คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : File 03 : ไข่แตก !! / จิตตก / เหตุเกิดในคืนหนึ่ง
File 03 : ไข่แตก !! / จิตตก / เหตุเกิดในคืนหนึ่ง
Sushi Talk :
“กรี๊ดดดยัยบ้า! อย่ามากล่าวหาฉันแบบนี้นะ” ผู้หญิงอ้วนหื่นคนหนึ่งเถียงกลับ
“ฉันได้ยินนะคะ ว่าคุณว่าจงจุนอ่ะ บอกให้เขาไปตายซะไม่แรงไปหน่อยเหรอ!” ฉันเริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาแบบเก็บอาการไม่อยู่
“ไม่จริงฉันออกจะรักเขาจะมาพูดแบบนี้ได้ไง หลอนพูดเองเออเองนิ!ยัยเตี้ย”
อ๊ายยย เจ็บปวด ฉันสูงตั้งร้อยหกสิบกว่าๆนะยะ ตบเลยเถอะตบเลยยย~
“ฉันได้ยินนะว่าคุณว่าจงจุนฉันอะ! เต็มสองรูหูเลยด้วย” ฉันตอบกลับอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน ท่ามกลางเสียงดังกระหึ่มนั้น ทำให้ต้องตะโกนแข่งกันไปมาแต่เชื่อไหมว่าไม่มีใครสนใจพวกเราสักคน...
ฉันจ้องหน้าแฟนคลับคนหนึ่งอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยความโกรธ เพราะเมื่อสักครู่ฉันที่มาทำหน้าที่แทนพี่สต๊าฟคนหนึ่งที่ไปห้องน้ำนั้นในมุมมืดๆแคบๆ ก็เกิดได้ยินหญิงผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังด่าศิลปินอย่างเสียๆหายๆด้วยถ่อยคำที่ฟังแล้วไม่เสนาะหู ซึ่งจากที่ฟังอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปเตือน แต่เตือนไปเตือนมาก็เกิดเป็นเรื่องดั่งบทข้างต้น กลุ่มนี้มีอยู่สี่คนนำทีมโดยคนอ้วนๆหน้าหื่น ส่วนลูกน้องเธออีกสามคนผอมแห้งแรงน้อย
“รอบนี้ฉันจะฝากไว้ก่อนนะ ถ้าพวกคุณยังไม่ให้เกียรติศิลปินฉันจะไล่คุณออกจากตรงนี้”
พูดจบฉันก็เดินเข้าไปในช่องแคบเพื่อไปสงบสติอารมณ์ อยู่ๆเงาทะมึนก็เข้าครอบงำฉันทันทีแบบไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว
กรี๊ดดด ช่วยด้วย
“หยุดนะ! ปล่อยซูชิเดี๋ยวนี้”
Vanilla Talk :
ฉันอุตส่าห์เข้ามาช่วยซูชิด้วยความยากลำบาก ซะที่ไหนเล่า ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนใครที่ไหนไม่รู้จับมัดมือมัดเท้า ถึงแสงสว่างจะน้อยแต่ฉันก็เห็นนะว่ามีกันทั้งหมดสี่คน คนนึงอ้วนอีกสามคนผอม โอ๊ยยย นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก สี่คนนั้นกำลังจะก่อการร้ายวงรีเทิร์นด้วยไข่ไก่ฟองละห้าบาท!! ไข่มันไม่ถูกไปหน่อยเหรอฮะ อย่างน้อยก็น่าจะทำให้สมราคาหน่อยสิ ฮืออ
ขณะที่ฉันกำลังส่งสายตาปล่อยกระแสจิตเพ้อกับซูชิอยู่ก็ได้ยินเสียงเล็กๆของใครสักคนที่สะสมความงุนงงไว้เต็มที่
“เฮ้ย!! พวกแกมาทำอะไรตรงนี้” ช็อกโกล่าทำสีหน้าแตกตื่นก่อนจะแกะผ้าปิดปากออกให้ฉันและซูชิ
“ตอนนี้ไม่มีเวลามาอธิบายแล้ว พวกรีเทิร์นกำลังอยู่ในอันตราย” ฉันบอก
ช็อกโกล่าทำสีหน้างุนงงแต่ก็รีบแกะเชือกด้านหลังออกให้อย่างรวดเร็ว
“ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย งงไปหมดแล้ว” ช็อกโกล่ายังคงเซ้าซี้
“มีพวกแอนตี้แฟนคลับคิดจะทำร้ายรีเทิร์นระหว่างที่อยู่บนเวที” ฉันสรุป “ช็อกโก้แกรีบไปบอกทีมงานว่าถ้าพบคนน่าสงสัยให้จับตามองเอาไว้ ไปกันซูชิ” พูดจบฉันก็ดึงแขนซูชิที่ยังคงความมึนวิ่งเต็มกำลัง
“เฮ้ยเดี๋ยวนะ! ความจริงแล้ว...อ่าวไปซะแล้ว กำลังจะบอกว่าจบเพลงนี้ก็จะมีของขวัญให้แฟนคลับ...”
