระ

     

    “คุณน้องชายลองอันนี้มั๊ยคะ”เสียงหวานๆของพนักงานขายเอ่ยขึ้นก่อนมือบางของเธอจะส่งที่คาดผมลายหูเสือมาให้เขา

     

    “ครับ?”แบคฮยอนหน้าเหรอหรา

     

    “เขาบอกว่าอันนี้เข้ากับนายนะ น้องชายฮ่าๆๆๆๆๆ”พูดจบชานยอลก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง  สงสัยขนาดตัวของแบคฮยอนคงทำให้คนขายเข้าใจผิดว่าเป็นน้องชายของเขากระมัง  แบคฮยอนตวัดสายตามองชานยอลด้วยความไม่พอใจ  ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานๆให้กับพนักงานสาวคนนั้น  เล่นเอาแก้มขาวของเธอขึ้นสีเรื่อได้เล็กน้อย

     

    “เอาอันนี้แหละครับ”เห็นสถานการณ์เริ่มคลุมเครือชานยอลก็รีบคว้าที่คาดผมมาจากพนักงานขาย  ชายหนุ่มจ่ายเงินเรียบร้อยก่อนจะลากอีกคนเดินออกมาจากร้านขายที่คาดผมทันที

     

    “อะไรของนายเนี่ย? ซื้อมานี่ปรึกษากันมั๊ยว่าจะเอารึเปล่า”แบคฮยอนเอ็ดทันทีที่ชานยอลปล่อยให้ข้อมือของเขาเป็นอิสระ

     

    “มาเที่ยวกับฉันนายยังกล้าหม้อสาวอีกนะ...”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆรอดไรฟันก่อนมือหนาจะจัดการสวมที่คาดผมหูเสือลงบนหัวอีกคนอย่างแรง

     

    “อะไรนะ?”แบคฮยอนเอ่ยถามเมื่อเขาฟังประโยคของอีกฝ่ายไม่ทัน

     

    “เปล่า....”ชานยอลปฏิเสธเสียงเรียบ  พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเครื่องเล่นชิ้นหนึ่งไม่ไกลจากตรงที่พวกเขาอยู่มากนัก  ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้กำลังเหรอหราด้วยความงงของแบคฮยอน  รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนริมฝีปากได้รูป

     

    “นายสัญญาแล้วใช่มั๊ยว่าจะตามใจฉัน”ชานยอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

    “อ...อื้อ!”แบคฮยอนรับคำอย่างงง

     

    “ห้ามกลับคำนะ!”ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง  ก่อนมือหนาจะลากข้อมือบางให้เดินตามตัวเองไปทันที

     

    ถึงเวลาชำระแค้นแล้วบยอนแบคฮยอน...

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างบางสะดุ้งโหยงทุกครั้งที่มีเสียงกรีดร้องดังเล็ดรอดออกมา  ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วอย่างหวาดระแวง  กลิ่นไอเย็นๆที่แผ่ซ่านออกมายิ่งทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว...

     

    เขากลัวแทบตายในขณะที่คนข้างๆ...

     

    มันยืนยิ้มอย่างสะใจ!

     

    นี่แผนเอาคืนของนายใช่มั๊ยปาร์คชานยอล!

     

    แบคฮยอนได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวด้วยความเคียดแค้น

     

    “เอ้ายืนนิ่งทำไมเล่า...เข้าไปต่อคิวสิ”ชานยอลเอ่ยเสียงล้อเลียนก่อนจะดุลหลังคนที่อยู่ข้างหน้าเขาให้เดินเข้าไป  แต่แบคฮยอนก็ขืนไว้สุดตัว

     

    “ชานยอลอา...เล่นอย่างอื่นเหอะ...”แบคฮยอนเอ่ยเสียงอ้อนวอนก่อนคนตัวเล็กจะพยายามกระดึ๊บออกไปให้ห่างจากประตูทางเข้าให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

     

    “ไหนนายบอกว่าจะตามใจฉันไงแบคฮยอน...”ชานยอลเอ่ยเสียงเย็นมือหนาก็คว้าข้อมือบางเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน

     

    “กลัวเหรอแบคฮยอน?”เสียงทุ้มเอ่ยถาม  พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ

     

    กลัว?

