ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    YongSeo --------- Just say 'YES'

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่13

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.4K
      10
      25 ธ.ค. 54



    ตอนที่
    13

     
     
     
    ”ฮยอนน~ มีจดหมายถึงเธอด้วยหล่ะ” ในตอนเย็นวันนั้น หลังจากผ่านเรื่องราวมากมายทั้งเรื่องดีและไม่ดี ฉันกับพี่ยงฮวาก็กลับมานอนพักผ่อนกันอยู่ที่บ้าน แล้วให้จองชินกับพี่จงฮยอนดูแลปาร์กชินเฮแทน ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟานั้น พี่ยงฮวาก็เดินเข้ามาพร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง
    ”ใครส่งมาคะพี่”
    ”ไม่รู้สิ…WE Entertainment เธอรู้จักรึเปล่าน่ะ?” พี่ยงฮวายื่นจดหมายสีขาวสะอาดมาให้ฉันก่อนเดินไปเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น วันนี้พี่ยงฮวาบอกว่าจะทำต็อกโบกีให้ฉันกินล่ะ > <
    ”นี่มัน…บ้าไปแล้ว!” ฉันค่อยๆเปิดจดหมายออกมาอ่าน ก่อนฉันจะห้ามตัวเองไม่ให้กรีดร้องออกมาไม่ทัน
    ”…” พี่ยงฮวาได้ยินฉันอุทานขึ้นมาเสียงดังก็รีบเดินมาดูฉันทันที
    ”พี่คะ…พี่ยงฮวา…”
    ”ว่าไงฮยอน มีเรื่องอะไรหรอ…” พี่ยงฮวาทิ้งตัวลงมานั่งอยู่บนโซฟาข้างๆฉันก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาอ่านจดหมายด้วย
    ”ฉันจะได้คัมแบ๊กแล้วค่ะ” ฉันบอกเขาทั้งน้ำตา ตอนนี้ฉันดีใจและสับสนปนกันไปหมด ฉันจะได้กลับไปเป็นโซนยอชิแดอีกครั้งแล้วจริงๆใช่ไหม งานที่ฉันรักฉันกำลังจะได้กลับไปทำมันใช่มั๊ย…
    ”นี่ฮยอน~ เรื่องแบบนี้มีแต่ต้องฉลองนะ เธอร้องไห้ทำไมเล่า เด็กน้อยเอ๊ยย~” พี่ยงฮวาผลักหัวฉันเบาๆก่อนจะเช็ดน้ำตาให้ฉัน
    ”ฉันบอกไม่ถูกค่ะพี่ ฉันไม่คิดว่าพี่ๆทั้งแปดคนจะเสียสละเพื่อฉันขนาดนี้”
    ”เธอควรจะโทรหาพี่สาวของเธอคนใดคนหนึ่งนะ” พี่ยงฮวาลูบหัวฉันเบาๆก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันมายื่นให้ แล้วเขาก็เดินไปทำต็อกโบกีต่อ


    ตรู๊ดดดด ….
    ‘สวัสดีค่ะ ฉันแทยอนพูดค่ะ’
    “พี่แทยอนคะ…”
    ‘หืมม? นั่นซอจูหรอ!!!’ พี่แทยอนดูตื่นเต้นมากที่ฉันโทรหาเธอ
    ”ใช่แล้วค่ะพี่ ฉันซอจูฮยอนเอง”
    ’เธอเป็นยังไงบ้าง ไม่ส่งข่าวให้พี่บ้างเลยนะซอฮยอน~’ น้ำเสียงของพี่แทยอนตัดพ้อหน่อยๆ แต่หลังจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นแทน
    ‘เธอได้จดหมายจากบริษัทของพี่ๆซูเปอร์จูเนียร์รึยังน่ะซอฮยอน’
    ”ฉันได้รับแล้วค่ะพี่ ฉันจะโทรมาหาพี่เรื่องนี้แหละค่ะ”
    ‘มีเรื่องอะไรรึเปล่าซอฮยอน ถ้าเป็นเรื่องคุณพ่อเธอให้พี่ไปพูดให้ดีมั๊ย’
    ”ไม่เป็นไรค่ะพี่แทยอน ขอบคุณมากนะคะ แต่ฉันจะโทรมาขอบคุณพี่ๆทุกคนน่ะค่ะที่ยังรอฉันอยู่”
    ‘ถ้าไม่มีเธอก็ไม่ใช่โซนยอชิแดหรอกนะรู้มั๊ย’ น้ำเสียงอบอุ่นของพี่แทยอนกำลังส่งผ่านโทรศัพท์มาปลอบประโลมฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะทำให้การเสียสละของพี่ๆทุกคนไม่เกิดผลไม่ได้
    ”ที่ฉันโทรมาวันนี้เพราะฉันอยากจะบอกพี่ๆว่า…”
    ‘…’ เสียงพี่แทยอนเงียบไป ฉันสัมผัสได้ว่าเธอเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ฉันเหมือนกัน
    ”พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับคุณพ่ออีกครั้งค่ะ และฉันจะต้องทำมันให้ได้อีกครั้งค่ะพี่”
    ‘ซอจูฮยอนอาาา~ เธอกำลังจะทำให้พี่ร้องไห้ TT___TT’ ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงสะอื้นของพี่แทยอนด้วยนะ 5555
    ”พี่คะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ไว้เจอกันตอนเข้าไปที่บริษัทใหม่นะคะ ฉันหวังว่าฉันจะได้ไปนะคะ”
    ‘จำเอาไว้นะซอฮยอน เธอจะหนีอะไรก็หนีได้ แต่เชื่อพี่เถอะ เธอหนีโชคชะตาที่กำหนดมาให้เธอเป็นโซนยอชิแดไม่ได้หรอกนะ จำคำพี่ไว้นะซอจู~ พวกพี่ทุกคนจะรอเธอนะ’
    ”ขอบคุณมากๆนะคะพี่” ฉันวางสายพี่แทยอนไปแล้ว แต่สิ่งที่พี่แทยอนพูดกับฉันเมื่อกี้นี้ มันทำให้ฉันต้องน้ำตาซึมอีกรอบ ‘จำเอาไว้นะซอฮยอน เธอจะหนีอะไรก็หนีได้ แต่เชื่อพี่เถอะ เธอหนีโชคชะตาที่กำหนดมาให้เธอเป็นโซนยอชิแดไม่ได้หรอกนะ’ พอดีกับที่พี่ยงฮวายกหม้อต็อกโบกีมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว พี่เขาเดินเข้ามาหาฉันแล้วยื่นมือออกมาจับมือฉันให้เดินไปที่โต๊ะอาหารก่อนจะยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น
     
