ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามติดชีวิตเด็กวิทย์ตัวปลอม

    ลำดับตอนที่ #3 : เด็กวิทย์ตัวปลอม 002 ความจริงของเด็กที่ผู้ปกครองบังคับเลือกสายวิทย์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 163
      0
      15 พ.ย. 55

     

    เด็กวิทย์ตัวปลอม 002 ความจริงของเด็กที่ผู้ปกครองบังคับเลือกสายวิทย์ 

                    ชื่อก็บอกแล้วใช่ไหมว่าโดนบังคับเพราะงั้นก็คือไม่เต็มใจอย่างแรง อนึ่งความไม่เต็มใจนี้มีด้วยกันหลากหลายสาเหตุนานับประการ อาทิเช่น ใจเป็นเด็กศิลป์ หรือ เรียนยากขี้เกียจจะเรียนแต่แม่ก็บังคับให้เรียน หรือว่า รู้ตัวว่าเรียนไปก็ล่มจม ก็ตาม

     

    ถ้าคุณใจเป็นศิลป์แบบสุดๆ คงจะเรียนแบบเบื่อๆเอื่อยๆไม่ค่อยมีแรงจะเรียนเริ่มรู้สึกว่าการมาโรงเรียนมานั่งเรียนวิชาพวกนี้น่ะ ไร้ค่าเข้าไปทุกวัน อยากจะทำอย่างอื่นที่มันจะเสริมสร้างทักษะที่เป็นประโยชน์แก่ตัวคุณเอง หรือต่ออนาคตที่คุณใฝ่ฝันที่ไม่ใช่สิ่งที่พ่อที่แม่คุณ ชี้นิ้วให้คุณ เดินลากคุณ หรือวิ่งถีบให้คุณไป

     

    ถ้าคุณเป็นคนที่ขี้เกียจเรียนเพราะมันยาก ก็ขอบอกเลยว่าชีวิตคุณอยู่สายไหนมันก็ล่มจมอะ ทุกสายมีความยากง่ายในจุดที่แตกต่างกัน ถ้าคุณกลัวความยาก คุณเลิกเรียนเถอะ แต่ตัวผู้เขียนกลับคิดว่าไม่มีสิ่งใดที่มนุษย์เป็นผู้ค้นพบแล้วมนุษย์เราจะเรียนรู้ไม่ได้ ในเมื่อเราเกิดมาเป็นคนครบ 32 ประการ ไม่ได้พิกลพิการแล้ว ย่อมไม่มีอุปสรรคใดมาขวางการเรียนรู้เรานอกจากตัวเราเอง พวกนักวิทยาศาสตร์ นักแสดง เขาก็เริ่มจากสิ่งเล็กๆทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครยิ่งใหญ่มาแต่แรก  ถ้าคุณขี้เกียจเรียนขนาดนี้บอกพ่อบอกแม่เถอะค่ะ ออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงดูท่านไป ดูท่าจะมีประโยชน์กว่าการมาผลาญเงินพ่อเงินแม่อย่างนี้มาก

     

    ถ้าคุณเป็นคนที่รู้ตัวเองว่าทางสายนี้ฉันล่มจมแน่ๆ ก็ต้องขอบอกเลยว่าเยี่ยมมากที่คุณ รู้จักประมาณตนเอง ว่าคุณเรียนเส้นทางนี้ไมไหวแต่กลับเกิดอีกคำถามหนึ่งว่า คุณเคยลองพยายามอยู่บนทางสายนี้อย่างสุดความสามารถแล้วหรือยังถ้ายังอยากให้คุณ ลองให้ครบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจถ้าหากคุณ ยังไม่รู้ว่าอนาคตของคุณจะเป็นเช่นไรก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปเลย บางทีพ่อ-แม่ ของคุณท่านอาจจะมองเห็นอะไรในตัวคุณก็เป็นได้นะ

     

    เพราะฉะนั้นแล้ว สาเหตุที่สอดคล้องกับความหมายของหัวเรื่องประมาณว่า ผู้ปกครองหนูบังคับให้หนูมาเรียนวิทย์ นี้น่ะมีอยู่ข้อเดียวที่สำคัญคือ หนูเป็นเด็กศิลป์เกินร้อยค่ะมาบังคับหนูทำไม

