คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่11
ตอนที่11
เช้าวันถัดมาฉันตื่นขึ้นเพราะเสียงดังของกระทะกับตะหลิวที่ทะเลาะกันอยู่ในครัวนั้นดังขึ้น เมื่อฉันออกมาก็พบว่าแผ่นหลังที่คุ้นเคยของพี่ยงฮวากำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตาแก๊ส ฉันขยี้ผมตัวเล็กเล็กน้อยพอให้เป็นทรงก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างๆเพื่อดูว่าเช้าวันนี้พี่ยงฮวาทำอะไรอยู่ เมื่อเขาหันมามองฉันก่อนจะยิ้มมุมปากให้ฉันแล้ววางตะหลิวที่ทอดแฮมอยู่ในกระทะลง และจู่ๆเขาก็รวบตัวฉันขึ้นมาวางไว้บนเคาท์เตอร์ครัวข้างๆที่ว่างอยู่แทน ลำแขนแข็งแรงของเขาที่อุ้มฉันขึ้นมานั้นวางค้ำกับเคาท์เตอร์ครัวอยู่ เพื่อคร่อมไว้ไม่ให้ฉันหนีไปไหนได้
“พี่ยงฮวา
>///<” ฉันเอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
“
” แต่พี่ยงฮวาก็ทำเพียงแค่ยืนจ้องหน้าฉันอยู่อย่างนั้นจนฉันเริ่มได้กลิ่นไหม้โชยมา
“พี่คะๆ รีบไปดูสิคะ แฮมไหม้แล้วนะ” ฉันชี้ไปที่กระทะอย่างตกใจ แต่พี่ยงฮวากลับใช้เพียงแขนยาวของเขาไปเขี่ยๆพลิกด้านแฮมเท่านั้น ส่วนแขนอีกข้างน่ะเหรอ อ๋อ
ก็ยังวางค้ำกับเคาท์เตอร์ครัวอยู่น่ะสิ นี่พี่เขากลัวฉันจะหนีไปไหนหรือไงนะ อย่าว่าแต่จะหนีไปไหนเลย แค่มีแรงควบคุมสติไม่ให้ใจเต้นจนเป็นลมไปนี่ก็เก่งมากแล้วซอจูฮยอน > <
“
” พี่ยงฮวาหันหน้ามามองหน้าฉันอีกครั้ง ก่อนเขาจะเดินไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบแอปเปิ้ลกับกล้วยออกมาแล้วปั่นน้ำผลไม้
“พี่จะทำอะไรหรอคะเช้านี้ ให้ฉันช่วยไหม” พี่ยงฮวาไม่ตอบเพราะเขากำลังใส่ผลไม้ทั้งหมดในเครื่องปั่นอย่างตั้งใจ เขาเทนมสดและน้ำผึ้งลงไปนิดหน่อยก่อนจะเริ่มปั่น และเมื่อปั่นเสร็จเขาก็เทใส่แก้วแล้วยื่นมาให้ฉัน
“นี่อาหารเช้าจากพี่หรอคะ ทำได้แค่นี้เองหรอออ^ ^” ฉันแกล้งยั่วเขาก่อนจะรับแก้วน้ำปั่นมาดื่ม
“หืมมม~ รสชาติใช้ได้เลยนะคะ” ฉันพูดออกไปด้วยความสัตย์จริง พี่ยงฮวาที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างปิดไม่มิด ก่อนเขาจะไปทำอาหารต่อโดยที่มืออีกข้างของเขานั้นกอบกุมมือของฉันไว้ตลอดเวลา
“เราจะไปปิกนิกกันหรอคะ” ฉันถามขึ้นเมื่อพี่ยงฮวาหยิบขนมปังแผ่นออกมา พี่ยงฮวาไม่ตอบแต่กลับหันมายิ้มให้ฉันด้วยสายตากรุ้มกริ่ม > < ซึ่งนั่นมันทำให้ขีดความอดทนที่จะอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ของฉันขาดลงไปทันที ฉันกระโดดลงจากเคาท์เตอร์ครัวอย่างเร็ว ถ้าหากฉันยังนั่งให้เขากุมมือแล้วมองมาที่ฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้นานกว่านี้ ฉันคงเป็นคนที่เก่งมากๆเลยล่ะ -///-
“
” ฉันลงมายืนอยู่ข้างๆเขาแล้วตีไปที่ต้นแขนของเขาเบาๆแล้วเดินไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ แต่ทว่าพี่ยงฮวากลับคว้าข้อมือของฉันเอาไว้แล้วดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาแทน แล้วเขาก็ทำอาหารต่อไปโดยไม่สนใจเลยว่าร่างบางของซอจูฮยอนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาตอนนี้นั้นตื่นเต้นมากแค่ไหน ซอฮยอนที่ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอพยายามจะลอดออกใต้แขนของเขา แต่เขาก็จะเขยิบตัวเบียดเธอมากขึ้นไปอีกเมื่อเธอจะทำอะไรแบบนั้น เมื่อเธอหันหน้ามาก็ปะทะเข้ากับแผงอกกว้างของคนตรงหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยงฮวาเห็นท่าทางของเธอตอนหันหน้ามานั้นก็อดขำไม่ได้ เขาโน้มลงไปจุมพิตเบาๆที่หน้าผากของคนในอ้อมแขนก่อนจะเตรียมอาหารต่อไปอย่างไม่สนใจ
“O////O”
“
” ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ฉันที่ถูกพี่ยงฮวาจูบเบาไปแบบนั้นยิ่งทำอะไรไม่ถูก ฉันจึงได้แต่ก้มหน้าเพื่อหลบสายตาของเขาก่อนจะยกมือขึ้นมาแนบแก้มที่กำลังร้อนฉ่าเอาไว้ และทันใดนั้นพี่ยงฮวาก็วางมือจากการทำอาหารแล้วสวมกอดฉันอย่างนุ่มนวล เขาลูบฝ่ามือไปบนเรือนผมของฉันอย่างแผ่วเบา ฉันเลยได้แต่ซุกหน้าลงไปบนอกของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ และอ้อมกอดของเขาก็ทำให้หัวใจของฉันอบอุ่นได้มากเหลือเกิน หากฉันจะกอดเขาเพื่อทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นด้วย ก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง -////-
