ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใยร้อยรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 : เพราะรัก จึงหลอก - รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.25K
      10
      12 ส.ค. 64

    บทที่ 3

    เพราะรัก จึงหลอก

     

             เรื่องเข้าโรงพยาบาลกะทันหันของท่านผู้บริหารสูงสุดแห่งบริษัทศุภณัฐมงคลถูกเก็บรักษาไว้เป็นความลับ โดยความร่วมมือของคณะแพทย์และพยาบาล รวมถึงผู้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน ภคินไม่ปรารถนาให้สื่อมวลชน หรือ ใครๆล่วงรู้ จนกลายเป็นข่าวใหญ่โต

    การมีชื่อเสียงในแวดวงไฮโซ และ ธุรกิจ มักถูกจับตาจากเหยี่ยวข่าวไวพอๆกับดารานักแสดง เขาไม่ได้กลัวโดนละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว แต่ขี้เกียจจ้างรถกระบะขนกองกระเช้าผลไม้ อาหารเสริม และ ดอกไม้เยี่ยม สูงเทียมหัวไปสุมไว้ที่บ้าน

    กว่าบอสใหญ่จะพักฟื้นหายดีเป็นปกติต้องใช้เวลาเกือบสัปดาห์ รัชชานนท์ในฐานะรองประธานบริษัทจึงรับหน้าที่บริหารจัดการงานต่างๆเพียงลำพัง แม้ไม่มีอุปสรรคหรือปัญหาใดๆมาแผ้วพาน กระนั้นเจ้าตัวก็ยังโอดครวญทุกครั้งที่กชกรหอบแฟ้มเอกสารส่วนของภคินเข้ามาเพิ่มเติม เวลาหว่านเสน่ห์สาวๆถูกบั่นทอนออกไปจนเขาใกล้เฉาตายคากองงานรอมร่อ ในที่สุดก็เกินขีดความอดทนเลยฟุบหน้าลงแนบโต๊ะตัวใหญ่ แล้วหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน

    ไหนจะต้องตื่นเช้ามาบริษัท

    ไหนจะต้องทำงานเพิ่มเป็น 2 เท่า 

    ไม่อยากเชื่อเลย ว่าการขาดเพื่อนรักไปสักคนจะทำให้อะไรๆวุ่นวายขนาดนี้

    ก็อกๆๆ!!!

    ชายหนุ่มเกลียดเสียงเคาะประตูเหลือเกิน ทุกครั้งจะต้องมีงานจาก ‘รมิดา’ เลขานุการส่วนตัว และ จากกชกร เข้ามาเพิ่มเติมร่ำไป รัชชานนท์ไม่ตอบ เพราะรู้ดีว่าอีกสักพักแฟ้มกองโตจะถูกขนมาวางบนโต๊ะอีกแน่นอน

    “แอบหลับในเวลางาน...หักเงินเดือนเสียดีไหม?” คำพูดยียวนกวนประสาทแสนคุ้นเคย ฉุดเสือเฉาให้เงยมองภคินในชุดสูทสีเทา

    “ไอ้คิน!!!” รัชชานนท์กระโดดกอดเพื่อนชายด้วยความดีใจ

    “ไอ้บ้านี่...ออกไป” พูดพลางผลักอีกฝ่ายออกห่าง “ขนลุก!!!”

    “ฉันดีใจนี่หว่า แกไม่รู้หรอก ว่าฉันต้องอดตาหลับขับตานอนทำงานหามรุ่งหามค่ำแทนแกทุกวันเลย” 

    “ถ้าเช่นนั้นแกคงไม่รู้ว่าฉันต้องทำแบบนั้นเป็นปกติ แกจะได้สำนึกตัว เลิกเที่ยวเกี้ยวสาวมาช่วยฉันทำงานทำการสักที” ชายหนุ่มไม่นึกสงสารอีกฝ่ายสักนิดเดียว

    “ใจร้ายจริง...นี่หมอเขาผ่าตัดเอาปากแกแลกปากหมาหรือเปล่าเนี่ย หายป่วยปุ๊บก็กัดฉันปั๊บ” สิ้นคำพูดนั้น ภคินก็รีบเอามือปิดปากเพื่อน

    “เบาๆสิวะ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอก ฉันไม่อยากให้ทุกคนในบริษัทเป็นห่วง” รวมถึงไม่อยากได้สารพัดกระเช้ามาประดับบ้านด้วย “แกไม่ได้บอกใครเรื่องที่ฉันเข้าโรงพยาบาลใช่ไหม?” 

    “ไม่ได้บอก...ขนาดคุณกชกรยังไม่รู้เลย ฉันบอกแค่ว่าแกไปพักผ่อนที่พัทยา” รัชชานนท์ตอบ พลางดันเอกสาร 1 กองคืนเจ้าของแท้จริง “เอาไปทำเลย! คราวหน้ารู้ตัวว่าแพ้อาหารอะไรก็หัดพกยาติดตัวไปด้วยสิวะ ถ้าเกิดงานการเสียหายหลายพันล้าน หรือ แกเป็นอะไรขึ้นมา ฉันคงไม่กล้าแบกหน้าหล่อๆไปพบพ่อแม่แก”

    “เออ!!! ขอบใจที่ช่วยงาน” ภคินนึกหมั่นไส้คนขี้เกียจไม่น้อย ยังดีที่อีกฝ่ายช่วยแบ่งเบาภาระระหว่างเขานอนซมในโรงพยาบาล มิเช่นนั้นคงฟาดด้วยแฟ้มสักป้าบจนหนำใจ “จริงสิ...วันมะรืนนี้แกช่วยเคลียร์คิวงาน แล้วมาปาร์ตี้บ้านฉันหน่อย”

    “ปาร์ตี้อะไรวะ?”

    “ฉันจัดงานเลี้ยงวันเกิด” คำตอบนั้นชักสีหน้าผู้ฟังเหยเก

    “ห๊ะ! แกจะจัดงานวันเกิดล่วงหน้าทำไมตั้งสามเดือน?”

