ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    YongSeo --------- Just say 'YES'

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.92K
      7
      24 ต.ค. 54

      

    ตอนที่ 2

     

     

    ป้าขอบใจหนูมากนะลูกที่หนูไม่รังเกียจพี่เขา ป้าหวังว่าความรักของหนูจะช่วยเยียวยายงฮวาของป้าได้ ป้าไม่รู้จะขอบคุณหนูยังไงดีแล้วลูก ฮือๆๆ

    คุณพี่ก็อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ฉันเองก็สงสารยงฮวาเหมือนกัน ฉันก็มองเขาเป็นลูกเป็นหลานมาตั้งแต่เด็กๆ อีกอย่างถ้าไม่มีคุณพี่ฉันก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาก่อร่างสร้างตัวแบบนี้ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณพี่น่ะค่ะ

    เธอมีลูกสาวที่ดีมากนะ ฉันขอบใจเธอมากๆนะ ฮือๆ

    เอ่อ คือหนู…’

    ขอบใจหนูมากจริงๆนะจูฮยอน ถ้าไม่มีหนูป้าก็คงจะตรอมใจอยู่กับอาการของยงฮวาแน่ๆเลยล่ะลูก

    จริงๆแล้วหนูไม่ได้จะ…’

    จะให้ป้าทำอะไรบอกมาเลยนะลูก ป้ายอมทุกอย่างจริงๆ ขอบใจหนูมากนะลูก ฮือๆ

    ‘…..’   

     

    หลังจากได้ฟังคุณป้าพูดขอบคุณฉันกับแม่เป็นร้อยๆรอบ ฉันก็พูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว ความรักของคุณป้าที่มีต่อพี่ยงฮวามันช่างยิ่งใหญ่นัก
                พี่ยงฮวาเขียนไดอารี่ถึงฉันมาเกือบ
    3ปีแล้วสินะ สามปีที่คุณป้าไม่ยอมพูดอะไรกับฉันเพียงเพราะท่านอาจจะยังไม่คิดว่ามันคือทางเดียวที่จะช่วยเหลือลูกชายของท่านได้ก็เป็นได้ แต่พอท่านได้รับรู้จากมินฮยอกว่าพี่ยงฮวาไม่เคยหยุดฝันถึงฉันเลย ท่านคงเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรสักอย่างเสียที และเพราะถ้าหากท่านไม่รักฉันด้วย ท่านก็คงรีบมาขอให้ฉันแต่งงานกับพี่ยงฮวาตั้งแต่ที่เขาฟื้นแรกๆแล้วล่ะมั้ง นี่คงเป็นเพราะท่านเองก็รู้สึกแย่ที่ต้องมาขอให้ฉันทำเรื่องแบบนั้นด้วยเหมือนกัน ท่านจึงเพิ่งจะมาหาฉันในสามปีให้หลังนี้ และที่สำคัญคือบุญคุณของคุณป้าที่มีต่อครอบครัวของฉัน แม่พูดอยู่เสมอว่าถ้าแม่ไม่มีคุณป้า แม่ก็คงไม่มีทางสร้างเนื้อสร้างตัวได้ขนาดนี้ การแต่งงานของแม่กับพ่อไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับจากคุณตาคุณยายของฉัน แต่พอแม่แสดงให้ท่านเห็นว่าการแต่งงานกับพ่อของฉันไม่ใช่เรื่องเสียหายเพราะแม่ของฉันยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ คุณตากับคุณยายก็ค่อยยอมรับพ่อของฉันในที่สุด
                ฉันคงทำถูกแล้วสินะที่ตอบออกไปแบบนั้น แม้มันจะเป็นคำตอบที่ตอบออกไปแบบไม่มีสติก็ตาม แต่ฉันเชื่อว่าถ้าหากฉันได้เก็บไปคิดดีๆ ยังไงฉันก็ต้องตอบตกลงแน่ๆ พี่ยงฮวาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ที่สำคัญฉันกับพี่เขาก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เล็กๆ การช่วยเหลือพี่ยงฮวาในครั้งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ฉันควรทำที่สุดในตอนนี้ก็เป็นได้

     

     

     

                หลังจากที่ฉันวิ่งร้องไห้ออกมาจากบ้านของพี่ยงฮวา ฉันก็เดินไปตามถนนอย่างคนไม่มีสติ ฉันหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เป็นที่มาที่ทำให้ฉันได้มาแต่งงานกับเขาแล้วน้ำตาของฉันก็พาลหยุดไหลในทันที นี่ฉันเป็นอะไรไป แค่พี่เขายอมพูดออกมาก็ดีแค่ไหนแล้ว ดีกว่าที่เขาไม่ยอมพูดอะไรไม่ใช่หรือไง นั่นแสดงว่าเขาเปิดใจให้เธอแล้วนะจูฮยอน แต่เธอกลับทำแบบนั้นกับเขาได้ยังไงนะ คิดดูสิว่าเขาแอบไปร้องเพลงๆนั้นเพื่อเธอ เขายอมพูดรั้งไม่ให้เธอจากเขาไปไหน เขาพูดกับเธอแค่คนเดียว แล้วเธอโมโหใส่เขาแบบนั้นได้ยังไงกันนะซอจูฮยอน! เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เธอต้องอดทนให้มากกว่านี้สิ เธอต้องทำให้เขากลับมาพูดให้ได้อีกครั้ง เธอเป็นคนเดียวที่ทำได้เธอต้องทำให้ได้!

                ฉันปาดน้ำตา ก่อนจะตัดสินใจเดินย้อนกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้ง แต่ทว่ามีรถยนต์รูปทรงสวยสีขาวคันคุ้นตาเคลื่อนมาจอดตรงหน้าฉันซะก่อน ผู้ที่เป็นคนขับรถสวมแว่นตาสีดำก้าวลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้ามาหาฉัน แม้จะมีแว่นดำปกปิดบางส่วนของใบหน้า แต่ฉันก็รับรู้ได้จากน้ำหอมกลิ่นประจำของเขาว่าเขาคือใคร เขาเอื้อมมือมาปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างเบามือ สัมผัสที่คุ้นเคยของเขามันทำให้ฉันหยุดคิดถึงเรื่องของเขาอีกคนไปเสียสนิท ฉันพุ่งตัวเข้าสู่อ้อมกอดนั้นของเขาอย่างไม่ลังเล ก่อนน้ำตาอีกระลอกจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันได้ยินเขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนเขาจะเอื้อมมือขึ้นมากอดตอบแล้วลูบไปบนเรือนผมยาวสลวยของฉัน ฉันสัมผัสได้ว่าเขาจูบลงไปบนเรือนผมของฉันอย่างเคยเพื่อปลอบประโลมฉัน นั่นยิ่งทำให้ฉันกอดเขาแน่นยิ่งขึ้น