     

    คนอย่างบยอนแบคฮยอนเนี่ยนะ? เหอะ!

     

    “ใครกลัว?”แบคฮยอนทำเป็นใจดีสู้เสือ  ใบหน้าสวยตีหน้าใสซื่อไม่รู้เรื่อง

     

    “งั้นก็เข้าไปสิ”ชานยอลพยักเพยิดไปทางประตูทางเข้าที่มีพนักงานตรวจบัตรในชุดเพชฌฆาตยืนมองมาที่เขาตาขวาง

     

    ผ่ายต้อนรับไม่ควรทำหน้าอย่างงี้นะครับ!

     

    แบคฮยอนได้แต่โอดครวญในใจ  แต่พอหันกลับมาเจอไปหน้าล้อเลียนของปาร์คชานยอล  คนตัวเล็กก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด  ก่อนจะทำใจดีสู้เสือเดินเกร็งๆเข้าไปตรวจบัตร

     

    ชานยอลเดินตามคนที่ตัวเกร็งเข้าไปตรวจบัตรแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้  พนักงานตรวจบัตรของบ้านผีสิงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม  ไม่มีคำพูดใดๆทั้งสิ้นมีเพียงสายตาที่จ้องมาอย่างเอาเรื่องเท่านั้น  แบคฮยอนยื่นข้อมือข้างที่มีบัตรออลเดย์สวมอยู่ให้พนักงานดู  พนักงานหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าบัตรเข้าชมจากใต้เสื้อคลุมขึ้นมาพร้อมกับที่เจาะกระดาอย่างรวดเร็ว  แบคฮยอนสะดุ้งโหยง  แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือต่อไป

     

    ปลุ!

     

    เสียงเจาะตั๋วช่างหลอกหลอนเขาเสียจนแทบกรีดร้อง  ยิ่งเห็นแบคฮยอนหวาดกลัวเท่าไหร่  พนักงานตรวจบัตรก็ยิ่งอยากแกล้ง  เขาจึงส่งรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมไปให้อีกคนเสียจนแบคฮยอนต้องรีบรับตั๋วแล้ววิ่งเข้าไปหลบหลังประตูทันที

     

    “น้องชายคุณน่ารักดีนะครับ”เสียงของพนักงานตรวจบัตรดังขึ้นเบาๆขณะที่เจาะบัตรเข้าให้ชานยอลอย่างนุ่มนวลผิดกับตอนแบคฮยอนลิบลับ

     

    “น่ารักมากครับ...”ชานยอลรับบัตรมาพร้อมกับหัวเราะน้อยๆเมื่อนึกถึงท่าทางเมื่อครู่ของคนตัวเล็ก

     

    “บ้านผีสิงที่นี่น่ากลัวนะครับ...คุณควรจะอยู่ใกล้ๆเขาไว้”พนักงานยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  ซึ่งชานยอลก็ยิ้มตอบ

     

    “ขอบคุณครับ...”

     

    “ชานยอลลลลลลลลลลลลลลล!!!!!!!”ยังไม่ทันเอ่ยได้จบประโยคดี  เสียงหวานที่เขาคุ้นเคยของคนตัวเล็กที่เพิ่งหายเข้าประตูไปเมื่อครู่ก็ตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดังลั่นเสียจนพนักงานหัวเราะอย่างเอ็นดู

     

    “จะตะโกนทำไม  เดี๋ยวฉันก็เข้ามาเนี่ย”ชานยอลเอ่ยเอ็ดอีกคนเบาๆ

     

    “ก...ก็เมื่อกี้มันมีเสียงอะไรก็ไม่รู้อ่ะ”แบคฮยอนเอ่ยตอบเสียงสั่น  คนตัวเล็กขยับเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม  มือบางก็คว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว

     

    ดวงตาคู่สวยกวาดมองบรรยากาศรอบๆอย่างหวาดระแวง  ภายในบ้านผีสิงแห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรปอย่างหรูหราราวกับคฤหาสน์  บันไดใหญ่ที่ตรงกลางทอดยาวขึ้นไปด้านบนราวกับเชื้อเชิญให้พวกเขาก้าวขึ้นไป