ฉันได้ยินเหมือนเสียงช็อกโกล่าพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะวิ่งมาไกลจึงไม่ได้สนใจอะไร ไม่สิเวลาแบบนี้ไม่มีเวลามาสนใจอะไรอีกแล้ว ความปลอดภัยของหนุ่มๆต้องมาก่อน ฉันเดินเบียดเสียดเหล่าแฟนคลับไปด้วยความยากลำบาก แม้จะห้อยป้ายทีมงานแต่ก็ไร้ซึ่งการหลีกทาง กว่าจะผ่านแต่ละคนไปได้เล่นเอาตัวรีบตัวแบนเลยทีเดียว ไม่ทันได้มองหน้าใครก็โดนผลักไสไปมาจนไม่รู้ทิศ
อ๊ากก กรี๊ดดดมีคนเหยียบเล็บขบฉัน TOT แม่เจ้าโว๊ยย
ด้วยความเจ็บทำให้เซถลาไปชนแฟนคลับคนอื่นๆแล้วก็เหยียบเท้าคนอื่นด้วยเช่นกัน จนเขาหันมามองด้วยตาเขียว ดีนะที่โดนผลักไสออกมาจากตรงนั้นเสียก่อน
ทำไมคนเยอะอย่างนี้เนี่ย แล้วบนอัฒจันทร์อีก
“โอ๊ะ!”
ฉันอุทานขึ้นเพราะดันเดินชนจนอีกฝ่ายล้มลงกับพื้น
“ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆค่ะ” ฉันยื่นมือให้เพื่อจะดึงเขาขึ้นมาแล้วกล่าวขอโทษ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องชะงักชักมือกลับแทบไม่ทัน
ยัยไข่เน่า
เมื่อยัยไข่เน่าเห็นหน้าฉันก็ตกใจตาโตเท่าไข่ที่เธอเอามาเลยทีเดียว แม้จะมีแสงไฟสลัวทำให้เห็นไม่ชัดเจนแต่ก็แน่ใจมากว่าต้องใช่ เธอช็อคไปสามสิบวินาทีจนฉันจับแขนไว้ไม่ให้ตั้งสติได้ก่อนจะลากตัวออกมาจากตรงนั้น พอไข่(ชื่อย่อ) ตั้งสติได้ก็เหยียบเท้าฉัน กรี๊ดดเล็บขบฉันอีกแล้ววว!!
ฉันมัวแต่สนใจเล็บขบจนลืมเรื่องยัยไข่ไปสนิท รู้ตัวอีกทีเธอก็หายไปในฝูงชนเสียแล้ว
“หายไปไหนแล้วอ่ะ”
พรึบ
อยู่ๆไฟทั่วฮอลล์ก็ดับสนิทมืดจนมองอะไรไม่เห็น เสียงดังซุบซิบต่างถามด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แฟนคลับพากันงุนงงได้ไม่นาน ทุกอย่างก็ถูกเฉลยขึ้นเมื่อไฟจากตะเกียงรอบฮอลล์สว่างไสวสวยงาม สุดแสนโรแมนติก คลอเบาๆกับเสียงกีตาร์ของใครบางคน... สายตาฉันปรับโฟกัสไปที่ชายคนนั้นซุนวูกับกีตาร์อะคูสติก ทีมงานแต่ละคนยืนรอบฮอลล์พร้อมถือตะเกียง ส่วนห้าหนุ่มกระจายเป็นห้าทิศ
นี่มันอะไรกันเนี่ย...ยังไม่หายตกใจดีก็ต้องเจอเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า เพราะมี...ไข่ที่ไหนไม่รู้ลอยไป
เพละ!?!
