ตอนที่ 28 : *Flip Love*: Chapter 25 ปวดใจ... (100%)
Chapter 25 ปวดใจ...
เมื่อจัดการงานศพของคุณตาเรียบร้อย แม่เยจินและฮยอกแจก็จำต้องเดินทางกลับโซลกันเสียที
“พี่โทรหาเราได้ใช่มั้ย” ซึงโฮที่ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อมาส่งฮยอกแจเอ่ยบอก
“ได้สิฮะ” รอยยิ้มบางๆที่มอบให้แค่นี้ก็ทำให้หนุ่มเจ้าของฟาร์มยิ้มได้แล้ว
“ซึงโฮ น้าฝากดูไร่หน่อยนะ พ่อของฮยอกเขาดูคนเดียวไม่รู้ไหวรึเปล่า”
“ได้ครับ คุณน้า” เมื่อฝากฝังและบอกลาเรียบร้อยแล้วสองแม่ลูกหน้าหวานก็เดินทางกลับมาถึงโซลในเวลาไม่นาน
..
..
ทันทีที่รถคันเล็กจอดลงหน้าบ้านไม้สีขาวหลังน้อยก็เห็นได้ชัดทันทีว่ามีคนร่างหนารีบออกมาจากคันนิ่งที่จอดสนิทอยู่ก่อนแล้ว
เชว ซีวอน ผู้ชายที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้ทำลายหัวใจของคนที่ตนรักไปไม่เหลือดีแล้ว
“ฮยอกแจ!” เสียงทุ้มเรียกด้วยความตื่นเต้นที่ปนไปด้วยความห่วงใยและเจือความดีใจ เท้าหนาก้าวเข้ามาหาฮยอกแจโดยไม่ลืมโค้งสวัสดีเยจิน คุณแม่นักเขียนที่รู้ความจริงทำเพียงพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าบ้านไปเงียบๆโดยให้ทั้งสองคนที่มีหัวใจตรงกัน แต่เส้นของความรักที่ควรจะตรงไปหาหัวใจยังยุ่งและพันกันจนยังไมสามารถมองเห็นทางออกใดเลย
มือหนาคว้าเอามือนิ่มทั้งสองข้างมากุมแน่นพลางส่งสายตาห่วงหาอาทรณ์
“ฮยอก ผมติดต่อคุณไม่ได้เลย คุณเป็นยังไงบ้าง”
“...ไม่มีอะไรแล้วล่ะ” เสียงหวานที่เอ่ยบอกเบาๆ แม้ในใจอยากจะร้องไห้ออกมาตรงหน้าคนนี้เพียงแค่เห็นหน้าเห็นท่าทางเป็นห่วงเป็นใย แต่ว่าเขาคิดแล้วว่า จะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นอีก ไม่ว่าเพื่อนของเขาหรือว่า...ผู้ชายคนนี้
“...ผมเสียใจนะ.....ขอโทษด้วย” ฮยอกแจค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตาคมด้วยความสงสัย
“...ซีวอน ขอโทษ...เรื่องอะไร...เหรอ” เอ่ยถามช้าๆด้วยความไม่แน่ใจ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวหนัก...กลัวว่าวันนึงซีวอนจะเอ่ยบอกความจริงที่แสนเจ็บปวดนั่น กลัวว่าความรักหลอกๆที่ได้มาจะจบลง
“ผมขอโทษที่ไม่ได้พาไปหาคุณตานะ...ถ้าผมพาฮยอกไปเร็วกว่านั้นก็คงดี...” นัยน์ตาหวานสั่นระริกอย่างไม่เข้าใจ
ไม่ว่าจะมองยังไงความรู้สึกอบอุ่นที่ซีวอนให้มา...ฮยอกแจก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจริงใจ...สับสนจริงๆว่าที่ทำอยู่นี่นั่น...กำลังหลอกเขาอยู่ใช่หรือเปล่า...
“มะ ไม่เป็นไรหรอก...ซีวอน ขอโทษนะ ฉันเหนื่อยน่ะ...อยากพักแล้ว” ฮยอกแจหลบสายตาแล้วเอ่ยบอกเบาๆ
“ได้ซิไปกันเถอะ” ซีวอนคว้ามือบางมากุมไว้แล้วกำลังดึงเดินไปทางรถตน หมายจะพาขึ้นรถกลับคอนโด แต่กลับมีแรงน้อยๆดึงแขนกลับ
“ฉันว่า....จะกลับมาอยู่ที่บ้านเหมือนเดิมแล้วล่ะ” คนที่คิดถึงร่างบอบบางนั้นแทบขาดใจเมื่อได้ยินประโยคนี้
“ทำไมล่ะ ฮยอกไม่อยากอยู่คอนโดกับผมแล้วเหรอ”
“เปล่าหรอก...แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่มีใครคอยตามฉันแล้ว...ฉันคิดว่าน่าจะกลับมาอยู่บ้านได้แล้วล่ะ”
“แต่ว่า....”
“ฉันเหนื่อยน่ะ ขอพักก่อนนะ” มือบางดึงมือตนกลับออกจากมือกร้าน ยิ้มให้บางๆแล้วเดินหายเข้าบ้านไปทิ้งให้ซีวอนที่สังเกตเห็นแววตาเศร้าสร้อยนั่นคิดไปเสียว่ามันคือความเศร้าสร้อยที่เกิดจาก การสูญเสียคนรักที่จากไป...
ใช่แล้ว...ซีวอนคิดไม่ผิด...มันคือ แววตาห่งความเศร้าสร้อยที่เกิดจาก...การสูญเสีย...คนรัก...ไปจากหัวใจ...
_.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._.Flip Love._.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._
“เอ้านี่ ทุกคนเตรียมตั๋วมาพร้อมแล้วนะ”
เสียงหวานของอาจารย์ประจำคณะอักษรประกาศบอกนักศึกษาทุกคนที่พร้อมกันแล้วทั้งสองคณะ โดยมีอาจารย์หน้าหมีหวานใจยืนเคียงคอยส่งสายตาปราบพวกนักเรียนในคณะตนที่ส่วนมากเป็นนักศึกษาชายคอยนั่งมองอาจารย์นางฟ้าคนสวยตลอด
การเดินทางในครั้งนี้มีเป้าหมายเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี...เกาะเชจู ด้วยระยะทางที่ไกลจากโซลมากทำให้การเดินทางนั้นอยู่บนเครื่องบินภายในประเทศเพื่อร่นระยะเวลาการเดินทางลง
“มาครบกันทุกคนแล้วเราก็เดินทางกันได้เลยนะ ดูคู่บัดดี้ของตัวเองเอาไว้ด้วยนะ”
คู่บัดดี้ในที่นี้คือ ทุกคนจะต้องมีคู่เป็นคนต่างคณะไว้ทำกิจกรรมร่วมกันตลอดการออกค่ายครั้งนี้ โดยที่ไม่ต้องสงสัยว่า ใครจะคู่ใคร
“ซองมินครับ กินขนมมั้ย” คยูฮยอนหยิบขนมจากร้านของตนออกจากกระเป๋ายื่นให้คู่บัดดี้ที่เป็นคู่ใจของตนเองด้วย
“ว้าว หอมจังเลย ขอบคุณนะคยู” รอยยิ้มหวานที่มอบให้หวานยิ่งกว่าขนมในมือซะอีก แต่รอยยิ้มหวานนี้คยูฮยอนก็ไม่อยากให้ใครเห็นซักเท่าไหร่ด้วยนี่ซิ โดยเฉพาะไอ้หนุ่มนักบาสกล้ามโต ผิวสีโกโก้นั่นที่มองตาห้อยใส่ซองมินตลอดเวลา เลยทำได้แค่ นั่งโอบเอวไปตลอดทาง...แค่นั้น
คู่กระต่ายบ้าเบเกอรี่กับคุณชายร้านขนมบรรยากาศช่างดูหวานแหววต่างกับอีกสองคู่เสียเหลือเกิน
คู่บัดดี้อย่างเยซองและเรียวอุคที่ตั้งแต่ครานั้น ที่เยซองเอ่ยบอกจะตัดใจจากคนตัวเล็กก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย หากจะมีบทสนทนาระหว่างกันคือเมื่อจำเป็นเท่าจริงๆเท่านั้น โดยที่ผู้เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก็เป็นกระรอกน้อยตัวเล็ก
“........คือ...” เสียงเล็กหวานเอ่ยขึ้นเบาๆอย่างกลัวๆ พลางๆค่อยเหลือบมองคนนั่งข้างๆที่เอาแต่มองออกไปข้างนอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่สามารถอ่านอาการใดใดออกได้เลย
หนุ่มแก้มซาลาเปาที่เงียบนิ่งต่างจากปกติ ไม่ใช่เพราะโกรธเคืองร่างเล็กแต่อย่างใด แต่เขากำลังตัดใจ ตัดใจจริงๆ เขาพยายามที่จะไม่มองด้วยกลัวใจตนเองจะสั่น พยายามจะไม่คุย ด้วยกลัวปากจะเอ่ยบอกความในใจให้เขาได้รำคาญซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยหารู้ใจของร่างเล็กข้างกายไม่....