     

    “คุณผู้ชายครับ...”แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขา  เสียงแหบแห้งก็เอ่ยทักพวกเขาจากด้านหลังเรียกให้แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัวจนชานยอลรีบเอามือปิดปากคนตัวเล็กไว้แทบไม่ทัน

     

    “...จดหมายครับ”พ่อบ้านชราในชุดขาดรุ่งริ่งเอ่ยขึ้น  มือเหี่ยวแห้งยื่นซองจดหมายเก่าๆที่กลายเป็นสีเหลืองมาให้  มือหนารับมาก่อนจะก้มหัวขอบคุณ  ชายชราคนนั้นก็เดินหายไปในประตูที่อยู่ด้านหลังทันที

     

    “เลือกทางที่ถูกต้อง  หากเลือกผิดทางสิ่งที่ต้องจ่ายทดแทนคือชีวิต...”ชานยอลอ่านออกเสียงให้แบคฮยอนที่ยืนเกาะเขาแน่นฟัง  แบคฮยอนจ้องมองไปยังบันได้ใหญ่ที่แยกออกเป็นสองทางอย่างหวาดระแวง

     

    เขาคิดว่าทางไหนก็ไม่น่าไปทั้งนั้นแหละ!

     

    “ป่ะ”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น  แต่ดูเหมือนแบคฮยอนจะเริ่มเข้าโหมดจิตหลุด  เพราะคนตัวเล็กเอาแต่เกาะแขนเสื้อเขาแน่นไม่ยอมขยับ

     

    “แบคฮยอน”เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกคนเบาๆ

     

    “อ...ห๊ะ!”แบคฮยอนสะดุ้งก่อนจะหันมามองเขา

     

    “ไปเหอะจะได้ออกไปจากที่นี่ไง”พูดจบขายาวก็ออกเดินทันทีเรียกให้อีกคนต้องเดินตามมาอย่างเสียไม่ได้

     

    ชานยอลเลือกที่จะขึ้นบันไดข้างขวา  ตลอดทางที่เดินมาเงียบสงบ  มีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆเท่านั้น  สงสัยว่าเขาคงดวงดีเลือกถูกทาง

     

    เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นไม่ไกลนักเรียกให้แบคฮยอนต้องกำแขนเสื้อของอีกคนให้แน่นยิ่งกว่าเดิม  อีกไม่ถึงห้าเมตรพวกเขาก็จะถึงทางแยกแล้ว  แสงไฟภายในเปลี่ยนไปกลายเป็นแสงแบล็คไลท์ยิ่งทำให้รอยเลือดที่ทำด้วยสีเรืองแสงนั้นเด่นชัดเข้าไปอีก

     

    ชานยอลอดที่จะชื่นชมไม่ได้  ขนาดเขายังรู้สึกว่ามันค่อนข้างขนหัวลุกเลย  ไม่แปลกที่คนข้างๆเขาจะสติแตก

     

    ผลุบ!

     

    “แบร่!

     

    “ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!”จู่ๆด้านข้างฝั่งแบคฮยอนก็มีผู้หญิงในชุดขาวโผล่พุ่งออกมาจากตู้ไม้เก่าๆ  เรียกเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวจากคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนหลับตาปี๋กระโดดเกาะแขนชานยอลแน่นอย่างหวาดกลัว

     

    “ไปจากตรงนี้เร็วๆเหอะ!”เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด  คนตัวเล็กก็ยังคงหลับตาปี๋อย่างหวาดกลัว

     

    เขาแกล้งแรงไปรึเปล่า?