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
เสียงกรี๊ดจากแฟนคลับสร้างความวุ่นวายอย่างมากเมื่อไข่สามฟองลอยละล่องไปอยู่บนหน้าที่ไม่ใช่เป้าหมายของคนปา แต่หากเป็น...ผู้จัดการคิม
ท่ามกลางความวุ่นวายไฟก็เปิดสว่าง ทำให้ฉันเห็นยัยไข่ที่ยืนยิ้มสะใจอยู่ไม่ห่าง แล้วก่อนที่ชีจะเดินหนีหายไปฉันก็คว้าแขนของเธอไว้
ห้องพักศิลปิน (ห้ามเข้า)
ถึงป้ายหน้าห้องจะติดไว้อย่างนั้น แต่ตอนนี้ห้องศิลปินกลายเป็นห้องสืบสวนคดีแอนตี้แฟนคลับเสียแล้ว ถึงแม้ผู้จัดการจะไม่เอาเรื่องก็ตาม แต่จุดประสงค์คือทำร้ายร่างกายก่อความวุ่นวายทำให้คอนเสิร์ตล่ม เฮ้อพูดแล้วเหนื่อยจริงๆตอนนี้เรากำลังนั่งรอผู้ปกครองของยัยไข่อยู่ เพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากให้เป็นข่าวมากกว่านี้ ดีที่แฟนคลับไม่รู้ว่าใครเป็นปาไข่ไม่อย่างนั้นยัยนี่ไม่รอดแน่ๆ
เฮ้อ...ช้ามาก ผู้ปกครองยัยไข่มีบ้านอยู่นอกโลกเหรอ
“เฮ้อ ขอโทษจริงๆนะ แต่ผู้ปกครองเธอไม่มาช้าไปหน่อยเหรอ” เฮซองที่นั่งเล่นไอแพดอยู่นาน เงยหน้าขึ้นถามอย่างเซ็งๆ
ยัยไข่ทำหน้าเอ๋อคล้ายกับเจอมนุษย์ต่างดาวมาโผล่ในห้องนอน เธอทำตัวกระส่ำกระสายจนฉันเห็นและสงสาร จึงแปลให้เธอฟังอีกต่อ
“เฮซองเขาถามว่าผู้ปกครองเธอไม่มาช้าไปหน่อยเหรอ”
“อืม...เดี๋ยวก็คงมา”
กรี๊ดดด หมั่นไส้ยัยไข่จริงโว้ย ทำสีหน้าราวกับไม่ผิดอะไร ถ้าตอนจะโดนแฟนคลับตบจะทำหน้าเฉยแบบนี้ป่ะ
“เออ...ฉันว่าเราปล่อยแม่หนูคนนี้ไปเถอะนะ เดี๋ยวเราต้องขึ้นเครื่องห้าทุ่มวันนี้ด้วย” ผู้จัดการคิมพูดขึ้น
“ไม่ได้…”
“ฝ้าย”
ก่อนที่ซุนวูจะได้พูดอะไรก็มีเสียงเล็กๆใสๆดังแทรก พร้อมร่างที่บอบบางน่าปกป้องก้าวเข้ามาในห้องพักของพวกเรา
“เจ๊ฟิน...” คนก่อความวุ่นวายวิ่งร่าไปหลบหลังผู้เป็นพี่สาวทันที
น้องกับพี่จริงๆเหรอ แตกต่างกันมาก...
ฟินที่เป็นพี่สาวกล่าวขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างจงใจของน้องสาว ที่เข้าใจผิดเสมอมาว่าพี่สาวตนคบกับจงจุน และโดนทิ้งจนต้องร้องห่มร้องไห้ (เมื่อไม่นานมานี้จงจุนเกิดข้อมือบาดเจ็บจนเล่นดนตรีไม่ได้สักระยะ) ซึ่งเธอเองเป็นห่วงมากจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด พอฝินเล่าจบ (เธอพูดเกาหลีเทพมาก) จงจุนถึงกับเข้าไปขอโทษฟินกับฝ้ายที่ทำให้เกิดเรื่องน่าเวทนาเช่นนี้ อีกทั้งจงจุนยังถ่ายรูปคู่ให้เป็นที่ระลึกก่อนที่สองพี่น้องจะกลับไป
ว๊ายยยโกรธๆ
ฉันหันไปเห็นซูชิหน้าบู้บี้บึ้งตึงและนั่งนิ่งจนต้องเข้าไปเรียกสติกลับคืนมา...
“ซูชิ แกโอเคนะ อย่าคิดมากๆเพราะว่าพวกนั้นก็แค่แฟนคลับ”
“ฮือ...อื้อๆ”
“เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องจบดีแล้วก็รีบไปกันเถอะ” ผู้จัดการคิมพูดขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังจะโยกย้ายก้นกัน...
“เดี๋ยวก่อนครับ” ซุนวูที่เงียบอยู่นานก็ทักขึ้น ทำเอาทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน ไม่เว้นแต่เพื่อนร่วมวงก็ยังทำสีหน้าขัดใจ โดยเฉพาะเฮซองที่ชักสีหน้าก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “ผมไม่เห็นด้วยเรื่องพี่เลี้ยง...ทำไมคุณทำอะไรไม่ปรึกษากันเลยล่ะครับ อีกอย่างพวกเธอขาดคุณสมบัติของการเป็นพี่เลี้ยงอย่างเห็นได้ชัด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอไม่ผ่านการพิจารณา”
เยอะอีกแล้วที่รักฉัน... พูดเยอะ เจ็บเยอะ เศร้าเยอะ
นี่มันอะไรกัน คำพูดเหล่านั่นที่ออกมาจากปากซุนวู... นั่นปากเหรอ!