ฉันค่อยๆกอดตอบพี่ยงฮวาช้าๆก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น พี่ยงฮวาโยกตัวฉันไปมาช้าๆก่อนฉันจะได้ยินเสียงเขาหัวเราะอย่างมีความสุขเบาๆที่ข้างหู
“ฉันอยากตื่นมาแล้วมีพี่กอดฉันแบบนี้ทุกๆเช้าจังเลยค่ะ
” ฉันพูดในสิ่งที่อยู่ข้างในใจออกไปอย่างไม่ลังเล ฉันอยากให้เขารับรู้ว่าฉันรู้สึกดีกับสิ่งที่เขากำลังทำให้ฉันอยู่
“
” พี่ยงฮวาไม่ตอบรับอะไรแต่เขากลับกอดฉันให้แน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม โดยที่ซอจูฮยอนไม่รู้ว่าในตอนนั้นจองยงฮวาอดที่จะยิ้มกว้างๆออกมาไม่ได้ เขาเองก็อยากจะบอกเธอให้รู้เหมือนกันว่า เขาก็รู้สึกดีที่ได้กอดเธอแบบนี้เหมือนกัน แม้ว่าตอนนี้เขาจะพูดบอกเธอตรงๆไม่ได้ แต่เขาหวังว่าอ้อมกอดของเขาคงจะบอกเธอให้รับรู้ได้บ้างล่ะนะ :)
“เสร็จแล้ววว ~เห็นมั๊ยคะ ฉันบอกพี่แต่แรกแล้วว่าให้ฉันช่วยก็ไม่เชื่อ” หลังจากที่พี่ยงฮวาคลายอ้อมกอดจากฉันออกแล้วนั้น เราก็ช่วยกันทำแซนด์วิชจนเสร็จ ฉันถามว่าเราจะไปที่ไหนกันพี่เขาก็ไม่แสดงท่าทีอะไรให้ฉันเดาได้เลย พอเตรียมของเสร็จแล้วพี่ยงฮวาก็กอดคอฉันจากด้านหลังแล้วดันตัวฉันไปที่ห้องน้ำ โดยที่คางของเขาวางเอาไว้บนไหล่ฉันอย่างที่เขาเคยทำตอนเราไปร้านหนังสือที่ห้างสรรพสินค้ากันคราวนั้น ซึ่งมันไม่เป็นผลดีต่อฉันเลย ให้ตายสิ
ลมหายใจของเขากำลังรินรดอยู่ข้างใบหูของฉัน คุณจะให้ฉันไม่รู้สึกอะไรได้ยังไง ฉันก็เขินเป็นนะคะ >____<
ฉันใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก เมื่ออกมาก็เห็นพี่ยงฮวากำลังง่วนอยู่กับการเตรียมไดร์เป่าผมเอาไว้ เขาบอกให้ฉันไปนั่งแล้วเริ่มเป่าผมให้ฉัน แต่ฉันมีความรู้สึกว่าถ้าปล่อยให้เขาเป่าผมให้ฉันอย่างนั้นต่อไป เราคงไม่ได้ออกไปข้างนอกอย่างแน่นอน ฉันจึงไล่เขาให้ไปอาบน้ำก่อนจะทำผมเองอย่างเคยชิน หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย พี่ยงฮวาก็พาฉันขึ้นรถแล้วขับออกไปโดยไม่บอกฉันเลยว่าเรากำลังจะไปไหนกัน
“พี่บอกฉันหน่อยสิคะว่าเราจะไปไหนกัน” พี่ยงฮวาเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยแล้วก็ขับรถออกไปไม่ตอบอะไรฉันสักคำ
“ถ้าอย่างนั้น..พี่พาฉันไปที่ๆนึงก่อนสิคะ”
“
?” พี่ยงฮวาหันหน้ามาถามเป็นเชิงว่าให้พาไปที่ไหน ฉันเลยบอกเขาไปว่าแค่ขับไปตามทางที่ฉันบอกก็พอ
“พี่คะ เราถึงแล้วรีบๆลงมาสิคะ” พี่ยงฮวาอิดออดไม่อยากลงจากรถจนฉันต้องไปลากตัวเขาออกจากเบาะคนขับด้วยตัวเอง
“
”
“ถึงพี่จะไม่อยากมาเราก็ต้องมาไม่วันใดวันหนึ่งอยู่ดีนะคะ” ฉันบอกกับเขาขณะที่พยายามดึงเขาออกมาจากรถ
“
”
“พี่ไปรอฉันข้างในก็ได้ค่ะ เดี๋วฉันหยิบแซนด์วิชที่แบ่งไว้ก่อนเดี๋ยวฉันตามเข้าไป” ฉันเดินไปหยิบแซนด์วิชที่ทำเพิ่มต่างหากติดมือเข้าไปด้วยเผื่อเธอจะฟื้นขึ้นมาแล้วยังไม่ได้กินอะไร
“
”
“พี่คะ
พี่เองก็เป็นห่วงเธอ ทำไมฉันจะไม่รู้คะ อย่าฝืนทำเป็นไม่อยากเข้าไปเลยค่ะ ฉันโอเคกับทุกอย่างค่ะพี่” ฉันบอกเขาอย่างหนักแน่นก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือของเขาแล้วเราก็เดินเข้าไปในลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักฟื้นที่เธอคนนั้นพักรักษาตัวอยู่ ห้องของปาร์กชินเฮ
“เราจะเข้าไปแล้วนะคะ” ฉันหันมาบอกพี่ยงฮวาเบาๆก่อนจะบิดลูกบิดประตูเข้าไป เมื่อฉันเดินเข้าไปก็เห็นจองชินชินกูนั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่โซฟาแล้วข้างๆเขานั้นก็มีมินฮยอกนอนพิงไหล่อยู่
“จองชินชินกู~” ฉันเดินเข้าไปทักเขา เมื่อจองชินหันหน้ามามองเขาก็รีบหันไปปลุกมินฮยอกทันที
“พี่สะใภ้ พี่ยงฮวา~ ไปไงมาไงเนี่ย” จองชินเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะเดินไปกอดไหล่พี่ยงฮวา
“หืออ ใครมานะจองชิน
” ทินฮยอกที่เพิ่งตื่นขยี้ตาน้อยๆก่อนมองมาที่ฉันกับพี่ยงฮวา พอเขารู้ว่าใครมาเท่านั้นแหละเด็กน้อยติดพี่ชายอย่างมินฮยอกก็วิ่งเข้าไปกอดพี่ยงฮวาอย่างแน่นเลยล่ะ