     

    เมื่อเห็นอาการจิตหลุดของคนตัวเล็กชานยอลก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กๆ  ตอนแรกเขาจงใจเดินช้าๆให้คนตัวเล็กได้ซึมซับบรรยากาศให้เต็มที่  แต่ดูเหมือนมันจะโหดร้ายไปหน่อย

     

    “แบคฮยอนลืมตาสิ...ถ้านายไม่ลืมตาแล้วจะวิ่งยังไง”เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกคน

     

    “ก็มันกลัว!”เสียงหวานเอ่ยสวนกลับมาแขนเล็กก็เกาะแขนเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม

     

    ชานยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ก่อนมือหนาจะแกะมือของคนที่เกาะเขาไว้แน่นออก  แบคฮยอนลืมตามองหน้าเขาอย่างงง  ชานยอลเลื่อนมือลงไปกอบกุมมือเล็กไว้คล้ายการปลอบใจ

     

    “ฮิฮิฮิ”เป็นเวลาเดียวกับเสียงหัวเราะน่าขนลุกที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง  มือหนากระชับมือบางให้แน่นขึ้นก่อนขายาวจะเริ่มออกวิ่งไปด้านหน้า  แบคฮยอนวิ่งตามอีกคนไปอย่างเสียไม่ได้

     

    ดวงตาสวยจับจ้องไปที่แผ่นหลังกว้างของคนที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเขา  ความอบอุ่นที่แผ่ผ่านมาทางมือที่สัมผัสเขาทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างหน้าประหลาด

     

    ถึงแม้ว่าเขาจะยังรู้สึกกลัวอยู่...แต่เขาก็กลับรู้สึกว่าเขาจะปลอดภัยตราบใดที่มือข้างนั้นยังคงกอบกุมมือของเขาไปแบบนี้...

     

    ดูเหมือนการจับมือจะได้ผลดีในการกำหราบอาการสติแตกของแบคฮยอน  ชานยอลลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่สามารถลากอีกคนออกมาจากบ้านผีสิงได้สำเร็จ

     

    มือหนาค่อยๆปล่อยมือบางให้เป็นอิสระ  แต่คนตัวเล็กกลับคว้ามือเขาไว้ไม่ยอมปล่อยเสียอย่างนั้น  ชานยอลหันหน้าไปมองอีกคนด้วยความสงสัย  แบคฮยอนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาซ่อนใบหน้าของตัวเองไม่ให้เขาเห็น  แต่ไม่นานนักมือเล็กก็ปล่อยมือเขาออก

     

    “เอ้า! ยืนทำไมล่ะ? ไม่เล่นอย่างอื่นแล้วรึไง”เสียงหวานเอ่ยถามก่อนจะเดินนำเขาลิ่วๆ  ทิ้งให้ชานยอลได้แต่ยืนงงอยู่คนเดียว

     

    ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!

     

    อันตรายเกินไปแล้ว!!

     

    แบคฮยอนกรีดร้องในใจขณะที่เขากำลังเดินนำอีกคนอยู่  มือเรียวยกขึ้นทาบหน้าอกตัวเอง  หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

     

    อะไรๆๆๆๆๆๆ

     

    เมื่อกี้มันอะไรกัน!

     

    แบคฮยอนเลื่อนมือขึ้นมากุมแก้มใสทั้งสองข้างที่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันร้อนจนเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

     

    ไอ้ความรู้สึกหวานแหววเหมือนสาวน้อยนั่นมันอาร๊ายยยยย!!!

     

    คนตัวเล็กสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดนอกลู่นอกทางก่อนจะเริ่มโฟกัสไปที่การหาของกิน...

     

    ความจริงแล้วการที่เขาชวนชานยอลมาเที่ยวในวันนี้ก็มีหลายๆเหตุผล  เขาเห็นชานยอลเพิ่งถูกหักอกมา...น่าจะประมาณนั้น  เขาเลยอยากจะพามาปลอบใจ  แล้วก็...

     

    เขาอยากรู้ว่าอาการแปลกๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองมันคืออะไรกันแน่!

     

    การใช้เวลาอยู่ด้วยกันอาจจะให้คำตอบเขาได้...

     

    หวังว่าแบบนั้นนะ...