“เยซอง....กินขนมมั้ย” เรียวอุคกัดฟันถามด้วยเสียงเบาแสนเบา
“.....ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ” ร่างสูงแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ตอบออกไปด้วยเสียงนิ่งขรึม แล้วหันหน้ากลับไปมองออกนอกหน้าต่างนิ่ง
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตาหวานก็ร้อนเห่อเหมือนกับจะมีน้ำตาหยาดใสไหลลงมาในอีกไม่นาน...เพียงเพราะเขาไม่สนใจกันแค่นั้นเหรอ...หรือเพราะอะไร ทำไมการที่คนคนนึงเย็นชาใส่ถึงได้ปวดใจอย่างนี้
..
..
“ฮยอกครับ...” เสียงทุ้มเรียกคนรักเรียบๆแต่ก็ไร้เสียงตอบรับมา ชะเง้อมองใบหน้าหวานใต้กรอบแว่นเห็นเพียงเปลือกตาบางที่ปิดสนิทบอกให้ทราบถึงการนิทรา
ตั้งแต่ฮยอกแจกลับมาครั้งนี้ก็ไม่ร่าเริงเช่นเดิมจนคนรอบข้าง ทั้งเพื่อนสนิทและไม่สนิทก็รับรู้ได้ และต่างคิดเช่นเดียวกันว่า ยังคงเสียใจเริ่งที่คุณตาเสีย ซีวอนเองก็เช่นกันไม่ได้รู้เลยว่าความเศร้าสร้อยของฮยอกแจที่ตนเห็นอยู่นี้นั่นมีสาเหตุจากตนโดยทั้งสิ้น คิดเพียงแค่ว่าร่างบางยังคงเสียใจกับเรื่องคุณตา แต่แล้วความจริงนั้นคือ ความทรมานที่ฮยอกแจยังต้องได้รับอยู่ทุกวัน...ความจริงที่แสนเจ็บปวดจากคนที่ไม่ได้รัก
..
..
วิวทะเลค่อยๆโชว์ให้เห็นเป็นระยะสลับกับทิวเขาและต้นไม้ รถบัสคันใหญ่ชั้นดีขับออกจากสนามบินบนเกาะเชจู ในบรรยากาศของฤดูหนาวที่ดูไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่เมื่ออยู่ในเกาะทางใต้ของประเทศเกาหลีเช่นนี้
และแล้วรถที่บรรทุกนักศึกษาของมหาวิทยาลัยโซลก็จอดลงที่หน้าที่พัก สถานที่ซึ่งจัดไว้เป็นสัดส่วนสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ มีทั้งห้องประชุมใหญ่ ลานกว้าง ห้องพักจำนวนมาก
“แยกกันเก็บข้าวเก็บของนะ ให้เวลาถึงตอน ห้าโมงเย็นแล้วรวมตัวกันที่หน้าห้องประชุม มาให้ตรงเวลากันด้วย” อาจารย์หมีประกาศบอกด้วยเสียงดังชัดเจน
ห้องพักขนาดไม่ใหญ่มากสำหรับสองคน เตียงเล็กสองเตียงคู่กัน โต๊ะวางของเล็กๆและห้องน้ำในตัว
แม้ว่าในตอนแรก เพื่อนซี้ทั้งสามจะงอแงขอนอนห้องเดียวกันแต่ว่า ไม่รู้ยังไงถึงได้ลงเอยเป็น ซีวอนกับฮยอกแจหนึ่งห้อง ซองมินกับเรียวอุคหนึ่งห้อง...และสองหนุ่มที่หน้าไร้รอยยิ้มทั้งสองคนหนึ่งห้อง คยูฮยอนที่อดค่อนขอดในใจไม่ได้ว่า ทำไมไอเย่มันต้องมาอึมครึมกับเรียวอุคตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้
..
“ฮยอกแจครับ”
เมื่อเข้ามาภายในห้องฮยอกแจก็ยืนมองนิ่งออกไปนอกหน้าต่างที่มีวิวเป็นทะลอยู่ไม่ไกลมากนัก ร่างหนาของซีวอนเข้ามายืนซ้อนทางด้านหลังแล้วสอดแขนแกร่งเข้าโอบเอวบางเข้าแนบชิด
“ผมคิดถึงคุณ...” ริมฝีปากหนากดลงที่ขมับบาง แล้วเอ่ยบอกเสียงทุ้ม ทำเอาคนในอ้อมแขนยืนนิ่ง แต่ภายในกลับกำลังสั่นไหว หัวใจดวงน้อยที่เจ็บปวด แต่กลับเต้นแรงจนตัวเองกลัว
“...หืม? ผอมลงอีกรึเปล่า ผมไม่ได้กอดคุณไม่กี่วันเองนะ” มือหนาที่ลูบไล้เอวบางไปมาพยายามหาเนื้อที่มันหายไปจากเอวบาง
“...คงอย่างนั้นน่ะ” ฮยอกแจเอ่ยตอบเบาๆพลางก้มลงมองมือหนาที่ยังไม่หยุดลูบ มือบางยกขึ้นจับให้ซีวอนหยุดมือลง โดยไม่หันไปสบตา
“กินอะไรไม่ค่อยลงใช่มั้ย...พยายามกินหน่อยนะ ระวังจะไม่สบาย” ซีวอนจับเอาฮยอกแจให้หันมามองหน้ากันโดยเอาหน้าผากหนาของตนก้มลงแนบกับหน้าผากมนของฮยอกแจแล้วเอ่ยบอกต่อ
“อย่าเสียใจไปเลยนะ อย่าลืมนะครับคุณยังมีผม ฮยอกเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่ารู้เปล่า ยิ้มให้ผมหน่อยนะ”
.....
“...ฮยอกครับ...ไม่เป็นไร...ถ้าหัวใจมันยังเจ็บเกินที่จะยิ้มออกมาได้...พี่ก็จะรอ...เพราะหากเป็นตอนนี้...ฮยอกคงไม่เหมาะกับรอยยิ้ม...เราเหมาะกับน้ำตามากกว่านะ”
....