ขวับ
ทุกคนเปลี่ยนจากจ้องหน้าซุนวูเป็นหน้าผู้จัดการแทน
“นายพูดเรื่องอะไร ใครพี่เลี้ยงแล้วพี่เลี้ยงใคร พูดชัดๆดิ” เฮซองทักท้วงขึ้น
“ก็อย่างที่บอก คุณคิมเขาหาพี่เลี้ยงมาดูแลพวกเราทุกคน พี่ก็รู้ว่าอย่างพวกเราน่ะไม่จำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงสักนิด”
“ใช่น่ะสิ...จะมีพี่เลี้ยงไปทำไม ทั้งเกะกะทั้งน่ารำคาญ มีคุณเป็นผู้จัดการอยู่แล้วไม่ต้องหาใครมาเพิ่มอีกหรอก” จงจุนเสริม
“ใช่ๆ แต่พี่เลี้ยงนี่ต้องทำอาหารอร่อยๆให้เราทานด้วยรึเปล่า...ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็โอเคนะเพราะจะได้ทานอาหารไทยอร่อยๆ^^” จองมินพูดเสร็จก็ยิ้ม หลับตาแล้วเคลิ้ม...เรื่องกิน
“พวกนายใจเย็นๆกันหน่อยได้ไหม อย่าเพิ่งโวยวายกันสิ...” เทโฮเว้นวรรคการหายใจแล้วหันมาทางพวกฉัน “เพราะยังไงซะพวกเธอก็ยังไม่ได้เซ็นสัญญาการว่าจ้างใช่ไหมล่ะ” เทโฮส่งสายตาเป็นเชิงถาม...เป็นสายตาที่ดูลึกๆมันช่างเยือกเย็น
“พวกเรา เออ...คือ เซ็นไปเรียบร้อยแล้วจ้า T^T” ฉันตอบด้วยความสั่นแทนคนอื่นๆที่ยื่นแข็งทื่อเป็นหินกันไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ช็อกโกล่าที่ปกติเห็นตอบไวทันใจ บัดนี้ก็ช็อกน็อกออกนอกสนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อยากร้องไห้... บรรยากาศเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
กลัวจนฉี่จะราดแล้วแม่เจ้าโว้ย แงๆ
“งั้นเหรอ...ถ้างั้นฉันให้ฐานะของหัวหน้าวง...” เทโฮทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยยิ้มแบบที่อบอุ่นออกมาอย่างที่พวกฉันต้องการจะเห็น...รอยยิ้มของเจ้าชาย “ยินดีต้อนรับสู่ประเทศเกาหลีและยินดีต้อนรับสู่เดอะรีเทิร์น”
ฮือออ ฉันไม่อยากไปแล้วอ่ะ รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติมันกำลังแผ่รังสีออกมาจากซุนวู
สถานการณ์ตอนนี้ :
สนามบินสุวรรณภูมิ
“กรี๊ดดด โอปป้าทางนี้ค่า”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด เฮซอง เทโฮ จงจุน จองมิน ซุนวู อุปป้าหันมาทางนี้หน่อยค่ะ!!!!”
กองทัพแฟนคลับวิ่งตามเหล่าศิลปินขณะเดินลงจากรถตู้เพื่อเข้าไปในสนามบินให้คับคั่งจนไม่สามารถจะเบียดสอดแทรกตัวตามซุนวูได้ทันเลยสักนิดเดียว และดูเหมือนว่าเขาจะเดินเมินไปโดย...ไม่หันมาเหลียวแลฉันเลย
เหล่าเพื่อนร่วมชะตากรรมก็อันตรธานหายไปกันหมด ไม่รู้ว่าหายไปหนใด เพราะดูเหมือนกับว่า...ฉันถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง...จริงๆนะ
โอ้วววแม่เจ้าทนไม่ไหวแล้วโว้ยยย
“หลีกทางหน่อยคะ!! ฉันบอกว่าหลีกทางไงเล่า” ฉันตะโกนแหกปากเป็นบ้าเป็นหลัง
เบียด เบียด เบียด
“กรี๊ดดด รองเท้าฉันกระเด็นหายไปไหนแล้วล่ะ!”
