ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    X-note : Mix End

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 5 ไม่ประสานกัน -- 6 - ตัดสินใจ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 434
      1
      4 มี.ค. 55

    6 - ตัดสินใจ

    วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน

    ฉันกลับมาถึงบ้านด้วยความรู้สึกกลวงเปล่า

    สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนความฝัน

    เมื่อตื่นจากฝัน โลกที่เคยรู้จักก็หายไปในทันที

    แต่ฉันเชื่อว่าโอเรไม่ใช่เพียงความฝัน

    เขาเป็นความหวังของฉัน ฉันอยากพายูออนและอาน่อนไปพบเขา แล้วให้พวกเขาได้พูดคุยปรับความเข้าใจ แต่ถ้าเขาหายไปจริงๆ แล้ว ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

    บางทีฉันควรจะปล่อยเรื่องทุกอย่างไป เพราะฉันยื้อไว้ไม่ไหวอีกแล้ว

    ฉันควรจะปล่อยมันไป...

    ...

    เนื่องจากไม่รู้จะทำอะไรดี ฉันจึงแวะมาฝึกพลังจิตที่สวนเพกาซัส ฝึกเสร็จฉันค่อยนึกขึ้นได้ว่า มันคงไม่สำคัญว่าฉันจะฝึกอีกต่อไปหรือไม่

    ฉันเป็นห่วงยูออนก็จริง แต่ความสามารถของฉันในตอนนี้จะช่วยอะไรเขาได้ เรื่องคดีถึงจะไขได้แล้วว่าใครเป็นคนสังหารซิด แต่ฉันก็ยังไม่กล้าบอกเขา...ไม่กล้าบอกเขาว่าอาน่อนเป็นคนทำ

    แล้วก็ใช่ว่าฉันจะสามารถใช้พลังที่มีนำโอเรกลับมาได้... พลังของฉันนั้นช่างเปล่าประโยชน์

    และถึงแม้โอเรจะกลับมาอีกครั้ง ฉันก็ยังไม่รู้ว่าจะหาอาน่อนเจอได้อย่างไร เพราะโรงเรียนก็ปิดไปแล้ว หากหาเขาเจอฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังยอมฟังคำพูดของฉันหรือไม่

    “แม่คะ...” ฉันเปล่งเสียงขณะที่มือกำจี้ห้อยที่สร้อยคอ “ทำไมแม่ต้องทิ้ง X-note ไว้ให้หนูด้วย แม่ต้องการจะบอกอะไรกันแน่”

    มันคงสายเกินไปแล้ว...

    ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยมันไป

    อย่าปล่อยมันไป

    เสมือนได้ยินเสียงจากฟากฟ้าบอกมา ฉันเงยหน้าขึ้นมองหา แล้วก็พบเพียงฟ้ากว้างสีครามที่มีบอลลูนโฆษณาขนาดใหญ่ลอยอยู่...

    “บอลลูน...” ฉันพึมพำ “ลูกโป่ง?”

    ฉับพลันนั้นฉันก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นที่สวนแห่งนี้ได้

    ตอนนั้นฉันอายุสามขวบ แม่พาฉันมาเที่ยวที่นี่เป็นครั้งแรก แม่บอกว่าแม่ชอบมาที่นี่ตั้งแต่เด็กแล้ว ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปจากสมัยก่อนเลย

    ฉันบอกแม่ว่าที่นี่ดูน่าสนุกดี แล้วก็สังเกตเห็นคนขายลูกโป่ง ฉันชี้ให้แม่ดู แล้วแม่ก็บอกว่าจะซื้อให้

    ลูกโป่งที่แม่ซื้อมาให้มีทั้งสีน้ำเงิน ขาว และเขียว แต่ฉันไม่พอใจ ร้องจะเอาลูกโป่งสีดำ แม่รู้ดีว่าฉันชอบสีดำ แต่ก็รีบบอกว่า สีดำไม่เป็นที่นิยมของเด็กๆ เขาเลยไม่ทำมาขาย แม่ซื้อลูกโป่งมาให้ถึงสามลูกเพื่อเป็นการชดเชย

    บางทีอาจเป็นเพราะฉันกำลังโกรธ หรือบางทีอาจเป็นเพราะฉันไม่ได้ใส่ใจนัก... ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม ฉันได้ปล่อยให้ลูกโป่งเหล่านั้นหลุดมือไป


     