    ”อาหารฉลองต้อนรับไอดอลคนสวยกลับสู่วงการ” พี่ยงฮวาพูดอย่างตลกก่อนจะเปิดฝาหม้อต็อกโบกีขึ้น
    ”ว้าววว~”
    ”กินเยอะๆนะฮยอน เธอยังต้องเจอเรื่องต่างๆอีกมากนะ” พี่ยงฮวาตักต็อกโบกีที่มีทั้งเส้นมาม่าและแป้งต็อกมาให้ฉันจนเต็มจาน ก่อนจะตักให้ตัวเองทีหลัง
    ”อ่ะ อ้ามมม~” ระหว่างที่เราต่างกินกันไปเงียบๆนั้นพี่ยงฮวาก็จิ้มแป้งต็อกชิ้นนึงในจานของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะยื่นมาให้ฉัน
    ”อะไรคะพี่ > <”
    ”กินเถอะน่า สามีเธอป้อนทั้งทีนะ” คำว่าสามีที่เขาพูดมันทำเอาฉันขนลุกไปทั้งตัวเลยล่ะ
    ”งั้นเรามากินด้วยกันดีหว่า” ฉันพูดก่อนจะจิ้มแป้งต็อกในจานของตัวเองขึ้นมาหนึ่งชิ้น เมื่อพี่ยงฮวายื่นส้อมของเขาให้เข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น ฉันก็เลยยื่นหน้าออกไปกินอย่างมีความสุข แม้ว่าฉันจะเขินที่พี่เขาป้อนให้ฉันมากแค่ไหน แต่ฉันก็ยังยื่นส้อมของตัวเองไปป้อนเขาอยู่ดี >///< พี่ยงฮวาทำท่าไม่กินในตอนแรก ฉันเลยดึงส้อมกลับมา แต่ทว่าเขากลับเอื้อมมือออกมาจับมือฉันไว้ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากัดแป้งต็อกชิ้นนั้นไป



    “มื้อนี้อร่อยมากเลยค่ะพี่ ขอบคุณนะคะ” ฉันรู้สึกอิ่มมากจริงๆ พี่ยงฮวามีฝีมือการทำต็อกโบกีที่ไม่เหมือนร้านไหน เพราะพี่เขาชอบใส่ซอสมะเขือเทศกับอะไรต่อมิอะไรลงไปด้วย ทำให้มันมีรสชาติไม่เหมือนร้านไหนๆที่ฉันเคยไปกิน ฉันชอบฝีมือเขามากเลยหล่ะ > <
    ”เธอไปนอนเถอะนะฮยอน มันก็ดึกแล้ว เธอเองก็เหนื่อยมากด้วย” พี่ยงฮวาบอกฉันระหว่างที่เขากำลังยกจานที่กินเสร็จแล้วไปไว้ที่อ่างล้างจาน
    ”พี่คะให้ฉันช่วยนะ” ฉันเดินถือแก้วของเราไปช่วยเขา แต่ทว่าพี่ยงฮวาก็หันหน้ามาก่อนจะอุ้มฉันขึ้นไว้ในอ้อมแขนของเขาทันที
    ”พี่ยงฮวา!!!”
    ”วางแก้วลงในอ่างเดี๋ยวนี้เลยฮยอน~” พี่ยงฮวาอุ้มฉันเดินเข้าไปใกล้ๆอ่างล้างจานก่อนจะย่อตัวลงให้ฉันเอื้อมมือไปวางแก้วของเราในอ่างล้างจานได้สะดวก แล้วพี่ยงฮวาก็อุ้มฉันไปที่ห้องน้ำ เมื่อปล่อยฉันลง พี่ยงฮวาก็หยิบแปรงสีฟันของฉันออกมาก่อนจะบีบยาสีฟันลงไปแล้วยื่นมาให้ฉัน ฉันรับแปรงมาอย่างงงๆแล้วมองไปที่คนตัวสูงข้างๆ
    ”พี่จะแปรงฟันพร้อมฉันหรอคะ” พี่งฮวาเงยหน้าขึ้นมาจากการบีบยาสีฟันใส่แปรงตัวเองก่อนจะยักคิ้วให้ฉันหนึ่งที
    ”ไม่เอาอ่ะ ฉัน…ฉันแปรงฟันไม่เรียบร้อยเลยน่ะค่ะพี่…” ทำไงดีฉันรู้สึกใจเต้นแรงอีกแล้ว ช่วยฉันที T^T
    ”ไม่มีแต่หรอกนะรู้มั๊ย ต่อไปนี้ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราจะทำพร้อมกัน ตื่นนอนพร้อมกัน กินข้าวพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกันหรือไปเที่ยวด้วยกัน พี่จะไม่ยอมห่างเธออีกแล้วซอจูฮยอน~ เธอน่ะถูกพี่ผูกมัดแล้วนะรู้ตัวรึเปล่า หืออ~” พี่ยงฮวาไม่พูดเปล่าแต่กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันอย่างจู่โจม จนฉันเกือบตั้งตัวไม่ทัน ถ้าฉันถอยหลังไปช้ากว่านี้ละก็ คงได้ชนกับจมูกโด่งๆของเขาแน่ๆ  
    ”แปรงฟันกันเถอะค่ะ จะได้ไปนอนไง” ฉันเอ่ยขึ้นมาในที่สุด เราต่างคนต่างแปรงฟันไปแต่พี่ยงฮวาก็ชอบหันหน้ามามองหน้าฉันเป็นระยะๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูพี่เขาตอนแปรงฟันหรอกนะ แต่มันก็อดที่จะหันไปมองเขาตอนแปรงฟันเป็นระยะๆไม่ได้เหมือนกันนี่นา >////<


    ”ฮ้าาาา~ แปรงฟันแล้วสดชื่นดีจัง” พี่ยงฮวาพูดขึ้นหลังจากบ้วนปากเสร็จ
    ”พี่คะเช็ดปากหน่อยสิ” ฉันหยิบผ้าขนหนูของเขาที่วางอยู่ขึ้นมาเช็ดน้ำที่มุมปากของเขา แล้วพี่ยงฮวาก็ยื่นมือมาดึงแก้มฉัน
    ”อ๊าาา! พี่คะฉันเจ็บแก้มแล้วนะ” ฉันยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองเบาๆ
    ”ก็อยากทำแก้มน่ารักเองทำไมเล่า”
    ”ฉันไปทำแก้มน่ารักตอนไหนคะพี่ มั่วที่สุดเลย!” ฉันตีลงไปที่ต้นแขนพี่ยงฮวาทีนึง แต่แล้วเขาก็รวบมือของฉันเอาไว้ก่อนจะขโมยหอมแก้มฉันไปฟอดใหญ่
    ”พี่คะ!!!” ให้ตายสิ หัวใจของฉันมันเริ่มทำงานหนักอีกแล้ว > <
    “ฮ่าๆๆ หน้าเธอตอนนี้ตลกมากเลยล่ะฮยอน”
    ”ปล่อยมือฉันได้แล้วน่า นะคะพี่นะ~” ฉันบอกเขาเสียงอ่อนอย่างน่าสงสาร วันนี้ฉันเหนื่อยมากจริงๆนะ เขายังมาแกล้งฉันอย่างนี้ได้ยังไงเนี่ย
    ”งั้นก็ทำตามที่พี่ขออย่างนึงก่อนสิ” พี่ยงฮวาพูดก่อนจะพองลมเข้าไปในแก้มของเขาแล้วยื่นหน้ามาหาฉัน
    ”พี่จะให้ฉันทำอะไรหรอคะ >///<” ฉันรีบหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าตอนนี้หน้าของฉันมันแดงขนาดไหน
    ”น่านะซอฮยอน~ ” แต่พี่ยงฮวาก็ยังไม่ลดละ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนในที่สุดหัวเข่าของฉันก็ชนเข้ากับขอบอ่างอาบน้ำจนเกือบล้มเสียหลักลงไป โชคดีที่พี่ยงฮวาเอื้อมมือมากอดเอวฉันไว้ได้ทัน แต่โชคไม่ดีที่ตอนนี้จมูกของเขากับฉันกำลังแตะกันอยู่
    ”>////<”
    ”ฮ่าๆ โอเคๆ ไม่แกล้งเธอแล้วก็ได้ ไปนอนเถอะ” พี่ยงฮวาพยุงฉันให้ยืนขึ้นมาก่อนจะปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ ระหว่างที่เขาเดินมาส่งฉันที่ห้องนอนนั้นฉันเลยตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อเป็นรางวัลสำหรับเขาที่เขากลับมาพูดได้อีกครั้ง และมันจะเป็นรางวัลขอบคุณจากใจของฉันด้วย
    ”ฝันดีนะฮยอน~” พี่ยงฮวาโบกมือให้ฉันก่อนจะปิดประตูลง จังหวะที่ประตูกำลังจะปิดลงนั่นเอง ฉันเอื้อมมือออกไปดึงลูกบิดในฝั่งของห้องนอนเอาไว้ แล้วรีบกระโดดขึ้นไปประทับริมฝีปากที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบหนีกลับเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูทันที
     