ตุ๊บๆ
ท่ามกลางความวุ่นวาย ในที่สุดฉันก็โผล่ออกมาจากช่องแคบเหล่านั้นได้พร้อมกับรองเท้า กว่าจะหาเจอเล่นเอาสภาพดูไม่ได้เลยอ่ะ
ในที่สุดเราก็จะได้ไปเกาหลีกันสักที ฉันและเพื่อนๆได้นั่งประกบคู่กับวงรีเทิร์น เรียกได้ว่าคู่ใครคู่มันไปเลยจะดีกว่า เราได้นั่งชั้นเฟิร์สคลาสคือชั้นที่ดีที่สุดของสายการบินนี้โดยที่ทางบริษัทได้เหมาจองทั้งชั้นไว้ให้พวกหนุ่มๆและทีมงานโดยเฉพาะ
ช็อกโกล่านั่งข้างๆกับเฮซอง แต่ด้วยอาการเมาเครื่องกำเริบความดีใจของเธอจึงกลายเป็นความทรมานแทน ต่อมาก็เป็นเชอร์เบทกับจองมิน คู่นี้ดูเลี้ยงง่ายมากเพราะจองมินกินอย่างเดียวตั้งแต่ขึ้นเครื่อง คู่ของไอซิ่งกับเทโฮดูมีความสุขสุดๆเพราะเทโฮทำนิสัยเหมือนเจ้าชายมากถึงมากที่สุด สุดท้ายก็ซูชิถึงไม่ค่อยเด่นแต่ก็มีคุยกันบ้าง ผิดกับฉันโดยสิ้นเชิง ที่ดูว่างเปล่าตั้งแต่บนเครื่องจนถึง...เกาหลี
ฉันทำอะไรผิดไปรึเปล่าตั้งแต่เราเจอกันซุนวูถึงไม่ปริปากคุยกับฉันเลยสักกะติ๊ดดด เครียดดด
พอมาถึงผู้จัดการคิมก็พาทัวร์รอบบริษัทที่แสนจะเล็กกว่าที่คิด ด้านหน้าประตูมีแฟนคลับมานั่งรอศิลปินอยู่มากมายจนฉันรู้สึกขนลุกเล็กน้อย เพราะแต่ละคนสุดๆเลยจริงๆบ้างก็ถือป้ายไฟ บ้างก็มีที่คาดผมเป็นชื่อวง บ้างก็ถือกล้องรอแม้ได้เจอไม่ได้ถ่ายก็ไม่เป็นไร เห็นแล้วก็นึกถึงตัวเอง ฮ่าๆๆรู้สึกเหมือนตัวเองโง่จังที่ทำอะไรแบบนั้น
พวกรีเทิร์นหายตัวไปพร้อมๆกันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เฮ้อคิดแล้วก็ยิ่งกลุ้มใจ ไม่รุ้ว่าซุนวูโกรธฉันเรื่องอะไร แม้แต่หน้าฉันก็ไม่คิดจะมองเลยอ่ะ ทีกับพวกสไตลิสคุยเอาๆเชอะ! น้อยใจแต่ทำอะไรไม่ได้ หรืออาจต้องใช้เวลาปรับตัวเข้าหากัน
โอ๊ย ไม่คิดแล้วปวดหัว
“เอาล่ะทุกๆคน ทีนี้...”
“คุณคิมคะ!!”
ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ อยู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงเล็กแหลมแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลังของพวกฉันห้าคน ผู้จัดการคิมที่กำลังจะพูดถึงกับชะงักแล้วหน้าเหวอทันที ฉันหันขวับไปดูต้นเสียงก็พบกับหญิงสาวที่หุ่นดี ขาเรียวสูง แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดด้วยชุดแซกสีดำสุดเซ็กซี่ ตาคมปาดเฉียวด้วยมาสคาร่า ปากสีชมพูอ่อนๆดูกลมกลืนไปกับใบหน้า ผมบ๊อบสีดำสนิทเงางาม...แม่เจ้าเธอเซ็กซี่สุดยอด!
เธอก้าวฉับๆอย่างว่องไว้พร้อมใบหน้าที่บึ้งตึงเหมือนโกรธอะไรมาแต่ไกล ก่อนจะ...
“เฮอะ คุณยังอยู่ที่นี่อีกเหรอคะ ฉันคิดว่าคุณลาออกไปแล้วซะอีก” เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ใช้สายตาจิกก่อนจะพูดต่อ “ที่คุณพ่อไม่ไล่คุณออกด้วยตัวเองก็เพราะท่านสงสาร แต่คนที่ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องอย่างคุณน่าจะลาออกด้วยตัวเองไม่ดีกว่าเหรอคะ คุณน่าจะรู้ว่าข้อเสนอแบบนั้นมันยากยิ่งกว่าที่จะหางานใหม่ทำซะอีก”
เธอร่ายยาวติดกันจนฉันฟังไม่รู้เรื่อง เพราะมีแต่ศัพท์ที่ฟังไม่ถนัดและเข้าใจยากล้วนๆบวกกับความรู้น้อยก็พากันมึนแล้วจ้า
“คือผมกำลังจะไปหาท่านประธานพอดีเลย” ผู้จัดการยิ้มออกมาอย่างมีความสุขก่อนจะจัดเสื้อสูดสมัยพระเจ้าเหาให้เรียบร้อย “คือที่ท่านประธานสั่ง ผมได้ไปหามาเรียบร้อยแล้วครับ”
“อะไรนะ...” เธอหรี่ตาคมเฉียวลงเล็กน้อยอย่างไม่เชื่อหู แล้วปาดสายตามาทางพวกฉัน “อย่าบอกนะว่าเด็กพวกเนี่ย!?!”
