ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Because I'm Crazy เพราะฉันมันบ้ารักเธอสุดสุด ❤♪

    ลำดับตอนที่ #8 : File 06 : เธอเป็นใคร? / กีตาร์ / จุดเริ่มต้นเล็กๆที่เรียกว่ารัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 544
      1
      27 ธ.ค. 54

    My face, I fill with laughter (and)
    My heart, I fill with love (therefore)
    I don’t place worries in my heart (but but sometimes)
    If tears should fall, I go on and cry (and)
    When I’m hurt again, I go on and laugh (therefore)
    I am always happy


    File 06 : เธอเป็นใคร? / กีตาร์ / จุดเริ่มต้นเล็กๆที่เรียกว่ารัก

     

                    โครม!!!

                    เสียงขวดหรือพินล้มกระทบพื้นระเนระนาดทุกขวด  เสียงสนั่นดังไปทั่วลานโยนโบว์ลิ่ง  ฝีมือสุดยอดของหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ  ใบหน้าคมคายฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจสะใจปนกันไปมา  สไตร์ค คำๆนี้เป็นคำเดียวที่เกิดขึ้นสามรอบติดตลอดเวลาการแข่งขันที่เขาทำขวดพินล้มทุกขวดได้อย่างง่ายดาย  เจ้าคนเก่งกาจยกกำปั้นขึ้นสูงเหนือหัวแล้วหันกลับมาด้วยความภูมิใจกับชัยชนะที่รออยู่ข้างหน้า  ตรงข้ามกับฉันที่จิตใจห่อเหี่ยว  เพราะนอกจากล้างท่อแล้วก็ไม่ได้ทำขวดพินล้มสักขวดเดียว  ตั้งแต่เกมแระมาจนถึงวินาทีสุดท้าย  ถ้าหากลูกนี้พลาดฉันอาจจะต้องอับอายแสนสาหัดและอกรายเซ็นของมินฮยอกเป็นแน่

                    “ฉันขอเปลี่ยนลูกดีกว่า  ลูกนี้เล่นจนเหงื่อเล็ดตามซอกลายมือแล้วยังไม่ได้เล่นบนเลนเลย  เปลี่ยนๆ”  ฉันรีบพูดขึ้นทันที  เพื่อเป็นการถ่วงเวลา

                    เชอะ  จะบ้ารึไง  มีใครที่เล่นครั้งแรกแล้วเล่นได้เลยมั่งเล่า  เบื่อจริงๆกีฬาคนมีเงินเนี่ย

                    ฉันเดินบ่นไปเพื่อหาลูกโบว์ลิ่งที่ถนัดมือลูกใหม่  และแล้วสายตาก็ไปหยุดชะงักอยู่ที่ลูกสีเหลืองม่วงอันงดงาม  ราวกับว่าถูกสะกดให้มอง...  ลูกนี้สวยและน่ารักที่สุด  ฉันเลือกลูกนี้แหละเพราะมันช่างเหมาะสมกับสาวงามอย่างช็อกโกล่าโฮะๆ   โอ๊ะ  แต่ว่ามันออกจะหลวมๆแฮะ  คงไม่เป็นอะไรหรอกเนอะเพราะว่าตาสุดท้าย(ที่จะแพ้)แล้วนี่นา  T^T รันทดมากชีวิตฉัน

                    พูดเองเออเองเสร็จสับันก็เดินไปที่เลนตัวเอง  ก่อนจะหันไปขอกำลังใจจาก...เพื่อนๆร่วมทีมที่สายตาดูสงสารปนสมเพชฉันมาก  ฮืออยกเว้นมินฮยอกนะเขาดูสายตาเป็นห่วงมาก... อุ๊ยเผลอมองนานไปหน่อย  เฮซองเลยเรียกชื่อฉันเพื่อเตือนสติ

                    “ยัยโง่  เธอจะเล่นไม่เล่น”  เฮซองพูดขึ้นด้วยความเย้ยเยาะ

                    ชื่อฉัน  เขาควรเรียกชื่อฉันสิ  บ้าที่สุด

                    “เล่นสิ  นายนั่นแหละทำฉันเสียสมาธิหมด  แล้วฉันก็ชื่อช็อกโกล่าด้วย”  ฉันสะบัดบ๊อบใส่เฮซองก่อนจะตั้งสมาธิเฮือกสุดท้ายไปที่...พิน

                    สาธุลงที่เถอะนะ  ลงทีเถอะ...

                    ก้าวแรกที่ก้าวเท้าเพื่อตั้งท่าออกไป  แขนฉันเหวี่ยงไปข้างหลังเต็มที่หวังเหวี่ยงให้กระแทกพินล้มกระจุยแหลกลาน  วินาทีที่ลมหายใจแทบหยุดเต้น  เมื่อลูกโบว์ลิ่งเจ้ากรรมไม่ได้ถูกเหวี่ยงไปข้างหน้าแต่อย่างใดเพราะว่านิ้วกับรูมันหลวมเกินไป  ทำให้...มันหลุดมือแล้วเหวี่ยงหลุดไปด้านหลัง  ภาพสโลว์โมชั่นแสดงให้เห็นว่ามันค่อยๆเหวี่ยงไปหาบุคคลผู้โชคร้ายที่ยืนลมจับอยู่ข้างหลัง  ชายผู้ที่ได้ชื่อว่าน่ารัก  กินเก่ง และหล่อมาก...เฮซอง

                    ปึก!!