“พี่ยงฮวาาาาา ผมคิดถึงพี่จัง > <”
“
” ยงฮวาโยกหัวมินฮยอกน้อยๆอย่างรักใคร่
“ว่าแต่พวกเธอมาทำอะไรหรอ หรือว่ามาเยี่ยมพี่ชินเฮ”
“ใช่ ฉันทำแซนด์วิชมาฝากเธอน่ะ เผื่อเธอฟื้นขึ้นมาแล้วหิว”
“เธอยังไม่ฟื้นเลย แต่หมอบอกว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมากเพียงแค่ร่างกายกำลังพักผ่อนอยู่เท่านั้นเอง” จองชินบอกอาการของชินเฮให้ฉันฟังว่าเธอเป็นยังไงบ้าง
“อย่างนั้นเองหรอ
งั้นแซนด์วิชนี่พวกนายเอาไว้กินก็แล้วกันนะ” ฉันยื่นกล่องใส่แซนด์วิชที่เตรียมมาให้จองชินก่อนมินฮยอกจะวิ่งมาดูด้วย
“ขอบคุณนะฮะพี่สะใภ้ ผมกำลังหิวมากเลย TT^TT” มินฮยอกพูดออกมาก่อนจะลูบท้องตัวเองเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาหิวจริงๆ
“
” พอฉันยื่นแซนด์วิชให้ ทั้งสองคนก็รีบไปกินกันทันที เมื่อฉันหันไปมองพี่ยงฮวาก็พบว่าเขากำลังยืนมองไปที่เธออย่างเป็นห่วงเป็นใย สายตานุ่มนวลของเขาที่เคยมองฉัน ในตอนนี้ฉันต้องเห็นเขามองเธอคนนั้นอยู่
เจ็บ? ฉันกำลังรู้สึกเจ็บแปลบๆที่หัวใจอย่างนั้นหรอ ฉันว่าฉันเตรียมใจมารับรู้เรื่องแบบนี้แล้วนะ
แต่ทำไมหัวใจของฉันมันถึงยังเจ็บปวดกับภาพตรงหน้าได้มากขนาดนี้กันนะ
“เอ่อ
เดี๋ยวฉันมานะทุกคน ฝากพี่ยงฮวาแปบนึงนะ” ฉันหาทางเลี่ยงให้ตัวเองได้มีอากาศเข้าปอดมากกว่านี้โดยการเลือกจะออกไปข้างนอก แต่ทว่าพี่ยงฮวากลับรีบมาคว้าข้อมือของฉันเอาไว้ก่อน และจังหวะที่เรากำลังยืนจ้องตาเพื่อค้นหาสิ่งที่อีกฝ่ายคิดอยู่นั้นเอง พี่จงฮยอนก็เปิดประตูเข้ามาพอดี
“อ้าว! พี่ครับ มาได้ไงเนี่ย” พี่จงฮยอนเดินมาตบบ่าพี่ยงฮวาก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้ฉัน
“พี่สะใภ้ซอจูฮยอน สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะพี่จงฮยอน พี่สบายดีนะคะ”
“อะ อ๋อ
ก็ดีๆ
“อื้อออ พี่ฮะ ผมว่าพี่พาพี่สะใภ้ไปพักผ่อนเถอะนะฮะ เดี๋ยวทางนี้พวกผมดูแลเอง” แล้วมินฮยอกก็พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบภายในห้อง
“ใช่ พี่น่ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเดี๋ยวพวกเราดูแลพี่ชินเฮเอง พาพี่สะใภ้ไปเที่ยวให้สบายใจเถอะนะ” และจองชินชินกูก็พูดเสริมขึ้นมา
“
”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย แหะๆ” ฉันยิ้มแห้งๆออกมาให้ทุกคนก่อนจะรีบหุบเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่เลย = =
“เชื่อผมเถอะนะพี่ ไปเที่ยวกันเถอะไว้ทางนี้มีอะไรผมจะรีบโทรหาเลย ตกลงมั๊ย?” พี่จงฮยอนเดินกลับมายืนตรงหน้าฉันกับพี่ยงฮวาอีกครั้งก่อนจะตบไหล่พี่ยงฮวาเบาๆ
“
” พี่ยงฮวาไม่ตอบแต่เขาพยักหน้าเป็นเหมือนคำขอบคุณแล้วเขาก็เดินมาจูงมือฉันออกไปจากห้อง เมื่อเราอยู่บนรถต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ ฉันเอาแต่นั่งเงียบแล้วเสมองออกไปนอกหน้าต่างรถแทนโดยไม่สนใจว่าพี่ยงฮวาจะพาฉันไปที่ไหน เพราะภาพเมื่อครู่มันเอาแต่ฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวของฉันน่ะสิ
“
”
“
” เมื่อรถหยุดลงฉันก็พบว่าพี่ยงฮวาพาฉันมาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง พี่เขาลงมาเปิดประตูรถให้ฉันก่อนจะเดินอ้อมไปหยิบตะกร้าปิกนิกที่เบาะหลัง ฉันยังไม่พร้อมจะมองหน้าเขาตอนนี้จึงเลือกจะเดินออกมาก่อน ฉันหลับตาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้งก่อนจะลืมตาขึ้นมาพบกับสวนสาธารณะสีเขียวขจีที่มีดอกไม้ที่ปลูกประดับไว้มากมาย มีครอบครัวเล็กๆมาปิกนิกอยู่ก่อนแล้วสองสามครอบครัว ฉันเดินไปเรื่อยๆก่อนจะมีฝ่ามือของคนบางคนสอดเข้ามากอบกุมมือของฉันเอาไว้
“
”
“
” เราเดินไปด้วยกันอย่างเงียบๆเช่นเคย และเมื่อได้ที่เหมาะๆ พี่ยงฮวาก็หยิบเสื่อปิกนิกออกมาปูกางให้ฉันนั่ง วินาทีที่ฉันถอดรองเท้าออกแล้วก้าวเดินลงไปบนหญ้าสีเขียวเหล่านั้น ราวกับว่าความเย็นจากละอองน้ำที่อยู่บนยอดหญ้าจะช่วยขับไล่ความรู้สึกร้อนรุ่มในอกของฉันให้หายไปในที่สุด ฉันตัดสินใจลืมๆภาพนั้นไปแล้วหันมาให้ความสนใจอยู่กับปัจจุบันตอนนี้ที่สายตาของเขามองมาที่ฉันแค่คนเดียว
