ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่13
ตอนที่13
”ฮยอนน~ มีจดหมายถึงเธอด้วยหล่ะ” ในตอนเย็นวันนั้น หลังจากผ่านเรื่องราวมากมายทั้งเรื่องดีและไม่ดี ฉันกับพี่ยงฮวาก็กลับมานอนพักผ่อนกันอยู่ที่บ้าน แล้วให้จองชินกับพี่จงฮยอนดูแลปาร์กชินเฮแทน ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟานั้น พี่ยงฮวาก็เดินเข้ามาพร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง
”ใครส่งมาคะพี่”
”ไม่รู้สิ WE Entertainment เธอรู้จักรึเปล่าน่ะ?” พี่ยงฮวายื่นจดหมายสีขาวสะอาดมาให้ฉันก่อนเดินไปเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น วันนี้พี่ยงฮวาบอกว่าจะทำต็อกโบกีให้ฉันกินล่ะ > <
”นี่มัน บ้าไปแล้ว!” ฉันค่อยๆเปิดจดหมายออกมาอ่าน ก่อนฉันจะห้ามตัวเองไม่ให้กรีดร้องออกมาไม่ทัน
” ” พี่ยงฮวาได้ยินฉันอุทานขึ้นมาเสียงดังก็รีบเดินมาดูฉันทันที
”พี่คะ พี่ยงฮวา ”
”ว่าไงฮยอน มีเรื่องอะไรหรอ ” พี่ยงฮวาทิ้งตัวลงมานั่งอยู่บนโซฟาข้างๆฉันก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาอ่านจดหมายด้วย
”ฉันจะได้คัมแบ๊กแล้วค่ะ” ฉันบอกเขาทั้งน้ำตา ตอนนี้ฉันดีใจและสับสนปนกันไปหมด ฉันจะได้กลับไปเป็นโซนยอชิแดอีกครั้งแล้วจริงๆใช่ไหม งานที่ฉันรักฉันกำลังจะได้กลับไปทำมันใช่มั๊ย
”นี่ฮยอน~ เรื่องแบบนี้มีแต่ต้องฉลองนะ เธอร้องไห้ทำไมเล่า เด็กน้อยเอ๊ยย~” พี่ยงฮวาผลักหัวฉันเบาๆก่อนจะเช็ดน้ำตาให้ฉัน
”ฉันบอกไม่ถูกค่ะพี่ ฉันไม่คิดว่าพี่ๆทั้งแปดคนจะเสียสละเพื่อฉันขนาดนี้”
”เธอควรจะโทรหาพี่สาวของเธอคนใดคนหนึ่งนะ” พี่ยงฮวาลูบหัวฉันเบาๆก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันมายื่นให้ แล้วเขาก็เดินไปทำต็อกโบกีต่อ
”ใครส่งมาคะพี่”
”ไม่รู้สิ WE Entertainment เธอรู้จักรึเปล่าน่ะ?” พี่ยงฮวายื่นจดหมายสีขาวสะอาดมาให้ฉันก่อนเดินไปเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น วันนี้พี่ยงฮวาบอกว่าจะทำต็อกโบกีให้ฉันกินล่ะ > <
”นี่มัน บ้าไปแล้ว!” ฉันค่อยๆเปิดจดหมายออกมาอ่าน ก่อนฉันจะห้ามตัวเองไม่ให้กรีดร้องออกมาไม่ทัน
” ” พี่ยงฮวาได้ยินฉันอุทานขึ้นมาเสียงดังก็รีบเดินมาดูฉันทันที
”พี่คะ พี่ยงฮวา ”
”ว่าไงฮยอน มีเรื่องอะไรหรอ ” พี่ยงฮวาทิ้งตัวลงมานั่งอยู่บนโซฟาข้างๆฉันก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาอ่านจดหมายด้วย
”ฉันจะได้คัมแบ๊กแล้วค่ะ” ฉันบอกเขาทั้งน้ำตา ตอนนี้ฉันดีใจและสับสนปนกันไปหมด ฉันจะได้กลับไปเป็นโซนยอชิแดอีกครั้งแล้วจริงๆใช่ไหม งานที่ฉันรักฉันกำลังจะได้กลับไปทำมันใช่มั๊ย
”นี่ฮยอน~ เรื่องแบบนี้มีแต่ต้องฉลองนะ เธอร้องไห้ทำไมเล่า เด็กน้อยเอ๊ยย~” พี่ยงฮวาผลักหัวฉันเบาๆก่อนจะเช็ดน้ำตาให้ฉัน
”ฉันบอกไม่ถูกค่ะพี่ ฉันไม่คิดว่าพี่ๆทั้งแปดคนจะเสียสละเพื่อฉันขนาดนี้”
”เธอควรจะโทรหาพี่สาวของเธอคนใดคนหนึ่งนะ” พี่ยงฮวาลูบหัวฉันเบาๆก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันมายื่นให้ แล้วเขาก็เดินไปทำต็อกโบกีต่อ
ตรู๊ดดดด
.
‘สวัสดีค่ะ ฉันแทยอนพูดค่ะ’
“พี่แทยอนคะ
”
‘หืมม? นั่นซอจูหรอ!!!’ พี่แทยอนดูตื่นเต้นมากที่ฉันโทรหาเธอ
”ใช่แล้วค่ะพี่ ฉันซอจูฮยอนเอง”
’เธอเป็นยังไงบ้าง ไม่ส่งข่าวให้พี่บ้างเลยนะซอฮยอน~’ น้ำเสียงของพี่แทยอนตัดพ้อหน่อยๆ แต่หลังจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นแทน
”ใช่แล้วค่ะพี่ ฉันซอจูฮยอนเอง”
’เธอเป็นยังไงบ้าง ไม่ส่งข่าวให้พี่บ้างเลยนะซอฮยอน~’ น้ำเสียงของพี่แทยอนตัดพ้อหน่อยๆ แต่หลังจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นแทน
‘เธอได้จดหมายจากบริษัทของพี่ๆซูเปอร์จูเนียร์รึยังน่ะซอฮยอน’
”ฉันได้รับแล้วค่ะพี่ ฉันจะโทรมาหาพี่เรื่องนี้แหละค่ะ”
”ฉันได้รับแล้วค่ะพี่ ฉันจะโทรมาหาพี่เรื่องนี้แหละค่ะ”
‘มีเรื่องอะไรรึเปล่าซอฮยอน ถ้าเป็นเรื่องคุณพ่อเธอให้พี่ไปพูดให้ดีมั๊ย’
”ไม่เป็นไรค่ะพี่แทยอน ขอบคุณมากนะคะ แต่ฉันจะโทรมาขอบคุณพี่ๆทุกคนน่ะค่ะที่ยังรอฉันอยู่”
”ไม่เป็นไรค่ะพี่แทยอน ขอบคุณมากนะคะ แต่ฉันจะโทรมาขอบคุณพี่ๆทุกคนน่ะค่ะที่ยังรอฉันอยู่”
‘ถ้าไม่มีเธอก็ไม่ใช่โซนยอชิแดหรอกนะรู้มั๊ย’ น้ำเสียงอบอุ่นของพี่แทยอนกำลังส่งผ่านโทรศัพท์มาปลอบประโลมฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะทำให้การเสียสละของพี่ๆทุกคนไม่เกิดผลไม่ได้
”ที่ฉันโทรมาวันนี้เพราะฉันอยากจะบอกพี่ๆว่า ”
”ที่ฉันโทรมาวันนี้เพราะฉันอยากจะบอกพี่ๆว่า ”
‘
’ เสียงพี่แทยอนเงียบไป ฉันสัมผัสได้ว่าเธอเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ฉันเหมือนกัน
”พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับคุณพ่ออีกครั้งค่ะ และฉันจะต้องทำมันให้ได้อีกครั้งค่ะพี่”
”พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับคุณพ่ออีกครั้งค่ะ และฉันจะต้องทำมันให้ได้อีกครั้งค่ะพี่”
‘ซอจูฮยอนอาาา~ เธอกำลังจะทำให้พี่ร้องไห้ TT___TT’ ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงสะอื้นของพี่แทยอนด้วยนะ 5555
”พี่คะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ไว้เจอกันตอนเข้าไปที่บริษัทใหม่นะคะ ฉันหวังว่าฉันจะได้ไปนะคะ”
”พี่คะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ไว้เจอกันตอนเข้าไปที่บริษัทใหม่นะคะ ฉันหวังว่าฉันจะได้ไปนะคะ”
‘จำเอาไว้นะซอฮยอน เธอจะหนีอะไรก็หนีได้ แต่เชื่อพี่เถอะ เธอหนีโชคชะตาที่กำหนดมาให้เธอเป็นโซนยอชิแดไม่ได้หรอกนะ จำคำพี่ไว้นะซอจู~ พวกพี่ทุกคนจะรอเธอนะ’
”ขอบคุณมากๆนะคะพี่” ฉันวางสายพี่แทยอนไปแล้ว แต่สิ่งที่พี่แทยอนพูดกับฉันเมื่อกี้นี้ มันทำให้ฉันต้องน้ำตาซึมอีกรอบ ‘จำเอาไว้นะซอฮยอน เธอจะหนีอะไรก็หนีได้ แต่เชื่อพี่เถอะ เธอหนีโชคชะตาที่กำหนดมาให้เธอเป็นโซนยอชิแดไม่ได้หรอกนะ’ พอดีกับที่พี่ยงฮวายกหม้อต็อกโบกีมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว พี่เขาเดินเข้ามาหาฉันแล้วยื่นมือออกมาจับมือฉันให้เดินไปที่โต๊ะอาหารก่อนจะยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น
”ขอบคุณมากๆนะคะพี่” ฉันวางสายพี่แทยอนไปแล้ว แต่สิ่งที่พี่แทยอนพูดกับฉันเมื่อกี้นี้ มันทำให้ฉันต้องน้ำตาซึมอีกรอบ ‘จำเอาไว้นะซอฮยอน เธอจะหนีอะไรก็หนีได้ แต่เชื่อพี่เถอะ เธอหนีโชคชะตาที่กำหนดมาให้เธอเป็นโซนยอชิแดไม่ได้หรอกนะ’ พอดีกับที่พี่ยงฮวายกหม้อต็อกโบกีมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว พี่เขาเดินเข้ามาหาฉันแล้วยื่นมือออกมาจับมือฉันให้เดินไปที่โต๊ะอาหารก่อนจะยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น
