ตอนที่ 6 : *Flip Love*: Chapter 05 เกี่ยวก้อยสัญญา
Chapter 05 เกี่ยวก้อยสัญญา
อะโอ้ย คยูปล่อยนะ ฮยอกกกกก ช่วยด้วย
เสียงหวานของซองมินดังขึ้นหลังจากถูกมือหนากำแขนของตัวเองลากมาจากหน้าหอประชุมต่อหน้าต่อตาเพื่อนสนิท แกะมือไปเรียกเพื่อนให้มาช่วยไป
จะไปไหน ปล่อยฉันนะคยู โอ้ย เจ็บอ่ะ ปล่อยได้แล้ว ร่างสูงยังคงนิ่งเช่นเคย ไม่เอ่ยเสียงใดๆคิดเพียงแค่จะลากร่างอวบไปยังที่ที่สามารถเคลียร์กันได้แค่สองคนดีดีซักที่นึง
มือเรียวข้างที่ว่างของซองมินคอยพยายามแงะนิ้วของร่างหนาออกจากแขนตัวเอง เท้าก็ยังคงก้าวเดินต่อตามแรงที่ลากไป จนเจ็บแขนข้างที่โดนกำขึ้นเรื่อยๆ จึงเปลี่ยนจากแกะเป็นเริ่มทุบไปที่ไหล่หนาของคยูฮยอนแทน
ฮะ ฮึก เจ็บนะ คยู ฮือ เจ็บแล้วนะ ฮือออ ~ สุดท้ายเริ่มทนไม่ไหวทั้งเจ็บ ทั้งกลัวร่างหนาที่เหมือนจะโกรธ และความรู้สึกที่ตีกันอยู่ภายในจิตใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น ....ลูกชายร้านขนม
คยูฮยอนนิ่งชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานสะอื้นออกมา จึงเริ่มปล่อยแขนขาวที่บัดนี้เปลี่ยนเป็นริ้วสีแดงตามรอยกดของมือหนา ร่างทั้งสองหยุดยืนอยู่ระหว่างหลังตึกเรียนสองตึกที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเขียว ใต้ร่มไม้มีโต้ะม้านั่งเป็นจุดๆ เป็นสถานที่ที่นักศึกษาส่วนมากจะมานั่งพักผ่อนกัน แต่ตอนนี้ไร้ซึ่งผู้คน เนื่องจากต่างเข้าร่วมพิธีการสำคัญทั้งสิ้น
ฮึกก ก เจ็บนะ ซองมินที่ยังคงสะอื้นแต่ความจริงแล้วแขนนั้นไม่เจ็บเท่ากับสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในใจ
ฉันขอโทษ ไหนดูซิ มือหนาคว้าแขนขาวขึ้นมาอีกครั้งนึง พลางลูบเบาไปที่ริ้วแดงๆนั้น
.......ฮือ อ น้ำตาหยาดใสเหมือนแห้งเหือดไปได้ครู่เดียว กลับหยดลงมาอีกครั้ง
นายร้องไห้ทำไม ยังเจ็บอยู่อีกเหรอ คยูฮยอนที่ไม่นุ่มนวลอย่างที่ซีวอนว่าไว้ ถามออกมาตรงๆตามประสา และได้คำตอบเป็นการส่ายหัวไปมา
....ฉันขอโทษ
อึก..ก..นายขอโทษเรื่องอะไร ร่างอวบที่เริ่มหยุดร้องลงแล้ว เพราะท่าทีของร่างสูงไม่มีวี่แววความน่ากลัวเมื่อกี้เหลืออยู่เลย
แล้วนายร้องไห้ทำไมล่ะ คยูฮยอนว่าพลางก้มลงยกนิ้วขึ้นเช็ดหยาดน้ำใสที่กำลังจะหล่นจากดวงตาคู่นั้นอย่างแผ่วเบา ความอ่อนโยนนี้กลับทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเริ่มสีชัดขึ้น ใบหน้าหวานจึงก้มหลบสายตาและเหมือนเลี่ยงการตอบคำถามนั้น
นายหลบหน้าชั้นทำไม เพราะว่าเรื่องวันนั้นงั้นเหรอ
.......
ซองมิน... เสียงทุ้มที่ก้องกังวาลทำให้คนหลายคนเคลิ้ม เรียกคนตรงหน้าแผ่วเบาอย่างอ่อนโยนนั้น ทำให้ใบหน้าหวานต้องเงยขึ้นมาตามเสียงเรียกราวกับต้องมนต์
คือ..อ ฉันอายนี่นา ที่ฉันเข้าใจนายผิดว่านายบ้าเบเกอรี่เหมือนฉัน แล้วไหนจะเรื่องที่นายเป็นลูกเจ้าของร้าน Vanilla Story อีกหล่ะ ที่นายไม่ยอมบอกเพราะกลัวว่าฉันจะรู้รึไง ฮะฮึก..ก...กลัวว่า ฉันจะไปถล่มร้านนายรึไง..อึกก.บอกกันตรงๆก็ได้..ฮือ...แล้วนายไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉัน ตั้งแต่...อึก...ตั้งแต่แรก..ฮึก..ก..อยู่แล้วด้วยนิ ฮือ.....