    เมื่อเห็นลูกโป่งทั้งสามลอยขึ้นฟ้าไปไกลแล้ว ฉันก็เริ่มร้องโวยวาย

    แม่ถามฉันว่า ฉันเกลียดลูกโป่งพวกนั้นไม่ใช่หรือ ฉันตอบว่า เปล่า ฉันไม่ได้เกลียด

    แม่ถามฉันต่ออีกว่า แล้วทำไมถึงปล่อยไปล่ะ ฉันบอกว่า ฉันก็ไม่รู้ มันแค่หลุดออกจากมือไป ฉันไม่คิดว่ามันสำคัญจนกระทั่งเสียมันไป แล้วก็บอกขอโทษแม่ที่แม่อุตส่าห์ซื้อให้แต่ฉันกลับไม่ระวัง

    แม่บอกว่า ไม่เป็นไร แม่จะซื้อให้ใหม่ แล้วก็ยังสอนฉันว่า มีคนหลายคนที่ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในมือของพวกเขาจนกระทั่งพวกเขาปล่อยมันไป ลูกโป่งอาจจะหามาใหม่ได้ แต่มีบางอย่างเหมือนที่ฉันจะเสียไปตลาดกาลเมื่อปล่อยมันไป ถ้าฉันพบใครที่สำคัญขนาดนั้น ก็อย่าปล่อยพวกเขาไป

    คงเพราะแม่เป็นนักจิตวิทยา เลยชอบสอนอะไรแบบนี้ให้ฉันเสมอ

    ฉันตอบแม่ไปว่า เข้าใจแล้ว หลังจากนั้นแม่ก็ซื้อลูกโป่งให้ใหม่ตามที่สัญญา แล้วเราก็ไปถ่ายรูปกัน รูปถ่ายนั้นก็คือรูปแม่กับฉันที่วางใส่กรอบอยู่ที่บ้าน ฉากหลังในรูปก็คือสวนเพกาซัสแห่งนี้ แล้วในมือฉันก็ถือลูกโป่งอยู่สามลูก

    ถ้าจำไม่ผิด เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ เป็นช่วงท้ายๆ ที่ฉันได้สนุกกับแม่

    “อย่าปล่อยมันไป” ฉันทวนคำที่แม่สอนไว้

    ถ้าเป็นคนสำคัญจริง ฉันก็ต้องรักษาพวกเขาเอาไว้...

    ฉันตัดสินใจใหม่อีกครั้ง

    “เอสซี่” เร็กซัสเดินเข้ามาทักฉันพอในตอนนั้น “เป็นยังไงบ้าง เธออ่านไดอารีแล้วหรือยัง”

    “อ่านแล้วค่ะ” ฉันตอบเขา “ฉันคงต้องขอบคุณคุณมาก ไดอารีเล่มนั้นช่วยให้ข้อมูลฉันได้เยอะเลย ทำให้ฉันปะติดปะต่อเรื่องได้ แต่ว่ามันก็น่าเศร้าที่ต้องมาค้นพบว่า โอเรเขา...ตายไปแล้ว”

    วลีสุดท้ายนั้นฉันพูดด้วยเสียงอันเบาหวิว

    “เธอแน่ใจเรื่องนั้นหรือ”

    ฉันมองเขาด้วยสายตาเป็นคำถาม

    “เท่าที่ฉันตรวจดูสถาบันเซ็นมาได้ระยะหนึ่ง ฉันพบว่ามีการลอบขนย้ายตัวยาพิเศษเข้าไปด้วย”

    “ยาชนิดพิเศษ?”

    “ใช่” เร็กซัสพยักหน้ารับ “มีอินซูลินสำหรับคนเป็นเบาหวานประเภทที่หนึ่งอยู่ด้วย”

    “นั่นมันยาที่โอเรต้องใช้นี่!

    “ประวัติการสั่งซื้อมีมาตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน” เร็กซัสเสริม

    “อย่างนี้ก็เป็นไปได้ที่โอเรจะยังมีชีวิตอยู่”

    “เรื่องนี้เธอคงต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง” เขาบอก

    “เร็กซัส คุณกำลังสืบเกี่ยวกับสถานบันเซ็นอยู่อย่างนั้นหรือ” ฉันถาม

    “ก็ทำนองนั้น” ชายหนุ่มตอบ

    ฉันเริ่มรู้สึกว่าถ้าฉันถามไปมากกว่านี้เขาอาจจะไม่ยอมบอก แต่ก็อดถามถึงอีกเรื่องไม่ได้อยู่ดี

    “คุณรู้ไหมว่ารัฐบาลสั่งปิดสถาบันเซ็น”

    “ฉันคิดไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว”

    “แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้”

    ฉันกล่าวแล้วก็นิ่งนึกถึงยูออน เขาคงไม่อยากให้โรงเรียนปิด แล้วทางเดียวที่จะทำให้รัฐบาลยกเลิกคำสั่งได้ก็คือ...

