ตอนที่ 5 : ตอนที่ 5 เรื่องไม่สบายใจ
ตั้งแต่เริ่มทำงานมากว่าสองปี อรุสาพยายามทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่กับผลงานทุกชิ้นจึงมักได้รับคำชมเชยจากเจ้านายของเธอมาตลอด แทบไม่เคยเลยสักครั้งที่จะถูกว่ากล่าวตักเตือนหรือแม้กระทั่งคำตำหนิติเตียนใดๆ แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าความใจร้อนและอารมณ์หุนหันพลันแล่นของเธอจะส่งผลให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โตจนถึงขั้นถูกปลดออกจากโปรเจ็กต์ที่กำลังรับผิดชอบอยู่ มิหนำซ้ำยังโดนสั่งพักงานยาวอย่างไม่มีกำหนดด้วยเช่นนี้ เธอจึงได้แต่ร้อนรนกังวลกระวนกระวายใจจนแทบจะปิดบังผู้เป็นอาไว้ไม่มิด
“อ้าว หนูสา ทำไมมานั่งเงียบๆ อยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ”
เสียงของใครบางคนที่ดังขึ้นมาจากทาด้านหลัง เรียกให้คนที่กำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองตื่นขึ้นมาสู่โลกความเป็นจริง พลางหันไปมองตามต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตมองปราดเพียงแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า คนที่กำลังเดินออกมาจากในตัวคฤหาสน์นั้นคือ อรรณพ คนรักของผู้เป็นอานั่นเอง
หนุ่มใหญ่วัยใกล้เคียงกับเกื้อกูล ทว่า แลดูอ่อนวัยกว่าค่อนข้างมากอาจด้วยเพราะความสูงซึ่งน้อยกว่าอาของเธอราวหนึ่งช่วงศีรษะ ผมสีดำสนิทยาวเคลียไหล่ที่รวบมัดไว้หลวมๆ ทางด้านหลัง อีกทั้งรูปร่างเพรียวบางดูอรชรอ้อนแอ้นในชุดเสื้อยืดคอกว้างเผยให้เห็นแผ่นอกขาวนวลเนียน ใบหน้าหวานราวผู้หญิงภายใต้แว่นสายตากรอบสีดำมีรอยยิ้มกว้างระบายอยู่นั้น ทำให้แลดูอ่อนวัยจนแทบไม่น่าเชื่อว่าคนตรงหน้านี้มีอายุเกือบแตะขึ้นเลขสี่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้ว
“คุณนพ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ สาไม่ได้ยินเสียงรถเลย”
อรุสาลุกขึ้นยกมือไหว้และกล่าวทักทายผู้มาใหม่ พลางขยับเปลี่ยนที่นั่งไปยังเก้าอี้โซฟาเดี่ยวอีกตัวที่อยู่ถัดไป และเชื้อเชิญให้ผู้อาวุโสกว่าเธอนั่งลงที่โซฟาตัวยาวแทน
“อาเพิ่งกลับมาเมื่อครู่นี้เองจ้ะ พอดีคุณแม่ท่านให้คนขับรถมาส่งน่ะ แล้วนี่หนูสาเป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือเปล่า ไม่ได้เจอกันเสียนานเลย ตั้งแต่คุณเกื้อไปอังกฤษ อ้อ แล้วนี่ได้เจอคุณเกื้อหรือยังจ๊ะ”
อรรณพส่งยิ้มให้หลานสาวของคนรักพลางเอ่ยเสียงนุ่มถามสารทุกข์สุกดิบอีกฝ่ายตามประสาคนคุ้นเคยกัน เพราะเมื่อก่อนนี้เคยได้รับการไหว้วานจากเกื้อกูลให้ช่วยดูแลเธออยู่บ้างเป็นครั้งเป็นคราวในบางโอกาสเวลาที่เกื้อกูลติดธุระสำคัญและเป็นห่วงกลัวว่าหลานสาวจะต้องอยู่บ้านคนเดียวเพียงลำพัง จึงทำให้รู้จักสนิทสนมกับอรุสาพอสมควร
“ได้เจอแล้วค่ะ แต่พอได้ยินว่าคุณนพกำลังจะกลับมาเท่านั้นก็รีบแจ้นไปอาบน้ำอาบท่ามาเตรียมต้อนรับเลย สงสัยอาเกื้อคงกลัวว่ากลิ่นอาหารที่ติดเสื้อผ้าเพราะเพิ่งเข้าครัวมาจะทำให้คุณนพไม่ประทับใจมั้งคะ”
หญิงสาวกล่าวตามความเป็นจริงแต่มิวายแอบหยอดทิ้งทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำเอาหนุ่มใหญ่หน้าหวานถึงกับเขินอายจนสองแก้มแดงระเรื่อขึ้นมาทันที จึงแสร้งเปลี่ยนเรื่องไปถามไถ่อย่างแปลกใจที่เห็นอรุสามานั่งเล่นอยู่ที่บ้านนี้ได้ทั้งที่ยังอยู่ในเวลาทำงาน