เสียงหวานคลอสะอื้นเริ่มสะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆจากต้นประโยคที่พูดรัวเร็ว
คยูฮยอนไม่คิดเลยว่าซองมินจะคิดมากขนาดนี้ เพียงเพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยพูดซักเท่าไหร่บวกกับความกระตือรือร้นของซองมินเพียงฝ่ายเดียวตั้งแต่แรก จะทำให้กลายเป็นทางลบไปได้ขนาดนี้
หมับ
แขนหนาคว้าร่างอวบที่กำลังสะอึกสะอื้นอีกรอบมาไว้ในอ้อมกอด ร่างสูงวางคางตนเองบนไหล่อีกฝ่าย พลางลูบแผ่นหลังอย่างปลอบโยน
ฉันขอโทษ ที่ทำให้นายเข้าใจไปอย่างนั้น แต่ว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายจริงๆ แล้วเรื่องร้านบ้านฉันน่ะ ฉันแค่คิดว่าอยากให้นายรู้เองดีกว่า พูดมาถึงตรงนี้ร่างสูงก็ผละอ้อมกอดออกมาให้ได้สบตากัน
ฉัน...อยากเห็นแววตาคู่นี้เป็นประกาย เวลาเห็นขนมพวกนั้นนี่นา สายตาคมมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาคู่นั้นที่บัดนี้หยาดน้ำได้เริ่มเหือดหายไปบ้างแล้วอย่างแน่วแน่ ทำให้เจ้าของใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อจากชมพูจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอยู่รอมร่อ
จะ จริงเหรอ คยู เสียงหวานดังขึ้นอย่างค่อยๆ ช้อนดวงตาขึ้นมองอย่างน่ารัก ดวงตาหวาน แก้มชมพูระเรื่อช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน
จริงซิ เลิกคิดมากเถอะนะดวงตาส่งความแน่วแน่มาให้ร่างอวบได้มั่นใจ สองสายตาสบกันราวกับบรรยายความรู้สึกในใจที่ต่างเริ่มทักถอขึ้น
คยูฮยอนค่อยเคลื่อนใบหน้าเข้าไปบรรจงจุมพิตลงบนใต้ดวงตาหวานดั่งซับรับรอยน้ำตาทั้งสองข้างอย่างอ่อนโยน ร่างอวบหลับตารับด้วยใจที่เต้นระรัว ไม่ต่างกับร่างสูงที่ได้กลิ่นหอมจากอีกฝ่ายยิ่งทำให้อยากดอมดมกลิ่นนั้นให้ชัดมากขึ้น ใบหน้าคมค่อยเคลื่อนเข้าหา จนสุดท้ายริมฝีปากหนาก็แนบลงประทับกลีบปากบางของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
.
.
หวาน....
คงเป็นคำเดียวกันที่ทั้งสองคิดขึ้นมาทันทีที่ได้รับรู้ถึงรสจูบครั้งแรก จูบที่ไม่มีการรุกล้ำ จูบที่แผ่วเบาอย่างอ่อนนุ่มราวกับวิปปิ้งครีม แต่กลับมีรสหวานฉ่ำ จนอยากจะลิ้มลองอีกครั้ง
คยูฮยอนผละริมฝีปากออกมาสบนัยน์ตาที่ค่อยๆลืมขึ้น แต่ใบหน้าคมก็ยังวนเวียนอยู่ไม่ห่างไปจากแก้มที่ยังคงแดงระเรื่อดูน่ามองเหลือเกิน ร่างสูงก้มลงกอดร่างในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีกครั้ง ยื่นริมฝีปากไปใกล้ใบหูเล็ก
ซองมิน นาย....หวานจังแล้วซุกใบหน้าตนเองลงกลุ่มผมหอมสูดดมกลิ่นที่หวานดังรสชาติ กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกเมื่อรู้สึกถึงใบหน้าที่กดลงบนอกแกร่ง และแรงกำเสื้อเขาที่แน่นขึ้น ซองมินคงจะเขินน่าดู
หึหึ ร่างอวบที่รีบเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายเมื่อรู้สึกว่าร่างสูงเหมือนกำลังหัวเราะอยู่
นายหัวเราะอะไรน่ะ คนในอ้อมกอดแกร่งขมวดคิ้วเล็กๆถาม
หึหึ ก็แค่กำลังนึกว่า ทีนายตะโกนเรียกฉันกลางโรงอาหารไม่เห็นจะอายเลยแล้วพอมาทีอย่างนี้กลับอายซะจนต้องหลบหน้ากันไปเป็นอาทิตย์อย่างนั้นหน่ะ
งืออ มันไม่เหมือนกันนี่นา ก้มหน้าเถียงเสียงอ้อมแอ้ม
....ซองมิน
อย่าหลบหน้ากันอีกนะ แล้วก็เลิกคิดเองเออเองซะที นิสัยนี้เป็นกันตั้งแต่แรกที่เจอจนครั้งนี้