    อ๊ากกกกกกก > < ฉันทำมันลงไปแล้วจริงๆใช่มั๊ย ฉันหอมแก้มเขาไปแล้วจริงๆ
     



    ”ซอจูฮยอนอา~~ ขอบคุณนะเด็กน้อยของพี่” ฉันได้ยินพี่ยงฮวาตะโกนเข้ามา นั่นมันยิ่งทำให้ฉันใจเต้นแรงยิ่งขึ้นไปอีกเลยล่ะ
    ”…”
    ”พรุ่งนี้พี่จะพาเธอไปหาคุณพ่อเพื่อคุยเรื่องนั้นนะ รีบนอนด้วยล่ะเด็กน้อย ไม่ใช่เอาแต่คิดถึงพี่นะรู้มั๊ย ฮ่าๆๆ” พี่ยงฮวาพูดติดตลกอีกครั้งก่อนฉันจะรีบวิ่งไปที่เตียงแล้วนอนคลุมโปงทันที นี่พี่เขาจะแกล้งให้ฉันใจเต้นแรงจนนอนไม่หลับจริงๆใช่มั๊ยให้ตายเถอะน่า -////-
     
     
     
     





    ที่ห้องของสามหนุ่ม

     
                มินฮยอกเดินกลับมาที่ห้องของเขาอย่างเหนื่อยอ่อน สองสามวันมานี่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขาอยู่ที่ไหน เขานอนในโรงแรมกระจอกๆ กินอาหารข้างทางทุกมื้อ อาบน้ำก็ต้องใส่ชุดเดิม จนวันนี้เขาถูกพวกนักเลงเจ้าถิ่นจี้เอาเงินทั้งหมดไป เขาเลยได้ซมซานกลับมาที่ห้องพักนี่ ในตอนนี้หัวใจของเขามันเคว้งคว้างเหลือเกิน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นที่เขารู้สึกว่าเธอคือคนที่ใช่สำหรับเขา เธอกลับไปชอบผู้ชายอีกคน คนที่ดูเหมือนจะเพียบพร้อมไปกว่าเขาเสียทุกเรื่องอย่างอีจงฮยอน ตั้งแต่รู้จักกับพี่ยงฮวา พี่จงฮยอนและจองชินมานี่ก็หลายปีมากแล้ว ทั้งสี่คนไม่เคยมีเรื่องต้องบาดหมางใจกันเพราะผู้หญิงเลย และเขาก็รู้ว่าในครั้งนี้เขาไม่มีสิทธิ์ไปโกรธพี่จงฮยอนอย่างนั้น แต่จะทำยังไงได้ การเป็นคนที่ถูกเลือกกับการไม่แม้แต่จะได้เป็นตัวเลือก ความรู้สึกมันต้องต่างกันอยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังได้รับรู้ความรู้สึกของการเป็นคนที่ไม่แม้แต่จะได้เป็นตัวเลือกของเธอ…เบซูจี


     
    ครืดดด
    ”…” เสียงโทรศัพท์ของเขาที่เขาลืมเอาไว้ที่ห้องดังขึ้นมา ถ้าเขาพกโทรศัพท์ติดตัวไปด้วยคงเสร็จพวกนักเลงพวกนั้นไปแล้วแน่นอน
    ”อยู่ไหนวะ!” มินฮยอกเดินเตะข้าวของที่วางอยู่บนพื้นไปตามความมืดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเห็นแสงสว่างวูบวาบมาจากโต๊ะหน้าทีวี เขาเดินไปก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา แต่ทว่าเขาก็ได้สัมผัสมือของใครบางคนขึ้นซะก่อน
     
    ‘ฝ่ามือนุ่มแบบนี้ ฝ่ามือผู้หญิงแน่!’ มินฮยอกคิดในใจ เขาจับมือเธอคนนั้นเอาไว้อย่างแน่นก่อนจะค่อยๆจูงมือเธอไปหาที่เปิดไฟ
    ”นี่นาย!!!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาเสียก่อน มินฮยอกรู้เลยว่าเจ้าของมือนุ่มนั้นเป็นใคร อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นเขาก็จะสามารถเอื้อมมือออกไปสัมผัสสวิตไฟได้แล้ว แต่เขากลับเลือกที่จะหยุดมือไว้แล้วดึงเธอคนนั้นเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว
    ”นี่อีตาโรคจิต!! นายเป็นใครห๊า! เข้าห้องคนอื่นแบบนี้แล้วมากอดฉันไว้อย่างนี้ได้ยังไง ปล่อยฉันนะไอ้บ้ากามมม!! ฉันจะแจ้งตำรวจจจ” หญิงสาวในอ้อมกอดของมินฮยอกดิ้นขยุกขยิกอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผลอะไรต่อเจ้าของลำแขนแข็งแรงนั้นเลย มินฮยอกกระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้นไปอีกก่อนจะพูดบางอย่างออกไป
    “ขอเวลาหน่อยนะให้ฉันอยู่แบบนี้อีกสักพักเถอะนะ…เบซูจี” มินฮยอกเน้นน้ำหนักลงไปตรงคำว่า ซูจี เขารู้ดีว่าคำๆนี้มีความหมายสำหรับเธอมากแค่ไหน เธอสงวนเอาไว้ให้คนใกล้ชิดเท่านั้นเรียกได้ จริงๆเธอชอบชื่อนี้มากกว่าซูซี่ซะอีก แต่ที่เธอต้องการให้คนอื่นเรียกเธอแบบนั้น เพราะเธอต้องการแยกแยะประเภทบุคคลที่เธอไว้ใจกับไม่ไว้ใจออกยังไงล่ะ ตลกใช่มั๊ยล่ะความคิดเด็กๆแบบนั้น แต่ก็เพราะความคิดของเธอในเรื่องนี้นี่แหละ ที่มันทำให้เขาอดที่จะยิ้มกับตัวเองเบาๆไม่ได้ในทุกครั้งที่นึกขึ้นมาว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้ชื่อจริงของเธอด้วยเหมือนกัน ทุกครั้งที่นึกถึง มันทำให้ใจของเขาเต้นแรงกว่าจังหวะปกติพอสมควร (แม้ว่าจริงๆแล้วเขาจะรู้มันจากจองชินก็เถอะ ฮ่าๆ5555 )
     