“แหม หนูสานี่ก็ อาว่าคงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ แล้ววันนี้หนูสาว่างหรือจ๊ะ เห็นคุณเกื้อบอกว่าเวลาจะนัดหลานสาวทานข้าวกลางวันด้วยกันทีไร เป็นต้องมีอันยกเลิกไปทุกทีเพราะหนูสางานยุ่งจนหัวหมุนแทบไม่มีเวลาได้ทานข้าวเลยไม่ใช่หรือจ๊ะ”
คำพูดของอรรณพกระทบใจคนฟังอีกครั้ง หลังจากที่เคยได้ฟังประโยคที่คล้ายคลึงกันนี้มาจากผู้เป็นอาเมื่อครู่ก่อนทางโทรศัพท์ อรุสาอดคิดไม่ได้ว่าปกติแล้วเธอเป็นคนที่บ้างานจนถึงขนาดหัวไม่วางหางไม่เว้น ไม่มีเวลาว่างให้แก่ใครต่อใครบ้างเลยอย่างนั้นเชียวหรือ แต่ละคนถึงได้มีท่าทีแปลกใจต่อการมาเยือนของเธอในเวลาที่ควรจะยังทำงานอยู่เช่นนี้
“เอ่อ พอดีว่าวันนี้สาว่างน่ะค่ะ ไม่ค่อยมีงานเท่าไหร่ ก็เลยแวะมาเยี่ยมอาเกื้อกับคุณนพเท่านั้นเอง”
หญิงสาวพยายามกลบเกลื่อนอาการของตนด้วยการอ้อมแอ้มตอบกลับไป แต่ดูเหมือนความหมองม่นที่ปรากฏฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเธอ จะไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาของหนุ่มใหญ่หน้าสวยไปได้
“อ้อ อย่างนั้นเองหรือจ๊ะ อาก็นึกว่าหนูสามีเรื่องอะไรไม่สบายใจเสียอีกดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย มีปัญหาอะไรที่ทำงานหรือเปล่า ถ้าไม่รู้จะปรึกษาใครก็คุยกับอาได้นะจ๊ะ ไม่ต้องเกรงใจ”
อรรณพแสร้งทำเป็นว่าเข้าใจ แต่ยังอดเป็นห่วงคนตรงหน้าไม่หายเมื่อเห็นร่องรอยของความกังวลที่อรุสาพยายามซ่อนมันเอาไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มแต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มสดใสไปด้วยเฉกเช่นทุกครั้ง คำถามที่ตรงประเด็นราวกับอีกฝ่ายกำลังนั่งอยู่กลางใจของเธอก็มิปาน ทำให้อรุสาอดแปลกใจไม่ได้ว่าเธอแสดงสีหน้าเศร้าหมองออกไปให้เห็นชัดเจนขนาดนั้นเชียวหรือ
“แหะๆ ก็นิดหน่อยค่ะ เฮ้อ...ดูเหมือนว่าสาจะไม่เคยมีเรื่องปิดคุณนพได้เลยสักเรื่องนะเนี่ย คืออย่างนี้ค่ะ พอดีว่าสาเพิ่งถูกเจ้านายสั่งพักงานยาว เลยกังวลอยู่ว่าจะบอกอาเกื้อยังไงดี สากลัวอาเกื้อจะเป็นห่วงน่ะค่ะ”
หญิงสาวยิ้มหัวเราะด้วยสีหน้าเจื่อนๆ พลางถอนหายใจยาวอย่างอ่อนใจเมื่อรู้ว่าเธอไม่สามารถเก็บงำความลับไว้รอดพ้นไปจากสายตาคมของหนุ่มหน้าหวานคนรักของผู้เป็นอาได้เลย ก่อนจะเล่าความจริงให้อีกฝ่ายฟังด้วยน้ำเสียงเนือยๆ แกมหดหู่ใจเล็กน้อย
“อะไรกัน ถึงขั้นพักงานเชียวเหรอจ๊ะ หนูสาไปทำอะไรผิดถึงได้ถูกเจ้านายลงโทษเสียหนักขนาดนั้น อาก็นึกว่าแค่มีปัญหากับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานเสียอีก”
อรรณพถึงกับยกมือทาบอกทำหน้าตกใจเมื่อได้ฟังสิ่งที่เด็กสาวตรงหน้ากล่าวออกมา ด้วยไม่คิดว่าปัญหาของเธอจะร้ายแรงถึงขนาดนี้ จึงอดถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยไม่ได้
“ว่าไงนะสา นี่เราถูกพักงานเหรอ แล้วเมื่อกี้นั่งคุยกันอยู่ตั้งนานทำไมไม่บอกอาสักคำ”
เสียงเข้มของเกื้อกูลที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทำเอาสองหนุ่มสาวต่างวัยที่กำลังนั่งสนทนากันอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะโผล่พรวดพราดเข้ามาที่นี่ทันได้ยินเรื่องที่กำลังพูดคุยกันอยู่พอดี
