ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO CHAN x BAEK ,(CHANBAEK) - Calories Love .

    ลำดับตอนที่ #1 : ♡ Calories Love Chapter : Intro

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.67K
      48
      3 พ.ย. 55

    Calories Love

    Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)

    intro

     

     

     

     

    คุณเคยคิดไหมว่าบางสิ่งบางอย่าง

    กว่าจะมาบรรจบกันได้ มันต้องใช้เวลา

    ...

     

                โรงเรียนมัธยม S กำลังมีพิธีจบการศึกษาอยู่ที่ห้องประชุมใหญ่ นักเรียนชั้นปีที่สามกำลังนั่งฟังคำกล่าวแสดงความยินดีของคณะครูอาจารย์อย่างสำรวม มีนักเรียนยิ้มอย่างตื้นตันใจและยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเอง ซึ่งต่อไปนี้พวกเขาจะต้องเรียนหนักขึ้นไปอีก พวกเขาจะต้องพบปะกับผู้คนมากมาย พวกเขาจะต้องเผชิญกับโลกใบใหญ่กว่าเดิม นั่นก็คือการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา

               

    ผู้อำนวยการของโรงเรียนกล่าวคำแสดงความยินดีให้กับนักเรียนเป็นคนสุดท้ายและเป็นอันจบพิธี นักเรียนทุกคนปรบมือและส่งยิ้มไปให้คุณครูที่มีพระคุณต่อพวกเขา ถึงแม้ว่าในบางทีจะไม่ชอบหน้าหรือจะไม่ชอบวิชานั้นๆ ก็ตามที แต่มันก็น่าใจหายที่จะต้องจากถิ่นเดิมของตัวเองไปแล้ว

               

    มีมงกุฎดอกไม้ที่นักเรียนหญิงต่างพากันสวมอย่างน่ารัก พร้อมๆ กับถือใบสำเร็จการศึกษาของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ทุกคนเมื่อถูกปล่อยออกจากห้องประชุมแล้วต่างก็รีบถ่ายภาพเก็บเอาความทรงจำเอาไว้จนวินาทีสุดท้าย...

     

                “แพคฮยอนอ่า! มาถ่ายรูปกันเร็ว” เพื่อนในห้องต่างก็ร้องเรียกเด็กหนุ่มร่างอ้วนๆ คนหนึ่ง เขาหันไปตามเสียงเรียกแล้วยิ้มรับจนดวงตาเรียวเล็กหยี พวงแก้มมีสีชมพูระเรื่ออย่างเขินอายเมื่อต้องทำอะไรแบบนี้ เขาไม่ค่อยชอบถ่ายรูปสักเท่าไหร่นัก เพราะเขาเป็นคนขี้อายมากๆ

                “อ่า เอ่อ...” หันไปมองเพื่อนสนิทของตัวเองที่ยืนหัวเราะกับเพื่อนๆ อีกกลุ่ม

    “คยองซูอ่า ไป...ไปถ่ายรูปกัน” นิ้วมืออวบๆ สะกิดเพื่อนของตัวเอง เด็กหนุ่มที่มีดวงตากลมโตที่มักจะดูตื่นเต้นกับทุกสิ่งอย่างหันไปพยักหน้าให้กับแพคฮยอนแล้วรีบคว้าแขนกันวิ่งไปยังกลุ่มเพื่อนของตัวเองทันที

    “ไปเร็วๆ” ทั้งสองยิ้มร่าแล้ววิ่งไปถ่ายรูปกับเพื่อนกลุ่มใหญ่

     

    ร่างของเด็กหนุ่มอ้วนๆ อย่างแพคฮยอนยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง รอยยิ้มที่ดูสดใสไม่เสแสร้งนั้นแสดงออกมาอย่างจริงใจ ก็เพราะขี้อายเลยต้องยืนอยู่ด้านหลัง เขาไม่ค่อยมั่นใจกับหุ่นอันเทอะทะของตัวเองเสียเท่าไหร่นัก อีกอย่างเขากลัวจะบังเพื่อนๆ มากกว่า เขาเลยยืนอยู่ด้านหลังจะดีกว่า ส่วนเพื่อนตัวเล็กอย่างคยองซูก็กอดคอแพคฮยอนแล้วชูมือขึ้นอย่างดีใจ ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

     

    “อย่าบังกันสิ แพคฮยอนขยับออกมาหน่อยๆ เฮ้ อย่าบังแพคฮยอนสิ เดี๋ยวรูปไม่ครบนะ” เพื่อนผู้หญิงต่างห้องที่ทำหน้าที่ถ่ายรูปให้บอกตำแหน่งการยืนให้เสร็จสรรพ