”อาหารฉลองต้อนรับไอดอลคนสวยกลับสู่วงการ” พี่ยงฮวาพูดอย่างตลกก่อนจะเปิดฝาหม้อต็อกโบกีขึ้น
”ว้าววว~”
”กินเยอะๆนะฮยอน เธอยังต้องเจอเรื่องต่างๆอีกมากนะ” พี่ยงฮวาตักต็อกโบกีที่มีทั้งเส้นมาม่าและแป้งต็อกมาให้ฉันจนเต็มจาน ก่อนจะตักให้ตัวเองทีหลัง
”อ่ะ อ้ามมม~” ระหว่างที่เราต่างกินกันไปเงียบๆนั้นพี่ยงฮวาก็จิ้มแป้งต็อกชิ้นนึงในจานของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะยื่นมาให้ฉัน
”อะไรคะพี่ > <”
”กินเถอะน่า สามีเธอป้อนทั้งทีนะ” คำว่าสามีที่เขาพูดมันทำเอาฉันขนลุกไปทั้งตัวเลยล่ะ
”งั้นเรามากินด้วยกันดีหว่า” ฉันพูดก่อนจะจิ้มแป้งต็อกในจานของตัวเองขึ้นมาหนึ่งชิ้น เมื่อพี่ยงฮวายื่นส้อมของเขาให้เข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น ฉันก็เลยยื่นหน้าออกไปกินอย่างมีความสุข แม้ว่าฉันจะเขินที่พี่เขาป้อนให้ฉันมากแค่ไหน แต่ฉันก็ยังยื่นส้อมของตัวเองไปป้อนเขาอยู่ดี >///< พี่ยงฮวาทำท่าไม่กินในตอนแรก ฉันเลยดึงส้อมกลับมา แต่ทว่าเขากลับเอื้อมมือออกมาจับมือฉันไว้ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากัดแป้งต็อกชิ้นนั้นไป
”ว้าววว~”
”กินเยอะๆนะฮยอน เธอยังต้องเจอเรื่องต่างๆอีกมากนะ” พี่ยงฮวาตักต็อกโบกีที่มีทั้งเส้นมาม่าและแป้งต็อกมาให้ฉันจนเต็มจาน ก่อนจะตักให้ตัวเองทีหลัง
”อ่ะ อ้ามมม~” ระหว่างที่เราต่างกินกันไปเงียบๆนั้นพี่ยงฮวาก็จิ้มแป้งต็อกชิ้นนึงในจานของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะยื่นมาให้ฉัน
”อะไรคะพี่ > <”
”กินเถอะน่า สามีเธอป้อนทั้งทีนะ” คำว่าสามีที่เขาพูดมันทำเอาฉันขนลุกไปทั้งตัวเลยล่ะ
”งั้นเรามากินด้วยกันดีหว่า” ฉันพูดก่อนจะจิ้มแป้งต็อกในจานของตัวเองขึ้นมาหนึ่งชิ้น เมื่อพี่ยงฮวายื่นส้อมของเขาให้เข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น ฉันก็เลยยื่นหน้าออกไปกินอย่างมีความสุข แม้ว่าฉันจะเขินที่พี่เขาป้อนให้ฉันมากแค่ไหน แต่ฉันก็ยังยื่นส้อมของตัวเองไปป้อนเขาอยู่ดี >///< พี่ยงฮวาทำท่าไม่กินในตอนแรก ฉันเลยดึงส้อมกลับมา แต่ทว่าเขากลับเอื้อมมือออกมาจับมือฉันไว้ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากัดแป้งต็อกชิ้นนั้นไป
“มื้อนี้อร่อยมากเลยค่ะพี่ ขอบคุณนะคะ” ฉันรู้สึกอิ่มมากจริงๆ พี่ยงฮวามีฝีมือการทำต็อกโบกีที่ไม่เหมือนร้านไหน เพราะพี่เขาชอบใส่ซอสมะเขือเทศกับอะไรต่อมิอะไรลงไปด้วย ทำให้มันมีรสชาติไม่เหมือนร้านไหนๆที่ฉันเคยไปกิน ฉันชอบฝีมือเขามากเลยหล่ะ > <
”เธอไปนอนเถอะนะฮยอน มันก็ดึกแล้ว เธอเองก็เหนื่อยมากด้วย” พี่ยงฮวาบอกฉันระหว่างที่เขากำลังยกจานที่กินเสร็จแล้วไปไว้ที่อ่างล้างจาน
”พี่คะให้ฉันช่วยนะ” ฉันเดินถือแก้วของเราไปช่วยเขา แต่ทว่าพี่ยงฮวาก็หันหน้ามาก่อนจะอุ้มฉันขึ้นไว้ในอ้อมแขนของเขาทันที
”พี่ยงฮวา!!!”
”วางแก้วลงในอ่างเดี๋ยวนี้เลยฮยอน~” พี่ยงฮวาอุ้มฉันเดินเข้าไปใกล้ๆอ่างล้างจานก่อนจะย่อตัวลงให้ฉันเอื้อมมือไปวางแก้วของเราในอ่างล้างจานได้สะดวก แล้วพี่ยงฮวาก็อุ้มฉันไปที่ห้องน้ำ เมื่อปล่อยฉันลง พี่ยงฮวาก็หยิบแปรงสีฟันของฉันออกมาก่อนจะบีบยาสีฟันลงไปแล้วยื่นมาให้ฉัน ฉันรับแปรงมาอย่างงงๆแล้วมองไปที่คนตัวสูงข้างๆ
”พี่จะแปรงฟันพร้อมฉันหรอคะ” พี่งฮวาเงยหน้าขึ้นมาจากการบีบยาสีฟันใส่แปรงตัวเองก่อนจะยักคิ้วให้ฉันหนึ่งที
”ไม่เอาอ่ะ ฉัน ฉันแปรงฟันไม่เรียบร้อยเลยน่ะค่ะพี่ ” ทำไงดีฉันรู้สึกใจเต้นแรงอีกแล้ว ช่วยฉันที T^T
”ไม่มีแต่หรอกนะรู้มั๊ย ต่อไปนี้ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราจะทำพร้อมกัน ตื่นนอนพร้อมกัน กินข้าวพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกันหรือไปเที่ยวด้วยกัน พี่จะไม่ยอมห่างเธออีกแล้วซอจูฮยอน~ เธอน่ะถูกพี่ผูกมัดแล้วนะรู้ตัวรึเปล่า หืออ~” พี่ยงฮวาไม่พูดเปล่าแต่กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันอย่างจู่โจม จนฉันเกือบตั้งตัวไม่ทัน ถ้าฉันถอยหลังไปช้ากว่านี้ละก็ คงได้ชนกับจมูกโด่งๆของเขาแน่ๆ
”เธอไปนอนเถอะนะฮยอน มันก็ดึกแล้ว เธอเองก็เหนื่อยมากด้วย” พี่ยงฮวาบอกฉันระหว่างที่เขากำลังยกจานที่กินเสร็จแล้วไปไว้ที่อ่างล้างจาน
”พี่คะให้ฉันช่วยนะ” ฉันเดินถือแก้วของเราไปช่วยเขา แต่ทว่าพี่ยงฮวาก็หันหน้ามาก่อนจะอุ้มฉันขึ้นไว้ในอ้อมแขนของเขาทันที
”พี่ยงฮวา!!!”
”วางแก้วลงในอ่างเดี๋ยวนี้เลยฮยอน~” พี่ยงฮวาอุ้มฉันเดินเข้าไปใกล้ๆอ่างล้างจานก่อนจะย่อตัวลงให้ฉันเอื้อมมือไปวางแก้วของเราในอ่างล้างจานได้สะดวก แล้วพี่ยงฮวาก็อุ้มฉันไปที่ห้องน้ำ เมื่อปล่อยฉันลง พี่ยงฮวาก็หยิบแปรงสีฟันของฉันออกมาก่อนจะบีบยาสีฟันลงไปแล้วยื่นมาให้ฉัน ฉันรับแปรงมาอย่างงงๆแล้วมองไปที่คนตัวสูงข้างๆ
”พี่จะแปรงฟันพร้อมฉันหรอคะ” พี่งฮวาเงยหน้าขึ้นมาจากการบีบยาสีฟันใส่แปรงตัวเองก่อนจะยักคิ้วให้ฉันหนึ่งที
”ไม่เอาอ่ะ ฉัน ฉันแปรงฟันไม่เรียบร้อยเลยน่ะค่ะพี่ ” ทำไงดีฉันรู้สึกใจเต้นแรงอีกแล้ว ช่วยฉันที T^T
”ไม่มีแต่หรอกนะรู้มั๊ย ต่อไปนี้ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราจะทำพร้อมกัน ตื่นนอนพร้อมกัน กินข้าวพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกันหรือไปเที่ยวด้วยกัน พี่จะไม่ยอมห่างเธออีกแล้วซอจูฮยอน~ เธอน่ะถูกพี่ผูกมัดแล้วนะรู้ตัวรึเปล่า หืออ~” พี่ยงฮวาไม่พูดเปล่าแต่กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันอย่างจู่โจม จนฉันเกือบตั้งตัวไม่ทัน ถ้าฉันถอยหลังไปช้ากว่านี้ละก็ คงได้ชนกับจมูกโด่งๆของเขาแน่ๆ
”แปรงฟันกันเถอะค่ะ จะได้ไปนอนไง” ฉันเอ่ยขึ้นมาในที่สุด เราต่างคนต่างแปรงฟันไปแต่พี่ยงฮวาก็ชอบหันหน้ามามองหน้าฉันเป็นระยะๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูพี่เขาตอนแปรงฟันหรอกนะ แต่มันก็อดที่จะหันไปมองเขาตอนแปรงฟันเป็นระยะๆไม่ได้เหมือนกันนี่นา >////<
”ฮ้าาาา~ แปรงฟันแล้วสดชื่นดีจัง” พี่ยงฮวาพูดขึ้นหลังจากบ้วนปากเสร็จ
”พี่คะเช็ดปากหน่อยสิ” ฉันหยิบผ้าขนหนูของเขาที่วางอยู่ขึ้นมาเช็ดน้ำที่มุมปากของเขา แล้วพี่ยงฮวาก็ยื่นมือมาดึงแก้มฉัน
”อ๊าาา! พี่คะฉันเจ็บแก้มแล้วนะ” ฉันยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองเบาๆ
”ก็อยากทำแก้มน่ารักเองทำไมเล่า”
”ฉันไปทำแก้มน่ารักตอนไหนคะพี่ มั่วที่สุดเลย!” ฉันตีลงไปที่ต้นแขนพี่ยงฮวาทีนึง แต่แล้วเขาก็รวบมือของฉันเอาไว้ก่อนจะขโมยหอมแก้มฉันไปฟอดใหญ่