    “ก็ฉัน...เอ่อ...บอกความจริงก็ได้วะ ฉันแอบชอบคุณไปรยาเจ้าของบริษัท PP Design แต่ฉันไม่รู้ว่าหลังจากงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าประจำปีแล้ว จะหาเรื่องพบหล่อนอีกได้อย่างไร ก็เลยอ้างมั่วๆว่าวันศุกร์นี้เป็นวันเกิดฉัน” รับสารภาพหมดเปลือก

    “แกก็เลยจ้างหล่อนมาจัดงานที่บ้านด้วยเงินก้อนโต เพียงเพราะอยากเห็นหน้าเท่านั้น” รู้ทันเพื่อนชายที่พยักหน้าหงึกหงัก “เยี่ยม! ฉันเริ่มอยากเห็นแม่สาวคนนี้เสียแล้วว่าเด็ดดวงแค่ไหน ถึงทำให้พ่อเสือยอมลงทุนเกิ๊นนนน” ลากเสียงยาวประชดประชัน พลางหยิบถ้วยกาแฟซึ่งเย็นชืดไปนานแล้วขึ้นมาจิบแก้เลี่ยน

    “เด็ดไม่เด็ดไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคนนี้แม่ของลูก” 

    ลูกชายจอมแสบเสียด้วย

    พรวดดด!!!

    โชคดีคนตัวโตเบี่ยงหลบทัน...

    คราบกาแฟเลยปรากฏอยู่บนพื้นพรมแทนสูทสีเทาของภคิน รัชชานนท์ไอค่อกแค่ก ก่อนคว้ากระดาษเช็ดหน้ามาซับปากและคาง

    “แกล้อเล่นใช่ไหม...ถ้าคุณไปรยาอะไรนี่เป็นผู้จัดการบริษัท PP Design ที่พวกเราว่าจ้างในงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าประจำปี ก็เท่ากับว่าแกเพิ่งรู้จักหล่อนแค่อาทิตย์เดียวเองนะ”

    “ฉันพูดจริง” เขายืนกรานด้วยสีหน้ามั่นใจ “อาจเร็วไป ( มาก ) แต่ฉันก็ชอบหล่อนเข้าแล้ว”

    “เฮ้ย...แกยังไม่ทันรู้จักหล่อนดีพอเลย นิสัยใจคอเป็นอย่างไร ลูกเต้าเหล่าใคร บ้านช่องห้องหับเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แล้วจะคิดจริงจังถึงขั้นแต่งงานเนี่ยนะ”

    “ฉันมั่นใจว่าคุณไปรยาเป็นคนดี ออ...หล่อนมีลูกติดจากสามีเก่าด้วย” 

    “ไอ้คิน!!! นี่แกชอบแม่ม่ายลูกติดเหรอเนี่ย?”

    “ฉันไม่แคร์เรื่องเล็กน้อยพรรค์นั้นหรอก!”

    คนฟังปวดหัวตุ๊บๆเหมือนเจอปัญหาใหญ่ยิ่งกว่างานที่ทำมาตลอดเกือบสัปดาห์ ใครจะนึกว่าเสือผู้หญิงจอมร้ายกาจคิดจริงจังกับแม่ม่ายเรือพ่วง 

    ไม่รู้แม่สาวคนนั้นใช้เล่ห์กลอะไรถึงทำให้เพื่อนรักของเขาเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ รัชชานนท์ไม่เชื่อว่าไปรยาดีเลิศประเสริฐศรีเช่นคำบอกเล่า ยิ่งมีลูกเต้าติดตัวอาจหวังเงินทองของภคิน เพื่อความสบายในอนาคตก็เป็นได้ 

    ก็อกๆๆ!!!

    “เชิญครับ” รัชชานนท์กล่าวเสียงดัง

    แทนที่จะเป็นรมิดา แต่เป็นกชกร เลขานุการสาวก้าวเข้ามาในห้องรองประธานบริษัท แล้วหันไปเอ่ยกับอีกคนแทนเจ้าของห้องซึ่งนั่งหน้าหงิก

    “คุณภคินคะ...คุณพิมพ์วลัญช์มาขอพบค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่ห้องทำงาน”

    ไฮโซเครื่องเพชรคนเดิมติดใจลีลารักร้อนแรงจึงดั้นด้นมาหาภคินที่นี่อีกครั้ง กระนั้นชายหนุ่มกลับส่ายหน้าน้อยๆ ประหนึ่งไม่แยแสผิวกายขาวนวลเนียนแสนรัญจวนใจของหล่อน เมื่อตอนนี้เขาพบเพชรน้ำงามที่สุดในชีวิตแล้ว

    “บอกคุณพิมพ์วลัญช์ว่าผมติดธุระสำคัญ ให้กลับไปก่อนครับ” ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ออ...แล้วครั้งต่อๆไปหากหล่อนมาอีก ก็ไม่ต้องให้เข้าพบผมแล้ว”

    “เอ่อ...ค่ะ” กชกรแทบไม่เชื่อหู แต่ก็ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งเจ้านายโดยดี

    ไอ้หมอนี่ท่าจะอาการหนัก! 

    รัชชานนท์แอบครุ่นคิดในใจ ขณะมองเพื่อนชายที่ยิ้มหวานยามคิดถึงใบหน้าสะสวยของไปรยา ชักอยากรู้เสียแล้วว่าแม่ม่ายสาวคนนั้นจะเลิศเลอเพียงใด!

     

             “ทุกคนกลับบ้านกลับช่องได้แล้วจ้า...ขยันกันจริงๆ” นายจ้างสาวเตือนสติ 3 พนักงาน ที่ยังก้มหน้าก้มตาจัดการเอกสารต่างๆบนโต๊ะ ราวกับไม่ใส่ใจฟ้าแดงฉานยามโพล้เพล้ เธอไม่อยากให้ทุกคนหามรุ่งหามค่ำจนเกินควร ประเดี๋ยวจะเจ็บป่วยเสียก่อน

             “ขออีกสักครู่ค่ะ...ดิฉันกำลังทำบัญชีรายรับรายจ่ายของงานเลี้ยงวันเกิดคุณภคินใกล้เสร็จแล้ว” ดาวเอ่ยบอกโดยไม่เงยมองเจ้านาย เพราะจดจ่อตัวเลขบนหน้ากระดาษ

             เช่นเดียวกับเอกและพิมพ์ ซึ่งไม่ยอมผละออกจากภาระหน้าที่ตนเอง พวกเขามักทุ่มเทกับการทำงานเกินเงินเดือนที่ได้รับเสมอๆ รู้ทั้งรู้ว่าไปรยาไม่สามารถจ่ายค่าจ้างให้ได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่มีใครเดียดฉันท์ผลักงานออกจากตัว หรือ ไขว่คว้าหาเจ้านายใหม่เป็นที่พึ่ง เนื่องจากอยู่ที่นี่สุขใจมากกว่าที่อื่นๆที่เคยพบเจอ