     

    แค่นี้ก็พอ แค่ให้ได้กอดเขาอีกสักครั้ง แล้วจากนี้ไปหัวใจของเธอจะเป็นของจองยงฮวาอย่างแท้จริง

     

     

    กินอะไรหน่อยสิ นี่ไงลาเต้รสมันเทศของโปรดเธอน่ะเขาสั่งกาแฟรสโปรดของฉันมาให้ก่อนจะเลื่อนมันมาวางไว้ตรงหน้าของฉัน
    ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นแหละตอนนี้
    งั้นบอกฉันมาหน่อยได้มั๊ยว่า คุณเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อคืนวิ่งร้องไห้ออกมาจากบ้านของคุณเจ้าบ่าวทำไม เขาถามฉันติดตลก แต่ในอารมณ์แบบนี้ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ ที่สำคัญก็คือไม่มีใครรู้ว่าพี่ยงฮวาไม่ยอมพูดหลังจากเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็คิดว่าพี่ยงฮวาหายมาเป็นปกติแล้ว จะมีก็เพียงคนที่สนิทจริงๆเท่านั้นที่รู้ว่าพี่ยงฮวาไม่ยอมพูดอะไรมาเป็นเวลา3ปีแล้ว
    ”…”
    เห็นน้ำตาเธอแล้วหัวใจฉันมันจะแตกสลายทุกทีเลยซอฮยอน อย่าทำร้ายฉันมากไปกว่านี้อีกเลยเถอะ แค่บอกมาว่าเธอเป็นอะไร อย่าให้หัวใจของฉันต้องเจ็บมากไปกว่านี้อีกเลยชื่อซอฮยอนที่เขาเอ่ยออกมา ยิ่งทำให้น้ำตาที่หยุดไหลของฉันไปแล้วพาลจะไหลออกมาอีกครั้ง น้อยคนมากที่ฉันจะยอมให้เรียกว่าซอฮยอน
    คิมแจฮัน อย่าเรียกชื่อนั้นของฉันอีกเลย ฉันแต่งงานแล้ว ฉันขอสงวนเอาไว้ให้สามีของฉันเรียกคนเดียวจะได้ไหม
    เธอใจร้ายจังนะ…” เขาตัดพ้อออกมา แต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้แก่ฉันเสมอ นี่แหละข้อดีของเขาหล่ะ ไม่ว่าฉันจะต้องเจอกับเรื่องน่าลำบากใจแค่ไหน แต่เขาก็จะยิ้มอยู่ข้างๆ แลมีรอยยิ้มที่อบอุ่นส่งมาให้ฉันเสมอ
    ฉันหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้นะแจฮันฉันพูดออกไปแล้ว ฉันพูดมันออกไปแล้ว
    ”…” เขาเงียบไปสักพักเหมือนกำลังใช้ความคิด
    ฉันไม่สามารถนั่งคุยกับเธอนานกว่านี้ได้อีกแล้ว เพราะตั้งแต่ก้าวขึ้นรถของเธอในหัวของฉันก็มีแต่เรื่องของยงฮวา แม้แต่ตอนที่พูดกับเธอฉันก็มองเห็นแต่หน้าของเขา ฉันขอโทษนะแจฮัน ฉันดีใจที่เจอเธอวันนี้ แต่ฉันคงต้องขอตัวจริงๆ ฉันไม่สามารถทิ้งสามีตัวเองออกมานั่งกับผู้ชายอื่นได้อีกแล้วฉันพูดในสิ่งที่ฉันรู้สึกออกไปแล้ว ให้ตายสิไม่อยากเชื่อเลยว่าแต่ก่อนฉันเคยแคร์ความรู้สึกของเขามากแค่ไหน แต่เขาอีกคนในตอนนี้กลับได้เข้ามาครอบครองความรู้สึกทั้งหมดของฉันไปเสียแล้ว
    เธอเปลี่ยนไปมากเลยจูฮยอน ฉันเคยคิดว่าฉันเป็นคนเดียวที่จะทำให้เธอได้รู้จักความรักอย่างแท้จริงแต่ตอนนี้คงต้องยอมปล่อยเธอไปจริงๆแล้วสินะ
    ”…” ฉันไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาจึงนั่งเงียบแล้วเสมองออกไปนอกกระจกแทน ฉันกลัวก็แค่กลัวว่าถ้าหันไปเจอความวูบไหวของเขาในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นแล้วฉันจะตัดใจจากเขาไม่ได้น่ะสิ

    ขอบคุณนะที่อย่างน้อยก็ยังให้ฉันเป็นเพื่อนกับเธอได้เขายิ้มออกมาในที่สุดก่อนจะยื่นมือออกมาให้ฉันจับเพื่อยอมรับการเปลี่ยนสถานะของเราอย่างเป็นทางการณ์
    ฉันจะคิดถึงเธอนะแจฮัน…” ฉันเอื้อมมืออกไปจับแล้วปล่อยมือออกมาอย่างรวดเร็ว สัมผัสอุ่นๆจากฝ่ามือของเขายังติดอยู่ที่หลังมือของฉัน ฉันแอบลูบมันเบาๆอยู่บนตัก ฉันจะไม่ได้จับมือเธออีกแล้วสินะ ฉันจะจดจำวันนี้ของเราไว้อย่างดีเลยล่ะแจฮันฉันจะไม่ลืมเธอเลย


                ฉันยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินไปจากร้านโดยไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย โอ้พระผู้เป็นเจ้า! วันนี้จูฮยอนเดินหันหลังให้ผู้ชายถึง2คนด้วยกัน ลูกคงไม่บาปหรอกใช่มั๊ยคะที่ทำร้ายจิตใจเขาทั้งสองลงไป ฉันรีบโบกเรียกแท็กซี่ทันทีที่เห็นคันว่างวิ่งใกล้เข้ามา แต่ทว่าก่อนฉันจะก้าวขึ้นไปก็มีข้อมือแข็งแรงของใครบางคนดึงให้ฉันออกมาก่อน เขาจูงมือฉันอย่างแรงไปที่ฝั่งตรงข้าม ไปยังรถปอร์เช่รูปทรงสุดโฉบเฉี่ยวใหม่ล่าสุดจอดอยู่ ตัวรถเป็นสีดำขลับที่เหมือนเพิ่งหลุดออกมาจากนิตยสารรถเลยทีเดียว เขาให้ฉันเข้าไปนั่งในรถก่อนเขาจะขึ้นมานั่งยังเบาะคนขับแล้วจัดการออกรถในทันที และวินาทีที่ได้นั่งบนรถนั่นเองที่ฉันรู้ว่าเขาเป็นใคร