“ใช่แล้วครับ ยังไงก็เชิญคุณยุนอาไปหาท่านประธานพร้อมกันเลยไหมครับ” ผู้จัดการคิมยิ้มแก้มแทบปริก่อนจะพายมือเป็นการเชิญให้คุณยุนอาเดินนำ
เธอชักสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดกระแทกแดกดัน
“เด็กพวกนี้...ฮึ แล้วคุณจะเสียใจเพราะพวกเธออยู่ได้ไม่ถึงเดือนหรอก!” แล้วเธอก็จากไปอย่างเริดๆ
โอ๊ยคนเกาหลีพูดกระโชกโฮกฮากกันแบบนี้นี่เอง ตามไม่ทันเลยจริงๆ
“เฮ้ยๆ เมื่อกี้ได้ยินป่ะที่เขาบอกว่าเราจะอยู่ไม่ถึงเดือนอะ แล้วก็แบบ ว๊ายยย”
ช็อกโกล่าที่พูดกระซิบกระซาบยังไม่จบนั้น อยู่ๆก็ถูกร่างหนึ่งชนเข้าอย่างจังจนล้มไปกองกับพื้นแบบหมดรูป ก่อนจะชักสีหน้ามองไปที่ต้นเหตุทำให้พวกฉันมองตาม ก็พบกับผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่ง หน้าตาน่ารัก ผิวขาวเนียน ดวงตากลมโต ผมสีช็อกโกแลตยาวสลวยกับที่คาดผมผ้าลายหวานแหวว ที่บอกได้คำเดียวว่าน่ารักมาก
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ...” เธอเอ่ยถามแล้วยื่นมือให้ช็อกโกล่า
“ไม่เป็นอะไรค่ะ แหะๆ” พูดเสร็จก็ยื่นมือไปจับมือผู้หวังดีแล้วชันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อกลบความอับอายเมื่อสักครู่
“ขอโทษจริงๆนะคะ พอดีว่ามัวแต่รีบเลยไม่ทันระวังตัว”
“ไม่ค่ะไม่เป็นอะไรเลยจริงๆ เอ๊ะ...แต่หน้าตาคุ้นมากเลยค่ะ เราเคยเจอกันรึเปล่าค่ะ” ช็อกโกล่าถาม
เอิ่ม...เพื่อนฉันเสียมารยาทจัง แต่ก็หน้าคุ้นจริงๆอะแหละ
“พี่...” ซูชิเหมือนจะพูดและกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แล้วจู่ๆก็ตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง “พี่แชยองใช่ไหมคะ!”
เขาคือใครหว่า?
“พี่ของจงจุนจริงด้วยๆ” เชอร์เบททักขึ้นก่อนจะเอามือป้องปากไม่ให้ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ ตามด้วยไอซิ่งที่ดีใจเหมือนเจอนางฟ้า
ฉันใช้เวลานึกสักพักก่อนจะร้องอ๋อออกมา เพาะพี่แชยองคือพี่สาวแท้ๆของจงจุน ลีจงจุนมือเบสของวงรีเทิร์น พี่เขาน่ารักและนิสัยดีมากจากที่เคยอ่านทวิตเตอร์ * เธอคอยตอบทวิตแฟนคลับบ้างเล็กน้อย พอมาเจอตัวจริงถึงกับอึ้งเพราะน่ารักที่สุดๆๆ
“ใช่แล้ววว พวกน้องๆคงเป็นคนที่จงจุนเล่าให้ฟังใช่ไหมเนี่ย แล้วจะไปไหนกันรึเปล่าจ๊ะ” พี่แชยองถาม
“อ๋อ ยังไม่รู้เลยค่ะ อยู่ๆผู้จัดการก็หายไปทางไหนไม่รู้ แล้วพวกหนูก็กำลังมึนๆงงๆ ฮ่าๆๆ” ช็อกโกล่าตอบอย่างว่องไว ต่างจากตอนที่อยู่ในห้องแต่งตัวคราวนั้น
“ยังไม่เริ่มงานเหรอ อืมมม...ไปหาพวกจงจุนกัน พี่กำลังจะไปหาอยู่พอดีเลย”
พูดจบก็เดินนำทางไปยังห้องพักที่พวกรีเทิร์นอยู่ ระหว่างทางเดินฉันก็ไม่เจอศิลปินคนไหนเลยทั้งๆที่คิดว่าจะเจอวงอื่นอยู่กันเต็มไปหมดแท้ๆ เศร้ามาก... เอ๊ะแต่เดี๋ยวนะ นี่ฉันก็กำลังจะไปพบกับซุนวูแล้วน่ะสิ ว๊ายๆๆมีความสุขในสามโลกเลยค่ะ แม่เจ้าตัวสั่นไปหมดแล้วฉัน
เมื่อเดินมาถึงห้องๆหนึ่งที่มีป้ายเขียนติดไว้ว่าห้องซ้อม เอ่อ...ถ้าอ่านไม่ผิดอะนะมันน่าจะอ่านแบบนั้น
แอ๊ดดด
พี่แชยองเป็นคนเปิดประตูเข้าไปก่อนจะทักทายอย่างเป็นกันเองกับพวกรีเทิร์น
“สวัสดีจ้าน้องๆ ได้ข่าวว่ากลับมาไทยวันนี้เลยมาหา แล้วก็ไปเจอ...เอ่อเข้ามาสิจ๊ะๆ” พี่แชยองกวักมือเรียกพวกฉันให้เข้าไปข้างใน
ภายให้ห้องที่เย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศกับอุปกรณ์ดนตรีครบคัน ที่พวกเขากำลังซ้อมกันอยู่ ฉันเดินตามเข้าไปข้างในพร้อมทำสีหน้าตะลึงกับเหล่าเครื่องดนตรีที่ดูแพงแสนแพง
ว๊ายย ตัวนั้นที่เทโฮเล่นตอนคอนเสิร์ตที่บูโดกัน
“อุ๊ยๆๆ ไม้กลองจองมินมีตุ๊กตาเขียนไว้ด้วยอ่ะ น่ารักที่สุด”
พวกเราถือวิสาสะกระดี๊กระด๊ากับของต่างๆ ฉันมองกีตาร์ของซุนวู แต่จะให้มองอย่างเดียวมันก็ยังไงๆอยู่ฉันเลยจิ้มจึกๆนิดนึงให้เป็นบุญ
จึกๆ
“ย๊า เธอทำอะไรของเธอน่ะ” เสียงซุนวูดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำเอาฉันสะดุ้งโหยงกระโดดออกมา แต่ก็ไม่ได้ออกมาตัวเปล่าเพราะ
โครม!!!