    เรื่องที่เป็นความลับแบบนี้ทำไมคนอย่างเขาถึงรู้น่ะเหรอ หึ!...ถ้าจะให้พูดจริงๆแล้วล่ะก็ เรื่องระหว่างเขากับเธอมันยาวพอสมควรเลยล่ะ…




    ”…” เมื่อหญิงสาวได้ยินคำว่า ซูจี จากคนที่สวมกอดเธออยู่นั้น ร่างบางที่เคยดีดดิ้นก็นิ่งลงอย่างว่าง่าย เธอพยายามมองหน้าเขาผ่านแสงจันทร์ที่สาดส่อง แต่เธอก็พบเพียงความมืดมิดเท่านั้น
    ”ขอบคุณนะ ฉันจะจดจำกอดนี้ของเราเอาไว้ตลอดไปนะซูจี” มินฮยอกพูดออกไปก่อนน้ำตาใสๆจะไหลลงมาช้าๆ เขาประทับริมฝีปากไปบนเรือนผมนุ่มสลวยของคนในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบาก่อนร่างสูงจะค่อยๆผละตัวเองออกช้าๆแล้ววิ่งออกไปนอกห้องทันที โดยที่มินฮยอกไม่รู้ตัวเลยว่าหญิงสาวในห้องนั้นเมื่อหลุดพ้นจากการพันธนาการของเขา ร่างบางค่อยๆทรุดตัวลงพิงกับขอบโซฟา ก่อนมือของเธอจะค่อยๆเคลื่อนขึ้นมาวางทาบลงไปบนหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองอย่างแผ่วเบา แล้วเธอก็ค่อยๆเคลื่อนมือไปถูบนแขนของตัวเองไปมา แล้วลำแขนเล็กๆของเธอก็ค่อยๆโอบกอดตัวเองเอาไว้ช้าๆ แต่ทว่าเธอก็หยุดการกระทำนั้นแล้วเปลี่ยนมาขยี้หัวตัวเองเพื่อไล่ความคิดในหัวของตัวเองให้ออกไปแทน
     
     




    อ้อมกอดอบอุ่นที่ทำให้ใจเต้นแรง น้ำเสียงนุ่มนวลที่คุ้นหูเมื่อยามที่พูดคำว่าเบซูจี’ ออกมา
    มันช่างทำให้ใจที่เต้นรัวนั้นยิ่งเต้นแรงมากขึ้นไปอีก
    เขาคนนั้น…เป็นใครกันนะ ?
     









     
     
    เช้าวันรุ่นขึ้น

    ”ฮยอนนน~ รีบมาเถอะ เดี๋ยวสายไปรถจะติดนะ” พี่ยงฮวาเร่งฉันที่กำลังแต่งตัวให้สวยกว่าทุกวันอยู่ในห้องอย่างรีบร้อน
    ”จะไปแล้วค่ะ” ฉันตะโกนออกไปก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยในกระจกครั้งสุดท้าย
    ”เธอคือโซนยอชิแด…ซอจูฮยอน เธอต้องทำได้ ไฟท์ติ้ง!” ฉันพูดกับตัวเองผ่านกระจกก่อนจะเดินออกไปก็เห็นว่าพี่ยงฮวากำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
    ”ว้าวว~” พี่ยงฮวาพูดออกมาเบาๆก่อนจะมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับไม่เคยเห็นฉัน
    ”พี่มองยังกับฉันเป็นตัวประหลาดอย่างนั้นแหละ”
    ”ใครว่าตัวประหลาด นางฟ้าต่างหากหล่ะ นางฟ้าซอจูฮยอนต่างหาก~” พี่ยงฮวาพูดอย่างจริงจังก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือฉันเอาไว้แล้วเราก็เดินลงไปที่รถด้วยกัน

    ”พี่คะฉันตื่นเต้นจัง” เมื่อเราอยู่ในรถฉันที่นั่งอยู่เบาะข้างๆคนขับตอนนี้ในมือของฉันนั้นกำจดหมายจากบริษัทไว้ซะยับหมดแล้ว พี่ยงฮวาหันมามองฉันก่อนจะเอื้อมมือมาดึงจดหมายฉบับนั้นไปวางไว้ที่หน้ารถ
    ’ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน…ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน’ พูดแบบนี้ไปเรื่อยๆเถอะฮยอน ระหว่างที่เธอพูดเธอต้องใส่ใจลงไปในทุกครั้งด้วยนะรู้มั๊ย เชื่อพี่เถอะว่าเธอต้องทำได้” พี่ยงฮวาบอกฉันอย่างหนักแน่นก่อนเขาจะเลี้ยวเข้าสู่ถนนเส้นที่วิ่งผ่านหน้าบ้านของฉัน
    ”ฟู่ววว~ ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน…ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน…ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน…พี่คะ ฉันก็ยังกลัวอยู่ดี อ๊าาาา! ถึงบ้านฉันแล้วด้วย พี่ยงฮวาTT^TT” ยิ่งเมื่อพี่ยงฮวาเลื่อนรถเข้ามาในเขตรั้วบ้านของฉัน หัวใจของฉันก็เริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายใต้เดรสสีครีมตัวนี้ทันที
    ”ยิ้มกว้างๆเข้าไว้ซอจูฮยอน
    J” พี่ยงฮวาพูดกับฉันระหว่างที่กำลังเคลื่อยรถเข้าไปจอดในโรงรถ และเมื่อเขาจดรถเสร็จเราก็เงียบกันไปพักหนึ่ง ก่อนพี่ยงฮวาจะปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองแล้วเอื้อมตัวมาดึงฉันให้เขาไปใกล้แล้วประทำริมฝีปากนุ่มของเขาไปบนหน้าผากฉันอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่น
    ”พี่เชื่อว่าเธอทำได้ และเธอก็มีหน้าที่แค่เชื่อในสิ่งที่สามีเธอพูดก็พอ” พี่ยงฮวาขยี้หัวฉันครั้งหนึ่งก่อนจะลงจากรถแล้วมาเปิดประตูให้ฉัน
    ”พี่ยงฮวาคะ…”
    “เธอทำได้แน่ เชื่อพี่สิฮยอน~” ระหว่างที่ฉันไม่ยอมลงจากรถนั่นเอง แม่ของฉันท่านก็เดินออกมาพอดี
    ”ซอฮยอน~ ทำไมไม่ลงรถมาล่ะลูก” แม่เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นมาให้  
    ”แม่คะ…”
    ”คิดถึงลูกจะแย่อยู่แล้ว รีบๆลงมาให้แม่กอดหน่อยไม่ได้เลยรึไงนะซอจูฮยอน” 
    ”แม่คะ TT____TT” ฉันรีบลงจากรถก่อนจะกระโดดลงจากรถของพี่ยงฮวาแล้ววิ่งเข้าไปสวมกอดผู้หญิงที่ฉันรักมากที่สุดคนนั้นทันที
    ”ต๊ายย ยัยเด็กคนนี้ กอดแม่แค่นี้ต้องร้องไห้เลยหรือไงนะ ไม่เอาๆ เช็ดหน้าเช็ดตาซะ คุณพ่อรออยู่ในห้องรับแขกแล้วลูก” แม่ผลักฉันออกมาก่อนจะปาดน้ำตาให้ฉันอย่างแผ่วเบาด้วยความรักใคร่ แล้วให้ฉันกับพี่ยงฮวาเดินตามเข้าไปในบ้าน พี่ยงฮวาหันมาสบตาฉันก่อนจะจูงมือฉันเดินตามแม่เข้าไป เพื่อพบกับพ่อของฉันที่รออยู่
     