“พี่หิวรึยังคะ” ฉันเอียงคอถามพี่ยงฮวาก่อนจะหันไปหยิบของต่างๆที่เตรียมมาออกมาจากตะกร้า แต่ฉันก็ต้องชะงัดเมื่อพี่ยงฮวาล้มตัวลงมานอนหนุนตักฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อะไรคะพี่
เมื่อคืนนอนไม่พอหรือยังไง ทำไมต้องหนุนตักฉันด้วยเนี่ย คิกๆ~” ฉันแซวคนตรงหน้าที่ตอนนี้นอนหลับตาพริ้มอยู่บนตักของฉันอย่างกับเด็กน้อยประถมกำลังนอนกลางวัน
“
” ฉันเอื้อมมืออกไปลูบเส้นผมสีน้ำตาลของเขาอย่างหลงใหล ใบหน้าตอนที่เขาหลับมันเป็นอะไรที่ฉันชอบมองไปแล้วน่ะสิ
“
” จู่ๆพี่ยงฮวาก็ลืมตาขึ้นมาสบตากับฉันที่กำลังมองหน้าเขาอยู่พอดี เราจ้องกันอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนฉันจะเป็นคนละสายตาออกมาก่อน เพราะแรงต้านทานภายในตัวของฉันต่อท่าทางแบบนั้นของเขามันต่างกันเกินไป ฉันรับไม่ไหวหรอกนะ > ///<
“
” พี่ยงฮวาบีบจมูกฉันหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วนั่งขัดสมาธิแล้วมองฉันอย่างจงใจ
“พี่มองฉันทำไมคะ พอได้แล้วน่า
” ฉันหันหน้าหนีสายตาของเขาช้าๆแล้วทำเป็นหยิบแซนด์วิชออกมาจากกล่องแล้วส่งให้เขาหนึ่งชิ้น
“กินกันเลยเถอะค่ะ ฉันหิวแล้ว > <” แล้วฉันก็ก้มหน้าก้มตากินแซนด์วิชของตัวเองโดยไม่มองหน้าเขาเลยในระหว่างที่กิน
“
” ระหว่างนั้นฉันก็เงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าเป็นระยะๆ และทุกระยะที่ฉันเงยหน้าขึ้นมาก็จะมีดวงตาสีดำขลับมองมาที่ฉันอยู่อย่างนั้นทุกครั้ง
“พี่จะจ้องฉันอีกนานมั๊ยคะ เลิกมองเถอะน่า พี่คะฉันเขินจะแย่อยู่แล้วนะ!” ฉันบอกความรู้สึกที่อยู่ข้างในให้เขารู้ก่อนพี่ยงฮวาจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เขาเอี้ยวตัวไปหยิบกระดานไวท์บอร์ดที่อยู่ข้างๆตะกร้าปิกนิกขึ้นมาก่อนจะเขียนบางอย่างแล้วส่งมาให้ฉันอ่าน
“หืม ?” ฉันรับกระดานนั้นมาอ่านก่อนจะเงยหน้ามองพี่ยงฮวา
“พี่อยากรู้คำตอบจริงๆหรอคะ ให้ฉันตอบตามความจริงได้เลยใช่มั๊ย?” พี่ยงฮวาพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ตอบตามความจริง
“พี่ถามฉันว่า ตอนอยู่โรงพยาบาล ฉันหึงพี่หรอ
” ฉันเว้นวรรคไปสักพักเพื่อดูอาการของเขาก่อนจะตอบออกมาว่า
“คำตอบคือ ใช่ค่ะ ฉันหึงพี่” อ๊ากกกก ตอบออกไปแล้วซอจูฮยอน ก็ทำไงได้ ฉันคิดว่าความรู้สึกเจ็บแปลบๆนั้นมันคงเป็นอาการหึงแหละมั้ง ก็ฉันอึดอักนี่นา พูดตรงๆออกไปอย่างนั้นมันน่าจะดีกว่ามาเก็บเอาไว้คนเดียว TT____TT
“
” พี่ยงฮวาหัวเราะร่าออกมาก๊ากใหญ่ก่อนเขาจะเอื้อมมือมาดึงแก้มฉัน
“พี่จะเขียนอะไรต่อน่ะคะ”
“
” เขาก้มหน้าเขียนข้อความต่อไปลงบนไวท์บอร์ดอย่างตั้งใจก่อนจะพลิกกระดานออกมาให้ฉันอ่าน
“’เธอมันเด็กน้อยซอจู~’ อะไรคะพี่ ฉันไม่เด็กแล้วนะ!” เขาโน้มตัวลงมานอนหนุนตักฉันอีกครั้งก่อนจะเริ่มเขียนข้อความบางอย่างลงไปบนไวท์บอร์ดนั่นอีกครั้ง
“
”
“’เมื่อไหร่กันที่เธอจะรู้ว่าเธอสำคัญสำหรับพี่มากกว่าใครๆ เชื่อใจพี่นะ พี่น่ะ
เธอนะ จากยงนัมพยอน J’ พี่น่ะคิดอะไรกับฉันคะทำไมไม่เขียนลงไปเล่า~” ฉันตีลงไปที่แขนของเขาเบาๆก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่คนที่นอนหนุนตักอยู่อย่างไม่สบอารมณ์
“พี่คะ พูดมันออกมาให้แนฟังบ้างสิคะ ถ้าพี่ไม่อยากให้ฉันรู้สึกแน่พี่ก็ให้คำมั่นกับฉันสิคะ” ฉันพูดออกมาอย่างน้อยใจ แต่ก็ไม่ได้น้อยใจอะไรมากขนาดนั้นหรอกนะ แค่แกล้งหยอกให้เขาพูดมันกับฉันซะทีเฉยๆน่ะ อิอิ > <
“
”
“O/////O” แต่เร็วกว่าความไวแสงแค่นิดเดียว! พี่ยงฮวายกหน้าขึ้นมาจูบลงไปบนริมฝีปากของฉันเบาๆก่อนจะแกล้งหลับตา
“พี่ยงฮวา!!!” ฉันเขย่าคนบนตักอย่างระบายอารมณ์ พี่เขาชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อย หัวใจของฉันเลยจะได้หลุดออกมาอยู่นอกอกจริงๆก็คราวนี้แหละน่า ฟู่ววว~ >////<
“พี่อย่าแกล้งฉันนักสิคะ
ฉันตั้งรับไม่ทันมันอันตรายต่อหัวใจของฉันนะคะพี่ ถ้าฉันหัวใจวายไปพี่จะไม่มีฉันให้แกล้งอีกแล้วนะ!” เขาลืมตาขึ้นมาหัวเราะฉันก่อนจะกางแขนออกแล้วเขยิบตัวลงจากตักของฉัน มืออีกข้างที่ว่างของพี่ยงฮวาตบลงไปบนที่ว่างข้างๆตัวเองเป็นทำนองว่าให้ฉันนอนลงไปบนแขนของเขา ฉันอึกอักนิดหน่อยก่อนจะถูกมือหนาของพี่ยงฮวาดึงตัวให้ลงไปนอนหนุนแขนของเขาอย่างรวดเร็ว