             “จริงสิ...เรื่องอาหาร สั่งภัตตาคารเรียบร้อยแล้วใช่ไหมจ๊ะ?” หญิงสาวค่อนข้างกังวล เพราะงานจะเริ่มวันมะรืนนี้แล้ว แม้ภคินไม่ได้เคร่งครัดเรื่องรูปแบบงาน หรือ ข้าวปลาอาหารต่างๆ แต่เธอก็ไม่อยากให้เกิดข้อบกพร่องมากระทบต่อชื่อเสียงของบริษัท PP Design 

             “ค่ะ! ดิฉันออเดอร์อาหารจำพวกบาร์บีคิวทะเลเผา พร้อมกำชับว่าไม่เอากุ้งตามคำสั่งคุณแป้งเลยค่ะ” พิมพ์ตอบแทนเพื่อนสาวที่ยังง่วนกับสมุดบัญชีเล่มโต “จะว่าไปคุณภคินนี่ก็แปลกนะคะ งานวันเกิดตัวเองแท้ๆ แต่ไม่เอาทั้งเค้ก ไม่เอาทั้งป้ายติดเวที จะว่าขี้งกก็ไม่น่าใช่...”

             “คุณภคินเป็นผู้ชาย คงไม่ใส่ใจเรื่องพรรค์นั้นเหมือนพวกผู้หญิงหรอก” เอกคาดเดา “แล้วเขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ คงอยากจัดงานเลี้ยงแบบเรียบง่ายในหมู่เพื่อนฝูงจริงๆ เพราะระดับบิ๊กบอสน่าจะเจองานสังสรรค์ใหญ่ๆมานักต่อนักแล้ว”

             ยังไม่ทันที่ไปรยาจะเอ่ยปากปรามศึกย่อยๆของ 3 พนักงาน ปัณฑ์ธรก็กลับจากมหาวิทยาลัยพอดี ข้าวของพะรุงพะรังในมือนั้นเยอะเสียจนผู้เป็นมารดาต้องกระวีกระวาดเข้าช่วยอีกเช่นเคย ชายหนุ่มยิ้มแย้ม ก่อนยกมือไหว้บุพการีกับพี่ๆทุกคนในบริษัทอย่างนอบน้อม

             “ปัน...ดีเลยที่ลูกกลับมาแล้ว ออกไปห้างฯเป็นเพื่อนแม่หน่อยสิ”

             “นี่มันจะมืดค่ำแล้วนะครับ แม่จะไปทำไม?” ลูกชายหันมาถามด้วยความสงสัย

             “วันมะรืนเป็นวันเกิดคุณภคิน แม่จะหาซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆให้เขาสักชิ้นจ้ะ” หญิงสาวไม่ชอบใช้ช่วงเวลางานออกไปเตร็ดเตร่เดินเล่นข้างนอก จึงต้องรอจนเย็นย่ำได้ทีเสียก่อน

             แค่ได้ยินชื่อผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ ใบหน้าเบิกบานก็หุบลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเข้มจดจ้องบุพการี ประหนึ่งโทสะในใจเริ่มพุ่งพ่าน ไปรยาทราบความเกลียดชังของอีกฝ่ายที่มีต่อผู้ว่าจ้าง แต่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร เพราะจนบัดนี้เจ้าลูกชายตัวดียังไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษเรื่องเมื่อวันนั้นทั้งที่โดนตำหนิไปไม่น้อย

    แม้ภคินไม่เอาเรื่องเอาราว และ ไม่รับค่ารักษาพยาบาล แต่เธอก็ต้องไปเยี่ยมเยียนเขาที่โรงพยาบาลทุกวันเพื่อชดเชยความผิด

             “แค่จัดงานเลี้ยงให้ก็เกินพอแล้ว ทำไมแม่ต้องไปซื้อของขวัญไร้สาระให้ไอ้หมอนั่นด้วย?" 

             “การทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แค่ทำงานแลกเงิน แต่มันเป็นเรื่องของมิตรภาพกับน้ำใจที่เราต้องมอบให้แก่กันด้วย”

             “แล้วที่แม่ต้องไปเยี่ยมไอ้หมอนั่นทุกวัน น้ำใจยังไม่เพียงพออีกเหรอครับ?” 

             “นั่นเพราะเราเป็นต้นเหตุไม่ใช่เหรอ?”

             “ผมไม่ได้เริ่มก่อน มันต่างหากที่ขับรถเกือบชนผม” ปัณฑ์ธรชังน้ำหน้าภคินเหลือเกิน 

    เรื่องเมาแล้วขับ กับ พยายามยัดเงินปิดปากล้างความผิด ก็น่ารังเกียจเป็นทุนเดิม มิหนำซ้ำยังเข้ามาวอแวแม่ของเขา นับแต่หลังจบงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าประจำปีของบริษัทศุภณัฐมงคล

             “ปัน! ลูกก็รู้ว่านั่นเป็นอุบัติเหตุ ทำไมไม่ยอมเข้าใจเสียที” ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปรยาถกเถียงเรื่องนี้กับลูกชาย จนไม่อยากจะคุยต่อเพราะเกรงทะเลาะกันเปล่าๆ “ถ้าลูกไม่อยากไปก็ตามใจ...แม่ไปเอง” ตัดบทปุ๊บก็ก้าวออกจากบ้าน ทิ้งให้อีกฝ่ายกระแทกเท้าตึงตังหนีขึ้นชั้นบน

             รถไฟลอยฟ้าขบวนยาวเหยียดนำพาไปรยามุ่งหน้าสู่ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเทพมหานครแห่งหนึ่ง ซึ่งคลาคล่ำด้วยผู้คนจำนวนมหาศาล ส่วนใหญ่เป็นสาวออฟฟิศ และ นักเรียน นักศึกษาในย่านนั้น ทำให้บรรยากาศโดยรอบไม่เงียบเหงาจนเกินควร ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าได้บ้าง แต่เรื่องจุกจิกไม่เข้าท่าของปัณฑ์ธรยังรบกวนจิตใจไม่สร่างซาสักที เธอพยายามสลัดปัญหาต่างๆทิ้งชั่วครู่ เพื่อเพลิดเพลินกับข้าวของสวยงามนานาชนิด แต่แล้วก็ต้องเคร่งเครียดขึ้นมา เมื่อไม่รู้ว่าควรซื้ออะไรเป็นของขวัญวันเกิดให้ภคิน

             หากเป็นของมีแบรนด์ดังติดประดับก็เกรงสู้ราคาไม่ไหว ครั้นจะเอาของแฮนด์เมคก็ส่วนตัวเกินไป เพราะรู้จักอีกฝ่ายเพียงผิวเผิน หญิงสาวเบื่อหน่ายการเลือกซื้อเลือกหาของขวัญให้ใครสักคน เพราะต้องใช้วิจารณญาณเป็นอย่างมาก ว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสมกับผู้รับ 

    ตอนนั้นเองสายตาเหลือบพบร้านขายของเล่นเล็กๆอยู่ไม่ห่าง ตู้กระจกจัดวางของเล่นหลากสีสันยั่วยวนใจเด็กๆ และ ผู้พบเห็นเช่นเดียวกับเธอที่สาวเท้าเข้าไปดูทันที บนชั้นแต่ละชั้นนั้นมีโมเดลการ์ตูนเรื่องต่างๆจากประเทศญี่ปุ่น ตุ๊กตา และ รถ...บูกัตติ เวย์รอน จำลองสีดำคันเท่าฝ่ามือ เหมือนกับรถของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ทุกกระเบียดนิ้ว

    “ขอโทษนะคะ...รถคันนี้เท่าไรคะ?”