T^T เพราะฉันดันไปเกี่ยวสายสะพายกีตาร์ติดมาด้วยจนมันกระแทกกับโต๊ะหล่นลงพื้นแล้วก็ลากครูดตามฉันตอนกระโดดมาด้วย แม่เจ้า อยากกลับบ้าน
ขอโทษษษษษษษ
“เฮ้ย!” ทุกคนร้องเสียงหลงรวมถึงฉันด้วย ที่กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
“ฉัน...ขอโทษนะซุนวู” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ไม่รู้จะพูดอะไรดีที่จะทำบรรยากาศให้มันดีขึ้น ฉันมองสภาพกีตาร์แล้วเข่าอ่อนขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะนั่งยองๆแล้วยกมือขอโทษขอโพยน้ำตาเหมือนจะไหลออกมาให้ได้แต่กลั้นไว้ไม่ให้ไหลออกมาจนทำให้เจ็บคอ ฉันเอื้อมมือไปหยิบกีตาร์สีน้ำเงินตัวนั้น...แต่มือใหญ่ไวกว่าคว้ากีตาร์ไปครองแล้วเดินเปิดปะตูห้องออกไป...เขาจากไปทั้งๆที่ไม่พูดว่าอะไรฉันสักคำ ซุนวูฉันขอโทษ
ฉันร้องไห้โฮออกมาทันที เพื่อนๆและพี่แชยองต่างเข้ามาพยุงให้ฉันลุกขึ้น ฉันเห็นลางๆว่าจองมินเฮซองวิ่งตามออกไป เหลือเพียงจงจุนที่มองหน้าฉันแบบแปลกๆ ส่วนเทโฮยิ้มน้อยๆก่อนจะปลอบใจฉันด้วยคำพูดอ่อนโยน
ฮึกๆ ถ้าเลือกได้ฉันอยากรักเทโฮบ้างจัง ฉันรู้สึกแย่จนไม่อยากทำอะไรต่อแล้ว...
ฉันนั่งนิ่งและเงียบมาตลอดทางไปที่พักหลังจากหยุดร้องไห้เป็นการใหญ่ ผู้จัดการคิมที่เข้ามาหลังจากเสร็จธุระก็ทำสีหน้างงๆ พี่แชยองจึงเล่าเรื่องให้ฟัง... ผู้จัดการถึงกับอุทานไม่เป็นภาษาเลยทีเดียวด้วยความตกใจ จนในที่สุดเขาก็พาฉันมาที่พัก พี่แชยองขอตัวกลับ ส่วนรีเทิร์นได้กลับที่พักไปแล้ว
ชีวิตต่อจากนี้ฉัน...จะสู้หน้าซุนวูได้ไหมนะ
รถแล่นเข้ามาถึงตัวตึกที่สูงสิบห้าชั้นเมื่อไรไม่รู้ ช็อกโกล่ากับเชอร์เบทได้แต่ร้องวี๊ดว๊ายด้วยความดีใจ พอลงจากรถฉันก็สังเกตเห็นบรรยากาศรอบข้างที่สดชื่นและอากาศดีมาก เพราะว่าที่เกาหลีอากาศเย็นกว่าเมืองไทยจึงทำให้บรรยากาศดูดีกว่าแต่ถ้าดูโดยรวมก็งั้นๆแหละเชอะ...
ฉันไม่มีแรงจะตื่นเต้นหรืออะไรทั้งนั้น แค่ลากกระเป๋าตามคนอื่นๆไปโดยไร้จิตวิญญาณก็พอแล้ว
“ห้องนี้เลยๆ ส่วนห้องฉันอยู่ข้างล่างนะ” ผู้จัดการคิมที่เดินนำหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง “แล้วห้องข้างๆก็ห้องของรีเทิร์น...”