    ”พ่อคะ…” ฉันเอ่ยเรียกท่านอย่างแผ่วเบา
    ”โอ้!ลูกสาวของพ่อ มาให้พ่อกอดหน่อยสิ ฮ่าๆ” ฉันเรียกท่านเบาๆ ก่อนจะถูกท่านสวมกอดเอาไว้
    ”ไม่มาเยี่ยมพ่อกับแม่บ้างเลยนะซอฮยอน รู้มั๊ยตั้งแต่ลูกแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปน่ะ แม่เขาทำกับข้าวน้อยลงมากเลยล่ะ”
    ”ก็คุณบอกไม่หิวนี่คะ…ซอฮยอน เชื่อแม่เถอะ พอไม่มีหนูพ่อเค้าน่ะกินได้น้อยลงมากเลยล่ะลูก” แม่หันไปขัดคุณพ่อก่อนจะหันมายิ้มให้ฉัน
    ”พ่อคะ แม่คะ คือว่า…พี่ยงฮวาพูดได้แล้วนะคะ”
    ”หืมม? จริงรึเปล่าซอฮยอน”
    ”จริงครับผม” พี่ยงฮวาพูดตอบคุณแม่ของฉันไป
    ”วันนี้มันมีแต่เรื่องดีจริงๆนะคุณ ฮ่าๆ” พ่อหัวเราะร่ากับแม่ก่อนท่านจะเอื้อมมือไปกุมมือของแม่เอาไว้
    ”แต่พ่อคะ หนูเองก็มีอีกเรื่องที่ต้องบอกค่ะ…”
    “…” ราวกับทุกคนพร้อมใจกันเงียบลง ตอนนี้ฉันได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจเข้าออกและหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ในอก
    ”คือหนู…”
    ”ว่าไงลูก บอกพ่อกับแม่มาสิจ๊ะ” เสียงของแม่ช่วยปลอบประโลมให้ฉันใจชื้นขึ้นมา แต่มันก็แค่เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง…
    ”บอกไปเถอะฮยอน ผลมันไม่แย่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ” พี่ยงฮวาเอื้อมมือของเขามาดึงมือฉันไปกุมไว้ก่อนจะบีบเบาๆเป็นการให้กำลังใจ แต่กระนั้น ความตื่นเต้นและความกลัวจะทำให้ผู้เป็นพ่อผิดหวังก็มีมากกว่านั้น…ฉันไม่กล้าพูดจริงๆนะ T^T
    ”คือจริงๆแล้ว…หนู…”
    ”…”
    ”หนูอยากกลับไปเป็นโซนยอชิแดอีกครั้งค่ะพ่อ…” ฉันพูดออกไปแล้วก่อนจะรีบก้มหน้าหลบสายตาของพ่อกับแม่
    ”ซอจูฮยอน…พ่อคิดว่าเราคุยกันถึงเรื่องนี้กันไปแล้วนะ” เสียงของพ่อในตอนนี้ฉันวิเคราะห์ไม่ออกจริงๆว่าท่านคิดอะไรอยู่ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความน้อยใจ ไม่มีความผิดหวังเจืออยู่ในน้ำเสียงของท่านเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าท่านพูดมันออกมาอย่างไร้ความรู้สึก
    ”พ่อคะ ฟังหนูเถอะนะคะ หนูอยากร้องเพลงค่ะพ่อ หนู…หนูเกิดมาเพื่อเป็นโซนยอชิแดนะคะพ่อ…” ตอนนี้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ของฉันเริ่มอยากจะออกมาซะแล้ว ฉันเลยได้แต่กลั้นมันเอาไว้ ฉันจะให้พ่อคิดว่าฉันเอาน้ำตามาบังคับท่านไม่ได้ ฉันจะต้องเข้มแข็งให้ท่านเห็น
    ”ทำไมลูกถึงไม่เชื่อพ่อ อาชัพนักร้องมันไม่ใช่อาชีพที่มั่นคงนะซอฮยอน”
    ”แต่มันเป็นอาชีพ เป็นงาน เป็นชีวิตที่หนูรัก”
    ”…” พ่อเบือนหน้าหนีฉันไปอีกทางก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยืนหันหลังให้ฉันอยู่ที่เฉลียงหน้าบ้าน แม่หันหน้ามามองฉันพลางพยักเพยิดให้ฉันเดินตามพ่อไป พี่ยงฮวาเองก็เห็นด้วยกับแม่ เขาดึงฉันเข้าไปจูบเบาๆที่หน้าผากก่อนจะปล่อยมือให้ฉันเดินไปหาพ่อ