                    อ๊ากกกก  เสียงแสนทรมานและเจ็บปวดดังลั่นไปทั่วบริเวณนั้น  เฮซองอ้าปากแทบจะขากรรไกรค้างเพื่อแหกปากออกมา 

                    กรี๊ดดดดดด  ฉันกรี๊ดร้องในเวลาต่อมาเมื่อเห็นความหายนะด้านหน้า 

                    เฮ้ยยยยยย  ช่วงเวลาเดียวกันที่คนทั้งลานต่างพากันร้องด้วยความตกใจ  ที่ฉันเหวี่ยงลูกเข้าใส่เฮซองที่กำลังยืนยิ้มเยอะฉันอยู่ทางด้านหลัง  ไม่เพียงแต่เท่านั้น  เพื่อนร่วมทีมฉันหน้าเหวอไปตามๆกัน  มินฮยอกตะโกน ฮยองเบาๆด้วยความตกใจเช่นกัน 

                    โอ้ เอ็ม จี  หนูจะตายแล้วงานนี้

                    เธอยัยบ้า  ยัยโง่  ยัยตัวซววย โอ๊ยยยย!!“  เฮซองเขย่งเท้าแล้วกระโดนโหยงไปมาแต่ด้วยความที่มันปวดมากจากสีหน้าที่แสดงออก  เขาเลยนั่งลงกับพื้น  ดวงตาที่แดงก่ำมีทั้งอารมณ์โกรธเศร้าปนกันไปมา  น้ำตาเล็ดออกมา  ตอนนี้เขาดูน่ารัก น่าสงสาร  เหมือนเด็กน้อยมาก

                    แต่นี่ไม่ใช่เวลานะช็อกโกล่า  แกอาจจะต้องเข้าคุก  TOT  เศร้ากว่าฮือออ

                    เป็นอะไรมากไหม  ลุกไหวเปล่า  ฉันขอโทษฮืออ  ฉันไม่ได้ตั้งใจ  ฉันยกมือขึ้นไหว้แล้วร้องไห้ออกมา  ไหนดูหน่อยสิๆ  อ๊ายยยบวมแล้ว  บวมแล้วว  ฉันตกใจมากเวลานี้ทำอะไรไม่ถูกนอกจากโวยวายเป็นเพื่อนกับเฮซอง 

                    แต่ดูเหมือนยงฮวาอุปป้าจะไวกว่า  รีบพยุงเฮซองขึ้นพร้อมกับทุกคนที่สติสตางค์ดีกันครบถ้วน  หามเฮซองไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ห้างทันที   ฉันรีบวิ่งขึ้นรถอย่างถือวิสาสะตามไปทันที  เท้าของเฮซองเริ่มแดงและบวมขึ้นเรื่อยๆ  อมเลือดหน่อยๆ  นี่ฉันจะกลายเป็นฆาตกรรึเปล่าเนี่ย  แฟนคลับจะตบฉันไหม  เขาจะตามไปรังควานฉันถึงไทยไหม  ตอนนี้ฉันห่วงเฮซองมากและฉันก็อยากกลับบ้าน

                    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากถึงมากที่สุดจนฉันตั้งตัวไม่ทัน  น้ำตาที่ไหลอาบแก้มตัวเองนานเท่าไรไม่รู้  เวลาผ่านไปไม่นานนัก  เฮซองก็เดินออกมาพร้อมกับไม้เท้าและข้างๆก็มีพยาบาลพยุงออกมาจากห้องตรวจ  สภาพเขาตอนนี้คือ  หน้าบึ้งตึง  สายตาคมเฉียวดุดันชวนให้ขนลุก  สายตาที่อบอุ่นเหมือนในทีวีนั้นไม่มีอีกต่อไปสำหรับฉันคนนี้   เท้าที่เกิดอุบัติเหตุนั้นเข้าเฝือกทั้งเท้าข้างซ้าย   ทุกคนลุกขึ้นมาจากที่นั่งรอทันทีหลังจากที่เราไม่ได้คุยอะไรกันมาพักใหญ่

                    พวกเขาเกลียดฉันเป็นแน่  ฮือออ  ชีวิตในวงการบันเทิงต้องจบสิ้น  ถูกไล่กลับประเทศชัวร์

                    ฉันชะงักทันทีที่เห็นสายตาอันเย็นชาของเฮซอง  ที่กำลังจ้องมองมาทางฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย  สายตาบ่งบอกว่าโกรธมาก  เธอตายแน่

                    เขาฆ่าฉันแน่  ฉันบ่นพึมพำ  แล้วเช็ดคราบน้ำตา  ก่อนจะถอนหายใจ

                    ไม่เอาน่า  เขาไม่ถึงกับฆ่าเธอหรอก  มันเป็นอุบัติเหตุนี่นา  เสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากข้างหลัง  ฉันหันขวับไปก็เจอกับดวงตาที่ยิ้มอยู่เสมอของมินฮยอก

                    นายอีกแล้ว...  คงมีนายคนเดียวแหละที่คิดอย่างนั้น

                    “ฮะๆ  เธอนี่มองโลกแง่ร้ายจังนะ” 