คำเอ่ยที่แม้จะคล้ายกันแต่ความหมายกลับตรงกันข้ามอย่างมากมายเสียเหลือเกิน
คนหนึ่งบอกให้ ร้องไห้ กับอีกคนหนึ่งที่บอกให้ ยิ้ม อย่างไหนดีกว่ากัน แต่รู้ว่าหัวใจเขาตอนนี้จำต้องสั่งให้ยิ้มออกมาเพื่อคนตรงหน้า...คนที่ต้องรักเขา รักลีฮยอกแจ
รอยยิ้มบางๆเจือแววตาแห่งความเศร้า พอจะทำให้ซีวอนชื้นใจขึ้นมาบ้าง...ความกลัวในจิตใจดวงแกร่งกำลังทำงาน เขากลัวเหลือเกินว่าถ้าหาก ฮยอกแจรับรู้ความจริงขึ้นมาวันใด รอยยิ้มนี้จะหายไป...โดยไม่รู้เลยว่า มันกำลังค่อยๆหายไปแล้ว...จริงๆ...
30%
..
..
ก่อนจะมีมื้อเย็นรวมกันของสองคณะอาจารย์ประจำทั้งสองสาขาทั้งหมดก็ร่วมกันประชุมชี้แจงด้วยความจ้อกแจ้กจอแจ คู่บัดดี้ที่อาจารย์บอกให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลายกเว้นเวลานอน เพราะบางคนเป็นคู่ชายหญิง
“ในช่วงเวลาสามคืนสี่วันนี้ เราจะใช้เวลาร่วมกันนะ โดยแบ่งเป็นกลุ่มจากการจับฉลาก เมื่อได้กลุ่มแล้ว แต่ละกลุ่มจะต้องจัดการแสดงเพื่อแสดงในคืนวันสุดท้าย เป็นการแสดงส่งท้ายจากทุกกลุ่ม คะแนนหลักๆอาจจะมีส่วนจากจุดนี้ด้วยนะ เพราะฉะนั้นตั้งใจทำกันดีดีล่ะ”
อาจารย์ตาหวานชี้แจงรายละเอียดเรียบร้อยก็เริ่มทำการจับฉลากผลออกมาเป็น....
........
.............
...............ซองมิน/ xxx / xxx / xxx / คยูฮยอน /xxx /xxx /xxx /......อ๊กแทคยอน
กลุ่มของฮยอกแจ ซีวอน เรียวอุค และเยซองถูกแบ่งต่างกันไปและไม่มีท่าทีว่าจะมีเรื่องราวไปกว่ากลุ่มของซองมินเลย เนื่องด้วยลูกชายร้านขนมทั้งสองคนนั่งส่งสายตาที่หากเป็นกระแสไฟฟ้าคงเกิดการระเบิดไปแล้ว
“ซองมินครับ ผมดีใจจังที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับคุณน่ะ” ชายหนุ่มฟันเปียนโนเขยิบเข้ามาใกล้เพื่อฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวให้ซองมิน
“ทำไมโกโก้ต้องดีใจด้วยล่ะ” ดวงตาใสมองพลางเอียงคอถามอย่างน่าเอ็นดูในอ้อมแขนแกร่งของอีกคนที่โอบเอวตนเองอยู่
คนหนึ่งก็ช่างไม่ได้สนใจว่าคนตัวนิ่มจะมีเจ้าของแล้ว ส่วนอีกคนก็ไม่ได้รับรู้ว่าเขาสนใจเรามากกว่าเพื่อนเลยซักนิด แล้วอีกคนล่ะ นายตัวหอมเจ้าของร้าน Vanilla Story นั่งปล่อยกระแสจิตมืดดำแพร่ปกคลุมจนคนร่วมกลุ่มเริ่มหนาวๆร้อนแทนพ่อนักกีฬาบาสเสียแล้ว
“อ่ะ...เอ่อ ผมว่าเราเริ่มคุยกันดีมั้ยว่า จะแสดงอะไรกันดี” ยองซูนักศึกษาชายหนึ่งที่มีท่าทางเป็นผู้นำที่สุดในกลุ่มของซองมินเอ่ยบอกแทรกบรรยากาศมาคุแปลกๆนี่ออกมา หลังจากมื้ออาหารเย็นร่วมกันผ่านไปคนในกลุ่มต่างๆก็นัดกันคุยรายละเอียดการแสดงกัน
“ใช่ๆ เราจะแสดงอะไรกันดีล่ะ” หญิงสาวอีกคนรีบเอ่ยรับทันที
“การแสดงก็มีหลายอย่างนะ ร้องเพลง เต้น ละคร หรือเล่นตลก อันไหนจะดีกว่ากันล่ะ” แล้วทุกคนก็เริ่มออกความคิดเห็น
“อาจารย์ทึกกี้บอกว่ามีคะแนนเยอะด้วย คะแนนน่าจะมาจากเนื้อหาของการแสดง หรือว่าพวกคุณภาพมากกว่ามั้ง”
“งั้นเราแสดงละครมั้ย เอาแบบที่มีเนื้อหาดีต่อสังคมให้สมกับชื่อวิชาที่เรียนกัน”
“อื้ม ตกลงเป็นแสดงละครนะ หรือมีใครห็นว่าไงบ้างมั้ย” ยองซูเอ่ยสรุป ทุกคนต่างพยักหน้ารับเห็นด้วย ซองมินหันไปยิ้มกับคยูฮยอนแล้วบอกว่า ตื่นเต้น เบาๆ
“งั้นเรามาหาพระเอกกับนางเอกก่อนละกัน ส่วนบทน่ะเดี๋ยวฉันจัดการเองนะ” จีซองหญิงสาวที่อยู่ชมรมการแสดงออกตัว บอกจะช่วยรับผิดชอบด้านนี้ทันที
“คิดบทคร่าวๆไว้แล้วประมาณว่า....”
...การทุตจริตนั้นมีมาตั้งแต่ก่อนสมัยราชวงศ์โชซอน ในหมู่ขุนนางมากมาย แต่ในนั้นก็มีขุนนางตงฉินอยู่ไม่น้อยที่คอยขัดขวาง...ประเพณีผิดๆที่มักจะส่งลูกสาวตนให้ไปเป็นนางบำเรอแก่ข้าหลวงที่มียศสูงกว่าเพื่อยกระดับตำแหน่งตนเองขึ้นตาม....