“
”
“>///<”
“
” ในตอนนี้ฉันกับเขาอยู่ใกล้กันเพียงแค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น พี่ยงฮวาส่งหูฟังสีขาวมาให้ฉันข้างหนึ่งก่อนจะใส่อีกข้างเข้าไปที่หูของตัวเอง เขามองหน้าฉันอีกครั้งและครั้งนี้ฉันก็ไม่หลบตาเขาแล้วด้วย พี่ยงฮวาดึงตัวฉันให้เข้าไปใกล้เขามากกว่าเดิมแล้วก็เริ่มกดเล่นเพลง แล้วเราก็นอนฟังเพลงจากไอพอดของเขาอย่างนั้นไปเรื่อยๆ
ไม่มีใครสนใจวันเวลาที่เคลื่อนผ่านไป
ไม่มีใครอยากเขยิบตัวไปไหน
เพราะต่างคนต่างก็ต้องการที่จะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่มีกันและกันอย่างนี้ให้นานที่สุดนั่นเอง
ที่โรงพยาบาลโซล
คยูฮยอนนั่งเฝ้ายุนอาอยู่ข้างเตียงมาสองวันแล้ว แต่คนตรงหน้าก็ยังคงเอาแต่นอนหลับอยู่อย่างนั้นไม่มีที่ท่าว่าจะตื่นขึ้นมาให้เขาได้สบตาเลยแม้แต่นิด เขาถามหมอแล้วว่าเธอเป็นอะไรทำไมไม่ฟื้นสักที หมอก็บอกเพียงแค่ร่างกายของเธออ่อนล้ามากเกินไป ไม่มีเวลาได้พักผ่อนให้พอสักเท่าไหร่ พอมาเจอฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็เลยเหนื่อยยิ่งขึ้นไปอีก เธอจะไม่เป็นอะไรเพียงแค่ตอนนี้เธอกำลังพักผ่อนเท่านั้นเอง สักพักก็มีพยาบาลเข้ามาจะเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้ยุนอา คยูฮยอนจึงออกไปเดินเล่นรอที่สวนของโรงพยาบาล เขาเดินไปที่ร้านคาเฟ่ของโรงพยาบาลก่อนจะสั่งกาแฟกับแซนด์วิชมาทาน เขาเดินไปนั่งอยู่ในโต๊ะในมุมอับของคาเฟ่ก่อนจะเปิดเครื่อง มีข้อความเข้ามาเป็นสิบๆฉบับ และหลังเปิดเครื่องไม่ทันไรก็มีสายเรียกเข้าดังขึ้นมาทักที
“พี่ทงเฮ สวัสดีครับ”
‘ย่าห์!!! คยูฮยอน นายหายหัวไปอยู่ที่ไหนน่ะฮะ ทำไมไม่เข้ามาดูบริษัทบ้าง เมื่อวานมีเด็กที่จะเข้าให้นายช่วยคัดนายก็ไม่อยู่ รู้ตัวบ้างมั๊ยว่ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ!!’ เสียงของพี่ทงเฮดังลอดสายออกมาชุดใหญ่จนเขาต้องเลื่อนโทรศัพท์ให้ออกห่างจากหู คยูฮยอนถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะเริ่มกลับเข้าสู่การสนทนาอีกครั้ง
“ครับพี่”
‘นี่นายเป็นอะไรน่ะ!! อยู่ที่ไหนคยู
บอกพี่มาหน่อยได้มั๊ย’ เมื่อเห็นว่าน้ำเสียงปลายสายไม่สู้ดีเท่าไหร่ อีทงเฮจึงต้องยอมใจอ่อนต่อมักเน่ของวงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใช่ว่าเขาอยากจะดุน้องแบบนี้หรอกนะ ก็รู้ว่าน้องมันรักของมัน แต่อย่ารักคนอื่นให้มากกว่าตัวเองและอนาคตของตัวเองอย่างนี้จะได้ไหม คยูฮยอนไม่รู้หรอกว่าพี่ฮีชอลโกรธแค่ไหนที่เขาหายตัวไปแบบนั้นพร้อมกับยุนอา
“พี่ทงเฮ
”
‘หืมม? ว่าไงคยู นายอยู่ที่ไหน’
“
ผมเหนื่อยจัง” เท่านั้นแหละ อีทงเฮก็ใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม ความโกรธทั้งมวลที่สุมอยู่ในอกเมื่อกี้หายไปหมด บรรดาพี่ๆซูเปอร์จูเนียร์ที่ได้ยินน้องเล็กของวงพูดแบบนั้นออกมาก็พากันกระวนกระวายใจมากกว่าเดิม
‘คยูอาาาา~ บอกพี่มาเถอะว่านายอยู่ไหน ยุนอาปลอดภัยดีใช่มั๊ย นายทำไมไม่บอกพี่ล่ะว่าเธอเป็นไงบ้าง พวกพี่อาจจะช่วยนายดูแลเธอได้นะคยู’ ซองมินพูดขึ้นมาบ้างหลังจากทนฟังน้องเล็กของวงพูดว่าตนเหนื่อยขนาดไหนไม่ได้อีกต่อไป
“พี่ซองมินหรอฮะ?” เมื่อเห็นว่าเสียงปลายสายเปลี่ยนไปคยูฮยอนก็เลยตกใจ
‘ใช่พี่เองคยู พวกพี่เปิดสปีกเกอร์โฟนน่ะ พี่ๆทุกคนอยู่ที่นี่กันหมดนั่นแหละ พี่อีทึก พี่คังอินกำลังนั่งดูบัญชีของบริษัทเราอยู่ตรงนี้ พี่ชินดงก็กำลังกินขนมไปด้วย ส่วนพี่เยซอง ทงเฮ ฮยอกแจก็ยืนอยู่ข้างๆพี่นี่แหละคยู อ๊ะ! ซีวอนกับเรียวอุคกำลังหาทางเบียดทุกคนเข้ามาเพื่อให้ได้ยินเสียงนายชัดขึ้นกว่านี้น่ะ อ้อ!คิบอมก็อยู่นะแต่เขาไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้นี้เอง ฮ่าๆ’
‘ย่าห์ๆๆๆ! ไอ้เด็กซองมิน ฉันกับฮันกยองก็อยู่นะ ถึงฉันจะโกรธมันขนาดไหนแต่ฉันก็เป็นห่วงมันอยู่นะ บอกมันไปเลยว่าคิมฮีชอลก็อยู่ในสายด้วย!!’ เมื่อคยูฮยอนได้ยินเสียงพี่ฮีชอลตะโกนแทรกเข้ามาก็อดที่จะน้ำตาซมกับความห่วงใยของพี่ๆไม่ได้ มันนานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้น่ะ ?