                    “เฮอะ  นายเจอแบบฉันนายก็รู้เองแหละ”  ฉันเบ้ปาก

                    บรรยากาศแสนวุ่นวายชุลมุนถูกกลบลงด้วยเสียงแปดหลอดของใครบางคนที่ดังมาจากทางด้านหลัง  หญิงสาวผมลอนสีบลอนในชุดสายเดี่ยวสีแดงแสนเปรี้ยวจี๊ด  ร้องเท้าส้นสูงแหลมปี๊ด  มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าสีดำเงาหนังจระเข้  ปากสีแดงสดกับใบหน้าที่แต่งเต็มยศ  เธอทำสีหน้าแตกตื่นและตกใจอย่างมากก่อนจะพุ่งเข้ามาแหวกฝูงชนคนดังเพื่อไปหาเฮซอง

                    ปีศาจสาวสุดเซ็กซี่เข้าไปคว้าหนุ่มหล่อขวัญใจสาวทั่วเอเชียมากอดอย่างสนิทสนม  คนถูกกอดอย่างเฮซองที่แสนขี้รำคาญสงบลงทันทีก่อนจะกอดเธอกลับ 

                    !!!

                    เหวอออ  ยัยป้านี่เป็นใครรรรรรรรรรร 

                    “นายไม่เป็นอะไรนะ  ตกใจหมดเลยตอนได้รับโทรศัพท์  ใครทำให้นายเป็นแบบนี้เนี่ยฮะ  ฉันจะไปจัดการให้  เอาแบบไม่ให้อยู่เป็นสุขเลย”  สาวสวยพูดขึ้นอย่างเคืองๆพลางใช้สายตาปาดมองทั่วบริเวณนั้น

                    หนูเอง  T^T

                    “ไม่เป็นฮะ  ผมโอเคนูน่าอย่าทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นสิ”  เฮซองยิ้มอ่อนโยนส่งให้เธอ

                    “งั้นเรากลับกันเถอะ  ฉันจะไปส่งนายที่หอพักเองนะ”

                    “โอเค”  ตกลงเออออกันเสร็จก็หันไปทางเพื่อนของเขา  “พวกนายก็กลับกันได้แล้วนะ  ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก  ยังต้องจัดการอีกหลายอย่าง”  ประโยคหลังเน้นหนักพร้อมหันมาทางฉัน  ที่กำลังงงกับสถานการณ์แปลกๆ

                    เฮือก!

                    ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อสายตาสี่คู่ที่แสนน่ากลัวพุ่งเล็งมาทางฉัน  สาวสวยกับเฮซอง...

                    TOTเอาหนูกลับไทยด่วนนน

                    “ไปกันเถอะ”  เฮซองพูดจบก็เดินกระเพลกออกจากโรงพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว

                    พอเฮซองไปแล้วทุกคนก็เข้ามาคุยกับฉันทันทีพร้อมปลอบใจและแสดงความเป็นห่วงกันจนฉันตกใจมาก  คิดว่าพวกเขาโกรธเกลียดฉัน  ที่ไหนได้พวกเขาเป็นห่วงฉันมาก  ฮือออ  จะร้องไห้แล้วนะ

                    “ไม่เป็นไรนะ  อุบัติเหตุแบบนี้เกิดได้ตลอดอย่าคิดมาก”  กาโม่พูดขึ้น

                    “อื้อจริงด้วย  ตอนฉันเล่นครั้งแรกนะ  ลูกก็กระเด็นไปทั่วเหมือนกันฮ่าๆ”  ดูจุนพูดขึ้นบ้าง

                    อะไรคือกระเด็นไปทั่วว่ะเนี่ย  ลูกโบว์ลิ่งที่หนักๆอะเหรอ...

                    “กระเด็นบ้าอะไรน้ำลายนายอะสิ  โม้ว่าเล่นเป็นๆอยู่ได้ตอนนั้นอ่ะ”  พอพูดจบก็สร้างความคึกคักให้กับบริเวณนั้น  จนพยาบาลต้องเดินมาเตือน  แต่พอเธอเห็นว่าเป็นใครบ้างก็ตกใจและหน้าแดงจัดก่อนจะเดินหายไป

                    “งั้นพวกเรากลับบ้านก่อนนะ  เดี๋ยวนักข่าวมาแล้วจะยุ่งโดนดุอีก  บายนะไว้เจอกันใหม่”  ศิลปินหล่อๆสวยๆเริ่มทยอยออกจากโรงพยาบาล  ฉันที่เพิ่งนึกได้ว่าจะกลับบ้านยังไงก็ถึงกับตาค้าง...โดนทิ้ง!