....อือ แต่ว่า....นายอยากเจอฉันงั้นเหรอ ไม่อยากให้ฉันหลบหน้าเหรอ ดวงตาใสถามซื่อๆ
..ใช่ซิ...ฉันคิดถึงนายจนทนไม่ไหวเลย รู้มั้ย เพราะฉะนั้นต่อไปนี้แม้ว่าเราจะไม่ได้เรียนด้วยกันแต่ เราต้องกลับบ้านพร้อมกันทุกวันนะ
อืม สัญญา ฉันก็อยากกลับบ้านกับคยูทุกวันเลย กระต่ายตัวน้อยเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง แม้จะยังเขินอายกับคำที่ว่า แต่มันดีใจยิ่งกว่าที่จะได้กลับบ้านกับคนคนนี้ทุกวัน
สัญญา
อื้ม สัญญา ว่าแล้วก็ตั้งใจจะทำเหมือนครั้งก่อนที่ยกนิ้วมือหนาขึ้นมาเกี่ยวเอง แต่ต่างกันตรงที่คราวนี้ มือหนายกขึ้นมารอให้เกี่ยวไว้แล้ว
เกี่ยวก้อยสัญญาที่ผูกมาจากหัวใจครั้งนี้แน่นขึ้นอีกครั้ง แม้จะยังไม่ถึงคำว่ารัก แต่มันก็อบอุ่นขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่เหรอ
_.~;*¯*;~._.~;*¯*;~._.Flip Love._.~;*¯*;~._.~;*¯*;~._
หลังจากที่ฮยอกแจรอเพื่อนตัวกลมหน้าหอประชุมอยู่ซักพักใหญ่ก็ไม่เห็นวี่แวว ก็เลยตัดสินใจกลับบ้านตัวเองดีกว่า จนถึงช่วงเย็นก็โทรหาเพื่อนสนิทติดซักที
ฮัลโหล!!ซองมิน นายอยู่ไหนน่ะ
ฮยอก ฉันอยู่บ้านแล้วน่ะ ซองมินที่นั่งอยู่บนเตียงสีหวานของตัวเองในบ้านหลังน้อย หลังจากที่คยูฮยอนพาไปที่ร้านของเขามา เพื่อให้คนตัวอวบเลิกคิดมาก ซองมินเลยได้ขนมมาถุงใหญ่ จากการที่คยูฮยอนเป็นคนจัดการให้ ก็แค่เอาขนมสูตรที่จำกัดแค่วันละไม่กี่ชิ้นมาอย่างล่ะสามสี่ชิ้นไปชิม (?) ก่อน ก่อนจะมาส่งที่เค้าที่หน้าบ้าน ด้วยรอยยิ้มที่มีส่งให้กัน พูดคุยหยอกล้อกันตลอดทาง
แล้ววันนี้คยูทำอะไรนายรึเปล่าน่ะ ฮยอกแจถามซองมินด้วยความเป็นห่วง แต่คำถามนั้นทำให้เพื่อนสนิทหน้าขึ้นสีอย่างทันที
ปะปะ เปล่านะ ไม่ได้ทำอะไรกัน ร่างอวบรีบระล่ำระลักบอกออกไป ทั้งยังโบกมือปฏิเสธไป ทั้งที่อีกฝ่ายคงมองไม่เห็น
อ้ะ พูดอย่างนี้ต้องมีอะไรแน่เลย ฉันถามว่าคยูทำอะไรนายต่างหาก ไม่ได้ถามว่านายสองคนทำอะไรกันซักหน่อย คิคิ เล่ามาเลยนะ เพื่อนกันมาตั้งนานแค่นี้จับความผิดปกติได้ทันทีอยู่แล้ว
มะ มะไม่มีอะไรซักหน่อย เสียงหวานอ่อยลงเรื่อยๆ
ไม่เล่าเหรอ งั้นงอนนะ ทิ้งเราให้เข้าห้องประชุมคนเดียว แล้วก็หายกลับบ้านโทรไปก็ไม่ติดซักคน คิดดูซิน่าจะงอนซักอาทิตย์นึงเน้าะ
งืออ ฮยอกอ่าาา ~
ไม่ต้องมา งือออ~ เลย ฮยอกแจทำเสียงงอแงล้อเลียน
อือ~ เล่าก็ได้ >/////< สุดท้ายก็ต้องเล่าออกไปเพราะกลัวเพื่อนจะงอน เล่าไปบิดหมอนในมือไป
ซองมินเริ่มเล่าตั้งแต่เรื่องเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนที่เพิ่งรู้ว่าคยูฮยอนเป็นลูกเจ้าของร้าน ยาวมาจนถึงเรื่องที่ลากกันไปเคลียร์กันจน หวาน ขนาดไหนและสัญญาเกี่ยวก้อยกลับบ้าน
ว้าววว จริงเหรอเนี่ย ฮยอกแจที่ได้ยินเพื่อเล่าก็พาลหน้าขึ้นสีตามอย่างห้ามไม่ได้ ตอนเล่าให้ฟังก็นั่งอ้าปากแดงๆ ด้วยสีหน้าแดงๆอย่างเขินตลอด
อืม >/////< สงสารหมอนสีชมพูใบนั้นจริงๆที่โดนอุ้งมือกระต่ายขยำบิดจนไม่มีวี่แววสภาพเดิมแล้ว
ดีจังเลยนะ แต่ว่าสงสัยฉันคงต้องไปบอกคยูแล้วล่ะว่าถ้าไม่อยากให้กระต่ายกลายเป็นหมีคงต้องมีกำหนดปริมาณขนมต่อวัน คิคิ ฮยอกแจที่คิดแล้วว่าขนาดวันแรกซองมินก็ได้ขนมมามากขนาดนั้นแล้วอย่างนี้เพื่อนเค้าคงโดนเอาใจด้วยขนมตลอดแน่นนอนก็พูดกันไว้ก่อน
ฮยอกอ่าาา ไม่หรอก ฉันก็เกรงใจคยูเหมือนกันนะ
จริงอ่ะ???