“ฮะๆ
อยู่กันหมดเลยจริงๆด้วยสินะครับ”
‘ใช่ๆ พี่ฮีชอลกับพี่ฮันกยองกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่น่ะ วันนี้พวกพี่ตัดสินใจไม่ไปทำงานเลยนะเพราะพวกพี่กำลังจะออกตามหานายยังไงหล่ะคยู’
“พี่ๆไม่ไปทำงานกันสักคนเลยหรอครับ”
‘แน่นอนสิไอ้เด็กบ้า!!! หายหัวไปอยู่ที่ไหนวะนั่น เย็นนี้กลับมากินข้าวบ้านเลยนะ ไม่งั้นฉันจะโกรธนายจริงๆด้วย’ เสียงทุ้มๆพูดประโยคเกาหลีแปร่งๆผ่านโทรศัพท์ออกมา เสียงที่คยูฮยอนฟังแปบเดียวก็รู้ว่าเป็นเสียงของพี่ฮันกยองนั่นทำให้เขาอดที่จะขำกับสำเนียงที่พี่เขาพูดออกมา
“โอเคครับๆ เย็นนี้เจอกันแน่นอน
ผมสัญญา ขอบคุณทุกคนมากนะครับ” คยูฮยอนกดวางสายก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเหมือนได้รับพลังชีวิตจากพี่ๆทุกคน เขาตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องของยุนอาเพื่อฝากพยาบาลสักคนมานั่งเฝ้าเธอในห้อง แต่ทว่าเมื่อเขาลุกขึ้นก็พบกับจองชินที่เดินมาพอดี
“พี่คยูฮยอน สวัสดีครับ” หนุ่มรุ่นน้องโค้งหัวให้คยูฮยอนก่อนอย่างมีมารยาท
“เฮ้!จองชิน นายจะไปไหนน่ะ”
“ผมแค่ลงมาเดินเล่นเฉยๆน่ะครับ ว่าแต่พี่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหรอครับ”
“อ๋อ เธอยังอาการไม่ค่อยดีน่ะ เออนายว่างอยู่ใช่มั๊ยพี่ว่าจะรบกวนอะไรหน่อยน่ะ” คยูฮยอนพูดกับจองชินออกไป ไม่รู้ทำไมเขาถึงกล้าฝากยุนอาไว้กับเด็กคนนี้ แต่อะไรบางอย่างบอกเขาว่า เด็กคนนี้จะดูแลยุนอาได้อย่างแน่นอน
“ได้ครับผม บอกมาเลย”
“คือพี่ต้องกลับไปดูงานที่บริษัทน่ะ แล้วพี่อยากให้นายช่วยเฝ้าเธอให้พี่หน่อย เธอ
” คยูฮยอนเว้นช่วงไปสักพักอย่างครุ่นคิดว่าเขาจะบอกกับจองชินว่ายังไงดี
“คือเธอเป็นรุ่นน้องที่พี่
เอ่อ สนิทด้วยน่ะ พอดีไม่เคยดื่มเหล้าแล้วดันไปเจอเครื่องดื่มที่แรงที่สุดเลยสลบไปอย่างนั้น ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย พี่เป็นห่วงกลัวเธอตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใครจะตกใจ ถ้ายังไงนายไปอยู่เป็นเพื่อนเธอหน่อยจะได้มั๊ยจองชิน” เป็นรุ่นน้องที่สนิท
บอกไปแบบนั้นคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง คยูฮยอนคิดในใจ
“ครับพี่ เธออยู่ห้องไหนหรอครับ”
“ห้อง313น่ะ นายสะดวกอยู่ใช่มั๊ย”
“ไม่มีปัญหาครับผม ไว้พี่ทำธุระทางนั้นให้เสร็จก่อน ถ้ามีอะไรทางนี้ผมจะรีบโทรหาพี่นะครับ เอ่อ..ผมโทรหาพี่ได้ใช่มั๊ย” จองชินกลัวว่าการโทรไปหาคยูฮยอนของเขาอาจจะไปก่อกวนเวลางานของคยูฮยอนรึเปล่า เขาเลยถามออกไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ คยูฮยอนยิ้มกว้างก่อนเดินมาตบไหล่จองชินเบาๆ
“ได้อยู่แล้ว นายเป็นน้องพี่แล้วนะยังไม่เข้าใจหรอจองชิน ฮ่าๆๆ พี่ไปก่อนนะ” คยูฮยอนตบไหล่จองชินอีกครั้งก่อนจะวิ่งออกไป จองชินจำเลขห้องอย่างขึ้นใจก่อนจะเดินมาเรื่อยๆ และเขาก็ต้องพบว่าห้องของรุ่นน้องของคยูฮยอนนั้นอยู่ตรงข้ามกับห้องของปาร์กชินเฮนี่เอง เขาอ่านชื่อคนไข้ที่หน้าห้องก่อนจะพึมพำออกมากับตัวเองเบาๆ
“’อิมยุนอา’ ชื่อเพราะจัง J” จังหวะที่เขากำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของยุนอานั้น เขาก็เลยตัดสินใจแวะเข้าไปบอกมินฮยอกก่อนเสียหน่อยว่าเขาอยู่ห้องตรงข้าม เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาก็พบว่ามินฮยอกกำลังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ เขากำลังจะเรียกมินฮยอกแต่ทว่าเสียงพูดคุยบางอย่างก็หยุดลมหายใจของเขาและมินฮยอกโดยเสียก่อน
“พี่จงฮยอนคะ ฉันชอบพี่จริงๆนะคะ”
“เฮ้~สาวน้อย เธอเป็นแฟนมินฮยอกนะ มาพูดแบบนี้กับพี่ได้ไงเนี่ย ฮ่าๆ ตลกไปแล้วน่า” เสียงพูดคุยของจงฮยอนกับซูซี่ดังขึ้นมา
“ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับไอ้ตีบนั่นนะคะ ฉันชอบพี่ต่างหากค่ะ พี่คะพี่ยังไม่มีแฟนใช่มั๊ย งั้นมาคบกับฉันเถอะนะคะพี่จงฮยอน!”