                    T^T  ทำไงดีเนี่ย  หอพักอยู่ที่ไหนอะไรยังไงก็จำไม่ได้ด้วยสิ  เพราะยังไม่คุ้นตา  ฮือออไม่เอาฉันไม่นอนโรงพยาบาลนะคืนนี้  ผีเกาหลีดุด้วยนะถ้าจำไม่ผิดเนี่ย  กรี๊ดดด

                    “เฮ้อ”  ฉันพ้นลมหายใจออกมาเสียงดัง  เพราะเหนื่อยใจกับหลายๆอย่าง

                    “กลับด้วยกันสิ  เดี๋ยวจะไปส่ง”  อยู่ๆเสียงสวรรค์อย่างมินฮยอกก็ดังขึ้นมา  “อ๊ะจริงสิ  เธอชื่ออะไรนะ  โทษทีนะที่ไม่ได้ถามรู้สึกเสียมารยาทจังแฮะ”

                    “อ๊ะ  จริงเหรอนายจะไปส่งฉันจริงๆนะ  ฉันชื่อช็อกโกล่านะ  ต่อไปนี้เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ”  ฉัยฉวยโอกาสสองต่อ  ขอเขาเป็นเพื่อนทันที

                    “ได้สิ  ฮ่าๆดีจังได้เพื่อนใหม่ด้วยนะเนี่ยวันนี้”  มินฮยอกยิ้มตาปิดก่อนจะยื่นมือมาเช็คแฮนด์

                    ฉันยื่นมือไปจับตอบด้วยความสั่นที่เก็บไว้ไม่ได้  ขณะนั้นเองที่ยงฮวาอุปป้าเดินมาขัดจังหวะ

                    “เฮ้ไปกันเหอะ พวกนายสองคนทำอะไรกันเนี่ย”  เขาพูดยิ้มๆแล้วเดินนำไปที่ลานจอดรถ

                    กรี๊ดด  เมื่อกี้มันอะไร...  เร็วมากไปแล้วว  ฉันยังอยากจะจับมือกับเขาอีกนะอ๊ากกก

                    แล้วอีกเรื่องของวันนี้ก็คือ  เธอคนนั้นเป็นใครกันเนี่ยยย  มาเกาะแกะแขนแฟนฉันทำไม  (ขี้ตู่ไปก่อนได้พล้าเล่มงาม)  แกรี่จริงๆเลยโว้ย

    *แกรี่ในที่นี้หมายถึงเครียด

     

    Vanilla Talk :

                    รถแล่นผ่านสิ่งต่างๆรอบกายไปเรื่อยๆ  ทุกสิ่งทุกอย่างก็เหมือนกับว่าเข้ามาแล้วผ่านไปและถ้าหากเราอยากกลับไปก็แค่รีเทิร์น...  ถ้าฉันทำได้เหมือนการขับรถก็ดีสินะ

                    ฉันนั่งรถมากับผู้จัดการโดยไม่พูดอะไรสักแอะ  เพราะไม่รู้จะพูดอะไรยังไงดี  วันนี้ฉันทั้งเหนื่อยแลท้อแท้มากๆ

                    “เฮ้อ  เธอวนิลาใช่ไหม”  อยู่ๆผู้จัดการก็พูดขึ้น  ฉันเลยพยักหน้าอย่างเหนื่อยเป็นเชิงตอบกลับว่าใช่  “ฉันเองก็ปลอบใจใครไม่ค่อยเก่งหรอกนะ  เพราะว่าตัวฉันเองยังไม่รู้ว่าจะปลอบใจตัวเองยังไงเลยด้วยซ้ำ  ฮ่าๆโทษทีนะที่ชวนคุยเรื่องน่าเบื่อนี่” 

                    “ไม่ค่ะเล่าต่อเลย”

                    “เอาเป็นว่าเธอลองนึกวิธีที่ทำให้ตัวเธอเองมีกำลังดีไหม”

                    “ความจริง  ฮึก  ฮือออ  หนูแค่คิดถึงบ้านน่ะค่ะ  มันเกิดเหงาขึ้นมากะทันหันเพราะอะไรไม่รู้  ฮือออ  ทำไมฉันทำอะไรมันก็รู้สึกแย่ไปหมดเลย  ซุนวูเขายังไม่ยอมคุยกับฉัน  เมินฉัน เกลียดฉัน ฮือออ  บ่อน้ำตาของฉันแตกขึ้นทันที  ทั้งๆที่ในใจก็คิดไว้ว่าจะพยายามกลั่นมันไว้ให้ถึงที่สุด  ไม่ให้ใครรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่  ฉันอยากจะเก็บไว้ร้องไห้เงียบๆคนเดียว

                    ดูเหมือนผู้จัดการจะช็อกกับสภาพจิตใจของฉันในตอนนี้มาก  เขาทำหน้าเหวอ  ตกใจสุดขีด  ฉันไม่ได้ยินเสียงห้ามหรือเสียงพูดอะไรทั้งสิ้น  ฉันร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง  ขอแค่วันนี้วันเดียวแล้วฉันจะลืมความทุกข์นี้ไว้ที่นี่ตรงนี้   และรถก็ขับเข้ามาจอดในลานจอดรถของตึกแต่งหนึ่งที่มีคนพลุกพล่านเดินกันเต็มไปหมด  เสียงเล็ดลอดเข้ามาเป็นเสียงดนตรีเบาๆ  ฉันที่ตั้งสติได้ก็เช็ดน้ำตาทันที  ที่นี่ที่ไหนกันเนี่ย  ไม่ใช่หอพักนิ!!