    “แพคฮยอน นายมายืนตรงนี้สิๆ” เพื่อนบอกแพคฮยอนให้มายืนอยู่ข้างหน้าแต่เขาเอาแต่โบกมือไปมาอย่างเกรงใจ

    “ไม่เป็นไร ฉันยืนตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวฉันบังพวกเธอหมดนะ”

    “เฮ้ย ไม่เป็นไรน่า มานี่เร็ว” แล้วแพคฮยอนก็ถูกลากให้มายืนข้างหน้า เพื่อนๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นั้นก็กอดคอแพคฮยอนแน่น ทุกคนฉีกยิ้มพร้อมกัน

    “ฉันด้วยๆ” คยองซูที่ตัวเล็กกว่าแพคฮยอนมากเบียดเข้ามาแล้วกอดแพคฮยอนเอาไว้ เพื่อนทุกคนร้องเฮกันอย่างมีความสุขกับการถ่ายภาพเพื่อเก็บเอาความทรงจำที่น่าประทับใจเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

     

    เวลาผ่านล่วงเลยกับการถ่ายรูปนานพอสมควร หลายคนต่างก็แยกย้ายกันกลับและก็มีเลี้ยงฉลองกันที่ร้านอาหารบางร้าน ส่วนแพคฮยอนก็กลับบ้านไปเลี้ยงฉลองพร้อมๆ กับคยองซู

     

    ทั้งคู่เดินหอบช่อดอกไม้ออกมาจากโรงเรียน แล้วขึ้นรถเมล์ไปยังบ้านของแพคฮยอนทันที ความทรงจำทั้งหมดจากโรงเรียนมัธยม S พวกเขาจะไม่มีวันลืมมันเด็ดขาด

                “เฮ้อ...วันนี้ถ่ายรูปสนุกชะมัด” คยองซูเอนหลังพิงพนักเก้าอี้บนรถเมล์อย่างสบายใจ ในมือก็ยังกอดช่อดอกไม้เอาไว้ แพคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้นหันมายิ้มจนตาหยีแล้วพยักหน้าให้

    “อื้ม แต่ก็น่าใจหายนะ”

    “ใช่แล้ว ต่างคนก็ต้องแยกย้ายกันไปเรียนมหาลัยที่ตัวเองสอบติด” แพคฮยอนตั้งใจฟังที่คยองซูพูดแล้วพยักหน้าตาม

    “พวกเราคงจะคิดถึงเพื่อนๆ มากๆ เลย”

    “แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เราโชคดี เพราะเรา...” คยองซูทำตาลุกวาวแล้วหันมาทางแพคฮยอน

    “เรียนคณะเดียวกันและมหาลัยเดียวกัน!” พูดจบแล้วก็ทำท่าดีใจอย่างที่สุด ไม่มีอะไรรู้สึกดีกว่านี้อีกแล้วเพราะพวกเขาจะไม่ต้องจากกันแถมยังไปเรียนพร้อมกันได้อีก

    “อื้อ!” แพคฮยอนยิ้มแล้วพยักหน้าระรัวให้กับคยองซู

     

    แพคฮยอนและคยองซูตัดสินใจสอบเข้าคณะอุตสาหกรรมการอาหารและบริการของมหาวิทยาลัยเกาหลี มันเป็นสิ่งที่ถนัดของพวกเขาทั้งสองมาก และไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะสอบเข้าในมหาวิทยาลัยชั้นนำแบบนี้ได้ ฝีมือของแพคฮยอนถือว่าเยี่ยมยอดที่สุดเลยล่ะ แม้แต่คยองซูยังชมอยู่บ่อยๆ

    “หิวจัง อยากถึงร้านของนายไวๆ แล้ว!” คยองซูลูบท้องไปมาระหว่างที่นั่งรอ

     

    เพราะครอบครัวของแพคฮยอนเปิดร้านอาหารเกาหลีที่อร่อยขึ้นชื่อมาก หลายคนต่างเป็นลูกค้าของร้านแพคฮยอนกันทุกคน ฝีมือการทำอาหารของทั้งบ้านถือว่าเยี่ยมยอดที่สุด แม้กระทั่งแพคฮยอนก็ตามรอยทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ส่วนคยองซูก็มีความฝันที่จะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองบ้างจึงเข้าเรียนสาขาเดียวกันกับแพคฮยอน