    “ถ้าหาลอยล์เจอแล้วจะแก้ปัญหาได้ไหม” ฉันถามอีกฝ่าย

    “คิดน่าว่าจะได้นะ” เร็กซัสว่า

    “อืม...” ฉันเปล่งเสียงครุ่นคิดอยู่ในลำคอ ใคร่ครวญว่าจะยุติเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร

    “อย่าคิดไปเสี่ยงอันตรายเพียงลำพังนะ เอสซี่” เร็กซัสเตือนเหมือนอ่านความคิดฉันได้

    “แต่ว่าฉันอุตส่าห์ฝึกมาขนาดนี้แล้ว!” ฉันเผลอหลุดพูดไป “คุณคิดว่าฉันทำไปเพื่ออะไรกัน”

    ทันใดนั้นฉันก็ชะงักไปเพราะเห็นคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในสวน

    “ยะ...ยูออน!” ฉันแปลกใจ “นายมาทำอะไรที่นี่”

    “ฉันมาหาเขา” เขาปรายตาไปทางเร็กซัส

    “ฉันไม่รู้เลยว่านายกับเขารู้จักกันด้วย” ฉันว่า

    “เขาเป็นคนรู้จักของพ่อฉัน ดังนั้นฉันเลยรู้จักเขามาระยะหนึ่งแล้ว”

    “อ้อ...” ฉันนึกขึ้นได้ว่า เร็กซัสเคยบอกว่ารู้จักกับพ่อของโอเร หรือก็คือซิด ซึ่งเป็นพ่อของยูออนด้วยเช่นกัน

    “ยังไงก็ตาม ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะปรึกษากับเขา” สายตาของยูออนบอกเสริมมาว่า เขาไม่อยากให้ฉันอยู่ตรงนี้ด้วย

    “ก็ได้ ฉันจะปล่อยนายสองคนคุยกัน” ฉันยอมตามเขาไปก่อน

    ทว่าหลังจากที่เดินออกห่างจากสายตาของพวกเขาแล้ว ฉันก็ตัดสินใจพลังของฉันช่วยแอบฟังที่พวกเขาคุยกัน ถ้าฉันจดจ่ออยู่ที่โสตประสาทตั้งจิตไปที่พวกเขาก็คงพอได้ยิน

    ทั้งนี้ก็คงต้องหวังว่ายูออนจะจับสัมผัสฉันไม่ได้ อย่างไรพลังของเขาก็มีที่มาจากพลังของฉัน ดังนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา

    ถึงฉันจะไว้ใจเร็กซัสมาโดยตลอด แต่พอรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเขาในวันนี้แล้ว ฉันก็อดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่ไหว

    “คุณคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับสถาบันเซ็นแล้ว” ฉันได้ยินยูออนพูด

    “ผมได้ยิน” คราวนี้เป็นเสียงของเร็กซัสที่ดังตอบ

    “มันเป็นเหมือนที่คุณคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขาวางแผนที่จะปิดโรงเรียนจริงๆ”

    “ผมพยายามตามร่องรอยของลอยล์อยู่ช่วงนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะตัดขาดการติดต่อกับรัฐบาลโดยมีจุดประสงค์อยู่เบื้องหลัง รัฐบาลคงคิดว่าเขากำลังทรยศ ความคิดนี้มีความเป็นไปได้สูงเมื่อคิดว่าคนที่เรากำลังพูดถึงก็คือลอยล์ ผมนึกไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาชอบก่อเรื่องให้ทุกคน”

    “ถ้าเขาเป็นที่มาของปัญหาจริง การหาตัวเขาก็น่าจะแก้ปัญหาได้”

    “เอสซี่ก็คิดอย่างนั้น”

    “คุณว่าอะไรนะ”

    “ผมคิดว่าเธอคิดจะไปตามหาตัวลอยล์”

    บทสนทนาเหมือนจะเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่เร็กซัสจะกล่าวต่อว่า

    “ยูออน คุณควรไปกับเธอด้วย ผมเป็นห่วงหากเธอจะไปทำอะไรเพียงลำพัง”