                    ลุงงงงงกรี๊ดดดด  พาฉันมาที่ไหนเนี่ย  ฉันร้องกรี๊ดขึ้นมาทันที  เพราะว่าที่นี่มันไม่ชวนคุ้นเอาเสียเลย

                    เฮ้ยยย  ฉันไม่ได้พาเธอมาขายสักหน่อย  อย่าโวยวายนะขอร้องล่ะ  ผู้จัดการทำหน้าแหยๆ  ฉันเห็นเธอร้องไห้ไม่หยุดเลยไม่ได้บอกว่าฉันจะมาซื้อน้ำยาเช็ดสายกีตาร์

                    ฮะ  น้ำยาเช็ดสายเหรอ  ซื้อได้ที่นี่อะเหรอ  ฉันได้แต่สงสัย  เลยเปิดประตูรถออกไปอย่างเร็ว

                    สถานที่ที่ผู้จัดการพามามันคือศูนย์การค้าอุปกรณ์เครื่องดนตรีต่างๆ  สุดยอดเลย  แม้ภายนอกออกจะดูเป็นตึกโทรมๆเก่าๆ  แต่ข้างในเจ๋งมากที่สุด  ร้านรวงสองข้างทางเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีมากมายไม่ว่าจะเป็น ปี่ ขลุ่ย กลอง ฉาบ กาบกล้วย  เอ๊ย...ไม่ใช่  ตอนนี้เป็นเวลาของการกรี๊ดและดิ้นอย่างเดียว  โฮะๆ ฉันบอกทุกคนไปรึยังคะว่าฉันเล่นดนตรีได้อย่างหนึ่งนั่นก็คือขลุ่ย  ถึงไม่มากแต่ก็พอเป็นเพลงบ้างเพราะว่าชอบเล่นดนตรีมากถึงมากที่สุด  ฉันคลั่งไคล้และใฝ่ฝันไว้ว่าอยากจะมาที่นี้นานแล้ว...ที่นี่คือ... nakwon musical instruments arcade  อยู่ในกรุงโซล  หรือที่คนไทยชอบเรียกว่าตลาดนักวอน

                    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้มาที่นี่ก่อนใครๆ  ก่อนหน้านี้ช็อกโกล่าบ่นมาตลอดว่าอยากจะมาที่นี่  เพราะว่าเธอสมารถที่จะเล่นกีตาร์ได้นิดนึง  คิคิ  ถ้าโทรศัพท์ของฉันถ่ายรูปได้ตอนนี้คงจะดีมากเลยสินะเนี่ย  จะได้ถ่ายรูปไปอวด  ฮ่าๆๆ  ไม่รู้ว่าหายเศร้าตั้งแต่เมื่อไร  ฉันเดินตามผู้จัดการไปเรื่อยๆจนกระทั้งสายตาไปจดจ้องกับบางสิ่งบางอย่างที่ติดตามาตลอดจนถึงตอนนี้

                    กีตาร์สีน้ำเงินแสนบาดใจ  รูปร่าง  สีของมันตรงกับของซุนวูไม่มีผิด  ฉันชะงักแล้วมองตาค้างทันที

                    กรี๊ดดดดดดด  ฉันยิ้มร่ากระโดดไปมาด้วยความดีใจอย่างล้นเหลือ  แล้วใช้นิ้วชี้ไปมาที่กีตาร์สีน้ำเงินตัวนั้นด้วยความดีใจ

                    กีตาร์ที่ฉันทำของเขาเป็นรอย  ตอนนี้ฉันเจอกีตาร์ที่เหมือนกันแล้วและฉันก็จะ...  ฉันก็จะซื้อใช้เขายังไง  ฮืออลืมตัว

                    ผู้จัดการหยุดเดินไปข้างหน้าทันทีแล้วหันหลังกลับมาห้ามฉันไม่ให้ส่งเสียงดัง  แต่มันไม่ทันแล้วล่ะ  เพราะทุกคนเริ่มเพ่งเล็งมาทางพวกเราแล้ว  ฉันที่เพิ่งตั้งสติได้ก็ก้มหัวขอโทษคนอื่นๆโดยรอบ  แต่ก็มิวายที่จะแสดงความดีใจออกมา  แม้ไม่รู้จะซื้อใช้ยังไง  เงินก็ไม่มีจะกินอยู่แล้ว

                    เธอจะตะโกนทำไมเนี่ย  ฮู้ยยย  อยู่กับพวกเธอนานๆฉันมีหวังใจวายก่อนแน่เลย  ลุงผู้จัดการพูด

                    ฮะๆ  ฉันเจอกีตาร์ที่ซุนวูมีอยู่ด้วยแหละ ไม่พูดเปล่ายังชี้ไปทางกีตาร์ที่ว่างโชว์อยู่หน้าร้านอย่างสวยงาม  ราคาที่ตีเป็นเงินไทยแล้วตัวละหลายหมื่น  เล่นเอาลมจับทันที  ราคาจะแพงไปหน่อย  แต่ฉันก็อยากจะซื้อให้เขาค่ะ 

                    อื้ม  รูปร่างหน้าตาเหมือนของนอกมา  แต่มันไม่ใช่ตัวนั้นนะ  ซื้อไปยังไงเขาก็คงไม่รับหรอกอีกอย่างมันแพงมากเกินกว่าที่เธอจะจ่ายไหว  ผู้จัดการเกาค้างแล้วทำเมินไม่สนใจกับสิ่งที่ฉันกำลังจดจ้องอยู่

                    ไหนลุงบอกว่า  ถ้ามันทำให้ฉันสบายใจก็จงทำไปซะไง

                    ฮะ  นี่ฉันไปพูดคำพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน

                    ช่างเถอะน่า  ลุงมีเงินให้ยืมไหมอะ 

                    ย๊า  เธอจะบ้าไปแล้วเหรอ  กีตาร์ที่เป็นเหมือนของซุนวูนั่นน่ะ  แพงเกินราคานะฉันถึงไม่อยากให้เธอซื้อไง  ผู้จัดการบอกเหตุผลมา  ทำเอาฉันหยุดคิดไม่ได้เหมือนกัน  เพราะว่ามันก็คือของก๊อบดีๆนี่เอง

                    ก็จริง...