     

    ไม่นานทั้งสองก็มาถึงร้าน วังบีจิบของแพคฮยอนเรียบร้อย เป็นร้านที่มีการตกแต่งสไตล์เรียบง่ายและสามารถเข้าถึงอารมณ์ของอาหารเกาหลีพื้นเมืองได้เลย มีอาหารหลายแบบให้ทุกคนได้เลือกรับประทานแถมราคายังไม่แพงมากอีกด้วย

     

    คยองซูวิ่งนำลิ่วขึ้นบันไดร้านอย่างตื่นเต้น ส่วนแพคฮยอนก็เดินตามขึ้นมาอย่างระมัดระวังเพราะเขาคงไม่อยากจะวิ่งให้ร้านมันสะเทือนเพราะน้ำหนักของเขาเองเสียเท่าไหร่นัก

               

    “คยองซูมาแล้วคร้าบผม” ร้องทักทายพ่อกับแม่ของแพคฮยอนด้วยความสนิทสนม ทุกคนหันมาทักทายทั้งแพคฮยอนและคยองซูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    “หิวจังเลยฮะ” เดินเข้าไปกอดอ้อนแม่ของแพคฮยอน

    “คงเหนื่อยกันมาล่ะสิ เอ้าไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนนะ แม่กำลังเตรียมอาหารอยู่เลย” ผู้เป็นแม่บอกกับคยองซูเหมือนกับเป็นลูกชายอีกคนของบ้าน ส่วนแพคฮยอนวางช่อดอกไม้ก่อนที่จะหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมาสวม

    “ผมช่วยนะครับแม่” พูดแล้วหยิบทัพพีมาคนซุปเต้าเจี้ยวร้อนๆ อย่างรู้งาน ส่วนคยองซูก็ทำหน้าตื่นตาอยากจะช่วยแพคฮยอนกับคุณแม่ทำอาหารด้วย

    “ให้ผมช่วยนะด้วยครับ รับรองฝีมือผมก็ไม่แพ้แพคฮยอนแน่”

    “เอาสิจ้ะ ไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาเลยจ้ะ ทำช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ” เธอบอกคยองซูแล้วหันไปหั่นแตงกวาญี่ปุ่นเพื่อทำสลัด

    “คร้าบ” แพคฮยอนและคยองซูตอบรับคำเสียงดังอย่างมีความสุข และอาหารมื้อนี้ก็เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดเช่นกัน เป็นมื้อต้อนรับความสำเร็จของทั้งคู่ที่สอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างมหาวิทยาลัยเกาหลีได้ นั่นเป็นหนึ่งความภาคภูมิใจของครอบครัวแพคฮยอนเลยทีเดียว และเขาก็เชื่อว่าแพคฮยอนจะไม่ทำให้ครอบครัวผิดหวังอย่างแน่นอน

     

     

    ...

     

    โรงเรียนมัธยม M ที่อยู่ห่างจากโรงเรียนมัธยม S นั้นก็มีพิธีจบการศึกษาในอาทิตย์ถัดมา ทุกคนมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มและตื่นเต้นกับการที่ตัวเองสามารถนำใบสำเร็จการศึกษาไปอวดคนในครอบครัวได้เช่นเดียวกัน

     

    เมื่อพิธีจบการศึกษาจบลงเด็กหนุ่มและเด็กสาวต่างก็นัดกันเลี้ยงฉลองตามประสา แต่ยังมีอีกกลุ่มที่ยังคงวุ่นวายอยู่กับช่อดอกไม้มากมายที่อยู่ในมือของตัวเอง รวมไปถึงถุงของที่ระลึกมากมายจากรุ่นน้องอีกด้วย

     

    เด็กหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มนั้นหอบช่อดอกไม้ถึงห้าช่ออยู่ในมือ อีกทั้งยังมีสร้อยคอดอกไม้รวมไปถึงมงกุฎดอกไม้ที่ผู้หญิงมักจะสวมอยู่ด้วย แถมยังมีถุงกระดาษห้อยอยู่เต็มทั้งสองแขน ใบหน้ายิ้มแย้มที่กำลังหัวเราะและโค้งขอบคุณหลายๆ คนที่ส่งของที่ระลึกมาให้เขา

    “ขอบใจนะ” เขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและยังส่งยิ้มให้กับทุกคนอีกด้วย เด็กสาวหลายคนยิ้มอย่างเขินอายเมื่อมอบของที่ระลึกให้กับร่างสูง