     

    “เออใช่...อะไรที่นายบอกว่าอยากเล่นตอนอยู่บนรถไฟเหาะนะ?”แบคฮยอนตัดสินใจหมุนตัวกลับมาถามอีกคนเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต

     

    ชานยอลเลิกคิ้ว

     

    ...บอกแล้วว่าแบคฮยอนไม่รุ้หรอกว่าเขาอยากเล่นอะไร

     

    “ตามมาสิ  จะพาไปเล่น...”ชานยอลเอ่ยก่อนจะเดินนำอีกคนไปทันที  แบคฮยอนเกาหัวแกรกๆ  ก่อนจะเดินตามอีกคนไป

     

    อะไรวะ?  ถามแล้วไม่ตอบ

     

     

     

     

     

     

     

    “ห๊ะ?”แบคฮยอนอดที่จะอุทานออกมาด้วยความงงไม่ได้

     

    “อะไรล่ะ  ลงมาสิ...”ชานยอลเอ่ยเร่งก่อนจะก้าวลงไปในเรือถีบ...

     

    ใช่...เรือถีบ!!!!

     

    ไอ้เนี่ยอ่ะนะ!!!!

     

    “ที่ชี้ทะเลสาบเพราะอยากเล่นไอ้เนี่ยอ่ะนะ!”แบคฮยอนโวยวาย  มือเรียวก็ชี้ไปที่เรือถีบรูปหงส์สีชมพูหวานแหววที่ตอนนี้มันมีร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังนั่งรอให้เขาตามลงไปอยู่แล้ว

     

    “ก็ใช่ไง...ลงมาได้แล้ว  คนอื่นเขารอต่อนายอยู่นะ”ชานยอลเอ่ยเตือนอีกคน  เพราะคนที่ต่อแถวรอต่อจากพวกเขาเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้ว  แบคฮยอนหันกลับไปมอง  เจอเข้ากับสายตาทิ่มแทงของหญิงสาวคนหนึ่งที่จ้องมองเขาประมาณว่า

     

    รีบๆลงไปได้แล้ว ฉันอยากจะนั่งกับแฟนฉันแล้วนะยะ!

     

    แบคฮยอนยิ้มแหยๆ  ก้มหัวขอโทษให้ก่อนจะรีบก้าวลงมานั่งข้างๆชานยอลทันที

     

    “แค่เนี้ยก็จบ...”ชานยอลเอ่ยก่อนขายาวจะเริ่มปั่นที่ถีบทันที

     

    “นี่ใจคอจะให้ฉันปั่นคนเดียวจริงๆอ่ะนะ”เมื่อปั่นออกห่างจากฝั่งมาได้สักพัก  ชานยอลก็ตัดสินใจเอ่ยถามคนที่เอาแต่นั่งกอดอกนิ่งอยู่ข้างๆ  ใบหน้าสวยงอง้ำอย่างไม่พอใจ

     

    “ไม่ชอบรึไง...ฉันว่าวิวมันสวยดีออก”แบคฮยอนตวัดสายตากลับมามองคนถามอย่างเอาเรื่องทันที

     

    ถามนี่คิดก่อนมั๊ยเนี่ย?

     

    “เออสิ...ใครจะไปชอบวะ  นึกภาพผู้ชายสองคนนั่งในเรือถีบหวานแหววแบบนี้แล้วไม่ขนลุกรึไงล่ะ!”แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะทำท่าทางขนลุกประกอบ

     

    “ไม่นิ...”ชานยอลตอบหน้าตาย

     

    “ฮึ่ย!”แบคฮยอนพ่นลมออกมาอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าอีกคนคงจะหน้าหนาเกินกว่าเขาอยู่มาก 

     

    “อายคนอื่นเขาบ้างมั๊ยเนี่ย...ไอ้ของแบบนี้เอาไว้นายมากับแฟนค่อยมาเล่นสิวะ...มีอย่างที่ไหนมาปั่นเรือถีบกับเพื่อน!”แบคฮยอนยังไม่หยุดบ่น

     

    “ใครบอกว่านายเป็นเพื่อนฉัน...”เสียงทุ้มเอ่ยเสียงเรียบ  เรียกเอาคนที่กำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงต้องหันมามองเขา

     

    “...”ชานยอลไม่ได้คิดจะต่อความอะไรกับประโยคชวนใจหายเมื่อครู่เลยแม้แต่นิดเดียว  ชายหนุ่มก็แค่ปั่นเรือถีบไปเรื่อยๆเท่านั้น

     

    แบคฮยอนเบือนหน้าออกไปมองที่ข้างทางแทนด้วยความรู้สึกโหวงๆแปลกๆ....