เพื่อนสนิททั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันอยู่พักใหญ่จนวางสายกันไปเพื่อทานมื้อเย็น ซองมินที่เอาน้ำเย็นๆมาให้คุณพ่อที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆอย่างที่ทำประจำ ขณะที่คุณแม่คนสวยเตรียมโต๊ะและอาหารน่าตาน่าทาน
เป็นไงบ้างลูก ซองมินชีวิตมหาลัย สนุกมั้ย ลีซองโฮผู้เป็นพ่อของตระกูลลีถามลูกสาว (?) คนเดียวที่ทั้งหวงทั้งห่วง ขณะที่เริ่มทานข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูก
สนุกดีฮะ ได้เพื่อนใหม่เยอะเลย
เหรอจ้ะ แล้วนี่ลูกแม่มีหนุ่มที่ไหนมาจีบบ้างรึยังเนี่ย คุณแม่คนสวยที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นคนใจดี ยิ้มถามลูกตัวเองอย่างหยอกล้อให้คนหวงลูกอย่างพ่อได้หน้าตึง
มะ ไม่มีซักหน่อยฮะ เรียวปากบางขยับบอกไม่ แต่สีหน้ากลับแดงก่ำเหมือนลูกมะเขือเทศในจานอาหารตรงหน้าซะแล้ว คนเป็นแม่ได้เห็นก็รู้ทันทีว่ามีใครมาทำให้ลูกเธอใจเต้นแล้วแน่นนอนต่างกับฝ่ายพ่อ
งั้นก็ดีแล้วลูก ใครมาจีบก็ไม่ต้องไปสนใจน้ะ อยู่กับฮยอกสองคนก็พอน้ะลูก ทั้งๆที่ในใจของซองโฮเองก็แอบคิดอย่างเดียวกับลีนาราผู้เป็นแม่ แต่ใจที่แสนจะหวงลูกก็ไม่อยากยอมรับ แถมยังไม่วายพูดดักไว้อีกต่างหาก
มื้อเย็นที่แสนอบอุ่นในครอบครัวเล็กๆผ่านไป ร่างอวบที่อาบน้ำแล้วเตรียมเข้านอนก็มานั่งที่ปลายเตียงพลางมองออกไปนอกหน้าต่างที่ด้านข้างมีผ้าม่านสีชมพูอ่อนสะบัดไหวไปตามลม
..ใช่ซิ...ฉันคิดถึงนายจนทนไม่ไหวเลย รู้มั้ย เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เราต้องกลับบ้านพร้อมกันทุกวันนะ
เสียงเข้มที่ยังดังทุ้มอยู่ในใจ ประโยคนี้ทำให้ใบหน้าหวานยิ้มกว้างและประปรายสีชมพูอีกครั้ง แล้วกลับมาล้มตัวลงนอนห่มผ้านวมสีหวานพลางหลับตาลงนึกถึงวันพรุ่งนี้ ที่อยากให้เป็นเช่นวันนี้ทุกวัน
_.~;*¯*;~._.~;*¯*;~._.Flip Love._.~;*¯*;~._.~;*¯*;~._
50 %
จะเดินตามทำไมกันนักหนาหะ!!