    “ยินดีด้วยนะคะพี่ชานยอล”

    “ครับ ขอบใจนะๆ” เด็กนักเรียนหญิงที่เป็นรุ่นน้องต่างก็ร้องกรี๊ดกันเสียงดัง บางคนขี้อายก็ไม่ค่อยกล้าเอาของที่ระลึกไปให้จึงได้แต่ฝากเพื่อนๆ ไปแต่นี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะได้เจอหน้าของรุ่นพี่ชานยอล

     

    เขาเป็นรุ่นพี่ที่นิสัยดี เรียนเก่งแถมยังเป็นประธานนักเรียนอีกด้วย และเอกลักษณ์ของเขาก็คือรอยยิ้มกว้างและจริงใจกับทุกคน...

     

    “ป็อปไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” เสียงเข้มๆ ของเพื่อนอีกคนที่ยืนข้างๆ ชื่อว่าจงอินพูดแซวชานยอล แต่ร่างสูงนั้นส่ายหน้าไปมาอย่างถ่อมตัว

    “เฮ้ย แกก็ป็อปไม่แพ้ไม่กันหรอกน่า ดูของในมือซะก่อน” พยักเพยิดหน้าไปทางของที่อยู่ในมือจงอินมีช่อดอกไม้สี่ช่อกับถุงของที่ระลึกเต็มมือ

    “ว้าว นี่กล่องอะไรน่ะ..ใหญ่จัง ขอบใจนะครับ” น้ำเสียงของเพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างจงอินดังขึ้นอย่างตื่นเต้น มือเรียวยาวเลื่อนไปรับเอาไว้ก่อนจะยิ้มจนตาปิด

    “หวังว่าพี่เซฮุนจะชอบนะคะ” หญิงสาวคนนั้นเมื่อยื่นกล่องให้แล้วก็บอกอย่างขวยเขิน

    “ครับ ชอบแน่นอนอยู่แล้ว ขอบใจนะ” บอกด้วยเสียหวานจนหญิงสาวคนนั้นทนเขินอายไม่ได้จนต้องรีบโค้งและวิ่งออกไปในทันที

    “ขอบใจนะครับ ขอบใจนะ” หนุ่มหน้าหวานที่ชื่อว่าเซฮุนยืนแจกรอยยิ้มจนรุ่นน้องแทบจะละลายลงไปกองกับพื้นไม่ต่างกับชานยอลเลย ส่วนจงอินจะมีใบหน้าที่เข้มๆ ไม่ค่อยยิ้มแต่ภายใต้ใบหน้าเข้มๆ นั้นก็ทำให้มีเสน่ห์ไปอีกแบบเหมือนกัน

     

    ทั้งสามคนนี้เป็นที่รู้จักของนักเรียนทุกคน เพราะจะไม่มีใครไม่รู้จักก็ไม่ได้ ด้วยรูปร่างหน้าตาและฐานะนั้นทำให้พวกเขาทั้งสามดูเหมือนเป็นเทพบุตรก็ว่าได้ แถมยังเป็นกลุ่มที่ป็อปที่สุดในหมู่ของนักเรียนหรือแม้กระทั่งต่างโรงเรียนก็รู้จักพวกเขา

     

    เด็กนักเรียนหญิงวิ่งแห่กันถือถุงของมากมายมาให้กับสามคนนี้กันอย่างไม่ขาดสายจนโต๊ะม้านั่งไม่มีที่วางแล้วด้วยซ้ำ พวกเขาจึงต้องวางไว้กับพื้นแทนก่อนที่จะโทรให้รถของที่บ้านนั้นมารับและขนเอาของกลับบ้านถึงสามคัน

     

    วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาจะได้มาเดินอยู่ในโรงเรียนก่อนที่จะเตรียมตัวเพื่อเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาต่อไป เชื่อไหมว่าทั้งสามสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันได้ แถมยังเป็นคณะเดียวกันอีกเสียด้วย อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคะแนนสอบของทั้งสามคนนี้ก็ไล่เลี่ยกันมาอยู่แล้ว

     

    “ขอโทษนะคะ” หญิงสาวกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งสามในระหว่างที่กำลังนั่งรอรถมารับ

    “ครับ”

    “ถ้าพวกพี่ๆ ไปเรียนมหาลัยแล้วก็อย่าลืมน้องๆ ที่นี่นะคะ” เธอพูดอย่างมีความหวังว่ารุ่นพี่จะให้ความสำคัญกับโรงเรียนนี้บ้างและอาจจะกลับมาเยี่ยมเยียนในเวลาที่พวกเขาว่าง ชานยอลยิ้มให้ก่อนที่จะพยักหน้าให้เล็กๆ