”พี่คะ!!!” ให้ตายสิ หัวใจของฉันมันเริ่มทำงานหนักอีกแล้ว > <
“ฮ่าๆๆ หน้าเธอตอนนี้ตลกมากเลยล่ะฮยอน”
”ปล่อยมือฉันได้แล้วน่า นะคะพี่นะ~” ฉันบอกเขาเสียงอ่อนอย่างน่าสงสาร วันนี้ฉันเหนื่อยมากจริงๆนะ เขายังมาแกล้งฉันอย่างนี้ได้ยังไงเนี่ย
”งั้นก็ทำตามที่พี่ขออย่างนึงก่อนสิ” พี่ยงฮวาพูดก่อนจะพองลมเข้าไปในแก้มของเขาแล้วยื่นหน้ามาหาฉัน
”พี่จะให้ฉันทำอะไรหรอคะ >///<” ฉันรีบหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าตอนนี้หน้าของฉันมันแดงขนาดไหน
”น่านะซอฮยอน~ ” แต่พี่ยงฮวาก็ยังไม่ลดละ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนในที่สุดหัวเข่าของฉันก็ชนเข้ากับขอบอ่างอาบน้ำจนเกือบล้มเสียหลักลงไป โชคดีที่พี่ยงฮวาเอื้อมมือมากอดเอวฉันไว้ได้ทัน แต่โชคไม่ดีที่ตอนนี้จมูกของเขากับฉันกำลังแตะกันอยู่
”>////<”
”ฮ่าๆ โอเคๆ ไม่แกล้งเธอแล้วก็ได้ ไปนอนเถอะ” พี่ยงฮวาพยุงฉันให้ยืนขึ้นมาก่อนจะปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ ระหว่างที่เขาเดินมาส่งฉันที่ห้องนอนนั้นฉันเลยตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อเป็นรางวัลสำหรับเขาที่เขากลับมาพูดได้อีกครั้ง และมันจะเป็นรางวัลขอบคุณจากใจของฉันด้วย
”ฝันดีนะฮยอน~” พี่ยงฮวาโบกมือให้ฉันก่อนจะปิดประตูลง จังหวะที่ประตูกำลังจะปิดลงนั่นเอง ฉันเอื้อมมือออกไปดึงลูกบิดในฝั่งของห้องนอนเอาไว้ แล้วรีบกระโดดขึ้นไปประทับริมฝีปากที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบหนีกลับเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูทันที
อ๊ากกกกกกก > < ฉันทำมันลงไปแล้วจริงๆใช่มั๊ย ฉันหอมแก้มเขาไปแล้วจริงๆ
”ซอจูฮยอนอา~~ ขอบคุณนะเด็กน้อยของพี่” ฉันได้ยินพี่ยงฮวาตะโกนเข้ามา นั่นมันยิ่งทำให้ฉันใจเต้นแรงยิ่งขึ้นไปอีกเลยล่ะ
” ”
”พรุ่งนี้พี่จะพาเธอไปหาคุณพ่อเพื่อคุยเรื่องนั้นนะ รีบนอนด้วยล่ะเด็กน้อย ไม่ใช่เอาแต่คิดถึงพี่นะรู้มั๊ย ฮ่าๆๆ” พี่ยงฮวาพูดติดตลกอีกครั้งก่อนฉันจะรีบวิ่งไปที่เตียงแล้วนอนคลุมโปงทันที นี่พี่เขาจะแกล้งให้ฉันใจเต้นแรงจนนอนไม่หลับจริงๆใช่มั๊ยให้ตายเถอะน่า -////-
” ”
”พรุ่งนี้พี่จะพาเธอไปหาคุณพ่อเพื่อคุยเรื่องนั้นนะ รีบนอนด้วยล่ะเด็กน้อย ไม่ใช่เอาแต่คิดถึงพี่นะรู้มั๊ย ฮ่าๆๆ” พี่ยงฮวาพูดติดตลกอีกครั้งก่อนฉันจะรีบวิ่งไปที่เตียงแล้วนอนคลุมโปงทันที นี่พี่เขาจะแกล้งให้ฉันใจเต้นแรงจนนอนไม่หลับจริงๆใช่มั๊ยให้ตายเถอะน่า -////-
ที่ห้องของสามหนุ่ม
มินฮยอกเดินกลับมาที่ห้องของเขาอย่างเหนื่อยอ่อน สองสามวันมานี่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขาอยู่ที่ไหน เขานอนในโรงแรมกระจอกๆ กินอาหารข้างทางทุกมื้อ อาบน้ำก็ต้องใส่ชุดเดิม จนวันนี้เขาถูกพวกนักเลงเจ้าถิ่นจี้เอาเงินทั้งหมดไป เขาเลยได้ซมซานกลับมาที่ห้องพักนี่ ในตอนนี้หัวใจของเขามันเคว้งคว้างเหลือเกิน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นที่เขารู้สึกว่าเธอคือคนที่ใช่สำหรับเขา เธอกลับไปชอบผู้ชายอีกคน คนที่ดูเหมือนจะเพียบพร้อมไปกว่าเขาเสียทุกเรื่องอย่างอีจงฮยอน ตั้งแต่รู้จักกับพี่ยงฮวา พี่จงฮยอนและจองชินมานี่ก็หลายปีมากแล้ว ทั้งสี่คนไม่เคยมีเรื่องต้องบาดหมางใจกันเพราะผู้หญิงเลย และเขาก็รู้ว่าในครั้งนี้เขาไม่มีสิทธิ์ไปโกรธพี่จงฮยอนอย่างนั้น แต่จะทำยังไงได้ การเป็นคนที่ถูกเลือกกับการไม่แม้แต่จะได้เป็นตัวเลือก ความรู้สึกมันต้องต่างกันอยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังได้รับรู้ความรู้สึกของการเป็นคนที่ไม่แม้แต่จะได้เป็นตัวเลือกของเธอ
เบซูจี
ครืดดด
”
” เสียงโทรศัพท์ของเขาที่เขาลืมเอาไว้ที่ห้องดังขึ้นมา ถ้าเขาพกโทรศัพท์ติดตัวไปด้วยคงเสร็จพวกนักเลงพวกนั้นไปแล้วแน่นอน
”อยู่ไหนวะ!” มินฮยอกเดินเตะข้าวของที่วางอยู่บนพื้นไปตามความมืดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเห็นแสงสว่างวูบวาบมาจากโต๊ะหน้าทีวี เขาเดินไปก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา แต่ทว่าเขาก็ได้สัมผัสมือของใครบางคนขึ้นซะก่อน
”อยู่ไหนวะ!” มินฮยอกเดินเตะข้าวของที่วางอยู่บนพื้นไปตามความมืดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเห็นแสงสว่างวูบวาบมาจากโต๊ะหน้าทีวี เขาเดินไปก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา แต่ทว่าเขาก็ได้สัมผัสมือของใครบางคนขึ้นซะก่อน
‘ฝ่ามือนุ่มแบบนี้ ฝ่ามือผู้หญิงแน่!’ มินฮยอกคิดในใจ เขาจับมือเธอคนนั้นเอาไว้อย่างแน่นก่อนจะค่อยๆจูงมือเธอไปหาที่เปิดไฟ
”นี่นาย!!!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาเสียก่อน มินฮยอกรู้เลยว่าเจ้าของมือนุ่มนั้นเป็นใคร อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นเขาก็จะสามารถเอื้อมมือออกไปสัมผัสสวิตไฟได้แล้ว แต่เขากลับเลือกที่จะหยุดมือไว้แล้วดึงเธอคนนั้นเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว
”นี่นาย!!!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาเสียก่อน มินฮยอกรู้เลยว่าเจ้าของมือนุ่มนั้นเป็นใคร อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นเขาก็จะสามารถเอื้อมมือออกไปสัมผัสสวิตไฟได้แล้ว แต่เขากลับเลือกที่จะหยุดมือไว้แล้วดึงเธอคนนั้นเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว
”นี่อีตาโรคจิต!! นายเป็นใครห๊า! เข้าห้องคนอื่นแบบนี้แล้วมากอดฉันไว้อย่างนี้ได้ยังไง ปล่อยฉันนะไอ้บ้ากามมม!! ฉันจะแจ้งตำรวจจจ” หญิงสาวในอ้อมกอดของมินฮยอกดิ้นขยุกขยิกอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผลอะไรต่อเจ้าของลำแขนแข็งแรงนั้นเลย มินฮยอกกระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้นไปอีกก่อนจะพูดบางอย่างออกไป
“ขอเวลาหน่อยนะให้ฉันอยู่แบบนี้อีกสักพักเถอะนะ เบซูจี” มินฮยอกเน้นน้ำหนักลงไปตรงคำว่า ซูจี เขารู้ดีว่าคำๆนี้มีความหมายสำหรับเธอมากแค่ไหน เธอสงวนเอาไว้ให้คนใกล้ชิดเท่านั้นเรียกได้ จริงๆเธอชอบชื่อนี้มากกว่าซูซี่ซะอีก แต่ที่เธอต้องการให้คนอื่นเรียกเธอแบบนั้น เพราะเธอต้องการแยกแยะประเภทบุคคลที่เธอไว้ใจกับไม่ไว้ใจออกยังไงล่ะ ตลกใช่มั๊ยล่ะความคิดเด็กๆแบบนั้น แต่ก็เพราะความคิดของเธอในเรื่องนี้นี่แหละ ที่มันทำให้เขาอดที่จะยิ้มกับตัวเองเบาๆไม่ได้ในทุกครั้งที่นึกขึ้นมาว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้ชื่อจริงของเธอด้วยเหมือนกัน ทุกครั้งที่นึกถึง มันทำให้ใจของเขาเต้นแรงกว่าจังหวะปกติพอสมควร (แม้ว่าจริงๆแล้วเขาจะรู้มันจากจองชินก็เถอะ ฮ่าๆ5555 )