“เดี๋ยวนะจีซอง ช่วงนี้แกติด Rooftop Prince ใช่ม่ะ = =” ชายหนุ่มหนึ่งในนั้นเอ่ยขัดขึ้นมา
“แหะๆ...ก็มิกกี้น่ารักนี่นา ~”
“พอเลย เล่าต่อเหอะ”
...มีราชองครักษ์หนุ่มคนหนึ่งที่ได้รับมอบหมายจากกษัตริย์องค์ปัจจุบันให้สืบราชการลับและกวาดล้างเรื่องนี้ให้เรียบร้อยอย่างเงียบๆ แล้ววันหนึ่งเขาก็ตามสืบจนรู้ว่า ค่ำวันนี้จะมีการส่งลูกสาวของข้าหลวงชั้นน้อยไปเป็นนางบำเรอที่จวนของเสนาฝ่ายซ้าย องครักษ์หนุ่มจึงรุดเข้าไปดักซุ่มยังที่เป้าหมายทันที
จนเมื่อตะวันย่ำค่ำคบไฟเพลิงก็ถูกจุดขึ้นจนทั่วบริเวณช่วยให้มีแสงสว่างขึ้นมาได้บ้าง เสียงควบม้าที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังจวนค่อยๆเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆและเงียบลง เสียงคนจำนวนหนึ่งกำลังพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบกระซาบราวกับกลัวคนอื่นได้ยินจนจับใจความไม่ได้
องครักษ์หนุ่มค่อยๆเคลื่อนกายออกจากที่ซ่อนมุมมืดในชุดสีดำสนิทเพื่อมองและฟังให้ถนัดขึ้น ทันใดตาคมก็เห็นหญิงวัยกลางคนสองสามคนยืนล้อมหญิงสาวร่างบางที่มีใบหน้างดงามแก้มสีชมพูระเรื่อในชุดฮันบกคลุมข้อเท้าสีหวาน แต่กลับมีหยาดน้ำใสเปื้อนแก้มนิ่ม บ่งบอกให้รู้ถึงความเสียใจที่มีมากมายเพียงใด
ราชองครักษ์หนุ่มเพียงแค่ได้สบแก้วใสเปื้อนหยาดน้ำตาก็เกิดตกหลุมรักในหญิงสาวผู้นั้นยิ่งนัก เหตุใดเลยที่เขาจะไม่รู้สาเหตุการเสียน้ำตานั่น คงมิพ้นผู้เป็นบิดาต้องการยศฐาบรรดาศักดิ์โดยมิสนใจในดวงจิตของผู้เป็นบุตรเช่นนางแน่นอน
ใจดวงแกร่งของผู้แทนพระองค์ยิ่งสั่นไหวหนักเมื่อเห็น ร่างบางหันมาโอบกอดหญิงวัยกลางคนบอกลาก่อนที่จะหายเข้าไปด้านในห้องห้องหนึ่ง ผู้รับบัญชาจากองค์กษัตริย์อยากจะปรี่เข้าไปช่วยเอาเสียประเดี๋ยวนี้ แต่หากไม่จับให้ได้คาหนังคาเขาแล้วจะจับเจ้าขุนนางโฉดนั่นได้อย่างไรเล่า...
หญิงสาวผู้นั้นหายเข้าไปไม่นานก็มีเสียงดังกึงกังออกมาจากห้องด้านใน เหมือนมีคนกำลังสู้กันเบาๆ มือหนากำแน่นอย่างต้องอดกลั้น แต่แล้วก็ทนไม่ไหวเมื่อได้ยินเสียงหวานร้องขอความช่วยเหลือออกมา ราชองครักษ์หนุ่มหันไปส่งสัญญาณให้นายทหารคนสนิทอีกสองนายเริ่มลงมือ
การฝ่าด่านนายทหารยามหน้าห้องเข้าไปมิได้เป็นการยากแต่อย่างใด เพียงแค่นายทหารคนสนิทของเขาเพียงคนเดียวก็เอาอยู่ เมื่อเปิดประตูเข้าไปด้านใน ตาคมก็เห็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายกำลังใช้กำลังปลุกปล้ำหญิงสาวร่างบางที่พยายามดิ้นสู้ขาดใจ มือหนากระชากดึงร่างบางออกจากเสนาชั่ว ที่ตกใจในเหตุการณ์ และกำลังโมโหโกรธาที่ปล่อยให้ใครหน้าไหนไม่รู้เข้ามาได้ถึงด้านในจวนเขาเพียงนี้ หมายจะพุ่งเข้าใส่พร้อมตวาดเสียงกร้าว...แต่เพียงแค่มือแกร่งข้างหนึ่งที่ไม่ได้กอบกุมมือบางของหญิงสาวไว้ ยกตราที่แสดงถึงผู้ตรวจการแทนองกษัตริย์ชายวัยกลางคนก็ตัวสั่นหมดแรง คุกเข่าลงก้มหน้าผากจรดพื้นตัวสั่นเทาด้วยความกลัว...
“เดี๋ยวนะ ง่ายงี้เลยเหรอวะ”
“ง่ายงี้เลยซิ มีเวลาซ้อมนิดเดียวเอง เดี๋ยวค่อยเพิ่มบทบรรยาตอนหลังเข้าไปก็ได้นี่นา”
“...อืม งั้นแบบนี้ก็แบบนี้”
“แล้วตอนจบว่าไงอ่ะ”
...บิดาของหญิงสาวและเสนาบดีฝ่ายซ้ายถูกลงโทษให้ลดยศลงเหลือเพียงชนชั้นธรรมดาและให้ทำงานเป็นแรงงานในวังทั่วไป ส่วนหญิงสาวที่ต้องใจองครักษ์หนุ่มยิ่งนักนั้นก็ได้สิ่งตอบแทนความกตัญญูเป็นตำแหน่งนายหญิงของท่านราชองครักษ์หนุ่ม โดยทั้งสองได้รับพระราชทานยศและทรัพย์สินจากความดีความชอบในคดีครั้งนี้...แล้วทั้งสองก็รักกันตลอดไป........
“....จบม่ะ”
“ = “ =”
“นี่จีซอง...Rooftop Prince มันยังฉายไม่จบใช่ม่ะ แกถึงจบเอาง่ายๆอย่างนี้เนี่ย”
“อือ หึ~~ ”
มันยังมีหน้ามา อือ หึ~~ อีก = =”
“เอาล่ะเอาเป็นว่าเราได้บทแล้วนะ คราวนี้ก็ถึงเวลาเลือกบทเด่นๆกันก่อนก็แล้วกัน” ยองซูเอ่ยต่อเพื่อที่งานจะได้ก้าวต่อสักที
“บทพระเอกก่อนนะ เราจะเลือกใครดีล่ะ มีใครเสนอ หรือมีใครอยากเป็นมั้ย”
“..................” ไม่มีเสียงใดๆจากคนในกลุ่ม ยองซูเริ่มจะปวดหัวเล็กน้อย
“งั้น เขียนโหวตแล้วกันนะ เอาแต่บทพระเอกนางเอกแล้วก็บทเสนาบดี เขียนใส่กระดาษแล้วเปิดนับคะแนนไปเลย” สมกับที่มีท่าทางเป็นผู้นำจริงๆ ซองมินตบมือแปะๆให้กับยองซูที่ตัดสินใจเด็ดขาด โดยมีคยูฮยอนนั่งยิ้มอยู่ข้างๆนิ่งๆ
..
..