     

    แล้วไอ้ที่เหมือนจะสนิทกันแบบนี้คืออะไร?

     

    “นี่จะนั่งนิ่งๆจริงๆใช่มั๊ย?”เมื่อเห็นอีกคนเงียบไป  ชานยอลเลยอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยกระตุ้น

     

    ชานยอลอดแปลกใจไม่ได้ที่รอบนี้ไม่มีเสียงบ่นสวนมา  มีเพียงแค่ขาเรียวที่เริ่มช่วยปั่นเป็นจังหวะเดียวกันกับเขาเงียบๆเท่านั้น

     

    “เป็นอะไรของนาย?”ในที่สุดชานยอลก็ไม่สามารถทนกับความเงียบที่แสนอึดอัดนี้ได้

     

    “คำพูดน่ะ...มันมีหลายความหมายนะแล้วแต่คนเราจะเลือกหยิบอะไรมีตีความ...”ดูเหมือนว่าชานยอลจะพอเดาออกว่าอีกคนคิดอะไรอยู่เสียงทุ้มจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ  มือหนาโยกหัวอีกคนไปมาเบาๆอย่างเอ็นดู

     

    “อะไรเล่า!”แบคฮยอนโวยวายก่อนมือเรียวจะปัดมืออีกคนออก

     

    “ปั่นไปคนเดียวเลย...ตอนนี้ฉันเมื่อย!”พูดจบแบคฮยอนก็เลิกปั่นทันที  เรือที่แล่นฉิวๆถึงได้แล่นอืดๆขึ้นมาทันทีเมื่อเหลือแรงขับเคลื่อนแค่คนเดียว

     

    “ดูข้างหน้าสิ...”ชานยอลเอ่ยบอกอีกคนเบาๆ  เขาเองก็หยุดปั่นแล้วเหมือนกัน  เรือถีบสีชมพูลอยนิ่งๆอยู่บนผืนน้ำสงบ  เนื่องจากพวกเขาออกมาไกลจากฝั่งมากแล้ว  บริเวณนี้จึงค่อนข้างไร้ผู้คน  มีเพียงเรือของพวกเขากับอีกสองสามลำเท่านั้น  ความเงีบสงบแบบนี้ทำให้แบคฮยอนได้ยินเสียงนกตัวน้อยๆขับขานท่วงทำนองไพเราะชัดเจน

     

    แบคฮยอนเงยหน้ามองตรงไปที่ด้านหน้าตามคำบอกของอีกคน  ดวงตาคู่สวยพราวระยับอย่างถูกใจ  ภาพเบื้องหน้าของเขาตอนนี้เขาไม่สามารถอธิบายมันได้เลย

     

    ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่เคลื่อนคล้อยลงผ่านแนวทิวไม้สนที่ขึ้นเรียงกันอย่างสวยงามราวกับจับมาตั้งไว้  แสงสีทองอาบไล้ปุยเมฆสีขาวและยอดไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด  เสียงระฆังดังกังวานบอกให้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว  เหล่านกกาตัวน้อยที่จับจองอยู่ตามกิ่งไม้  พากันบินแตกฮือเพราะตกใจกับเสียงระฆังนั้น  ทุกอย่างดูสวยงามไปหมดราวกับภาพวาด...แบคฮยอนไม่อาจละสายตาจากมันได้เลย

     

    เช่นเดียวกับชานยอลที่ไม่อาจละสายตาจากใบหน้าสวยของอีกคนได้เลย  แสงสีทองอาบไล้ผิวขาวขับให้รอยยิ้มหวานที่ปรากฏขึ้นมาของอีกคนดูงดงามยิ้งขึ้นไปอีก...

     

    ชานยอลยอมรับว่าภาพที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันอาจจะเป็นภาพที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลยก็ได้...

     

    เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่  ใบหน้าสวยจึงเบือนกลับมาจ้องมองอีกคน  ดวงตาคู่สวยประสานกับดวงตาคมที่ยังคงไม่วางตา  ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง  ใบหน้าของคนทั้งสองเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ  ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกัน  ปลายจมูกสัมผัสกันแผ่วเบาก่อนจะ...