“ขอเวลาหน่อยนะให้ฉันอยู่แบบนี้อีกสักพักเถอะนะ เบซูจี” มินฮยอกเน้นน้ำหนักลงไปตรงคำว่า ซูจี เขารู้ดีว่าคำๆนี้มีความหมายสำหรับเธอมากแค่ไหน เธอสงวนเอาไว้ให้คนใกล้ชิดเท่านั้นเรียกได้ จริงๆเธอชอบชื่อนี้มากกว่าซูซี่ซะอีก แต่ที่เธอต้องการให้คนอื่นเรียกเธอแบบนั้น เพราะเธอต้องการแยกแยะประเภทบุคคลที่เธอไว้ใจกับไม่ไว้ใจออกยังไงล่ะ ตลกใช่มั๊ยล่ะความคิดเด็กๆแบบนั้น แต่ก็เพราะความคิดของเธอในเรื่องนี้นี่แหละ ที่มันทำให้เขาอดที่จะยิ้มกับตัวเองเบาๆไม่ได้ในทุกครั้งที่นึกขึ้นมาว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้ชื่อจริงของเธอด้วยเหมือนกัน ทุกครั้งที่นึกถึง มันทำให้ใจของเขาเต้นแรงกว่าจังหวะปกติพอสมควร (แม้ว่าจริงๆแล้วเขาจะรู้มันจากจองชินก็เถอะ ฮ่าๆ5555 )
เรื่องที่เป็นความลับแบบนี้ทำไมคนอย่างเขาถึงรู้น่ะเหรอ หึ!...ถ้าจะให้พูดจริงๆแล้วล่ะก็ เรื่องระหว่างเขากับเธอมันยาวพอสมควรเลยล่ะ
” ” เมื่อหญิงสาวได้ยินคำว่า ซูจี จากคนที่สวมกอดเธออยู่นั้น ร่างบางที่เคยดีดดิ้นก็นิ่งลงอย่างว่าง่าย เธอพยายามมองหน้าเขาผ่านแสงจันทร์ที่สาดส่อง แต่เธอก็พบเพียงความมืดมิดเท่านั้น
”ขอบคุณนะ ฉันจะจดจำกอดนี้ของเราเอาไว้ตลอดไปนะซูจี” มินฮยอกพูดออกไปก่อนน้ำตาใสๆจะไหลลงมาช้าๆ เขาประทับริมฝีปากไปบนเรือนผมนุ่มสลวยของคนในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบาก่อนร่างสูงจะค่อยๆผละตัวเองออกช้าๆแล้ววิ่งออกไปนอกห้องทันที โดยที่มินฮยอกไม่รู้ตัวเลยว่าหญิงสาวในห้องนั้นเมื่อหลุดพ้นจากการพันธนาการของเขา ร่างบางค่อยๆทรุดตัวลงพิงกับขอบโซฟา ก่อนมือของเธอจะค่อยๆเคลื่อนขึ้นมาวางทาบลงไปบนหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองอย่างแผ่วเบา แล้วเธอก็ค่อยๆเคลื่อนมือไปถูบนแขนของตัวเองไปมา แล้วลำแขนเล็กๆของเธอก็ค่อยๆโอบกอดตัวเองเอาไว้ช้าๆ แต่ทว่าเธอก็หยุดการกระทำนั้นแล้วเปลี่ยนมาขยี้หัวตัวเองเพื่อไล่ความคิดในหัวของตัวเองให้ออกไปแทน
อ้อมกอดอบอุ่นที่ทำให้ใจเต้นแรง น้ำเสียงนุ่มนวลที่คุ้นหูเมื่อยามที่พูดคำว่า ‘เบซูจี’ ออกมา
มันช่างทำให้ใจที่เต้นรัวนั้นยิ่งเต้นแรงมากขึ้นไปอีก
เขาคนนั้น
เป็นใครกันนะ ?
เช้าวันรุ่นขึ้น
”ฮยอนนน~ รีบมาเถอะ เดี๋ยวสายไปรถจะติดนะ” พี่ยงฮวาเร่งฉันที่กำลังแต่งตัวให้สวยกว่าทุกวันอยู่ในห้องอย่างรีบร้อน
”จะไปแล้วค่ะ” ฉันตะโกนออกไปก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยในกระจกครั้งสุดท้าย
”เธอคือโซนยอชิแด ซอจูฮยอน เธอต้องทำได้ ไฟท์ติ้ง!” ฉันพูดกับตัวเองผ่านกระจกก่อนจะเดินออกไปก็เห็นว่าพี่ยงฮวากำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
”ว้าวว~” พี่ยงฮวาพูดออกมาเบาๆก่อนจะมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับไม่เคยเห็นฉัน
”พี่มองยังกับฉันเป็นตัวประหลาดอย่างนั้นแหละ”
”ใครว่าตัวประหลาด นางฟ้าต่างหากหล่ะ นางฟ้าซอจูฮยอนต่างหาก~” พี่ยงฮวาพูดอย่างจริงจังก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือฉันเอาไว้แล้วเราก็เดินลงไปที่รถด้วยกัน
”พี่คะฉันตื่นเต้นจัง” เมื่อเราอยู่ในรถฉันที่นั่งอยู่เบาะข้างๆคนขับตอนนี้ในมือของฉันนั้นกำจดหมายจากบริษัทไว้ซะยับหมดแล้ว พี่ยงฮวาหันมามองฉันก่อนจะเอื้อมมือมาดึงจดหมายฉบับนั้นไปวางไว้ที่หน้ารถ
”’ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน’ พูดแบบนี้ไปเรื่อยๆเถอะฮยอน ระหว่างที่เธอพูดเธอต้องใส่ใจลงไปในทุกครั้งด้วยนะรู้มั๊ย เชื่อพี่เถอะว่าเธอต้องทำได้” พี่ยงฮวาบอกฉันอย่างหนักแน่นก่อนเขาจะเลี้ยวเข้าสู่ถนนเส้นที่วิ่งผ่านหน้าบ้านของฉัน
”ฟู่ววว~ ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน พี่คะ ฉันก็ยังกลัวอยู่ดี อ๊าาาา! ถึงบ้านฉันแล้วด้วย พี่ยงฮวาTT^TT” ยิ่งเมื่อพี่ยงฮวาเลื่อนรถเข้ามาในเขตรั้วบ้านของฉัน หัวใจของฉันก็เริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายใต้เดรสสีครีมตัวนี้ทันที
”ยิ้มกว้างๆเข้าไว้ซอจูฮยอน J” พี่ยงฮวาพูดกับฉันระหว่างที่กำลังเคลื่อยรถเข้าไปจอดในโรงรถ และเมื่อเขาจดรถเสร็จเราก็เงียบกันไปพักหนึ่ง ก่อนพี่ยงฮวาจะปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองแล้วเอื้อมตัวมาดึงฉันให้เขาไปใกล้แล้วประทำริมฝีปากนุ่มของเขาไปบนหน้าผากฉันอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่น
”พี่เชื่อว่าเธอทำได้ และเธอก็มีหน้าที่แค่เชื่อในสิ่งที่สามีเธอพูดก็พอ” พี่ยงฮวาขยี้หัวฉันครั้งหนึ่งก่อนจะลงจากรถแล้วมาเปิดประตูให้ฉัน
”พี่ยงฮวาคะ ”
“เธอทำได้แน่ เชื่อพี่สิฮยอน~” ระหว่างที่ฉันไม่ยอมลงจากรถนั่นเอง แม่ของฉันท่านก็เดินออกมาพอดี
”ซอฮยอน~ ทำไมไม่ลงรถมาล่ะลูก” แม่เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นมาให้
”แม่คะ ”
”คิดถึงลูกจะแย่อยู่แล้ว รีบๆลงมาให้แม่กอดหน่อยไม่ได้เลยรึไงนะซอจูฮยอน”
”แม่คะ TT____TT” ฉันรีบลงจากรถก่อนจะกระโดดลงจากรถของพี่ยงฮวาแล้ววิ่งเข้าไปสวมกอดผู้หญิงที่ฉันรักมากที่สุดคนนั้นทันที
”ต๊ายย ยัยเด็กคนนี้ กอดแม่แค่นี้ต้องร้องไห้เลยหรือไงนะ ไม่เอาๆ เช็ดหน้าเช็ดตาซะ คุณพ่อรออยู่ในห้องรับแขกแล้วลูก” แม่ผลักฉันออกมาก่อนจะปาดน้ำตาให้ฉันอย่างแผ่วเบาด้วยความรักใคร่ แล้วให้ฉันกับพี่ยงฮวาเดินตามเข้าไปในบ้าน พี่ยงฮวาหันมาสบตาฉันก่อนจะจูงมือฉันเดินตามแม่เข้าไป เพื่อพบกับพ่อของฉันที่รออยู่
”’ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน’ พูดแบบนี้ไปเรื่อยๆเถอะฮยอน ระหว่างที่เธอพูดเธอต้องใส่ใจลงไปในทุกครั้งด้วยนะรู้มั๊ย เชื่อพี่เถอะว่าเธอต้องทำได้” พี่ยงฮวาบอกฉันอย่างหนักแน่นก่อนเขาจะเลี้ยวเข้าสู่ถนนเส้นที่วิ่งผ่านหน้าบ้านของฉัน
”ฟู่ววว~ ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน ฉันคือโซนยอชิแดซอจูฮยอน พี่คะ ฉันก็ยังกลัวอยู่ดี อ๊าาาา! ถึงบ้านฉันแล้วด้วย พี่ยงฮวาTT^TT” ยิ่งเมื่อพี่ยงฮวาเลื่อนรถเข้ามาในเขตรั้วบ้านของฉัน หัวใจของฉันก็เริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายใต้เดรสสีครีมตัวนี้ทันที
”ยิ้มกว้างๆเข้าไว้ซอจูฮยอน J” พี่ยงฮวาพูดกับฉันระหว่างที่กำลังเคลื่อยรถเข้าไปจอดในโรงรถ และเมื่อเขาจดรถเสร็จเราก็เงียบกันไปพักหนึ่ง ก่อนพี่ยงฮวาจะปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองแล้วเอื้อมตัวมาดึงฉันให้เขาไปใกล้แล้วประทำริมฝีปากนุ่มของเขาไปบนหน้าผากฉันอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่น