เจ้าของบ้านก้าวฉับๆ มานั่งแปะลงเคียงข้างอรรณพ พลางมองหน้าหลานสาวของตนที่เอาแต่ก้มหน้างุดๆ ไม่กล้าเงยขึ้นสบตาเขาด้วยสายตาเคืองขุ่น สีหน้าของดีไซเนอร์หนุ่มใหญ่บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างที่สุดเมื่อถูกปิดบังความจริงเอาไว้ แต่อรุสากลับยอมเล่าเรื่องนี้ให้กับคนรักของตนฟัง สร้างความน้อยอกน้อยใจให้แก่เกื้อกูลเป็นอย่างมาก
“ใจเย็นๆ นะคุณเกื้อ อย่าไปโกรธอะไรหนูสาเลย เธอก็แค่กลัวว่าคุณจะกังวลเรื่องของเธอมากไปเท่านั้นเองคงไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความจริงกับคุณเกื้อหรอก จริงไหมจ๊ะหนูสา”
อรรณพเห็นท่าไม่ดีก็รีบแก้ไขสถานการณ์ด้วยการกล่าวออกรับแทนหลานสาวของคนรักทันที พลางตบหลังมือเกื้อกูลเบาๆ เป็นเชิงปราม ก่อนจะหันไปพยักพเยิดหน้ากับอรุสาให้ทำตามคำพูดของตน
“ขอโทษค่ะอาเกื้อ สาไม่ได้ตั้งใจจะโกหก เพียงแต่สาไม่อยากให้อาเกื้อต้องเป็นห่วงกับเรื่องเล็กน้อยไร้สาระแบบนี้น่ะค่ะ สาขอโทษจริงๆ นะคะ”
อรุสาได้แต่นั่งตัวสั่นก้มหน้านิ่งมองพื้นอย่างสำนึกผิด พร้อมกับกล่าวขอโทษขอโพยผู้เป็นอาที่ปิดบังความจริงเอาไว้ เธอรู้สึกเหมือนขอบตากำลังร้อนผ่าวเมื่อหยดน้ำตาค่อยๆ เอ่อคลอขึ้นมาล้นจนเกือบจะไหลรินลงมาอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรนะจ๊ะหนูสา ไม่ต้องร้องนะ คุณเกื้อเขายังไม่ได้ว่าอะไรหนูเลยสักคำ แค่ไม่พอใจที่ได้รู้เรื่องนี้ช้าไปหน่อยเท่านั้นเอง จริงไหมครับคุณเกื้อ”
น้ำเสียงอ่อนโยนและสัมผัสอบอุ่นจากอ้อมแขนของหนุ่มหน้าสวยคนรักของผู้เป็นอา ช่วยทำให้อรุสารู้สึกใจชื้นขึ้นมาได้บ้างที่อย่างน้อยก็ยังมีคนที่เข้าใจเธออยู่ ใบหน้าขาวใสค่อยๆ เงยขึ้นทีละน้อยอย่างกลัวๆ กล้าๆ ดวงตากลมโตมองไปยังหนุ่มใหญ่อีกคนที่นั่งหน้าเครียดอยู่บนโซฟาตัวยาวและกำลังมองมาทางเธอด้วยสายตาหรี่อย่างไม่ค่อยพอใจนัก
แต่เกื้อกูลทำเป็นวางท่าปั้นปึ่งได้เพียงไม่นานก็จำต้องพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบรับเมื่อถูกอรรณพส่งสายตาเขียวปั้ดกลับมา เขาจึงได้แต่สะบัดหน้าไปอีกทางคล้ายว่ายังไม่หายหงุดหงิดดีนักที่หลานรักให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าตน ส่งผลให้คนที่กำลังปลอบประโลมเด็กสาวในอ้อมแขนส่ายหน้าน้อยๆ อย่างเอือมระอากับนิสัยขี้ใจน้อยของชายคนรักมิได้
“เอาล่ะไหนๆ คุณเกื้อก็รู้เรื่องแล้ว ถ้างั้นอาว่าหนูสาลองเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เราสองคนฟังดีไหม เผื่อว่าจะช่วยกันคิดหาทางออกทางอื่นได้น่ะ”
อรรณพกุมมือเด็กสาวเอาไว้หลวมๆ อย่างให้กำลังใจ พร้อมกับแนะนำให้อรุสาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอมาให้ทั้งคู่ฟัง แทนที่จะมัวมานั่งเครียดวิตกจริตอยู่เพียงลำพัง คนที่เพิ่งถูกสั่งพักงานมาหยกๆ ยกมือขึ้นเช็ดปาดน้ำตาทิ้งไป ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวให้ผู้เป็นอาและคนรักของเขาฟังอย่างหมดเปลือก
โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆ นี้ค่ะ >>>
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอไรเตอร์มา up ต่อ