    “ผมเข้าใจ” ยูออนบอก “แต่ก็ตกใจด้วย ผมนึกว่าคุณไม่อยากให้เอสซี่รู้เกี่ยวกับคุณเสียอีก เพราะอะไรทำให้คุณเปลี่ยนใจล่ะ”

    “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำมัน... ผมตั้งใจว่าจะดูเธออยู่ห่างๆ เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเธอจะจับได้”

    “อย่างนั้นเองหรือ”

    “ช่วยไม่ได้ละนะ ผมเป็นห่วงมากตอนที่เธอตัดสินใจจะมาเรียนที่สถาบันเซ็น”

    “แต่คุณเป็นคนบอกให้ผมชวนเธอมาเองนี่”

    ได้ยินเสียงถอนหายใจ แล้วก็เร็กซัสกล่าวต่อ

    “...ผมพบเธอในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมื่อสองปีก่อน ผมบอกไม่ให้เธอตั้งคำถามว่าผมเป็นใครเพื่อแลกเปลี่ยนกับการเป็นผู้ปกครองเธอ เธอตอบรับข้อเสนอด้วยความดีใจ ดูเหมือนว่าเธอคงทนอยู่ในที่นั่นไม่ไหวอีกต่อไป ผมคิดว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งเธอค้นพบว่ามี X-note อยู่”

    ฉันทั้งตกใจและดีใจมากที่ได้ยินคำพูดนั้น

    หมายความว่าเร็กซัสก็คือผู้ปกครองที่สุดแสนจะลึกลับของฉันนี่เอง

    ไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวจริงของเขาจะบุคลิกเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร แค่ไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้ และอาจเป็นเพราะเหตุนี้เองฉันถึงรู้สึกไว้ใจเขาอย่างน่าประหลาด

    “หลายสัปดาห์ก่อน เธอส่งจดหมายมาให้ผม” เสียงเร็กซัสที่ดังขึ้นต่อเรียกให้ฉันกลับมาสนใจฟัง “เธอบรรยายความปรารถนาของเธอ เธออยากรู้ว่าเกิดอะไร ผมอยากช่วยทำให้ความปรารถนานั้นเป็นจริง ผมก็เลย...”

    “...คุณทุ่มเทให้เธอมาตลอด” ยูออนแทรก

    “มันมีเหตุผล แต่ว่า... คุณคงไม่เชื่อถึงฉันจะบอกไป... เอาเป็นว่ามันเป็นสัญญาที่ผมรับปากไว้กับใครบางคนเอาไว้ว่าจะดูแลเธอ”

    ใครบางคนอย่างนั้นหรือ... ฉันนึกไม่ออกเลยว่าเป็นใคร

    “อย่างไรก็ตาม” เร็กซัสกล่าว “สิ่งที่ฉันสามารถทำได้ก็มีจำกัด ยูออน คุณเป็นคนเดียวที่ฉันสามารถไว้ใจได้ ฝากดูแลเอสซี่ด้วย”

    “ผมสัญญา”

    ฉันฟังถึงเพียงเท่านั้นก็หยุดใช้พลัง

    ได้ยินเสียงเท่านี้ฉันก็พอใจแล้ว และฉันก็ไม่อยากเสียมารยาทไปมากกว่านี้ พวกเขาล้วนเป็นคนที่รักและห่วงใยฉัน ฉันจึงไม่อยากทำผิดต่อพวกเขาอีก

    ทว่า... อย่างไรฉันก็ต้องไปสะสางเรื่องราวทั้งหมดนี่ และก็ไม่อยากดึงยูออนเข้าไปเสี่ยงอันตรายด้วย

    หากเรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ฉันจะเล่าความจริงให้เขาฟังทั้งหมดเอง

    ฉันกลับบ้าน ไปเตรียมตัวและเตรียมใจให้เรียบร้อย

    พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่

    ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือเปล่า...

    มีหลายเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ฉันมาที่สถาบันเซ็น

    ฉันค้นพบความจริงต่างๆ มากมาย มีทั้งเรื่องที่ฉันคิดว่าได้รู้ก็ดี และเรื่องที่คิดว่าถ้าไม่รู้ฉันอาจมีชีวิตที่สบายกว่านี้ แต่ชีวิตก็เป็นเช่นนี้เอง เราไม่มีทางรู้ว่ามีอะไรรอคอยอยู่เบื้องหน้าบ้าง

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวก็ยังไม่จบ...

    พรุ่งนี้... จะเป็นวันชี้ชะตา

    ฉันจะทำให้ทุกอย่างยุติเอง

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×