”พี่เชื่อว่าเธอทำได้ และเธอก็มีหน้าที่แค่เชื่อในสิ่งที่สามีเธอพูดก็พอ” พี่ยงฮวาขยี้หัวฉันครั้งหนึ่งก่อนจะลงจากรถแล้วมาเปิดประตูให้ฉัน
”พี่ยงฮวาคะ ”
“เธอทำได้แน่ เชื่อพี่สิฮยอน~” ระหว่างที่ฉันไม่ยอมลงจากรถนั่นเอง แม่ของฉันท่านก็เดินออกมาพอดี
”ซอฮยอน~ ทำไมไม่ลงรถมาล่ะลูก” แม่เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นมาให้
”แม่คะ ”
”คิดถึงลูกจะแย่อยู่แล้ว รีบๆลงมาให้แม่กอดหน่อยไม่ได้เลยรึไงนะซอจูฮยอน”
”แม่คะ TT____TT” ฉันรีบลงจากรถก่อนจะกระโดดลงจากรถของพี่ยงฮวาแล้ววิ่งเข้าไปสวมกอดผู้หญิงที่ฉันรักมากที่สุดคนนั้นทันที
”ต๊ายย ยัยเด็กคนนี้ กอดแม่แค่นี้ต้องร้องไห้เลยหรือไงนะ ไม่เอาๆ เช็ดหน้าเช็ดตาซะ คุณพ่อรออยู่ในห้องรับแขกแล้วลูก” แม่ผลักฉันออกมาก่อนจะปาดน้ำตาให้ฉันอย่างแผ่วเบาด้วยความรักใคร่ แล้วให้ฉันกับพี่ยงฮวาเดินตามเข้าไปในบ้าน พี่ยงฮวาหันมาสบตาฉันก่อนจะจูงมือฉันเดินตามแม่เข้าไป เพื่อพบกับพ่อของฉันที่รออยู่
”พ่อคะ ” ฉันเอ่ยเรียกท่านอย่างแผ่วเบา
”โอ้!ลูกสาวของพ่อ มาให้พ่อกอดหน่อยสิ ฮ่าๆ” ฉันเรียกท่านเบาๆ ก่อนจะถูกท่านสวมกอดเอาไว้
”ไม่มาเยี่ยมพ่อกับแม่บ้างเลยนะซอฮยอน รู้มั๊ยตั้งแต่ลูกแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปน่ะ แม่เขาทำกับข้าวน้อยลงมากเลยล่ะ”
”ก็คุณบอกไม่หิวนี่คะ ซอฮยอน เชื่อแม่เถอะ พอไม่มีหนูพ่อเค้าน่ะกินได้น้อยลงมากเลยล่ะลูก” แม่หันไปขัดคุณพ่อก่อนจะหันมายิ้มให้ฉัน
”พ่อคะ แม่คะ คือว่า พี่ยงฮวาพูดได้แล้วนะคะ”
”หืมม? จริงรึเปล่าซอฮยอน”
”จริงครับผม” พี่ยงฮวาพูดตอบคุณแม่ของฉันไป
”วันนี้มันมีแต่เรื่องดีจริงๆนะคุณ ฮ่าๆ” พ่อหัวเราะร่ากับแม่ก่อนท่านจะเอื้อมมือไปกุมมือของแม่เอาไว้
”แต่พ่อคะ หนูเองก็มีอีกเรื่องที่ต้องบอกค่ะ ”
“ ” ราวกับทุกคนพร้อมใจกันเงียบลง ตอนนี้ฉันได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจเข้าออกและหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ในอก
”คือหนู ”
”ว่าไงลูก บอกพ่อกับแม่มาสิจ๊ะ” เสียงของแม่ช่วยปลอบประโลมให้ฉันใจชื้นขึ้นมา แต่มันก็แค่เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง
”บอกไปเถอะฮยอน ผลมันไม่แย่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ” พี่ยงฮวาเอื้อมมือของเขามาดึงมือฉันไปกุมไว้ก่อนจะบีบเบาๆเป็นการให้กำลังใจ แต่กระนั้น ความตื่นเต้นและความกลัวจะทำให้ผู้เป็นพ่อผิดหวังก็มีมากกว่านั้น ฉันไม่กล้าพูดจริงๆนะ T^T
”คือจริงๆแล้ว หนู ”
” ”
”หนูอยากกลับไปเป็นโซนยอชิแดอีกครั้งค่ะพ่อ ” ฉันพูดออกไปแล้วก่อนจะรีบก้มหน้าหลบสายตาของพ่อกับแม่
”ซอจูฮยอน พ่อคิดว่าเราคุยกันถึงเรื่องนี้กันไปแล้วนะ” เสียงของพ่อในตอนนี้ฉันวิเคราะห์ไม่ออกจริงๆว่าท่านคิดอะไรอยู่ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความน้อยใจ ไม่มีความผิดหวังเจืออยู่ในน้ำเสียงของท่านเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าท่านพูดมันออกมาอย่างไร้ความรู้สึก
”พ่อคะ ฟังหนูเถอะนะคะ หนูอยากร้องเพลงค่ะพ่อ หนู หนูเกิดมาเพื่อเป็นโซนยอชิแดนะคะพ่อ ” ตอนนี้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ของฉันเริ่มอยากจะออกมาซะแล้ว ฉันเลยได้แต่กลั้นมันเอาไว้ ฉันจะให้พ่อคิดว่าฉันเอาน้ำตามาบังคับท่านไม่ได้ ฉันจะต้องเข้มแข็งให้ท่านเห็น
”ทำไมลูกถึงไม่เชื่อพ่อ อาชัพนักร้องมันไม่ใช่อาชีพที่มั่นคงนะซอฮยอน”
”แต่มันเป็นอาชีพ เป็นงาน เป็นชีวิตที่หนูรัก”
” ” พ่อเบือนหน้าหนีฉันไปอีกทางก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยืนหันหลังให้ฉันอยู่ที่เฉลียงหน้าบ้าน แม่หันหน้ามามองฉันพลางพยักเพยิดให้ฉันเดินตามพ่อไป พี่ยงฮวาเองก็เห็นด้วยกับแม่ เขาดึงฉันเข้าไปจูบเบาๆที่หน้าผากก่อนจะปล่อยมือให้ฉันเดินไปหาพ่อ
”ก็คุณบอกไม่หิวนี่คะ ซอฮยอน เชื่อแม่เถอะ พอไม่มีหนูพ่อเค้าน่ะกินได้น้อยลงมากเลยล่ะลูก” แม่หันไปขัดคุณพ่อก่อนจะหันมายิ้มให้ฉัน
”พ่อคะ แม่คะ คือว่า พี่ยงฮวาพูดได้แล้วนะคะ”
”หืมม? จริงรึเปล่าซอฮยอน”
”จริงครับผม” พี่ยงฮวาพูดตอบคุณแม่ของฉันไป
”วันนี้มันมีแต่เรื่องดีจริงๆนะคุณ ฮ่าๆ” พ่อหัวเราะร่ากับแม่ก่อนท่านจะเอื้อมมือไปกุมมือของแม่เอาไว้
”แต่พ่อคะ หนูเองก็มีอีกเรื่องที่ต้องบอกค่ะ ”
“ ” ราวกับทุกคนพร้อมใจกันเงียบลง ตอนนี้ฉันได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจเข้าออกและหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ในอก
”คือหนู ”
”ว่าไงลูก บอกพ่อกับแม่มาสิจ๊ะ” เสียงของแม่ช่วยปลอบประโลมให้ฉันใจชื้นขึ้นมา แต่มันก็แค่เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง
”บอกไปเถอะฮยอน ผลมันไม่แย่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ” พี่ยงฮวาเอื้อมมือของเขามาดึงมือฉันไปกุมไว้ก่อนจะบีบเบาๆเป็นการให้กำลังใจ แต่กระนั้น ความตื่นเต้นและความกลัวจะทำให้ผู้เป็นพ่อผิดหวังก็มีมากกว่านั้น ฉันไม่กล้าพูดจริงๆนะ T^T
”คือจริงๆแล้ว หนู ”
” ”
”หนูอยากกลับไปเป็นโซนยอชิแดอีกครั้งค่ะพ่อ ” ฉันพูดออกไปแล้วก่อนจะรีบก้มหน้าหลบสายตาของพ่อกับแม่
”ซอจูฮยอน พ่อคิดว่าเราคุยกันถึงเรื่องนี้กันไปแล้วนะ” เสียงของพ่อในตอนนี้ฉันวิเคราะห์ไม่ออกจริงๆว่าท่านคิดอะไรอยู่ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความน้อยใจ ไม่มีความผิดหวังเจืออยู่ในน้ำเสียงของท่านเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าท่านพูดมันออกมาอย่างไร้ความรู้สึก
”พ่อคะ ฟังหนูเถอะนะคะ หนูอยากร้องเพลงค่ะพ่อ หนู หนูเกิดมาเพื่อเป็นโซนยอชิแดนะคะพ่อ ” ตอนนี้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ของฉันเริ่มอยากจะออกมาซะแล้ว ฉันเลยได้แต่กลั้นมันเอาไว้ ฉันจะให้พ่อคิดว่าฉันเอาน้ำตามาบังคับท่านไม่ได้ ฉันจะต้องเข้มแข็งให้ท่านเห็น
”ทำไมลูกถึงไม่เชื่อพ่อ อาชัพนักร้องมันไม่ใช่อาชีพที่มั่นคงนะซอฮยอน”
”แต่มันเป็นอาชีพ เป็นงาน เป็นชีวิตที่หนูรัก”
” ” พ่อเบือนหน้าหนีฉันไปอีกทางก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยืนหันหลังให้ฉันอยู่ที่เฉลียงหน้าบ้าน แม่หันหน้ามามองฉันพลางพยักเพยิดให้ฉันเดินตามพ่อไป พี่ยงฮวาเองก็เห็นด้วยกับแม่ เขาดึงฉันเข้าไปจูบเบาๆที่หน้าผากก่อนจะปล่อยมือให้ฉันเดินไปหาพ่อ
”พ่อคะตั้งแต่เล็กจนโตหนูไม่เคยทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังเลยนะคะ จะเถียงสักครั้งหนูยังกลัวเลย”