    ”พ่อคะตั้งแต่เล็กจนโตหนูไม่เคยทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังเลยนะคะ จะเถียงสักครั้งหนูยังกลัวเลย”
    ”…”
    “แต่ครั้งนี้มันคืออนาคตของหนูที่หนูต้องเลือกด้วยตัวหนูเอง ไม่ใช่ให้พ่อหรือแม่มาเลือกให้นะคะ”
    ”…”
    ”พ่อคะ เชื่อใจหนูเถอะนะคะ หนูจะอดทนและเข้มแข็งไม่ว่าหนูจะเจออะไรบ้างในวงการนี้”
    ”…”
    ”ลูกสาวของพ่อแข็งแกร่งกว่าที่พ่อเห็นนะคะ พ่อคะได้โปรด…โซนยอชิแดคือชีวิตหนูจริงๆนะคะ” ฉันพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่หัวใจรู้สึกออกไปจนหมดแล้ว แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังคงยืนหันหลังให้ฉันแล้วเอามือไพล่หลังอย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง น้ำตาใสๆค่อยๆไหลลงมาช้าๆ แต่ฉันก็รีบปาดมันทิ้งไป ถ้าเกิดพ่อหันกลับมาแล้วเห็นว่าฉันร้องไห้ง่ายขนาดนี้ ท่านอาจจะคิดว่าฉันไม่เหมาะกับโลกของวงการบันเทิงก็เป็นได้ ฉันต้องอดทน…ซอจูฮยอน เธอต้องอดทน…
    ”เฮ้อออ…” ในขณะที่ฉันเช็ดน้ำตาตัวเองอยู่นั้น พ่อก็ถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะหันกลับมาหาฉัน
    ”พ่อไม่คิดมาก่อนเลยว่าพ่อนี่เองเป็นคนทำร้ายลูก…ซอฮยอน” พ่อพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอด
    ”พ่อแค่คิดอยากให้หนูมีชีวิตที่สบาย พ่อเป็นห่วงหนูมากเกินไป จนลืมคิดไปว่าหนูคือลูกสาวของพ่อ ลูกสาวคนเก่ง” พ่อโยกตัวฉันไปมาก่อนจะลูบฝ่ามือไปบนเรือนผมของฉันอย่างแผ่วเบา
    “ทำในสิ่งที่ใจลูกบอกเถอะซอฮยอน พ่อเชื่อแล้วว่าลูกเกิดมาเพื่อเป็นโซนยอชิแดจริงๆ” และวินาทีนั้นเองที่หัวใจของฉันเหมือนได้รับการปลอบประโลมอย่างแท้จริง ฉันกอดตอบผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุดไปอย่างรักใคร่และซาบซึ้ง ก่อนน้ำตาที่เก็บกักเอาไว้จะไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
    “ขอบคุณนะคะพ่อ ขอบคุณมากจริงๆค่ะพ่อที่ใหโอกาสหนู”
    “คิดซะว่าพ่อทดแทนให้หนูที่พ่อแย่งวันเวลาแห่งความสุขเหล่านั้นมาจากหนูละกันนะซอฮยอนของพ่อ” พ่อดันฉันออกมาจากอ้อมแขนก่อนจะเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างเก้ๆกังๆ นั่นทำให้ฉันอดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้
    “ยงฮวา…พ่อดีใจด้วยนะที่เธอกลับมาพูดได้อีกครั้ง จากนี้ไปฝากดูแลน้องด้วยนะ” พ่อเดินจูงมือฉันไปหาพี่ยงฮวาก่อนจะส่งมือแนให้พี่ยงฮวาจับไว้อีกครั้ง เหมือนในวันนั้น…วันแต่งงานของเรา
    “ผมจะดูแลซอฮยอนให้ดีที่สุดแน่นอนครับ” เราสองคนตกลงกันว่าจะไม่เล่าเรื่องเหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ท่านทั้งสองฟัง แต่เลือกจะปล่อยให้มันเลือกหายไปตามกาลเวลาแทน
    ”แล้ววันนี้จะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนมั๊ยล่ะ” พ่อเอ่ยถามฉันขึ้นมาเมื่อท่านเดินไปนั่งข้างแม่อีกครั้งและเริ่มปลอบแม่ฉันที่กำลังสะอื้นแทน
    ”วันนี้คงไม่สะดวกค่ะพ่อ เพราะเดี๋ยวหนูกับพี่ยงฮวาต้องไปหาคุณแม่พี่ยงฮวาเพื่อบอกเรื่องพี่เขาพูดได้ก่อนน่ะค่ะ”
    ”โอ้…งั้นรีบไปเถอะซอฮยอน ดูแลตัวเองนะลูก พ่อกับแม่รักลูกเสมอนะ” ฉันเดินเข้าไปนั่งลงแล้วสวมกอดท่านทั้งสองอีกครั้ง แม่ลูบหัวฉันเบาๆ แล้วท่านทั้งสองก็เดินออกมาส่งฉันกับพี่ยงฮวาขึ้นรถที่หน้าบ้าน ท่านยืนมองรถของพี่ยงฮวาเคลื่อนไปจนลับตา เหมือนอย่างที่ฉันก็มองท่านทั้งสองจนลับตาเช่นกัน


     
     
    หลังจากนั้นพี่ยงฮวาก็พาฉันขับรถมาต่อที่เป้าหมายถัดไปก็คือบ้านของพ่อกับแม่ของพี่ยงฮวา แต่ป้าแม่บ้านบอกว่าท่านทั้งสองต้องบินไปบรรยายงานที่ต่างประเทศ เราสองคนเลยได้แต่มองหน้ากันก่อนพี่ยงฮวาจะโอบไหล่ฉันเดินออกมาจากบ้านแล้วขับรถออกไปทันที

    ”ไปไหนกันต่อดีล่ะฮยอน มีอะที่เธออยากทำรึเปล่าน่ะ” พี่ยงฮวาเอ่ยถามฉันขึ้นมาเมื่อเราอยู่บนรถกันสองคน
    ”ฉันอยากไปบริจาคเลือดค่ะ”
    ”หาาาา~ เอาจริงหรอฮยอน”
    ”เราแต่งงานกันก็นานมากแล้วนะคะพี่ยงฮวา ฉันว่าเราน่าจะทำอะไรด้วยกันสักอย่างเพื่อชีวิตคู่ของเรานะ”
    “บริจาคเลือดนี่นะฮยอน” พี่ยงฮวาดูจะเหลือเชื่อในความคิดของฉันมากเลยล่ะ
    “แน่นอนค่ะ เลี้ยวลดไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะพี่!” ฉันยืนยันความตั้งใจก่อนจะสั่งให้เขาเลี้ยวรถไปที่ๆเราจะไปบริจาคเลือดกัน ธนาคารเลือดนั่นเอง ^ ^
     
     
    “อ๊ะ! นี่พี่ยูรินี่คะ มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ที่นี่ด้วย” ระหว่างที่ฉันกับพี่ยงฮวากำลังจะเดินเข้าไปในตัวอาคารก็เห็นรูปพี่ยูริอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าซะก่อน
    “ว้าวว พวกเขาต้องการเลือดกรุ๊ปAด้วยนะเนี่ย พวกเขากำลังต้องการเราเลยหล่ะฮยอน ฮ่าๆ”
    “จริงด้วยค่ะพี่ เห็นมั๊ย ฉันบอกแล้วว่าเรามาบริจาคเลือดกันน่ะดีแล้ว” ฉันพูดอย่างมีความสุขก่อนจะคล้องแขนเข้าที่แขนของพี่ยงฮวาก่อนจะเดินเข้าไปในธนาคารเลือดด้วยกัน
    ”พี่คะ…นี่เป็นครั้งแรกของฉันเลยนะในที่แบบนี้” ฉันหันไปกระซิบเบาๆกับพี่ยงฮวา ในทันใดนั้นพนักงานดูแลก็เดินเข้ามาหาเรา

    ”สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยคุณได้บ้างมั๊ย” พนักงานผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามแต่ซอฮยอนโดยไม่มองหน้ายงฮวาเลย ทำให้ยงฮวายกมือขึ้นมาโอบไหล่ของเธอเอาไว้
    ”สวัสดีครับ นี่เป็นครั้งแรกของเราสองคน ภรรยาของผมเธออยากมาบริจาคเลือดเพื่อฉลองชีวิตคู่ที่แสนจะยาวนานลราบรื่นของเราน่ะครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ” ฉันอดที่จะหลุดขำออกมาเบาๆกับท่าทีของพี่ยงฮวาไม่ได้ จึงได้แต่ตีไปที่แขนของเขาเบาๆเท่านั้นก่อนจะหันหน้ามาหาพนักงานคนนั้นที่ยืนหน้าเหวอไปแล้ว = =