    “อื้ม ไม่ลืมหรอกน่า ไว้พวกพี่ว่างแล้วจะกลับมาเยี่ยมแน่นอน”

    “จริงนะคะ กรี๊ด” เธอร้องกับเพื่อนๆ อย่างดีใจก่อนที่จะกระโดดกอดกันกลม

    “พวกเราจะรอพี่นะคะ...ยินดีด้วยอีกครั้งค่ะ!” พวกเธอโค้งให้กับทั้งสามคนก่อนที่วิ่งออกมาอย่างดีใจ

    “เหนื่อยจังเลย” เป็นเสียงของเซฮุนที่บ่นเบาๆ แล้วทุบแขนของตัวเองเบาๆ แต่เขาก็สามารถยิ้มได้และเปิดดูของที่อยู่ในถุงกระดาษอย่างอารมณ์ดี

    “ง่วงชะมัด” จงอินพูดแล้วขยี้ตาของตัวเองจากนั้นก็เอนไปซบไหล่ของเซฮุน เวลาที่เขาใช้พลังงานในการทำอะไรอย่างหนึ่งมากๆ มันทำให้เขารู้สึกง่วงจริงๆ

    “ผมกำลังแกะของอยู่ครับ จงอิน” เซฮุนที่มักจะชอบพูดคำสุภาพๆ เสมอๆ กำลังดุจงอิน แต่อีกฝ่ายไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว

    “ง่วง”

    “แต่ผมแกะของไม่ถนัดนะครับ”

    “เอาไปแกะที่บ้านสิ”

    “งั้นจงอินก็ไปนอนที่บ้านสิครับ มาพิงไหล่ผมทำไม”

    “จะพิง” ตอบอย่างหน้าไม่อายแล้วก็พิงไหล่บางๆ ของเซฮุนต่อไป อีกฝ่ายได้แต่ส่ายหน้าเมื่อโดนเอาเปรียบ

    “ผมกลัวสีตกใส่เสื้อของผมนะครับ” เพียงประโยคที่แม้จะฟังดูแล้วคงคิดว่าจะสุภาพ...แต่ไม่เลย มันเจ็บมากต่างหากล่ะ ให้ด่าว่าเขาดำตรงๆ ยังจะดีกว่ามาพูดเพราะแต่กัดเจ็บแบบนี้!

    “จับจูบเลยซะดีไหม ปากเก่งจัง”

    “หยาบคายจังเลยครับจงอิน” ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่จะยู่ปากอย่างน่ารัก เพราะไอ้ท่าทางที่เซฮุนชอบทำแบบนี้มันอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ จงอินขยี้ผมของตัวเองก่อนที่ลามไปขยี้เส้นผมนุ่มของเซฮุนจนฟูฟ่อง

    “จงอินครับ นิสัยไม่ดีเลยนะ” ทำหน้ายู่ก่อนที่จะลูบผมของตัวเองลงอย่างงอนๆ

    “พวกแกนี่ ไม่กัดกันสักวันมันจะตายรึไง” ชานยอลที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ เพราะไม่มีวันไหนเลยที่สองคนนี้จะไม่จิกกัดกัน

    “จงอินแกล้งผมก่อนนะครับชานยอล” เซฮุนโบ้ยปากไปยังจงอินที่ทำหน้าง่วงไม่สนใจ ส่วนชานยอลก็หัวเราะเบาๆ กับท่าทางของเซฮุนที่กำลังทำปากขมุบขมิบใส่จงอินที่หลับตาพิงไหล่ของตัวเองอยู่

     

    อีกไม่นานพวกเขาก็ต้องเข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเกาหลี คณะนิเทศศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะในการสื่อสารที่พวกเขาเลือกเรียนกัน ไม่เป็นเรื่องแปลกที่ส่วนมากกลุ่มคนที่จัดได้ว่าหน้าตาดีเลือกที่จะเรียนคณะนี้กัน แต่ทั้งสามไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะพวกเขาวัดกันด้วยฝีมือล้วนๆ

     

    “จะขับรถไปกลับบ้านหรือจะไปเช่าคอนโดอยู่กัน?” ชานยอลถามความคิดจากเพื่อนทั้งสองคน

    “ผมก็อยากลองอยู่คอนโดบ้างนะครับ” ทำท่าครุ่นคิด

    “ฉันอยู่กับแกแล้วกันเซฮุน” จงอินไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร

    “ผมอยากอยู่คนเดียวครับ จงอินก็อยู่ส่วนของจงอินสิครับ”

    “ไม่”

    “จงอินครับ!