” ”
“แต่ครั้งนี้มันคืออนาคตของหนูที่หนูต้องเลือกด้วยตัวหนูเอง ไม่ใช่ให้พ่อหรือแม่มาเลือกให้นะคะ”
” ”
”พ่อคะ เชื่อใจหนูเถอะนะคะ หนูจะอดทนและเข้มแข็งไม่ว่าหนูจะเจออะไรบ้างในวงการนี้”
” ”
”ลูกสาวของพ่อแข็งแกร่งกว่าที่พ่อเห็นนะคะ พ่อคะได้โปรด โซนยอชิแดคือชีวิตหนูจริงๆนะคะ” ฉันพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่หัวใจรู้สึกออกไปจนหมดแล้ว แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังคงยืนหันหลังให้ฉันแล้วเอามือไพล่หลังอย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง น้ำตาใสๆค่อยๆไหลลงมาช้าๆ แต่ฉันก็รีบปาดมันทิ้งไป ถ้าเกิดพ่อหันกลับมาแล้วเห็นว่าฉันร้องไห้ง่ายขนาดนี้ ท่านอาจจะคิดว่าฉันไม่เหมาะกับโลกของวงการบันเทิงก็เป็นได้ ฉันต้องอดทน ซอจูฮยอน เธอต้องอดทน
”เฮ้อออ ” ในขณะที่ฉันเช็ดน้ำตาตัวเองอยู่นั้น พ่อก็ถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะหันกลับมาหาฉัน
”พ่อไม่คิดมาก่อนเลยว่าพ่อนี่เองเป็นคนทำร้ายลูก ซอฮยอน” พ่อพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอด
”พ่อแค่คิดอยากให้หนูมีชีวิตที่สบาย พ่อเป็นห่วงหนูมากเกินไป จนลืมคิดไปว่าหนูคือลูกสาวของพ่อ ลูกสาวคนเก่ง” พ่อโยกตัวฉันไปมาก่อนจะลูบฝ่ามือไปบนเรือนผมของฉันอย่างแผ่วเบา
” ”
“แต่ครั้งนี้มันคืออนาคตของหนูที่หนูต้องเลือกด้วยตัวหนูเอง ไม่ใช่ให้พ่อหรือแม่มาเลือกให้นะคะ”
” ”
”พ่อคะ เชื่อใจหนูเถอะนะคะ หนูจะอดทนและเข้มแข็งไม่ว่าหนูจะเจออะไรบ้างในวงการนี้”
” ”
”ลูกสาวของพ่อแข็งแกร่งกว่าที่พ่อเห็นนะคะ พ่อคะได้โปรด โซนยอชิแดคือชีวิตหนูจริงๆนะคะ” ฉันพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่หัวใจรู้สึกออกไปจนหมดแล้ว แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังคงยืนหันหลังให้ฉันแล้วเอามือไพล่หลังอย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง น้ำตาใสๆค่อยๆไหลลงมาช้าๆ แต่ฉันก็รีบปาดมันทิ้งไป ถ้าเกิดพ่อหันกลับมาแล้วเห็นว่าฉันร้องไห้ง่ายขนาดนี้ ท่านอาจจะคิดว่าฉันไม่เหมาะกับโลกของวงการบันเทิงก็เป็นได้ ฉันต้องอดทน ซอจูฮยอน เธอต้องอดทน
”เฮ้อออ ” ในขณะที่ฉันเช็ดน้ำตาตัวเองอยู่นั้น พ่อก็ถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะหันกลับมาหาฉัน
”พ่อไม่คิดมาก่อนเลยว่าพ่อนี่เองเป็นคนทำร้ายลูก ซอฮยอน” พ่อพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอด
”พ่อแค่คิดอยากให้หนูมีชีวิตที่สบาย พ่อเป็นห่วงหนูมากเกินไป จนลืมคิดไปว่าหนูคือลูกสาวของพ่อ ลูกสาวคนเก่ง” พ่อโยกตัวฉันไปมาก่อนจะลูบฝ่ามือไปบนเรือนผมของฉันอย่างแผ่วเบา
“ทำในสิ่งที่ใจลูกบอกเถอะซอฮยอน พ่อเชื่อแล้วว่าลูกเกิดมาเพื่อเป็นโซนยอชิแดจริงๆ” และวินาทีนั้นเองที่หัวใจของฉันเหมือนได้รับการปลอบประโลมอย่างแท้จริง ฉันกอดตอบผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุดไปอย่างรักใคร่และซาบซึ้ง ก่อนน้ำตาที่เก็บกักเอาไว้จะไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ขอบคุณนะคะพ่อ ขอบคุณมากจริงๆค่ะพ่อที่ใหโอกาสหนู”
“คิดซะว่าพ่อทดแทนให้หนูที่พ่อแย่งวันเวลาแห่งความสุขเหล่านั้นมาจากหนูละกันนะซอฮยอนของพ่อ” พ่อดันฉันออกมาจากอ้อมแขนก่อนจะเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างเก้ๆกังๆ นั่นทำให้ฉันอดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้
“ยงฮวา
พ่อดีใจด้วยนะที่เธอกลับมาพูดได้อีกครั้ง จากนี้ไปฝากดูแลน้องด้วยนะ” พ่อเดินจูงมือฉันไปหาพี่ยงฮวาก่อนจะส่งมือแนให้พี่ยงฮวาจับไว้อีกครั้ง เหมือนในวันนั้น
วันแต่งงานของเรา
“ผมจะดูแลซอฮยอนให้ดีที่สุดแน่นอนครับ” เราสองคนตกลงกันว่าจะไม่เล่าเรื่องเหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ท่านทั้งสองฟัง แต่เลือกจะปล่อยให้มันเลือกหายไปตามกาลเวลาแทน
”แล้ววันนี้จะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนมั๊ยล่ะ” พ่อเอ่ยถามฉันขึ้นมาเมื่อท่านเดินไปนั่งข้างแม่อีกครั้งและเริ่มปลอบแม่ฉันที่กำลังสะอื้นแทน
”วันนี้คงไม่สะดวกค่ะพ่อ เพราะเดี๋ยวหนูกับพี่ยงฮวาต้องไปหาคุณแม่พี่ยงฮวาเพื่อบอกเรื่องพี่เขาพูดได้ก่อนน่ะค่ะ”
”โอ้ งั้นรีบไปเถอะซอฮยอน ดูแลตัวเองนะลูก พ่อกับแม่รักลูกเสมอนะ” ฉันเดินเข้าไปนั่งลงแล้วสวมกอดท่านทั้งสองอีกครั้ง แม่ลูบหัวฉันเบาๆ แล้วท่านทั้งสองก็เดินออกมาส่งฉันกับพี่ยงฮวาขึ้นรถที่หน้าบ้าน ท่านยืนมองรถของพี่ยงฮวาเคลื่อนไปจนลับตา เหมือนอย่างที่ฉันก็มองท่านทั้งสองจนลับตาเช่นกัน
”แล้ววันนี้จะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนมั๊ยล่ะ” พ่อเอ่ยถามฉันขึ้นมาเมื่อท่านเดินไปนั่งข้างแม่อีกครั้งและเริ่มปลอบแม่ฉันที่กำลังสะอื้นแทน
”วันนี้คงไม่สะดวกค่ะพ่อ เพราะเดี๋ยวหนูกับพี่ยงฮวาต้องไปหาคุณแม่พี่ยงฮวาเพื่อบอกเรื่องพี่เขาพูดได้ก่อนน่ะค่ะ”
”โอ้ งั้นรีบไปเถอะซอฮยอน ดูแลตัวเองนะลูก พ่อกับแม่รักลูกเสมอนะ” ฉันเดินเข้าไปนั่งลงแล้วสวมกอดท่านทั้งสองอีกครั้ง แม่ลูบหัวฉันเบาๆ แล้วท่านทั้งสองก็เดินออกมาส่งฉันกับพี่ยงฮวาขึ้นรถที่หน้าบ้าน ท่านยืนมองรถของพี่ยงฮวาเคลื่อนไปจนลับตา เหมือนอย่างที่ฉันก็มองท่านทั้งสองจนลับตาเช่นกัน
หลังจากนั้นพี่ยงฮวาก็พาฉันขับรถมาต่อที่เป้าหมายถัดไปก็คือบ้านของพ่อกับแม่ของพี่ยงฮวา แต่ป้าแม่บ้านบอกว่าท่านทั้งสองต้องบินไปบรรยายงานที่ต่างประเทศ เราสองคนเลยได้แต่มองหน้ากันก่อนพี่ยงฮวาจะโอบไหล่ฉันเดินออกมาจากบ้านแล้วขับรถออกไปทันที
”ไปไหนกันต่อดีล่ะฮยอน มีอะที่เธออยากทำรึเปล่าน่ะ” พี่ยงฮวาเอ่ยถามฉันขึ้นมาเมื่อเราอยู่บนรถกันสองคน
”ฉันอยากไปบริจาคเลือดค่ะ”
”หาาาา~ เอาจริงหรอฮยอน”
”เราแต่งงานกันก็นานมากแล้วนะคะพี่ยงฮวา ฉันว่าเราน่าจะทำอะไรด้วยกันสักอย่างเพื่อชีวิตคู่ของเรานะ”
”ไปไหนกันต่อดีล่ะฮยอน มีอะที่เธออยากทำรึเปล่าน่ะ” พี่ยงฮวาเอ่ยถามฉันขึ้นมาเมื่อเราอยู่บนรถกันสองคน
”ฉันอยากไปบริจาคเลือดค่ะ”
”หาาาา~ เอาจริงหรอฮยอน”
”เราแต่งงานกันก็นานมากแล้วนะคะพี่ยงฮวา ฉันว่าเราน่าจะทำอะไรด้วยกันสักอย่างเพื่อชีวิตคู่ของเรานะ”
“บริจาคเลือดนี่นะฮยอน” พี่ยงฮวาดูจะเหลือเชื่อในความคิดของฉันมากเลยล่ะ
“แน่นอนค่ะ เลี้ยวลดไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะพี่!” ฉันยืนยันความตั้งใจก่อนจะสั่งให้เขาเลี้ยวรถไปที่ๆเราจะไปบริจาคเลือดกัน ธนาคารเลือดนั่นเอง ^ ^