     

    เป้ง!!!!

     

    ทั้งสองรีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็วทันทีที่เสียงระฆังเหมือนกับจะช่วยเอาไว้  แบคฮยอนเบือนหน้าหนีไปอีกทางด้วยความเขินอาย  ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างปิดไม่มิด

     

    “หมดเวลาเช่าเรือแล้วครับ  กรุณาตรวจสอบสัมภาระของท่านให้เรียบร้อยก่อนลุกออกจากเรือนะครับ  อีกครั้งนะครับ...”เสียงประกาศยังคงดังต่อไป  ชานยอลถอนหายใจก่อนจะเริ่มถีบเรือกลับไปคืนที่ท่าเรือเหมือนเดิม

     

    มือหนาถูกยกขึ้นเกาหัวแกรกๆแก้เก้อ...

     

    เขาเองกูรู้สึกขอบคุณเสียงระฆังนั่นนะ...

     

    ถ้าหากมันดังช้ากว่านี้ล่ะก็...

     

    ข้ออ้างว่าบรรยากาศพาไปก็เอาไม่อยู่!

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนเดินออกมาจากท่าเรือเงียบๆโดยมีชานยอลเดินตามหลังมาห่างๆ  มือเรียวยกมือขึ้นทาบหน้าอกข้างซ้างของตน  ภาวนาให้มันหยุดเต้นแรงแบบนี้เสียที

     

    เมื่อกี้มันเกือบไปแล้วนะบยอนแบคฮยอน!

     

    เกือบไปแล้วจริงๆ!

     

    วันนี้หัวใจเขาเต้นแรงแทบหลุดออกมาดิ้นที่พื้นเพราะผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอลกี่รอบแล้วนะ!

     

    “แบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกจากด้านหลังทำให้เขาต้องหยุดเดิน

     

    “วันนี้ฉันยังอยากจะไปอีกที่...”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ  มือหนายกขึ้นมาจับท้ายทอยด้วยความรู้สึกประหม่า

     

    ชานยอลยอมรับเลยจริงๆว่าวันนี้เขารู้สึกแบบนี้กับแบคฮยอนหลายครั้งแล้ว

     

    “ก...ก็ไปสิ...”เสียงหวานเอ่ยตอบเบาๆ

     

    “อ...เฮ้ย”แบคฮยอนอุทานขึ้นมาเบาๆเมื่อจู่ๆมือของเขาก็ถูกมือหนาของอีกคนดึงไปกอบกุมไว้  ชานยอลเดินนำหน้าอีกฝ่ายเพื่อซ่อนความประหม่าที่กำลังเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขาตอนนี้

     

    แบคฮยอนรู้สึกว่าเขาจะต้องสะบัดมืออกจากการกอบกุม  แต่ทำไมไม่อาจรู้ได้  ร่างกายกลับไม่ทำตามในสิ่งที่เขาคิด  ไม่มีแม้แต่การขัดขืนใดๆด้วยซ้ำ...

     

    ดวงตาคู่สวยเอาแต่จับจ้องไปที่มือบางที่ถูกจับไว้แน่นโดยมือของอีกคนเท่านั้น  เขาไม่อยากรับรู้ว่าชานยอลอยากจะพาเขาไปเล่นที่ไหนอีก

     

    “รู้รึเปล่าว่าสวนสนุกที่นี่มาพาเรดตอนกลางคืนนะ”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับที่ขายาวคู่นั้นเลิกก้าวเดินเรียกให้แบคฮยอนต้องเงยหน้าขึ้นมาให้ความสนใจ

     

    “นั่งสิ”ชานยอลเอ่ยหลังจากที่เขาทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหน้านุ่มสบาย  บริเวณจุดชมพาเรดตรงนี้คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างพากันมาจับจองที่นั่งเพื่อรอชมขบวนพาเรดของขึ้นชื่อของที่นี่

     

    แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งตามที่อีกคนบอก  ไม่นานนักก็มีเสียงดนตรีดังแว่วมาให้พวกเขาได้ยิน  เหล่าเด็กตัวน้อยๆต่างพากันตื่นตาตื่นใจกับพลุที่ถูกจุดขึ้นฟ้าเป็นชื่อของสวนสนุก  เหล่าบรรดามาสคอตของแต่ละเครื่องเล่นพากันเดินพริ้วอวดลีลาโชว์สเต็ปเอาใจเด็กๆกันใหญ่  เสียงดนตรีแสนไพเราะ  แสงสีสวยจากพาเรดและพลุไฟ  เสียงหัวเราะของเหล่าเด็กๆตัวน้อยๆ  รอยยิ้มที่แสดงออกถึงความสุขมันทำให้แบคฮยอนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้...