    “ก็ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวนี่” ทำเสียงงอแงใส่เซฮุนจนอีกคนเอือม

    “นี่ๆ ฉันถามความคิดเห็นของแกอยู่นะ ไม่ใช่ให้มาเถียงกัน โอ้ย จะบ้าตาย” ชานยอลตบหน้าผากของตัวเอง ไม่น่าถามพวกมันเลยจริงๆ

    “ผมคงขออยู่คอนโดครับ” เซฮุนบอก แล้วมองไปยังจงอิน ก็คงเลือกไม่ได้ ยังไงจงอินก็ต้องมาอยู่กับเขาด้วยแน่ๆ ก็ดีจะได้ไม่เหงา

    “อืม ฉันก็คงอยู่คอนโดเหมือนกัน งั้นก็เลือกคอนโดที่เดียวเลยเลยดีป่ะ” ชานยอลเสนอ เซฮุนพยักหน้าให้อย่างเห็นส่วนจงอินก็คงตามใจเซฮุน

    “ก็ดีครับ โอ้ยจงอินเลิกพิงไหล่ผมสักที ผมหนัก” พูดแล้วก็ผลักหัวจงอินออกห่างก่อนที่จะลุกไปนั่งข้างๆ ชานยอล

    “เดี๋ยวนี้มือเร็วนะ” จงอินชี้หน้าเซฮุนอย่างหาเรื่องก่อนที่จะกอดอก

    “เออ ชานยอลแล้วจะอยู่คนเดียวรึเปล่า”

    “อืม คนเดียวสิ จะได้ไม่ปัญหา ขืนหาเมทคนอื่นมาอยู่ด้วยคงยากอ่ะ” ชานยอลบอกด้วยท่าทีสบายๆ เขาชอบที่จะนั่งทำงานคนเดียวเสียมากกว่า เวลาต้องการที่สงบๆ เขาก็สามารถอยู่ในห้องคนเดียวได้โดยที่ไม่มีใครมารบกวน

     

    ทั้งสามนั่งคุยกันไปพลางๆ เพื่อรอรถจากที่บ้านมารับที่โรงเรียน อีกไม่กี่เดือนพวกเขาก็จะต้องปรับเปลี่ยนชีวิตของตัวเองใหม่ และมีความรับผิดชอบมากขึ้นเมื่อเขากำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่จะต้องหัดรับผิดชอบตัวเองแล้ว

     

    เตรียมตัวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตให้เพียงพอเพื่อที่จะได้เป็นผลกำไรให้กับตัวเอง และโลกใบใหม่ของแต่ละคนกำลังจะมาบรรจบกันแล้ว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อรั๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    จบอินโทรแล้ว ชานยอลบทน้อยจัง อันนี้แอบลำเอียงไปทางทางจงอินกับเซฮุน

    5555555555555555555555555555 โดยส่วนตัวแล้วชอบคาแร็กเตอร์ของน้อยฮุนเรื่องนี้มาก

    เขียนแล้วรู้สึกมีความสุข เขียนสนองให้ตัวเองน่ะ 5555555555555

    สังเกตกันมั้ยว่าทั้งหมดในเรื่องเรียนมหาลัยเดียวกัน แล้วจะมีทางเจอกันได้หรือไม่

    ต้องมาเอาใจช่วยกันแล้วล่ะ!

     

    เรื่องนี้อยากจะมีแรงอัพให้บ่อยๆ เพราะจะเอาไปขายที่งานด้วย

    จะพยายามแต่งทุกวัน แม้ว่าตารางเรียนจะออกมาแล้วมีเรียนถึง 6 วันเลย

    เศร้าเลย งานเยอะด้วย เสียใจมากอ่ะ ทำไมเทอมสองงานเยอะแบบนี้

    ปีสามจะขนาดไหน แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ทิ้งกันนะ

    ยังอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ และจะมาอัพบ่อยๆ ให้ทันงานฟิคนะจ้ะ

     

    แล้วเจอกันกับตอนที่ 1 เร็วๆ นี้

    แอบสปอยล์นิดนึงว่า ตอนหน้าแพคฮยอนกับชานยอลจะเจอกันแล้วนะ อิอิอิอิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×