“วะ ว่าไงนะซูซี่!! เอ่อคือ
”
“นะคะพี่ ฉันชอบพี่มากจริงๆนะคะ ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆพี่หัวใจของฉันมันจะเต้นแรงมากๆเลยค่ะ พี่คะฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะคะพี่”
“เดี๋ยวก่อนนะซูซี่ ใจเย็นๆก่อนน่า
”
“พี่คบกับฉันได้มั๊ยคะ”
“เอ่อ
”
“นะคะพี่จงฮยอน!”
“คือว่า
”
“พี่คะ
~”
“อ่า ก็ได้ๆ”
“เย้~ พี่คะ ขอบคุณนะคะที่พี่ให้โอกาสฉัน” และแล้วบทสนทนาก็จบลง มินฮยอกวิ่งผ่านจองชินออกไปอย่างไม่สนใจ จองชินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งตามมินฮยอกออกไป แต่ทว่าเมื่อเขาออกมาที่หน้าห้องก็พบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของมินฮยอก จองชินตัดสินใจเข้าไปอยู่ในห้องของยุนอาก่อนจะกดโทรศัพท์ส่งข้อความหามินฮยอกแทน
ทั้งสองคนวิ่งออกไปโดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว บทสนทนาของจงฮยอนกับซูจียังไม่จบ!
“พี่คะ เรามาคิดชื่อเล่นให้กันดีกว่ามั๊ยคะ” เสียงเล็กๆของซูซี่ดังขึ้นอย่างมีความสุข เพราะตอนนี้หัวใจของเธอมีเจ้าของโดยสมบูรณ์แล้ว เธอมีความสุขมากจริงๆ
“เดี๋ยวก่อนน่าซูซี่
พี่มีบางอย่างต้องบอกเธอก่อน”
“อะไรคะพี่ บอกฉันมาเลยค่ะฉันรับฟังได้หมดถ้ามันเป็นเรื่องของพี่” หญิงสาวหันหน้าไปรอฟังเรื่องที่จงฮยอนกำลังจะพูดอย่างใจจดใจจ่อ
“จริงๆแล้วพี่ชอบคนอายุมากกว่า
”
“วะ ว่ายังไงนะคะ
?”
“พี่ชอบผู้หญิงอายุมากกว่าพี่น่ะสาวน้อย^ ^” จงฮยอนพูดอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอื้อมมือออกไปลูบผมของคนตรงหน้าเบาๆที่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะช็อกไปแล้ว
“งั้น
พี่
ทำไมพี่ตกลงคบกับฉันล่ะคะ พี่ทำไมไม่บอกฉันมาตรงๆ พี่จะตอบตกลงให้ฉันดีใจกับความสัมพันธ์ของเราไปทำไมตั้ง3นาที!!!” ซูซี่งอแงออกมาอย่างไม่ปกปิด ทำไมผู้ชายตรงหน้าเธอถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ อย่าบอกเธอนะว่าจงฮยอนเพียงแค่รับปากไปเพราะความเผลอน่ะ
“ฟังพี่ก่อนนะครับ พี่รับรู้ความรู้สึกของเธอแล้วนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะล้อเล่นกับมันเลยจริงๆนะ”
“
”
“ที่พี่บอกความจริงออกไปเพราะพี่อยากให้เธอน่ะเก็บไปคิดดูดีๆว่า รู้สเปกพี่อย่างนี้แล้วยังจะอยากขอพี่คบอยู่รึเปล่า”
“แน่นอนว่าไม่ค่ะ! แต่พี่คะ
ฉันชอบพี่มากจริงๆนะคะพี่ พี่จะไม่เปิดใจให้ฉันหน่อยหรอคะ แบบว่าเปลี่ยนบรรยากาศไงคะ ลองดูสักตั้งนะคะพี่” หญิงสาวเขย่าแขนของคนตรงหน้าอย่างรบเร้า ทว่าจงฮยอนก็ทำเพียงแค่ยิ้มอบอ่นมาให้เธอ
“พี่ว่ามันไม่เวิร์กหรอกนะครับ พี่ไม่ได้พูดเพียงเพราะอยากให้เธอตัดใจนะ แต่พี่แค่พูดความจริงเกี่ยวกับตัวพี่ไปก็เท่านั้น” เหมือนซูซี่จะเริ่มเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่จงฮยอนพูด เธอเองก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ในเมื่อผู้ชายเขาไม่สนใจแล้วเราจะยังง้ออยู่ทำไมล่ะจริงมั๊ย? คำตอบในใจของซูซี่ก็คือ ใช่! แต่ไม่ใช่กับผู้ชายที่ชื่ออีจงฮยอนคนนี้ เธอชอบเขามากเกินกว่าจะถอยกลับแล้ว
“งั้นพี่กับฉันไม่ต้องคบกันแบบจริงจังแบบนั้น แต่แค่พี่เป็นแฟนกับฉันให้ฉันมีความสุขไปก็พอ พี่ทำให้ฉันได้มั๊ยคะ”
“เอาอย่างนั้นหรอ แบบนั้นพี่ว่ามันเป็นการเล่นกับความรู้สึกของเธอมากกว่าอีกนะ
เบซูซี่”
“ถ้าฉันเจอใครที่ดีกว่าพี่ และเขาก็ชอบฉัน ฉันจะสลัดพี่ทิ้งทันทีเลย!”