“พระเอก....โจวคยูฮยอน...เอ่อ...คยูนายโอเคมั้ยอ่ะ”
เมื่อผลโหวตของพระเอกออกมาก็ได้ผิดไปจากที่คิดเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยในกลุ่มก็มีสาวน้อยเคะน้อยหลงใหลในใบหน้าคมทั้งนั้น แต่หนุ่มนิ่งๆอย่างคยูฮยอนจะยอมแสดงให้รึเปล่าอันนี้ยองซูและคนอื่นๆก็ไม่แน่ใจ...แต่แล้วทุกคนก็ถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นคยูฮยอนพยักหน้ารับด้วยท่าทางไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ เขารู้ดีว่าอะไรเป็นยังไง นี่คืองานกลุ่มถึงแม้ไม่อยากแสดงแต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด
“ว้าววว คยูเป็นท่านราชองครักษ์เหรอ >///<” ซองมินหันมาหาคนรักแล้วบอกด้วยใบหน้าแดงๆเพราะคิดไปแล้วว่าหากร่างสูงใส่ชุดองครักษ์แบบเกาหลีโบราณแล้วคงหล่อน่าดูเลย
“อ่า...งั้นคราวนี้ก็นางเอกนะ....คือ ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะโหวตคนเดียวแล้วซะอีกแต่ทำไมมีคนเห็นด้วยเยอะอย่างนี้ล่ะ” ยองซูยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองบอกอย่างเขินๆ
“เอ่อ...นางเอกของเราคือ...ซองมินนะ”
“!!!! / เย้ๆๆๆๆ” เสียงดีใจที่มาจากคนจำนวนเกินครึ่งของกลุ่มหรือเรียกง่ายๆว่า มีแค่สองคนเท่านั้นที่ตกใจ เพราะอีกหนึ่งโหวตในนั้นก็มี อ๊คแทคยอนอยู่ด้วยอย่างแน่นอน คยูฮยอนและซองมิน ตาหวานเบิกกว้างอย่างแปลกใจพลางหันไปหาคนรักข้างกาย
“ทำไมถึงเป็นฉันล่ะทุกคน” ปากบางยื่นแหลมออกถามอย่างแปลกใจพลางนึกกังวลถึงภาระที่จะต้องรับผิดชอบให้ดี
“ก็ซองมินน่ารักออกอย่างนี้นี่นา ใครๆก็เลยอยากเห็นซองมินใส่ชุดฮันบก” นายโกโก้รีบตอบซองมินออกมาให้คนน่ารักที่สงสัย พลางมองอย่างเพ้อๆในใจจินตนาการร่างบางในชุดฮันบกไปเรียบร้อยแล้ว
คยูฮยอนที่เงียบๆอยู่นั้นกำลังคิดถึงเรื่องที่ได้แสดงคู่กันนั้นก็เป็นเรื่องดี...แต่ว่าบทล่ะ...
“ส่วนบทหลักอีกคนนะ เสนาบดีฝ่ายซ้าย.....ได้แก่.....อ๊ก แทค ยอน...”
“...........”
“.........จะ จริงเหรอ” แทคยอนตกใจเล็กน้อยแต่ตอนนี้สมองเขาคิดไปไกลกว่านั้นแล้วไม่ต่างจากคยูฮยอนที่เริ่มจะนึกถึงบทบาทที่ต้องแสดงแล้ว
เมื่อ...นายโกโก้...ต้องแสดงบท...ปลุกปล้ำ...กระต่ายจมูกดี...มันจะออกมาเป็นยังไงล่ะเนี่ย~
_.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._.Flip Love._.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._
“สภาพอากาศทางตอนเหนือของวันนี้มีหิมะตกเล็กน้อย ในขณะที่ทางทิศใต้ของประเทศมีแดดออก...”
เสียงนักข่าวสาวรายงานสภาพอากาศทางทีวีที่เปิดไว้ไม่สามารถเรียกความสนใจจากสองร่างบนโซฟาในห้องพักได้เลย
ฮยอกแจที่หลังจากเข้ากลุ่มแบ่งงานเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับห้องพัก เปิดประตูเข้ามาไม่ทันจะปิดสนิทดีก็ถูกมือแกร่งคว้าเข้าอ้อมกอด ลากพามานั่งบนโซฟานุ่มแล้วบดเบียดริมฝีปากไม่ได้ขาด
“อ้ะ อืมม...” แว่นแก้วปิดบังใบหน้าหวานถูกถอดออกไปแล้ว ปากบางที่ผละออกมาหอบอากาศได้เพียงครู่เดียวก็ถูกบดจูบอีกครั้ง มือหนาจับให้ร่างบางนั่งคร่อมตนเองบนโซฟาตัวนุ่ม ริมฝีปากร้อนบดจูบอย่างโหยหา เมื่อห่างหายร่างหอมๆนี่ไปนาน มือกร้านลูบไปทั่วกายขาวนวล จนเสียงหวานครางแผ่วแข่งกับเสียงนักข่าวสาวที่ไม่ได้หวานเท่าเลย
“ซะ ซีวอน...อืม...” ริมฝีปากบางของฮยอกแจถูกบดเบียดจนกลีบแดงช้ำ เผยอปล่อยเสียงหวานเมื่อซีวอนล้วงเข้าไปในเสื้อตัวบาง ปัดป่ายที่แผ่นหน้าท้องเรียบขณะที่ปากหนาเคลื่อนไปที่กกหู ขบเม้มเพียงแผ่วเบา แล้วเคลื่อนมาที่ซอกคอหอมที่อยากจะทำให้ร่องรอยที่จางไปกลับมามีสีสวยอีกครั้ง
“ฮยอกแจ...” ซีวอนขบเม้มจนเกิดรอยสีกุหลาบแล้วผละออกมองอย่างพอใจ ฮยอกแจของเขาสวย สวยจริงๆ จนไม่อยากจะให้ใครเห็น เขาอยากจะให้ฮยอกแจเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่อยากให้ใครๆรู้ว่า คนที่เขารักเต็มไปทั้งหัวใจคนนี้งดงามเพียงใด
“ยะ อย่า ซีวอน...” มือบางจับมือแกร่งที่กำลังเลื่อนเสื้อของตนขึ้นหมายจะก้มลงดูดดุนยอดอกสีหวานที่เย้ายวน ซีวอนชะงักกึก เมื่อเห็นแววตาหวานเจือแรงอารมณ์ที่ปรอยเศร้า มองสบมา
มือหนาเลื่อนลงหยุดการกระทำนั้น เขาคิดถึงใจฮยอกแจที่สุดแล้วตอนนี้ เขาอยากให้คนๆนี้ไม่มีน้ำตา ไม่อยากให้ทุกข์อีกแล้ว เขากำลังจะจัดการให้เรื่องผิดพลาดที่เขาทำลงไปให้จบลงให้ได้
“หืม? มีอะไรเหรอ ฮยอก” มือหนาจัดเสื้อของร่างบางให้เข้าที่ดังเดิมบอกกลายๆว่าเขาไม่กระทำต่อแล้วเมื่อคนรักไม่อยากทำ
“คะคือ...พรุ่งนี้ต้องเดินขึ้นเขาน่ะ...ฉันกลัวเดิน ไม่ไหว..” ใบหน้าบางที่ดูลำบากใจเอ่ยบอกเบาๆ โดยหลบสายตาคมที่มองมาอย่างเข้าใจ
หากแต่ความเป็นจริงที่ฮยอกแจกลัวนั่นไม่ใช่เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ฮยอกแจกำลังกลัวว่าตัวเองจะปล่อยใจ ปล่อยกายที่ไร้ค่าให้เขาเชยชมอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าคนๆนี้ต้องการอะไรจากเขา ฮยอกแจไม่กล้าสบตาหันาหน้าหนีไปด้วยการพลิกตัวออกจากร่างหนาลงมานั่งข้างกันบนโซฟาแทน
“ผมก็ลืมไป...สงสัยผมคิดถึงฮยอกมากเกินไป” ซีวอนก้มลงไปหาใบหน้าหวานที่หันข้างให้ แล้วใช้ปลายนิ้วปัดปอยผมนุ่มที่ตีกรอบใบหน้าหวานที่ประบนแก้มแดงๆเล่น
“แต่...ความจริงคุณเดินไม่ไหว ผมก็อุ้มคุณขึ้นไปได้อยู่แล้วนะ” แววตาหื่นๆปนล้อเลียนส่งให้แก้มบางได้ขึ้นสีเล็กน้อย เพราะไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง
ฮยอกแจสัญญากับตัวเองแล้วว่า เขาจะอยู่ตรงนี้ ที่เดิม โดยไม่เผลอใจ ไม่คิดว่าตนเป็นที่รัก อยู่เพียงในที่ของตนที่เขาให้มา เท่านี้ก็ดีแล้วจริงๆ...