เสียงเข้มดังตวาดคนรอบข้าง ขณะที่แขนแกร่งก็โอบไหล่บางให้ชิดกับอกตนเองไว้ระหว่างที่เท้าก็ยังก้าวเดินไปยังทิศที่นำไปสู่หอสมุดมหาวิทยาลัย ฮันกยองที่เริ่มทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยเสียงเข้มกับคนที่คอยมาห้อมล้อมร่างบางคนรักของเขาตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายวันหลังจากพิธีเปิดหนังสือ เพียงเพราะหวังในหนังสือเล่มสำคัญเล่มนั้น เหตุการณ์ที่ร่างสูงเห็นตั้งแต่สมัยปีหนึ่งไม่คิดเลยว่าวันนี้เขาจะต้องอยู่ในเหตุการณ์นั้นเอง ความวุ่นวายเงียบหายไปสักครู่ใหญ่เพราะต่างกลัวในตัวประธานนักเรียนคนนี้เหลือเกิน
ฮัน เสียงดังจัง คนเค้ากลัวกันหมดแล้ว เสียงหวานดังขึ้นจากในอ้อมกอดพลางทอดสายตามองคนที่เริ่มหายไปบ้างโดยอานุภาพเสียงเข้มนี้ จากทางเดินระหว่างตึกที่สองข้างทางตอนนี้กิ่งก้านของต้นไม้สูงประดับไปด้วยใบไม้สีอ่อนบ้างเข้มบ้าง เหลืองบ้างน้ำตาลบ้างบ่งบอกรู้ว่ากำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูกาลใบไม้ร่วงเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว
ฮีชอล คุณอย่าวางใจไป นี่หากว่าไม่มีผมป่านนี้คงเข้ามารุมคุณแล้วมั้ง
ไม่หรอกน่า เค้าไม่ทำอะไรฉันหรอก
ไม่ได้ ยังไงก็ต้องกันไว้ก่อน ปีที่แล้ว พี่แจจุงก็โดนรุมอย่างนั้นจำไม่ได้รึไง
อือ จำได้ซิ พี่ยุนโฮน่ะ โกรธมากเลย ฉันยังจำสายตาของพี่เค้าได้เลยนะ น่ากลัวมากๆเลย ฮีชอลนึกแล้วก็พาลลูบแขนตัวเองเบาๆไม่ได้
แล้วนี่ คุณอยู่ที่หอสมุดคนเดียวได้แน่นะ
ได้สิ แต่....เดี๋ยวฮันประชุมเสร็จแล้วจะมารับชั้นใช่มั้ย ฮีชอลที่เริ่มไม่แน่ใจ กลัวจะเป็นเหมือนรุ่นพี่เจ้าของหนังสือปีที่แล้ว ก็รีบถามทันที่เดินถึงที่หมาย ฮันกยองคลายมือที่โอบพลางเลื่อนมาหนามาปัดปอยผมออกจากไปหน้าหวาน เมื่อรู้ว่าร่างบางคงกลัวขึ้นมาแล้ว
แน่นอน ผมมารับแน่นอน คุณอยู่ในหอสมุดคงไม่เป็นไรเพราะมีกฏเข้มงวด ไม่มีใครกล้าสร้างเรื่องในนั้นหรอก ผมต้องไปแล้วน้ะแล้วผมจะมารับกลับบ้านนะครับ ร่างสูงก้มลงกอดหลวมๆแล้วผละออกอย่างอ่อนโยนเดินจากไป ทำให้ร่างบางรู้สึกว่าตนเองถูกดูแลอย่างดีราวกับเด็กน้อยที่ต้องมีคนคอยปกป้องดูแล
คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่รักนาย ฮันกยอง
.
.
.
ร่างบางของฮีชอลเดินเข้ามาในหอสมุดที่ที่ตนชอบเหลือเกิน เพราะเป็นหนึ่งในที่สำคัญ ที่ที่ทำให้เค้าได้เจอกับคนที่รักมากคนนั้นและทำให้เค้าได้รับหนังสือเล่มนั้นมาอีกด้วย แต่วันนี้ที่เค้ามาที่นี่เพราะว่าคำบอกเล่าที่เคยได้บอกเอาไว้จากพี่แจจุงคงได้เริ่มใช้ในตอนนี้แล้วน่ะซิ
.
.
.
ราวสิบสามรุ่นมาแล้วมั้ง ที่ทำกันอย่างนี้น่ะ คิมแจจุงผู้ครอบครองหนังสือรุ่นก่อนหน้าเริ่มเล่าให้ฮีชอลที่ตอนนั้นที่เพิ่งได้รับเลือกจากแจจุงให้เป็นผู้ถูกเลือกคนต่อไป
ยังไงเหรอฮะ
อืม...ม ไม่รู้สิ ฉันก็เคยถามพี่เค้านะ แต่พี่เค้าก็ไม่ได้ให้คำตอบอะไรที่ชัดเจน
เพราะงั้น กฏข้อนี้เลยไม่ได้บันทึกลงในหนังสือใช่มั้ยฮะ ฮีชอลถามต่อ
ใช่แล้วล่ะ แต่สำหรับฉันนะ ฉันว่าคนที่ชอบอ่านหนังสือ หรือเข้ามาที่ห้องสมุดอย่างน้อยก็น่าจะเป็นคนที่มีความคิดมากกว่าการมองคนที่ภายนอกอยู่แล้วล่ะ อ่อ แล้วก็ดูประเภทที่เค้าอ่านนิดนึงด้วยน้ะ
จริงด้วยฮะ คนที่ชอบอ่านหนังสือต้องมีจิตใจที่ดีอยู่แล้วฮะ แต่หนังสือส่วนมากก็มีประโยชน์ต่อผู้อ่านทั้งนั้นนี่ฮะ (อ่านฟิคเราก็นับ อิอิ)
มันก็เหมือนเป็นการกรองหรือเลือกคนไปในตัวไงล่ะ เราจะได้รู้ว่าคนที่เราจะเลือกน่ะเป็นคนยังไง
**ผู้ครอบครองหนังสือจะส่งต่อคำเล่าจากรุ่นต่อรุ่นถึงสิ่งที่บางอย่างในหนังสือไม่ได้บันทึกไว้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้บังคับ หรือเป็นเรื่องที่ไม่ผิดหรือละเมิดต่อกฏของหนังสือในตำนานแต่อย่างใด
.