“ฮ่าๆๆ เด็กน้อย~ เธอมันเด็กน้อยจริงๆด้วย” จงฮยอนโยกหัวซูซี่ไปมาเบาๆอย่างขบขันปนเอ็นดู
“ตกลงนะคะพี่ ถือว่าฉันขอหล่ะ”
“อืมมม
” จงฮยอนทำท่าครุ่ยคิดอย่างหนักจนซูซี่ต้องรบเร้าอีกรอบ
“ฉันชอบพี่จริงๆนะคะ! แต่ที่ฉันขอให้พี่แกล้งคบก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นแฟนกันจริงๆซะหน่อย พี่กับฉันเราต่างก็ยังใช้ชีวิตต่อไป เพียงแค่ถ้าใครมาถามฉันกับพี่ฉันก็จะบอกว่าเป็นแฟนพิเศษของพี่ แต่ถ้าไม่มีใครมาถามฉันก็จะไม่เอาไปพูด แล้วถ้าพี่เจอคนที่ใช่สำหรับพี่ พี่ก็บอกเธอไปว่าฉันเป็นแฟนพิเศษ แล้วมาบอกฉัน ถึงวันนั้นฉันจะบอกเลิกพี่ให้พี่ไปคบกับเธอคนนั้นเอง”
“
”
“เงียบทำไมคะ” จงฮยอนมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าเบซูซี่ที่ดูเหมือนจะงอแง แท้จริงแล้วจะมีความเป็นผู้ใหญ่ได้มากขนาดนี้
“พี่กำลังประเมินเธออยู่น่ะสาวน้อย”
“ประเมินอะไรคะ?” ซูซี่ยื่นหน้าเข้าไปถามจงฮยอนอย่างสงสัย
“ก็
ความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเธอมันอาจจะทำให้พี่ชอบเธอขึ้นมาจริงๆก็ได้มั้ง ฮ่าๆๆ”
“ไม่มีทางแล้วค่ะ หมดสิทธิ์ของพี่แล้ว! ฉันจะไม่ให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สองหรอกนะจะบอกให้ :P” ซูซี่แลบลิ้นให้จงฮยอนก่อนจะยิ้มอย่างผู้ชนะ
“โอเคครับๆ งั้นตอนนี้เราก็เป็น ‘แฟนพิเศษ’ ของกันและกันแล้วสิเนอะ”
“ช่ายยยยยย คิกๆ” แล้วทั้งสองคนก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน โดยไม่รู้เลยว่าในใจของผู้ชายชื่อคังมินฮยอกนั้นเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องมาได้ยินผู้หญิงที่ตนชอบสารภาพรักกับผู้ชายอีกคน
ถ้าหากมินฮยอกกลั้นใจอยู่นานกว่านี้อีกสักนิดคงจะได้รู้ความจริงที่จงฮยอนกับซูซี่คุยกัน แล้วเขาก็คงจะไม่ได้เจ็บกับประโยคก่อนหน้านั้นสักเท่าไหร่ แต่จะทำยังไงได้ ก็หัวใจมันไม่กล้าฟังต่อแล้วนี่นา จะให้ทนยืนอยู่ต่อไปอย่างนั้นมันก็คงไม่ไหว แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่กันหล่ะที่เขาจะได้รู้ความจริงว่า จงฮยอนกับซูซ่นั้นไม่ได้คบกันจริงๆ ?
แต่สำหรับจองชิน หากเขาอยู่นานกว่านี้คงจะไม่ดีแน่ เพราะเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องของยุนอา จัดการส่งข้อความหามินฮยอกแล้วนั้น ทันทีที่เขาเดินเข้าไปชิดขอบเตียงของผู้หญิงที่ชื่ออิมยุนอา เขามองไล่ไปตามส่วนต่างๆบนใบหน้าของคนที่กำลังนอนหลับอย่างอดไม่ได้ เปลือกตาที่ปิดสนิทและมีขนตาเรียวยาวเรียงตัวกันอย่างสวยงาม โครงหน้ารูปไข่ ผิวหน้านวลเนียนและแก้มทีผุดผ่องและมีเลือดฝาด เรือนผมสีน้ำตาลเข้มๆล้อมกรอบใบหน้าหวานนั้นเอาไว้ และจู่ๆทันใดนั้นเปลือกตาที่เคยปิดสนิทก็ค่อยๆเปิดขึ้นทีละนิด
ทีละนิด
และเมื่อต่างคนต่างสบสายตาซึ่งกันและกัน อีจองชินก็รู้เลยว่าเขาตกหลุมรักเธอคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น !!!
แม้แรกๆอินยุนอาจะตกใจที่เห็นผู้ชายแปลกหน้ามายืนมอง แต่เพียงวูบเดียวเท่านั้นที่เธอรู้สึกกลัว หลังจากนั้นเธอก็มีความรู้สึกอบอุ่นใจเข้ามาแทนที่ความกลัวนั้นทันที เธอรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าไม่มีวันทำร้ายเธออย่างแน่นอน บางอย่างที่อยู่ในตัวเธอบอกเธอแบบนั้น
ใช่แล้ว! หากจองชินอยู่ในห้องของชินเฮนานกว่านี้
เขาคงจะเข้ามาไม่ทันได้เจอตอนยุนอาฟื้นขึ้นมาพอดียังไงหล่ะ J
"-------------------------------------------------------------
Talk with writer :
อั้ยยยยะ !!!
เป็นยังไงล่ะ รีดเดอร์ขอยงซอหวานๆมา ไรท์เตอร์ก็จัดให้ตามต้องการ อิอิ
รับรองได้เลยว่านี่แค่เริ่มต้นความหวานเท่านั้นเอง
สามียงกับศรีภรรยาฮยอนพร้อมเสิร์ฟความหวานให้คุณมากกว่านี้ได้อีกค่ะ > <
หวานจะบอกทุกคนว่า ตอนหน้าไคลแม็กซ์ของเรื่องแล้วนะคะ
หลายๆปมกำลังค่อยๆถูกคลายไปแล้ว ปมจองชินคยูฮยอนกระจ่างแล้วเนอะ
ส่วนปมมินฮยอกกับซูซี่ก็กำลังจะตามมา
ส่วนปมจงฮยอนกับสาวรุ่นพี่นั้นกำลังจะเดินตามมาเรื่อยๆค่ะ
หวานรับรู้แล้วว่าทุกคนว้อนท์พาร์ทยงซอมากที่สุด
ขอโทษนะคะที่สองสามตอนก่อนหน้าปมเยอะไปหน่อยTT____TT
ตอนนี้จะพยายามคุมตัวเองไม่ให้เอาคู่อื่นโดดเด่นมากกว่ายงซะนะคะ
แต่ถ้าไม่มีตัวละครอื่นๆมาสร้างสีสันเลยเนี่ย หวานว่ามันอาจจะธรรมดาเกินไป
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ
สัญญาเลยจะคงยงซอไว้ให้ความหวานน้ำตาลเรียกพี่ทุกตอนแน่นอนค่ะ
แต่อย่าปิดใจกับคู่อื่นเลยน้า~ หวานก็แค่อยากเพิ่มสีสันเท่านั้นเอง
เอนจอยรีดดิ้งค่ะ รักคุณมากนะมายรีดเดอร์ จุ๊บๆ -3-
ไอแอมพีเอสสึ
ปล.โหวตได้ เม้นได้ แอดแฟบได้ ตามสบายเลยนะคะ
หวานจะขอบคุณมากถ้าคุณทำสามอย่างนั้นเพื่อหวาน อิอิ >w<
(เป็นไรท์เตอร์ก็ต้องมีลูกอ้อนบ้างล่ะเนอะ)
ความคิดเห็น