    พี่ยงฮวา…”
    ”…” ใช่แล้ว พี่ยงฮวานั่นเองที่เป็นคนขับรถอยู่ตอนนี้
    พี่ออกมาตามหาฉันหรอคะฉันถามออกไปทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่จะได้มาคือความเงียบแน่นอน
    ”…”
    พี่สอบใบขับขี่มาได้แน่หรอ ทำไมไม่ยอมรัดเข็มขัดนิรภัยเนี่ยฉันจึงเปลี่ยนเรื่องโดยการเอื้อมมือไปรัดเข็มขัดนิรภัยให้เขา ก่อนจะมารัดให้ตัวเองบ้าง
    พี่แอบตามฉันมาใช่มั๊ยเนี่ย พี่อยากง้อฉันใช่มั๊ยคะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องรู้สึกแย่ที่เห็นน้ำตาของฉันแน่ๆเลยฉันพูดอย่างร่าเริง แม้ว่าอยากจะร้องไห้มากแค่ไหน ทั้งๆที่เขาเอาเพลงมาให้ฟังขอร้องไม่ให้ฉันจากเขาไป แต่ฉันก็ยังหันหลังให้เขา แล้วจากเขามา ทั้งๆที่เขาตามมาเพื่อง้อฉัน เพราะเขาเป็นห่วงฉัน แต่ฉันกลับไปกับผู้ชายอีกคน วันนี้เธอทำตัวแย่ไปแล้วนะซอจูฮยอน
    พี่คะ ฉันขอโทษนะ…”
    ”…”
    ฉันเป็นภรรยาที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ฉันจะพยายามนะคะ ฉันขอโทษนะที่หันหลังให้พี่อย่างนั้น พี่ไม่ต้องห่วงมันจะไม่มีครั้งที่สองแน่นอน พี่เชื่อใจฉันนะคะฉันพูดพลางเอื้อมมือไปกุมมือของพี่ยงฮวาเอาไว้ เขาละสายตาจากถนนมามองการกระทำของฉัน ก่อนจะหันหน้าไปขับรถตามเดิมโดยไม่แสดงอาการใดๆออกมาเหมือนเคย

    เราไม่ได้จะกลับบ้านพี่หรอกเหรอ ?ฉันถามขึ้นเพราะเห็นว่าเขาพาฉันมายังคอนโดสุดหรูใจกลางเมือง

    ”…” และเขาก็ไม่ตอบอย่างเคย = =
    จองยงฮวา~ ตอบฉันหน่อยสิคะฉันพูดรบเร้าพลางเขย่าแขนเขาเหมือนเด็กๆ ให้รู้กันไปเลยว่าลูกอ้อนของจูฮยอนจะไม่ได้ผลน่ะนะ > <
    ”…” แล้วเขาก็เปิดประตูลงจากรถไปเลยน่ะสิ ใช่เลยมันไม่ได้ผลกับเขาน่ะสิ!
    คนบ้า!” ฉันบ่นให้เขาน้อยๆก่อนจะตกใจที่จู่ๆเขาก็เดินมาเปิดประตูให้ฉัน แล้วจัดการปลดเข็มขัดนิรภัยให้ฉันทันที แล้วก็จูงมือฉันให้เดินตามเข้าไปในล็อบบี้ของคอนโดนั้นโดยไม่มองหน้าฉันสักนิด

    สวัสดีค่ะ ใช่คุณจองยงฮวาและคุณซอจูฮยอนที่จะมาดูห้องรึเปล่าคะพนักงานคนหนึ่งที่เห็นเราเดินเข้ามาก็เข้ามาต้อนรับเราก่อนจะถามว่าเรามาดูห้องกันใช่รึเปล่า

     

                ว่าแต่ เราจะดูห้องไปทำไมนะ ?


    ”…” พี่ยงฮวาไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นนัยๆว่า ใช่พนักงานคนนั้นเลยพาเราสองคนขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นเจ็ด ก่อนจะพาเข้าไปชมห้องทันที
    ห้องในชั้นนี้จัดว่าเป็นระดับชั้นที่วิวสวยมากเลยนะคะ ห้องกว้างขวางเหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตคู่ มีห้องครัวเล็กๆแต่ตกแต่งอย่างหรูหราให้คุณภรรยาได้ทำอาหารให้สามีทาน และทางนี้คือห้องนอนค่ะ ห้องนอนก็กว้างและยังมีกระจกที่เปิดให้ออกไปชมวิวที่ระเบียงยามค่ำคืนได้อีกด้วยนะคะ ถ้ามองจากระเบียงนี้ไปจะเห็นโซลทาวเวอร์ด้วยค่ะ และตรงนี้คือห้องน้ำค่ะ พี่พนักงานพาฉันเดินดูจนทั่วพลางอธิบายคุณสมบัติของห้องพักอย่างละเอียด แต่ฉันนี่นะจะมาเริ่มต้นชีวิตคู่กับพี่ยงฮวาที่คอนโดนี้ ก็เรามีบ้านอยู่แล้วนี่นา จะต้องออกมาซื้อห้องทำไม =  = ?
    เอ่อ ขอตัวเดินดูกับสามีสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะให้คำตอบนะคะฉันถือโอกาสที่พี่พนักงานพาเดินจนทั่วแล้วแยกตัวออกมาหาพี่ยงฮวาที่ไม่ยอมเดินไปด้วย แต่มายืมฟังเพลงอยู่ที่ระเบียง
    พี่ชอบที่นี่หรอ…” ฉันถามออกไปแต่เหมือนคนข้างๆจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆทั้งสิ้น
    พี่รู้ว่าฉันชอบมองพระอาทิตย์ขึ้น พี่รู้ว่าฉันชอบแสงไฟยามค่ำคืน พี่รู้ว่าฉันไม่ชอบความวุ่นวาย พี่รู้ว่าฉันยังไม่พร้อมจะเป็นลูกสะใภ้ให้ใครสินะคะ พี่ถึงพาฉันแยกมาอยู่เองแบบนี้ฉันพูดเจื้อยแจ้วไปคนเดียวเพราะรู้ดีว่าเขาไม่ตอบอะไรอยู่แล้ว
    ”…”
    แต่ฉันไม่รู้เลยว่าพี่คิดอะไรอยู่…” ฉันพูดค้างไว้ก่อนจะหันหน้าไปมองเขาตรงๆ ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว สายลมอ่อนๆพัดผ่านฉันกับเขาไปเบาๆ เขาเอื้อมมือมาเก็บผมที่ปลิวไม่เป็นทรงบางส่วนมาทัดหูของฉันก่อนจะหันมาจ้องตาฉันตอบ