.
.
เอาล่ะ วันนี้ชั้นจะเริ่มตามหาอย่างจริงจังซะที ฮีชอลที่เดินเข้ามาภายในหอสมุดแล้วก็พูดกับตนเองเบาๆอย่างหมายมั่น
แต่ว่าจะเริ่มยังไงดีล่ะ.....เอาเป็นว่าเดินๆไปก่อนละกันดูใครที่ไม่พยายามเข้าหาเรา ตั้งใจอ่านหนังสือดีๆอยู่สักเล่มนึงอย่างที่พี่แจว่าก็ละกัน
ระหว่างที่ยังไม่รู้ก็เดินไปคิดไป แต่ด้วยท่าทางที่สง่างามก็ทำให้ชักชวนสายตาใครๆให้หันมามอง ฮีชอลจึงคิดในใจว่า
พวกที่สบตา ......ตัดทิ้ง
พวกที่เจตนาเข้าใกล้ .....ตัดทิ้ง
พวกที่พยายามเข้ามาพูดคุย .....ตัดทิ้ง
คิดได้ดังนั้นก็หยุดยืนมองรอบกาย พลางคิดแล้วก็ต้องถอนหายใจ
แล้วมันจะเหลือใครบ้างเนี่ยที่ไม่พยายามอยากจะได้เนี่ย เฮ้ออออ
ร่างบางเริ่มท้อเล็กๆ ที่จะตามหา แต่ตระหนักได้ว่า เอาเถอะยังพอมีเวลา ก็เริ่มหามุมเงียบๆ หาหนังสือดีๆอ่านซักเล่ม ระหว่างรอคนรัก เดินไปตามซอกของชั้นหนังสืออย่างคุ้นเคย ตาหวานก็มองตามชั้นที่มีหนังสือเรียงตามตัวอักษรในหมวดนั้นๆไปเรื่อยๆ จนไปเจอร่างเล็กกว่ายืนก้มหน้าก้มตาจนแว่นแก้วกรอบใสบนดวงหน้าจะถึงหน้าหนังสือที่เปิดอ่านอยู่ในมือเรียวแล้วไหนจะผมนุ่มสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวลงมาจนชนกรอบแว่นนั่นอีก
ฮีชอลยิ้มกริ่มว่า มีแล้วอย่างน้อยคนนึงที่สนใจแต่หนังสือในมือตัวเอง ก็เลยยืนสังเกตุท่าทีของอีกคนอยู่ไม่ไกล ผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างเล็กกว่าก็เงยขึ้นจากภวังค์ที่ตนสร้างขึ้นกับหนังสือ ทำให้ฮีชอลเห็นใบหน้าชัดขึ้นทันที แล้วก็ทำให้เค้าได้แย้มรอยยิ้มสวยอีกครั้งเมื่อจำได้เป็นว่าเด็กคนที่ทำให้หนังสือประกายแสงในวันนั้นท่าทางว่าหนังสือจะบอกใบ้อะไรไว้ให้บ้างแล้วซิ
.
.
ฮยอกแจที่วันนี้มาสิงอยู่ที่หอสมุดก็เพราะว่าเพื่อนซี้กระต่ายของเค้าวันนี้ก็แว้บหายไปไหนก็ไม่รู้ ท่าทางจะเกี่ยวกับลูกชายเจ้าของร้านขนมปัง สองคนนั้นท่าทางจะใกล้ชิดขึ้นทุกวันแล้ว ก็เริ่มทิ้งเพื่อนแล้วนี่ซิ ส่วนเพื่อนใหม่ตัวเล็กอีกคน เรียวอุค รายนั้นท่าทางจะหาที่หลบหนุ่มบริหารแก้มซาลาเปาอยู่ที่ไหนซักที่หนึ่ง แต่เห็นวี่แววว่าจะดีขึ้นมาหน่อย เพราะเยซองตื้อตามจนไปส่งถึงบ้านมาแล้วจนได้ ส่วนตัวฮยอกแจเองวันนี้ต้องไปร้าน Readme เพื่อทำงานพิเศษอีกเช่นเคยแต่ยังไม่ถึงเวลางานเลยต้องมาฆ่าเวลาคนเดียว คิดแล้วก็.....
เฮ้อออ...