    “ห้าพันห้าร้อยบาทครับ” เจ้าของร้านวัยกลางคนเอ่ยบอก

    “ฉันขอซื้อคันนี้ค่ะ” แทบไม่ต้องเสียเวลาตัดสินใจ ไม่มีอะไรเหมาะสมเท่าสิ่งนี้อีกแล้ว

    ในที่สุดเจ้ารถ 100 ล้านจำลองราคาย่อมเยาว์ก็ถูกบรรจุลงกล่องกระดาษสีสดใส ไปรยามองถุงของขวัญในมือด้วยความสุข แล้วเดินออกจากร้านอย่างสบายใจ ยังพอมีเวลาเหลืออีก 1 ชั่วโมงให้เตร็ดเตร่ในห้างสรรพสินค้าก่อนปิดบริการ...

    หาซื้อของฝากปัณฑ์ธรสักชิ้นท่าจะดี

    พลัวะ!!!

    ร่างบอบบางล้มกระแทกพื้น เมื่อโดนปะทะจากใครบางคน ข้าวของในกระเป๋าร่วงกราวจนต้องรีบเก็บ โชคดีของขวัญในมือไม่หลุดกระเด็นกระดอนเพราะประคับประคองอย่างดี ไปรยาเหลียวมองหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งในชุดเกราะอกสีแดงเพลิงกับกระโปรงยีนส์สั้นจุ๋ดจู๋ แลละม้ายคล้ายนางแบบชื่อดังในนิตยสารที่เธอเคยเห็นตามแผงหนังสือ กระนั้นหน้าตาสะสวยกลับบูดบึ้งไร้เสน่ห์โดยสิ้นเชิง

    “เดินประสาอะไร อืดอาดยืดยาดชะมัด คนยิ่งรีบๆอยู่!” หล่อนแผดเสียงดังลั่น

    “ขอโทษค่ะ...แต่ฉันเดินของฉันดีๆ และ พื้นที่ทางเดินก็กว้างขวางนะคะ” ไปรยาอ้างตามที่เห็น ยิ่งเวลานี้ผู้คนบางตา แต่อีกฝ่ายกลับทะเล่อทะล่ามาชนได้

    “ก็ฉันจะเดินของฉันแบบนี้ แล้วใครจะทำไม!!!” 

    “ไอริณ...ผมเห็นคุณเดินชนเขาก่อนนะ” รัชชานนท์กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังนางแบบสาวมาจนทัน “คุณควรขอโทษเขา ไม่ใช่ไปต่อว่าเขา” คำตำหนิจากชายหนุ่ม ส่งผลให้ดวงตาปัดมาสคาร่าเด้งงอนค้อนขวับ

    “พอเลย! ฉันทำอะไรก็ผิดในสายตาคุณทั้งนั้นล่ะ ใครจะไปดีเลิศเหมือนแม่พนักงานสาวตรงบูทเครื่องสำอางกระจอกๆนั่นล่ะ” ไอริณเหวี่ยงเต็มพิกัด 

    มีอย่างที่ไหน ลองน้ำหอมกลิ่นใหม่ตรงบูทน้ำหอมไม่ถึง 1 นาที เผลอแปบๆชายหนุ่มจีบพนักงานสาวบูทเครื่องสำอางข้างๆจนได้เบอร์โทรศัพท์เรียบร้อย

    “ผมก็แค่จีบเล่นๆไม่ได้คิดจริงจัง”

    “ถ้าเช่นนั้นคุณก็คงจีบฉันเล่นๆด้วยสิ พอกันทีไอ้ผู้ชายซังกะบ๊วย!!!” ด่าจบก็กระแทกส้นสูงจากไป ท่ามกลางความงุนงงของไปรยาซึ่งไม่ได้อยากรู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย

    ชายหนุ่มไม่คิดตามง้อคู่ควงของตนเอง เพราะเบื่อนิสัยของนางแบบสาวเหลือเกิน ตลอด 1 สัปดาห์ที่คบหล่อนต่อจากเพื่อนรักนั้น ไม่มีเวลาไหนสุขใจเท่าเมื่อสักครู่...

    พอกันทีก็ดีเหมือนกัน! 

    “ขอโทษด้วยนะครับ” รัชชานนท์เอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้า

    “ไม่เป็นไรค่ะ แต่คุณควรตามไปปรับความเข้าใจกับคนรักนะคะ” ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้คนอื่นๆทะเลาะเบาะแว้ง แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับเธอก็ตาม

    “โอ้ย...หล่อนไม่ใช่คนรักของผมหรอกครับ แค่คบหาดูใจกันเฉยๆ ถ้าไปด้วยกันไม่ได้ก็จบ” แม้เขาจะเจ้าชู้มากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยปิดบังตัวตนแท้จริง “เอ่อ...อย่างไรเสียคน ( เก่า ) ของผมก็ทำให้คุณเดือดร้อน เอาเป็นว่าให้ผมเลี้ยงกาแฟคุณสักแก้วเพื่อชดเชยความผิดนะครับ” แม้อีกฝ่ายอายุอานามอาจมากกว่า แต่รูปร่างหน้าตายังสวยเช้ง “นะ...นะครับ” ส่งเสียงออดอ้อนเช่นทุกครั้งที่เริ่มหว่านเสน่ห์

    “อย่าเลยค่ะ...ฉันไม่ชอบดื่มกาแฟกับคนแปลกหน้า” คนฟังแทบจุก เพราะใบหน้าหล่อเหลาไม่สามารถกล่อมเกลาหญิงสาวให้โอนอ่อนได้เหมือนที่เคยทำกับคนอื่น “ขอตัวนะคะ” ตัดบทเฉียบขาดแล้วเดินออกจากบริเวณนั้น