    ”…”
    ถ้าพี่ไม่พูดมันออกมาฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าพี่คิดอะไรอยู่ แต่ฉันจะไม่บังคับพี่หรอกนะ ฉันจะรอจนกว่าพี่จะยอมเปิดใจพูดกับฉันอีกครั้ง พี่ได้ยินใช่มั๊ยคะว่าฉันจะรอวันนั้น…” ตอนนี้ฉันพูดในสิ่งที่อยู่ในใจของฉันออกไปให้เขาได้รับรู้แล้ว และฉันจะต้องทำให้มันสำเร็จให้ได้

    ”…” ฉันรู้ว่าเขาก็คงจะยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรอีกในตอนนี้ เราสบตากันสักพักก่อน ฉันจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคิดมาก่อนว่า คนอย่างซอจูฮยอนจะกล้าทำได้ยังไง
    ”…” ฉันค่อยๆสอดแขนของฉันเข้าไปคล้องในแขนเสื้อของเขาช้าๆก่อนจะล็อกไว้แน่น ให้ตายสิเขินชะมัดเลย ฉันทำลงไปได้ยังไงนะ >///<
    เราออกไปดูพี่พนักงานกันดีกว่า พี่คงไม่เปลี่ยนใจแน่แล้วใช่มั๊ยที่จะย้ายออกมาอยู่บ้านหลังนี้ฉันเอ่ยถามเขาอย่างร่าเริง ก็ฉันกำลังจะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้วนี่นะ บ้านของการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเรา ฉันคล้องแขนเขาไว้ก่อนเราจะเดินออกมาจากห้องนอนด้วยกันเพื่อเดินไปเซ็นสัญญากับพี่พนักงาน แต่พอเดินออกมาจากห้องเท่านั้นแหละฉันก็ได้เจอกับมินฮยอกและรุ่นน้องของพี่ยงฮวาอีกสองคนแทน
    เฮ้!มากันได้ไงน่ะมินฮยอก
    พี่สะใภ้  ~ ~ ” มินฮยอกวิ่งเข้ามาหาฉันอย่างกับเด็กๆ
    พี่สะใภ้อะไรเล่า ว่าแต่พวกนายมาที่นี่กันได้ไงน่ะ
    อ้อ จริงๆแล้วผมแนะนำที่นี่ให้พี่ยงฮวาเองแหละ ผมเป็นคนติดต่อกับพี่พนักงานคนนั้นไว้เอง มินฮยอกพูดก่อนจะเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารที่วางบนเคาท์เตอร์ครัวมายื่นให้ฉันกับพี่ยงฮวา
    อะไรเนี่ยฉันรับแฟ้มมาเปิดดูก่อนจะพบว่ามันคือเอกสารเกี่ยวกับห้องพักนั่นเอง

    ว้าววว นี่นายซื้อบ้านให้เรางั้นหรอ
    ก็นะมินฮยอกตอบอย่างเขินๆก่อนจะเกาท้ายทอยตัวเองเป็นการแก้เก้อ  ฉันคิดว่าเขาน่ารักจริงๆนะ > <
    ผมกับเพื่อนออกเงินกันซื้อให้เป็นของขวัญแต่งงานของพี่ยงฮวากับพี่สะใภ้น่ะ อ้า~ยังไม่แนะนำเลยสินะ คนนี้ตัวสูงๆชื่อจองชิน อีจองชิน เขาเป็นมือเบสให้วงเราฉันมองตามไปยังคนที่มินฮยอกผายมือไปให้ดู
    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะฉันหันไปโค้งให้เขา แล้วเขาก็โค้งให้ฉัน แล้วเราก็โค้งให้กันอยู่อย่างนั้นประมาณสามรอบ =____=
    ผมเกิดปีเดียวกับคุณนะจูฮยอน เลิกโค้งให้ผมเถอะจองชินพูดกับฉันอย่างเขินๆก่อนจะเลี่ยงไปยืนหลบอยู่หลังผู้ชายอีกคน
    ส่วนคนนี้ชื่อจงฮยอน อีจงฮยอน เป็นมือกีต้าร์แล้วก็ร้องนำ ตอนแรกก็ร้องด้วยกันกับพี่ยงฮวา แต่พอพี่เขาเกิดอุบัติเหตุตอนนี้จงฮยอนก็เลยร้องคนเดียว
    อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณคงทำงานหนักมาก ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณที่ดูแลพี่ยงฮวาด้วยนะคะฉันหันไปโค้งให้ผู้ชายอีกคนที่ดูภายนอกแล้วออกจะขรึมๆสักหน่อย แต่พอเขากับฉันเงยหน้ามาสบตากันเท่านั้น เขาก็ยิ้มกว้างไม่ยอมหุบเลยหล่ะ  ทำไมนะ หน้าฉันมีอะไรติดงั้นหรอ ?
    ”>_______<”
    พี่จงฮยอน  เป็นอะไรไปน่ะ อย่ายิ้มแบบนั้นให้พี่สะใภ้สิครับ ฮ่าๆมินฮยอกเดินเข้าไปจ้องหน้าจงฮยอนก่อนจะเริ่มแซว
    จงฮยอนเขาเขินเธอน่ะจูฮยอนจองชินเดินมาบอกฉันอย่างกล้าๆกลัวๆ เฮ้!นายบอกว่าเรารุ่นเดียวกันนี่นา นายเองก็ไม่เห็นต้องเขินฉันเลยนะ จองชินชินกู~
    เขินฉันอะไรกันเนี่ย ฉันสิต้องเขินพวกนายน่ะ -///-” ฉันพูดออกไปอย่างเขินๆเช่นกัน ก็แทนที่ฝ่ายหญิงจะเป็นคนเขิน นี่อะไรกันผู้ชายเหล่านั้นกลับเขินฉันกันหมดเลยหรอเนี่ย
    อื้ออ ผมหิวแล้วอ่ะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า!” มินฮยอกเสนอความคิดขึ้นมาก่อนจะเอามือลูบท้องแล้วทำหน้าตาน่ารัก(?) ก็ฉันคิดว่าเขาน่ารักนี่นา  > <