หนังสือเล่มนั้นมันน่าเครียดขนาดนั้นเลยเหรอ
อ้ะ รุ่นพี่ฮีชอล!! คนตัวเล็กกว่าที่ยืนถอนหายใจเป็นอันต้องตกใจเมื่อเสียงหวานทักขึ้นอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง และอุทานด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
หือ ตกใจอะไรเหรอ ฉันน่ากลัวเหรอ ฮีชอลถามยิ้มๆอย่างอ่อนโยน และไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายเรียกชื่อตนเองอย่างนั้น เพราะคงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ครอบครองคนปัจจุบันหรอก
เปล่าน่ะฮะ เปล่า รีบปฏิเสธลิ้นรัวทั้งที่ก็ดูท่าทางรู้ว่ารุ่นพี่คนสวยแกล้งตนเองแน่ๆ
อ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอ ทำไมดูเครียดนักล่ะ ว่าพลางพลิกหน้าปกหนังสือในมือฮยอกแจขึ้นมา
The Ant Philosophy : ปรัชญามด....ฮ่าๆๆๆ มันน่าเครียดตรงไหนเนี่ย คิคิ เสียงหวานอ่านชื่อหนังสือจบก็ยกมือเรียวขึ้นปิดปากอย่างกลั้นเพราะกลัวจะส่งเสียงดังในหอสมุดที่เงียบๆเช่นนี้
เอ่อ..คือผมไม่ได้เครียดเพราะหนังสือหรอกฮะ
เหรอ แล้วหนังสือเล่มนี้อ่านสนุกมั้ยล่ะ
สนุกฮะ ให้ข้อคิดดีด้วยฮะ ตาเป็นประกายทันทีที่ได้พูดถึงเรื่องที่ตนเองชอบเหลือเกิน การอ่านหนังสือเนี่ย
งั้นเหรอ ว่าแต่ เราชื่ออะไรเหรอ
เอ่อ ชื่อ ฮยอกแจ ลีฮยอกแจ คณะอักษรปีหนึ่งฮะ
งั้นฮยอกแจฉันยืมหนังสือเล่มนี้หน่อยนะ อยากลองอ่านดูบ้างน่ะ
ได้ฮะ ร่างเล็กกว่ายื่นหนังสือที่ว่าให้ด้วยรอยยิ้มกว้างโชว์เหงือกสีสวยอย่างชื่นบาน ฮีชอลเห็นแล้วก็เอ็นดู เลยยิ้มหวานตอบให้ไป
เอ่อ.........พี่ฮีชอลฮะ ฮยอกแจที่เห็นรอยยิ้มสวยอย่างนั้นแล้วก็พาลอายๆเขินคนสวย
ว่าไงเหรอ ฮีชอลที่ก้มหน้าดูหนังสือที่เพิ่งได้รับมาเปิดดูคร่าวๆ
คือ คือ ผมอยากบอกพี่จังเลยฮะ ว่า .... ร่างเล็กก้มหน้างุด ซ่อนใบหน้าสีแดงสดที่มีกรอบแก้วใสกั้นอีกชั้น
ว่า.... ฮีชอลเงยหน้าขึ้น เลิกคิ้วสูงอย่างสงสัยว่ารุ่นน้องตัวเล็กคนนี้อยากบอกอะไรตนเอง
ว่า พี่เป็นคนที่สวยที่สุด..เท่าผมเคยเห็นมาเลยฮะ แหะแหะ....ลานะฮะ บอกออกมาช้าๆอย่างอายๆ ฮยอกแจหัวเราะแหย๋ๆ เกาหัวกลมอย่างเขินอายต่อคำพูดของตนเอง ก่อนที่จะโค้งลาฮีชอลแล้ววิ่งออกไปอย่างอายๆ
คิคิ ไร้เดียงสาจริงๆเลย ฮีชอลยกมือบางขึ้นปิดปากตนเองขณะที่หัวเราะเบาๆ
....อืม...ผู้ที่มีหัวใจบริสุทธิ์อย่างงั้นเหรอ...ชื่อ ลีฮยอกแจ สินะน่าสนใจจริงๆ ร่างบางมองฮยอกแจที่วิ่งออกไปไกลแล้วพลางงึมงำ ยิ้มบางๆกับตัวเอง
แต่หารู้ไม่ เสียงงึมงำเบาๆของฮีชอลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่องหนังสือเล็กๆเมื่อครู่นี้นั้นมีอีกสายตาหนึ่งที่รับรู้เหตุการณ์ตั้งแต่แรกจนจบ และท่าทางว่าเรื่องนี้จะอะไรซับซ้อนมากกว่าที่คิดแล้วน่ะซิ
_.~;*¯*;~._.~;*¯*;~._.Flip Love._.~;*¯*;~._.~;*¯*;~._
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งเป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องรับแขกของตระกูลชเว สองร่างนั่งอยู่บนโซฟาสีหรูตัวยาว ร่างเพรียวระหงของ ชเวมิริน กำลังเบียดกระแซะร่างสูงของซีวอนอย่างออดอ้อน
นะซีวอนนะ ทำให้มิรินแค่นี้เองนะ ไม่ได้เหรอ นะนะนะ หญิงสาวขยับริมฝีปากสีส้มสดร้องขอสิ่งที่ตนเองต้องการจากร่างสูง
แต่ผมว่ามันไม่ดีนะ มิรินก็น่าจะรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง เราฝืนมันไม่ได้หรอก ร่างหนาปฏิเสธอ้อมๆพร้อมอธิบายเหตุผล
แต่มิรินอยากได้นี่นา..นะ นะ นะ ซีวอน น้าาาา มือบางจับที่ต้นแขนของซีวอนส่ายไปมาอย่างขอร้องปนดื้อดึง
ไม่ได้หรอก แล้วมิรินจะให้ผมทำยังไง ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้หรอก
นะ ซีวอน....ซีวอนไม่รักมิรินแล้วใช่มั้ยละ ถึงไม่ยอมช่วยมิรินน่ะ ฮึก ใช่ซิ เดี๋ยวนี้มิรินไม่น่ารักเหมือนเมื่อก่อนแล้วนิ ฮืออออ....