                    ตอนนี้เธอ...  รู้ไหมว่ากำลังจะข้ามผ่านสิ่งที่เรียกว่าขีดจำกัดอยู่นะ 

                    เอ๋?   ขีดจำกัดอะไรคะ  ฉันถามอย่างสงสัย

                    เฮ้อ  ช่างเถอะๆ  ถ้าเธออยากจะได้จริงๆล่ะก็เธอจะต้องซื้อโดยเงินเดือนของเดือนหน้า  มันก็เท่ากับว่าค่ากีตาร์จะถูกหักออกไปในเงินเดือนเดือนหน้า  เธอเข้าใจใช่ไหม  ผู้จัดการพูดอย่างเอือมๆ

                    ฮะ อ๋อ  เข้าใจแล้วค่ะ  ฉันจะซื้อตัวนี้แหละ

                    ฉันตอบอย่างมั่นใจ  ก่อนจะเดินเข้าไปซื้อกีตาร์สีน้ำเงินตัวนั้นด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขเหนือเกินคำบรรยายใดๆ  บางทีกีตาร์ตัวนี้อาจจะนำพาเรื่องดีๆของฉันกับซุนวูมาก็เป็นไปได้ 

                    ไม่นานนักผู้จัดการที่ดูเหมือนจะเคร่งขรึมไปสักครู่ก็เดินเข้ามาช่วยตรวจความเรียบร้อย  พร้อมทดลองเล่นเสียง  ตั้งเสียงกีตาร์ให้  จนฉันถึงกับอึ้งกับความสามารถทางด้านดนตรีของผู้จัดการที่มากจนไม่หน้าเชื่อ  ภายนอกเขาดูเหมือนคนไม่มีความรู้เอาเสียเลย  แต่แท้จริงแล้วเขาเก่งขั้นเทพมาก  ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บและวิธีรักษากีตาร์เขารอบคอบและละเอียดถี่ถ้วนมาก 

                    เอ่อ...ผู้จัดการรู้เรื่องดนตรีเยอะจังเลยนะคะ  ฉันถามขึ้นเมื่อรอคนขายทำเครื่องกีตาร์ไปใส่กระเป๋าให้

                    อ๋อ  เอ่อ...คือว่า...พอดีว่าฉันก็ต้องรู้ไว้บ้างนะสิ  จริงไหม...ก็แหมเป็นถึงผู้จัดการวงฮะๆ 

                    ทำไมต้องแกล้งทำตัวเป็นคนหัวอ่อนด้วยละคะ

                    หืม  แกล้งอะไรกัน

                    และไม่ทันที่ฉันจะได้ถามอะไร  กีตาร์ตัวสีน้ำเงินก็ถูกส่งมอบให้กับฉัน  ฉันลุกขึ้นยืนรับของไว้ทันที  กรี๊ดดดดีใจจังเลย  ไม่รู้ว่าซุนวูจะหายโกรธฉันไหม  ที่ฉันซื้อกีตาร์ตัวนี้มาคืนเขา

                    เมื่อซื้อกีตาร์เสร็จเราก็เดินไปซื้อน้ำยาเช็ดสายและของเครื่องใช้บลาๆจนหน้าปวดหัว  เนื่องจากฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้นจนกระทั่ง  กลับบ้าน...

     

    ณ.     หอพักรีเทิร์นที่มาอาศัยชั่วคราว

    แอ๊ดดด

    กลับมาแล้วววว  ผู้จัดการทักทายอย่างเสียงใส  ขณะที่เปิดประตูเข้าไป

    แต่ห้องกว้างกลับเงียบสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่  เครื่องทำความอุ่นฮิตเตอร์ก็ทำงานอยู่  ไฟก็เปิดสว่างโล่ทั่วห้อง  หากแต่กลับเงียบสนิทสยบความเคลื่อนไหว  ผู้จัดการเลยทำหน้าเบ้ก่อนจะอุทานขึ้นมาชวนเอาตกใจ  (ยิ่งกลัวผีอยู่)

    เออ  ฉันลืมไปเลยว่าจะซื้ออาหารเข้ามาทาน  เธอจะเอาอะไรไหม  ผู้จัดการพูดก่อนจะคว้ากุญแจรถที่เพิ่งวางกลับขึ้นมาใหม่ 