    คนขี้หลีเหลือบพบกระดาษแผ่นเล็กๆตกบนพื้นเลยไม่ตามไป เอื้อมหยิบขึ้นมาดูจึงพบว่าเป็นนามบัตรของหญิงสาว 

    ไปรยา ลักษณารีย์วงศ์ ผู้จัดการบริษัท PP Design’

    ชื่อและสถานภาพนั้นทำให้รัชชานนท์ตกใจมาก ไม่คาดคิดว่าเธอ คือ แม่ม่ายเรือพ่วง ที่ภคินพร่ำเพ้อจนน่ารำคาญทุกวี่ทุกวัน

    มิน่าเล่า...เพื่อนชายถึงหลงใหลแทบโงหัวไม่ขึ้น เพราะพราวเสน่ห์แบบนี้นี่เอง ขนาดเขายังอดใจเต้นยามมองดวงตาสีเปลือกไม้คู่งามไม่ได้ กระนั้นคงต้องตัดใจเสียแต่เนิ่นๆ เพราะเสือ 2 ตัวไม่อยู่ถ้ำเดียวกันอยู่แล้ว!


             ลีลาวดีสูงใหญ่นับสิบต้นริมสระว่ายน้ำประดับประดาไฟกะพริบสีสันต่างๆนานา ประกอบกับแสงโคมไฟสนามด้วยแล้ว ยิ่งทวีความสว่างไสว พลอยทำให้คฤหาสน์ศุภณัฐมงคลที่เคยเงียบเหงามีชีวิตชีวาในค่ำคืนนี้ 

    งานเลี้ยงวันเกิดถูกจัดแบบฮาวาย ( *** ) ดูเรียบง่าย สบาย และ เป็นกันเอง ตรงตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง ซึ่งกำลังจิบไหมไทย ( *** ) ขณะเอกเขนกบนเตียงผ้าใบกับเพื่อนฝูงหลายสิบคน

    บ้างก็นั่งพูดคุยกัน

    บ้างก็ว่ายน้ำกลางสระ

    บ้างก็สวมชุดชาวเกาะคล้องมาลัยดอกไม้

    แล้วเต้นรำรื่นเริงตามจังหวะดนตรีจากชุดเครื่องเสียงขนาดใหญ่ เพราะเป็นงานเลี้ยงส่วนตัว จึงไม่มีพนักงานภายนอกเข้ามาวุ่นวาย ไปรยาเลยมอบหน้าที่พ่อครัวหน้าเตาบาร์บีคิวให้เอกคอยปิ้งปลา หมึก หอย และ ปู จนกลิ่นหอมฟุ้งทั่วบริเวณ ส่วนพิมพ์ กับ ดาว ก็รับหน้าที่เป็นบริกรเสิร์ฟน้ำกับอาหารให้ทุกคน ครั้นเห็นว่าทุกอย่างน่าจะราบรื่นไร้ปัญหา หญิงสาวก็เลี่ยงออกไปพักผ่อนแถวสนามหญ้าอีกฟากหนึ่ง

    คืนนี้เมฆค่อนข้างหนาตา ฟ้าเลยไม่ปลอดโปร่งเท่าที่ควร แต่กระนั้นยังมีดาวบางดวงสามารถเฉิดฉายบนท้องนภา แสงระยิบระยับอันเจิดจรัสของพวกมัน ยั่วยวนผู้พบเห็นเช่นไปรยาให้ทอดร่างนอนดูบนพื้นหญ้าอย่างว่าง่าย ครั้นได้เก็บเกี่ยวบรรยากาศดีๆก็พลอยหวนนึกถึงวันวานที่ผ่านมา 

    สมัยวัยรุ่นนั้นหญิงสาวมักติดสอยห้อยตามรุ่นพี่ไปเข้าค่ายอาสาพัฒนาชนบทตามต่างจังหวัด จึงมีโอกาสชื่นชมกลุ่มดาวมากมาย ซึ่งสวยงามยิ่งกว่าในเมืองหลวงหลายสิบเท่า ทว่า วิถีชีวิตเหล่านั้นกลับอันตราธานหายหลังแต่งงาน เวลารื่นรมย์ทั้งหมดถูกบั่นทอนไปเป็นศรีภรรยาของผู้ชายที่เธอไม่เคยรักสักเศษเสี้ยวของหัวใจ...

    “ผมขอนั่งด้วยได้ไหมครับ” คำถามนั้นไม่ได้ต้องการคำตอบ รัชชานนท์รีบนั่งลงอย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้แม่ม่ายสาวเชื้อเชิญ

    “อ้าว...คุณนั่นเอง” ไปรยาจดจำชายหนุ่มได้แม่นยำ “คุณเป็นเพื่อนคุณภคินเหรอคะ?”

    “ครับ! ผมชื่อ รัชชานนท์ เป็นรองประธานบริษัทศุภณัฐมงคล” เขาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ จัดปกเสื้อเพื่อวางมาด โดยหลงลืมว่ากำลังสวมเสื้อฮาวายลายดอกพร้อย ไม่ใช่สูทราคาแพง

    “ออ...ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อไปรยา เป็นผู้จัดการบริษัท PP Design ค่ะ” เธอเพิ่งทราบสถานภาพของอีกฝ่าย 

    “คุณมาทำอะไรตรงนี้เหรอครับ?”

    “ฉันรู้สึกเพลียๆ ก็เลยปลีกตัวออกมาพักสักครู่น่ะค่ะ เอ่อ...ไม่ทราบว่ามีอะไรขาดเหลือในงานเลี้ยงไหมคะ?” หญิงสาวกังวลว่าตัวเองจะพลาดพลั้งทำอะไรขาดตกบกพร่อง

    “ไม่มีครับ...งานเลี้ยงทั้งสองครั้ง ที่จัดโดยบริษัทคุณนั้นสมบูรณ์แบบมาก คุณภาพ และ รายละเอียดของงาน ดีกว่าบริษัทจัดอีเว้นท์ที่ไอ้คิน...เอ้ย...ภคินเคยจ้างมาเสียอีก” ประสิทธิภาพของบริษัท PP Design นั้นยอดเยี่ยมจนต้องเอ่ยปากชื่นชม “แต่จะว่าไปโลกช่างกลมจริงๆนะครับ มิน่าล่ะ...ผู้คนส่วนใหญ่ถึงเชื่อเรื่องโชคชะตา เพราะไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลคนละซีกโลก หรือ ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อนก็ยังมาพบกันได้”

    “อืมมม...แต่ฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องโชคชะตาเท่าไรค่ะ”

    “อ้าว...ทำไมล่ะครับ?"