มิรินที่เห็นว่าซีวอนใจแข็งเหลือเกินคงต้องใช้ไม้ตายอย่างเดิมที่รู้ว่าซีวอนยอมทุกเรื่องแน่นอน การร้องไห้ ซึ่งนั่นก็สามารถทำให้ซีวอนผู้ซึ่งไม่เคยปฏิเสธมิรินได้เลยต้องพยักหน้ารับอย่างจำใจ
อืมๆ ก็ได้ๆไม่ต้องร้องไห้แล้วครับ
เย้ ไชโย ซีวอนใจดีที่สุดเลย มิรินยิ้มดีใจแม้จะรู้ว่าร่างหนาตามใจตนเองอยู่เสมอตั้งแต่เด็กแต่บางเรื่องที่ไม่ดีหรือไม่มีเหตุผลพอ ซีวอนไม่มีทางยอมตามใจเธอแน่
แต่....ผมมีข้อแม้ ร่างสูงว่าด้วยเสียงเข้มอย่างที่คนขอร้องเขาเหรอจะไม่ยอม
มิรินต้องเชื่อการตัดสินใจของผม ไม่ว่าผมจะใช้วิธีอะไร คุณก็จะไม่เข้ามาขัดขวาง ไม่งั้นผมคิดว่าคงทำมันไม่สำเร็จ เข้าใจมั้ยครับ
ได้ซิ เข้าใจมิรินเข้าใจทุกอย่างเลย ตามใจซีวอนทุกอย่างเลยนะ พยักหน้ารับอย่างรวดเร็วไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
อืม งั้นผมก็ตกลงครับ แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลานะ
ไม่เป็นไรมิริน รอได้ ซีวอนต้องทำให้สำเร็จน้ะ มิรินรออยู่
หญิงสาวที่ดีใจจนหน้าบานคิดถึงเรื่องที่ร้องขอเอาไว้ว่าจะสำเร็จในวันข้างหน้าก็เก็บอาการไม่อยู่เลย แต่หารู้มั้ยว่าสิ่งที่เธอต้องการนั้นมันทำลายหัวใจของใครไปบ้าง
TBC
แอร้ยยยย คยูมิน น่ารักมั้ย รู้กันแล้วนะว่า คุณชายเจ้าของร้านพากระต่ายไปเคลียร์ยังไง อิอิ
คิมฮี ของเราออกโรงแล้ว หุหุ มีวี่แวว ผู้ถูกเลือกแล้ว แอร้ยยยย
ปล. หายไปหลายวัน ทำงาน จันทร์ถึงอาทิตย์อ่ะ ทุกวันเลย เพราะงั้นจะไม่ค่อยได้แต่ง
สักเท่าไหร่ งืมๆ เรื่องแรกก็งี้แหละ ขอเวลาหน่อยน้ะ ^^
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์น้ะ กิ้บ มีกำลังใจเลยทีเดียว >////<
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่ใช่มิรินอยากได้หนังสือหรอกนะ
คยูมินน่ารักกก -////////-
คยูมินจ๋า เบาหวานขึ้นรีดเดอร์แล้วจ้ะ
ส่วนฮยอกจะเป็นผู้ถูกเลือกซินะ
แล้วมิรินให้วอนทำไรอ่ะ หรือจะแย่งหนังสืออ่ะ
แกต้องไปเอาใจฮยอกซิไม่ใช้ยายนี่
เริ่มเห็นความร้ายของยายมิรินแล้วซิ
ฮีนิมต้องเลือกฮยอกน๊ะ ฮยอกเป็นคนน่ารัก น่ารักมากๆ เจ๊ต้องเลือกฮยอกน๊ะ
อิจฉาคู่คยูมินมากหมาย เมื่อไรคู่ฮยอกจะเป็นแบนนี้บ้างอ๊ะ
เค้าโครงความเศร้าของฮยอกแจใกล้เข้ามาแล้ว
มิรินต้องอยากได้หนังสือแน่เลยอะ
.
แล้วยัยมิรินมีแผนชั่วอะไรล่ะเนี่ย!!!
ถ้าไปทำร้ายฮยอกไม่ยอมจิงๆ ด้้วย
บอกแล้วเจ๊แกต้องเลือกฮยอก
ฉากในห้องสมุดน่ารักมากอ่ะ ><
คยูมิน เย่เรียว พัฒนาไกลกว่าคู่หลักเลยนะ XD
ยัยมิรินขอให้วอนทำไรอีกเนี่ย ==
ฮยอกจะโดนทำไรป่าวเนี่ยย TT