_.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._.Flip Love._.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._
“คยู ~ ”
เสียงหวานเรียกคนรักที่นั่งอ่านบทในมือนิ่ง ตั้งแต่ตกลงกันหลังกินข้าวเสร็จเรียบร้อย จีซองก็จัดการกรีดนิ้วใส่แป้นพิมพ์ไม่นานบทแบบคร่าวๆของแต่ละคนก็ได้มาท่องจำ
“ฉันไม่กล้าแสดงอ่า...น่าอายออกอย่างนั้น ต้องใส่ชุดฮันบกแบบผู้หญิงอีก น่าอายมากเลยอ่า ~ >///<” ร่างนุ่มนิ่มเดินมานั่งข้างๆบนโซฟาในห้องของร่างสูง กลับห้องไปเรียวอุคก็ยังไม่กลับ ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าคนอื่นๆเขาไปไหนกันหมด แต่ไม่แคล้วไปเตรียมการแสดงของกลุ่มตนเองกันทั้งสิ้น
“ไม่ต้องอายหรอก ซองมิน ทุกคนเขาก็แสดงกันทุกคน แล้วผมก็อยู่กับซองมินตลอด” มือหนาคว้ามือบางที่ตอนแรกเกาะแขนแกร่งของตนไว้มากุมไว้แทน
“อย่ากังวลไปเลยนะ” รอยยิ้มอบอุ่นจากใบหน้าคมที่วันนี้มีแว่นกรอบดำวางประดับไว้ยิ่งช่วยส่งให่ดูหล่อคมขึ้นอีก
“อ่ะ..อืม” ใจดวงน้อยเต้นแรงกระตุกเร็วด้วยความอายที่ได้รอยยิ้มแสนหล่อเหลาจากแฟนตนเองส่งมาให้ด้วยความอ่อนโยน นัยน์ตาหวานเบี่ยงหลบไปพร้อมแก้มนวลที่ขึ้นสีจางระเรื่อ
คยูฮยอนเห็นคนตัวนุ่มเขินอายเสหลบสายตาไป มุมปากหนาก็ยกยิ้มด้วยความเอ็นดู ปลายมือแกร่งค่อยๆช้อนปลายคางของซองมินขึ้น เชยให้หันมาสบตา แต่หากแม้ว่าใบหน้าที่ชมพูระเรื่อจะหันมาแล้ว แต่ดวงตาใสที่สื่อถึงจิตใจภายนี่เต้นระรัวกลับเสหลบด้วยความเขินอายและสุดท้ายก็หลับตาปิดสนิทแน่นลงเมื่อเห็นว่าใบหน้าคมเคลื่อนเข้าใกล้
ริมฝีปากหนาค่อยๆแนบลงที่ริมฝีปากแดงฉ่ำที่ไม่ได้เม้มหนีแต่อย่างใด กลับเผยอออกน้อยๆให้คนที่ต้องการชิมรสหวานเข้าแทรกซึมได้อย่างง่ายดาย ปากหนาเม้มกลีบปากบางอย่างแผ่วเบาลิ้มรสหวานล้ำ กดแทรกปลายลิ้นเข้าไปเพียงนิด ให้สัมผัสรสหวานกันและกัน แล้วค่อยๆผละออกอย่างช้าๆ และยังไม่เวียนไปไกลจากปากบาง ดวงตาคมทอดมองสื่อความหมายสื่อส่งไปให้ด้วยใจที่เต้นแรงไม่แพ้กันภายใน
“ซองมิน...ข้ารักเจ้า..........แต่งงานกับข้านะ...”
บทพูดทีท่านองครักษ์ต้องพูดกับหญิงสาว ถูกเปลี่ยนชื่อให้เหมือนกับความเป็นจริง
ใจดวงน้อยที่เต้นแรงเร็วอยู่แล้วยิ่งเต้นแรงขึ้นเสียจนระเบิดออกมาข้างนอกซะให้ได้ ปากบางเม้มแน่นกลั้นยิ้ม แล้วกดหน้าลงรับเร็วๆ
“ข้าก็รักท่าน...ข้าจะแต่งงานกับท่านคยูฮยอนเพคะ” ใบหน้าแดงๆก้มลงบอกอายๆรับบทพูดด้วยหัวใจที่เต้นแรงไม่หยุดเช่นเดียวกับอีกคนที่ยิ้มยินดีกับคำบอกรักและคำตอบรับ
“ข้าดีใจที่เจ้าปลอดภัยจากเจ้าเสนาบดีเลวผู้นั้นนัก ต่อจากนี้ข้าจะดูแลเจ้า ปกป้องเจ้า...ตลอดไป” มือหนาตระกรองกอดร่างเล็กเข้าในอ้อมกอด ให้ใบหน้าหวานได้อิงซบไปกับไหล่แกร่ง ใบหน้าหวานที่เขินอายแดงก่ำซุกซบไปด้วยความสุข
คยูฮยอนจงใจพูดต่อบทกับซองมินอย่างนี้ เพราะเป็นการสร้างความคุ้นเคยให้แก่กันอย่างไม่ทันรู้สึกตัวว่ากำลังแสดงหรือพูดบทละครกัน อย่างน้อยก็ให้ซองมินลดความตื่นเต้นลงก็พอแล้ว อีกทั้งในบทก็ไม่ได้มีบทจูบหวานซึ้งแบบนี้ซะด้วย
ปัญหาตอนนี้เหลือเพียงแค่ บทที่ร่างนิ่มในอ้อมกอดจะต้องแสดงร่วมกับนักกีฬาบาสนั่น คงเป็นปัญหาไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน
..
..