    ”คะ ครับผม…เชิญนั่งก่อนเลยครับ” พนักงานคนนั้นก็เชิญให้เรานั่งลงที่โต๊ะหน้าเคาท์เตอร์ ก่อนจะหยิบเอกสารขึ้นมาให้เรากรอกลงไป
    ”โอ้ ว่าแต่พวกคุณได้เอาบัตรประจำตัวมามั๊ยครับ”
    ”เอามาค่ะ” ฉันหันไปหยิบบักตรของฉันออกมาจากกระเป๋าสตางค์ก่อนจะหันกลับมามองพี่ยงฮวา และพบกว่าพี่เขากำลังแอบดูของฉันอยู่เหมือนกัน
    ”พี่คะขี้โกงนี่นา เปิดพร้อมกันนะ 1…2….3 ว้าววววว” ฉันร้องออกมาทันทีที่ได้เห็นบัตรของพี่ยงฮวา พี่เขาตอนเป็นเด็กวัยรุ่นหล่อมากเลย > <
    ”เธอน่ารักจังฮยอน ดูแก้มสิ ฮ่าๆ”  แล้วเราสองคนก็ยื่นบัตรประจำตัวให้พนักงานชายคนนั้นไปก่อนจะหันมากรอกประวัติต่อ
    ”อืมม พี่คะ มันไม่เจ็บหรอกใช่มั๊ย” ฉันเอียงตัวไปกระซิบถามพี่ยงฮวาเบาๆ
    “นั่นสิ ไม่เจ็บใช่มั๊ยนะ”
    “ไม่เจ็บหรอกเนอะ” แล้วต่างคนต่างก็หลุดเข้าไปในภวังค์ของตัวเองที่ว่า การบริจาคเลือดนี้จะเจ็บหรือไม่เจ็บ
     
    “ถ้ากรอกประวัติเสร้จแล้ว เชิญที่ห้องตรวจสุขภาพก่อนเลยนะครับ” พนักงานคนเดินเดินเข้ามาบอกรเสองคน โดยครั้งนี้เขาเลือกจะเดินไปบอกพี่ยงฮวาแทนที่จะเดินมาบอกฉัน ฉันคิดว่าเขาคงกลัวๆพี่ยงฮวาแล้วแน่เลย 5555
    “พี่ไปตรวจก่อนนะฮยอน…จะไปแบบแมนๆเลย ฮ่าๆ”
    “รีบกลับมานะคะพี่” พี่ยงฮวาเดินมาบีบมือฉันเบาๆก่อนเดินเข้าห้องตรวจไป

    ”สวัสดีค่ะ”
    ”สวัสดีครับ”
    ”เมื่อเช้าคุณทานอาหารเช้ามารึเปล่าคะ” พยาบาลที่ทำหน้าที่ตรวจสุขภาพถามยงฮวาขึ้นมา
    ”ทานมาแล้วครับ”
    ”แล้วเคยบริจาคเลือดมาก่อนมั๊ยคะ”
    ”ไม่เคยเลยครับ”
    ”เมื่อคืนคุณนอนกี่ชั่วโมงคะ”
    ”อืม…ประมาณห้าชั่วโมงนะครับ”
    ”อ่า….ห้าชั่วโมงหรอคะ” ถึงตอนนี้นางพยาบาลเริ่มมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป หรือบางที…การนอนน้อยจะไม่สามารถบริจาคเลือดได้นะเนี่ย ยงฮวาก็ได้แต่คิดในใจอย่างกระวนกระวาย เขาเพียรชะเง้อคอหันกลับไปมองนอกห้อง ที่ๆซอจูฮยอนนั่งอยู่อย่างเป็นห่วง ถ้าเขาบริจาคเลือดไม่ได้ขึ้นมาล่ะ ซอฮยอนจะเป็นยังไงบ้างนะ?
    “เมื่อวานได้ดื่มแอลกอฮอลล์มั๊ยคะ”
    “ไม่ครับ”
    “นอนหลับสบายดีนะคะ อืม…แล้วเมื่อช่วงปีที่ผ่านมาคุณได้ไปต่างประเทศมามั๊ยคะ”
    “ปีที่ผ่านมาหรอ ไม่ครับผมไม่ได้ไปไหน”
    “เดือนที่ผ่านมาละคะ”
    ”เดือนที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไปไหนครับ”
    “งั้นเดี๋ยวฉันจะตรวจกรุ๊ปเลือดให้คุณนะคะ กรุณาส่งมือมาด้วยค่ะ” แล้วพยาบาลคนนั้นก็ใช้เข็มสำหรับตรวจเลือดจิ้มลงไปหนึ่งทีบนนิ้วของยงฮวา แล้วไม่นานผลก็ออกมา
    ”ค่ะ…ผลก็คือคุณเลือดกรุ๊ปAนะคะ แล้วช่วงนี้คุณก็ไม่ได้รับการรักษาอะไรเป็นพิเศษ แล้วก็ไม่ได้ออกไปต่างประเทศเลย ร่างกายคุณแข็งแรงดีเพราะฉะนั้นวันนี้คุณบริจาคเลือดได้ค่ะ”
    ”จริงหรอครับ ผมบริจาคเลือดได้ใช่มั๊ย” ยงฮวาถามขึ้นอย่างดีใจ
    ”แน่นอนค่ะ คุณรอที่หน้าห้องตรวจสุขภาพได้เลยค่ะ ทำใจให้สบายนะคะ ^ ^”
    ”ขอบคุณมากๆครับผม ขอบคุณครับ”
    ”ไม่เป็นไรค่ะ” แล้วยงฮวาก็ออกมาจากห้องตรวจสุขภาพด้วยความเบิกบานใจ

    ”เป็นไงบ้างคะพี่” ฉันรีบวิ่งเข้าไปถามเขาทันทีที่พี่ยงฮวาออกมาจากห้อง
    ”พี่…คือว่า…”
    ”พี่คะ พี่บริจาคไม่ได้หรอ”
    “พี่บริจาคได้อยู่แล้ว นี่สามียงผู้แข็งแรงนะฮยอน ฮ่าๆ” พี่ยงฮวาหัวเราะออกมาก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแก้มฉันไปมา
    “คนบ้า แกล้งฉันแรงๆแบบนี้อีกแล้วนะคะ” ฉันตีไปที่แขนของเขาเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตรวจสุขภาพที่เขาเพิ่งออกมา