    เราจะไปกินอะไรกันดีล่ะ ฉันอยากกินข้าวต้มหมูอ่ะจงฮยอนเสนอความคิดขึ้นมา ว่าไงนะ ข้าวต้มหมูในเวลาทุ่มสองทุ่มนี่นะ ฉันว่ารสนิยมในการกินของเขาออกจะแปลกอยู่สักหน่อย ถ้าเป็นรามยอนหรือว่าหมูย่างก็ว่าไปอย่าง พูดแล้วก็หิวแฮะ
    พี่คะ พี่อยากกินอะไรดี เดี๋ยวฉันทำให้กินนะฉันเดินคล้องแขนพี่ยงฮวาก่อนจะเอ่ยถามความเห็นในการไปกินข้าวร่วมกับน้องๆในวงของเขา
    ”…”
    ”…” ใช่แล้วฉันคิดผิดไปหน่อยที่ไปถามพี่ยงฮวา = =
    เอางี้ดีกว่า เราไปซื้อของแล้วมาทำที่ห้องพวกเราดีกว่าจองชินเสนอความคิดขึ้นมาให้เราไปซุปเปอร์เพื่อซื้อของมาทำอาหารเย็น
    ว่าแต่ เราจะกินอะไรกันหล่ะ ถ้าไม่มีใครเสนออะไรฉันอยากกินข้าวต้มหมูจริงๆนะจงฮยอนยังคงยืนยันความคิดเดิมว่าจะต้องกินข้าวต้มหมูให้ได้
    โธ่~ จะกินอะไรกันก็แล้วแต่เถอะ ผมหิวแล้วจริงๆนะ TT^TT” แล้วมินฮยอกก็เดินเข้ามากอดแขนจงฮยอนแล้วลากออกจากห้องเพื่อไม่ให้พวกเราใช้เวลาอยู่ในห้องนี้นานมากมากไปกว่านี้
                เมื่อเราเดินลงมาจากคอนโด ไม่ไกลนักก็มีซุปเปอร์มาเก็ตเปิดอยู่ พวกเราจึงลิสต์รายการอาหารออกมาคือ สปาเก็ตตี้ครีมซอส ข้าวกับกิมจิ และต็อกโบกี ฉันเดินไปเลือกซื้อของอย่างชำนาญ ก็ฉันน่ะเป็นลูกมือให้คุณแม่บ่อยๆนี่นา พอเราเลือกซื้อของกันเสร็จฉันก็คิดว่าเราจะไปทำกินที่บ้านของใครสักคน แต่แล้วมินฮยอกก็พาเราเดินกลับขึ้นมาชั้นเดิมของคอนโดที่เราเพิ่งลงไป แต่ห้องที่พวกเขาพาเราเข้าไปนั้นอยู่ถัดไปจากห้องของฉันกับพี่ยงฮวาประมาณสามสี่ห้อง นี่อย่าบอกนะว่าพวกเขาอยู่ห้องถัดไปไม่ใกล้ไม่ไกลนี่จริงๆน่ะ = =

     

    นี่มินฮยอก~ นายซื้อห้องนั้นให้เราเพราะนายอยากให้เราอยู่ในสายตาของนายงั้นหรอฉันถามเขาติดตลกเมื่อเราช่วยกันขนของเข้าไปไว้ที่เคาท์เตอร์ครัว
    เปล่าซะหน่อย พี่สะใภ้ก็ ฮ่าๆมินฮยอกจึงเลี่ยงคำถามแล้วเดินไปหาพี่ยงฮวากับจงฮยอนแทน
    มีอะไรให้ฉันช่วยมั๊ยจองชินเดินเข้ามาถามฉัน
    อ๋อ นายไปแกะกุ้งก็ได้นะ แล้วก็ลวกเส้นละกัน
    รับทราบครับคุณนายจอง ~”

    คุณนายจองอะไรกันเนี่ย บ้าหรออะไรกันนะคนพวกนี้ เขาคิดว่าฉันจะเขินไม่เป็นรึยังไงถึงมาเรียกคุณนายจองแบบนี้ -///-
    จูฮยอน พี่ว่าเราแบ่งกันทำดีกว่าจงฮยอนที่เดินถือถุงพวกอุปกรณ์ทำต็อกโบกีมาหาฉันที่ครัวก่อนจะเรียกฉัน  แต่ว่าไงนะ? เขาแทนตัวเองว่าพี่งั้นหรอ อะไรกันอีกเนี่ยพวกผู้ชายมิติที่สี่พวกนี้ - -
    เฮ้! นายไม่ต้องอยากตีซี้กับฉันด้วยการแทนตัวเองว่าพี่เลยนะจงฮยอน ฉันเป็นพี่สะใภ้นายฉันยังไม่พูดว่าฉันเป็นพี่เลยนะ ฮ่าๆฉันเดินเจ้าไปทำหน้ากวนเขาก่อนจะเดินกลับมาหั่นผักต่ออย่างไม่สนใจจงฮยอน คล้ายๆกับฉันเป็นผู้ชนะในการโต้วาทียังไงยังงั้นเลยหล่ะ
    อะ อะไรนะ ตีซี้หรอเนี่ย ฮ่าๆๆ เชื่อเธอเลยจริงๆสิจูฮยอนจงฮยอนถึงกับปล่อยก๊ากออกมาตรงนั้น ก่อนเขาจะไม่สนใจฉันแล้วเดินไปหยิบเตาไฟฟ้ากับหม้อต็อกโบกีไปที่ห้องนั่งเล่นแทน
    พี่ยงฮวา พี่บอกเธอหน่อยสิว่าผมตีซี้เธอจริงรึเปล่าน่ะ ฮ่าๆ
    ”…” เมื่อมินฮยอกกับจองชินเดาเหตุการณ์ออก ทุกคนก็หัวเราะขึ้นมาอย่างพร้อมใจกัน
    ฮ่าๆ พี่สะใภ้ ผมว่านั่นเป็นความผิดผมล่ะมินฮยอกเดินขำเข้ามาหาฉันก่อนทำท่าคุกเข่าแล้วชูกำปั้นขึ้นมาชนฝ่ามือเหมือนในหนังจีน
    ข้าน้อยมิยังอาจทูลองค์หญิงว่า ชายผู้มีนามว่าจงฮยอนนั้น แท้จริงแล้วเกิดก่อนองค์หญิง1ปีขอรับฮะ! เขาว่ายังไงนะ O__o!!
    อย่า อย่าบอกฉันนะว่า….” ฉันพูดอะไรไม่ออกก่อนจะชี้ไปที่จงฮยอนที่แอบนั่งขำอยู่ตรงโซฟา
    ข้าน้อยสมควรตายขอรับมินฮยอกยังคงไม่เลิกเล่นตลก เขาสารภาพบาปอย่างติดตลก ก่อนจะก้มหัวให้ต่ำลงไปอีก
    มินฮยอก นายบอกฉันมาตรงๆซิ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นรุ่นพี่ฉันจริงหรอเนี่ย
    ถูกต้องนะคร้าบบบบ!” มินฮยอกกับจองชินเฉลยออกมาพร้อมกันก่อนจะเดินเข้าไปกอดคอกันแล้วหัวเราะฉันอย่างพร้อมเพรียง ฉันที่ยืนค้างทำอะไรไม่ถูกจึงหันไปหั่นผักต่ออย่างไม่สนใจเหตุการณ์ข้างหลัง แต่ทว่า