    “ฉันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุมีผลค่ะ” ไปรยาอธิบายตามความเชื่อส่วนบุคคล “ยกตัวอย่าง เช่น การที่คุณกับฉันพบเจอกันครั้งแรกนั้นเป็นเรื่องบังเอิญ ส่วนครั้งนี้ก็เพราะเรื่องงาน ไม่ใช่โชคชะตาอะไรทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนก่อเกิดจากตัวเราเป็นคนเลือกทั้งนั้นค่ะ”

    “ถ้าเช่นนั้นคุณก็คงไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิต หรือ เรื่องรักแรกพบใช่ไหมครับ?“ พยายามหาข้อมูลช่วยเพื่อนชาย

    “เอ๊ะ?”

    “เอ่อ...ผมเห็นว่าเป็นเรื่องใกล้เคียงกัน ไม่ได้ตั้งใจจีบคุณนะครับ” รีบแก้ตัวพัลวันด้วยเกรงอีกฝ่ายเข้าใจผิด ต่อให้คิดจีบก็คงโดนภคินเชือดแน่ๆ

    “ฉันไม่เชื่อว่าพรหมลิขิตมีจริงค่ะ” หญิงสาวไม่ซีเรียสกับคำถาม “อืมมม...ส่วนเรื่องรักแรกพบ...ฉันคิดว่าความรักควรเกิดจากความผูกพัน กับ การเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มายาวนานระดับหนึ่งมากกว่า และ ฉันก็ยังไม่เคยเจอคนที่หลงรักใครสักคนตั้งแต่แรกเห็นเลยค่ะ”

    ‘แต่ผมเจอคนประเภทนั้นแล้วครับ’ 

    นี่คือสิ่งที่รัชชานนท์อยากพูดออกไปมากที่สุด กระนั้นก็ทำได้แค่ส่งยิ้มตอบ แล้วขอตัวกลับเข้างานเลี้ยง โดยปล่อยไปรยาพักผ่อนตามอัธยาศัยต่อเพียงลำพัง

    หน้าตาสะสวย

    รูปร่างสมส่วน

    บุคลิกภาพงามสง่า

    กิริยามรรยาทเรียบร้อย

    รับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน

    และ ประเมินนิสัยใจคอจากคำถามเมื่อสักครู่แล้ว เขามั่นใจว่าไปรยาไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนรักสักนิดเดียว จึงไม่มีทางที่เธอจะเข้ามาลอกคราบภคินแน่นอน 

    ถ้าไม่ติดว่าหญิงสาวเป็นแม่ม่ายเรือพ่วง ป่านนี้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คงตามจีบนับไม่ถ้วน

    “แกไปไหนมาวะ?” เจ้าของบ้านถามเพื่อนสนิทที่เพิ่งกลับเข้ามาในงานเลี้ยง

    “ไปคุยกับคุณไปรยามา” รัชชานนท์ไม่ปิดบัง พลางทรุดกายนั่งบนเตียงผ้าใบอีกตัว 

    “เฮ้ย!!! แกไปคุยอะไรกับหล่อน หรือว่าแก...” เสือหล่อฉุนกึกแสดงความหึงหวงออกนอกหน้า

    “หยุดคิดเลย! ถึงฉันจะเจ้าชู้ แต่ไม่เคยทรยศเพื่อนเว้ย” 

    ไม่นับไอริณกับสาวๆอีกหลายคนที่ภคินเขี่ยทิ้งแล้ว นั่นถือว่ารับช่วงต่อเฉยๆ 

    “ฉันแค่อยากรู้เหตุผลที่แกหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเท่านั้น สรุปแล้ว รูปร่าง หน้าตา และ นิสัยใจคอ หล่อนจัดว่าโอเคเลย แต่ถ้าแกอยากสมหวัง คงต้องใช้ความพยายามอย่างสูงเลยว่ะ”

    ไปรยาไม่ง่ายเหมือนสาวๆหลายคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตภคิน เธอเป็นหญิงแกร่งและรักศักดิ์ศรีพอสมควร มิเช่นนั้นคงไม่สามารถเลี้ยงดูลูกชายตามลำพัง ทั้งที่สามีเสียชีวิตกว่า 10 ปีได้ตลอดรอดฝั่ง แม้มีรูปร่างหน้าตาเป็นอาวุธพิชิตใจบุรุษแท้ๆ แต่กลับไม่ใช้ประโยชน์จากมันเท่าหนึ่งสมองและสองมือ

    “ตอนนี้หล่อนกำลังพักผ่อนอยู่ตรงสนามหญ้า แกควรใช้โอกาสนี้ไปทำคะแนนนะ” รัชชานนท์เสนอไอเดีย

    “คิดว่าฉันไม่อยากไปเหรอ ติดตรงที่...” ภคินพยักเพยิดทางแขกเหรื่อที่ห้อมล้อมรอบตัว 

    บางคนถือแก้วเหล้ารอชน

    บางคนทำท่าเหมือนจะเข้ามาพูดคุย

    “ถ้าฉันหายไปนานพวกเขาจะสงสัย ว่าเจ้าของงานหายไปไหน ฉันยังไม่อยากให้ทุกคนรู้เรื่องความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณไปรยา” 

    “ถ้าเช่นนั้นก็รอให้ทุกคนเริ่มเมามากกว่านี้ค่อยไปก็ได้”

    “อืมมมม” ชายหนุ่มเห็นพ้องต้องกัน

    ทั้งที่อุตส่าห์คัดเฉพาะเพื่อนฝูงที่มีครอบครัวมางานเลี้ยง เพื่อป้องกันคนจีบไปรยาแล้วแท้ๆ แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับไม่เปิดโอกาสให้เป็นอิสระ และ ชักชวนพูดคุยตลอดเวลา ราวกับไม่ได้สังสรรค์กับใครเป็น 10 ปี หลังแต่งงาน

     

    เผลอหลับประเดี๋ยวเดียวช่วงเวลาแห่งความสุขก็หมดลง นาฬิกาข้อมือราคาถูกเตือนสติหญิงสาวให้ลุกจากสนามหญ้าหน้าคฤหาสน์เมื่ออีกไม่นานงานเลี้ยงจะยุติแล้ว แขกบางคนเริ่มทยอยกลับบ้านกลับช่องของตนเองด้วยสภาพกะร่องกะแร่งจากฤทธิ์น้ำเมา กว่าพวกเขาจะเดินโซซัดโซเซถึงรถราคาหลายสิบล้านเล่นเอาลุ้นใจหายใจคว่ำไม่น้อย 