    ฉันสายหัวดิกๆว่าไม่เอาไม่กินไม่หิว

    ไม่กินเหรอ  งั้นฉันไปกินข้างนอกเลยแล้วกัน  พูดจบก็ออกจากห้องไปแบบเงียบๆ

    ฉันว่าชีวิตฉันค่อนข้างจืดชืดเล็กน้อยถึงมากที่สุด  มาถึงเกาหลีทั้งทีนังไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ชอบเลย  อย่างเช่นไปเที่ยวกับซุนวู  กินข้าวกับซุนวู(พอจะกินพ่อคุณก็ลุกหนีไป)  ให้ซุนวูสอนกีตาร์ปาจิงโกะ   และอีกมากมาย 

    ~เพราะเธอนั้น เธอคือแรงบันดาลใจของชั้น เวลาที่ชั้นท้อชั้นจะนึกถึงแต่เธอ เสียงร้องของเธอมันช่างมีพลังมากมาย

    เสียงเพลงงั้นเหรอ?  อยู่ๆก็มีเสียงเพลงเล็ดลอดออกมาจากที่ไหนสักแห่งเบาๆ  เสียงกีตาร์ที่เคาะเข้ากับจังหวะทำนอง  เนื้อเพลงที่แสนจะสื่อออกมาได้กินใจกับเสียงร้องที่คุ้นเคย  ใครบางคนกำลังร้องเพลงอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้องนี้  ฉันหันซ้ายหันขวาหันหน้าและหลังไปมาจนเวียนหัว 

                    หือ...ห้องซุนวูนิ  ฉันที่จับต้นทางของเสียงได้รีบเดินไปเอาหูแนบชิดกับประตูห้องของซุนวูกับจองมินทันที  และแน่นอนว่าเสียงเพลงที่ได้ยินลางๆก็ชัดเจนขึ้น  ดูเหมือนว่าเขากำลังแต่งเพลงใหม่อยู่และคาดว่าฉันเป็นผู้โชคดีที่ได้ฟังคนแรก  เย้ๆ  เขาแต่งเพลงเองด้วยอ่ะต้องเป็นเพลงที่เพราะมากแน่ๆเลย  ว๊ายหรือจะแต่งได้เพราะเรา  อุ๊ยไม่หรอกคงไม่ใช่  ก็เขาเกลียดขี้หน้าฉันจะตายไป

                    ฉันสะบัดหัวละทิ้งเรื่องไม่ดีออกไปแล้วเอาหุแนบกับประตูอีกครั้ง...

    แอ๊ดดด

    โครม!!!!!!

                    กรี๊ดดดด  ฉันร้องดังลั่นทันที  เพราะอยู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกทำให้หน้าฉันทิ่มลงพื้นทันที

                    โอ๊ยยย  หนักชะมัดเลย

                    ไม่ใช่เสียงฉันนะ  เอ๊ะ?

                    ฉันเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงร้อง  ซุนวู...  เขาทำสัหน้ายุ่งเหยิงและเจ็บปวดขึ้น  เพราะฉันนอนทับอยู่บนตัวของเขาพอดิบพอดี  แบบว่าฉันนอนทับเขาอยู่ >//<

                    เฮ้  แม่คุณลุกขึ้นสักทีสิ  ฉันหนักจะแย่อยู่แล้ว  ซุนวูพูดขึ้น

                    อะ  เอ่อ...ขอโทษทีนะ  พอดีได้ยินเสียงเพลงก้เลย...

                    ช่างเถอะ  ไม่อยากฟัง

                    เวร!  ฉันกำลังจะอธิบายเพราะกลัวเขาเข้าใจว่าฉันเป็นพวกถ้ำมองหรือปาปารัซซี่  แต่เขาดันมาบอกช่างมันเถอะแล้วทำหน้าไม่สนใจ  อะไรวะเนี่ย

                    อะอืม  ฉันเลยเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อเลย  คิดน้อยใจได้แค่ในใจนั้นฮือออ

                    ขณะที่เขาเดินตรงเข้าไปในครัว  ฉันก็นึกได้ว่ามีของบางอย่างที่จะให้เขา  เลยรีบวิ่งไปหยิบกีตาร์ทันที  วันนี้แหละฉันต้องแสดงความจริงใจออกไปให้ได้

                    เอ่อ...คือว่าซุนวู  ฉันทักขึ้นเบาๆ

                    ....  แต่ทว่าเจ้าคนหล่อก็ยังคงเงียบแล้วเทน้ำใส่แก้วดื่มต่อไป

                    เรื่องเมื่อวาน  ฉันขอโทษจริงๆนะ  แล้วก็นี่ปะ... 

    ฟึบ

    ยังไม่ทันที่จะอ้าปากพูดอะไรจบ  ซุนวูก็เดินผ่านหน้าฉันได้ฟิ้วววว  ฉันเลยรีบวิ่งไปดักข้างหน้าซุนวูทันทีพร้อมกับยื่นกีตาร์ที่อยู่ในกระเป๋าให้ทั้งกระเป๋าไปเลย

    ซุนวูไม่ตอบและไม่พูดอะไร  ได้แต่ทำหน้าฉงนสงสัยราวกับว่าเจอของประหลาดแต่ไม่กล้าแตะ  ฉันเลยเปิดกระเป๋าแล้วน้ำกีตาร์ตัวสีน้ำเงินขึ้นมา  พร้อมแจกรอยยิ้มฟรีๆให้เป็นของแถม  หุหุหุ

    คือ...อ๊ะเดี๋ยวสิ  ฉันรีบเข้าไปรั้งแขนเขาไว้เพื่อไม่ให้เดินหนีเข้าห้องไป

    ...  เลขหมายที่ท่านเรียกงดใช้งานณ.บัดนาว!