    โอ๊ยย!” ฉันเขินจนทำมีดบาดตัวเองงั้นหรอเนี่ย เธอไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นาจูฮยอน TT___TT
    เฮ้! เป็นอะไรมั๊ยจูฮยอนจองชินที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบหันมาถามอาการฉัน
    แค่บาดนิดหน่อยน่ะในขณะที่จองชินกำลังจะเอื้อมมือมาจับมือฉันไปดู ผู้ชายคนหนึ่งที่ได้แต่นั่งเงียบมาตั้งนานแล้วกลับวิ่งมาเร็วกว่าแล้วจัดการยื่นนิ้วของฉันไปล้างน้ำทันที
    พี่ยงฮวา…” ฉันที่ตอนนั้นก็ตกใจที่มีดบาดอยู่นะ แต่ตกใจกว่าที่เขาเอาชายเสื้อตัวเองมาเช็ดนิ้วให้ฉันน่ะสิ เขาเป่าไปเบาๆที่แผลของฉัน ก่อนจะจ้องมองแผลบนนิ้วของฉันอย่างจริงจัง
    ผมเอายามาให้แล้วๆมินฮยอกวิ่งออกมาหาฉันพร้อมกล่องปฐมพยาบาล และจงฮยอนเองก็เดินมาหาพร้อมกับปาสเตอร์ใส่ยา
    นี่พี่ เอาไปพันให้เธอสิจงฮยอนยื่นปาสเตอร์ใส่ยามาให้ยงฮวา ก่อนพวกเขาสามคนจะค่อยๆย่องออกไปจากครัวทีละนิดๆ แล้วไปแอบมองฉันกับพี่ยงฮวาอยู่อีกฝั่งของเคาท์เตอร์ครัว

    ถ้าพวกนายและก็พี่จงฮยอน จะไปหลบอยู่แบบนั้น ก็มายืนดูเลยดีกว่านะฉันไม่ลืมที่จะใส่คำว่าพี่ลงไปแล้วล่ะคราวนี้ ก็ฉันเป็นพวกถือเรื่องลำดับอายุมากเลยน่ะสิ
    ฮ่าๆ เธอว่าอะไรนะ พวกนายและพี่จงฮยอน งั้นหรอ ว้าวว~ เธอต้องจริงจังกับมันมากเลยนะเนี่ยจองชินพูดล้อเลียนฉันอย่างสนุกสนานก่อนพวกเขาจะย้ายก้นตัวเองไปนั่งบนโซฟาแล้วทำต็อกโบกีต่อไปอย่างแกล้งทำเป็นไม่สนใจฉันกับพี่ยงฮวา

    ”…” พี่ยงฮวาพันปาสเตอร์ยาให้ฉันอย่างเบามือแล้วเป่าเบาๆหลังพันเสร็จ
    ”…” ในช่วงเวลานั้นฉันหาโอกาสที่จะมองหน้าพี่เขาให้ชัดๆ แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมาจากแผลของฉันเท่านั้นแหละฉันก็ต้องผิดหวังเพราะว่า เขาก็ยังคงไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งนั้น
    ”…” แต่ทว่าวูบหนึ่งที่เขามองตาฉันก่อนละจูงมือให้ฉันไปนั่งพักที่โซฟา หัวใจของฉันก็กระตุกวูบอีกครั้ง เพราะมันเป็นสายตาที่แสดงถึงความห่วงใจที่เขามีต่อฉันยังไงล่ะ
    พี่คะ เดี๋ยวมันไม่เสร็จ ฉันจะไปทำต่อให้เสร็จค่ะ

    ไม่ได้ๆ เธอนั่งพักเลยเดี๋ยวพวกเราทำต่อเองจองชินที่เดินไปแกะกุ้งต่อหันมาสั่งฉันด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
    แค่พี่สะใภ้บอกมาก็พอครับตอนนี้มินฮยอกเองก็เดินไปแทนที่ตำแหน่งของฉันแล้วเหมือนกัน
    ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นิดเดียวเองฉันทำต่อได้ฉันพูดอย่างหนักแน่นก่อนจะบีบมือพี่ยงฮวาแล้วเดินไปทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จ เหมือนพี่ยงฮวาจะรั้งฉันไว้นิดๆ แต่ฉันก็ฝืนตัวออกไปแล้ว ทำไงได้ล่ะ ถ้าปล่อยให้พวกเขาทำฉันว่าวันนี้เราคงไม่ได้กินแน่เลย
    พี่จงฮยอนคะ ในฐานะที่พี่อยากกินข้าว งั้นพี่หุงข้าวหน่อยสิ
    เธอใช้ฉันเพราะฉันอยากกินข้างงั้นหรอ งั้นจองชินกับมินฮยอกก็ต้องทำสปาเกตตี้เองสิ
    เอ่อ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ
    นี่ฉันเป็นรุ่นพี่นะ ฉันควรจะถูกกระทำงั้นหรอจงฮยอนที่ได้ทีก็ยกเอาประเด็นเดิมมาแกล้งซอฮยอนทันที
    ไม่นะคะ พี่ไม่ต้องทำแล้วค่ะๆ เดี๋ยวฉันทำเองนะคะ ขอโทษนะคะพี่ T^T” ฉันรีบหันไปโค้งให้พี่จงฮยอนอย่างรู้สึกผิด
    ฮ่าๆ ไม่เลยครับๆ ขอโทษครับพี่สะใภ้ ผมจะทำตัวให้ดีกว่านี้คร้าบบบพี่จงฮยอนพูดติดตลกกับฉันก่อนจะเดินไปหยิบหม้อแล้วไปหุงข้าวทันที อะไรกันเนี่ย แกล้งฉันหรอกเหรอ!
                และแล้วอาหารก็เสร็จ หน้าตามันน่ากินมากๆเลย บังเอิญว่ามินฮยอกชอบกินชีสเขาเลยเทมันลงไปอย่างไม่ยั้งเลยน่ะสิ ตอนนี้สปาเกตตี้ครีมของเราก็เลยมีหน้าเป็นชีสเหมือนหน้าพิซซ่าเลย ส่วนต็อกโบกีก็มีสีน่ากินมากเลยหล่ะ พี่จงฮยอนบอกว่าพี่ยงฮวาเป็นคนปรุงด้วยการใส่ซอสมะเขือเทศลงไปด้วย ทุกคนยังการันตีอีกว่าฝีมือในการทำต็อกโบกีของพี่ยงฮวาน่ะสุดยอดจริงๆ จากนั้นเราก็รอข้าวสุก ระหว่างนั้นฉันก็เดินไปหั่นกิมจิใส่จานไว้รอ ส่วนสามหนุ่มก็ไปนั่งจับกลุ่มอยู่ใกล้ๆพี่ยงฮวา เหมือนทุกคนจะพยายามชวนพี่ยงฮวาคุยอย่างเต็มที่ แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมาก็คือ ความว่างเปล่าน่ะสิ = =
                พออาหารทั้งหมดพร้อมเราก็เริ่มลงมือจัดการส่วนของตัวเองโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรทั้งนั้น  ต็อกโบกีฝีมือพี่ยงฮวาอร่อยจริงๆด้วย
    > <