“อ๊ะ! นี่พี่ยูรินี่คะ มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ที่นี่ด้วย” ระหว่างที่ฉันกับพี่ยงฮวากำลังจะเดินเข้าไปในตัวอาคารก็เห็นรูปพี่ยูริอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าซะก่อน
“ว้าวว พวกเขาต้องการเลือดกรุ๊ปAด้วยนะเนี่ย พวกเขากำลังต้องการเราเลยหล่ะฮยอน ฮ่าๆ”
“จริงด้วยค่ะพี่ เห็นมั๊ย ฉันบอกแล้วว่าเรามาบริจาคเลือดกันน่ะดีแล้ว” ฉันพูดอย่างมีความสุขก่อนจะคล้องแขนเข้าที่แขนของพี่ยงฮวาก่อนจะเดินเข้าไปในธนาคารเลือดด้วยกัน
”พี่คะ นี่เป็นครั้งแรกของฉันเลยนะในที่แบบนี้” ฉันหันไปกระซิบเบาๆกับพี่ยงฮวา ในทันใดนั้นพนักงานดูแลก็เดินเข้ามาหาเรา
”พี่คะ นี่เป็นครั้งแรกของฉันเลยนะในที่แบบนี้” ฉันหันไปกระซิบเบาๆกับพี่ยงฮวา ในทันใดนั้นพนักงานดูแลก็เดินเข้ามาหาเรา
”สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยคุณได้บ้างมั๊ย” พนักงานผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามแต่ซอฮยอนโดยไม่มองหน้ายงฮวาเลย ทำให้ยงฮวายกมือขึ้นมาโอบไหล่ของเธอเอาไว้
”สวัสดีครับ นี่เป็นครั้งแรกของเราสองคน ภรรยาของผมเธออยากมาบริจาคเลือดเพื่อฉลองชีวิตคู่ที่แสนจะยาวนานลราบรื่นของเราน่ะครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ” ฉันอดที่จะหลุดขำออกมาเบาๆกับท่าทีของพี่ยงฮวาไม่ได้ จึงได้แต่ตีไปที่แขนของเขาเบาๆเท่านั้นก่อนจะหันหน้ามาหาพนักงานคนนั้นที่ยืนหน้าเหวอไปแล้ว = =
”คะ ครับผม เชิญนั่งก่อนเลยครับ” พนักงานคนนั้นก็เชิญให้เรานั่งลงที่โต๊ะหน้าเคาท์เตอร์ ก่อนจะหยิบเอกสารขึ้นมาให้เรากรอกลงไป
”โอ้ ว่าแต่พวกคุณได้เอาบัตรประจำตัวมามั๊ยครับ”
”เอามาค่ะ” ฉันหันไปหยิบบักตรของฉันออกมาจากกระเป๋าสตางค์ก่อนจะหันกลับมามองพี่ยงฮวา และพบกว่าพี่เขากำลังแอบดูของฉันอยู่เหมือนกัน
”พี่คะขี้โกงนี่นา เปิดพร้อมกันนะ 1 2 .3 ว้าววววว” ฉันร้องออกมาทันทีที่ได้เห็นบัตรของพี่ยงฮวา พี่เขาตอนเป็นเด็กวัยรุ่นหล่อมากเลย > <
”เธอน่ารักจังฮยอน ดูแก้มสิ ฮ่าๆ” แล้วเราสองคนก็ยื่นบัตรประจำตัวให้พนักงานชายคนนั้นไปก่อนจะหันมากรอกประวัติต่อ
”อืมม พี่คะ มันไม่เจ็บหรอกใช่มั๊ย” ฉันเอียงตัวไปกระซิบถามพี่ยงฮวาเบาๆ
“นั่นสิ ไม่เจ็บใช่มั๊ยนะ”
“ไม่เจ็บหรอกเนอะ” แล้วต่างคนต่างก็หลุดเข้าไปในภวังค์ของตัวเองที่ว่า การบริจาคเลือดนี้จะเจ็บหรือไม่เจ็บ
“ถ้ากรอกประวัติเสร้จแล้ว เชิญที่ห้องตรวจสุขภาพก่อนเลยนะครับ” พนักงานคนเดินเดินเข้ามาบอกรเสองคน โดยครั้งนี้เขาเลือกจะเดินไปบอกพี่ยงฮวาแทนที่จะเดินมาบอกฉัน ฉันคิดว่าเขาคงกลัวๆพี่ยงฮวาแล้วแน่เลย 5555
“พี่ไปตรวจก่อนนะฮยอน
จะไปแบบแมนๆเลย ฮ่าๆ”
“รีบกลับมานะคะพี่” พี่ยงฮวาเดินมาบีบมือฉันเบาๆก่อนเดินเข้าห้องตรวจไป
”สวัสดีค่ะ”
”สวัสดีครับ”
”เมื่อเช้าคุณทานอาหารเช้ามารึเปล่าคะ” พยาบาลที่ทำหน้าที่ตรวจสุขภาพถามยงฮวาขึ้นมา
”ทานมาแล้วครับ”
”แล้วเคยบริจาคเลือดมาก่อนมั๊ยคะ”
”ไม่เคยเลยครับ”
”เมื่อคืนคุณนอนกี่ชั่วโมงคะ”
”อืม ประมาณห้าชั่วโมงนะครับ”
”อ่า .ห้าชั่วโมงหรอคะ” ถึงตอนนี้นางพยาบาลเริ่มมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป หรือบางที การนอนน้อยจะไม่สามารถบริจาคเลือดได้นะเนี่ย ยงฮวาก็ได้แต่คิดในใจอย่างกระวนกระวาย เขาเพียรชะเง้อคอหันกลับไปมองนอกห้อง ที่ๆซอจูฮยอนนั่งอยู่อย่างเป็นห่วง ถ้าเขาบริจาคเลือดไม่ได้ขึ้นมาล่ะ ซอฮยอนจะเป็นยังไงบ้างนะ?
“เมื่อวานได้ดื่มแอลกอฮอลล์มั๊ยคะ”
“ไม่ครับ”
“นอนหลับสบายดีนะคะ อืม
แล้วเมื่อช่วงปีที่ผ่านมาคุณได้ไปต่างประเทศมามั๊ยคะ”
“ปีที่ผ่านมาหรอ ไม่ครับผมไม่ได้ไปไหน”
“เดือนที่ผ่านมาละคะ”
”เดือนที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไปไหนครับ”
”เดือนที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไปไหนครับ”
“งั้นเดี๋ยวฉันจะตรวจกรุ๊ปเลือดให้คุณนะคะ กรุณาส่งมือมาด้วยค่ะ” แล้วพยาบาลคนนั้นก็ใช้เข็มสำหรับตรวจเลือดจิ้มลงไปหนึ่งทีบนนิ้วของยงฮวา แล้วไม่นานผลก็ออกมา
”ค่ะ ผลก็คือคุณเลือดกรุ๊ปAนะคะ แล้วช่วงนี้คุณก็ไม่ได้รับการรักษาอะไรเป็นพิเศษ แล้วก็ไม่ได้ออกไปต่างประเทศเลย ร่างกายคุณแข็งแรงดีเพราะฉะนั้นวันนี้คุณบริจาคเลือดได้ค่ะ”
”จริงหรอครับ ผมบริจาคเลือดได้ใช่มั๊ย” ยงฮวาถามขึ้นอย่างดีใจ
”แน่นอนค่ะ คุณรอที่หน้าห้องตรวจสุขภาพได้เลยค่ะ ทำใจให้สบายนะคะ ^ ^”
”ขอบคุณมากๆครับผม ขอบคุณครับ”
”ไม่เป็นไรค่ะ” แล้วยงฮวาก็ออกมาจากห้องตรวจสุขภาพด้วยความเบิกบานใจ
”ค่ะ ผลก็คือคุณเลือดกรุ๊ปAนะคะ แล้วช่วงนี้คุณก็ไม่ได้รับการรักษาอะไรเป็นพิเศษ แล้วก็ไม่ได้ออกไปต่างประเทศเลย ร่างกายคุณแข็งแรงดีเพราะฉะนั้นวันนี้คุณบริจาคเลือดได้ค่ะ”
”จริงหรอครับ ผมบริจาคเลือดได้ใช่มั๊ย” ยงฮวาถามขึ้นอย่างดีใจ
”แน่นอนค่ะ คุณรอที่หน้าห้องตรวจสุขภาพได้เลยค่ะ ทำใจให้สบายนะคะ ^ ^”
”ขอบคุณมากๆครับผม ขอบคุณครับ”
”ไม่เป็นไรค่ะ” แล้วยงฮวาก็ออกมาจากห้องตรวจสุขภาพด้วยความเบิกบานใจ
”เป็นไงบ้างคะพี่” ฉันรีบวิ่งเข้าไปถามเขาทันทีที่พี่ยงฮวาออกมาจากห้อง
”พี่ คือว่า ”
”พี่คะ พี่บริจาคไม่ได้หรอ”
”พี่ คือว่า ”
”พี่คะ พี่บริจาคไม่ได้หรอ”
“พี่บริจาคได้อยู่แล้ว นี่สามียงผู้แข็งแรงนะฮยอน ฮ่าๆ” พี่ยงฮวาหัวเราะออกมาก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแก้มฉันไปมา
“คนบ้า แกล้งฉันแรงๆแบบนี้อีกแล้วนะคะ” ฉันตีไปที่แขนของเขาเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตรวจสุขภาพที่เขาเพิ่งออกมา
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” ฉันโค้งตัวให้นายพยาบาลผู้ตรวจก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเธอ
“เมื่อคืนนอนพักเพียงพอแล้วใช่มั๊ยคะ”
”ใช่ค่ะ”
”แล้วทานอาหารมารึยังคะ”
”เรียบร้อยแล้วค่ะ”
”ช่วงปีที่ผ่านมาได้ออกไปต่างประเทศมั๊ยคะ”
”คือฉันไปประเทศไทยมาค่ะ”
”ที่ไหนของประเทศไทยคะ”
”อ่า ภูเก็ตค่ะ” ตอนนั้นฉันไปทริปส่งท้ายรุ่นพี่กับคณะบัญชีของฉัน พวกเขาไปเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่ประเทศไทยฉันเลยได้ไปด้วย และช่วงเวลานั้นเองพี่สาวทั้งแปดของฉันก็ไปถ่ายโฟโต้บุ๊กที่ภูเก็ตเหมือนกัน เห็นมั๊ยล่ะว่าฉันดวงผูกพันกับคำว่าโซนยอชิแดจริงๆนะ J
”คุณได้รับการรักษาอะไรอยู่มั๊ยคะตอนนี้” นางพยาบาลถามฉันขึ้นมาในระหว่างที่เธอกำลังตรวจเลือดของฉันอยู่
”การรักษาอะไรคะ”
”ใช่ค่ะ”
”แล้วทานอาหารมารึยังคะ”
”เรียบร้อยแล้วค่ะ”
”ช่วงปีที่ผ่านมาได้ออกไปต่างประเทศมั๊ยคะ”
”คือฉันไปประเทศไทยมาค่ะ”