     

    ตัวอย่าง คือ ผู้เขียนมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงเธอเกลียดวิทย์มากแบบมากๆรู้ตัวดีเลยล่ะว่าไม่ชอบแบบสุดๆ แต่คุณแม่ของเธอก็บังคับให้เธอเรียน คุณรู้ไหมผู้ปกครองหากคุณมีโอกาสได้อ่านหรือพี่ๆเพื่อนๆน้องๆคนใดที่เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกว่าใช่เลยเห็นอนาคตน้องหรือนาคตตัวเองรำไรแล้วล่ะก็ อยากจะให้ผู้ปกครองของคุณได้ฉุกใจอ่านสิงนี้สักนิด

     บางครั้ง คุณไม่มีวันรู้หรอกว่าบุตรหลานของคุณ อยู่บ้านกับอยู่โรงเรียนเป็นอย่างไร แตกต่างกันแค่ไหน บางคนอยู่บ้านอ่านหนังสือสุดชีวิตอยู่โรงเรียนเกลือกกลิ้ง หรือบางคนอยู่โรงเรียนตั้งใจเรียนสุดชีวิตอยู่บ้านนอนอืด หรือบางคนอาจจะเครียดตลอดเวลาหรือเล่นตลอดเวลา เรื่องนี้คุณไม่มีวันรู้เลยจริงไหมนอกเสียจากว่า คุณจะติดตามลูกหลานคุณตลอด 24 ชม. แต่นั่นจะบ้ารึเปล่าใครจะตามใครได้ขนาดนั้น ฉันอยากจะบอกคุณว่าหากเด็กคนนั้นเขากล้าพอหรือใช้คำที่วัยรุ่นนิยมกันก็คือ เกรียนมากพอ แล้วล่ะก็ เขาจะไม่เรียนหรือง่ายๆก็เข้าข่ายเสียคนเขาอาจจะไม่ต่อต้านแต่เขาแค่ไม่เรียนเท่านั้นแหละไปโรงเรียนทิ้งๆขว้างๆสมองโล่งหรือบางทีแม้แต่โรงเรียนก็ไม่อยากจะไปไม่อยากเรียนอีกแล้วเบื่อ พอเกรดออกมาไม่ดีก็บ่นลูกส่งไปกวดวิชา มันไม่ใช่ทางออกนะคะ เด็กเขาไม่เรียนเองแต่แรกไม่ใช่ว่าหัวไม่ดีไม่ถึง แต่ไม่ต้องการจะเรียนไม่ต้องการจะรับรู้ต่างหาก ส่งไปเรียนให้ตายก็ไม่กระเตื้องหรอกคุณใจเขามันไม่รับแล้วจะเอาอะไรไปใส่ตีให้ตายมันก็ทำไม่ได้ ยิ่งถ้าเขามีศักยภาพด้านอื่นด้วยแล้ว ขอเถอะ

     ถือว่าเป็นคำร้องขอจากฉันผู้เขียนที่คุณไม่เคยรู้จัก เป็นแค่คนๆนึงที่เคยผ่านช่วงเวลาของการไม่ชอบที่จะเรียนเหนื่อยท้อใจกับการต้องเป็นเด็กวิทย์และการเห็นเพื่อนที่ถูกบังคับนั่งเกลือกกลิ้ง บ้างก็หลับ บ้างก็เหม่อลอย เพราะการถูกบังคับให้เข้ามานั่งอยู่ในห้องเรียนแบบนี้เลย ถ้าเขารู้อนาคตของเขาแล้ววางแผนชีวิตของเขาได้แล้วมันไม่ใช่เส้นทางที่น่าเกลียดเกินไปนัก ขอเถอะฉันขอช่วยให้เขาได้เดินไปตามทางที่เขาวาดฝัน ช่วยประคับประคองเขาไปในทางที่เหมาะกับเขา อย่างให้เขาเอาชีวิตมาทิ้งไว้กับการเรียนวิทย์คณิตสามปี ที่อาจจะไร้ค่าสำหรับเขา หรือเป็นการดับอนาคตตัวเขาเองเลยค่ะ