    ไปรยาโบกมืออำลาดวงดาวบนฟากฟ้าที่ยังส่องประกายสดใส พลัน ฉุกคิดขึ้นได้ว่าลืมมอบของขวัญวันเกิดแก่เจ้าของงาน เลยรีบเร่งไปหยิบจากท้ายรถกระบะมือสองของเอก ซึ่งจอดใต้เงาไม้ใหญ่ ความมืดบริเวณนั้นกลืนกินแสงไฟจากตรงสนาม เสียจนมองไม่เห็นว่าสิ่งที่ต้องการวางอยู่ตรงไหน

    “ให้ดิฉันช่วยไหมคะ?” ใครบางคนหยิบยื่นความช่วยเหลือด้วยการสาดแสงไฟฉายในมือไปยังท้ายรถ

    “ขอบคุณมากค่ะ” น้ำใจของอีกฝ่ายสูงส่งกว่าชุดแม่บ้านที่สวมใส่อยู่มากนัก เธอจึงไหว้หล่อนอย่างนอบน้อม และ เพียงชั่วครู่ก็ได้สิ่งที่ปรารถนา “เจอแล้วค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ แต่คุณเป็นสาวเป็นแส้ไม่ควรออกมาอยู่ในที่มืดๆตามลำพังนะคะ” ผู้อาวุโสตักเตือน “แม้จะอยู่ภายในบริเวณรั้วบ้าน แต่ก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี”

    “ขอโทษค่ะ” อย่างไรเสียก็ควรรับฟังคำสอนของผู้หลักผู้ใหญ่มากกว่าเถียงข้างๆคูๆเอาตัวรอด “เอ่อ...คุณป้าเป็นแม่บ้านที่นี่เหรอคะ?”

    “ใช่ค่ะ! ดิฉันชื่อ ศรี เป็นแม่บ้านของที่นี่ แล้วคุณเป็น...แขกของคุณภคินเหรอคะ?” ชุดทะมัดทะแมงเรียบร้อยของหญิงสาว ค่อนข้างแตกต่างจากบรรดาคู่ควงของเจ้านายหนุ่มชัดเจน

    “ไม่ใช่ค่ะ! หนูชื่อไปรยา เป็นผู้จัดการบริษัทจัดอีเว้นท์ที่คุณภคินจ้างมาจัดงานวันเกิด” เธอกล่าวพลางยกถุงในมือขึ้นมา “พอดีหนูเกรงว่าจะเอาของขวัญวันเกิดไปให้คุณภคินไม่ทันก่อนงานเลี้ยงเลิก...ก็เลยต้องรีบมาหยิบที่รถค่ะ”

    “เอ๊ะ...งานเลี้ยงอะไรนะคะ?” ฟังผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร แต่สะดุดใจป้าศรีจนต้องเอ่ยปากถาม

    “งานเลี้ยงวันเกิดค่ะ วันนี้เป็นวันเกิดของคุณภคิน” 

    “ไม่ใช่นะคะ...วันเกิดคุณภคินอีกสามเดือนโน่นกว่าจะถึง คุณไปรยาคงเข้าใจอะไรผิดแล้วค่ะ” ผู้อาวุโสตอบพาซื่อ

    ความจริงจากปากแม่บ้านสร้างความกังขาแก่หญิงสาวทันทีที่ทราบ มองถุงของขวัญที่สู้อุตส่าห์เลือกสรรมาเพื่อชายหนุ่มโดยเฉพาะอย่างไม่เข้าใจสักนิดเดียว

    ถ้าวันนี้ไม่ใช่วันเกิดของภคินจริงๆ แล้วเหตุใดต้องยกอ้างมาหลอกลวงกัน ไปรยารู้สึกเสียดายมิตรภาพดีๆที่เริ่มก่อเกิดในใจแล้วปรายตามองเจ้าของงาน ซึ่งเดินเข้ามาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าแผนการแตกละเอียดยิบ

    “อ้าว...คุณไปรยา มาอยู่ที่นี่เองเหรอครับ?” น้ำเสียงสดใสพอๆกับจิตใจ ยามเห็นใบหน้าสวยหยาดเยิ้มของแม่ม่ายสาวทุกครั้ง “ผมนึกว่าคุณอยู่ตรงสนามก็เลยตามหาเสียทั่ว ไม่คิดว่าจะมาอยู่กับป้าศรีตรงนี้”

    “พอดีฉันลืมของก็เลยเดินมาหยิบที่รถ แล้วเจอคุณป้าโดยบังเอิญค่ะ” ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยื่นสิ่งของในมือส่งให้อีกฝ่ายที่รับไปถือไว้อย่างงุนงง

    “เอ๊ะ...อะไรครับ?” ชายหนุ่มเปิดถุงดู ก็พบกล่องของขวัญอยู่ภายในนั้น

    “สุขสันต์วันเกิด...ล่วงหน้าสามเดือนนะคะ!” คลี่ยิ้มหวานเหมือนคมมีดอาบน้ำผึ้ง ซึ่งสามารถเชือดเฉือนหัวใจคนฟังได้ “ฉันรู้ความจริงจากคุณป้าแล้วค่ะ”

    ตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญา คือ ห้ามบุคลากรจากบริษัทจัดอีเว้นท์ยุ่งเกี่ยวกับแขกโดยไม่จำเป็น ภคินจึงย่ามใจว่าไปรยาคงไม่มีวันล่วงรู้เรื่องโกหกจากปากเพื่อนฝูงของตนเอง แต่แล้วก็พลาดท่า เพราะลืมเตี๊ยมกับคนใกล้ตัวอย่างแม่บ้านคนสนิท

    “งานเลี้ยงใกล้เลิกแล้ว ฉันขอตัวไปตระเตรียมเก็บข้าวของต่างๆก่อนนะคะ” เธอตัดบทจบก็ผละหนีเข้าไปในบริเวณพื้นที่จัดงานท่ามกลางความหมองหมางยังหลงเหลืออยู่ ภคินใจหายวาบเมื่อถูกตัดความสัมพันธ์ทั้งที่ยังไม่ทันเริ่ม เลยรีบวิ่งตามกระชั้นชิด

    “คุณไปรยา...คุณไปรยาครับ!” 