     

     

     

    อือ ผมว่าเรามาช่วยกันแต่งเนื้อเพลงเพลงนั้นกันดีกว่าไหมจู่ๆมินฮยอกที่ก้มหน้าก้มตากินอยู่นานก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
    เพลงไหนอ่ะจองชินถามกลับทั้งๆที่ในปากก็เต็มไปด้วยเส้นสปาเก็ตตี้ = =
    ก็เพลงที่พี่ยงฮวาแต่งทำนองไว้ไง เพลงนั้นน่ะๆๆๆ ที่เราเคยเล่นด้วยกันแบบไม่มีคำร้องน่ะ

    ”…” ทั้งห้องพร้อมใจกันเงียบเพราะคิดไม่ออกว่ามินฮยอกหมายถึงเพลงอะไร
    เฮ้! พวกพี่ลืมหรอ ผมจำได้นะว่าพี่ยงฮวาแต่งเพลงนี้แล้วก็เอามาให้เราซ้อมจังหวะกันน่ะ แต่มันยังไม่มีเนื้อร้องเพราะพี่ยงฮวาเกิดอุบัติเหตุน่ะสิ หรือว่าจะเป็นเพลงที่พี่ยงฮวาเปิดให้ฉันฟังนะ ?
    ใช่เพลงนั้นแน่เลย!” ฉันคิดว่าใช่นะ ฉันเลยโพล่งออกไปอย่างลืมตัว
    หืมม ? เพลงไหนหรอพี่สะใภ้
    ก็เพลงนั้นไงที่นายเคยเอามาให้ฉันฟังน่ะมินฮยอก
    ใช่เพลงเดียวกันหรอพี่สะใภ้ ผมเคยเอาให้ฟังหลายเพลงอยู่นะมินฮยอกที่ไม่ค่อยมั่นใจในเซ้นต์เรื่องเพลงของฉันเอียงคอถามฉันอย่างไม่มั่นใจ
    ที่ทำนองว่า โว้โฮ~… ดือ ดือดือ ดือ ดือ ดือ ดือดือ ดือ ดือดือ ดือฉันพยายามใส่ทำนองลงไปเท่าที่ฉันจะสามารถจำได้
    ผมก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีมินฮยอกก็ยังคงเอียงคอมองฉันอย่างงุนงง
    อ๊ะ! ที่มันจะร้องว่า โว้โฮ~ ด้วยใช่มั๊ยพี่สะใภ้พี่จงฮยอนลุกขึ้นยืนแล้วชี้มาที่ฉันอย่างตื่นเต้น
    พี่เรียกฉันว่าพี่สะใภ้หรอคะ ฮ่าๆ ขอบคุณมากค่ะ
    เฮ้! ขอบคุณอะไรกันเนี่ย ฉันก็เขินเป็นนะ -///-” แล้วประเด็นเพลงก็ถูกเปลี่ยนไปเพราะทุกคนต่างพุ่งความสนใจไปที่จงฮยอน ให้ตายสิเขาเขินจนแก้มแดงเลยหรอเนี่ย
    อืมมมเธอลองร้องมาสักท่อนได้มั๊ยจูฮยอนจองชินที่เงียบเพื่อใช้ความคิดอยู่นานเอ่ยขึ้น

    อ๋อ เนื้อร้องน่ะหรอ ได้ๆๆฉันตั้งหน้าร้องอย่างเต็มที่ ก็มันเป็นเพลงที่พี่ยงฮวาร้องให้ฉันนี่นา(?) ไม่รู้ล่ะก็เขาเปิดให้ฉันฟังนี่  ว่าแต่ไหนมินฮยอกบอกว่ายังไม่มีเนื้อหล่ะ
    มันก็จะทำนองว่า Please don’t go go go เชบัล ตอนาคาจีมาฮันบอนมัน อีราโด นัล โทรา บวาชุลเร…”
    ใช่เลย!” ทั้งสามหนุ่มประสานเสียงขึ้นมาก่อนมินฮยอกจะลุกขึ้นกระโดดอย่างมีความสุขที่ฉันคิดเพลงนั้นออก
    ว่าแต่พี่สะใภ้ไปเอาเนื้อเพลงมาจากไหนน่ะ เรายังไม่แต่งกันเลยนะ
    อ๋อ ก็พี่ยงฮวาเขา…” ฉันพูดได้แค่นั้นก็ถูกพี่ยงฮวาดึงมือให้ลุกขึ้นตามน่ะสิ
    พี่คะมีอะไรรึเปล่า?ฉันถามพี่ยงฮวาอย่างเป็นห่วง เผื่อพี่เขาไม่สบายตรงไหนฉันจะได้ดูแลถูก