”ที่ไหนของประเทศไทยคะ”
”อ่า ภูเก็ตค่ะ” ตอนนั้นฉันไปทริปส่งท้ายรุ่นพี่กับคณะบัญชีของฉัน พวกเขาไปเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่ประเทศไทยฉันเลยได้ไปด้วย และช่วงเวลานั้นเองพี่สาวทั้งแปดของฉันก็ไปถ่ายโฟโต้บุ๊กที่ภูเก็ตเหมือนกัน เห็นมั๊ยล่ะว่าฉันดวงผูกพันกับคำว่าโซนยอชิแดจริงๆนะ J
”คุณได้รับการรักษาอะไรอยู่มั๊ยคะตอนนี้” นางพยาบาลถามฉันขึ้นมาในระหว่างที่เธอกำลังตรวจเลือดของฉันอยู่
”การรักษาอะไรคะ”
“อย่างพวกยาที่ได้รับธาตุเหล็กมากๆน่ะค่ะ”
“ไม่นะคะ มีอะไรรึเปล่าคะ” ฉันถามออกไปอย่างตกใจ นี่ถ้าฉันบริจาคเลือดไม่ได้ล่ะ ไม่นะ พี่ยงฮวาก็ต้องบริจาคคนเดียวงั้นหรอ T^T
“คุณมีปริมาณธาตุเหล็กในเลือดสูงนะคะ คุณสามารถบริจาคเลือดได้ค่ะ”
“จริงหรือคะ ขอบคุณมากๆนะคะ” ฉันโค้งหัวให้พยาบาลคนนั้นอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาแล้วพบว่าพี่ยงฮวายืนรอฉันอยู่ที่หน้าห้องตรวจแล้ว
“เธอบอกว่าฉันสุขภาพดีมากค่ะพี่”
”โอ้! อย่างนั้นหรอ งั้นเราไปบริจาคเลือดกันเลยดีมั๊ย เธอพร้อมรึเปล่า”
”โอเคค่ะ” ฉันหันหน้าไปสบตากับพี่ยงฮวาอีกครั้งนึงก่อนเราจะเดินตามพยาบาลอีกคนไปที่เตียงสำหรับบริจาคเลือด
”พี่คะ ”
”พี่นอนอยู่ข้างๆเธอนี่แหละนะฮยอน” ฉันได้ยินเสียงพี่ยงฮวาเอ่ยขึ้นมาในตอนที่พยาบาลคนนึงเดินเข้ามาหาเส้นเลือดที่แขนของฉันเพื่อจิ้มเข็มเข้าไป และเธอก็ยืนบังหน้าของพี่ยงฮวาไปซะแล้ว
” ”
” ” เราต่างก็เงียบกันไปสักพักจนกระทั่งพยาบาลคนนั้นเดินเปลี่ยนที่ไปยังแขนข้างซ้ายของฉันแทน เธอบอกง่าแขนข้างขวาของฉันหาเส้นเลือดยากจึงต้องเปลี่ยนเป็นแขนซ้าย ประจงบเหมาะกับที่พี่ยงฮวาเองก็โดนเข็มจิ้มอยู่ที่แขนขวา นั่นจึงทำให้แขนซ้ายของเขาว่าง และแขนขวาของฉันก็ว่างเช่นกัน เอ่อ ฉันต้องบอกมั๊ยคะว่าหลังจากนั้นไม่กี่นาที มือที่ว่างของเราทั้งสองก็ไม่ว่างซะแล้ว -////-
”โอ้! อย่างนั้นหรอ งั้นเราไปบริจาคเลือดกันเลยดีมั๊ย เธอพร้อมรึเปล่า”
”โอเคค่ะ” ฉันหันหน้าไปสบตากับพี่ยงฮวาอีกครั้งนึงก่อนเราจะเดินตามพยาบาลอีกคนไปที่เตียงสำหรับบริจาคเลือด
”พี่คะ ”
”พี่นอนอยู่ข้างๆเธอนี่แหละนะฮยอน” ฉันได้ยินเสียงพี่ยงฮวาเอ่ยขึ้นมาในตอนที่พยาบาลคนนึงเดินเข้ามาหาเส้นเลือดที่แขนของฉันเพื่อจิ้มเข็มเข้าไป และเธอก็ยืนบังหน้าของพี่ยงฮวาไปซะแล้ว
” ”
” ” เราต่างก็เงียบกันไปสักพักจนกระทั่งพยาบาลคนนั้นเดินเปลี่ยนที่ไปยังแขนข้างซ้ายของฉันแทน เธอบอกง่าแขนข้างขวาของฉันหาเส้นเลือดยากจึงต้องเปลี่ยนเป็นแขนซ้าย ประจงบเหมาะกับที่พี่ยงฮวาเองก็โดนเข็มจิ้มอยู่ที่แขนขวา นั่นจึงทำให้แขนซ้ายของเขาว่าง และแขนขวาของฉันก็ว่างเช่นกัน เอ่อ ฉันต้องบอกมั๊ยคะว่าหลังจากนั้นไม่กี่นาที มือที่ว่างของเราทั้งสองก็ไม่ว่างซะแล้ว -////-
“ช่วยนอนให้สบายๆนะคะ แล้วก็กำมือสลับกับแบมือ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ สักสิบนาทีต่อจากนี้ก็เสร็จแล้วค่ะ” นางพยาบาลบอกฉันกับพี่ยงฮวาก่อนเธอจะเดินไปนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ และทันใดนั้นพี่ยงฮวาก็เรียกฉันขึ้นมา
”ซอฮยอนอา~” ฉันหันไปมองก่อนจะหัวเราะออกมากับท่าทางขี้เล่นของเขา
”พี่นอนนิ่งๆสิคะ” ฉันดุเขาเบาๆเมื่อเห็นว่าเขาพยายามเอื้อมมือออกมาเพื่อจะจับมือฉันที่ว่างอยู่ แต่เขาไม่ลดความพยายามเลย ฉันจึงหัวเราะเบาๆกับตัวเองก่อนจะยื่นมือขวาของฉันออกไปให้พี่ยงฮวาจับไว้ เมื่อปลายนิ้วของเราแตะกัน ก่อนพี่ยงฮวาจะกอบกุมมือของฉันเอาไว้จนหมดในเวลาต่อมานั้น เพียงแค่วูบเดียวที่นิ้วของฉันแตะกับพี่ยงฮวา หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นมากเลยทีเดียว จนฉันมองไปที่สายที่ต่อกับเข็ม เลือดของฉันไหลที่กำลังไหลลงไปในถุงนั้นแรงมากจริงๆ
”ฮยอน~ เธอโอเครึเปล่า”
”ซอฮยอนอา~” ฉันหันไปมองก่อนจะหัวเราะออกมากับท่าทางขี้เล่นของเขา
”พี่นอนนิ่งๆสิคะ” ฉันดุเขาเบาๆเมื่อเห็นว่าเขาพยายามเอื้อมมือออกมาเพื่อจะจับมือฉันที่ว่างอยู่ แต่เขาไม่ลดความพยายามเลย ฉันจึงหัวเราะเบาๆกับตัวเองก่อนจะยื่นมือขวาของฉันออกไปให้พี่ยงฮวาจับไว้ เมื่อปลายนิ้วของเราแตะกัน ก่อนพี่ยงฮวาจะกอบกุมมือของฉันเอาไว้จนหมดในเวลาต่อมานั้น เพียงแค่วูบเดียวที่นิ้วของฉันแตะกับพี่ยงฮวา หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นมากเลยทีเดียว จนฉันมองไปที่สายที่ต่อกับเข็ม เลือดของฉันไหลที่กำลังไหลลงไปในถุงนั้นแรงมากจริงๆ
”ฮยอน~ เธอโอเครึเปล่า”
“ไม่เจ็บเลยค่ะพี่ แล้วพี่เป็นไงบ้างน่ะ”
“พี่คิดถึงเธอมากเลย
นอนแบบนี้มันทำให้พี่ไม่ได้เห็นหน้าเธอ พี่คิดถึงเธอจะแย่อยู่แล้วเด็กน้อย
” พี่ยงฮวาพูดกับฉันทั้งๆที่เขายังหลับตาอยู่อย่างนั้น ฉันที่ได้ฟังก็ยิ่งใจเต้นมากกว่าเก่าจนนางพยาบาลเดินเข้ามาดูแล้วเดินไปบอกพี่ยงฮวา
“คุณ เอ่อ
อย่าทำให้ใจเธอเต้นแรงสิคะ เลือดที่สูบฉีดจะไหลแรงมากขึ้นตามจังหวะการเต้นของหัวใจนะคะ เธออาจจะเสียเลือดฉับพลับ เพราะฉะนั้น ตอนนี้แค่จับมือกันและกันเอาไว้ก็พอนะคะคุณยงฮวา”
“ครับผม ขอโทษทีครับ” แล้วพี่ยงฮวาก็ถูกพยาบาลคนนั้นดุเพราะมาทำให้ฉันใจเต้นแรง > < และเวลาที่เหลือต่อจากนั้นก็มีเพียงความเงียบระหว่างเรากับฝ่ามือที่อุ่นจนชื้นเพราะเหงื่อออกเท่านั้น
"-------------------------------------------------------------
Talk with writer :
Merry Christmas
ตอนนี้มาแบบมึนๆงง แต่ก็ยังคงความหวานของยงซอเอาไว้อยู่ดี > <
ตอนนี้เรื่องราวก็เคลียร์ไปหลายเรื่องแล้ว
ทั้งปมยงพูดไม่ได้
แล้วก็เรื่องน้องเป็นไอดอล
จะบอกว่าอีกไม่นาน คำว่า ‘ตอนจบ’ จะคืบคลานเข้ามาหาทุกคนแล้วน้า~
ตอนนี้แอบขัดใจที่ในวีก๊อตยงบริจาคเลือดพร้อมน้องไม่ได้
ก็เลยทำให้ยงบริจาคได้ซะเลย > <
น้องจะได้ไม่เจ็บคนเดียวไงคะ เนอะๆ ~
ตอนนี้แอบขัดใจที่ในวีก๊อตยงบริจาคเลือดพร้อมน้องไม่ได้
ก็เลยทำให้ยงบริจาคได้ซะเลย > <
น้องจะได้ไม่เจ็บคนเดียวไงคะ เนอะๆ ~
หวานก็ไม่รู้ว่าอีกไม่นานของหวานเนี่ย จะนานสักแค่ไหนเหมือนกัน 55555
หวานคิดว่าถ้าจะให้ไขปมของหนุ่มๆคนที่เหลือด้วยเนี่ยมันจะยืดยาวน่าเบื่อ
ก็เลยตัดสินใจว่า พอยงซอตอนนี้จบ!
จะเขียนเรื่องต่อของสามหนุ่มที่เหลือ และ ft.yongseo แทน
ก็คือ เรื่องต่อไปที่จะเขียนจะเป็นความรักของสามหนุ่ม
มีแต่ละคนเป็นคนเดินเรื่อง และมียงซอเข้ามาพัวพัน(?) 555
ก็อย่าทิ้งกันนะคะ หนุ่มๆกับสาวๆที่เหลือจะน้อยใจเอาน้า~
สุดท้ายนี้ เอนจอยรีดดิ้งนะคะ J
ไอแอมพีเอสสึ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น