    ชายหนุ่มพยายามขวางทางไม่ให้หญิงสาวเดินผ่านเพื่อขอเวลาปรับความเข้าใจกัน สีหน้าคนผิดไม่สู้ดี ต่างจากอีกฝ่ายซึ่งนิ่งเฉยเสมือนไม่รู้สึกรู้สา ทั้งคู่เรียกความสนใจจากทุกคนภายในงานเลี้ยงประหนึ่งพบเจอเรื่องประหลาด

    “มีอะไรคะ?”

    “ผมขอโทษ...ผมรู้ว่าผมผิดที่หลอกคุณเรื่องงานวันเกิด”

    “ไม่เป็นไรค่ะ คุณเป็นผู้ว่าจ้าง ฉะนั้นคุณจะจัดงานอะไรก็เป็นสิทธิ์ของคุณ” ไปรยาไม่ยี่หระเท่าไร แค่ผิดหวังในมิตรภาพระหว่างกันก็เท่านั้น

    “แต่ผมทำไปทั้งหมดเพราะคุณนะครับ!”

    “เพราะฉัน?” ไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มตั้งใจจะสื่อ

    “คือผม...”

    “เฮ้ย!!! ไอ้คินเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” รัชชานนท์โพล่งขัดจังหวะเพื่อยั้งเหตุการณ์ที่เริ่มบานปลาย เร็วเกินไปที่จะทำให้หญิงสาวทราบความรู้สึกของเพื่อนชาย “มีอะไรค่อยๆคุยกัน...ทุกคนมองมาหมดแล้ว” กระซิบบอกอย่างเป็นห่วง

    “ผมชอบคุณไปรยา ก็เลยอยากเห็นหน้าคุณบ่อยๆครับ!” ดูเหมือนความช่วยเหลือจะส่งไปไม่ถึงภคิน 

    บรรยากาศรอบด้านอึมครึมและเงียบกริบดุจป่าช้า หลายคนอ้าปากค้างตกใจกับคำสารภาพแบบไม่ทันตั้งตัวจากท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ ใครจะคิดเล่าว่าผู้จัดการบริษัทจัดอีเว้นท์โนเนมจะมีอิทธิพลต่อพ่อเสือร้ายแห่งวงการธุรกิจ ขนาดป่าวประกาศให้โลกรู้ 

    “ชอบฉัน?” ทวนคำนั้นด้วยความงุนงง “นี่คุณกำลังเล่นตลกอะไรกับฉันคะ...เรายังรู้จักกันไม่ดีพอเลย แค่อาทิตย์สองอาทิตย์จะมาชอบหรือมารักกันได้อย่างไร” ไปรยาไม่เชื่อว่าคำพูดจากปากชายหนุ่มเป็นเรื่องจริง 

    “ผมพูดจริงๆ...ผมชอบคุณตั้งแต่แรกเห็น”

    “พอเถอะค่ะ ฉันไม่อยากฟัง!” เธอรู้สึกสมเพชตัวเอง คล้ายเป็นตัวตลกให้ภคินเล่นสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ “ฉันจะกลับบ้านแล้ว...เอก พิมพ์ ดาว รบกวนจัดการเก็บข้าวของหลังเลิกงานด้วยนะ” เธอสั่ง 3 พนักงาน ก่อนเดินออกจากคฤหาสน์ศุภณัฐมงคลโดยไม่ฟังคำทัดทานจากผู้ใด 

    “คุณไปรยา!!!” ชายหนุ่มตั้งท่าจะตาม แต่โดนเพื่อนรักจับตัวไว้ทัน “ปล่อย! ฉันจะไปอธิบายเรื่องราวกับคุณไปรยา”

    “แกคิดว่าหล่อนจะฟังเหรอ!” รัชชานนท์ตวาดใส่หน้าภคิน แล้วจับนั่งบนขอบสระน้ำ “ผู้หญิงอย่างคุณไปรยามั่นใจในตัวเองสูง ไม่เช่นนั้นคงไม่ครองตัวเป็นโสดจนทุกวันนี้ การที่แกจะทำให้หล่อนชอบกลับมามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และ ต้องใช้เวลานาน ไม่ใช่แค่อาทิตย์สองอาทิตย์ คบผู้หญิงมาเป็นร้อยเป็นพันคนแล้ว ยังไม่เข้าใจอีกเหรอวะ!!!” แต่พวกสาวๆเหล่านั้นก็ง่ายดาย จนเอามาเทียบกับกรณีนี้ไม่ได้อยู่ดี

    ร่างใหญ่นั่งนิ่งไม่ไหวติงเหมือนถูกสต๊าฟ มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ใครสักคนเชื่อว่ารักแรกพบมีจริง สมควรแล้วที่โดนโกรธเคืองเพราะดันโกหก และ เร่งรัดอีกฝ่ายให้ทราบถึงความรู้สึกของตัวเองเร็วเกินไป ภคินเคยมั่นใจว่ามีดีและฉลาดทันเกมผู้หญิง ฉะนั้นจึงทะยานใจว่าสามารถทำอะไรก็ได้ตามความต้องการ โดยหลงลืมคิดถึงความรู้สึกของไปรยา

    ไม่มีใครในงานเลี้ยงกล้าเสวนากับเจ้าของบ้านตอนนี้ บุคคลเดียวซึ่งเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มดีที่สุด จึงทรุดลงข้างๆเพื่อปลอบโยนแทนทุกคน

    “คุณคิน...ป้าขอโทษที่สร้างปัญหาให้นะคะ”

    ครั้นเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นฉาบความกังวลใจต่อการกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ภคินเลยเอื้อมแตะมือผู้อาวุโส แล้วยิ้มเจื่อนๆไม่ถือสาประการใด

             “ไม่ใช่ความผิดของป้าศรีหรอกครับ” พูดพลางถอนหายใจ “ทั้งหมดเป็นความผิดของผมคนเดียว ถ้าไม่โกหกหล่อนแต่แรกก็คงไม่เกิดปัญหานี้ขึ้นมา”

             นาทีนี้คงโทษใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากตนเอง...

    *** ฮาวาย = หมู่เกาะฮาวายในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เมืองหลวงชื่อโฮโนลูลู ใช้ภาษาอังกฤษ และ ภาษาฮาวายเป็นภาษาราชการ

    *** ไหมไทย = ชื่อจริงๆ คือ ไมไต เป็นภาษาตาฮิติ แปลว่า ดี ไหมไทยเป็นค็อกเทลชนิดหนึ่ง ซึ่งมีส่วนผสมของ เหล้ารัม เหล้าคูราโค น้ำสับปะรด น้ำมะนาว และ น้ำเชื่อม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×