“ฮะ! กรี๊ดดดดห้องของรีเทิร์นเหรอคะ จริงเหรอลุงๆ กรี๊ดดด” ช็อกโกล่าร้องลั่นกว่าชาวบ้าน
“ลุง? อื้ม...เอาเป็นว่าเรื่องราววันนี้ก็ลืมๆมันไปซะนะ พวกเขาก็นิสัยแบบนี้แหละอย่าไปเอามาใส่ใจเลย”
ผู้จัดการคิมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความจริงเขาก็เหมาะกับลุงอยู่หรอกนะ
พูดจบก็ส่งกุญแจให้กับไอซิ่งที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด แล้วขอตัวกลับห้องไปพักผ่อน ไอซิ่งรีบไขกุญแจเข้าไปในห้องทันทีแต่จังหวะนั้น...
แอ๊ดดด
เสียงประตูห้องข้างๆเปิดออกอย่างช้าๆ ก่อนจะเอาหน้าโผล่ออกมาส่องสายตาไปมาก่อนจะมาหยุดอยู่ที่พวกฉันห้าคน เทโฮเจ้าชายผู้หน้าหลงใหลที่สุดก้าวออกมาจากห้องพร้อมร้อยยิ้มเล็กๆเช่นเคย เทโฮเอื้อมมือไปปิดประตูก่อนจะทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไง ว่าแล้วเชียวว่าต้องพวกเธอ ฉันได้ยินเสียงดังเลยออกมาดู” เทโฮเอ่ยขึ้น
“เอ่อ...ฉันขอโทษจริงๆนะคะ ที่ทำเสียงดังรบกวนพวกคุณ” ไอซิ่งที่เมื่อกี้เข้าไปในห้องได้ครึ่งตัวก็รีบปาดหน้าเข้ามาแทรกอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไร อย่าเรียกคุณเลยเรียกชื่อก็ไม่ฉันไม่ถือ จริงสิๆพวกเธอชื่ออะไรกันเหรอ เจอกันบ่อยแต่ก็ไม่ได้ถามโทษทีนะ”
“ฉะ...”
“เฮ่ เทโฮฉันทนกิ้งก่านายไม่ไหวแล้วนะโว้ยยย”
ยังไม่ทันที่ไอซิ่งจะเอ่ยปากอะไรประตูห้องรีเทิร์นก็เปิดออกพร้อมเฮซองที่ผมเผ้าและสีหน้ายุ่งเหยิง เมื่อเห็นพวกเรา วิหน้าทีนั้นก็ชักสีหน้าใส่ -____-^ แบบนี้
“รีบๆเข้าห้องซะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฮึย!”
ปัง!
ดีมากๆเลยที่เจ้าบ้านต้อนรับแบบนี้ แล้วชีวิตสี่เดือนมันจะมีความสุขหรือไงฟะ ทนไม่ไหวแล้วนะเว้ย
“อ๊า แย่จัง วันนี้ก็ยังไม่รู้จักกันอยู่ดี พอดีฉันฝากเขาอาบน้ำให้เพื่อนฉันนิดๆหน่อยเอง เฮ้อไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ อ๋อ ส่วนนี่เทียนหอมให้พวกเธอ เวลาจุดก่อนนอนมันจะช่วยให้ผ่อนคลายแล้วก็สดชื่นสุดๆเลยล่ะ ที่ไทยก็มีแบบนี้ใช่ป่ะ” ไอซิ่งรีบรับเทียนมาถือไว้สั่นๆก่อนจะพยักหน้าตอบ
“ขอบคุณนะ” เคลิ้มมากเพื่อนฉันทำหน้าเคลิ้มและหื่นมาก
“ไว้เจอกันนะ^^/”
กรี๊ดดดดดดดดดดดน่ารักมากค่ะ
เมื่อพวกเราเข้ามาในห้องก็รู้สึกผ่อนคลายทันที เพราะในห้องนี้มีทุกอย่างพร้อม เพียงแค่ลากกระเป๋าเข้ามาก็อยู่ได้เลย แถมยังกว้างใหญ่มากๆด้วย แฮปปี้สุดชีวิต ฉันรู้สึกเพลียมากจึงขอหลับสักพักหนึ่งที่โซฟานุ่มๆ พวกเพื่อนๆก็พากันจัดข้าวของให้ ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันผ่อนคลายขึ้นเยอะเลยเฮ้อ ฉันหลับตาลงพร้อมกับสมองโล่ง เอ๊ะ กลิ่นอะไรหอมๆเนี่ย ฟืดๆสดชื่นจัง...
หือ?
ไม่รู้ฝันหรืออะไรฉันนอนไปได้นานเท่าไรไม่รู้ รู้แต่ได้กลิ่นอะไรไหม้ๆแทนหอมๆที่ได้กลิ่นก่อนหลับเอ๊ะ...
ฉันลืมตาขึ้น ตอนนั้นเองฉันก็เข้าใจทุกอย่างว่า ไฟไหม้ TOT!!! กรี๊ดดดดด
________________________________________
ความคิดเห็น