    ที่นายไม่พูดกับฉันเพราะเรื่องกีตาร์ใช่ไหมล่ะ  ถ้าเป้นเรื่องนั้นล่ะก็นะ...วันนี้ฉันไปเจอกีตาร์ตัวนี้มาล่ะ  ก็เลย...

    ฟิ้ววว~

    เดินผ่านเลยไปเรียบร้อยตามระเบียบ  โอ้มายก็อดดด  โกรธมากถึงมากที่สุดเลยฉันในตอนนี้  ยังไงวันนี้มันก็ต้องเคลียให้จบๆไปซะ  ขืนมาทนอดอู้หน้าบู้เป็นตูดแบบนี้สี่เดือนฉันก็ตายพอดีน่ะสิ  ฉันไม่ชักช้าหวังจะคว้าแขนเขาไว้อีกรอบ  แต่ก็

    ปัง!!

    เหวอออ  ทำไมต้องปิดประตูแรงแบบนั้นด้วยเล่า  โกระกันจริงๆเหรอเนี่ย  โอ๊ยยเครียดแกรี่เป็นเพื่อนช็อกโกล่าแล้วนะ  ทำไงดีละเนี่ย  ไม่รู้ชาตินี้จะออกมาให้เห็นหน้าไหม  แถมเวลานี้เป็นเวลาที่เขาอยู่คนเดียวด้วยสิ  ไม่มีมารร้ายแบบเฮซองมาแทรกกลางระหว่างเราแล้ว  เย้ต้องรีบหาแผนมาจัดการก่อน  คิดๆๆๆ

    และแล้วนางเอกก็ย่อมมีทางออกเสมอ  พระเจ้าย่อมเข้าข้างคนดีอย่างวนิลา  ประทานแผนดีๆมาให้  โอเคถ้าเขาไม่เห็นใจฉันฉันก็จะนั่งรอเขาอยู่ตรงหน้าห้องนี่แหละ  โอ๊ะ...ไวท์บอร์ดเหรอ...

     

    เพียงเวลาไม่กี่นาที  ฉันก็สามารถเขียนคำพูดต่างๆนาๆมากมายลงบนกระดาษแล้วจากนั้นก็สอดเข้าไปใต้ช่องประตู  หึหึหึ  แผ่นของฉันก็คือถ้าเขาไม่พูดกับฉันฉันก็จะใช้ตัวอักษรสื่อความคิดของฉัน  เพราะว่าฉันเป็ฯคนพูดไม่เก่ง  หมายถึงว่าไม่สามารถพูดความคิดในใจจริงๆออกไปได้หมด...เป็นแบบนี้มานานแล้วล่ะ 

    ช่างมันอย่าไปสนใจเรื่องเก่าๆ  ฉันสอดเข้าไปได้ประมาณสิบกว่าแผ่นแล้ว  ฉันจะเขียนอะไรอีกดีเนี่ย  หมอนั้นไม่เห็นรึเปล่านะ  อาจไม่ได้สังเกตก็เป็นได้  ลองเคาะประตูดีกว่า

    ก๊อกๆๆ

    หือ  ทำอะไรอยู่นะซุนวู 

    ฉันเอาหูแนบที่ประตู (ยังไม่เข็ด)  แล้วก็ได้ยินเสียงดนตรีเป็นเสียงเกากีตาร์เบาๆ  ฉันเอากีตาร์วางไว้บนเก้าอี้ก่อนจะ  เขียนคำพูดีๆที่คิดได้หลังจากฟังเสียงกีตาร์เพราะๆมากมาย  ความรู้สึกของฉันคงมีแค่คำว่า...ฉัน...

    ฟึบบ

    เอ๋?  เสียงกีตาร์หยุดไปแล้ว  แต่มีกระดาสอดออกมาจากช่องใต้ประตูแทน

    O[]o  ยังคงช็อคอยู่เมื่ออ่านกระดาษแผ่นนั้น  ฉันก็ยิ่งช็อคเข้าไปใหญ่

    แอ๊ดดด~

    O[]O  ช็อคมากกว่าเดิม

    ประตูห้องถูกเปิดออกมาอย่างเงียบๆ  ฉันได้แต่ทำหน้าเหวออ้าปากหวอ  ซุนวูเดินออกมาจากห้องก่อนจะเดินไปที่เก้าอี้ที่มีกีตาร์วางอยู่  จากนั้นก็...ถือขึ้นมาเกาเบาๆคล้ายลองเสียงแล้วยิ้ม...เขายิ้มแบบขี้เล่น  แม้จะเพียงแวบเดียวแต่ฉันก็มั่นใจว่าฉันตาไม่ฝาดแน่นอน  จากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าห้องไป!!!

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดด  ถึงมันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ฉันโคตรมีความสุขเลยค่ะ

    ขอบคุณสำหรับกีตาร์ :)

     


    ขอโทษที่ทำให้คอยนะคะ  อู้ไปนานเลย ได้ลงสักที
    ติดตามตอนต่อไปนะคะ...ลุ้นคู่ใครเอ่ย?
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×