    พูดมาทั้งหมดนี้คุณอาจจะยังไม่เชื่อ จึงมีความในใจจากเด็กวิทย์หัวใจศิลป์หรือเด็กวิทย์ตัวปลอมที่อัพลงผ่านสเตตัสเฟสบุ๊คมาฝากให้ได้ลองอ่านกัน

    เธอพูดมาประมาณนี้

    “รู้ว่าต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด แต่เราไม่มีอารมณ์จะไปโรงเรียนแล้วจ้า มันเสียเวลามาก คือยอมรับเลยว่าไม่เรียน นั่งบ้า นอนกลิ้ง ให้ไปเรียนวาดรูปเตรียมเข้ามหาลัยอะไรยังดีต่อเรามากกว่า จริงๆคือ "โรงเรียนเราสอนดีมาก" แต่เราอ่ะไม่ดีเอง แล้วก็ช่วงนี้เห็นไปสายๆเนี่ยเพราะว่าเราไม่อยากไปเรียนเลยเราเลยไปสาย เรารักโรงเรียน รักกิจกรรม แต่เราเกลียดการเรียนหนังสือวิทย์วิทย์คณิตคณิต ไม่ได้โดดเข้าแถวนะ เราเข้าแถวในที่ร่มอากาศเย็นมาก และไม่ได้ตื่นสายด้วย เราเป็นคน "ไม่ตื่นสาย" อย่างที่ใครคิด ถ้าใครมารู้จักเราจะรู้ว่า เราไม่เคยตื่นเกิน 8 โมง แม้จะเป็นวันปิดเทอม มันแค่เป็นนาฬิกาชีวิตไปแล้ว ว่าไปเรียนสาย แค่นั้นแหละ และเราไม่ต้องการให้ใครมาเลียนแบบ เพราะนี่เป้นสิ่งที่ไม่ดีเรารู้ตัวดี

    สิ่งสำคัญคือ "เรารู้ว่าตัวเองเสมอว่าทำอะไรอยู่" มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน แต่เราไม่ใช่เด็กแย่นะ เกรดเราไม่เคยหล่นต่ำกว่า 3 ถึงเราจะได้วิทย์บางตัว 50/100 , เราสอบตรงติดคณะที่เราอยากเข้าที่สุดแล้วตั้งแต่ครั้งแรก ใครจะเถียงว่าคนสอบน้อย ? แต่คะแนนที่มันใช้ล่ะ ? CU-TEP เราก็ไม่แย่นะจ้ะ TU-GET เราผ่านตั้งแต่ครั้งแรก เราไม่เคยเรียนเสริมติวพวกสอบนี่ เราความสามารถพิเศษรอบด้าน แล้วเมื่อก่อนเราสอบได้ที่ 1-4 ตลอดด้วย

     

    อันนี้ก็ต้องขอยืนยันความจริงว่าเธอสอบติดคณะที่เธออยากได้จริงๆนะเธอติดเป็นคนแรกของห้องเราแถมเป็นคณะที่เธอใฝ่ฝันมานานแล้วด้วยถือว่าตามฝันตัวเองได้อย่างครบถ้วนอาจจะพูดได้ว่าเป็นคนแรกของรุ่นเราที่ตามฝันตัวเองได้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องความสามารถพิเศษอันนี้หลายๆคนอาจจะมองว่าตอนที่เธอเรียนเธอยังไม่รู้เลยว่านี่จะเป้นความสามารถพิเศษในอนาคตของเธอแต่เราก็ยอมรับนะว่าเธอทำได้หลายอย่างมาก เช่น บัลเล่ต์ กังฟู เปียโน เบส ฯลฯ ที่เธอจะสรรหามาทำขยันหาอะไรมาทำเหลือเกิน

     

    อ่านถึงตรงนี้ถ้าคิดว่าคุณเริ่มใหม่ได้ก็ไปเริ่มถ้าเริ่มใหม่ไม่ทันแล้วก็บอกได้แค่ว่าการโดนบังคับไม่ใช่จุดจบของชีวิตคุณยังมีช่องทางอีกมากมายให้คุณได้เลือกเดินตามฝันอย่างแน่นอน

      
     


    THE? FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×