เช้าวันต่อมา อาจารย์ตาสวยก็เรียกทุกคนเข้าประชุมพร้อมกันตั้งแต่เช้า หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วก็ประกาศกำหนดการของวันนี้
“วันนี้เราจะไปเดินขึ้นเขากันนะจ้ะ ยอดเขาฮันลา เป็นเขาที่สูงที่สุดในประเทศเกาหลีของเรา จุดประสงค์ของการเดินขึ้นเขาร่วมกันครั้งนี้คือการ ช่วยเหลือกันในยามทุกข์ยากและการฝ่าฝันอุปสรรคไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นเราควรคิดถึงคนรอบข้างด้วยนะอย่าคิดถึงแต่ตัวเอง ช่วยกันคิดกันทำทุกอย่างจะออกมาอย่างง่ายดายนะ”
เสียงหวานเอ่ยสอนกังวาลทั้งหอประชุมไม่นานก็ถึงเวลา รถเตรียมพร้อมเดินทางไปยังเขาฮันลา
ใช้เวลาไม่นานรถก็จอดลงที่ตีนเขาฮันลา บรรยากาศที่ไม่ได้หาได้นเมืองหลวงอย่างโซลเท่าไหร่ทำให้นักเรียนทั้งหลายสดชื่น ตื่นเต้นกันใหญ่ บ้างจับกลุ่มถ่ายรูป บ้างเดินไปชมรอบๆ ระหว่างที่อาจารย์ไปแจ้งและสอบถามข้อมูลต่างๆจากเจ้าหน้าที่
คังอินเรียกนักเรียนทุกคนมารวมกันเพื่อชี้แจงรายละเอียดและข้อกำหนดอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นเขากันจริงๆ
“ขึ้นเขาฮันลาน่ะ แต่ล่ะคนใช้เวลาไม่เท่ากันหรอกนะ ค่อยๆเดินขึ้นไป เหนื่อยก็พักได้ แต่ว่าขึ้นไปถึงแล้วต้องรายงานตัวกับครูด้วยจะได้รู้ว่าขึ้นมาครบรึเปล่านะ อ่ะ นั่นจะถามอะไร”
คังอินที่ชี้แจงรายละเอียดอยู่นั้นก็เห็นหนึ่งในหมู่นักเรียนยกมือขึ้นเหมือนจะถามคำถามสักอย่าง
“แล้วอาจารย์จะขึ้นไปถึงก่อนพวกเราเหรอครับ ไหนจะอาจารย์ทึกกี้อีก ที่อาจารย์คงไม่ทิ้งไว้ข้างล่างหรอกนะครับ”
“หึ...ครูก็จะเอาทึกกี้ของครูขึ้นไปพร้อมกันน่ะซิ ไม่ต้องห่วงหรอก ขึ้นไปถึงก่อนแน่” ลีทึกที่ยืนอยู่ไม่ไกลฟาดมือบางไปที่ไหล่หนาอย่างห้ามปราม ไม่รู้ว่าหมีเถื่อนเจ้าของหัวใจเขาจะทำอะไรอีก
“ฮิ้วววววว” เสียงนักเรียนแทบทั้งหมดโห่แซวความหวานแบบของสองอาจารย์ จนลีทึกต้องพูดต่อ
“พอแล้วๆ มาถึงข้อกำหนดสำคัญดีกว่านะ กฏข้อนี้ ทุกคนจะต้องทำนะ ไม่มีข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น...นั่นก็คือ...บัดดี้ทุกคู่จะต้องจับมือกันจนกว่าจะขึ้นถึงยอดเขานะจ้ะ” ทันทีที่เอ่ยจบเสียงเซ็งแซ่ก็ดังขึ้นทันที มีทั้งแบบพอใจ ดีใจและไม่พอใจ แต่กระนั้นเมื่อเป็นข้อกำหนดที่อาจารย์บอกมาก็ต้องทำตาม
บัดดี้ทุกคู่ค่อยๆทยอยขึ้นไปทีละคู่ๆ โดยมีอาจารย์หลายคนคอยดูแลนับจำนวน
ทางเดินขึ้นเขาฮันลานั้นมีการทำทางเดินไว้เป็นอย่างดี ขั้นบันไดที่ยังเป็นหินตามธรรมชาติ ราวบันไดก็ทำจากไม้ที่มีในพื้นที่ ช่วยให้บรรยากาศ ระบบนิเวศและธรรมชาติไม่ได้ถูกทำลายลงไป
บรรยากาศดีๆของคู่บัดดี้หลายคู่นั้นไม่ได้รวมคู่ของ เยซองและเรียวอุคเลยซักนิด คู่เพื่อนสนิทที่เป็นแฟนกันเรียบร้อยนานแล้ว ก็เริ่มออกเดินไปแล้ว ด้วยออร่าสีหวานๆ ต่างกับคู่นี้เป็นอย่างมากที่มีออร่าสีดำๆแผ่ออกมาจากทั้งสองคน จนทำให้เพื่อนๆคนอื่นเดินขึ้นกันไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คู่อึมครึมอยู่ท้ายสุด
...จะทำยังไงดีล่ะ
คนร่างเล็กที่กำลังสับสนในใจ ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี มือบางที่กุมอยู่กับมือกร้าน(ที่ไม่ได้หนาหรือใหญ่ซักเท่าไหร่นัก ==”) ก็รับรู้ได้ถึงเหงื่อเม็ดเล็กที่เริ่มทำให้ชื้นขึ้น ขาบางก้าวขึ้นตามทางเดินชันสลับกับบันไดหินไปเรื่อยๆ หากแต่ตาหวานก็คอยเหลือบมองร่างสูงที่เดินเคียงอย่างเงียบๆมาตลอดทาง
“เยซอง...” เสียงเรียกเบาๆ เอ่ยออกมาโดยไม่หันไปมอง ตาหวานกลับจ้องอยู่ที่ปลายเท้าของตัวเองที่ยังก้าวเดินไม่หยุด
“.....”
ไม่มีเสียงตอบรับและปฏิกิริยาใดๆ ทำเอาใจดวงน้อยวูบลง ขณะที่กำลังเหม่อๆด้วยความน้อยใจขาบางก็ก้าวพลาด
“อ้ะ!!!”
ร่างบางที่กำลังจะร่วงลงปะทะพื้นหยาบ ถูกแรงจากมือกร้านที่กำไว้ดึงขึ้นอย่างสุดแรงจนร่างบางของเรียวอุคลอยขึ้นไปชิดแผ่นอกแกร่ง มือของทั้งสองยังไม่ผละออกจากกัน กายที่แนบสนิทกัน...และดวงตาที่สบกัน...
ตึก ตักๆ...
เสียงหัวใจดังประสานกันเป็นจังหวะเดียว มือหนาอีกข้างที่ว่างช้อนใต้เอวบางไว้ยิ่งทำให้สองร่างแนบชิดกัน ดวงตาสองคู่ที่ไม่ได้สบกันมาหลายวัน ตาหวานมองตาคมที่นิ่งสนิทนั่นไม่รู้เลยว่าตอนนี้ใจแกร่งของเยซองเต้นเร็วแรงจนตัวเองยังกลัว...กลัวว่าจะเผลอทำอะไรที่ใจคิดไป
สุดท้ายตาคมเป็นหลบไป ทั้งสองร่างผละออกจากกันมาชันตัวตรงเช่นเดิม ต่างคนต่างมองออกไปด้านข้างโดยที่มือยังกอบกุมกันไม่ปล่อยบรรยากาศเงียบสนิท มีเพียงเสียงนักศึกษาคนอื่นแว่วมาจากด้านบนไกลๆสลับกับเสียงใบไม้ที่ไหวกระทบกันจากเสียงลม
“นี่...เยซอง...” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาเช่นเคย แต่ในที่ที่ไม่มีเสียงอื่นใดเช่นนี้มันกลับดังขึ้น
“......อืม” เยซองไม่รู้ว่าควรทำยังไง ในสถานการณ์อย่างนี้ดี เขากำลังสับสน และรู้ว่ากำลังทำให้ร่างเล็กสับสนด้วยเช่นกัน เลยได้แต่ครางรับในลำคอ
“เรามาคุยกันตรงๆดีกว่ามั้ย ฉันอึดอัด...” เรียวอุคช้อนตามองเจือความขอร้องมาในนั้น เยซองทำได้แค่พยักหน้ารับไปแกนๆ...
“ฉันสับสนมากๆเลยตอนนี้ นายทำให้ฉันรู้สึกว่าบางครั้งนายเป็นใครก็ไม่รู้ที่ฉันไม่รู้จัก...ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไง ควรเล่นกับนายมั้ย ควรพูดกับนายมั้ย...”
“........”
“นายไม่เล่นกันอย่างเคย นายไม่พูดกันอย่างเคย รู้มั้ย...มันปวดใจมากๆเลยนะ”
“...เรียว อุค”
“นายไม่ปวดใจมั่งเหรอ” ดวงตาหวานที่ช้อนมองมาเจือน้ำตาสีใส เอ่ยถามคำถามที่ตรงกับความรู้สึกของร่างสูงที่มีมาตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาบอกจะตัดใจจากร่างเล็ก
“...ปวดซิ ผมปวดใจ...แต่ผมก็ไม่อยากทำให้เรียวอุคปวดใจไปกว่านี้...แต่ผมอยากจะตัดใจ...ไม่อยากให้เรียวอุครู้สึกแย่ไปกว่าเดิม...คุณกำลังรำคาญผมอยู่รึเปล่า...หรือคุณกำลังไม่อยากจะเจอผมหรือไม่...มันปวดใจไปหมด...”