     
    “สวัสดีค่ะ”
    “สวัสดีค่ะ” ฉันโค้งตัวให้นายพยาบาลผู้ตรวจก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเธอ
    “เมื่อคืนนอนพักเพียงพอแล้วใช่มั๊ยคะ”
    ”ใช่ค่ะ”
    ”แล้วทานอาหารมารึยังคะ”
    ”เรียบร้อยแล้วค่ะ”
    ”ช่วงปีที่ผ่านมาได้ออกไปต่างประเทศมั๊ยคะ”
    ”คือฉันไปประเทศไทยมาค่ะ”
    ”ที่ไหนของประเทศไทยคะ”
    ”อ่า…ภูเก็ตค่ะ” ตอนนั้นฉันไปทริปส่งท้ายรุ่นพี่กับคณะบัญชีของฉัน พวกเขาไปเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่ประเทศไทยฉันเลยได้ไปด้วย และช่วงเวลานั้นเองพี่สาวทั้งแปดของฉันก็ไปถ่ายโฟโต้บุ๊กที่ภูเก็ตเหมือนกัน เห็นมั๊ยล่ะว่าฉันดวงผูกพันกับคำว่าโซนยอชิแดจริงๆนะ
    J
    ”คุณได้รับการรักษาอะไรอยู่มั๊ยคะตอนนี้” นางพยาบาลถามฉันขึ้นมาในระหว่างที่เธอกำลังตรวจเลือดของฉันอยู่
    ”การรักษาอะไรคะ”
    “อย่างพวกยาที่ได้รับธาตุเหล็กมากๆน่ะค่ะ”
    “ไม่นะคะ มีอะไรรึเปล่าคะ” ฉันถามออกไปอย่างตกใจ นี่ถ้าฉันบริจาคเลือดไม่ได้ล่ะ ไม่นะ พี่ยงฮวาก็ต้องบริจาคคนเดียวงั้นหรอ T^T
    “คุณมีปริมาณธาตุเหล็กในเลือดสูงนะคะ คุณสามารถบริจาคเลือดได้ค่ะ”
    “จริงหรือคะ ขอบคุณมากๆนะคะ” ฉันโค้งหัวให้พยาบาลคนนั้นอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาแล้วพบว่าพี่ยงฮวายืนรอฉันอยู่ที่หน้าห้องตรวจแล้ว
    “เธอบอกว่าฉันสุขภาพดีมากค่ะพี่”
    ”โอ้! อย่างนั้นหรอ งั้นเราไปบริจาคเลือดกันเลยดีมั๊ย เธอพร้อมรึเปล่า”
    ”โอเคค่ะ” ฉันหันหน้าไปสบตากับพี่ยงฮวาอีกครั้งนึงก่อนเราจะเดินตามพยาบาลอีกคนไปที่เตียงสำหรับบริจาคเลือด
    ”พี่คะ…”
    ”พี่นอนอยู่ข้างๆเธอนี่แหละนะฮยอน” ฉันได้ยินเสียงพี่ยงฮวาเอ่ยขึ้นมาในตอนที่พยาบาลคนนึงเดินเข้ามาหาเส้นเลือดที่แขนของฉันเพื่อจิ้มเข็มเข้าไป และเธอก็ยืนบังหน้าของพี่ยงฮวาไปซะแล้ว
    ”…”
    ”…” เราต่างก็เงียบกันไปสักพักจนกระทั่งพยาบาลคนนั้นเดินเปลี่ยนที่ไปยังแขนข้างซ้ายของฉันแทน เธอบอกง่าแขนข้างขวาของฉันหาเส้นเลือดยากจึงต้องเปลี่ยนเป็นแขนซ้าย ประจงบเหมาะกับที่พี่ยงฮวาเองก็โดนเข็มจิ้มอยู่ที่แขนขวา นั่นจึงทำให้แขนซ้ายของเขาว่าง และแขนขวาของฉันก็ว่างเช่นกัน เอ่อ…ฉันต้องบอกมั๊ยคะว่าหลังจากนั้นไม่กี่นาที มือที่ว่างของเราทั้งสองก็ไม่ว่างซะแล้ว -////-
    “ช่วยนอนให้สบายๆนะคะ แล้วก็กำมือสลับกับแบมือ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ สักสิบนาทีต่อจากนี้ก็เสร็จแล้วค่ะ” นางพยาบาลบอกฉันกับพี่ยงฮวาก่อนเธอจะเดินไปนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ และทันใดนั้นพี่ยงฮวาก็เรียกฉันขึ้นมา
    ”ซอฮยอนอา~” ฉันหันไปมองก่อนจะหัวเราะออกมากับท่าทางขี้เล่นของเขา
    ”พี่นอนนิ่งๆสิคะ” ฉันดุเขาเบาๆเมื่อเห็นว่าเขาพยายามเอื้อมมือออกมาเพื่อจะจับมือฉันที่ว่างอยู่ แต่เขาไม่ลดความพยายามเลย ฉันจึงหัวเราะเบาๆกับตัวเองก่อนจะยื่นมือขวาของฉันออกไปให้พี่ยงฮวาจับไว้ เมื่อปลายนิ้วของเราแตะกัน ก่อนพี่ยงฮวาจะกอบกุมมือของฉันเอาไว้จนหมดในเวลาต่อมานั้น เพียงแค่วูบเดียวที่นิ้วของฉันแตะกับพี่ยงฮวา หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นมากเลยทีเดียว จนฉันมองไปที่สายที่ต่อกับเข็ม เลือดของฉันไหลที่กำลังไหลลงไปในถุงนั้นแรงมากจริงๆ
    ”ฮยอน~ เธอโอเครึเปล่า”
    “ไม่เจ็บเลยค่ะพี่ แล้วพี่เป็นไงบ้างน่ะ”
    “พี่คิดถึงเธอมากเลย…นอนแบบนี้มันทำให้พี่ไม่ได้เห็นหน้าเธอ พี่คิดถึงเธอจะแย่อยู่แล้วเด็กน้อย…” พี่ยงฮวาพูดกับฉันทั้งๆที่เขายังหลับตาอยู่อย่างนั้น ฉันที่ได้ฟังก็ยิ่งใจเต้นมากกว่าเก่าจนนางพยาบาลเดินเข้ามาดูแล้วเดินไปบอกพี่ยงฮวา
    “คุณ เอ่อ…อย่าทำให้ใจเธอเต้นแรงสิคะ เลือดที่สูบฉีดจะไหลแรงมากขึ้นตามจังหวะการเต้นของหัวใจนะคะ เธออาจจะเสียเลือดฉับพลับ เพราะฉะนั้น ตอนนี้แค่จับมือกันและกันเอาไว้ก็พอนะคะคุณยงฮวา”
    “ครับผม ขอโทษทีครับ” แล้วพี่ยงฮวาก็ถูกพยาบาลคนนั้นดุเพราะมาทำให้ฉันใจเต้นแรง > < และเวลาที่เหลือต่อจากนั้นก็มีเพียงความเงียบระหว่างเรากับฝ่ามือที่อุ่นจนชื้นเพราะเหงื่อออกเท่านั้น








    "-------------------------------------------------------------
    Talk with writer :



    Merry Christmas
     
    ตอนนี้มาแบบมึนๆงง แต่ก็ยังคงความหวานของยงซอเอาไว้อยู่ดี > <
    ตอนนี้เรื่องราวก็เคลียร์ไปหลายเรื่องแล้ว
    ทั้งปมยงพูดไม่ได้…แล้วก็เรื่องน้องเป็นไอดอล…
    จะบอกว่าอีกไม่นาน คำว่า ‘ตอนจบ’ จะคืบคลานเข้ามาหาทุกคนแล้วน้า~

    ตอนนี้แอบขัดใจที่ในวีก๊อตยงบริจาคเลือดพร้อมน้องไม่ได้
    ก็เลยทำให้ยงบริจาคได้ซะเลย > <
    น้องจะได้ไม่เจ็บคนเดียวไงคะ เนอะๆ ~
     
    หวานก็ไม่รู้ว่าอีกไม่นานของหวานเนี่ย จะนานสักแค่ไหนเหมือนกัน 55555
    หวานคิดว่าถ้าจะให้ไขปมของหนุ่มๆคนที่เหลือด้วยเนี่ยมันจะยืดยาวน่าเบื่อ
    ก็เลยตัดสินใจว่า พอยงซอตอนนี้จบ!
    จะเขียนเรื่องต่อของสามหนุ่มที่เหลือ และ ft.yongseo แทน
    ก็คือ เรื่องต่อไปที่จะเขียนจะเป็นความรักของสามหนุ่ม
    มีแต่ละคนเป็นคนเดินเรื่อง และมียงซอเข้ามาพัวพัน(?) 555
     
    ก็อย่าทิ้งกันนะคะ หนุ่มๆกับสาวๆที่เหลือจะน้อยใจเอาน้า~
     
    สุดท้ายนี้ เอนจอยรีดดิ้งนะคะ J
     
     
    ไอแอมพีเอสสึ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×