     

    ใบหน้าสวยหันไปมองชายหนุ่มที่ข้างๆตน  ชานยอลกำลังตาโตกับการแสดงผาดโผนที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านหน้าเขาไป  รอยยิ้มราวกับเด็กๆของชานยอลทำให้แบคฮยอนอดที่จะหัวเราะกับภาพตรงหน้าเบาๆไม่ได้...

     

    อ่า...นั่นสินะ...

     

    ถ้ามันมาถึงขนาดนี้แล้วล่ะก็...

     

    เสียงหัวเราะคิกคักของแบคฮยอนเรียกให้ชายหนุ่มต้องหันกลับมามองแบคฮยอนอย่างงงๆ

     

    บางทีเขาคงต้องยอมรับ...

     

    ปุ้ง!

     

    เสียงพลุชุดใหญ่ถูกจุดขึ้นเสียงดังเสียจนหูอื้อ  ชานยอลไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกคนพูดอะไร  เพราะเสียงต่างๆที่อื้ออึงไปหมด

     

    ริมฝีปากบางที่ขยับช้าๆเปล่งคำพูดอไรบางอย่างออกมา  กับรอยยิ้มที่สวยที่สุดที่ถูกส่งมาให้เขา...

     

    มันสวยที่สุดเพราะมันไม่ใช่การยิ้มเพียงแค่ปาก  แต่ในเวลานี้ดวงตาของแบคฮยอนก็กำลังยิ้มบางๆให้เขาด้วย

     

    ปาร์คชานยอล...

     

    ฉันคง...

     

    รักนายเข้าแล้วล่ะ...

     

    คำพูดที่มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่รู้...ขอบคุณเสียงพลุที่จุดได้ตรงกับใจของเขาพอดี...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     TBC.
    TALK:
    สวัสดีจ้าาาาาาาาาา >< วันนี้เพชรเอามาลงก่อนวันที่บอกไว้นะ ฉลองการติดมหาลัยในฝัน กรั่กๆๆๆๆๆ  ความจริงก็ยังไม่ติดหรอกค่ะ  เหลือสัมภาษณ์อีก  แต่ก็ครึ่งทางแล้วเนาะ ดีกว่ายังไม่มีวี่แววอะไรเลย 555555555  โอเคเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า

    เป็นไงมั่งงงงงง  เขินป่ะ? #ไม่มีใครเขิน 55555555  ไม่รู้นะแต่เพชรแต่งไปแต่งมาเพขรว่าตอนนี้มันน่ารักนะ เหมือนเดตเล็กๆของชานแบค  ใช่ป่ะ?  ตอนนี้เต็มไปด้วยชานแบคอัดแน่น 5555555  นี่แต่งยาวกว่าตอนอื่นเลยนะ ><

    ข่าวดี  หรือ  ข่าวร้าย?  เนื่องจากเพชรต้องไปสอบสัมภาษณ์อาทิตย์หน้าเลยจะงดการอัพจ่ะ >< ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนะ! อีกอย่างตอนนี้ก็จบไม่ค้างแล้วด้วย  คิดว่าคนอ่านคงไม่เป็นอะไรมาก #เหรอยะ   เพชรยังไม่แน่ใจว่าอาทิตย์ต่อไปจะได้อัพอีกรึเปล่า  ช่วงนี้โรงเรียนเพชรกำลังจะมีละคร  เลยติดพันกับการทำฉากละครมากมาย  แต่ถ้าอัพได้เพชรจะอัพให้นะคะ ><

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอด  แล้วก็อยากจะให้ทุกคนติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะคะ  รักนะจุ๊บุ >3< 5555555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×