    ”…” แต่พี่ยงฮวาก็ไม่ยอมพูดอะไร กลับถือจานที่พวกเรากินเสร็จแล้วไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะใช้มืออีกข้างหนึ่งจูงมือฉันไปที่เคาท์เตอร์ล้างจาน
    ”…” ทุกคนมองตามการกระทำของพี่ยงฮวาอย่างสงสัย ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เขาเป็นอะไรไป
    เอ่อ งั้นพี่สะใภ้กับพี่ยงฮวาล้างจานกันไปนะ พวกเราจะเก็บกวาดโต๊ะนี้เอง
    ”…” และแล้วห้องทั้งห้องก็กลับมาตกอยู่ในความเงียบและความน่าอึดอัดอีกครั้ง

     


    พี่ไม่อยากให้ฉันบอกพวกเขาใช่มั๊ยว่าพี่แต่งเนื้อเพลงแล้วน่ะระหว่างที่เราล้างจานกันเงียบๆอยู่สองคนฉันก็เลยกระซิบถามพี่ยงฮวาเบาๆ
    ”…” พี่ยงฮวาไม่ตอบฉันแต่กลับล้างจานต่อไปอย่างไม่มีอาการใดๆ

    ถ้าพี่ไม่พูด ฉันบอกพวกเขาจริงๆนะฉันว่าถ้ายื่นคำขาดออกไปแบบนี้พี่ยงฮวาต้องยอมพูดออกมาแน่เลย > <
    ”…”
    นับ 1 แล้วนะ
    ”…” พี่ยงฮวาก็ยังคงล้างจานไปอย่างสบายใจ
    นับ 2 แล้วจริงๆนะคะพี่คะ พี่ต้องพูดห้ามฉันสิ ถ้าพี่ไม่อยากให้พวกเขารู้ก็แค่พูดกับฉันมาไง > <
    ”…”
    นับ 3!” ฉันเดินออกจากเคาท์เตอร์ล้างจานไปหาพวกเขาสามคนที่ทำความสะอาดโต๊ะรับแขกอยู่
    นี่พวกนายฉันมีอะไรจะบอกเกี่ยวกับเพลงนั้นน่ะ จริงๆแล้วพี่ยงฮวาเขา…”
    หืออ ? พี่ยงฮวาทำไมหรอจองชินมองฉันอย่างสนอกสนใจในสิ่งที่ฉันจะพูด
    เอ่อ พี่ยงฮวาเขากับเพลงนั้นคือ…” ฉันยังคาดหวังให้พี่เขาพูดห้ามฉันออกมาสักนิด แต่พอฉันหันหลังกลับไปดูพี่ยงฮวาก็ยังคงล้างจานต่อไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร = =
    ว่าไงครับพี่สะใภ้ พวกเราตื่นเต้นนะเนี่ย~” มินฮยอกเข้ามาเกาะแขนฉันพลางสั่นเบาๆเป็นการกระตุ้นให้ฉันรีบเฉลย  ไม่ใช่แค่พวกนายที่ตื่นเต้นหรอกนะ ฉันก็ตื่นเต้นเหมือนกันนั่นแหละ = =
    คือเพลงนั้นจริงๆแล้วฉันใส่เนื้อร้องเองมั่วๆอ่ะ พี่ยงฮวาเขาแค่เอาทำนองมาให้ฉันฟังตอนที่ฉันไปบ้านเขา เท่านั้นเอง

    โหยย อะไรเนี่ย พวกเราก็คิดว่าพี่ยงฮวาแต่งเนื้อเพลงนั้นได้แล้วซะอีกจองชินบ่นออกมาอย่างเสียดาย ก่อนสามหนุ่มสามสไตล์จะนั่งทรุดฮวบลงไปกองกันอยู่ที่โซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ราวกับว่าฉันได้ขโมยแสงสว่างไปจากพวกเขาแล้วอะไรอย่างนั้นเลยหล่ะ
    เฮ้อออ จูฮยอน เธอใจอ่อนอีกแล้ว T^T” แล้วฉันก็เลยยอมเดินกลับมาล้างจานต่ออย่างยอมจำนน ฉันมองไปที่พี่ยงฮวาด้วยสายตาสงสัย แต่สิ่งที่ฉันเห็นคือพี่เขาอมยิ้มน้อยๆแล้วหันหน้ามาหาฉันตรงๆเหมือนจะเยาะเย้ยที่ฉันไม่กล้าพูดออกไป
    เชอะ!” ฉันสะบัดหน้าหนีไปล้างอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่อะไรหรอกเพราะฉันเขินสายตาเขาน่ะสิ
    ”…” พี่ยงฮวาเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอาถุงมือเปื้อนฟองมาจิ้มแก้มฉัน
    พี่คะอะไรเนี่ย > <” ฉันปัดฟองออกโดยเร็วก่อนจะหันไปทำหน้าตาเอาเรื่องกับพี่ยงฮวา พี่แกล้งฉันใช่มั๊ย! ได้เลย พี่รู้จักซอจูฮยอนน้อยไปแล้วนะคะ ฉันหันไปหยิบฟองมาแปะป้ายไปตามเสื้อผ้าและแก้มของพี่ยงฮวาบ้าง เขาเบี่ยงตัวหลบได้อย่างว่องไว แล้วเราก็เล่นกันแบบนั้นสักพัก จนกระทั่งสามหนุ่มเดินเข้ามาอีกฝั่งแล้วจ้องมาที่ฉันกับพี่ยงฮวาก่อนจะทำหน้าตายแล้วพูดว่า
    พี่!!!....ผมอิจฉาอ่ะ T^T” แล้วสามหนุ่มผู้อาภัพรักก็ได้แต่ยืนมองพี่ชายและพี่สะใภ้หยอกกันอย่างน่าสงสาร 












    "-------------------------------------------------------------

    Talk with writer :

     

    ไม่รู้อ่ะว่าจะน่าเบื่อรึเปล่า TT______TT

    แต่ก็ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านนะคะ

    ช่วงนี้ว่าง จะอัพให้เยอะๆเลย เดี๋ยวนานไปหวานจะงานเยอะกว่านี้มากกก

     

    หวังว่าจะไม่น่าเบื่อเกินไปนะคะ

    คอมเม้นท์เป็นกำลังใจได้นะ หวานชอบอ่านนนน >w<

    บางทีฉากจะคุ้นๆเหมือนอยู่ใน we got married นะคะ
    เพราะหวานบอกแล้วว่าแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะหวานคิดถึงยงซอ จากใจจริง :)


    เจอกันตอนหน้านะคะรีดเดอร์ รักคุณตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า จุ๊บๆ -3-


    ไอแอมพีเอสสึ 






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×