หมับ...
“ปวดใจ ก็หยุดซิ”
แขนบางยกขึ้นโอบร่างสูงเข้าอ้อมกอดเล็กๆของตัวเอง คางบางวางไว้บนไหล่หนา น้ำตาที่คลอดวงตาใสเริ่มไหลออกมาเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นจากร่างสูง ที่กำลังกลั้นไม่ให้หยาดน้ำใสไหลออกมา เขาปวดใจไม่ต่างกัน...ที่ต้องห้ามไม่ให้ใจรัก....
“หยุดทำร้าย..ฮึก...กันอย่างนี้ซะที...ฉันยอมก็ได้...ยอมเป็นแฟน...ฮึก...นายก็ได้” ดวงหน้าหวานที่เปื้อนน้ำตาใสก้มลงซบไหล่หนา
“...เรียวอุค” เสียงห้าวที่แหบพร่าเอ่ยเรียกออกมาอย่างไม่แน่ใจ ว่าที่เขาได้ยินนั้นไม่ผิดจริงๆ
“ฮึก...ฉันชอบ...นาย...” เสียงหวานเอ่ยบอกคำที่ทำให้หัวใจที่แห้งเหี่ยวมานานชุ่มฉ่ำขึ้นอย่างทันที หัวใจพองฟูราวสายลมเย็นที่พัดผ่านใบไม้เขียวหนารอบข้างมาปะทะให้ได้มีชีวิตใหม่
“........อะ..ไรนะ”
“....ฮึก...บอกว่า ฉันชอบนายไงล่า...” ใบหน้าหวานที่ยังเปื้อนน้ำตาน้อยซุกลงแรงๆที่ไหล่หนาพลางบอกเสียงดังย้ำ
“......ผม......ผมก็ชอบเรียวอุค...” มือหนายกขึ้นกอดตอบร่างบางในที่สุดอย่างแรง อ้อมกอดแน่นๆที่อยากมอบให้ บรรยากาศรอบกายโอบล้อมความรู้สึกดีๆนี้ไว้ รอยยิ้มที่หายไปนานจากทั้งสองคนกลับมาประดับบนใบหน้าอีกครั้งด้วยความดีใจ
“เราเป็นแฟนกันแล้ว...ใช่มั้ย” เยซองเอ่ยถามออกมาอย่างไม่แน่ใจในท้ายประโยค
“คิก” เสียงหวานสั้นๆดังจากคนที่ยังสบหน้าไปกับไหล่หนา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ คงคิดไปไกลแล้วว่า ตนเองล้อเล่น จึงได้แล้วผละออกมามองสบตากันเสียที
“....ก็เป็นแล้วน่ะซิ หรือจะไม่เป็น” คนตัวเล็กเม้มปากกลั้นยิ้มบอกอย่างอารมณ์ดี
“เป็นซิ..เป็นแน่นอนครับ...คุณแฟน” มุมปากหนายกยิ้มกว้างให้อย่างเบิกบาน ตาคมมองสบมาสื่อถึงความดีใจและปิติมากมายเกินเก็บไหว แล้วคว้าเอาร่างบางเข้ามากอดแน่นๆอีกที
มือหนาที่ยังกำมือบางอยู่ไม่ปล่อยกระชับแน่นขึ้นให้รู้ว่า เขามั่นใจกับความรู้สึกตรงนี้มากแค่ไหน
“ขอบคุณนะ ที่ไม่ทิ้งผม เชื่อใจผม...” คนที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่น และความเชื่อใจ เอ่ยบอกคนที่ตอนนี้เป็นคนรักไปแล้วอย่างสุดใจ จนเรียวอุคต้องกุมมือแน่นตอบ แล้วหันมามองสบตากันตรงๆ
“ฉันก็ขอบคุณเหมือนกัน...ขอบคุณทำให้รู้จักความรัก...รู้จักว่าการคิดถึงแค่คนๆเดียวตลอดเวลาเป็นยังไง...ขอบคุณนะ”
รอยยิ้มหวานหยดที่เยซองได้เห็นและตกหลุมรักตั้งแต่วันแรก ตอนนี้เขาได้เห็นมันอีกครั้งและได้เป็นเจ้าของมันแล้ววันนี้...
TBC.
_.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._.Flip Love._.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._
ได้ฤกษ์อัพจ้า เนื่องด้วยวันเกิด น้องไอ (รีเควสของขวัญมา อิอิ เลยจัดให้)
หรือว่าง่ายๆ ว่าถ้าน้องไม่ขอ มันก็ไม่รู้จะอัพเมื่อไหร่ =="
แหะๆ กิ้บทะเลาะกับนายโกโก้อ่ะ นอยด์เรื่องโดนแบนอีก :"(
ไม่รู้ว่าทำไมพิมฉากที่มีนายโกโก้ไม่ออก -*- ตอนต่อไปเลยยังไม่เสร็จเลย
ปกติจะมาอัพก็ต่อเมื่อมีตอนต่อไปในมือ..เฮ้อ~ แต่ก็ต้องสู้รออ่านกันหน่อยนะคะ >.,<
ตอนหน้า ไปดู การแสดงของกลุ่มกระต่ายน้อยกันค่ะ อิอิ
ขอบคุณ คอมเม้นต์ คะแนนโหวตและที่แว้บเข้ามาอ่านกันนะคะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่อ่ะ เดี๋ยวเรื่องจบเร็ว
เย่เรียวเป็นแฟนกันแล้ว เลิกอึดอัดดด
จะทำให้หัวใจเจ็บไปอีกนานแค่ไหน
อารายกาน อิวอนเป็นอะไรนัก
แต่แบบ...อยากเห็นแทคยอนปล้ำมินเน้-.,-
ตกใจมากกก 555
ในที่สุดเย่เรียวก็ลงเอยกันสะทีนะ><
วอนรีบจัดการอะไรๆให้ลงตัวได้แล้ว
ไม่อยากให้ฮยอกเสียใจมากไปกว่านี้อีกแล้วน้า
ฮยอกเศร้า โอ๋เอ๋ T^T
คยูมิน กับ เย่เรียว หวานซะ
ส่วนคู่ วอน ฮยอก นี่กว่าจะเข้าใจกันคงอีกนาน
แอบสงสารเจ้าโกโก้อ่ะ คยูมินเค้าหวานกันขนาดนั้น โกโก้ยังไม่ยอมตัดใจอีก
แล้วก็น้ำตาตกกับวอนฮยอก สงสารฮยอกจริงๆเลย คงทรมานใจน่าดู ซีวอนก็อึนซะดูงงๆนะเราน่ะ จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ แฟนคลับปวดใจ
เย่เรียวดีกันซักที เป็นแฟนกันแล้วด้วยยยย
ทุกครั้งที่ฮยอกเคร้า(อินมาก)แค้น
ทุกครั้งที่รู้ว่าวอนจีบฮยอกตามใบสั่ง
ถึงจารุว่าตอนหลังชอบจิงๆก็เหอะ
วอนฮยอก เศร้า สงสารฮยอกT_T
น่าสงสารฮยอกง่า วอนไม่รู้อะไรเลยหรือไง